The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ป.2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tiwwy__ki-ki, 2022-02-17 03:23:51

สินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ป.2

สินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน ป.2

สิ นค้ าและบริการ
ในชี วิตประจำวัน

ชั้นประถมศึ กษาปี ที่ 2

ทรัพยากรที่ นำมา ทรัพยากร คืออะไร ?
ผลิตสิ นค้ าและบริการ

ทรัพยากร ในทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง
สิ่งต่างๆที่นำมาใช้ผลิตสินค้า และบริการ

แบ่งออกเป็ น 4 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
• แรงงาน
• ที่ดิน
• ทุน

• ผู้ประกอบการ

ทรัพยากรการผลิต

แรงงาน ที่ดิน ทุน ผู้ประกอบการ

สิ นค้า

แรงงาน

คือ ผู้ใช้แรงงาน รวมถึงแรงกายหรือ
ความคิดในการผลิตสิ นค้าและบริการ

ได้รับค่าตอบแทน คือ ค่าจ้าง

ที่ดิน

คือ พื้นที่ใช้สอยเพื่อให้เกิดการผลิต
สินค้าและบริการ เช่น ที่ดินเพื่อการ
เพาะปลูก ที่ดินที่เป็ นที่ตั้งของโรงงาน

ทุน

คือ เครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ และ
สถานที่ที่ใช้ในการผลิต

เรียกอีกชื่อหนึ่ งว่า สินค้าทุน

ผู้ประกอบการ

คือ ผู้ที่นำที่ดิน แรงงาน และทุน
มาดำเนิ นการผลิตสินค้า และบริการ

เรียกง่ายๆว่า เจ้าของ นั่ นเอง

สินค้าที่ใช้ในครอบครัวและโรงเรียน

• สินค้าต่างๆที่เราใช้ในบ้าน เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้
ล้วนต้องใช้ทรัพยากรในการผลิตจำนวนมากและ
ผ่านขั้นตอนการผลิตหลายขั้นตอน
• เราจึงควรใช้สิ่ งของเครื่องใช้อย่างทะนุถนอม
เพื่อให้สามารถใช้ได้นานและเกิดความคุ้มค่ากับ
ทรัพยากรที่ เสี ยไป

สินค้าที่ใช้ในครอบครัวและโรงเรียน

ตัวอย่าง




อุ ปกรณ์ เครื่องใช้ ชุดนั กเรียน
เช่น คอมพิวเตอร์

โต๊ะ โคมไฟ

บริการที่ใช้ในครอบครัวและโรงเรียน

• บริการต่างๆที่เราใช้ เช่น น้ำประปา ไฟฟ้ า
การนั่ งรถไปโรงเรียน
• บริการเหล่านี้ ล้วนผลิตจากทรัพยากรธรรมชาติ
เช่น น้ำ น้ำมัน
• ดังนั้นเราควรใช้อย่างประหยัด และใช้ให้
เกิดประโยชน์ สูงสุด

บริการที่ใช้ในครอบครัวและโรงเรียน

ตัวอย่าง

น้ำประปา บริการรถรับ-ส่งนั กเรียน

ผลของการใช้ทรัพยากร
การผลิตที่หลากหลาย

การใช้ ทรัพยากรที่ หลากหลายมาผลิตสิ นค้าและบริการ
ประเภทต่างๆ ทำให้สินค้าและบริการเกิดความแตก
ต่างกันในหลายๆด้าน เช่น

• ความแตกต่างด้านราคาสินค้า
• ความแตกต่างด้านคุณภาพสินค้า
• ความแตกต่างด้านประโยชน์ ใช้สอย เป็ นต้น

ผลด้านราคาสิ นค้า

สินค้าที่ผลิตจากทรัพยากรที่แตกต่างกัน ทำให้มีราคาที่
แตกต่างกัน เช่น แก้วน้ำที่ผลิตจากสเตนเลสจะมีราคา
แพงกว่าแก้วน้ำที่ผลิตจากกระเบื้อง (เซรามิค)

แก้วน้ำที่ผลิตจากสเตนเลสมีราคาแพงกว่า แต่มีความแข็งแรงกว่าแก้วกระเบื้อง

ผลด้านค่าบริการ

การบริการที่ใช้ทรัพยากรการผลิตที่แตกต่างกัน ทำให้
มีผลต่อค่าบริการ เช่น ค่าบริการรถไฟไทยชั้น 1 (มี
แอร์) จะมีราคาแพงกว่ารถไฟไทยชั้น 3 (มีพัดลม)

ผลด้านคุณภาพของสิ นค้า

สินค้าที่ผลิตจากทรัพยากรที่แตกต่างกัน ทำให้มี
คุณภาพของสินค้าที่แตกต่างกัน เช่น เก้าอี้ที่ผลิต
จากพลาสติกจะแตกหักง่าย ส่วนเก้าอี้ที่ผลิตจากไม้
จะทนทานกว่า

เก้าอี้ไม้ เก้าอี้
พลาสติก

ผลด้านประโยชน์ ใช้สอย

สินค้าบางอย่างแม้จะเป็ นสินค้าประเภทเดียวกันแต่
อาจจะมีประโยชน์ ใช้สอยที่แตกต่างกัน เช่น ดินสอ
กดกับดินสอไม้ ดินสอกดสะดวกในการใช้กว่า
เพราะไม่ต้องใช้กบเหลาดินสอ เป็ นต้น

ดินสอกด ดินสอไม้

ผลด้านสิ่ งแวดล้อม

สินค้าบางอย่าง เช่น กล่องโฟม ถุงพลาสติก ถึงแม้จะมีความ
สะดวกสบายในการใช้งาน แต่กลับสร้างปั ญหาต่อสิ่ งแวดล้อม
เป็ นอย่างมาก ดังนั้ น จึงควรลดการใช้สินค้าเหล่านี้ ลง และหัน
ไปใช้สินค้าอื่นที่ส่งผลต่อสิ่ งแวดล้อมน้ อยกว่า เพื่ออนุรักษ์
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ งแวดล้อม

ใช้แทน กล่องโฟม
ภาชนะที่ทำจากกระดาษ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วต้องทิ้ง ก็ยังส่งผล
เสียต่อสิ่ งแวดล้อมอยู่ดี ดังนั้ นนั กเรียนควรหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่
สามารถใช้ได้นาน และใช้ซ้ำได้เรื่อยๆแทน เช่น

• ถุงผ้า ใช้แทนถุงพลาสติก
• กล่องข้าว/ปิ่ นโต ใช้แทนกล่องโฟม กล่องกระดาษ

การประกอบอาชีพสุจริต
ของครอบครัว

ในการดำรงชีวิตของคนในครอบครัว ต้องมีค่าใช้จ่ายในการ
ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ดังนั้น สมาชิกในครอบครัวจึงต้อง
ประกอบอาชีพเพื่อให้มีรายได้ เพื่อนำมาเป็ นค่าใช้จ่ายต่างๆ



ซึ่งแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน
จึงประกอบอาชีพที่ต่างกัน ทำให้มีรายได้ที่ต่างกันไปด้วย

ตั วอย่าง

คุณพ่อ เป็ นคนถนั ดในการทำอาหาร
คุณพ่อจึงประกอบอาชีพเป็ นพ่อค้าขายอาหาร
และมีรายได้จากการเปิ ดร้านอาหาร

ตั วอย่าง

คุณแม่ เป็ นคนที่เก่งวิชาคณิตศาสตร์ คุณแม่
จึงประกอบอาชีพเป็ นครู และมีรายได้จากการ
เป็ นครู สอนวิชาคณิตศาสตร์

อาชีพสุจริต

คือ อาชีพที่ไม่ผิดกฎหมาย และเป็ นอาชีพที่ไม่สร้างความ
เดือดร้อนให้กับผู้อื่น อาชีพที่สุจริตจึงเป็ นแหล่งที่มาของ
รายได้ที่สุจริต มีเกียรติ ก่อให้เกิดผลดีต่อตัวเองและ
ครอบครัว เป็ นการแสวงหารายได้ที่สุจริตและเหมาะสม

ตัวอย่าง ค้ายาเสพติด
อาชีพทุจริต นั กพนั น

(อาชีพผิดกฎหมาย)

โจร

รายได้และรายจ่าย

รายได้ รายจ่าย

รายได้ และรายจ่ ายของครอบครัว

รายได้ของครอบครัว หมายถึง ค่าตอบแทนที่ได้รับจาก
การทำงานของทุกคนในครอบครัวมารวมกัน
ซึ่งเป็ นเงินที่แต่ละครอบครัวนำมาใช้จ่ายในการดำเนิ นชีวิต

รายได้ ของครอบครัว • เป็ นรายได้คงที่เท่ากันทุกเดือน
หรือเรียกว่าเงินเดือน
รายได้ประจำ
อาชีพที่มีรายได้ประจำ เช่น
พนั กงานโรงงาน

พนั กงานบริษัท

ข้าราชการต่างๆ

รายได้ ของครอบครัว • เป็ นรายได้ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับ
ปริมาณผลผลิตและการบริการ
รายได้จากการผลิต
สินค้าและบริการ อาชีพที่มีรายได้จากการผลิต
สินค้าและบริการ เช่น
ชาวนา ชาวสวน

พ่อค้า แม่ค้า

อาชีพรับจ้างทั่วไป

รายได้ ของครอบครัว • เป็ นรายได้ที่ได้รับนอกเหนื อ
จากรายได้ประจำ
รายได้เสริม
อาชีพเสริม เช่น
ขายของออนไลน์

รับจ้างสอนพิเศษ

ยูทูบเบอร์

รายจ่ ายของครอบครัว

รายจ่ายของครอบครัว หมายถึง เงินที่นำไปซื้อสินค้าและบริการต่างๆ
ในการดำรงชีวิต เช่น อาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และเป็ นค่าใช้จ่ายต่างๆ
เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้ า ค่าโทรศั พท์ ค่าอินเทอร์เน็ ต ค่าเดินทาง หรือ
ค่าเล่าเรียนของลูก เป็ นต้น

รายจ่ายของแต่ละครอบครัว จะมากหรือน้ อยขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกใน
ครอบครัวและการรู้จักใช้จ่ายเงิน

รายรับและรายจ่ ายของตนเอง

รายรับ : ได้มาจากพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ให้ค่าขนม
หรือได้จากการหารายได้พิเศษ
รายจ่าย : เงินที่นั กเรียนใช้จ่ายในแต่ละวัน เช่น
ซื้ออุปกรณ์การเรียน ซื้อขนม ซื้ออาหาร

ตัวอย่างรายรับ-รายจ่าย รายรับ

ผมชื่อทอย ได้เงินจากแม่ไปโรงเรียน 40 บาท
ผมมีรายรับ-รายจ่าย
รายจ่าย
ดังนี้
ซื้อโจ๊ก 20 บาท
ซื้อน้ำเปล่า 5 บาท
ซื้อดินสอ 5

คงเหลือ

10 บาท

รายรับและรายจ่ ายที่ เหมาะสมและไม่เหมาะสม

รายรับที่เหมาะสม รายรับที่ไม่เหมาะสม

เป็ นรายรับหรือรายได้ที่ได้รับมาโดย เป็ นรายรับหรือรายได้ที่ได้รับมาโดย
สุจริต ไม่ผิดกฎหมายและศี ลธรรม ไม่สุจริต ผิดกฎหมายและศี ลธรรม

• เงินที่ผู้ปกครองให้เราไปโรงเรียน • เงินที่ได้จากการลักขโมย
• เงินที่ญาติผู้ใหญ่ให้ • เงินที่ได้จากการพนั น
• เงินที่ได้จากการทำงานพิเศษ หรือ • เงินที่ได้จากการทำงานที่ไม่สุจริต
รางวัลจากการประกวด

รายรับและรายจ่ ายที่ เหมาะสมและไม่เหมาะสม

รายจ่ายที่เหมาะสม รายจ่ายที่ไม่เหมาะสม

เป็ นรายจ่ายที่จำเป็ นต่อการดำรงชีวิต เป็ นรายจ่ายที่ไม่จำเป็ นต่อการดำรงชีวิต

• ค่าอาหาร • ซื้อของเล่นราคาแพงมาเล่น
• ค่าอุปกรณ์การเรียน • ซื้ออาหารที่ไม่มีประโยชน์ ต่อ
ร่างกายมารับประทาน เช่น น้ำอัดลม
• ค่ารักษาพยาบาล ลูกอม ขนมขบเคี้ยว
• ค่ารถโดยสารประจำทาง

ผลดี ของการใช้ จ่ ายที่ เหมาะสมกั บรายได้

การใช้จ่ายที่เหมาะสม เป็ นการใช้จ่ายในสิ่ งที่จำเป็ นต่อการดำรงชีวิต
เช่น จ่ายค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ทางการศึ กษา ค่ารักษาพยาบาล เป็ นต้น

เราควรรู้จักใช้จ่ายให้เหมาะสมกับรายรับ ไม่ใช้จ่ายให้มากกว่ารายรับ
เพราะจะทำให้เกิดหนี้ สินและเกิดปั ญหาภายในครอบครัวตามมา

ก า ร อ อ ม เ งิ น

การออมเงิน หมายถึง การนำเงินที่แบ่งเก็บไว้ก่อน
นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาสะสมไว้เพื่อใช้ประโยชน์
ในวันข้างหน้ าหรือในยามจำเป็ น

วิธี ออมเงิน

ในวัยของนั กเรียนสามารถออมเงินอย่างง่ายๆ ได้ ดังนี้

• ออมเงินจากค่าขนมรายวัน โดยแบ่งเงินส่วนหนึ่ งไว้เก็บออมทุกวัน
• ใช้จ่ายเงินอย่างประหยัด รู้คุณค่าว่าสิ่ งใดควรซื้อและสิ่ งใดไม่ควรซื้อ
จะทำให้เราประหยัดและมีเงินเก็บมากขึ้น
• นำเงินออมที่หยอดกระปุกออมสินไปเปิ ดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคาร
จะทำให้เกิดความปลอดภัยและได้รับดอกเบี้ยเป็ นเงินตอบแทน

ประโยชน์ ของการออมเงิน

การที่เรารู้จักใช้จ่ายเป็ นสิ่ งสำคัญที่ช่วยให้เรามีเงินออมและช่วยฝึ กให้เรา
มีคุณธรรม ดังนี้

• ฝึ กให้เราเป็ นคนประหยัด รู้จักใช้จ่ายตามความจำเป็ น
• ฝึ กให้เรารู้จักวางแผนการใช้จ่ายของตนเอง
• ฝึ กให้เราเป็ นคนมีระเบียบวินั ยในตนเอง
• ฝึ กให้เราเป็ นคนมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง

ไม่นำเงินออมมาใช้โดยไม่จำเป็ น

การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

สินค้า บริการ

สิ นค้ าและบริการ

สินค้าและบริการ หมายถึง สิ่ งต่างๆ ที่สามารถตอบสนอง
ความต้องการและมีประโยชน์ ต่อการดำรงชีวิต แต่เราไม่
สามารถผลิตสินค้าและบริการใช้เองได้ทุกอย่าง จึงมีการแลก
เปลี่ียนสิ นค้าและบริการเกิดขึ้น

การแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ หมายถึง การนำสินค้า
หรือบริการอย่างหนึ่ งไปแลกสินค้าและบริการอีกอย่างหนึ่ ง
เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตนเอง

การแลกเปลี่ ยนสิ นค้ าและบริการ
โดยไม่ใช้ เงินเป็ นสื่ อกลาง

เป็ นการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการระดับครัวเรือน
ในสมัยก่อนถ้าผลิตอะไรมา หากเหลือใช้ก็จะนำ
ผลผลิตไปแลกเปลี่ยนกัน เช่น ปฐวีร์ปลูกผักกาด
เมื่อเก็บผลผลิตแล้วเหลือใช้ก็นำผักกาดไปขอแลก
เปลี่ยนสินค้ากับแววดาวที่ทำฟาร์มไข่ไก่ หรือในด้าน
บริการเมื่อมีการทำนา ปฐวีร์ไปช่วยแววดาวทำนา
พอถึงเวลาที่ปฐวีร์ทำนาแววดาวก็จะมาช่วยปฐวีร์

การแลกเปลี่ ยนสิ นค้ าและบริการ
โดยใช้ เงินเป็ นสื่ อกลาง

การใช้เงินเป็ นสื่ อกลางในการซื้อขาย
แลกเปลี่ยน ทำให้เกิดความสะดวก
มากกว่าการนำผลผลิตมาแลกเปลี่ยนกัน
แบบดั้งเดิม

การนำเงินไปแลกกับสิ นค้าหรือบริการ
เรียกว่า การซื้อ

การนำสิ นค้าและบริการไปแลกกับเงิน
เรียกว่า การขาย


Click to View FlipBook Version