The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kamonwan09015, 2021-09-26 11:37:56

รายงาน

อาญาebook 2

รายงาน

เรอื่ ง ตอ่ สขู้ ัดขวางเจ้าพนักงาน
และข่มขืนเจ้าพนักงานใหป้ ฏิบตั ิหนา้ ท่โี ดยมิชอบฯ

(มาตรา138และมาตรา139)

จัดทาโดย
631081005 นางสาวกมลวรรณ ชานาญสทิ ธ์ิ

เสนอ
อาจารย์วิรตั น์ นาทิพเวทย์

รายวิชากฎหมายอาญา2 ภาคความผิด
ภาคเรยี นที่1 ปีการศกึ ษา2564

หลักสตู ร1(ว.สงขลา)นติ ฯิ 4ปีปกติ ม.6

บทท1่ี โครงสรา้ งการรับผดิ

มาตรา138 ต่อสู้ขดั ขวางเจ้าพนังงาน
มาตรา 138 ผใู้ ดต่อสู้ หรอื ขัดขวางเจา้ พนักงานหรือผซู้ ง่ึ ต้องช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏิบตั ิการ
ตามหนา้ ท่ี ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหน่งึ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหม่ืนบาท หรอื ทงั้ จาท้ังปรบั
วรรคสอง ถา้ การตอ่ สู้หรอื ขัดขวางน้นั ไดก้ ระทาโดยใช้กาลังประทุษรา้ ยหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กาลงั ประทุษร้าย
ผูก้ ระทาต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสี่หม่ืนบาท หรือทงั้ จาทง้ั ปรบั
องคป์ ระกอบของความผิด
วรรค1
1.ผู้ใด
2.ตอ่ สู้หรือขัดขวาง
3.เจา้ พนักงานหรือผู้ซงึ่ ต้องชว่ ยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าท่ี
4. ต้องระวางโทษ...
วรรค2 เปน็ เหตใุ ห้เพิ่มโทษหนกั ขึน้
1.ถา้ การกระทาตามวรรคหนึ่ง
2. ได้กระทาโดยใชก้ าลงั ประทษุ ร้าย
3.หรอื ขเู่ ข็ญวา่ จะใช้กาลงั ประทษุ รา้ ย
4. ตอ้ งระวางโทษ...

องค์ประกอบภายใน
1.กระทาโดยเจตนา
-การกระทาในมาตรานผ้ี ู้กระทามกี าร คิด ตกลงใจ และได้กระทาตามท่ีตกลงใจแลว้
ถอื ไดว้ า่ =ผกู้ ระทากระทาโดยเจตนา
2.เจตนาตามความเปน็ จรงิ (เจตนาธรรมดา)
2.1ผกู้ ระทาได้กระทาโดยรู้สานึกในการท่ีกระทาต้องร้ขู ้อเท็จจริงอันเปน็ องคป์ ระกอบความผิดและใน
ขณะเดียวกันผ้กู ระทาประสงคต์ ่อผล หรือย่อมเลง็ เหน็ ผลของการกระทาน้ันตามมาตรา59วรรค2
=กระทาโดยเจตนา
3.ผู้กระทาต้องรู้ข้อเท็จจรงิ อนั เป็นองคป์ ระกอบของความผิด หากไม่รู้
= ไม่มีเจตนา
หลกั เกณฑพ์ ิจารณา
1.มีการกระทาท่รี ู้สานึก(รูข้ ้อเทจ็ จรงิ อนั เป็นองค์ประกอบของความผิด)
2.ผู้กระทาประสงคต์ ่อผลหรือย่อมเล็งเห็นผล
-ประสงค์ต่อผล เจตนาโดยตรง ตอ้ งการใหผ้ ลเกิดขนึ้ ตามเจตนา
-เล็งเห็นผล เจตนาโดยอ้อม เปน็ เจตนาท่ีผู้กระทาคาดหมายไดว้ ่าผลดังกลา่ วจะเกิดขนึ้ ได้
องคป์ ระกอบภายนอก
-ผใู้ ด(ผ้กู ระทา) บุคคลที่มีการกระทาความผิด
-การกระทา ต่อสู้หรือขัดขวาง
-วัตถแุ ห่งการกระทา เจ้าพนักงานหรอื ผซู้ ง่ึ ตอ้ งชว่ ยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัตกิ ารตามหนา้ ท่ี

วรรค1
1.การต่อสู้
เป็นการใช้กาลังขัดขืนเจา้ พนักงานหรือโตแ้ ย้งการปฏิบัตหิ นา้ ท่ีของเจา้ พนักงาน เชน่ ใช้มอื ผลักหรอื ใช้ตัวดนั
เจา้ พนกั งาน(ฎีกาที3่ 850/2543)
2.การขดั ขวาง

ทาใหเ้ กิดอุปสรรค ความยากลาบากในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องเจ้าพนกั งาน
3.การต่อสู้ขัดขวาง
-ต้องเปน็ การกระทาที่แสดงออกมา
-การละเวน้ ไม่กระทาไม่ถือเป็นความผดิ
-มีการใช้กาลังทางกายภาพกระทาต่อการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องเจ้าพนักงาน
(ความคิดเหน็ ของ อาจารย์ดิศรณ์ ลขิ ิตวิทยาวุฒ อาจารยป์ ระจามหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์)
-การนงิ่ เฉย ไม่ถือเปน็ การต่อสู้ขัดขวางเพราะไมม่ ีการกระทาแสดงใหเ้ ห็น
3.1 ข้อสงั เกต
เข้าเหตฉุ กรรจต์ ามวรรค2เสมอ
3.2 ความแตกตา่ งการตอ่ สขู้ ัดขวางในไทย และ ต่างประเทศ
ปัจจุบนั ประมวลกฎหมายอาญาของไทยยังไม่มกี ารกาหนดการกระทาเปน็ การตอ่ สู้ขัดขวางเจา้ พนักงานใหเ้ ปน็
ความผิดไวเ้ ป็นการเฉพาะอย่างเช่น สหพันธส์ าธารณรัฐเยอรมนี ประมวลกฎหมายอาญามาตรา113 บัญญตั ิ
การกระทาต่อสูข้ ัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหนา้ ที่ไว้อย่างกว้างขวาง ซ่งึ บัญญัตใิ หผ้ ้ทู ี่ใช้กาลัง ข่มขูว่ ่าจะใช้
กาลงั ชักจงู ใหม้ ีการต่อต้าน หรือการกระทา การจ่โู จมอยา่ งรนุ แรงตอ่ เจา้ พนกั งานของรฐั ซง่ึ รับผดิ ชอบในการ
บงั คบั ใชก้ ฎหมาย ประเทศออสเตรเลีย ประมวลกฎหมายอาญา (Crimes Act 1914) มาตรา 42

(Conspiracy to defeat justice) บัญญัตใิ ห้“ผทู้ สี่ มรู้รว่ มคดิ กับผู้อื่นในการขดั ขวางกีดกนั ความยตุ ธิ รรมท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั อานาจศาล จะมีความผดิ ฐานสมรรู้ ว่ มคดิ ด้วย

4.เจา้ พนักงาน
-บุคคลซึง่ กฎหมายบัญญัติวา่ เป็นเจา้ พนักงาน
-ได้รับการแต่งต้ังตามกฎหมายใหป้ ฏิบตั ิหน้าทีต่ ามราชการ
-ไมว่ า่ จะเปน็ ครงั้ คราว หรือไม่วา่ จะไดร้ บั ค่าตอบแทนหรือไม่
(มาตรา1(16))
5.ผ้ซู ึ่งต้องช่วยเจา้ พนกั งานตามกฎหมายในการปฏบิ ตั ิการตามหน้าที่
5.1บุคคลท่กี ฎหมายกาหนดใหช้ ว่ ยเหลือ
-เปน็ บุคคลทีก่ ฎหมายบัญญัติให้อานาจเป็นการโดยเฉพาะใหเ้ ขา้ ช่วยเหลอื เจ้าพนักงาน เช่น ผู้ใหญ่บา้ น กานัน
การปฏบิ ัตหิ น้าท่ี
-ถา้ ผู้ชว่ ยพนกั งานเจา้ หน้าท่ีปฏิบัติมิชอบดว้ ยกฎหมาย มาตรา138 ก็มิได้ให้ความคุ้มครอง เชน่ ทะเลากนั เรอ่ื ง
ส่วนตัว เขา้ คน้ บา้ นเรอื นประชาชนโดยไมม่ ีหมาย แม้ประชาชนจะขัดขวางแต่ประชานก็ไม่มคี วามผดิ ฐาน
ขดั ขวางการทางานของผูช้ ว่ ยเจ้าพนกั งาน
-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของ ศาตราจารย์จติ ตฯิ อธิบายวา่ ผู้ทเี่ ข้าชว่ ยดังกลา่ วอยใู่ น
ความหมายของผู้ซ่งึ ต้องชว่ ยเจา้ พนักงานตามทก่ี ฎหมายใหเ้ จา้ พนักงานเรียกร้องได้
5.2กรณีราษฎรสมัครใจเข้าชว่ ยเหลือ
-มูลนธิ ิ อาสาสมัครท่วั ไป ประชาชนพบเหน็ เหตุการณ์ สมัครใจเขา้ ช่วย
-ไม่ถือเป็นผู้ชว่ ยเจ้าพนักงานเพราะกฎหมายไม่ได้ให้อานาจไว้
แตต่ ามมาตรา289(3) ไม่จาเป็นตอ้ งมีกฎหมายบญั ญัติไว้ผู้ที่ช่วยเหลือด้วยความสมคั รใจ กถ็ ือเปน็ ผ้ชู ว่ ยเหลือ
เจ้าพนกั งาน

วรรค2 เหตฉุ กรรจ์
-เปน็ เหตุให้ผกู้ ระทาต้องรับโทษหนกั ขึน้ ตามมาตรา63
-ถ้าการกระทาตามวรรคหน่ึงกระทาโดย
1.ใช้กาลงั ประทุษรา้ ย
-เป็นการทาอนั ตรายแกก่ ายหรือจติ ใจของบุคคลตอ้ งเป็นการกระทาตอ่ เน้ือตัว รา่ งกาย หรอื จติ ใจของบุคคล
เทา่ นั้น เช่น การชกตอ่ ย
- ไมว่ ่าจะทาดว้ ยแรงกายภาพ หรือ ด้วยวธิ ีอืน่ ใด เช่น บีบคอ ใช้อาวุธ
-การกระทาใดๆ ซ่ึงเปน็ เหตใุ ห้ บุคคลหน่งึ บุคคลใด อยู่ในภาวะท่ี ไมส่ ามารถขดั ขนื ได้ เชน่ จบั ตัวไม่ใหด้ นิ้
2.ขเู่ ข็ญวา่ จะใชก้ าลังประทุษร้าย
-เปน็ การขเู่ ข็ญวา่ จะกระทาอันตรายกายหรอื จิตใจ
-ไม่รวมถงึ การขูเ่ ข็ญวา่ จะทาอันตรายแกท่ รัพย์สนิ หรือเสรภี าพ
3.ความรบั ผิดของมาตราน้ี
-เปน็ ความผิดทไ่ี ม่ตอ้ งการผล
-กล่าวคอื แม้ต่อสู้ขดั ขวางแล้วแต่เจา้ พนักงานยังคงปฏิบตั ติ ามหนา้ ท่ีได้
=ความผดิ สาเร็จ

มาตรา139
ผ้ใู ดขม่ ขนื ใจเจา้ พนักงานให้ปฏบิ ตั ิการอนั มิชอบดว้ ยหน้าท่ี หรอื ให้ละเว้นการปฏบิ ตั ิการตามหน้าทีโ่ ดยใชก้ าลงั
ประทษุ รา้ ย หรือขเู่ ข็ญว่าจะใช้กาลังประทุษรา้ ย ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกนิ ส่ปี ี หรอื ปรับไมเ่ กนิ แปดหม่นื บาท
หรือทง้ั จาทั้งปรบั

องคป์ ระกอบของความผิด
1.ผู้ใด
2.ข่มขนื ใจ
3.เจา้ พนกั งาน
4.ใหป้ ฏบิ ตั ิการอนั มิชอบดว้ ยหน้าท่ี หรือใหล้ ะเว้นการปฏบิ ตั กิ ารตามหนา้ ที่
5.โดยใชก้ าลังประทุษรา้ ย หรอื ขู่เข็ญวา่ จะใช้กาลงั ประทษุ ร้าย
6.ต้องระวางโทษ…
องค์ประกอบภายใน
1.กระทาโดยเจตนา
-การกระทาในมาตรานผ้ี กู้ ระทามีการ คดิ ตกลงใจ และได้กระทาตามที่ตกลงใจแลว้
ถอื ไดว้ ่า=ผกู้ ระทากระทาโดยเจตนา
2.เจตนาตามความเป็นจริง(เจตนาธรรมดา)
2.1ผกู้ ระทาได้กระทาโดยรู้สานกึ ในการทีก่ ระทาต้องรู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดและใน
ขณะเดียวกนั ผ้กู ระทาประสงค์ต่อผล หรอื ย่อมเลง็ เหน็ ผลของการกระทานนั้ ตามมาตรา59วรรค2
=กระทาโดยเจตนา

หลกั เกณฑ์พิจารณา
1.มีการกระทาทีร่ ูส้ านกึ (ร้ขู ้อเทจ็ จรงิ อนั เป็นองค์ประกอบของความผดิ )
2.ผู้กระทาประสงคต์ ่อผลหรือย่อมเล็งเหน็ ผล
-ประสงคต์ ่อผล เจตนาโดยตรง ตอ้ งการใหผ้ ลเกิดขน้ึ ตามเจตนา
-เล็งเหน็ ผล เจตนาโดยอ้อม เปน็ เจตนาท่ผี ้กู ระทาคาดหมายไดว้ า่ ผลดังกล่าวจะเกดิ ขึน้ ได้
องค์ประกอบภายนอก
-ผใู้ ด(ผู้กระทา) บุคคลท่ีมีการกระทาความผดิ
-การกระทา ข่มขนื ใจ
-วตั ถุแห่งการกระทา .เจา้ พนักงาน
1.ข่มขืนใจ
-บังคบั ใจอนั มีผลทาให้เจ้าพนักงานต้องตดั สนิ ใจปฎิบตั ิหรอื ละเวน้ การปฏิบัตติ ามหน้าท่ี
-เพราะความกลวั ตกลงใจกระทาดว้ ยตนเอง
-การบังคับแกก่ ายย่อมไม่ใช่การกระทาของเจา้ พนกั งาน
-ข่มขืนใจในมาตราน้ีมีความหมายแคบกว่าข่มขนื ใจบคุ คลทั่วไปเพราะเปน็ การบังคบั ให้พนกั งานกระทาการอนั
มชิ อบโดยหน้าท่ี
หนา้ ที่ของเจ้าพนักงาน
2.ใหป้ ฏบิ ตั กิ ารอันมชิ อบดว้ ยหน้าท่ี หรือใหล้ ะเว้นการปฏิบตั ิการตามหนา้ ท่ี
2.1หนา้ ที่ของเจ้าพนักงาน
-เป็นหน้าทีท่ ต่ี ้องทาตาม กฎหมาย กฎระเบยี บต่างๆ แบบแผน ข้อบังคับ แบบแผน คาสั่งของทางราชการ
-เจ้าหน้าที่ตอ้ งปฏบิ ัติหรือละเวน้

-ถ้าปฏบิ ัตผิ ดิ ไปจากหน้าทที ่ีกาหนดไว้ ถอื ว่ามชิ อบด้วยหนา้ ที่
-เมอ่ื สามารถบังคับใหเ้ จ้าพนักงานปฏบิ ตั ิการอันมิชอบด้วยหนา้ ท่ีหรือใหล้ ะเว้นการปฏิบตั ิการตามหนา้ ที่
=ความผิดสาเร็จ
-หากพนักงานไมย่ ินยอมปฎบิ ตั ิตามขณะที่ถูกขม่ ขืนใจ ถือเป็นการพยายามกระทาความผิด ตามมาตรา80
-การปฏบิ ัติการอันมชิ อบด้วยหนา้ ที่หรือใหล้ ะเวน้ การปฏิบัตกิ ารตามหน้าที่ เชน่ นายเอ บงั คับให้นายโทตารวจ
ซ่งึ เป็นเจา้ พนักงาน คนื ปืนให้ ถอื เปน็ การบงั คบั ให้นายโทตารวจปฏบิ ัตกิ ารอนั มชิ อบด้วยหนา้ ทีห่ รอื ใหล้ ะเวน้
การปฏิบัตกิ ารตามหน้าที่

3. โดยใชก้ าลังประทุษร้าย หรือขเู่ ข็ญว่าจะใช้กาลังประทุษรา้ ย
3.1 ใช้กาลังประทุษร้าย

-ไม่จาเป็นต้องถงึ กับเป็นอนั ตรายแกก่ าย เมอื่ พนักงานสอบสวนไม่ยอมส่งั อนญุ าตให้จาเลยประกันตวั ผตู้ อ้ งหา
เพราะผดิ ระเบียบ จาเลยขู่วา่ ถ้าไม่ใหป้ ระกนั จะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝงั ศพเสยี การกระทาของ
จาเลยเปน็ การข่มขืนใจ ขเู่ ข็ญ เจา้ พนกั งานใหถ้ ึงแก่ชีวิตด้วยการใชก้ าลงั ประทษุ ร้ายตามความหมายของ
ถอ้ ยคามี ถือว่ามคี วามผดิ ตามมาตรา139 คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 920/2508
3.2 ขเู่ ข็ญว่าจะใช้กาลังประทุษร้าย
-เป็นการข่มขืนใจ ตารวจจะเขา้ จับกุมเจา้ ของรถเขน็ ข้อหาไม่เสียภาษีและกีดขวางทางจราจร จาเลยพูดวา่ “ถา้
จับมีเรอ่ื งแน่”ถือเปน็ การขม่ ขืนใจเจ้าพนักงาน คาพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1266/2530
-การทจ่ี าเลยพดู ขเู่ ขญ็ จะฆ่าผู้เสียหายซง่ึ เป็นเจ้าพนักงานป่าไม้หากไมป่ ล่อยไมท้ ่ยี ดึ เปน็ การข่มขืนใจผู้เสยี หาย
ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานใหป้ ฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าท่หี รอื ให้ละเว้นการปฏบิ ตั กิ ารตามหน้าที่ แตเ่ จ้าหนา้ ที่มิได้
ปฏิบัตติ ามหรอื เกรงกลวั ไม่ เปน็ การกระทาไปโดยไม่ตลอดจึงผิดฐานพยายามตาม มาตรา 139ประกอบมาตรา
80
-หากเจา้ พนักงานปฏิบัตนิ อกหน้าท่ีผ้ขู ่มขนื ใจก็ไมผ่ ิดมาตราน้ี

4.ความรับผดิ ของมาตรานี้

-ร้ายแรงกว่าความผดิ ตามมาตรา138

-เพราะเปน็ ความผดิ ต้องเกดิ ตามผลท่ีบังคับ

-เปน็ ความผิดตอ้ งการผล

บทท่ี2คาพิพากษาฎกี า

มาตรา138

คาพิพากษาศาลฎกี าที่ 52/2523

เจา้ พนักงานตารวจไล่จบั ญาติของจาเลยซ่ึงเป็นผู้ตอ้ งหาในข้อหาฆา่ คนตายจาเลยที่ 1 กอดเอวเจา้ พนักงาน
ตารวจคนหนึง่ จาเลยที่ 2 ดงึ เสอ้ื เจา้ พนักงานตารวจอีกคนหน่งึ ไว้ เพื่อมใิ หเ้ จา้ พนักงานจับกุมผู้ตอ้ งหาการที่
จาเลยท่ี 1 กอดเอวและจาเลยที่ 2 ดึงเส้ือนน้ั เปน็ การใช้แรงกายกระทาต่อกายของเจา้ พนกั งานตารวจ ถอื ได้วา่
เปน็ การใชก้ าลงั ประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(6) เพอื่ ตอ่ สู้ขัดขวางเจา้ พนักงานเป็น
ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 วรรค 2

วิเคราะหฎ์ ีกา

จะเห็นได้วา่ การที่เจา้ พนักงานตารวจไลจ่ บั ญาตขิ องจาเลยซึ่งเป็นผตู้ ้องหาในข้อหาฆ่าคนตายเป็น
การปฏิบัติหน้าทขี องเจา้ พนกั งานทกี่ ฎหมายให้อานาจซึ่งเจ้าหนา้ ที่ต้องปฏบิ ัติการทจี่ าเลยที่ 1 กอดเอวเจา้
พนักงานตารวจคนหน่งึ และการทจ่ี าเลยท่ี 2 ดึงเสอื้ เจ้าพนกั งานตารวจอกี คนหน่งึ ไว้ เป็นการกระทาโดย
เจตนาประสงคต์ ่อผลทีจ่ ะขดั ขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทาใหเ้ กิดอุปสรรค ความยากลาบากในการ
ปฏบิ ัตหิ น้าที่ของเจา้ พนักงานตามมาตรา 138 วรรคหนงึ่ การกอดเอวและการดึงเส้ือของจาเลยท่1ี และ
จาเลยท่ี2 ต่อพนักงานเจา้ หน้าทน่ี น้ั เปน็ การใช้แรงกายกระทาตอ่ กายของเจา้ พนักงานตารวจถือไดว้ า่ เปน็ การ
ใชก้ าลงั ประทุษร้ายเพื่อต่อสู้ขัดขวางเจา้ พนักงาน เป็นกระทาท่ีครบทัง้ องค์ประกอบภายในและองคป์ ระกอบ
ภายนอกดังน้นั จาเลยท้ัง2 จึงตอ้ งรบั ผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนกั งานตามมาตรา 138วรรคสอง ประกอบ
มาตรา138 วรรคหน่งึ

มาตรา139

คาพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 920/2508

เมือ่ พนกั งานสอบสวนไมย่ อมสั่งอนุญาตใหจ้ าเลยประกนั ตัวผตู้ ้องหาเพราะผิดระเบยี บ จาเลยพูดขู่เขญ็
ว่าถ้าไมส่ ั่งให้ประกนั จาเลยจะจดั การใหพ้ นักงานสอบสวนถูกย้ายไปท่อี ื่น เชน่ ทเ่ี คยกระทาได้ผลมาแลว้ แกผ่ ู้
บังคับกองคนหนึ่ง แต่โดยท่ีเร่ืองยา้ ยไม่แน่ถ้าไมใ่ หป้ ระกันจะตอ้ งเอาพนักงานสอบสวนลงหลมุ ฝังศพเสยี เชน่ น้ี
การกระทาของจาเลยเป็นการขม่ ขนื ใจ ขูเ่ ข็ญ เจ้าพนักงานใหถ้ ึงแกช่ ีวิตด้วยการใช้กาลังประทุษร้ายตาม
ความหมายของถอ้ ยคาเพ่ือให้เจ้าพนกั งานปฏิบัติการสงั่ ประกันเสยี เอง อันมชิ อบดว้ ยหน้าท่กี ารกระทาของ
จาเลยเปน็ ผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139

วเิ คราะหฎ์ ีกา

การทพี่ นักงานสอบสวนไม่ยอมส่งั อนุญาตใหจ้ าเลยประกนั ตัวผู้ตอ้ งหาเพราะผดิ ระเบยี บเปน็ การ
ปฏิบัติหนา้ ทท่ี ก่ี ฎหมายใหอ้ านาจแก่เจ้าพนกั งานซ่ึงต้องปฏบิ ัตกิ ารทีจ่ าเลยพดู ข่เู ขญ็ วา่ วา่ ถา้ ไม่สงั่ ให้ประกัน
จาเลยจะจดั การให้พนักงานสอบสวนถกู ยา้ ยไปที่อืน่ เชน่ ที่เคยกระทาได้ผลมาแล้วแก่ผบู้ งั คับกองคนหน่ึง
เปน็ การบังคับใจอนั มผี ลทาให้เจ้าพนกั งานตอ้ งละเวน้ การปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ที่ถือเปน็ การข่มขนื ใจเจ้าพนักงาน
ต่อมาการท่ีจาเลยพูดต่อไปว่าแตโ่ ดยท่เี ร่ืองยา้ ยไม่แน่ถา้ ไม่ให้ประกันจะต้องเอาพนักงานสอบสวนลงหลุมฝัง
ศพเสยี เปน็ การทจี่ าเลย ขู่เข็ญวา่ จะใช้กาลังประทุษรา้ ยแกก่ ายโดยมีความหมายตามถ้อยคาท่จี าเลยได้
กล่าวออกมา ต่อเจ้าพนักงานให้ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ีมิชอบโดยกฎหมายในการใหจ้ าเลยประกันตวั ผู้ต้องหา การท่ี
จาเลยกระทามเี จตนาประสงค์ต่อผลใหเ้ จ้าพนักงานปฏบิ ตั ิมชิ อบโดยหนา้ ที่ เปน็ การที่ครบทง้ั องคป์ ระกอบ
ภายในและองคป์ ะกอบภายนอกดังน้นั จาเลยเป็นผิดฐานข่มขินใจเจา้ พนักงานใหป้ ฏิบัตหิ นา้ ทโ่ี ดยมิชอบตา
มาตรา 139

บทที่3 สรุปเนอื้ หา
มาตรา138
จะเห็นไดว้ ่าในมาตรา138น้ันเปน็ การบัญญตั ิคุ้มครองเจ้าพนักงานในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทซ่ี ึ่งเม่อื ผใู้ ดได้กระทา
ความผิดการต่อสขู้ ัดขวางทาใหเ้ กิดอปุ สรรคต่อการปฏิบัตหิ นา้ ทขี่ องเจา้ พนักงานตามมาตราดงั กล่าวแล้ว ไม่ได้
คานงึ ถงึ ผลวา่ เจา้ พนักงานจะกลวั หรือไม่ แต่ให้พิจารณาว่าหากเกิดกระทาความผดิ ดังกล่าวตอ่ เจา้ พนักงานแล้ว
ใหถ้ อื วา่ ความผิดนน้ั ย่อมเกิดขึ้นได้ทันที

มาตรา139
เป็นการการบญั ญตั ิคุ้มครองเจา้ พนักงานในการปฏิบัติหน้าท่ีเชน่ เดียวกับมาตรา138เป็นการขม่ ขู่ใหเ้ จ้า
พนกั งานละเว้นการปฏิบัตหิ น้าที่หรอื ปฏบิ ตั หิ นา้ ที่โดยมิชอบแต่การรับผดิ ของผูก้ ระทามีความแตกตา่ งจาก
มาตรา138 กลา่ วคอื ถ้าเจา้ พนกั งานไมก่ ลวั ถือได้วา่ ผู้นั้นไม่มีความผดิ แต่ถ้าการกระทานั้นทาให้เจา้ พนักเกิด
ความกลัวแลว้ ต้องละเว้นหรือปฏิบัตโิ ดยมชิ อบ ความผิดนั้นถอื ว่าสาเร็จ ผูก้ ระทามีความผดิ

ความแตกต่างระหว่างมาตรา 138 และมาตรา139
1. มาตรา 138 เปน็ ความผิดท่ไี ม่ต้องการผลกลา่ วคือเม่ือเกิดการต่อสขู้ ัดขวางกระทาความผดิ ดังกล่าวยอ่ มมี
ผลสาเร็จทนั ท่ี
2. มาตรา139 เป็นความผิดท่ีต้องการผล กล่าวคอื เมื่อเกิดการข่มขยู่ งั ไมถ่ ือวา่ เกดิ ความผดิ ทันทแี ต่ต้อง
พจิ าณาต่อวา่ ผลจากการข่มขู่นน้ั เจ้าพนักงานซง่ึ เป็นวัตถุแห่งการกระทาเกิดความกลัวจนตอ้ งปฏบิ ตั ิโดยมิชอบ
หรือละเว้นการปฏบิ ตั หิ รือไม่ ถ้าได้เกิดพฤตการณ์ดังกลา่ วข้ึนถือได้ความผิดตามมาตราน้ีได้สาเรจ็ ลงแล้ว

ขอ้ เสนอแนะ
อยากประมวลกฎหมายอาญาไทยใน2มาตราดังกล่าวนาบทกฎหมายในต่างประเทศมาปรับใช้ในเรอื่ งของการ
กาหนดขอบเขตคาว่าขดั ขวางหรอื ขม่ ขืนใจใหช้ ัดเจนเพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหอ้ าชญากรหาชอ่ งว่างในกฎหมายมา
ปฏบิ ัตติ ่อเจา้ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ ผู้ซ่ึงตอ้ งได้รบั ความคุ้มครองเปน็ พเิ ศษและบัญญตั ใิ ห้มคี วามผดิ เกีย่ วกับผ้มู ี
ส่วนรว่ มในการกระทาความผิดดว้ ยให้รับโทษเทา่ กบั ผกู้ ระทาความผิดเพราะการที่ผู้มีส่วนร่วมในการกระทา
ความผดิ นน้ั ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาเดียวกบั ผู้กะทาความผดิ ควรทจี่ ะบัญญัติโทษไวโ้ ดยเฉพาะ

อ้างอิง
1. สหรัฐ กติ ิ ศุภการ.หลกั และคาพิพากษากฎหมายอาญา.-- พิมพ์ครง้ั ที่ 10.-- กรุงเทพฯ: อมรนิ ทร์พรินต้งิ
แอนด์พับลิชชิ่ง, 2563.
2. .สนิท สน่นั ศลิ ป์.คาอธิบายปะมวลกฎหมายอาญาแยกองคป์ ระกอบครบทกุ มาตรา.-- พิมพค์ รงั้ ที่ 2.--
กรุงเทพฯ:สานกั พิมพ์สตู รไพศาล, 2559.

3. ศราวุธ ผวิ อว้ น,การกาหนดใหก้ ารกระทาทเี่ ปน็ การต่อสู้ ขัดขวาง และข่มขืนใจเจา้ พนักงานในการ
ยุติธรรมเป็นความผดิ อาญา:ศกึ ษาเกีย่ วกบั ปญั หาและผลกระทบที่เกิดจากการไม่มบี ทบัญญัติของกฎหมาย
ไว้เปน็ การเฉพาะ (วทิ ยานพิ นธป์ รญิ ญามหาบัณฑติ นิตศิ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธุรกจิ บณั ฑิตย์ , มปป), หน้า207-
209
4. woody law blog . (2013) . การกระทาครบองค์ประกอบภายใน, สืบคน้ เมือ่ 9 กนั ยายน 2564. จาก.
http://chalermwutsa.blogspot.com/2013/12/blog-post_23.html
5.ดิศรณ์ ลิขติ วทิ ยาวุฒ. (มปป) . กฎหมายอาญาเกย่ี วกับเจา้ พนกั งาน, สบื ค้นเมื่อ 10 กันยายน 2564.จาก.
https://www.oap.go.th/images/documents/offices/baea/kmgroup/24-25-06-64/03-24-25-
06.pdf


Click to View FlipBook Version