The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ครูยุคใหม่-ปณิฏฐา-เลขที่-14

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by warisaraphaophan, 2022-09-29 06:15:23

ครูยุคใหม่-ปณิฏฐา-เลขที่-14

ครูยุคใหม่-ปณิฏฐา-เลขที่-14

ครูยุคใหม่

เสนอ
ดร.ณิชาภา ธพิพัฒน์
ภาควิชาคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ
และจิตวิญญาณความเป็นครู (EDUC1101)

จัดทำโดย
นางสาว ปณิฏฐา ทองอิ่ม เลขที่ 14

รหัสนักศึกษา 6511323583

คำนำ

หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนวิชา EDUC1101 คุณธรรม จริยธรรม
จรรยาบรรณ และจิตวิญญาณความเป็นครู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้ศึกษาความรู้
และความเข้าใจในเรื่องครูยุคใหม่ ที่จะนำมาเป็นประโยคแก่การเรียน

ผู้จัดทำหวังว่าการทำหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้อ่านที่กำลังศึกษาใน
เรื่องนี้อยู่

ปณิฏฐา ทองอิ่ม
ผู้จัดทำ

สารบัญ

หน้า
คำนำ 2
สารบัญ 3
บทที่ 1 บทบาทหน้าที่ครู สภาพงานครู ความเป็นผู้นำ 4-9
ทางวิชาการและการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

บทที่ 2 คุณลักษณะของครูที่ดี 10-12

บทที่ 3 การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเป็นแบบอย่างในวิชาชีพครู 13-14

บทที่ 4 การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) 15-17

บทที่ 5 การสร้างความก้าวหน้าและการพัฒนาวิชาชีพครู 18-19

บรรณานุกรม 20

บทที่ 1 4
บทบาทหน้าที่ครู สภาพงานครู ความเป็นผู้นำทางวิชาการ

และการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

ความหมายของบทบาทและหน้าที่

บทบาท หมายถึง ภาวะที่ต้องรับผิดชอบตามสถานภาพของแต่ละ
บุคคล ถ้าบกพร่องไปบ้างความเสียหายจะน้อยกว่าบกพร่องในหน้าที่

หน้าที่ หมายถึง กิจที่ต้องกระทำหักหลีกเลี่ยงละเลยจะก่อให้เกิด
ความเสียหายทั้งตนเองและผู้อื่น

บทบาทหน้าที่ครู

1. สอนสิทธิ์ให้เกิดความสามารถในการเรียนรู้ในวิชาต่างๆให้มากที่สุด
เท่าที่ครูจะกระทำได้

2. สอนให้นักเรียนหรือสิทธิ์ของตนมีความสุขเพลิดเพลินกับการเล่าเรียน
ไม่เบื่อหน่าย อยากจะเรียนอยู่เสมอ

3. อบรมดูแลความประพฤติของศิษย์ให้อยู่ในระเบียบวินัยหรือกรอบ
ของคุณธรรม ไม่ปล่อยให้ศิษย์กระทำชั่วด้วยประการทั้งปวง

4. ดูแลความทุกข์สุขอยู่เสมอ
5. เป็นที่ปรึกษาหารือ ช่วยแก่ปัญหาต่างๆให้แก่ศิษย์

5

สภาพงานครู

การเป็นครูที่ปรึกษา ครูฝ่ายปกครอง หรือแม้แต่ครูประจำวิชา ทุกคนล้วนมีหน้าที่
ที่เหมือนกันอย่างหนึ่งคือ ดูแลเด็กๆอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเห็นว่าเด็กๆมีปัญหา
ไม่ว่าจะเรื่องการเรียนหรือเรื่องส่วนตัวก็เป็นหน้าที่ของคุณครูที่จะต้องอยู่ข้างๆ
เพื่อแนะนำและให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ

1. คุณครูอนุบาล คุณครูต้องเป็นคนที่ใจเย็น และมีจิตวิทยาการดูแลและสอน
เด็กๆควรรู้ว่าเด็กคนไหนมีความต้องการหรือเรียนรู้ที่ดีในด้านใดควรมีวิธีการและ
ส่งเสริมให้พวกเขามีพัฒนาการด้านนั้นๆให้ได้มากที่สุด

2. คุณครูชั้นประถม เด็กๆจะมีความซุกซนตามวัยชอบเล่นและทดลองอะไรใหม่ๆ
มีนักเรียนในทุกๆแบบ ทั้งเรียบร้อยมากไปจนถึงดื้อมากแต่ยังถือว่าเป็นช่วงวัย
ที่ยังสอนได้ดุแล้วฟังและยังสามารถหาวิธีการในการที่จะทำให้เด็กๆ
มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้

3. คุณครูชั้นมัธยม เป็นวัยที่เตรียมตัวจะเข้าสู่วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ ต่อมต่างๆใน
ร่างกายเริ่มทำงานอย่างเต็มที่ จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องของร่างกาย
และอารมณ์ และเริ่มมีการค้นหาตัวเอง เป็นวัยที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนของชีวิต
ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและมีวิธีการที่

4. อาจารย์มหาวิทยาลัย นักศึกษากำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีอิสระในการเลือก
ใช้ชีวิตและมีความคิดเป็นของตัวเอง อาจารย์จึงมีบทบาทในชีวิตของนักศึกษา
ไม่มากเท่าไรนัก แต่ก็ขึ้นอยู่กับคณะที่สอนบางคณะอาจารย์มีอิทธิพลต่อ
นักศึกษามาก

6

ความเป็นผู้นำทางวิชาการ

ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา (Instructtonal Leadership)
มีบทบาทสำคัญที่ส่งผลต่อการบริหารจัดการเรียนรู้และการสอนในการศึกษาโดยตรง
มีนักวิชาการได้ให้ความหมายของภาวะผู้นำทางวิชาการ ดังนี้

ถาวร เส้งเอียด (2550 : 150) ให้ความหมาย ภาวะผู้นำทางวิชาการ หมายถึง
ความสามารถของผู้บริหารโรงเรียนในการนำความรู้ แนวคิด วิธีการ ตลอดจน
เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาใช้ในการบริหารจัดการ ให้เกิดประโยชน์กับคณะครู
และนักเรียน

สิร์รานี วสุภัทร (2551 : 29) ได้นิยามความหมายของ ภาวะผู้นำทางวิชาการ
ของผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง การแสดงบทบาทหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ของ
ผู้บริหารสถานศึกษาที่สามารถโน้มน้าว จูงใจ หรือชี้นำให้บุคลากรในสถานศึกษา
และผู้เกี่ยวข้องเข้าใจและตระหนักในจุดมุ่งหมายของการจัดการศึกษา รวมพลัง
และประสานสัมพันธ์กันเพื่อให้งานวิชาการซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับคุณภาพของ
การจัดการเรียนการสอนและคุณภาพของผู้เรียน อันเป็นภารกิจหลักของสถานศึกษา
บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

กลิคแมน (Glickman 1985 cited in Blasé and Blasé, 2000 : 131) กล่าวไว้ว่า
ภาวะผู้นำทางวิชาการ คือการบูรณาการของงานเพื่อให้การช่วยเหลือโดยตรง
ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานักเรียน การพัฒนาบุคลากร และการพัฒนาหลักสูตร

7

เกอร์วิน(Girvin, 2001 : 1) ได้กล่าวถึงผู้บริหารในฐานะผู้นำทางวิชาการว่าผู้บริหาร
ถือเป็นแกนกลางของความพยายามในฐานะผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลผู้จัดระเบียบ
องค์การผู้นำและผู้ประเมินเพื่อเป็นการรับประกันความก้าวหน้าทางวิชาการของ
โรงเรียนโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะทำให้นักเรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้สูงขึ้น

แมคอีแวน (McEwan, 2003 : 6) ได้นิยามความหมายของ ภาวะผู้นำทางวิชาการ
คือภาวะผู้นำที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อกระบวนการเรียนการสอน ประกอบด้วยครูผู้สอน
นักเรียนและหลักสูตร มีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

สรุปได้ว่า ภาวะผู้นำทางวิชาการ หมายถึง คุณลักษณะหรือพฤติกรรมที่แสดงออก
ของผู้บริหารสถานศึกษาในการร่วมมือกับคณะครูและผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดกาเรียน
การสอนส่งผลให้ผู้เรียนบรรลุผลสำเร็จในการเรียนรู้

8

การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้

บุคคลแห่งการเรียนรู้ หมายถึง ผู้ที่มีคุณลักษณะนิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มีพฤติกรรม
ที่แสดงออกถึงความกระตือรือร้น สนใจเสาะแสวงหาความรู้อยู่เสมอ มุ่งมั่นที่จะเพิ่ม
ประสิทธิภาพ ในการเรียนรู้และสามารถนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม
การเรียนรู้อาจทำได้หลายวิธี เช่น อ่านหนังสือหรือวารสารที่มีประโยชน์ ดูรายการ
โทรทัศน์หรือฟังวิทยุที่มีสาระ ค้นคว้าหาความรู้โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซักถาม
ข้อมูลจากผู้รู้ รวมทั้งสามารถจับใจความสำคัญเพื่อแยกแยะและเลือกสาระข้อมูลที่ได้
มาอย่างมีเหตุผล ทักษะพื้นฐานสำคัญต่อการเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ ได้แก่

1. ทักษะการฟัง ทำให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการคิดและการพูด
2. ทักษะการถาม ทำให้เกิดประบวนการคิด การเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ
3. ทักษะการอ่าน ทำให้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงการอ่านสถิติ
ข้อมูลเชิงคณิตศาสตร์ต่างๆด้วย
4. ทักษะการคิด ทำให้บุคคลมองการไกล สามารถควบคุมการกระทำของตน
ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ การคิดอย่างมีเหตุผลและมีวิจารณญาณ
5. ทักษะการเขียน เป็นความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ทัศนคติ
และความรู้สึกออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรให้ผู้อื่นเข้าใจ เนื่องจากบันทึกเหตุการณ์
ข้อมูลความจริง ใช้เป็นหลักฐานเพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป
6. ทักษะการปฏิบัติ เป็นการลงมือกระทำจริงอย่างมีระบบเพื่อค้นหาความจริง
และสามารถสรุปผลอย่างมีเหตุผลได้ด้วยตนเองเพื่อนำไปใช้ในการแก้ปัญหา

9

สรุป

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของครู เป็นกิจที่ครูต้องทำให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์
ครูอาจารย์ต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการสอนการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม
ต้องปฏิบัติงานวิชาการ มีการสร้างความสัมพันธ์สภาพกับบุคคลต่างๆ ประเมินผล
การเรียนการสอน ถ่ายทอดศิลปะวิทยาการทุกสิ่งทุกอย่างให้แก่ศิษย์ เป็นกัลยาณมิตร
ของศิษย์ จะต้องคอยอบรมสั่งสอนให้ศิษย์ตั้งอยู่ในคนงามความดี

บทที่ 2 10
คุณลักษณะของครูที่ดี

ลักษณะครูที่ดี ควรมีความรักและความเมตตาต่อศิษย์ มีความเสียสละ หมั่นเพียร

ศึกษา ปรับปรุงวิธีการสอน เพื่อพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ต้องมีความเข้าใจและเอาใจใส่

ตัวศิษย์ทุกคน เป็นกำลังใจและช่วยสร้างแรงบัลดาลใจให้กับศิษย์เพื่อให้เขาเป็น

คนใฝ่เรียนรู้ เป็นแบบอย่างที่ดีมีจรรยาบรรณในวิชาชีพครู มีจิตวิญญาณของความ

เป็นครู สามารถถ่ายทอดความรู้ได้เป็นอย่างดี มีวิธีการสอนที่หลากหลาย มีวิสัยทัศน์

กว้างไกล มีความยุติธรรม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น รวมถึงยอมรับและเข้าใจ

ความแตกต่างของเด็กแต่ละคน

1. ครูที่ดีต้องให้เกียรตินักเรียน ครูที่ดีควรรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนอย่าง

จริงใจเพื่อให้นักเรียนรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดความรู้สึกของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็

เป็นการสอนให้เด็กๆ รู้จักฟังความเห็นของคนอื่นด้วย

2. ทำให้นักเรียนผูกพันและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียน ครูที่จะสร้าง

ห้องเรียนที่ประหนึ่งชุมชนเล็กๆที่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลและร่วมมือกันในชุมชนนี้มี

กฎระเบียบที่ต้องเคารพ และมีหน้าที่ที่แต่ละคนต้องทำ นักเรียนแต่ละคนจะรู้สึกว่า

ตนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของห้องเรียน ซึ่งจะทำให้เด็กๆรู้ว่านอกจากครูแล้วพวกเขา

ยังมีเพื่อนๆ ที่จะพึ่งพาอาศัยกันได้ตลอดเวลา

3. มีความอารีกระตือรือร้นและเอาใจใส่ ครูที่ดีจะเปิดกว้างกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็น

นักเรียนหรือเพื่อนร่วมงาน ครูเช่นนี้จะเป็นคนที่นักเรียนรู้ว่าสามารถมาหาได้เมื่อ

พวกเขามีปัญหา หรือแม้แต่จะมาเล่าเรื่องตลกให้ฟังเฉยๆ ก็ตาม พวกเขาจะเป็นผู้ฟัง

ที่ดีและสามารถสละเวลาอันยุ่งเหยิงมาให้คนที่กำลังเดือดร้อนได้เสมอ

11

4.เชื่อมันในศักยภาพของนักเรียนทุกคน ครูคนนี้จะรู้ว่าความความหวังของครูที่มี

ต่อนักเรียนส่งผลต่อความสำเร็จของนักเรียนเสมอ ยิ่งครูคาดหวัง เชื่อมั่นในศักยภาพ

ของนักเรียนมากเท่าไหร่ นักเรียนก็มักจะประสบความสำเร็จในการเรียนมากขึ้น

5.รักที่จะเรียนรู้ สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน คอยแสวงหาความรู้ใหม่ๆและ

เสาะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนักเรียนเสมอต้องกล้าที่จะเรียนรู้เทคนิคการสอนใหม่ๆหรือ

นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในห้องเรียน และเป็นผู้แบ่งปันความรู้ใหม่ๆให้กับ

เพื่อนร่วมงานเสมอ

6.ต้องเป็นผู้นำที่ดี ครูที่ดีจะตั้งเป้าไปที่ทีมเวิร์คและการตัดสินใจของทีม

รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่ม ครูที่ดีจะถ่ายทอดความเป็นผู้นำไปยังนักเรียน

โดยการให้โอกาสนักเรียนแต่ละคนผลัดกันเข้ามามีบทบาทเป็นผู้นำในชั้นเรียนบ้าง

7.สามารถพลิกแพลงได้ การสอนบางวิธีอาจใช้ไม่ได้ผลอย่างที่คิด ครูจึงต้องมี

ความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนวิธีการสอนได้ โดยการประเมินการสอนของตัวเอง

ตลอดคาบเรียน และค้นหาวิธีใหม่ๆ สื่อการสอนใหม่ๆ มาอธิบาย จนแน่ใจว่านักเรียน

ทุกคนเข้าใจคอนเซปต์ของบทเรียน

8.ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ ไม่อายที่จะถามความเห็นและขอความช่วยเหลือ

จากครูคนอื่น ครูเช่นนี้จะมองการร่วมมือว่าเป็นการเรียนรู้จากเพื่อนร่วมสายอาชีพ

เดียวกัน พวกเขารู้จักที่จะใช้คำวิจารณ์และคำแนะนำที่ได้มาในการพัฒนาตัวเองต่อไป

9.มีความเป็นมืออาชีพตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์การแต่งกาย ทักษะการ

จัดการและการเตรียมพร้อมในแต่ละวัน ทักษะการพูด การเจรจาต้องเป็นแบบอย่าง

ที่ดีต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นการพูดกับผู้บังคับบัญชา นักเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน

พวกเขาจะเป็นที่เคารพของคนรอบข้างเพราะบุคคลิกที่เป็นมืออาชีพ

12

สรุป

คุณลักษณะของครูที่ดีนั้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฝึกฝนได้ทั้งสิ้น เพียงแต่ผู้ประกอบ
วิชาชีพครูต้องมีความตั้งใจและความมุ่งมั่นเท่านั้น ฉะนั้นผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพ
ครูทุกคนสามารถฝึกฝนและปรับปรุงตนเองให้เป็นครูที่ดีได้ด้วยความพากเพียรและ
สม่ำเสมอ

บทที่ 3 13
การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเป็นแบบอย่างในวิชาชีพครู

บุคลิกภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับผู้มีอาชีพครู เพราะเป็นสิ่งที่ช่วย

สร้างความศรัทธา ความน่าเชื่อถือและประทับใจ ให้กับผู้เรียนผู้พบเห็น อีกทั้งยังเป็น

แรงผลักดันให้การประกอบอาชีพครูบรรลุวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นคนที่เป็นครู

ที่ดีจึงต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพอย่างสม่ำเสมอ และนอกจากนี้แล้วบุคลิกภาพยัง

เป็นระบบพฤติกรรมของบุคคล ไม่เพียงแต่การแสดงออกให้เห็นถึงความแตกต่าง

ระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่ยังแสดงตัวตนหรือเอกลักษณ์ของแต่ละคนอีกด้วย อาทิ

1. บุคลิกทางกายเช่น รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ ถือเป็นสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด

แก้ไขยากแต่สามารถปรับปรุงพัฒนาได้ตามสมควร

2. บุคลิกภาพการแต่งกายเป็นลำดับแรกที่ทุกคนมองเห็น จึงมีผลต่อการสร้าง

เจตคติที่ดีต่อตัวครู การแต่งกายของครูจึงต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับสถานที่

ความนิยมของสังคมในโอกาสต่างๆ รวมทั้งเหมาะสมกับรูปร่างและฐานะทางเศรษฐกิจ

ราคาไม่แพงเกินความจำเป็น เน้นเรื่องความสะอาดเรียบร้อย การวางตัวและกิริยา

มารยาทที่ดี

3. บุคลิกภาพทางสังคมเป็นแรงขับจากตัวของบุคคลที่แสดงออกสู่สายตา

สาธารณชนโดยเฉพาะคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม ความจริงใจ ความซื่อสัตย์

4. บุคลิกภาพทางอารมณ์เป็นสิ่งที่อาจแสดงออกมาหรือไม่แสดงออกก็ได้

เช่น ครูที่มีอารมณ์ขันจะทำให้บรรยากาศการเรียนการสอนเป็นไปอย่างสนุกสนาน

ครูที่มีอารมณ์ดีทำให้ครูน่ารัก เด็กนักเรียนกล้าปรึกษาปัญหา ครูที่มีอารมณ์เย็นทำให้

ครูเป็นคนน่าคบหา ไม่วู่วาม มีเหตุผล ครูที่มีความมั่นคงทางอารมณ์ทำให้ครู

สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี

14

5. บุคลิกภาพทางสติปัญญา เป็นเรื่องการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและมันสมอง

แต่การศึกษาและสิ่งแวดล้อมก็สามารถช่วยพัฒนาประสิทธิภาพของสติปัญญาได้ครูจึง
ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้มีประโยชน์ ด้วยการเพิ่มพูนความรู้ประสบการณ์ข่าวสารใหม่ๆ
ให้กับตนเองอยู่ตลอดเวลา

สรุป

บุคลิกภาพเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างความประทับใจ ความศรัทธา ความเชื่อมั่น
ให้กับนักเรียนและผู้พบเห็น อีกทั้งยังเป็นสิ่งบ่งชี้เอกลักษณ์ของแต่ละบุคคลอีกด้วย
ดังนั้น ครูจึงจำเป็นต้องมีบุคลิกภาพที่ดี เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์
ครูต้องพัฒบุคลิกภาพให้เหมาะสม โดยวิเคราะห์ตนเอง ปรับปรุงตนเอง ฝึกตนเอง
และประเมินตนเอง

บทที่ 4 15
การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

ความหมายของชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC)

ชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพหรือPLC คือ การรวมตัว รวมใจ รวมพลัง ร่วมมือกัน
ของครู ผู้บริหาร และนักการศึกษา ในโรงเรียน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียน
เป็นสำคัญดังที่ Sergiovanni (1994) ได้กล่าวว่า PLC เป็นสถานที่สำหรับ“ปฏิสัมพันธ์”
ลด“ความโดดเดี่ยว”ของมวลสมาชิกวิชาชีพครูของโรงเรียนในการทำงานเพื่อปรับปรุง
ผลการเรียนของนักเรียนหรืองานวิชาการซึ่ง Hord (1997) มองในมุมมองเดียวกัน
โดยมองการรวมตัวกันดังกล่าว มีนัยยะแสดงถึงการเป็นผู้นําร่วมกันของครูหรือเปิด
โอกาสให้ครูเป็น“ประธาน”ในการเปลี่ยนแปลง (วิจารณ์ พานิช, 2555) การมีคุณค่าร่วม
และวิสัยทัศน์ร่วมกัน ไปถึงการเรียนรู้ร่วมกันและการนําสิ่งที่เรียนรู้ไปประยุกต์ใช้อย่าง
สร้างสรรค์ร่วมกัน การรวมตัวในรูปแบบนี้เป็นเหมือนแรงผลักดันโดยอาศัยความต้องการ
และความสนใจของสมาชิกใน PLC เพื่อการเรียนรู้และพัฒนาวิชาชีพ สู่มาตรฐาน
การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นหลัก (Senge, 1990) การพัฒนาวิชาชีพให้เป็น“ครูเพื่อศิษย์”
(วิจารณ์ พานิช, 2555) โดยมองว่าเป็น “ศิษย์ของเรา” มากกว่ามองว่า “ศิษย์ของฉัน”
และการเปลี่ยนแปลงคุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เริ่มจาก “การเรียนรู้ของครู”
เป็นตัวตั้งต้น เรียนรู้ที่จะมองเห็นการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง พัฒนาการจัดการเรียนรู้
ของตนเอง เพื่อผู้เรียน เป็นสําคัญ

16

PLC มีพัฒนาการมาจากกลยุทธ์ระดับองค์กรที่มุ่งเน้นให้องค์กรมีการปรับตัว
ต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเริ่มพัฒนาจากแนวคิด
องค์กรแห่งการเรียนรู้และปรับประยุกต์ให้มีความสอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน
และการเรียนรู้ร่วมกันในทางวิชาชีพ ที่มีหน้างานสำคัญคือความรับผิดชอบการเรียนรู้
ของผู้เรียนร่วมกันเป็นสำคัญจากการศึกษาหลายโรงเรียนในประเทศสหรัฐอเมริกา
ดำเนินการในรูปแบบ PLC พบว่าเกิดผลดีทางวิชาชีพครู และผู้เรียนที่มุ่งพัฒนาการ
ของผู้เรียนเป็นสำคัญ

กลยุทธ์ในการจัดการและใช้ชุมชนแห่งการเรียนทางรู้วิชาชีพ (PLC)
อย่างยั่งยืน

1. เริ่มต้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ (Take a baby steps) โดยเริ่มต้นจากการกำหนด
เป้าหมาย อภิปราย สะท้อนผล แลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆเพื่อกำหนดว่า จะดำเนินการ
อย่างไร โดยพิจารณาและสะท้อนผลในประเด็นต่อไปนี้

1.1 หลักการอะไรที่จะสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติ
1.2 เราจะเริ่มต้นความรู้ใหม่อย่างไร
1.3 การออกแบบอะไรที่พวกเราควรใช้ในการตรวจสอบหลักฐานของการเรียนรู้ที่สำคัญ
2. การวางแผนด้วยความร่วมมือ (Plan Cooperatively) สมาชิกของกลุ่มกำหนด
สารสนเทศที่ต้องใช้ในการดำเนินการ
3. การกำหนดความคาดหวังในระดับสูง (Set high expectations) และวิเคราะห์
การสอนสืบเสาะหาวิธีการที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จสูงสุด
3.1 ทดสอบข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการสอนหลังจากได้มีการจัดเตรียมต้นแบบ

ที่เป็นการวางแผนระยะยาว (Long-term)
3.2 จัดให้มีช่วงเวลาของการชี้แนะ โดยเน้นการนำไปใช้ในชั้นเรียน
3.3 ให้เวลาสำหรับครูที่มีความยุ่งยากในการสังเกตการณ์ปฏิบัติในชั้นเรียน

ของครูที่สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้อย่างประสบผลสำเร็จ

17

4. เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ (Start small) เริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆก่อนแล้วค่อยปรับขยาย
5. ศึกษาและใช้ข้อมูล (Study and use the data) ตรวจสอบผลการนำไปใช้และ
การสะท้อนผลเพื่อนำมากำหนดว่า แผนไหนควรใช้ต่อไป แผนไหนควรปรับปรุง
6. วางแผนเพื่อความสำเร็จ (Plan for success) เรียนรู้จากอดีต ปรับปรุงหรือปฏิเสธ
ในสิ่งที่ไม่สำเร็จและทำต่อไป ความสำเร็จในอนาคตหรือความล้มเหลวขึ้นอยู่กับเจตคติ
และพฤติกรรมของครู
7. นำสู่สาธารณะ (Go public) แผนไหนที่สำเร็จก็จะมีการเชิญชวนให้คนอื่นเข้ามา
มีส่วนร่วม ยกย่องและแลกเปลี่ยนความสำเร็จ
8. ฝึกฝนร่างกายและหล่อเลี้ยงสมอง (Exercise the body & nourish the brain)
จัดกิจกรรมที่ได้มีการเคลื่อนไหวและ เตรียมครูที่ทำงานสำเร็จของแต่ละกลุ่มโดยมี
การจัดอาหาร เครื่องดื่มที่มีประโยชน์

สรุป

PLC หมายถึง การรวมตัว ร่วมใจร่วมพลัง ร่วมทำ และร่วมเรียนรู้ร่วมกันของครู
ผู้บริหาร และนักการศึกษา บนพื้นฐานวัฒนธรรมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร
มีวิสัยทัศน์ คุณค่า เป้าหมาย และภารกิจร่วมกัน โดยทำงานร่วมกันแบบทีมเรียนรู้
ที่ครูเป็นผู้นำร่วมกัน และผู้บริหารแบบผู้ดูแลสนับสนุน สู่การเรียนรู้และพัฒนา
วิชาชีพเปลี่ยนแปลงคุณภาพตนเอง สู่คุณภาพการจัดการเรียนรู้ที่เน้นความสำเร็จ
หรือประสิทธิผลของผู้เรียนเป็นสำคัญและความสุขของการทำงานร่วมกันของสมาชิก
ในชุมชนการเรียนรู้

บทที่ 5 18
การสร้างความก้าวหน้าและการพัฒนาวิชาชีพครู

ความหมายของความก้าวหน้าทางอาชีพ

ความก้าวหน้าทางอาชีพ หมายถึง การได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น และการได้รับ
เงินเดือนสูงขึ้น กฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของชาติได้กำหนดแนวทางใน
การดำเนินการเพื่อความก้าวหน้าในเส้นทางวิชาชีพครู คือ

1. การกำหนดให้มีหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาส่งเสริมวิชาชีพครู
คือ กระทรวงศึกษาธิการ คุรุสภา คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การศึกษา(ก.ค.ศ.) ,สถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา (สคบศ.),
สถาบันผลิตครู

2. การกำหนดให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพควบคุมที่ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
3. การกำหนดมาตรฐาน และจรรยาบรรณของวิชาชีพ
4. การปรับเปลี่ยนระบบตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
และระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5. การกำหนดวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
6. การกำหนดอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งสำหรับ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
การดำเนินการต่างๆ ดังกล่าว จะเป็นหลักประกันในความก้าวหน้าในเส้นทาง
วิชาชีพ ความก้าวหน้าจะเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นกับตัวบุคคลว่าได้ปฏิบัติตนตาม
แบบแผนที่ระบบกำหนดไว้มากน้อยเพียงใด

19

แนวทางปฏิบัติตนเพื่อความก้าวหน้าตามเส้นทางวิชาชีพครูนั้น ประกอบด้วย

1. ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
2. ปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ คือ มาตรฐานความรู้และ
ประสบการณ์วิชาชีพ มาตรฐานการปฏิบัติงานและมาตรฐานการปฏิบัติตน และ
3. ต้องได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงไว้ซึ่งองค์ความรู้
ทักษะในการประกอบวิชาชีพ สมรรถนะที่จำเป็นในการปฏิบัติงาน ตลอดจนบ่มเพาะ
คุณธรรม จริยธรรม เกิดจิตวิญญาณของครูตามจรรยาบรรณของวิชาชีพด้วย
การศึกษาทั่งในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย ทั้งนี้เพื่อรองรับการประเมิน
ความรู้ ประสบการณ์ในการประกอบวิชาชีพ ตลอดจนความชำนาญในการประกอบ
วิชาชีพเพื่อการเลื่อนตำแหน่ง การมีและการเลื่อนวิทยฐานะตลอดจนการได้รับ
เงินเดือนที่สูงขึ้น

สรุป

ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ย่อมขึ้นอยู่กับคุณลักษณะและพฤติกรรมของแต่ละบุคคล
ซึ่งความก้าวหน้าของบุคลากรวิชาชีพทางการศึกษาขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
ต้องตระหนักในความสำคัญของวิชาชีพ มีจิตวิญญาณและอุดมการณ์ของวิชาชีพ
ประพฤติปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ เสริมสร้างประสิทธิภาพ
ในการปฏิบัติภารกิจด้วยการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง รวมทั้งการรักษา
วินัยที่บัญญัติเป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หากข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษา สามารถประพฤติปฏิบัติตนและดำเนินการตามแนวทางต่างๆ
ที่ได้กำหนดไว้ ก็ย่อมจะมีความก้าวหน้าในวิชาชีพตามระบบบริหารงานบุคลากรวิชาชีพ
ทางการศึกษาที่ได้กำหนดไว้อย่างแน่นอน

บรรณานุกรม 20

บทที่ 1
บทบบาทหน้าที่ครูดี.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/
https://sites.google.com/site/orathaieducation/home/bthbath-hnathi-khxng-khru
สภาพงานครู.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/
https://sites.google.com/site/teacherinthefuture/khxmul-xachiph-khru
ภาวะผู้นำทางวิชาการ.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/
https://sites.google.com/view/kruleesirapak
บุคคลแห่งการเรียนรู้.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/
https://www.gotoknow.org/posts/195826
บทที่ 2
คุณลักษณะของครูที่ดี.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/
https://www.ost.co.th/index.php?lay=show&ac=article&Id=539682880&Ntype=9
https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/laksna-khxng-khru-thi-di

บทที่ 3

การพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเป็นแบบอย่างในวิชาชีพครู.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/

https://sites.google.com/site/krukruthai/bthkhwam-phasa-thiy/

khrukabkarphathnabukhlikphaph

บทที่ 4

การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PCL) .//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/

http://udn4.esdc.go.th/pcl-professional-learning-community

บทที่ 5

การสร้างความก้าวหน้าและการพัฒนาวิชาชีพครู.//สืบค้นเมื่อ 28 กันยายน 2565,/จาก/

https://elibrary.ksp.or.th/index.php?lvl=cmspage&pageid=4&id_article=209


Click to View FlipBook Version