The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผ้าซิ่นตีนจกลายเชียงแสนหงส์ดำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thawatchaipattha2537, 2023-02-21 05:47:51

E-book ผ้าซิ่นตีนจกลายเชียงแสนหงส์ดำ

ผ้าซิ่นตีนจกลายเชียงแสนหงส์ดำ

“เชียงแสนหงส์ด ำ”


“ กำรส่งเสริมและพัฒนำบุคลำกรภำยในให้สำมำรถช่วยเหลือผู้ประกอบกำรตำมควำมต้องกำร บนพื้น ฐำนข้อมูล Matching ด้วยกำรใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ภำยใต้กิจกรรมกำรส ำรวจควำมต้องกำรและ Matching ควำมต้องกำรสถำนประกอบกำรและสถำนศึกษำ กับบุคลำกร เพื่อกำรพัฒนำ Creative Lanna Economy Hub โครงกำรปฏิรูปมหำวิทยำลัยเทคโนโลยีรำชมงคลล้ำนนำสู่กำรเป็นมหำวิทยำลัยปห่งกำรพัฒนำเทคโนโลยี และส่งเสริมกำรสร้ำงนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจฐำนรำกและมหำวิทยำลัยเทคโนโลยีชั้นน ำระดับสำกลเพื่อ ชุมชน ”


ค ำน ำ “หงส์ด ำ” จำกสถำปัตยกรรมปูนปั้นสู่ลำยผ้ำทอ ผ้ำทอลำยเชียงแสนหงส์ด ำเป็นลำยผ้ำที่มีมำตั้งแต่ สมัยโบรำณซึ่งลำย “หงส์ด ำ” นี้นิยมทอใช้ในเจ้ำนำยชั้นสูงของล้ำนนำ โดยเฉพำะกลุ่มไท-ยวน เชียงแสนจะ นิยมทอตีนจกเป็นลำยหงส์ และใช้ด้ำยสีด ำจกลำยเป็นตัวหงส์ ซึ่งมีกำรพบกำรทอผ้ำตีนจกลำยหงส์นี้ ในกลุ่ม ไท-ยวน ที่มักมีกำรกล่ำวว่ำอพยพมำจำกเมืองเชียงแสนโบรำณ เช่น ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่อ ำเภอลอง จังหวัดแพร่ เป็นต้น ต่อมำวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำยร่วมกับจังหวัดเชียงรำยได้ค้นหำลำยผ้ำอัตลักษณ์ของ จังหวัดเชียงรำย พบว่ำในพื้นที่จังหวัดเชียงรำยนั้นยังมีผ้ำทอลำยเชียงแสนหงส์ด ำอยู่ ซึ่งผ้ำซิ่นตีนจกที่พบใน เขตพื้นที่อ ำเภอแม่สรวยนั้น เป็นลำยเชียงแสนหงส์ด ำที่คำดว่ำมีอำยุมำกกว่ำ ๑๘๐ ปี จังหวัดเชียงรำยจึง ประกำศให้ใช้ลำยเชียงแสนหงส์ด ำเป็นลำยอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรำย และจังหวัดรณรงค์ส่งเสริมให้ หน่วยงำนภำครัฐ เอกชน วิสำหกิจ ตลอดถึงประชำชนทั่วไปสวมใส่ชุดประจ ำจังหวัดเชียงรำยลำยอัตลักษณ์ “เชียงแสนหงส์ด ำ” อีกทั้งยังมีกำรส่งเสริมให้กลุ่มทอผ้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงรำยทอผ้ำตีนจกลำย “เชียงแสน หงส์ด ำ” อำทิ กลุ่มทอผ้ำพื้นเมืองบ้ำนสบค ำ (พระธำตุผำเงำ) กลุ่มทอผ้ำพื้นเมืองสันทรำยน้อย กลุ่มทอผ้ำ พื้นเมืองบ้ำนสันหลวงใต้ เป็นต้น ในกำรศึกษำครั้งนี้ ได้มีกำรรวบรวมข้อมูลต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับลำย “เชียงแสนหงส์ด ำ” ไว้ เช่น กว่ำ จะมำเป็นผ้ำซิ่นเชียงแสน กำรอพยพของชำวเชียงแสน องค์ประกอบของผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณ โครงสร้ำง ลวดลำย ศำสตร์แห่งสีสันบนผืนผ้ำ หงส์ด ำลวดลำยปริศนำ ซิ่นเชียงแสนโบรำณในหลำยพื้นที่ เอกลักษณ์ผ้ำทอ ลำยเชียงแสน อุปกรณ์กำรทอผ้ำตีนจก วิธีกำรทอตีนจก เชียงแสนหงส์ด ำ อัตลักษณ์ลำยผ้ำประจ ำจังหวัด เชียงรำย เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นกำรส่งเสริมให้ทุกหน่วยงำนทั้งภำครัฐ เอกชน ประชำชนทั่วไป ได้ตระหนักและเกิดควำม ภำคภูมิใจในลำยผ้ำอัตลักษณ์ของจังเชียงรำย อีกทั้งมีควำมสนใจในกำรที่จะสวมใส่ผ้ำทอลำยอัตลักษณ์ของ จังหวัดเชียงรำยอย่ำงแพร่หลำย ตลอดจนเป็นกำรอนุรักษ์ภูมิปัญญำด้ำนกำรทอผ้ำให้สืบต่อไป วรรธนะรัตน์ ไชยวงศ์ ผู้จัดท ำ


สำรบัญ เรื่อง หน้ำ บทน ำร ำพันถึงกำลเก่ำ 1 ค ำล่ำขำนควำมเป็นมำซิ่นเชียงแสง 4 กำรอพยพของชำวเชียงแสง...แป๋งบ้ำนแป๋งเมืองจ ำแลงเมืองสวรรค์ 6 องค์ประกอบของผ้ำซิ่นเชียงแสนแบบโบรำณกำล 8 โครงสร้ำงลวดลำยผ้ำซิ่นยลยิ่งแสงแก้วเก้ำ 10 ศำสตร์แห่งลวดลำยเส้นสำยแห่งสีสัน 11 หงส์ด ำลวดลำยปริศนำ...แฝงศรัทธำแห่งธรรม 12 ซิ่นเชียงแสนโบรำณในหลำกพื้นที่...คือชีวีแห่งสำยสัมพันธ์ล้ำนนำ 14 ประวัติควำมเป็นมำของกลุ่มผ้ำทอพื้นเมืองเชียงแสน (วัดพระธำตุผำเงำ) 15 เอกลักษณ์ผ้ำทอลำยเชียงแสนที่แสดงควำมโดดเด่นทำงภูมิปัญญำ 16 อุปกรณ์กำรทอผ้ำตีนจก 18 วิธีกำรทอตีนจก“เชียงแสนหงส์ด ำ” 26 “เชียงแสนหงส์ด ำ” ลำยอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัดเชียงรำย 33 ภำคผนวก 40


1 บทน ำร ำพันถึงกำลเก่ำ ย้อนกลับไปในอดีตร่วม 700 กว่ำปีขึ้นไปมี อำณำจักรที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น ำ้โขงตอนบนที่เคยเจริญ รุ่งเรื่องด้วยสภำพเศรษฐกิจสังคมและศิลปวัฒนธรรม อันมีควำมส ำคัญในกำรเป็นจุดเริ่มต้นของต้นสำยกลุ่มชน ที่เรียกตัวเองว่ำ “ไทยวน” โดยอำณำจักรดังกล่ำวมีชื่อ ว่ำ “เมืองเชียงแสน” ซึ่งปัจจุบันชำวไทยยวนได้กระจำย ตัวอยู่ในบริเวณ 7 จังหวัดภำคเหนือตอนบนและบริเวณ บำงส่วนของภำคกลำงในประเทศไทยผ่ำนมำจนถึง ปัจจุบันเมืองเชียงแสนยังคงเจริญรุ่งเรืองและมีผู้คน อำศัยอยู่อย่ำงเนืองแน่นเหมือนในอดีตแต่ทว่ำบริบท ของ ควำมเจริญได้เปลี่ยนแปลงไปจำกกำรเป็นเมือง แห่งพระพุทธศำสนำมำเป็นเมืองเศรษฐกิจกำรค้ำเชื่อม ควำมสัมพันธ์ 4 ประเทศเข้ำไว้ด้วยกันนั่นคือ ไทย ลำว พม่ำ และจีน จำกควำมข้ำงต้นที่ได้กล่ำวมำท ำให้ทรำบถึงบริบท ของเมืองเชียงแสนในอดีตและปัจจุบันที่ เจริญรุ่งเรือง ขึ้นมำจำกกำรเป็นเมืองท่ำโดยมีแม่น้ ำโขงเป็นเส้นทำง เชื่อมโยงกำรติดต่อค้ำขำยแลกเปลี่ยนกับ สังคมภำยนอกได้อย่ำงอิสระน ำมำซึ่งควำมมั่งคั่งทำงเศรษฐกิจที่จะ เป็นตัวผลักดันให้เมืองเชียงแสนมี วิวัฒนำกำรแบบก้ำว กระโดดส่งผลต่อกำรพัฒนำอำณำจักรให้เจริญในทุก ๆ ด้ำนโดยเฉพำะอย่ำงยิ่งในด้ำน ศิลปวัฒนธรรมที่จะ ศิวิไลซ์ได้นั้นต้องหมำยถึงผู้คนในอำณำจักรมีควำมเป็น อยู่ที่ดีก่อนเสมอ แม่น้ ำโขงหรือที่ชำวจีนเรียกว่ำ “หลำนชำง เจียง” (瀾滄江) ซึ่งแปลว่ำแม่น้ ำที่มีควำมเชี่ยวกรำก ถือเป็นส่วนส ำคัญอย่ำงยิ่งในกำรน ำพำอิทธิพลของ ศิลปวัฒนธรรมจำกสองอำณำจักรใหญ่อันมีที่ตั้งอยู่ทำง ตอนเหนือของแม่น้ ำโขงนั่นคืออำณำจักรจีนและจำก อำณำจักรไทลื้อโดยอิทธิพลจำกสองอำณำจักรใหญ่ ดังกล่ำวได้ไหลลงมำสู่อำณำจักรเชียงแสนจนเกิด เป็นกำรผสมผสำนทำงวัฒนธรรมและตกตะกอนเป็น รูปแบบ วัฒนธรรมของกลุ่มชนไปในที่สุดอย่ำงไรก็ตำม ร่องรอยของอิทธิพลจำกอำณำจักรทั้งสองยังคงปรำกฏ อยู่บน สิ่งทอโบรำณของชำวเชียงแสนที่จะอธิบำยต่อไป ในบทควำม


2 ควำมส ำคัญ... “เชียงแสนโบรำณ” เป็นอำณำจักรที่มีศิลป วัฒนธรรมอันเจริญรุ่งเรืองและบริสุทธิ์เป็น อย่ำงมำก ด้วยตะกอนทำงควำมคิดที่ตกผลึกมำตั้งแต่อำณำจักร หิรัญนครเงินยำงซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ทรำบกันดี ในแวดวง วิชำกำรว่ำศิลปวัตถุที่มำจำกเมืองเชียงแสนโบรำณหรือ ที่มีควำมเกี่ยวเนื่องกับเมืองเชียงแสนโบรำณ จะหมำย ถึงศิลปวัตถุชิ้นเอกที่ประเมินค่ำมิได้โดยเป็นสิ่งของหำ ยำกเพรำะผ่ำนกำลเวลำมำหลำยร้อยปีทั้งนี้ อำจอยู่ใน รูปแบบพุทธศิลป์เครื่องใช้ท ำจำกทองค ำหรือโลหะมีค่ำ และรวมไปถึงสิ่งถักทอเช่นผ้ำซิ่นอีกด้วย ใน บทควำมที่ผู้เขียนจะเขียนบรรยำยต่อจำกนี้คือ บทควำมที่ว่ำด้วยเรื่องรำวของผ้ำนุ่งสตรีหรือที่เรียกกัน ว่ำ “ผ้ำซิ่น” (ในภำษำล้ำนนำ) โดยผู้อ่ำนจะสำมำรถ เข้ำใจถึงหลักกำรเหตุผลควำมเชื่อมโยงและควำมส ำคัญ ของ ผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณซึ่งถือว่ำเป็นหลักฐำนผ้ำนุ่ง ที่เก่ำแก่ที่สุดของชำวไทยวนเท่ำที่มีปรำกฎและในทำง เดียวกันก็เป็นเสียงสะท้อนของอำรยธรรมที่ยังคงหลง เหลืออยู่มำถึงยุคปัจจุบัน


3


4 ค ำล่ำขำนควำมเป็นมำซิ่นเชียงแสง ผ้ำทอถือเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ในกำรด ำรงชีวิตของ มนุษย์ทุกยุคทุกสมัยเช่นเดียวกับอำณำจักร เชียงแสน ที่เก่ำแก่ก็ย่อมมีสิ่งทอใช้กันภำยในครัวเรือนจำกกำร สันนิษฐำนในช่วงแรกเริ่มคือสมัยของ พญำลวจังกรำช แห่งอำณำจักรหิรัญนครเงินยำงได้มีกำรสันนิษฐำน ว่ำผ้ำนุ่งสตรีเป็นผ้ำพื้นธรรมดำ หรือหำกมี ลวดลำย ก็เป็นลวดลำยอย่ำงง่ำยๆ ที่ไม่ซับซ้อนและน่ำจะเป็น ลวดลำยขวำงล ำตัวเป็นทิวแถว โดยมีเทคนิคกำร สร้ำง ลวดลำยด้วยกำรมัดก่ำนเส้นยืน (มัดหมี่ทำงเส้นยืน) เพียงเล็กน้อยตำมแบบอย่ำงสิ่งทอของกลุ่มชนดั้งเดิม ที่ อำศัยอยู่บริเวณนี้นั้นคือ “ชำวลั๊วะ” จวบจนอำณำจักร มีกำรติดต่อค้ำขำยและสำนสัมพันธ์ทำงสำยเลือดกับ เมืองอื่น ๆ ดังมีหลักฐำนปรำกฏคือในสมัยของพญำลำว เม็งกษัตริย์องค์ที่ 24 ของรำชวงค์ลวจังกรำช (พระรำช บิดำของพญำมังรำยกษัตริย์องค์ที่ 25) ได้อภิเสกสมรส กับนำงอั้วมิ่งจอมเมือง (นำงเทพค ำข่ำย) รำชธิดำใน ท้ำวรุ่งแก่นชำยเจ้ำฟ้ำเมืองเชียงรุ่งท ำให้เกิดกำรผสม ผสำนทำงวัฒนธรรมของชำวลั๊วะ และชำวไทลื้อเรื่อยมำ จวบจนเวลำผ่ำนมำหลำยยุคหลำยสมัยกำรวิวัฒนำกำร ของชำวไทยวนเชียงแสนก็ยังคงด ำเนินเรื่อยไปอย่ำง ช้ำ ๆ รวมระยะเวลำกว่ำ 700 ปี จนในที่สุดรูปแบบของ ผ้ำซิ่นไทยวนก็เริ่มมีเอกลักษณ์เฉพำะที่ชัดเจนขึ้น พร้อม กับควำมแข็งแกร่งของอำณำจักรไทยวนเชียงแสนที่เพิ่ม มำกขึ้นด้วยเช่นกัน จำกอิทธิพลข้ำงต้นจะเห็น ได้ว่ำแท้จริงแล้วผ้ำซิ่น แบบเชียงแสนโบรำณเกิดจำกวัฒนธรรมของกลุ่มชน ดั้งเดิมที่ถูกผสมผสำนจำก วัฒนธรรมแวดล้อมรอบข้ำง แล้วพัฒนำต่อไปอย่ำงช้ำ ๆ จนท้ำยที่สุดกลำยเป็นรูป แบบผ้ำซิ่นเชียงแสนที่มี เอกลักษณ์เฉพำะตัว ซึ่งถือ ได้ว่ำเป็นภูมิปัญญำของกลุ่มชนที่ตกผลึกแล้วโดยรูป แบบผ้ำซิ่นดังกล่ำวจะมีกำรใช้ กันสืบต่อกันมำอีกหลำย ยุคหลำยสมัย จนกระทั้งเมืองเชียงแสนแตกในช่วงปี พุทธศักรำช 2347 เนื่องจำกมี กำรขับไล่กองก ำลังชำว พม่ำออกจำกเมืองเชียงแสนในช่วงรัชกำลที่ 1 แห่งกรุง รัตนโกสินทร์โดยกำรน ำทัพ ของพระเจ้ำกำวิละร่วมกับ ทัพจำกเมืองน่ำน ล ำปำง เชียงใหม่ หลวงพระบำง อีก ทั้ง มีเจ้ำเมืองเล็ก ๆ อย่ำง เจ้ำเมืองเทิง และเจ้ำเมือง เชียงของ เข้ำสมทบจำกเหตุกำรณ์ดังกล่ำวท ำให้ทัพ ของพระเจ้ำกำวิละสำมำรถขับ ไล่กองก ำลังพม่ำออกจำกเมืองเชียงแสนได้ จำกนั้นได้กวำดต้อนประชำกร ชำวเชียงแสนจ ำนวนสองหมื่นเศษ อพยพไปยังเมืองต่ำง ๆ ตำมกำรจัดสรรปันส่วนให้กับเมืองที่ร่วมท ำกำรศึกใน ครั้งนี้เป็นเหตุให้ชำวเชียงแสนได้ กระจัดกระจำยตัวไป อยู่ในสถำนที่ต่ำง ๆ คือจังหวัดน่ำน ล ำปำง เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สระบุรี รำชบุรี และรวม ไปถึงแขวงไซยบุรีใน ประเทศลำว อีกทั้งยังท ำให้ผ้ำซิ่นโบรำณรูปแบบก่อน เมืองแตกได้สำบสูญไม่มีหลักฐำน ปรำกฏแน่ชัด มีเพียง ค ำบอกเล่ำที่เป็นมุขปำฐะ คงเหลือแต่ซิ่นเชียงแสน โบรำณภำยหลังกำรอพยพเท่ำนั้น ซึ่ง ปัจจุบันถือว่ำ ผ้ำซิ่นรุ่นดังกล่ำวเป็นหลักฐำนเก่ำแก่ที่สุดของผ้ำซิ่นไทย วนเชียงแสนที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้


5


6 กำรอพยพของชำวเชียงแสง...แป๋งบ้ำนแป๋งเมืองจ ำแลงเมืองสวรรค์ แผนที่แสดงถิ่นฐำนและกำรเคลื่อนย้ำยของชำวยวนเชียงแสนบริเวณตอนกลำงของประเทศไทย ในครำวที่เมืองเชียงแสนแตกเมื่อปี พ.ศ.2347 จำกกำรท ำศึกโดยทัพเหนือ คือ ทัพเชียงใหม่น ำโดยเจ้ำ กำวิละ และทัพพันธมิตร และทัพใต้น ำโดยกรมหลวงเทพหริรักษ์ และเจ้ำพระยำยมรำชแห่งทัพกรุงเทพ และ ทัพลำวเวียงจันทร์ เข้ำโจมตีเมืองเชียงแสนเพื่อท ำลำยฐำนที่มั่นของพม่ำในล้ำนนำ ในกำรศึกนั้น ชำวเชียงแสนบำงส่วนรู้เห็นเป็นใจให้กองทัพเข้ำมำตีเมืองเชียงแสน ดังมีบันทึกในคร่ำว เชียงแสนแตกที่ว่ำ “…พวกเชียงแสน ชวนกันเล่นเลี้ยว เข้ำมำฆ่ำ นำยทวำร พร่องปืดง้ำง ประตูกระบำน บ่มี นำน รือรุดร่วนก้อง…”


7 เมื่อเชียงแสนแตกแล้ว ขับไล่พม่ำได้ส ำเร็จ เพื่อกำรป้องกันไม่ให้พม่ำย้อนกลับมำใช้เชียงแสนเป็นฐำน ที่มั่นอีกครั้ง จึงต้องเผำ ท ำลำย และกวำดต้อนผู้คนออกจำกเมืองเชียงแสนในฐำนะเชลยศึก และมีกำรแบ่งครัว ชำวเชียงแสนเป็น 5 ส่วน ดังที่กล่ำวไว้ในพระรำชพงศำวดำรกรุงรัตนโกสินทร์ที่ว่ำ “….กองทับกวำดได้ ครอบครัวสองหมื่นสำมพันเสศ รื้อก ำแพงเผำบ้ำนเมืองเสีย แล้วแบ่งปันครอบครัวกันเปนห้ำส่วน ให้ไปแก่เมือง เชียงใหม่ส่วนหนึ่ง เมืองนครล ำปำงส่วนหนึ่ง เมืองน่ำนส่วนหนึ่ง เมืองเวียงจันทร์ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งถวำยลง มำ ณ กรุงเทพฯ โปรดให้ตั้งบ้ำนเรือนอยู่เมืองสระบุรี แบ่งไปเมืองรำชบุรีบ้ำง…” ส ำหรับเมืองเชียงใหม่นั้น พระเจ้ำกำวิละได้น ำครัวชำวเชียงแสนมำไว้ที่ บ้ำนฮ่อม บ้ำนเมืองสำทร บ้ำนเจียงแสน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชำว เชียงแสนจะมีฝีมือในเชิงช่ำง เมื่อมำเชียงใหม่ก็ได้สร้ำงวัดหลำยวัด เช่น วัดอู่ทรำยค ำ วัดช่ำงดอกเงิน วัดดอก ค ำ เป็นต้น ส่วนเมืองล ำปำงนั้น ได้เอำคนมำไว้ที่วัดปงสนุก วัดเชียงรำย ทำงด้ำนเมืองน่ำนส่วนใหญ่จะไปไว้ แถว อ.เวียงสำในปัจจุบัน เป็นต้น ชำวเชียงแสนในเมืองพิษณุโลก : ชำวเชียงแสนที่อพยพตั้งถิ่นฐำนอยู่เมืองรำชบุรีและภำยหลังค่อย ๆ ขยับขยำยบุกเบิกพื้นที่ท ำกินย้อนขึ้นมำในเมืองนครปฐม ช่วงประมำณหลัง พ.ศ.2400 เป็นต้นมำได้ขยับขยำย ต่อย้อนขึ้นเหนือมำถึงเมืองพิษณุโลก ได้ตั้งหมู่บ้ำนกรรมธรรม์ บ้ำนดงประโดก บ้ำนสมอแข(ชุมแสง) และบ้ำน ลำดบัวขำว(ต.สมอแข อ.เมือง จ.พิษณุโลก) ชำวเมืองเชียงแสนในเมืองสงขลำ : เมืองสงขลำมีชำวไทยวนและอำจมีชำวไทลื้อด้วยกลุ่มหนึ่ง ถูก กวำดต้อนแบ่งในส่วนของกองทัพสยำมและได้จัดแบ่งไปไว้ที่เมืองสงขลำ สันนิษฐำนว่ำเป็นกำรกวำดต้อนครั้ง ใหญ่ใน พ.ศ.2347 เนื่องจำกหลังจำกนี้ไม่ปรำกฎกำรกวำดต้อนชำวไทยวนไปไว้ในสยำมอีกเลย ซึ่งปรำกฎ หลักฐำนมีชำวไทยวนที่เมืองสงขลำบำงคนพยำยำมหนีกลับมำในล้ำนนำ เช่น หนำนไชยวัณณำ(ต้นสกุล ไชย วัณณ์) รู้สึกคิดถึงถิ่นฐำนบ้ำนเมือง กำรท ำมำหำกินและขนบธรรมเนียมต่ำง ๆ ไม่เหมือนกับบ้ำนเมืองเดิม จึงได้ หนีออกจำกเมืองสงขลำเดินด้วยเท้ำกลับมำตั้งถิ่นฐำนอยู่ที่บ้ำนแป้น เมืองนครล ำพูน ที่ตั้งถิ่นฐำนในเมืองล ำพูร สันนิษฐำนว่ำเพรำะขณะนั้นเมืองเชียงแสนบ้ำนเมืองเดิมยังไม่ได้ฟื้นฟู และมีชำวเชียงแสนบำงส่วนอยู่ในเมือง ล ำพูน จึงได้ตั้งถิ่นฐำนในเมืองล ำพูนอย่ำงถำวรสืบมำจนถึงปัจจุบัน หลังกำรอพยพครั้งใหญ่ชำวเชียงแสนได้ผลัดถิ่น ไปอยู่ในสถำนที่ที่ไม่ใช่ถิ่นฐำนดังเดิมของตนเอง โดย กำรอยู่ร่วมกันกับชนกลุ่มอื่น ๆ ในสถำนที่นั้น ๆ อย่ำง หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดกำรแลกเปลี่ยนครั้งส ำคัญเกิดขึ้น ท ำให้ผ้ำซิ่นของชำวไทยวนเชียงแสนได้พัฒนำรูปแบบ และลวดลำยไปอย่ำงหลำกหลำยตำมแต่อิทธิพลของ กลุ่มชนแวดล้อมรอบข้ำง แต่อย่ำงไรก็ดีในช่วงแรกหลัง กำรอพยพรูปแบบผ้ำซิ่นเชียงแสนของแต่ละพื้นที่ยังคง สอดคล้องกัน ทั้งลวดลำยเทคนิคและสีสันที่คล้ำยคลึง กัน จึงเป็นหลักฐำนส ำคัญในกำรสันนิฐำนรูปแบบซิ่น โบรำณในสมัยก่อนเมืองแตกได้ว่ำน่ำจะมีลักษณะทำง กำยภำพเป็นแบบไหน อย่ำงไร ซึ่งผ้ำซิ่นระยะแรกหลัง เมืองแตกนี้จะเรียกว่ำ “ซิ่นเชียงแสนโบรำณ” พอใน ช่วงระยะเวลำถัดมำซิ่นเชียงแสนได้มีกำรพัฒนำอย่ำง ต่อเนื่อง โดยได้คลี่คลำยไปจำกรูปแบบดั้งเดิม จนใน ที่สุดได้กลำยเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจนของชำวเชียงแสน หลังกำรอพยพในแต่ละพื้นที่ซึ่งจะเรียกผ้ำซิ่นระยะที่ สองนี้ว่ำ “ซิ่นเชียงแสน” และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ของ ผ้ำซิ่นแบบเชียงแสนยุคสุดท้ำยคือในสมัยรัชกำลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์รูปแบบผ้ำซิ่นเชียงแสนได้พัฒนำไป จนแทบไม่เหลือเค้ำโครงเดิม ซิ่นเชียงแสนแบบจำรีตจึง ไม่จัดให้อยู่ในกลุ่มชิ่นตระกูลเชียงแสน แต่จะเรียกตำม เทคนิควัสดุหรือตำมพื้นที่ก ำเนิดตัวอย่ำงเช่น “ซิ่นค ำเคิบ” (ซิ่นที่ทอด้วยเส้นไหมสีเงินหรือทองมีประกำยแวว วำว ของจังหวัดน่ำน) ผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณเป็นโบรำณวัตถุอีกประเภท หนึ่งที่สำมำรถศึกษำรูปแบบอิทธิพลในกำรเข้ำมำ ของ วัฒนธรรมภำยนอกได้เป็นอย่ำงดี ตัวอย่ำงเช่น “ลำย โคมเจียงแสน” (โคมเชียงแสน) ซึ่งเป็นรูปแบบของ


8 โคมกระดำษทรงสี่เหลี่ยมซ้อนชั้นใช้ส ำหรับจุดไฟให้ แสงสว่ำงในยำมค่ ำคืน หรือใช้จุดเป็นพุทธบูชำในวัน ส ำคัญทำงศำสนำ โดยรูปแบบโคมดังกล่ำวเป็นรูปแบบ โคมไฟของชำวจีนที่ชำวเชียงแสนรับมำใช้จำกนั้นได้ ถูก ถ่ำยทอดลงไปบนลวดลำยผืนผ้ำในที่สุดอีกทั้งลำย ลวดดอกซีกดอกซ้อนที่ปรำกฏอยู่บนตัวผ้ำซิ่นของชำว ไทย วนเชียงแสนจังหวัดสระบุรีสำมำรถสันนิษฐำน ได้ว่ำได้ว่ำน่ำจะอิทธิพลจำกอำณำจักรหริภุญไชย ที่แผ่ขยำยยัง อำณำจักรเชียงแสนในอดีตเพรำะพบ ลวดลำยดังกล่ำวปรำกฏเป็นลวดลำยปูนปั้นประดับ สถำปัตยกรรมใน เมืองเชียงแสนอย่ำงแพร่หลำยนอกเหนือจำกอิทธิพลของวัฒนธรรมภำยนอกก็ยังมี วัฒนธรรมที่เกิดจำกกำร พัฒนำขึ้นเองภำยในอำณำจักร และมีบทบำทมำกเช่นกันอำทิเช่นลำยกำกบำทบน ผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณซึ่ง สำมำรถพบเห็นได้โดยทั่วไป ของผ้ำซิ่นแบบโบรำณในช่วงระยะแรกอีกด้วย องค์ประกอบของผ้ำซิ่นเชียงแสนแบบโบรำณกำล... หำกจะเปรียบเทียบผ้ำซิ่น 1 ผืนสำมำรถกล่ำวได้ว่ำ เหมือนกับสรีระมนุษย์ 1 คนที่ประกอบไปด้วย 3 ส่วน เย็บต่อกันเป็นผ้ำซิ่นหนึ่งผืนโดย 3 ส่วนดังกล่ำวคือ ส่วน หัวส่วนตัวและส่วนตีนหรือเชิงผ้ำซิ่น โดย ส่วนประกอบ ทั้งสำมส่วนมักจะแฝงไปด้วยวัตถุประสงค์กำรใช้งำนลง ไปนอกเหนือจำกกำรออกแบบที่สวยงำม ตำมทัศนธำตุ กล่ำวคือ... หัวซิ่นเป็นส่วนที่อยู่บนสุดของผ้ำซิ่นซึ่งในกำรนุ่ง ผ้ำซิ่นส่วนนี้จะอยู่ในบริเวณเอวผู้ สวมใส่ โดยหัวซิ่นแบบ เชียงแสนโบรำณจะใช้ผ้ำฝ้ำยมำเย็บต่อเป็นหัวซิ่นที่มี สีสันแตกต่ำงกันออกไป เช่น ขำว แดง น้ ำตำล น้ ำเงิน เขียว อำจจะมี 1 สี หรือ 2 แถบสีก็ได้ แต่ทว่ำไม่พบ เจอที่มี 3 แถบสีขึ้นไปในกรณีที่มี 2 แถบสี มักจะใช้ ผ้ำฝ้ำยสีขำวอยู่ด้ำยบนสุด และส่วนด้ำนล่ำงจะเย็บต่อ ด้วยผ้ำฝ้ำยสีแดง น ำ้ตำล หรือสีอื่น ๆ ทั้งนี้สำเหตุที่ต้องใช้ ผ้ำฝ้ำยมำเย็บต่อเป็นหัวซิ่น เพรำะจะช่วยให้ผ้ำซิ่นมีกำร ยึดเกำะของตะเข็บสันทบได้ดี ยิ่งขึ้น และเพื่อป้องกันไม่ ให้ชำยพกหลุดรุ่ยออกมำในระหว่ำงกำรสวมใส่ เหตุผล อีกประกำรหนึ่งที่ส ำคัญคือ วัสดุที่ใช้ทอในส่วนของตัว ซิ่นและตีนซิ่นแบบเชียงแสนโบรำณจะนิยมใช้ไหมซึ่งมี น ำ้หนักค่อนข้ำงมำก ดังนั้น ผ้ำฝ้ำยตรงส่วนหัวซิ่นจะเป็น ตัวรับแรงหน่วงได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ


9 ตัวซิ่นเป็นลวดลำยขวำงล ำตัวสลับสีกันเป็นริ้วๆ มี จังหวะที่สม่ ำเสมอกันตลอดทั้งผืน อำจมีหนึ่งตะเข็บ สองตะเข็บ หรือสำมตะเข็บเย็บก็ได้ นิยมทอด้วยไหม ล้วนหรือไหมแกมฝ้ำย มีวรรณะสีพื้นคือสีแดง หรือ สี เขียวในส่วนของแถบริ้วสีอำจมีกำรสร้ำงลวดลำยเพิ่ม ตรงกลำงหรือคั่นระหว่ำงแถบริ้วสีด้วยเทคนิคกำรจก กำรขิดกำรมัดก่ำน (มัดหมี่) กำรเกำะล้วงกำรยกมุก เส้นยืน โดยตัวซิ่นผืนหนึ่งๆ อำจมีกำรสร้ำงลวดลำยครบ ทั้ง 5 เทคนิค หรือไม่มีกำรสร้ำงลวดลำยเลยก็ได้ จะคง ไว้เฉพำะแถบลำยริ้วของเส้นสีที่สลับกันไปมำเท่ำนั้น ตีนซิ่นหรือเชิงผ้ำซิ่นจะมีตะเข็บเดียวสร้ำงลวดลวด ด้วยเทคนิคกำรจกด้วยฝ้ำยหรือไหมสลับสีบน ผ้ำพื้นสี แดง ล่ำงสุดของขอบผ้ำจะมีเส้นสีเหลืองกว้ำงประมำณ 1-2 เซนติเมตร ทอดตัวตำมแนวยำวของตีนซิ่น ส ำหรับ กำรสร้ำงลวดลำยจะใช้แม่ลำยหลักเป็นรูปตัวหงส์ (สัตว์ ในอุดมคติ) ซึ่งนิยมจกด้วยด้ำยสีด ำและลำย ประกอบคือลวดลำย “หยูอี้” (如意) ที่ใช้ประปรำย ซึ่งเห็นได้เด่น ชัดที่สุดคือลวดลำยที่เรียกว่ำ “หำงสะ เปำ” โดยเป็นชุด ลำยที่อยู่ในต ำแหน่งล่ำงสุดก่อนถึงท้องผ้ำพื้นสีแดง โดย ลวดลำยดังกล่ำวคือกำรน ำเอำลำยห ยูอี้มำเรียงต่อกัน เป็นแนวยำวในลักษณะกลับหัว แล้วเติมยอดให้มีควำม ยำวแหลม เพื่อเป็นกำรทิ้งท้ำยชุดลำย จก นอกจำกนี้ยัง ปรำกฏและลวดลำยพรรณพฤษำเลื้อยเป็นเถำว์ในแนว ยำวมีชื่อเรียกต่ำง ๆ กันตำมแต่ละ พื้นที่ เช่น “ลำยสร้อย ดอกหมำก” “ลำยสร้อยกำบหมำก” หรือ “ลำยคั๊วะดอก เอื้อง” ในส่วนวัสดุที่ใช้ในกำร ทอนิยมใช้เส้นไหมเป็นหลัก และแกมด้วยเส้นฝ้ำยเพื่อให้ตีนซิ่นมีน ำ้หนักมำกพอที่จะ ถ่วงน้ ำหนักตัวซิ่นลง ด้ำนล่ำงให้ผืนผ้ำเกิดควำมทิ้งตัว น ำมำซึ่งควำมงดงำมและควำมคล่องตัวยำมสวมใส่ใน กำรท ำกิจกรรมต่ำง ๆ


10 โครงสร้ำงลวดลำยผ้ำซิ่นยลยิ่งแสงแก้วเก้ำ ผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณจะมีโครงสร้ำงลวดลำยอยู่ ด้วยกัน 2 รูปแบบ คือรูปแบบแรกเป็นลวดลำยขวำง ล ำตัวที่สม่ ำเสมอกันตลอดทั้งผืน ซึ่งถือได้ว่ำเป็นรูปแบบ มำตรฐำนที่นิยมกันโดยทั่วไปของชำวไทยวนเชียงแสน และรูปแบบที่สองคือลวดลำยขวำงล ำตัวที่ไม่สม่ ำเสมอ กัน มีทั้งจังหวะดูซ้ ำ ๆ กันเป็นระเบียบปนกับจังหวะ ที่ ไม่เป็นระเบียบอยู่ในผืนเดียวกัน โดยผ้ำซิ่นแบบ โครงสร้ำงไม่สม่ ำเสมอจะพบเจอได้น้อยมำกของซิ่นกลุ่ม เชียง แสนโบรำณแต่ก็ถือเป็นหลักฐำนชิ้นส ำคัญในกำร อ้ำงอิงถึงกำรพัฒนำรูปแบบมำเป็น “ซิ่นม่ำน” (จังหวัด น่ำน) และ “ซิ่นต๋ำ” (จังหวัดรำชบุรี) โดยผ้ำซิ่นทั้งสอง แบบที่ได้กล่ำวมำจะเป็นผ้ำซิ่นเชียงแสนในช่วงระยะ ที่สอง นั่นเอง


11 ศำสตร์แห่งลวดลำยเส้นสำยแห่งสีสัน ซิ่นเชียงแสนโบรำณมีกำรทอขึ้นด้วยเส้นใยย้อมสี ที่ได้จำกธรรมชำติ ได้แก่ ใบไม้ แก่นไม้ รำกไม้ เมล็ด สินแร่และจำกสำรคัดหลั่งที่ได้จำกสัตว์ (ครั่ง) โดยโครง สีจะเป็นแบบสีแบบเบญรงค์ที่ประกอบด้วยสีแดง เขียว ด ำ ขำว เหลือง และครำม (หรือฟ้ำ) ซึ่งโครงสีหลักมัก จะเป็นสีแดงแล้วหยอดเหลืองขำวด ำเขียว และครำม ลง ไปผสมกันจนเกิดเป็นลวดลำยที่คมชัด และมีพลัง หำกสังเกตอย่ำงละเอียดถี่ถ้วนจะเห็นได้ว่ำชุดสี่เหล่ำ นี้ไม่ได้ เกิดจำกกำรนึกคิดเองแต่อย่ำงใดแต่เป็นกรอบ ของจำรีตที่สืบทอดกันมำ อันเป็นเหตุผลที่ท ำให้เรำ สำมำรถทรำบได้ว่ำผ้ำซิ่นผืนนี้เป็นซิ่นแบบเชียง แสน โบรำณ แม้ว่ำจะอยู่ต่ำงสถำนที่ที่พบเจอก็ตำม และยังมี ประเด็นควำมสัมพันธ์กับรูปแบบกำรใช้โทนสีที่ ใกล้เคียง กันกับศิลปวัตถุรูปแบบอื่นๆ ซึ่งมีอำยุเวลำไล่เลี่ยกัน คือ ภำพจิตรกรรมพระบฎเขียนสีฝุ่นที่ขุดค้นเจอ จำกกรุเจดีย์ วัดดอกเงิน อ ำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยในปัจจุบัน พื้นที่บริเวณดังกล่ำวได้กลำยเป็นเมือง บำดำลจมอยู่ใต้ ผืนน้ ำของเขื่อนภูมิพล


12 หงส์ด ำลวดลำยปริศนำ...แฝงศรัทธำแห่งธรรม หำกผู้อ่ำนได้อ่ำนมำถึงควำมตอนนี้จะมีข้อสงสัย ว่ำ “หงส์ด ำ” คืออะไร? แท้ที่จริงแล้วลำยหงส์ด ำคือ ลวดลำยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพำะของซิ่นเชียงแสนโบรำณ โดยเป็นลวดลำยที่พบเจอได้บ่อยครั้งทั้งในผ้ำซิ่นแบบ เชียงแสนโบรำณ ผ้ำซิ่นแบบเชียงแสนยุคที่สองเรื่อยมำ จนถึงผ้ำซิ่นของชำวไทยวนในสมัยรำชกำลที่ 5 ลงมำ ซึ่งลวดลำยดังกล่ำวจะเป็นรูปร่ำงของตัวหงส์แบบสอง มิติ หันหน้ำเข้ำหำกัน และมักจะเป็นสีด ำ จึงเป็นที่มำ ของชื่อลำยว่ำ “หงส์ด ำ” หรือ “เชียงแสนหงส์ด ำ” โดย รูปแบบลวดลำยของตัวหงส์ดังกล่ำวผู้เขียนสันนิฐำนว่ำ ได้รับอิทธิพลมำจำกลวดลำยปูนปั้นประดับบนเรือนซุ้ม อันเป็นที่นิยมใช้ประดับกันอย่ำงแพร่หลำยทั่วล้ำนนำ ซึ่งในพื้นที่ล้ำนนำจะเรียกว่ำ “ซุ้มโขง” โดยลวดลำยดัง กล่ำวเป็นศิลปะที่ส่งต่อมำจำกลวดลำยประดับบนซุ้มโต รณะของศิลปะแบบลังกำ โดยได้มีกำรน ำเข้ำมำผ่ำนกำร เผยแพร่พุทธศำสนำยังอำณำจักรสุโขทัย และส่งต่อให้ ทำงล้ำนนำอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งถือได้ว่ำเป็นลวดลำยนี้เป็น ลวดลำยที่เก่ำแก่ดั่งเดิมคล้ำยคลึงกับลำยโคมหรือลำย กำกบำทที่ปรำกฏอยู่บนตัวผ้ำซิ่นแบบเชียงแสนโบรำณ ลำยเชียงแสนหงส์ด ำ ได้รับอิทธิพลจำกลวดลำยปูนปั้นประดับเรือนซุ้มโขง ซุ้มประตูทำงเข้ำในเขต พุทธำวำส หรือวิหำร ประดับด้วยลวดลำยปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ในป่ำหิมพำนต์ สัญลักษณ์แทนป่ำหิมพำนต์ตำม คติจักรวำลที่แพร่หลำยไปทั่วล้ำนนำ โดยเป็นอิทธิพลมำจำกกำรเผยแพร่ศำสนำพุทธสู้สังคมล้ำนนำ (ทิพย์คำพร หำญอมรเศรษฐ.อัตลักษณ์เชียงรำยของผ้ำซิ่นตีนจกลำยหงส์ด ำ , 2546. ออนไลน์)


13


14 ซิ่นเชียงแสนโบรำณในหลำกพื้นที่...คือชีวีแห่งสำยสัมพันธ์ล้ำนนำ มำถึงบทนี้ผู้เขียนจะพำทุกท่ำนไปสัมผัสสุนทรียะ ควำมงำมของผ้ำซิ่นเชียงแสนโบรำณในระยะแรก (หลังเมืองแตก) ของพื้นที่ต่ำง ๆ โดยไล่ตำมล ำดับควำมเก่ำ แก่ของผ้ำซิ่นที่มีอำยุเวลำมำกที่สุดไปหำผ้ำซิ่นที่มี อำยุ เวลำน้อยที่สุด แต่อย่ำงไรก็ตำมซิ่นเชียงแสนโบรำณทุก พื้นที่ที่จะกล่ำวดังต่อไปนี้จะอยู่ในรูปแบบผ้ำซิ่น แบบ เชียงแสนโบรำณทั้งหมด เพียงแต่อำจมีระยะเวลำของ กำรทอขึ้นที่เหลื่อมกันไปบ้ำงตำมแต่ควำมพร้อม หรือ ปัจจัยแวดล้อมหลังกำรตั้งถิ่นฐำนใหม่ อำทิเช่น ควำม พร้อมของสภำพจิตใจหรือควำมพร้อมในเรื่องกำร จัดหำ วัสดุ อุปกรณ์เป็นต้น


15 ประวัติควำมเป็นมำของกลุ่มทอผ้ำพื้นเมืองเชียงแสน(วัดพระธำตุผำเงำ) ผ้ำทอล้ำนนำลำยเชียงแสนเกิดขึ้นโดยกลุ่มทอผ้ำพื้นเมืองเชียงแสน(วัดพระธำตุผำเงำ) ของกลุ่ม แม่บ้ำนสบค ำเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙ พระครูไพศำลรัตนำภิรัต ศึกษำประวัติเมืองเชียงแสนและทรำบว่ำในอดีตเคย มีกำรทอผ้ำลวดลำยสวยงำมแต่สูญหำยไป และสืบทรำบว่ำผ้ำทอเชียงแสนยังมีกำรทออยู่ที่จังหวัดรำชบุรี ท่ำน จึงน ำสมำชิกกลุ่มทอผ้ำไปศึกษำลำยผ้ำ น ำมำเป็นตัวอย่ำง และไปฝึกทอผ้ำที่อ ำเภอแม่แจ่ม หลังจำกนั้นกลุ่ม แม่บ้ำนได้ไปศึกษำดูงำนกำรทอผ้ำในแหล่งต่ำง ๆ ที่ อ.หนองบัวและ อ.ท่ำวังผำ จ.น่ำน และบ้ำนช่ำงเคิ้ง อ.แม่ แจ่ม จ.เชียงใหม่ หลังจำกกลับมำสืบประวัติผ้ำทอเชียงแสนพบอีกว่ำที่บ้ำนยำง อ.เสำไห้ จ.สระบุรี มีชมรมไทย วนที่อพยพไปจำกเชียงแสนและมีพิพิธภัณฑ์ไทยวน ทำงวัดจึงได้เชิญช่ำงทอผ้ำจำกสระบุรีมำสอนประยุกต์ สร้ำงลำยเชียงแสนเพื่อสร้ำงเอกลักษณ์และทอผ้ำรวดเร็วขึ้น จึงท ำให้เกิดผ้ำทอลำยเชียงแสนขึ้น


16 เอกลักษณ์ผ้ำทอลำยเชียงแสนที่แสดงควำมโดดเด่นทำงภูมิปัญญำ เอกลักษณ์อันโดเด่นของผ้ำทอลำยเชียงแสน คือเป็นผ้ำทอมือโดยใช้กี่ในกำรทอใช้เส้นด้ำยที่เป็นฝ้ำยและไหม ประดิษฐ์ ทอลวดลำยคงเดิมของชำวเชียงแสนโบรำณที่ค้นพบจ ำนวน 5 ลำย คือ ลำยขอพันเสำ ควำมหมำย ควำมผูกพัน ควำมมั่นคง ควำมเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ควำมเกื้อกูล กำรอยู่ ร่วมกัน ควำมสำมัคคี ควำมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ส่งเสริมกำรงำนให้ก้ำวหน้ำมั่นคง ลำยเสือย่อย ควำมหมำย ควำมน่ำเกรงขำม ควำมกล้ำหำญ ควำมเข็มแข็ง ควำมมีอ ำนำจ กำรได้รับ ควำมเคำรพ ยกย่อง นับถือจำกผู้ร่วมงำน


17 ลำยดอกมะลิควำมหมำย ควำมอ่อนหวำน ควำมเป็นกุลสตรี ควำมเป็นแม่หญิงล้ำนนำ (เชียงแสน) ควำมกตัญญู กำรทดแทนบุญคุณ ควำมรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก กำรได้ควำมเคำรพ ยกย่อง บูชำ ลำยกำแล ควำมหมำย ควำมงำมสง่ำ ควำมโดดเด่น เอกลักษณ์ควำมเป็นล้ำนนำ ควำมมั่งคั่ง มั่งมี ควำมเจริญในหน้ำที่กำรงำน ลำยไข่ปลำ ควำมหมำย ควำมโยงใยไม่มีวันสิ้นสุด ควำมรัก ควำมผูกพัน ควำมเอื้ออำทร ควำมยั่งยืน กำรได้รับควำมนิยมชมชอบ ซึ่งทั้งห้ำลำยดังกล่ำวได้จดทะเบียนลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ควำมโดเด่นอีกประกำรหนึ่งคือผ้ำทอลำย เชียงแสนมีกำรผสมผสำนลวดลำยทั้งห้ำนี้เข้ำด้วยกัน นอกจำกนี้กลุ่มทอผ้ำยังทอลำยอื่น ๆ ตำมควำมต้องกำร ของลูกค้ำ ที่นอกเหนือจำกลำยต้นแบบ ได้แก่ ลำยดอแก้ว ลำยผักแว่น ลำยดอกรัก ลำยกำบหมำก ลำยดอก หน่วย ลำยกี่ตะกอ ลำยตำตำรำงแบบไทลื้อหรือแบบอื่น ๆ เช่นลำยน้ ำไหลผสม (น้ ำไหลดอกกำบ น้ ำไหล ก้ำงปลำ น้ ำไหลขอหัก น้ ำไหลลอง) ลำยสัตว์ เช่น ช้ำง ม้ำ กวำง หงส์ นกกินน้ ำ ปลำ ลำยต่ำง ๆมักเป็นลำย เกี่ยวกับพืชและสัตว์ ลำยที่เป็นวัตถุ เช่น เจดีย์ ปรำสำท ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัว กำรให้ลำยหำกเป็น เสื้อผ้ำนิยมทอเป็นลำยดอก ผ้ำขำวม้ำ นิยมทอลำยตำรำง ช้ำงและม้ำ


18 อุปกรณ์กำรทอผ้ำตีนจก 1.เสิง หมำยถึง ตะแกรงสำนด้วยไม้ไผ่ขนำดกลมเท่ำกระด้งฝัดข้ำว 2.อิ้ว หมำยถึง อุปกรณ์ที่ใช้หีบเอำเมล็ดฝ้ำยออก 3.กง หมำยถึง อุปกรณ์ท ำด้วยไม้ไผ่ ใช้ยิงฝ้ำย


19 4.ตะลุ่ม หมำยถึง อุปกรณ์ใช้ในขั้นตอนกำรยิงฝ้ำยมีลักษณะเหมือนกระบุงใบใหญ่ 5. เผี่ยน หมำยถึง อุปกรณ์ใช้ปั่นด้ำย 6. เปีย หมำยถึง อุปกรณ์ท ำด้วยไม้ใช้แยกฝ้ำยออกเพื่อท ำเป็นไจ


20 7.เผือ หมำยถึง อุปกรณ์ส ำหรับค้นหูก เพื่อน ำมำท ำเป็นด้ำยยืน 8.กี่ทอผ้ำ 9. ด้ำยทอผ้ำ


21


22 กรรมวิธีกำรทอผ้ำแบบดั้งเดิมซึ่งขั้นตอนกำรทอผ้ำแบบโบรำณ สรุปไว้ 13 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 กำรตูนฝ้ำย (กำรตำกดอกฝ้ำย) คือ กำรน ำปุยฝ้ำยจำกต้นฝ้ำยมำผึ่งแดดโดยใช้เสิง เพื่อให้ปุยฝ้ำยแห้งและเลือกเอำขยะออก ขั้นตอนที่ 2 กำรอิ๊วฝ้ำย คือกำรน ำปุยฝ้ำยที่เลือกขยะออกแล้ว มำหีบเอำเมล็ดออกโดยใช้อิ๊ว ขั้นตอนที่ 3 กำรยิงฝ้ำย คือกำรน ำปุยฝ้ำยที่ได้ มำดีดด้วยกงฝ้ำย เพื่อให้ปุยฝ้ำยละเอียดกลำยเป็น เนื้อเดียวกัน ขั้นตอนที่ 4 กำรล้อมฝ้ำย คือ กำรน ำปุยฝ้ำยที่ละเอียดแล้วมำล้อเป็นแท่งกลมยำวประมำณ 1 เซนติเมตร เส้นผ่ำศูนย์กลำงประมำณ 1 เซนติเมตรฝ้ำยกลมแท่งนี้เรียกว่ำ ล้อมฝ้ำย ขั้นตอนที่ 5 กำรเข็นฝ้ำย คือกำรน ำล้อมฝ้ำยมำเข็น เพื่อให้เป็นเส้นด้ำย ด้วยหลำ ขั้นตอนที่ 6 กำรเปียฝ้ำย คือกำรน ำฝ้ำยที่เข็นแล้วออกจำกหลำ ด้วยเปีย เพื่อท ำฝ้ำยให้เป็นก ำ หรือ ใจ ขั้นตอนที่ 7 กำรเฮ้ำน้ ำข้ำวฝ้ำย ( กำรลงน้ ำข้ำว ) คือ กำรน ำฝ้ำยที่เป็นก ำหรือใจ ไปย้อมสีก่อน น ำไปลงน้ ำข้ำว ( น้ ำที่รินจำกหม้อหุงข้ำว ) เพื่อให้เส้นฝ้ำยเหนียวไม่ขำดง่ำย


23 ขั้นตอนที่ 8 กำรตำกฝ้ำย คือ กำรน ำฝ้ำยที่ลงน้ ำข้ำวแล้วมำท ำควำมสะอำดโดยใช้ไม้ตีผงข้ำวสุก ออก ก่อนน ำไปตำกแดดให้แห้ง ขั้นตอนที่ 9 กำรกวักฝ้ำย คือกำรน ำฝ้ำยที่แห้งแล้วมำกวัก เพื่อจัดเรียงเส้นฝ้ำยใหม่ให้ยำว ติดต่อกัน ขั้นตอนที่ 10 กำรค้นหูก คือกำรน ำฝ้ำยที่กวักแล้วไปค้นเป็นเครือ ด้วย เผือ เรียกว่ำเครือหูก ขั้นตอนที่ 11 กำรสืบหูก คือกำรน ำเครือหูกมำสืบต่อใส่ฟืม เพื่อต่อฝ้ำยยืน ขั้นตอนที่ 12 กำรฮ้ำงหูก (กำรแต่งเครือหูก) คือ กำรน ำเครือหูกที่สืบต่อฝ้ำยยืนแล้วมำขึงในกี่ เพื่อ เตรียมทอ ขั้นตอนที่ 13 กำรปั่นหลอด คือกำรกรอด้ำยใส่ไม้ก้อหลอด เรียกว่ำ กรอหลอดด้ำยแล้วน ำมำใส่ กระสวย เพื่อเตรียมทอ (ถวิล ขยันดี.วิธีกำรทอผ้ำตีนจก , 2017.ออนไลน์)


24


25 กำรทอผ้ำไหมเป็นภูมิปัญญำท้องถิ่นดั้งเดิมของคนไทยที่มีมำตั้งแต่สมัยโบรำณ ศิลปะกำร ทอผ้ำไหม นับเป็นงำนศิลปะที่โดดเด่นทั้งสีสัน และควำมสวยงำมของลวดลำย ควำมงำมของผ้ำทอ นั้นเกิดขึ้นได้ด้วยมือของผู้ทอ ซึ่งผู้ทอจะต้องทุ่มเททั้งก ำลังกำย ก ำลังใจ และควำมคิดสร้ำงสรรค์ อย่ำงมำกในกำรผสมสี และประดิษฐ์ลวดลำย ผู้ทอจึงเป็นคนส ำคัญที่จะช่วยให้ศิลปะกำรทอผ้ำ ไหมได้รับกำรกล่ำวถึงและสืบต่อกันจนถึงคนรุ่นหลัง (วัฒนะ จะฑะวิภำค, 2545, หน้ำ 108) แต่ หำกลวดลำยนั้นไม่ได้มีกำรอนุรักษ์ให้คงอยู่ ลำยต่ำง ๆ ที่เกิดขึ้นมำก็จะสูญหำยไป ซึ่งเรำสำมำรถอนุรักษ์และสืบสำนผ้ำซิ่นตีนจกลำยหงส์ด ำได้โดยที่ไม่ต้องรอหน่วยงำน ภำครัฐให้เข้ำมำจัดกำรหรือด ำเนินกำร โดยที่เรำนั้นอำจท ำกำรถ่ำยทอดควำมรู้ให้แก่ผู้คนได้รู้จัก และรับรู้ถึงกำรมีอยู่ของวัฒนธรรมกำรแต่งกำย ด้วยลำยผ้ำอัตลักษณ์ของเชียงรำยเพื่อสืบทอด ลวดลำยผ้ำและวัฒนธรรมเก่ำไม่ให้เลือนหำยไป นอกจำกจะเป็นกำรอนุรักษ์และสืบทอดลวดลำยของผ้ำไม่ให้เลือนหำยไปแล้วนั้น เรำยัง สำมำรถสร้ำงกำรยอมรับในอัตลักษณ์ของเชียงรำย ได้จำกกำรส่งเสริมกำรนุ่งผ้ำซิ่นตีนจกลำยหงส์ ด ำ ในโอกำสต่ำง ๆ เพื่อเป็นกำรเผยแพร่อัตลักษณ์ของเชียงรำยให้เป็นที่รู้จัก และยังคงรักษำ วัฒนธรรมเก่ำให้คงอยู่สืบไป


26 วิธีกำรทอตีนจก“เชียงแสนหงส์ด ำ” ขั้นตอนกำรทอผ้ำตีนจก เทคนิคเก็บลำยไม้ดอก 1. แกะลำยผ้ำลงบนกระดำษกรำฟ โดยเรำจะก ำหนดให้ หนึ่งช่องในกระดำษกรำฟเป็นหนึ่งคู่ของเส้น ยืน และก ำหนดให้ เครื่องหมำย กำกบำท แทนลำยหน้ำผ้ำ (ลำยด้ำนนอก)


27 2.เตรียมด้ำยแต่ละสีตำมที่เรำก ำหนดไว้ในกรำฟลำย 3. เก็บลำยจำกกระดำษกรำฟลงบนเส้นยืน โดยจะก ำหนดให้หนึ่งคู่ของเส้นยืนที่ออกมำจำกรูฟืม เดียวกันเป็นหนึ่งช่องตำรำงบนกระดำษกรำฟ และก ำหนดให้เครื่องหมำยกำบำทที่เขียนลงกระดำษกรำฟในแต่ ละช่องนั้นเป็นเส้นยก ส่วนช่องตำรำงที่ว่ำงนั้นเป็นเส้นข่ม เก็บลำยบนเส้นยืนยกและข่มไปเรื่อย ๆ จนหมดหนึ่ง แถวถือเป็นหนึ่งไม้ 4. น ำไม้ด้ำมเล็กขนำดกว้ำงประมำณ 2 นิ้ว สอดไปตำมช่องว่ำงของเส้นยืนที่ยกและข่มนั้นไปตลอด หน้ำผ้ำ


28 5. พลิกไม้ด้ำมขึ้น โดยให้ติดชิดกับหวีฟืม 6. เมื่อเรำพลิกไม้ด้ำมแล้ว อีกฝั่งของฟืม และเขำ เรำจะเห็นเส้นยืนแยกกันอยู่สองชั้นอย่ำงชัดเจน 7. น ำไม้ด้ำมขนำดกว้ำงประมำณ 4 นิ้ว สอดไปตำมช่องว่ำงตรงกลำงระหว่ำงเส้นยืนชั้นบนกับชั้นล่ำง


29 8. ใช้ไม้ด้ำมเล็ก โดยถอดจำกที่เรำสอดไว้ครั้งแรกนั้นมำรวบ เขำยำว ให้เข้ำมำใกล้กับตัวผู้ทอมำก ที่สุด 9. พลิกไม้ด้ำมใหญ่ขึ้น แล้วเรำจะเห็นเขำยำวนั้นแยกออกจำกกัน 10. ใช้ไม้เก็บดอกแยกระหว่ำงเขำที่อยู่บนไม้ด้ำมและเขำที่อยู่ล่ำงไม้ด้ำม เพื่อช่องว่ำงที่กว้ำงขึ้นและ ชัดเจน


30 11. น ำไม้เก็บลำย โดยสอดไม้เก็บลำยบนเส้นยืนทุกเส้นแล้วน ำไปไว้บนสุดของเขำยำว จำกนั้นใช้ไม้ หนีบผ้ำ หนีบไว้ไม่ให้ไมhเก็บลำยนั้นหลุดหรือล่วงลงมำ 12. ใช้ด้ำยแต่ละสีจกไปตำมเส้นยืนตำมสีที่เรำก ำหนดไว้บนกรำฟตั้งแต่แรกที่เรำเก็บลำยไว้จนครบ หมดทุกเส้น 13. เหยียบตะกรอ เพื่อให้เส้นยืนยกและข่มกัน จำกนั้นน ำกระสวยที่ใส่ด้ำยไว้สองเส้น ส ำหรับเป็นสี พื้น พุ่งหนึ่งรอบ เรียกว่ำเส้นรองดอก ข้อสังเกตคือต้องระวังไม่ให้เส้นยืนยกและข่มซ้ ำกันกับแถวก่อนหน้ำ


31 14. เก็บลำยไว้ทุก ๆ แถวจนหมดลำยที่เขียนไว้บนกระดำษกรำฟ (ท ำเหมือนกับข้อที่ 3 – ข้อที่ 13) 15. เมื่อเก็บลำยครบหมดทุกแถวแล้ว ถือได้ว่ำ ครบครึ่งหนึ่งของลำย 16. น ำไม้เก็บลำย ที่เก็บไว้นั้น ลงมำ หนึ่งไม้ แล้วแยกเขำยำว จำกนั้นเก็บไม้ที่น ำลงมำนั้นไว้ล่ำงสุด ของเขำยำว แล้วยกเขำที่อยู่ฝั่งคนทอขึ้น จำกนั้นน ำไม้ด้ำมใหญ่ สอดไประหว่ำงเส้นยืนชั้นบนและชั้นล่ำง แล้ว พลิกไม้ด้ำมขึ้น


32 17. เส้นยืนจะปรำกฏเส้นยกและเส้นข่ม ใช้ขนเม่น หรือไม้แหลม จกด้ำยแต่ละสีตำมลำยที่เรำเขียนลง บนกระดำษกรำฟ แล้วพุงเส้นรองดอกในทุก ๆ แถว 18. น ำไม้ดอกลงทีละไม้และท ำซ้ ำไปเรื่อย ๆ จนครบหมดทุกไม้ ยกเว้นไม้แรก เมื่อน ำลงมำทอแล้วก็ เก็บไว้ข้ำงบนสุดตำมเดิม เมื่อหมดแล้วก็น ำไม้ดอกจำกข้ำงล่ำงขึ้นแล้วทอที่ละไม่เช่นกัน ท ำไปซ้ ำไปเรื่อย ๆ จน เหลือไม้สุดท้ำย เมื่อทอเสร็จก็เก็บไม้ไว้ล่ำงสุด ทอไปเรื่อย ๆ จนได้ควำมยำวที่ต้องกำร ผ้ำทอลำยเชียงแสนหงส์ด ำที่ทอส ำเร็จแล้ว


33 “เชียงแสนหงส์ด ำ” ลำยอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัดเชียงรำย ตัวอย่ำงผ้ำทอตีนจกลำยเชียงแสนหงส์ด ำ อำยุประมำณ 180 ปี พบในพื้นที่อ ำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรำย ตำมที่ผู้ว่ำรำชกำรจังหวัดเชียงรำยได้ด ำเนินกำรพิจำรณำออกแบบลวดลำยผ้ำและเครื่องแต่งกำย จังหวัดเชียงรำย ที่สื่อถึงเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรำย ด้วยรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ คตินิยม ควำมเชื่อ และขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชำติพันธุ์ที่อำศัยอยู่ในจังหวัดเชียงรำย ส่งเสริมกำร น ำมรดกภูมิปัญญำกำรทอผ้ำให้คงอยู่สืบไป ส่งเสริมกำรน ำทุนทำงวัฒนธรรมมำต่อยอดมูลค่ำเพิ่มทำงเศรษฐกิจ ตลอดจนเป็นกำรสนับสนุนให้ทุกภำคส่วนทั้งภำครัฐ ภำคเอกชน รัฐวิสำหกิจ สถำนศึกษำ หน่วยงำน องค์กร เด็ก เยำวชนและประชำชน ให้ควำมสนใจในกำรอนุรักษ์ผ้ำไทย ผ้ำถิ่นมำกยิ่งขึ้น


34


35 จึงขอประกำศใช้ลำยผ้ำ “เชียงแสนหงส์ด ำ” เป็นลำยผ้ำอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัดเชียงรำย และเครื่อง แต่งกำยจังหวัดเชียงรำย ดังนี้ 1. ลำยผ้ำ “เชียงแสนหงส์ด ำ” เป็นลำยผ้ำอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัดเชียงรำย 2. ใช้สีม่วง ตำมแนบท้ำยประกำศเป็นสีของเครื่องแต่งกำนจังหวัดเชียงรำย 3. ชุดพิธีกำรและชุดล ำลอง ตำมแนบท้ำยประกำศเป็นชุดเครื่องแต่งกำยจังหวัดเชียงรำย ในกำรนี้ เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกภำพส่วนทั้งภำครัฐ ภำคเอกชน รัฐวิสำหกิจ สถำนศึกษำ หน่วยงำน องค์กร เด็ก เยำวชน และประชำชน ภำคภูมิใจในลำยผ้ำอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัด และส่งเสริมสนับสนุนกำรใช้ และสวมใส่ผ้ำไทยผ้ำถิ่นในโอกำสต่ำง ๆ ต่อไป


36


37 จากประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงรายย้อนกลับไปในอดีตร่วม 700 กว่าปี มีอนาจักรที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น ้าโขง ที่เคยเจริญรุ่งเรืองด้วยสภาพเศรษฐกิจสังคมและศิลปวัฒนธรรมอันมีความส าคัญในการเป็นจุดเริ่มต้นของต้นสายกลุ่มชน ที่เรียกตัวเองว่า “ไทยวน” โดยอาณาจักรดังกล่าวมีชื่อว่า “เมืองเชียงแสน” ศิลปวัตถุที่มาจากเมืองเชียงแสนโบราณเป็น ศิลปะชิ้นเอก ในรูปแบบพุทธศิลป์ เครื่องใช้ที่ท าจากทองค าหรือโลหะมีค่า และรวมไปถึงสิ่งถักทอ ลายเชียงแสนหงส์ด า สันนิษฐานว่า ได้รับอิทธิพลจากลวดลายปูนปั้นประดับเรือนซุ้มโขง ซุ้มประตูทางเข้าในเขตพุทธาวาส หรือวิหาร ประดับ ด้วยลวดลายปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ในป่ าหิมพานต์ สัญลักษณ์แทนป่ าหิมพานต์ตามคติจักรวาล ที่แพร่หลายไปทั่วล้านนา โดย เป็นอิทธิพลมาจากการเผยแผ่ศาสนาพุทธสู่สังคมล้านนา การใช้ลายผ้า “เชียงแสนหงส์ด า” เป็นลายผ้าอัตลักษณ์ประจ าจังหวัดเชียงราย เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ทุกภาพ ส่วนทั้งภาครัฐ ภคเอกชน รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา หน่วยงาน องค์กร เด็ก เยาวชนและประชาชน ภาคภูมิใจในลายผ้าอัต ลักษณ์ประจ าจังหวัด และส่งเสริมสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยผ้าถิ่นในโอกาสต่างๆ ต่อไป


38 “ภม ู ใิ จต ีส ้ ด ุ...! ตี้ได้ตอซิ่งตีนจกเจียงแสนหงส์ด ำ ...อยำกฮือลำยผ้ำโบรำณจะอี้ อยู่กู้จำวเจียงแสนและ จำวเจียงฮำย...ฮือคนทั่วไปได้ใส่ ซิ่นงำม ๆ หมู่แม่จะ… พยำยำมสืบสำนควำมฮู้ กำรตอผ้ำซิ่นตีนจกเจียงแสน หงส์ด ำนี้… สืบลูกหลำนต่อไป...จ้ำว” แมส่นุีย์พลสวสัดิ.์ ประธานกลุ่มผ้าทอพื้นเมืองเชียงแสนวัดพระธาตุผาเงา สัมภาษณ์ : 23 ธันวาคม 2565. อายุ 64 ปี


39


40 ภำคผนวก


41 กลุ่มทอผ้ำพื้นเมืองลำยเชียงแสน บ้ำนสบค ำ


42 กลุ่มทอผ้ำพื้นเมือง อ ำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรำย


43 ผ้ำทอตีนจกลำยเชียงแสนหงส์ด ำ อำยุประมำณ 180 ปี พบในพื้นที่อ ำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงรำย กำรประกำศให้“เชียงแสนหงส์ด ำ” เป็นลำยอัตลักษณ์ประจ ำจังหวัดเชียงรำย


44


Click to View FlipBook Version