ใบงานประกอบการจัดการเรียนรูการวัดและการประเมินผล การจัดกิจกรรมการเรียนรู เรื่อง เสภาขุนชางขุนแผน ตอนขุนชางถวายฎีกา รายวิชา ภาษาไทย ๕ รหัสวิชา ท33101 ผูสอน นางกัญญาภัค ทองศรีสมบูรณ โรงเรียนเขาสมิงวิทยาคม “จงจินตรุจิรวงศอุปถัมภ” จังหวัดตราด ********************************************************************************** รายการ วิธีการ เกณฑการประเมิน 1. ใบงานเรื่อง สรรพสารนารู ตอน ขุนชางถวายฎีกา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน 2. ใบงาน เรื่อง คนคำไขความ ตอนขุนชางถวายฎีกา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน 3. ใบงาน เรื่อง รูความตามทองเรื่อง ตอนขุนชางถวายฎีกา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน 4. ใบงาน เรื่อง แงงามความคิด ตอนขุนชางถวายฎีกา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน 5. ใบงาน เรื่อง วิถีไทย ตอนขุนชางถวายฎีกา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน 6. ใบงานเรื่อง ศิลปะและรสแหงภาษา ตรวจใบงาน ทำถูกรอยละ ๗๐ ขึ้นไป ถือวา ผาน
ใบงาน เรื่อง สรรพสารนารู ตอนขุนชางถวายฎีกา คำชี้แจงใหนักเรียนตอบคำถามตอไปนี้ 1. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ไดรับยกยองจากวรรณคดีสโมสรใหเปนยอดของวรรณคดีประเภทใด 2. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน มีเคาที่มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยใด 3. การนำเรื่อง ขุนชางขุนแผน มาขับเสภา สันนิษฐานวาเกิดขึ้นในสมัยใด 4. การขับเสภามีมูลเหตุมาจากอะไร 5. ประเพณีการขับเสภาแตเดิมมามีการใชเครื่องดนตรีอะไรประกอบการขับ 6. การขับเสภาประกอบวงปพาทย เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด 7. การขับเสภาประกอบวงปพาทย เรียกวาอะไร 8. การขับเสภาที่มีปพาทยรับและมีการรายรำประกอบ เรียกวาอะไร 9. กวีผูแตงเสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอนขุนชางถวายฎีกา คือใคร 10. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอนใดที่เปนผลงานของสุนทรภู 11. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน มีทั้งหมดกี่ตอน 12. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน แตงดวยคำประพันธประเภทใด 13. กลอนเสภามีลักษณะตางจากกลอนแปดอยางไร 14. ในราชสำนักตั้งแตสมัยรัชกาลที่ 2 เปนตนมา มักขับเสภาถวายในโอกาสใด 15. สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานวา “พระพันวษา” ในเรื่องขุนชาง ขุนแผน นาจะหมายถึงพระมหากษัตริยพระองคใด
ใบงาน เรื่อง สรรพสารนารู ตอนขุนชางถวายฎีกา เฉลย คำชี้แจง ใหนักเรียนตอบคำถามตอไปนี้ 1. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ไดรับยกยองจากวรรณคดีสโมสรใหเปนยอดของวรรณคดีประเภทใด ยอดของกลอนเสภา 2. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน มีเคาที่มาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยใด สมัยอยุธยาตอนตน 3. การนำเรื่อง ขุนชางขุนแผน มาขับเสภา สันนิษฐานวาเกิดขึ้นในสมัยใด รัชสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช สมัยอยุธยาตอนกลาง 4. การขับเสภามีมูลเหตุมาจากอะไร การเลานิทาน 5. ประเพณีการขับเสภาแตเดิมมามีการใชเครื่องดนตรีอะไรประกอบการขับ กรับ 6. การขับเสภาประกอบวงปพาทย เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด รัชกาลที่ 2 7. การขับเสภาประกอบวงปพาทย เรียกวาอะไร เสภาทรงเครื่อง 8. การขับเสภาที่มีปพาทยรับและมีการรายรำประกอบ เรียกวาอะไร เสภารำ 9. กวีผูแตงเสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอนขุนชางถวายฎีกา คือใคร ไมปรากฏนามผูแตง 10. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน ตอนใดที่เปนผลงานของสุนทรภู กำเนิดพลายงาม 11. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน มีทั้งหมดกี่ตอน 43 ตอน 12. เสภาเรื่อง ขุนชางขุนแผน แตงดวยคำประพันธประเภทใด กลอนเสภา 13. กลอนเสภามีลักษณะตางจากกลอนแปดอยางไร กลอนเสภามีจำนวนคำในแตละวรรคไมแนนอน 14. ในราชสำนักตั้งแตสมัยรัชกาลที่ 2 เปนตนมา มักขับเสภาถวายในโอกาสใด ขับเสภาถวายเมื่อทรงเครื่องใหญ 15. สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานวา “พระพันวษา” ในเรื่องขุนชาง ขุนแผนนาจะหมายถึงพระมหากษัตริยพระองคใด สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2
ใบงาน เรื่อง รู้ความตามท้องเรื่อง ตอนขุนช้างถวายฎีกา คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกว่า คำที่ขีดเส้นใต้ต่อไปนี้หมายถึงใคร 1. วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้ “กู” หมายถึง “มารดา” หมายถึง 2. เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดี เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง “พ่อ” หมายถึง “เขา” หมายถึง “แม่” หมายถึง “เจ้า” หมายถึง 3. ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ “ลูกชาย” หมายถึง “สอง” หมายถึง “พ่อ” หมายถึง 4. ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไป ไม่เอากลับมาได้มิใช่กู “กู” หมายถึง 5. จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง “สองนาง” หมายถึง 6. เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย มันจึงเหิมใจทำจองหอง พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้ “กู” หมายถึง 7. แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น้ำยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา “มัน” หมายถึง
8. อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์ “เจ้า” หมายถึง “พี่” หมายถึง 9. เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู “มัน” หมายถึง “กู” หมายถึง 9. เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป ก็ช้านานได้ประมาณสิบแปดปี ครั้งนี้ทำไมมึงจึงมาได้ นี่มึงหนีมันมาฤๅว่าไร ฤๅว่าใครไปรับเอามึงมา “มัน” หมายถึง
ใบงาน เรื่อง รู้ความตามท้องเรื่อง ตอนขุนช้างถวายฎีกา เฉลย คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกว่า คำที่ขีดเส้นใต้ต่อไปนี้หมายถึงใคร 1. วันนั้นแพ้กูเมื่อดำน้ำ ก็กริ้วซ้ำจะฆ่าให้เป็นผี แสนแค้นด้วยมารดายังปรานี ให้ไปขอชีวีขุนช้างไว้ “กู” หมายถึง จมื่นไวยวรนาถ (พลายงาม) “มารดา” หมายถึง วันทอง 2. เมื่อพ่อเจ้าเข้าคุกแม่ท้องแก่ เขาฉุดแม่ใช่จะแกล้งแหนงหนี ถึงพ่อเจ้าเล่าไม่รู้ว่าร้ายดี เป็นหลายปีแม่มาอยู่กับขุนช้าง “พ่อ” หมายถึง ขุนแผน “เขา” หมายถึง ขุนช้าง “แม่” หมายถึง วันทอง “เจ้า” หมายถึง จมื่นไวยวรนาถ 3. ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ “ลูกชาย” หมายถึง จมื่นไวยวรนาถ “สอง” หมายถึง สร้อยฟ้า และศรีมาลา “พ่อ” หมายถึง ขุนแผน 4. ไม่คิดว่าจะเป็นเห็นว่าแก่ ยังสาระแนหลบลี้หนีไปไหน เอาเถิดเป็นไรก็เป็นไป ไม่เอากลับมาได้มิใช่กู “กู” หมายถึง ขุนช้าง 5. จะกล่าวถึงขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์ลือจบพิภพไหว อยู่บ้านสุขเกษมเปรมใจ สมสนิทพิสมัยด้วยสองนาง “สองนาง” หมายถึง ลาวทอง และแก้วกิริยา
6. เพราะกูแพ้ความจมื่นไวย มันจึงเหิมใจทำจองหอง พ่อลูกแม่ลูกถูกทำนอง ถึงสองครั้งแล้วเป็นแต่เช่นนี้ “กู” หมายถึง ขุนช้าง 7. แสนถ่อยใครจะถ่อยเหมือนมันบ้าง ทุกอย่างที่จะชั่วอ้ายหัวลื่น เวียนแต่เป็นถ้อยความไม่ข้ามคืน น้ำยืนหยั่งไม่ถึงยังดึงมา “มัน” หมายถึง ขุนช้าง 8. อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์ “เจ้า” หมายถึง วันทอง “พี่” หมายถึง ขุนแผน 9. เร่งเร็วเหวยพระยายมราช ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี อย่าให้มีโลหิตติดดินกู “มัน” หมายถึง วันทอง “กู” หมายถึง พระพันวษา 10.เลี้ยงมึงไม่ได้อ้ายใจร้าย ชอบแต่เฆี่ยนสองหวายตลอดสัน แล้วกลับความถามข้างวันทองพลัน เออเมื่อมันฉุดคร่าพามึงไป ก็ช้านานได้ประมาณสิบแปดปี ครั้งนี้ทำไมมึงจึงมาได้ นี่มึงหนีมันมาฤๅว่าไร ฤๅว่าใครไปรับเอามึงมา “มัน” หมายถึง ขุนช้าง
ใบงาน เรื่อง ค้นคำไขความ ตอนขุนช้างถวายฎีกา คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ 1. เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา 2. อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองให้จงได้ ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกนไป ทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี 3. ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน 4. เข้าตรงบโทนอ้นต้นกัญญา เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา 5. ม่านมู่ลี่มีฉากประจำกั้น อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง 6. พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น 7. อีวันทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่ ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ
8. แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป 9. จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู 10. คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา ให้อุธัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด
ใบงานเรื่อง ค้นคำไขความ ตอนขุนช้างถวายฎีกา เฉลย คำชี้แจง ให้นักเรียนบอกความหมายของคำศัพท์ที่ขีดเส้นใต้ในแต่ละข้อต่อไปนี้ 1. เงียบสัตว์จัตุบททวิบาท ดาวดาษเดือนสว่างกระจ่างไข น้ำค้างตกกระเซ็นเย็นเยือกใจ สงัดเสียงคนใครไม่พูดจา จัตุบททวิบาท หมายถึง สัตว์สี่เท้า สองเท้า 2. อะไรพอสว่างวางเข้ามา เด็กหวาจับถองให้จงได้ ลุกขึ้นถกเขมรร้องเกนไป ทุดอ้ายไพร่ขี้ครอกหลอกผู้ดี ถกเขมร หมายถึง การนุ่งผ้าหยักรั้งขึ้นไปให้พ้นหัวเข่า บางครั้งเรียกว่า “ขัดเขมร” ร้องเกน หมายถึง ร้องตะโกนดังๆ 3. ได้ยินเสียงฆ้องย่ำประจำวัง ลอยลมล่องดังถึงเคหา คะเนนับย่ำยามได้สามครา ดูเวลาปลอดห่วงทักทิน ทักทิน หมายถึง วันชั่วร้าย 4. เข้าตรงบโทนอ้นต้นกัญญา เพื่อนโขกลงด้วยกะลาว่าผีเสื้อ มหาดเล็กอยู่งานพัดพลัดตกเรือ ร้องว่าเสือตัวใหญ่ว่ายน้ำมา บโทน หมายถึง นายเรือ ผู้คอยให้จังหวะสัญญาณให้พายช้าพายเร็ว ผีเสื้อ หมายถึง ผีเสื้อสมุทร 5. ม่านมู่ลี่มีฉากประจำกั้น อัฒจันทร์เครื่องแก้วก็หนักหนา ชมพลางย่างเยื้องชำเลืองมา เปิดมุ้งเห็นหน้าแม่วันทอง อัฒจันทร์ หมายถึง ชั้นที่ตั้งเครื่องแก้วซึ่งเป็นของประดับบ้าน 6. พิเคราะห์ดูทั้งยามอัฐกาล ก็บันดาลฤกษ์แรงเป็นหนักหนา มิรู้ที่จะแถลงแจ้งกิจจา กอดเมียเมินหน้าน้ำตากระเด็น อัฐกาล หมายถึง ยามแปด คือ เวลาตั้งแต่ 04.30 – 06.00 น. 7. อีวันทองกูให้อ้ายแผนไป อ้ายช้างบังอาจใจทำจู่ลู่ ฉุดมันขึ้นช้างอ้างถึงกู ตะคอกขู่อีวันทองให้ตกใจ จู่ลู่ หมายถึง ถลันเข้าไป รี่เข้าไปตามทาง โดยปริยาย หมายถึง ดูถูก
8. แล้วทำผงอิทธิเจเข้าเจิมพักตร์ คนเห็นคนทักรักทุกหน้า เสกกระแจะจวงจันทน์น้ำมันทา เสร็จแล้วก็พาวันทองไป ผงอิทธิเจ หมายถึง ผงดินสอ ทำได้โดยการใช้ดินสอพองเขียนลงบนกระดานดำ เมื่อจะเขียนคำ ใดคำหนึ่ง ก็ต้องว่า การประสมตัวนั้นๆ พร้อมกันไปให้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ของบาลี พอเขียนเสร็จแล้ว ก็ลบแล้วเก็บผงดินสอนั้นไว้เขียนตัวอื่นต่อไป และลบเก็บผงดินสอไว้อีก ผงที่ได้นี้ เรียกว่า ผงอิทธิเจ เป็นผงลง อาคมที่นำมาผัดหน้าสำหรับเป็นเสน่ห์ทำให้คนรักและเมตตา กระแจะ หมายถึง ผลเครื่องหอมต่างๆ ที่ผสมกันสำหรับทาหรือเจิม โดยปกติมีเครื่องประสม คือ ไม้จันทน์ชะมดเชียง เป็นต้น จวงจันทน์ หมายถึง เครื่องหอมที่เจือด้วยไม้จวงและไม้จันทน์ 9. จะปรึกษาตราสินให้ไม่ได้ จึงทำตามน้ำใจเอาง่ายง่าย ถ้าฉวยเกิดฆ่าฟันกันล้มตาย อันตรายไพร่เมืองก็เคืองกู ตราสิน หมายถึง แจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐาน 10. คิดคะนึงตะลึงตะลานอก ดังตัวตกพระสุเมรุภูผา ให้อุธัจอัดอั้นตันอุรา เกรงผิดภายหน้าก็สุดคิด อุธัจ หมายถึง ความฟุ้งซ่าน ความประหม่า ขวยเขิน
ใบงาน เรื่อง แง่งามความคิด ตอนขุนช้างถวายฎีกา คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ที่กำหนดว่า ตัวละครใดเป็นคนพูด และคำพูดดังกล่าวสะท้อนคุณธรรม ข้อใดของตัวละคร โดยพิจารณาจากตัวเลือกที่กำหนดให้ ก. ความกตัญญูต่อบิดามารดา ข. ความมีสติรอบคอบ ค. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ง. ความรักลูก 1. จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก อย่างฮึกฮักว่าวุ่นทำหุนหัน จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญ แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม ถ้าเจ้าเห็นเป็นสุขไม่ลุกลาม ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ 2. ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง มิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก มีแต่ทุกข์ใจเจ็บดังเหน็บหนาม ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใช่ที ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ 3. ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์ เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อารัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำจอง หม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่ อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคร่าทำสามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ 4. ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ
5. ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ เขาจะรุกรานพาลข่มเหง จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง ฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญ อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ 6. แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่ จะคิดถึงลูกบ้างฤๅอย่างไร ฤๅหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา ผู้พูด คือ สะท้อนคุณธรรม ข้อ
เฉลย ใบงาน เรื่อง แง่งามความคิด ตอนขุนช้างถวายฎีกา คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ที่กำหนดว่า ตัวละครใดเป็นคนพูด และคำพูดดังกล่าวสะท้อนคุณธรรม ข้อใดของตัวละคร โดยพิจารณาจากตัวเลือกที่กำหนดให้ ก. ความกตัญญูต่อบิดามารดา ข. ความมีสติรอบคอบ ค. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ ง. ความรักลูก 1. จึงปลอบว่าพลายงามพ่อทรามรัก อย่างฮึกฮักว่าวุ่นทำหุนหัน จงครวญใคร่ให้เห็นข้อสำคัญ แม่นี้พรั่นกลัวแต่จะเกิดความ ด้วยเป็นข้าลักไปไทลักมา เห็นเบื้องหน้าจะอึงแม่จึงห้าม ถ้าเจ้าเห็นเป็นสุขไม่ลุกลาม ก็ตามเถิดมารดาจะคลาไคล ผู้พูด คือ นางวันทอง สะท้อนคุณธรรม ข้อ ข. ความมีสติรอบคอบ 2. ใช่จะอิ่มเอิบอาบด้วยเงินทอง มิใช่ของตัวทำมาแต่ไหน ทั้งผู้คนช้างม้าแลข้าไท ไม่รักใคร่เหมือนกับพ่อพลายงาม ทุกวันนี้ใช่แม่จะผาสุก มีแต่ทุกข์ใจเจ็บดังเหน็บหนาม ต้องจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใช่ที ผู้พูด คือ นางวันทอง สะท้อนคุณธรรม ข้อ ง. ความรักลูก 3. ขอเดชะละอองธุลีบาท องค์หริรักษ์ราชรังสรรค์ เมื่อกระหม่อมฉันมาแต่อารัญ ครั้งนั้นโปรดประทานขุนแผนไป ครั้นอยู่มาขุนแผนต้องจำจอง หม่อมฉันมีท้องนั้นเติบใหญ่ อยู่ที่เคหาหน้าวัดตะไกร ขุนช้างไปบอกว่าพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให้ กระหม่อมฉันไม่ไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคร่าทำสามานย์ เพื่อนบ้านจะช่วยก็สุดคิด ด้วยขุนช้างอ้างว่ารับสั่งให้ ใครจะขัดขืนไว้ก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้พระบาทา ผู้พูด คือ นางวันทอง สะท้อนคุณธรรม ข้อ ค. ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ 4. ทุกวันนี้ลูกชายสบายยศ พร้อมหมดเมียมิ่งก็มีสอง มีบ่าวไพร่ใช้สอยทั้งเงินทอง พี่น้องข้างพ่อก็บริบูรณ์ ยังขาดแต่แม่คุณไม่แลเห็น เป็นอยู่ก็เหมือนตายไปหายสูญ ข้อนี้ที่ทุกข์ยังเพิ่มพูน ถ้าพร้อมมูลแม่ด้วยจะสำราญ ผู้พูด คือ จมื่นไวยวรนาถ สะท้อนคุณธรรม ข้อ ก. ความกตัญญูต่อบิดามารดา
5. ขุนช้างตื่นขึ้นมิเป็นการ เขาจะรุกรานพาลข่มเหง จะเกิดผิดแม่คิดคะนึงเกรง ฉวยสบเพลงพลาดพล้ำมิเป็นการ มีธุระสิ่งไรในใจเจ้า พ่อจงเล่าแก่แม่แล้วกลับบ้าน มิควรทำเจ้าอย่าทำให้รำคาญ อย่าหาญเหมือนพ่อนักคะนองใจ ผู้พูด คือ นางวันทอง สะท้อนคุณธรรม ข้อ ง. ความรักลูก 6. แม่เลี้ยงลูกมาถึงเจ็ดขวบ เคราะห์ประจวบจากแม่หาเห็นไม่ จะคิดถึงลูกบ้างฤๅอย่างไร ฤๅหาไม่ใจแม่ไม่คิดเลย ถ้าคิดเห็นเอ็นดูว่าลูกเต้า แม่ทูนเกล้าไปเรือนอย่าเชือนเฉย ให้ลูกคลายอารมณ์ได้ชมเชย เหมือนเมื่อครั้งแม่เคยเลี้ยงลูกมา ผู้พูด คือ จมื่นไวยวรนาถ สะท้อนคุณธรรม ข้อ ก. ความกตัญญูต่อบิดามารดา
ใบงาน เรื่อง วิถีไทย ตอนขุนชางถวายฎีกา คำชี้แจง ใหนักเรียนพิจารณาบทประพันธที่กำหนด แลววิเคราะหวา สะทอนสังคมและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา และรัตนโกสินทรตอนตนในดานใดบาง จากตัวเลือกที่กำหนดให ก. สะทอนสภาพบานเรือนของคนสมัยกอน ข. สะทอนความเชื่อเรื่องไสยศาสตรของคนในสังคม ค. สะทอนความเชื่อเรื่องความฝนของคนในสังคม ง. สะทอนความเชื่อเรื่องกรรมของคนในสังคม จ. สะทอนคานิยมเรื่องผูหญิงตองมีสามีคนเดียว ฉ. สะทอนคานิยมความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย ช. สะทอนประเพณีที่กษัตริยเสด็จประพาสทองทุงในฤดูน้ำหลาก ซ. สะทอนภาพวิธีการถวายฎีกาเพื่อรองทุกข ญ. สะทอนความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุราย 1. ฟาขาวดาวเดนดวงสวาง จันทรกระจางทรงกลดหมดเมฆสิ้น จึงเซนเหลาขาวปลาใหพรายกิน เสกขมิ้นวานยาเขาทาตัว ลงยันตราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใสหัว เปามนตรเบื้องบนชอุมมัว พรายยั่วยวนใจใหไคลคลา 2. ชอบผิดพอจงคิดคะนึงตรอง อันตัวนองมลทินหาสิ้นไม ประหนึ่งวาวันทองนี้สองใจ พบไหนก็เปนแตเชนนั้น 3. ขาไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม กระจกฉากหลากสลับวับแวววาม อรามแสงโคมแกวแววจับตา มานมูลี่มีฉากประจำกัน อัฒจันทรเครื่องแกวก็หนักหนา ชมพลางยางเยื้องชำเลืองมา เปดมุงเห็นหนาแมวันทอง 4. วันนั้นพอพระปนนรินทรราช เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม ขุนชางมาถึงซึ่งวังใน ก็คอยจองที่ใตตำหนักน้ำ 5. ใชที่ใชทางวางเขามา อายชางเปนบากระมังนี่ เฮยใครรับฟองของมันที ตีเสียสามสิบจึงปลอยไป มหาดเล็กก็รับเอาฟองมา ตำรวจควาขุนชางหาวางไม ลงพระราชอาญาตามวาไว พระจึงใหตั้งกฤษฎีกา
6. ใตเตียงเสียงหนูก็กุกกก แมลงมุมทุมอกที่ริมฝา ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นกลัวมรณา ดังวิญญานางจะพรากไปจากกาย 7 ทุกวันนี้ใชแมจะผาสุก มีแตทุกขใจเจ็บดังเหน็บหนาม ตองจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใชที 8. พรุงนี้พี่จะแกเสนียดฝน แลวทำมิ่งสิ่งขวัญใหเปนสุข มิใหเกิดราคีกลียุค อยาเปนทุกขเลยเจาจงเบาใจ 9. ครั้นอยูมาขุนแผนตองจำจอง กระหมอมฉันมีทองนั้นเติบใหญ อยูที่เคหาหนาวัดตะไกร ขุนชางไปบอกวาพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให กระหมอมฉันไมไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคราทำสามานย เพื่อนบานจะชวยก็สุดคิด ดวยขุนชางอางวารับสั่งให ใครจะขัดขืนไวก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยูใตพระบาทา 10. สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย ซึ่งวิเศษสารพัดแกขัดสน น้ำมันพรายน้ำมันจันทนสรรเสกปน เคยคุมขังบังตนแตไรมา
ใบงาน เรื่อง วิถีไทย ตอนขุนชางถวายฎีกา เฉลย คำชี้แจง ใหนักเรียนพิจารณาบทประพันธที่กำหนด แลววิเคราะหวา สะทอนสังคมและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา และรัตนโกสินทรตอนตนในดานใดบาง จากตัวเลือกที่กำหนดให ก. สะทอนสภาพบานเรือนของคนสมัยกอน ข. สะทอนความเชื่อเรื่องไสยศาสตรของคนในสังคม ค. สะทอนความเชื่อเรื่องความฝนของคนในสังคม ง. สะทอนความเชื่อเรื่องกรรมของคนในสังคม จ. สะทอนคานิยมเรื่องผูหญิงตองมีสามีคนเดียว ฉ. สะทอนคานิยมความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย ช. สะทอนประเพณีที่กษัตริยเสด็จประพาสทองทุงในฤดูน้ำหลาก ซ. สะทอนภาพวิธีการถวายฎีกาเพื่อรองทุกข ญ. สะทอนความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุราย 1. ฟาขาวดาวเดนดวงสวาง จันทรกระจางทรงกลดหมดเมฆสิ้น จึงเซนเหลาขาวปลาใหพรายกิน เสกขมิ้นวานยาเขาทาตัว ลงยันตราชะเอาปะอก หยิบยกมงคลขึ้นใสหัว เปามนตรเบื้องบนชอุมมัว พรายยั่วยวนใจใหไคลคลา ข. สะทอนความเชื่อเรื่องไสยศาสตรของคนในสังคม 2. ชอบผิดพอจงคิดคะนึงตรอง อันตัวนองมลทินหาสิ้นไม ประหนึ่งวาวันทองนี้สองใจ พบไหนก็เปนแตเชนนั้น จ. สะทอนคานิยมเรื่องผูหญิงตองมีสามีคนเดียว 3. ขาไทนอนหลับลงทับกัน สะเดาะกลอนถอนลั่นถึงชั้นสาม กระจกฉากหลากสลับวับแวววาม อรามแสงโคมแกวแววจับตา มานมูลี่มีฉากประจำกัน อัฒจันทรเครื่องแกวก็หนักหนา ชมพลางยางเยื้องชำเลืองมา เปดมุงเห็นหนาแมวันทอง ก. สะทอนสภาพบานเรือนของคนสมัยกอน 4. วันนั้นพอพระปนนรินทรราช เสด็จประพาสบัวยังหากลับไม ขุนชางมาถึงซึ่งวังใน ก็คอยจองที่ใตตำหนักน้ำ ช. สะทอนประเพณีที่กษัตริยเสด็จประพาสทองทุงในฤดูน้ำหลาก 5. ใชที่ใชทางวางเขามา อายชางเปนบากระมังนี่ เฮยใครรับฟองของมันที ตีเสียสามสิบจึงปลอยไป มหาดเล็กก็รับเอาฟองมา ตำรวจควาขุนชางหาวางไม ลงพระราชอาญาตามวาไว พระจึงใหตั้งกฤษฎีกา ซ. สะทอนภาพวิธีการถวายฎีกาเพื่อรองทุกข
6. ใตเตียงเสียงหนูก็กุกกก แมลงมุมทุมอกที่ริมฝา ยิ่งหวาดหวั่นพรั่นกลัวมรณา ดังวิญญานางจะพรากไปจากกาย ญ. สะทอนความเชื่อเรื่องลางบอกเหตุราย 7 ทุกวันนี้ใชแมจะผาสุก มีแตทุกขใจเจ็บดังเหน็บหนาม ตองจำจนทนกรรมที่ติดตาม จะขืนความคิดไปก็ใชที ง. สะทอนความเชื่อเรื่องกรรมของคนในสังคม 8. พรุงนี้พี่จะแกเสนียดฝน แลวทำมิ่งสิ่งขวัญใหเปนสุข มิใหเกิดราคีกลียุค อยาเปนทุกขเลยเจาจงเบาใจ ค. สะทอนความเชื่อเรื่องความฝนของคนในสังคม 9. ครั้นอยูมาขุนแผนตองจำจอง กระหมอมฉันมีทองนั้นเติบใหญ อยูที่เคหาหนาวัดตะไกร ขุนชางไปบอกวาพระโองการ มีรับสั่งโปรดปรานประทานให กระหมอมฉันไมไปก็หักหาญ ยื้อยุดฉุดคราทำสามานย เพื่อนบานจะชวยก็สุดคิด ดวยขุนชางอางวารับสั่งให ใครจะขัดขืนไวก็กลัวผิด จนใจจะมิไปก็สุดฤทธิ์ ชีวิตอยูใตพระบาทา ฉ. สะทอนคานิยมความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย 10. สีขี้ผึ้งสีปากกินหมากเวทย ซึ่งวิเศษสารพัดแกขัดสน น้ำมันพรายน้ำมันจันทนสรรเสกปน เคยคุมขังบังตนแตไรมา ข. สะทอนความเชื่อเรื่องไสยศาสตรของคนในสังคม
ใบงาน เรื่อง ศิลป์และรสแห่งภาษา ตอนขุนช้างถวายฎีกา ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ในแต่ละข้อต่อไปนี้ว่ามีความงามทางวรรณศิลป์โดดเด่นในด้านใด 1. ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ นอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปรอะ จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 2. มาอยู่ไยกับอ้ายหินชาติ แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา ดังทองคำทำเลี่ยมปากกะลา หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้วปทุมมาลย์ที่หวานหอม ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม ว่านักแม่จะตรอมระกำใจ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 3. อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 4. พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 5. ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดั่งเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 6. เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำเป็นน้ำหมึก กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำตาย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 7. บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน เห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่ ต่างคนทรุดนั่งบังประตู ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 8. อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
9. พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 10. นิจจาใจเจ้าจะให้พี่เจ็บจิต ดังเอากริชแกระกรีดในอกผัว เกรงผิดคิดบาปจึงหลาบกลัว พี่นี้ชั่วเพราะหมิ่นประมาทความ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ที่กำหนดว่า ปรากฏรสวรรณคดีไทยข้อใดบ้าง 1. ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน พระพายโชยเสาวรสขจายขจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง วันทองน้องนอนสนิททรวง จิตง่วงระงับสู่ภวังค์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 2. รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อถือศักดิ์เท่าเส้นผม แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน มึงนี้ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์ ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่ หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 3. พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 4. โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอ มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 5. ว่าพลางคลึงเคล้าเข้าแนบข้าง จูบพลางทางปลอบประโลมขวัญ ก่ายกอดสอดเกี่ยวพัลวัน วันทองกั้นกีดไว้ไม่ตามใจ พลิกผลักชักชวนให้ชื่นชิด เบือนบิดแบ่งรักหาร่วมไม่ สยดสยองพองเสียวแสยงใจ พระพายพัดมาลัยตลบลอย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใบงาน เรื่อง ศิลป์และรสแห่งภาษา ตอนขุนช้างถวายฎีกา ตอนที่ 1 คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ในแต่ละข้อต่อไปนี้ว่ามีความงามทางวรรณศิลป์โดดเด่นในด้านใด 1. ทั้งชายหญิงง่วงงมล้มหลับ นอนทับคว่ำหงายก่ายกันเปรอะ จี่ปลาคาไฟมันไหลเลอะ โงกเงอะงุยงมไม่สมประดี ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 2. มาอยู่ไยกับอ้ายหินชาติ แสนอุบาทว์ใจจิตริษยา ดังทองคำทำเลี่ยมปากกะลา หน้าตาดำเหมือนมินหม้อมอม เหมือนแมลงวันว่อนเคล้าที่เน่าชั่ว มาเกลือกกลั้วปทุมมาลย์ที่หวานหอม ดอกมะเดื่อฤๅจะเจือดอกพะยอม ว่านักแม่จะตรอมระกำใจ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 3. อาลัยเจ้าเท่ากับดวงชีวิตพี่ คิดจะหนีไปตามเอาเจ้ากลับ เกรงจะพากันผิดเข้าติดทับ แต่ขยับอยู่จนได้ไปเชียงอินทร์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 4. พลางเรียกหาข้าไทอยู่ว้าวุ่น อีอุ่นอีอิ่มอีฉิมอีสอน อีมีอีมาอีสาคร นิ่งนอนไยหวามาหากู ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 5. ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ ฟังจบแค้นคั่งดั่งเพลิงไหม้ เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 6. เจ้าพลายงามตามรับเอากลับมา ทีนี้หน้าจะดำเป็นน้ำหมึก กำเริบใจด้วยเจ้าไวยกำลังฮึก จะพาแม่ตกลึกให้จำตาย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 7. บ่าวผู้หญิงวิ่งไปอยู่งกงัน เห็นนายนั้นแก้ผ้ากางขาอยู่ ต่างคนทรุดนั่งบังประตู ตกตะลึงแลดูไม่เข้ามา ขุนช้างเห็นข้าไม่มาใกล้ ขัดใจลุกขึ้นทั้งแก้ผ้า แหงนเถ่อเป้อปังยืนจังกา ย่างเท้าก้าวมาไม่รู้ตัว ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 8. อีวันทองตัวมันเหมือนรากแก้ว ถ้าตัดโคนขาดแล้วก็ใบเหี่ยว ใครจะควรสู่สมอยู่กลมเกลียว ให้เด็ดเดี่ยวรู้กันแต่วันนี้ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ การใช้คำที่สื่อให้เห็นภาพชัดเจน ด้านการใช้อุปมา ด้านการใช้อติพจน์ ด้านการซ้ำคำ และการสัมผัส ด้านการใช้อุปมา ด้านการใช้อุปลักษณ์ ด้านการใช้คำให้เห็นภาพชัดเจน ด้านการใช้อุปมา
9. พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 10. นิจจาใจเจ้าจะให้พี่เจ็บจิต ดังเอากริชแกระกรีดในอกผัว เกรงผิดคิดบาปจึงหลาบกลัว พี่นี้ชั่วเพราะหมิ่นประมาทความ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ตอนที่ 2 คำชี้แจง ให้นักเรียนพิจารณาบทประพันธ์ที่กำหนดว่า ปรากฏรสวรรณคดีไทยข้อใดบ้าง 1. ครั้นเวลาดึกกำดัดสงัดเงียบ ใบไม้แห้งแกร่งเกรียบระรุบร่อน พระพายโชยเสาวรสขจายขจร พระจันทรแจ่มแจ้งกระจ่างดวง ดุเหว่าเร้าเสียงสำเนียงก้อง ระฆังฆ้องขานแข่งในวังหลวง วันทองน้องนอนสนิททรวง จิตง่วงระงับสู่ภวังค์ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 2. รูปงามนามเพราะน้อยไปหรือ ใจไม่ซื่อถือศักดิ์เท่าเส้นผม แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน มึงนี้ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์ ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่ หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 3. พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จะคุมโกรธคุมแค้นไปถึงไหน ความรักพี่ยังรักระงมใจ อย่าตัดไมตรีตรึงให้ตรอมตาย ว่าพลางทางแอบเข้าแนบอก ประคองยกของสำคัญมั่นหมาย เจ้าเนื้อทิพย์หยิบชื่นอารมณ์ชาย ขอสบายสักหน่อยอย่าโกรธา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 4. โอ้แม่เจ้าประคุณของลูกเอ๋ย ไม่ควรเลยจะพรากจากคุณพ่อ เวรกรรมนำไปไม่รั้งรอ มิพอที่จะต้องพรากก็จากมา ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ 5. ว่าพลางคลึงเคล้าเข้าแนบข้าง จูบพลางทางปลอบประโลมขวัญ ก่ายกอดสอดเกี่ยวพัลวัน วันทองกั้นกีดไว้ไม่ตามใจ พลิกผลักชักชวนให้ชื่นชิด เบือนบิดแบ่งรักหาร่วมไม่ สยดสยองพองเสียวแสยงใจ พระพายพัดมาลัยตลบลอย ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ ด้านการใช้คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ ด้านการใช้อุปมา เสาวรจนี พิโรทวาทัง นารีปราโมทย์ สัลลาปังคพิไสย นารีปราโมทย์