The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปเล่มเรียงความ_merged (1)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Frong Arunrung, 2022-06-15 00:18:36

รูปเล่มเรียงความ_merged (1)

รูปเล่มเรียงความ_merged (1)

ห น ้ า | ๕๐

รางวัลชมเชย ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
โรงเรียนชุมชนวดั อัมพวนาราม อำเภอยะรงั จังหวัดปัตตานี

14

คุณธรรม 4 ประการ “พอเพียง วินัย สจุ ริต จติ อาสา”

- เดก็ หญิงสริ ินยา สขุ สม -

คุณธรรม หมายถึง หลักของความดีความงาม ความถูกตอ้ ง ซ่ึงจะแสดง
ออกมาโดยการกระทำวาจา และจติ ใจของแตล่ ะบุคคล ซ่ึงเปน็ หลักประจำใจ
ในการประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัยเป็นสิ่งท่ีมีประโยชน์ต่อตนเอง ผู้อนื่
และสังคม ทำให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความอบอุ่นมั่นคงในชีวิต และ
คณุ ธรรมการดำเนินชวี ิต ๔ ประการ “พอเพียง วนิ ัย สจุ รติ จิตอาสา” ก็เป็น
ค่านยิ มทด่ี ีงามสมควรปลูกฝงั ใหเ้ กดิ กบั เดก็ และเยาวไดม้ ีจติ สำนกึ และกระทำ
แต่ความดี

ครอบครัวของฉันแม้ทางบ้านจะมีฐานะยากจน ฉันอาศัยอยู่กับ
ยาย แม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด แต่ยายก็สอนฉันให้เป็นเด็กดี มีน้ำใจ
ช่วยเหลอื คนในครอบครัว ชว่ ยยายเลยี้ งนอ้ ง ทำงานบ้าน ยายเปน็ แบบอย่างที่ดี
ให้กบั ฉนั ยายเป็นคนขยันชอบปลูกผกั สวนครัวที่จำเปน็ ไว้ทำอาหาร และซ้ือ
สิ่งของที่จำเป็นไว้ใช้ในครัวเรือน และสอนให้ฉันรู้ประจักประหยัดอดออม
ฉันจึงได้เรียนรูก้ ารปลกู ผักการใช้จ่ายเงินเท่าที่จำเป็น และฝึกการออมเงนิ
ดว้ ยตนเองทำใหฉ้ ันรู้จักความพอเพียงและพอใจในสิ่งท่ีฉันมี ทำให้ชีวิตของ
ฉันมคี วามสุข

ห น ้ า | ๕๑

วินัย เป็นข้อปฏิบัติของการอยู่ร่วมกนั ในสังคมที่ทุกคนควรต้องมี
เพราะจะทำให้สังคมของการอยูร่ ว่ มกนั ไดอ้ ย่างมีความสขุ ในบ้านของฉันจะ
ตกลงแบ่งหน้าที่ว่าใครทำอะไรบ้าง ฉันมีหน้าที่ซักเสื้อผ้า และกวาดถูบ้าน
ลา้ งจาน ทำการบ้าน เวลาโรงเรยี นเปดิ ฉนั ก็ต้องแตง่ กายใหเ้ รยี บร้อย มาให้
ทันเวลาโรงเรยี นเขา้ แถว ตง้ั ใจเรยี น ทำเวรประจำวันให้เรยี บร้อย กลางวันก็
เข้าแถวรับประทานอาหาร เลิกเรียนก็เข้าแถวเดินกลับบ้าน ทำให้ฉันและ
เพื่อน ๆ มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงาม คนที่มาพบมักชมเชยว่า
โรงเรยี นนม้ี รี ะเบยี บวนิ ยั ทำใหฉ้ นั ภมู ใิ จในตนเองทม่ี สี ่วนสรา้ งชอื่ เสียงให้กับ
โรงเรียน

ความสุจริต คือ การยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม มีความซื่อตรง
พูดความจรงิ ทำตามสญั ญาท่ใี ห้ไว้ และไม่ลกั ขโมยของผูอ้ นื่ ฉันและเพ่อื น ๆ
ในโรงเรียนคบกันด้วยความจริงใจ ฉันพูดแต่ความจริงไม่โกหก เพื่อน ๆ
จึงเชอื่ ถอื และเช่ือฟังในสง่ิ ทฉ่ี นั พูดหรอื ตักเตอื น นอกจากน้เี วลาฉันพบเงินที่
คนทำตกหลน่ ไว้ในโรงเรียน ฉนั ก็จะนำไปให้คุณครูประกาศหาเจา้ ของ ถา้ อยู่
ที่บ้านหากฉันต้องการใช้เงินก็จะขอเงินยายเพื่อซ้ือสิ่งของจำเป็น จะไม่ลัก
ขโมยเงินในบ้านให้ยายหรือแม่ต้องเดือดร้อน ยายชื่นชมฉันว่าฉันมีความ
ซื่อสัตย์สุจริต และบอกฉันเสมอว่าสิ่งใดไม่ใช่ของเราอย่าเก็บมาเป็นของ
ตนเอง เพราะจะกลายเป็นคนท่นี ่ารงั เกยี จทำให้ผู้อนื่ ดูหมิน่ ศักดิศ์ รีของฉันได้

จิตอาสา คือ จิตแห่งการใหค้ วามดีงามท้ังปวงแกเ่ พ่ือนมนุษย์โดย
เต็มใจ สมัครใจ พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา
เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรอื ส่ิงที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่ืน
โดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นจิตที่มี
ความสุขเมือ่ ได้ทำซึง่ ในโรงเรียนของฉันได้ส่งเสริมให้ฉันและเพือ่ น ๆ ได้ทำ

ห น ้ า | ๕๒

กิจกรรมจิตอาสาร่วมกับชุมชนซึ่งมผี ู้ใหญห่ ลายท่านมาทำงานดา้ นจติ อาสา
ตั้งแต่ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน คนในหมู่บ้าน และคณะครูมา
ช่วยกันพัฒนาความสะอาดในวัด โรงเรียน และที่มัสยิด ทุกคนทำงานด้วย
กระตือรือร้นและมีความสุขที่ทำให้วัด โรงเรียน หรือมัสยิดสสะอาดน่าอยู่
แล้วก็มักจะมีกิจกรรมจิตอาสาทำในโอกาสวันสำคัญต่าง ๆ ทำให้ฉันและ
เพือ่ น ๆ ได้เขา้ ร่วม ทกุ คนดูมีความรักใคร่สามคั คีกนั และรกั ชมุ ชนมากขึ้น

ความดี เป็นส่งิ ทที่ ุกคนกส็ ามารถทำได้ เด็กและเยาวชนควรได้รับ
การปลกู ฝังการทำความดีในดา้ นต่าง ๆ โดยมคี รอบครัว โรงเรยี น และคนใน
สังคมเป็นแบบอยา่ งที่ดีและชกั ชวนใหเ้ ด็กและเยาวชนได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ
โดยมีผู้ใหญ่คอยชี้แนะและสนับสนุน ฉันเชื่อแน่ว่าสังคมนี้ก็จะอยู่ร่วมกัน
อย่างมีความสุข เพราะทุกคนรูจ้ ักพอใจในส่ิงทีต่ นมี มวี ินัยรกั ษากฎระเบียบ
ของสังคม มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่คิดคดโกงผู้อื่น และมีน้ำใจต่อกัน
ชว่ ยเหลอื กนั รักษาผลประโยชนข์ องส่วนรวมไม่คิดม่งุ แต่ประโยชนข์ องตนเอง
ทุกคนมาร่วมกันสร้างค่านิยมการดำเนนิ ชีวิตด้วยความดีโดยเริ่มจากตัวเรา
ไปสูค่ รอบครัวและสงั คม ประเทศชาติ เพือ่ ให้เกดิ คา่ นยิ มทด่ี แี บบยัง่ ยืน

ห น ้ า | ๕๓

ชนะเลศิ ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
โรงเรียนพฒั นาอิสลาม อำเภอเมืองปัตตานี จงั หวดั ปัตตานี

15

พอเพยี ง วนิ ยั ซือ่ สตั ยส์ ุจรติ และจติ สาธารณะ

- นายฮาซันสนิ ดอื มาลี –

การดำเนินชีวิตของคนเราในปัจจุบันล้วนแต่จะต้องประสบพบ
เจอส่ิงตา่ ง ๆ ทม่ี ีทงั้ เรื่องที่ดีและเร่ืองทีไ่ มด่ ี ดงั นน้ั การที่เราจะดำเนนิ ชวี ิตใหม้ ี
ความสุขไดน้ นั้ เราจำเปน็ ตอ้ งมีหลักในการดำเนินชีวิตท่ดี ี ซ่ึงส่วนตัวผม ยดึ หลัก
“พอเพยี ง วินยั ซ่อื สัตย์สุจริต จิตสาธารณะ”

ครอบครัวถือไดว้ ่าเป็นสถาบันหลักทีส่ ำคัญที่จะสร้างให้บคุ คลแต่
ละคนเตบิ โตข้นึ มาและมีปฏสิ ัมพันธใ์ นการใช้ชีวติ ร่วมกบั ผูอ้ ่นื ในสงั คม การท่ี
คนแต่ละคนจะเป็นคนที่ดีหรือไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง ปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ดี
หรอื ไม่กข็ ึน้ อยกู่ ับการเลีย้ งดขู องครอบครัวท่ีถูกปลกู ฝงั บ่มเพาะและเลี้ยงดู
มาต้งั แต่เด็กจนเติบโตข้ึนมาในสงั คม เช่น การทีเ่ ด็กบางคนชอบพดู โกหกอาจ
เปน็ ผลมาจากการทเ่ี ขาเคยพูดความจรงิ แลว้ สง่ ผลใหเ้ ขาถกู ลงโทษเขาจึงตอ้ ง
พดู โกหกเพ่ือให้ตนเองไมถ่ กู ลงโทษจากคนในครอบครวั หรือเดก็ บางคนเป็น
คนที่มีวินัย เป็นคนเรียบร้อยก็อาจเป็นผลมาจากการที่ได้รับการอบรมส่งั
สอนท่ดี ตี ัง้ แตเ่ ล็กๆ จากครอบครวั เมอ่ื โตขึน้ จึงเปน็ คนท่ีมีวินัยและเรียบร้อย
เปน็ ต้น

ในทุก ๆ เช้าของแต่ละวัน เมื่อพระอาทิตยข์ ึน้ ทอดแสงแดดผา่ น
หนา้ ตา่ งทบี่ ้านของผม จนทำใหผ้ มมองออกไปเหน็ ทงุ่ นาทเี่ ตม็ ไปด้วยรวงข้าว

ห น ้ า | ๕๔

สีเหลอื งสวยงามของบ้านผม มนั ทำใหผ้ มร้สู กึ สดชนื่ ในทกุ ๆ เชา้ พอ่ และแม่ของ
ผมประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ทำสวน พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างพอเพียง
ผมรสู้ กึ โชคดเี ป็นอยา่ งมากทไ่ี ดร้ บั การเล้ยี งดูท่ีดจี ากพ่อ แมแ่ ละครอบครัวท่ี
คอยอบรมสั่งสอนใหผ้ มเปน็ คนดี ยดึ มัน่ ตามหลักทางศาสนาเป็นคนท่ีมีวินัย
ซ่ือสตั ย์ สจุ ริตและดำเนินชีวิตดว้ ยการนอ้ มนำหลกั เศรษฐกิจพอเพียงของใน
หลวงรัชกาลที่ ๙ มาปรับใช้ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำการเกษตรโดย
การปลูกพืชผักสวนครัวไว้ทานในครัวเรือน เมื่อเหลือจากที่ทานกจ็ ะนำไป
ขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว ผมจะถูกสอนให้ใช้ยาสีฟันอย่างคุ้มค่าจน
หมดแล้วค่อยทิ้ง ไม่ฟุ่มเฟือย ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
แบ่งปันซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอมา ทุก ๆ เย็นเราก็จะ
ทานข้าวพร้อมหน้ากัน พูดคุยกันเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้เจอมาในแต่ละวัน
ช่วยแบ่งเบาความทุกข์ เพิ่มความสุขให้กันและกัน ผมถือได้ว่าเป็นคนที่โชคดี
มาก ๆ คนหนงึ่ ท่ไี ด้เกิดมาในครอบครัวนี้ ผมรักและภูมิใจทไี่ ด้เกิดมาเป็นลูก
ของพ่อ ลูกของแม่ พอ่ กับแม่จะคอยสอนผมเสมอในเรื่องตา่ ง ๆ เชน่

เร่อื งท่หี น่งึ การมวี ินยั วินยั ในความคดิ ของผมคือกฎ ระเบียบที่จะ
นำมาไวใ้ ชใ้ นการควบคมุ ความประพฤตทิ ้งั ทางกาย ทางใจ ใหท้ กุ คนมีความ
เป็นระเบยี บ เรียบรอ้ ยและอย่รู ่วมกันได้อย่างมคี วามสุขแม้วา่ วนิ ัยจะไม่มีผล
ทางกฎหมายที่จะมีบทลงโทษทางกฎหมาย แต่วินัยก็จะมีผลต่อสังคม
ถ้าบุคคลใดขาดวินัยก็อาจจะส่งผลให้ไม่ได้การยอมรับจากคนในสังคมและ
อาจจะสง่ ผลให้ไม่สามารถอยู่รว่ มกันกับผู้อื่นได้ ผมถูกสอนให้ตื่นตั้งแต่เขา้
เพ่ือชว่ ยพอ่ และแม่ล้างจาน รดนำ้ ตน้ ไม้ ช่วยพ่อกับแม่ขายปลาในตลาดเพ่ือ
นำมาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงครอบครัว ซึ่งถ้าผมไม่มีวินัย ไม่สามารถบริหาร
จัดการกบั เวลาในแต่ละวันได้ ผมก็จะไม่สามารถช่วยเหลือครอบครวั ได้ และ

ห น ้ า | ๕๕

อาจจะสรา้ งภาระใหก้ ับครอบครัวไดเ้ ชน่ กัน ในทกุ ๆ ครง้ั ท่มี ีวันหยุด ผมจะต้อง
ช่วยยายขายขนม โดยผมจะเป็นผู้โพสต์ขายขนมคุณยายผ่านช่องทางส่ือ
มัลติมเี ดียสว่ นตัว ไมว่ ่าจะเปน็ เฟสบุ๊คสว่ นตวั ของผม หรอื ในเพจปัตตานีเดลิเวอร่ี
ซ่งี ยายและผม จะทำขนมขาย จำนวน ๒ ชนดิ คือ ครัวซองและขนมปังโฮลวีท
นอกจากนี้ผมจะต้องทำรายรับ รายจ่ายและจดออเดอร์ของลูกค้าพร้อมกับ
นำขนมไปส่งให้ลูกค้าที่สั่งซื้อและผมยังต้องแบ่งเวลาในการเรียนออนไลน์
ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือครอบครัวให้ดีเพื่อไม่ให้เสยี ทั้งการเรียนและเสยี
รายได้ของครอบครัว ผมคิดว่าการมีวินัยเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผม
ยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒0๑๙ หรือ
โควิด - ๑๙ ที่ทำให้การเรียนเป็นรูปแบบของการเรียนออนไลน์ ผ่าน
โทรศัพท์มือถือซึ่งในความเป็นจริงผมมองว่าการเรียนออนไลน์ส่งผมเสีย
มากกว่าผลดีเนื่องจากไม่ได้มีการปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของครูและนักเรียน
นักเรียนบางคนมีขอ้ สงสัยแตไ่ มก่ ลา้ ถามครู นักเรยี นบางคนไมค่ อ่ ยสนใจหรอื
ใส่ใจในการเรียน ถ้าเป็นแบบนี้ผมมองว่านักเรียนที่เป็นกำลังสำคัญของ
ประเทศที่จะเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้าอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือ
ประเทศชาติได้ดีเท่าที่ควร ผมมองว่าวินัยสำหรับการเรียนออนไลน์คือเรา
ต้องตั้งใจตั้งมัน่ ในการเรียน กล้าท่ีจะถามคณุ ครูไม่ควรนอนในคาบเรียนจด
บันทกึ ความรู้ท่ีสำคญั ทค่ี รูมอบให้เพื่อนำมาใชต้ อนสอบ ท่ีจะทำให้มีคะแนน
ในตอนทำข้อสอบไดด้ ี

เร่ืองที่สองคือเรือ่ งของการซ่ือสตั ย์ สจุ รติ ในมุมมองของผมมองว่า
การซื่อสัตย์ สุจริต คือการยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง มีความซื่อตรง มีเจตนาท่ี
บริสุทธ์ิ ปฏิบัติทั้งต่อตนเองและผู้อืน่ ด้วยความจริงใจ ไม่คดโกง รู้จักแยกแยะ
ประโยชน์ส่วนตัวและประโยชน์ส่วนรวมได้เป็นอย่างดี จากสถานการณ์ใน

ห น ้ า | ๕๖

สังคมไทยปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าพบข้าราชการการทุจริตคอรัปชั่นเพิ่มสงู ขึ้น ,
การฉ้อโกงของการขายของออนไลน์เพิ่มขึ้น, มี Callcenterมิจฉาชีพที่หลอกเงิน
ประชาชนมากขน้ึ เปน็ ตน้ ส่ิงตา่ ง ๆ เหล่าน้ีลว้ นมีจดุ เรมิ่ ต้นจากการไม่ซื่อสัตย์
สุจริต ความโลภที่จะอยากได้ของผู้อื่น ความไม่พอเพียงในสิ่งที่ตนมีอยู่
จนส่งผลให้หน้ามืดตาลายหลงผิด กระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องจนทำให้ผู้ท่ี
เดือดร้อนจนตอ้ งเข้าแจ้งความเพ่ือดำเนินคดีเพือ่ ไม่ให้บุคคลท่ีกระทำผิดไป
หลอกลวงผู้อ่นื อกี ผมมองวา่ ปจั จุบันเทคโนโลยมี ีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ทำใหผ้ ้คู นมคี วามสะดวกสบาย แตใ่ ครจะคดิ วา่ ความสะดวก สบายเหล่านั้น
ล้วนแฝงไปด้วยอันตรายที่เราอาจจะคาดไม่ถึงถ้าเราขาดความระมัดระวัง
ขาดความรอบคอบ ขาดความซ่ือสัตย์ สุจริต ขาดความยึดม่ันถือม่นั ในส่ิงที่
ถูกต้องก็อาจจะเกิดผลเสียกับตัวเราได้ ผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์ไม่ดีจาก
การขายขนมผ่านช่องทางออนไลนเ์ พื่อหารายไดใ้ ห้ครอบครัว เมอื่ ผมรับออเดอร์
ลูกค้าและผลิตขนมให้ลูกคา้ พรอ้ มจะเอาไปสง่ ให้ลูกคา้ ปรากฏว่าตอนเอาไป
ส่งไม่สามารถติดต่อลูกคา้ ได้ หรอื บางรายก็ไม่รับสินค้า บางรายบอกสถานที่
ส่งผิดเพื่อไม่ต้องการรับสินค้า บางคนสั่งสินค้าเล่นๆ ทำให้ของเสียหาย
เนื่องจากของที่ผมขายเป็นขนม ผมทำขายเป็นวันต่อวันตามยอดการสั่งซ้ือ
ถา้ จำหน่ายไม่หมดในแต่ละวันของเหลา่ น้ันก็จะต้องท้ิง ไม่สามารถนำมาขาย
ใหม่ได้ ดังน้ันความซื่อสตั ย์ สจุ ริตทั้งตอ่ ตนเองและผอู้ ่ืนถือวา่ เปน็ ส่ิงที่สำคัญ
เช่นเดียวกันทค่ี วรปลกู ฝังใหท้ กุ คนตระหนักตงั้ แต่เลก็ ๆ ใหเ้ หน็ ถึงผลลัพธ์ที่
จะตามมาถ้าเราขาความซ่ือสัตย์ สุจรติ

เรื่องที่สาม เกี่ยวกับการมีจิตสาธารณะหรือที่ฟังติดหูในชื่อ
“จิตอาสา” ซึ่งในมุมมองของผมคือการที่เราพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นใน
รูปแบบต่างๆ เช่น การทำความสะอาดศาสนสถาน โรงเรียนหรือร่วมกับ

ห น ้ า | ๕๗

คณะจติ อาสาของชมุ ชน การแจกจ่ายของใหก้ บั ผ้ปู ระสบภยั นำ้ ทว่ ม การแจก
หนา้ กากอนามยั ใหก้ ับชาวบ้านท่เี ดอื ดร้อนการช่วยเหลอื สัตว์ทีไ่ ม่มีอาหารทาน
เปน็ ตน้ ผมเองก็เป็นอกี คนหนึ่งที่ประพฤติตนเปน็ จิตอาสาเสมอมา โดยดจู าก
กิจกรรมที่ผมทำเพื่อสังคม เช่น ร่วมพัฒนาศาสนสถานบริเวณที่ผมไป
ประกอบศาสนกิจ ร่วมทำความสะอาดโรงเรียนหลังน้ำท่วม ร่วมเปน็ พลังที่
สำคัญในการประชาสัมพันธ์ประพฤติปฏิบตั ิตนให้ถูกต้องในการป้องกัน ควบคุม
การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัสโคโรนา ๒0๑๙ หรอื โควดิ -๑๙ เป็นต้น
ผมมคี วามสุขทกุ คร้ังท่ีได้ทำเพอ่ื ผู้อน่ื เวลาผมเหน็ รอยยม้ิ ของคนอนื่ เมอ่ื ไดท้ ำ
กิจกรรมเพื่อสังคม ทำให้ผมมีพลังมีกำลังใจและอยากที่จะทำความดีเพื่อ
สังคมต่อไปนาน ๆ

จากเรื่องราวที่ผ่านมาผมมองว่า “ความพอเพียง ความมีวินัย
ความซ่อื สตั ย์ สจุ รติ และมจี ติ สาธารณะหรือจติ อาสา” ลว้ นเป็นพนื้ ฐานท่ที ุก ๆ
คนควรให้ความสำคัญเน่ืองจากส่ิงตา่ ง ๆ เหล่าน้ีจะเป็นส่ิงทีจ่ ะส่งผลกระทบ
ทั้งตอ่ ตนเองและผู้อื่นได้ในอนาคต ถ้าไม่ได้รบั การปลูกฝังตัง้ แต่เดก็ ๆ หรอื
ได้รับการปลูกฝังที่ไม่ถูกต้องก็จะส่งผลใหบ้ คุ คลคนนัน้ กลายมาเป็นคนไม่ดี
หรอื อาจไม่เปน็ ทีย่ อมรบั ในสังคม ส่งผลให้สงั คม เกดิ ปัญหาได้ในอนาคต ผม
มองว่าเด็กคอื พลังทส่ี ำคัญทจี่ ะบอกไดว้ า่ ประเทศชาติจะเป็นอยา่ งไร จะเดิน
ไปบนเส้นทางไหน ถา้ เด็กและเยาวชนได้รับการปลกู ฝังความพอเพียง มวี นิ ัย
มีความซื่อสัตย์ สุจริตและมีความเป็นจิตสาธารณะที่ดีตั้งแต่เด็ก อนาคตของ
ประเทศชาตกิ ็จะดแี น่นอน เดก็ ทีด่ ีในวนั นี้คือผู้ใหญท่ ่ีดใี นวนั ข้างหน้า

ห น ้ า | ๕๘

รองชนะเลิศอนั ดับ 1 ระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรยี นศาสน์สามคั คี อำเภอเมืองปัตตานี จงั หวัดปตั ตานี

16

มีความสขุ ด้วยหลกั คุณธรรม

- นายเสะอเู ด ตแู วดาแม –

บ้านเกิดของกระผมอยู่ที่จังหวัดปัตตานีซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของ
ประเทศไทย ผู้คนอาศัยโดยการพึ่งพาซึ่งกันและกันและอยู่ร่วมกันอย่างมี
ความสขุ ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม กระผมเกดิ และอาศยั อยู่ที่น่ันต้ังแต่เด็ก
จนโต รอบ ๆ บ้านนั้นเต็มไปด้วยสวนพืชผัก สมุนไพรและไก่ไข่ กระผมและ
ครอบครัวจะช่วยกันปลูกตันไม้รอบบ้าน พ่อสอนผมเสมอว่า เราต้องรู้จัก
พอเพียง ใชจ้ ่ายอยา่ งรคู้ ุณค่าของเงนิ บ้านเกดิ ของกระผมเต็มไปดว้ ยสถานที่
สำคัญมากมาย เชน่ มัสยดิ กลางซ่ึงเปน็ การออกแบบศิลปะหลายชาติ มีการ
ตกแต่งทั้งภายใน และภายนอกอย่างสวยงาม รูปทรงภายนอกของมัสยิดมี
ต้นแบบมาจากทัชมาฮาล จุดเด่นคือมียอดโดมสีเขียวขนาดใหญ่และโดม
บริวารขนาดเล็กลงไปล้อมรอบ ๔ ด้าน ส่วนบริเวณด้านข้างมีหออะซาน
๒ หอ ประตูมีการประดับกระจก ภายในมัสยดิ สรา้ งเป็นห้องโถงและระเบียง
ประดับหินอ่อนอย่างงดงาม มีบัลลังกท์ รงสูงสำหรับทำพิธีบนผนงั มีการเขียน
ภาษาอาหรับ ส่วนด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำส่องสะท้อนแสงเงาของมัสยิด
อยา่ งงดงาม วดั ช้างไห้เป็นวดั เก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า ๓๐0 ปีและเปน็ ที่รู้จัก
อย่างกว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ กระผมประทับใจในทุก ๆ
อยา่ งท่เี ปน็ บ้านเกิดของกระผม แมม้ นั จะเปน็ เพียงแคจ่ ังหวดั เล็ก ๆ แต่มันก็

ห น ้ า | ๕๙

เตม็ ไปด้วยความทรงจำและความประทับใจ แม้วา่ ขา่ วสารทเี่ ผยแพร่ออกไป
ทำให้มองวา่ จังหวัดปัตตานนี ่ากลัวแต่ที่จรงิ แลว้ ปัตตานีเป็นจังหวัดที่นา่ อยู่
ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม โดยการน้อม
นำเอาหลกั คุณธรรมมาปรับใชใ้ นการใช้ชีวิตอย่รู ่วมกัน

คณุ ธรรม ในมมุ มองของกระผมมองว่าคุณธรรมคือคณุ งามความดี
ความถูกต้องซึ่งแต่ละคนควรยึดมั่นไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตจนหลาย
เป็นความประพฤติที่ดีงามซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนมีพื้นฐานมาจากหลัก
ศีลธรรมทางศาสนา ค่านิยมทางวัฒนธรรม ประเพณี หลักกฎหมาย และ
ผ่านการคิดพิจารณาไตร่ตรองว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ ซึ่งหมายรวมไปถงึ
การเป็นคนซื่อสัตย์ สุจริต เสียสละ พอเพียง มีวินัยและมีความรับผิดชอบ
สำหรับกระผมแล้ว กระผมถูกสอนให้เป็นคนที่ดีด้วยการนำหลักธรรมทาง
ศาสนามาใช้ในการดำเนินชีวิตดูได้จากการละหมาดวันละ ๕ เวลา
การละหมาดเป็นการปฏิบัตศิ าสนกจิ อย่างหน่ึงในศาสนาอสิ ลามเพ่ือเป็นการ
ภักดีต่ออัลลอฮ ทุกคนที่นับถือศาสนาอิสลามจะต้องละหมาด วันละ ๕ เวลา
เรียกว่าละหมาดฟัรฎ การละหมาดในมุมมองของกระผมคือการขอพรซึ่ง
เริม่ ต้นด้วยตักบรี และจบลงด้วยสะลาม โดยหันหนา้ ไปทางกบิ ละฮฺเพื่อเคารพ
ภักดีต่ออลั ลอฮฺ การละหมาดช่วยฝกึ ฝนให้เปน็ คนตรงตอ่ เวลา มคี วามอดทน
และขดั เกลาจิตใจใหบ้ รสิ ทุ ธิผ์ อ่ งแผ้ว ไมป่ ระพฤติสิง่ หนึง่ สิ่งใดในทางชั่วร้าย
ดงั อลั กุรอานระบุไว้ ความวา่ “และจงละหมาด แทจ้ ริงการละหมาดจะยบั ยงั้
ความลามกอนาจารและสง่ิ ตอ้ งห้าม”

กระผมถูกสอนให้มีความซื่อสัตยแ์ ละสุจริต ไม่ทุจริต รู้จักหน้าที่
ของตนเอง มีความจริงใจ ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น เช่น จะคิด จะพูด

ห น ้ า | ๖๐

จะทำอะไรกจ็ ะตอ้ งทำให้สำเร็จ และสงิ่ ที่ทำลว้ นต้องเป็นประโยชน์กับตนเอง
และส่วนรวม เช่น ผมช่วยงานจิตอาสาของหมู่บ้านในการพัฒนาชุมชนให้
สะอาด ผมชว่ ยแจกหน้ากากอนามัยให้กบั เพอื่ นบา้ นในช่วงสถานการณ์การ
แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒0๑๙ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ
โควิด - ๑๙ เป็นต้น ในสังคมปัจจุบัน ความซื่อสัตย์ถูกมองว่าไม่สำคัญ
ถูกละเลยและถูกมองวา่ เปน็ เร่อื งทส่ี ามารถทำได้ไม่ยาก แตใ่ นความจริงแล้ว
ความชื่อสัตย์เป็นเรื่องที่ต้องได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยต้อง
ตัดสินใจที่จะยอมรับหรือปฏิเสธว่า เราจะกระทำในสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใคร
มาคอยบังคับ ความซื่อสัตย์เป็นสิ่งทีจ่ ะต้องกลัน่ มาจากจิตใจที่จะส่งผลต่อ
ส่วนรวม ความไม่ซื่อสัตย์ในสังคมล้วนมีมูลเหตุจากคู่นิยมที่ไม่ถูกต้องจน
ก่อให้เกิดพฤติกรรมการดำเนนิ ชีวติ ในลกั ษณะคดโกง ใชอ้ ทิ ธพิ ลขู่บังคับแลก
มาและกลายเป็นปัญหาต่อไป บุคคลเหล่านี้อาจจะไม่รู้ว่าตนเองเลือกเดิน
ในทางทผ่ี ิด ความหลงผิด ในความเปน็ จริงไมม่ ีใครตอ้ งการอยู่ในสังคมท่ีไม่มี
ความซื่อสัตยเ์ พราะจะต้องอยู่อย่างหวาดระแวงจนไม่มีความสุข เราทุกคน
ต่างก็ปรารถนาความจริงใจจากกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์จาก
ครอบครัว ชุมชนหรือสังคม เราจำเป็นต้องยืดมั่นอยู่ในความซื่อสัตย์และ
พัฒนาจิตสำนกึ ภายในใหม้ ั่นคงโดยยึดหลักความซื่อสัตย์อยา่ งแท้จริงกระผม
ถูกสอนให้มีความเป็นธรรมเป็นคนท่ีมเี หตุมีผล รู้ผิดชอบชั่วดี แม้ว่าบางครั้งเรา
ทำผดิ เราก็ควรท่ีจะกล่าว “ขอโทษ” และสำนกึ ในความผดิ ท่ีไดก้ ระทำลงไป
กระผมมองว่าในสังคมปัจจุบันถ้าเรา ไม่มีคุณธรรม ไม่มีเหตุผล ไม่รู้จักผิด
ชอบชั่วดีก็จะกลายเป็นปัญหาของผู้อื่นได้ เช่น ถ้าเราทำผิดแล้วเรา
ไม่ยอมรบั ในความผิดทก่ี ระทำลงไปจนผู้อื่นเดอื ดรอ้ น ก็จะส่งผลใหเ้ ราไมเ่ ปน็

ห น ้ า | ๖๑

ที่ยอมรบั ในสังคม ทกุ คนกจ็ ะรังเกียจและเกดิ ความเครียดต่อตนเองได้ หรือ
ถ้าเราไปลกั ขโมยของผู้อืน่ มาเป็นของตนเอง เราก็จะกลายเป็นท่ีรังเกยี จของ
สังคมและบางคร้ังคนท่ีเราขโมยของมากอ็ าจจะแจง้ ตำรวจมาจับเราได้ เป็นตน้

กระผมเป็นครอบครัวชาวสวน กระผมถูกปลูกฝังให้น้อมนำหลกั
เศรษฐกิจพอเพยี งซึ่งเป็นปรัชญาของในหลวงรัชกาลที่ ๙ มาปฏิบัติเพือ่ ให้
สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่เดือดร้อนแม้จะเจอกับภัยพิบัติต่าง ๆ หลัก
เศรษฐกิจพอเพียงนี้สอนให้ครอบครัวกระผมประมาณตนเองและพึ่งพา
ตนเอง บ้านกระผมปลกู พชื ผัก สวนครวั และพชื สมุนไพรไวท้ านและจำหน่าย
ในตลาดใกลบ้ า้ น มีการเลี้ยงไก่ไข่เพอ่ื ไวร้ บั ประทานไขไก่ ตอนน้ีแม้ว่าจะเกิด
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า ๒๐๑๙ หรือโควิด - ๑๙
ครอบครวั ของกระผมกไ็ มค่ อ่ ยได้รับผลกระทบเนื่องจากมีพืชผกั และเน้อื สตั ว์
ไว้ทาน พ่อกับแม่ไม่ต้องออกไปทำงานไกลๆ และนอกจากนี้ครอบครัว
กระผมก็มีการทำรายรับ - รายจ่าย เพื่อให้เราทราบว่าเรามีรายรับและ
รายจ่ายต่อเดือนมากน้อยเพียงใด เราต้องช่วยกันประหยัดในเร่ืองอะไรบ้าง
กระผมมองว่านีค่ ือจุดเริม่ ต้นเล็ก ๆ ของครอบครัวกระผมที่สอนให้กระผมเป็น
คนที่มีความพอเพียง ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ประมาณตนเองว่าเรามีอะไร
มีเท่าไหร่ก็ใช้เพียงเท่านั้น ครอบครัวกระผมจึงมีความสุขไม่ว่าจะเจอ
อปุ สรรคอะไรก็ตาม

กระผมถูกสอนให้เป็นคนที่มีจิตอาสามาตั้งแต่เด็ก จิตอาสา
หมายถงึ จิตแหง่ ความดงี ามแก่เพ่ือนมนุษยโ์ ดยเตม็ ใจ พร้อมจะเสยี สละเวลา
ให้ความช่วยเหลอื ร่วมมือ ลงแรง ร่วมใจ ในการทำประโยชนเ์ พื่อส่วนรวม
ช่วยสร้างสรรค์ให้สังคมมีความสุข ยกตัวอย่างเช่น ที่บ้านของกระผมจะ
ช่วยกันดูแลรักษาความสะอาด ช่วยคัดแยกขยะเปียก ขยะแห้งและขยะรีไซเคิล

ห น ้ า | ๖๒

เพื่อช่วยแบ่งเบาภารหนา้ ท่ีของพ่ี ๆ ที่เก็บขยะครอบครัวของกระผมสอนให้
ช่วยกันประหยัดน้ำประปาหรือไฟฟ้าที่เป็นของครอบครัวและที่สาธารณะ
โดยใช้ให้เกดิ ประโยชน์อย่างคุม้ ค่า ครอบครัวกระผมเขา้ ร่วมกจิ กรรมทำความดี
ของชมุ ชนอย่างสม่ำเสมอ ดว้ ยความเต็มใจ เปน็ ต้น กระผมมองวา่ การเปน็ คนที่
มีจติ อาสาเปน็ ส่ิงทดี่ ีที่จะคอยสอนใหเ้ รามคี วามเสยี สละเพือ่ ผ้อู ่นื สอนให้เรา
เป็นคนที่มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สอนให้เรารู้จัก
แบง่ ปนั เพ่อื ผ้อู น่ื และสิง่ ท่ีครอบครัวผมได้รับกลบั มาคือความสขุ รอยย้มิ และ
เสยี งหวั เราของคนในชมุ ชนและความสขุ ของครอบครวั

การปลูกฝัง่ หลักคุณธรรมจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือตั้งแต่คน
ในครอบครัว เพื่อน ญาติมิตร ครู อาจารย์ สังคมรวมถึงกระบวนการของ
ประเทศชาติ ผู้ปกครองต้องเป็นแบบอย่าง ครูอาจารย์เป็นทั้งต้นแบบและ
คอยช้ีนำในสงิ่ ทีถ่ ูกตอ้ ง โรงเรยี นและศาสนสถานต้องช่วยอบรมปลกู ฝงั และขัด
เกลาจิตใจ ให้สามารถพัฒนาจิตใจด้านหลักคุณธรรมได้ สามารถควบคุม
ความประพฤติปฏิบัติของตนให้อยู่ในกรอบของพฤติกรรมที่ดี ทั้งใน
สภาพการณ์ปกตแิ ละทั้งเมื่อเผชิญกับปัญหาหรือความชัดแย้ง ประเทศชาติ
เปรียบดงั เรอื ลำใหญต่ ้องอาศยั ลกู เรือท่ีมคี ุณภาพ มคี ุณธรรมจรยิ ธรรม เป็น
คนดี มีคุณค่าในสังคม เพื่อนำพาประเทศชาติสู่จุดหมายอนั มั่นคง เด็กและ
เยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของซาติ จึงจำเป็นต้องได้รับการปลูกฝัง
จากผู้ใหญ่ ช่วยชัดเกลาจิตใจหล่อหลอมให้เป็นคนมีคุณธรรมจริยธรรม
อันเปน็ หลกั ธรรมสำคัญใหอ้ ยู่ร่วมกันในสงั คมอย่างมีความสุข

ห น ้ า | ๖๓

รองชนะเลิศอนั ดบั 2 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
โรงเรียนแสงประทีปวทิ ยามูลนิธิ อำเภอหนองจกิ จังหวัดปตั ตานี

17

สรา้ งคนดี สสู่ ังคมด้วยคุณธรรม

- นางสาวอฟั นาณ ยีดอรอแม –

มนุษย์เราเกดิ มายอ่ มมคี วามดงี ามอยูใ่ นจติ ใจอยู่แลว้ เปน็ คณุ สมบตั ิ
ทดี่ ีงามหากมนษุ ยถ์ กู ปลูกฝังด้วยคุณธรรมตง้ั แตว่ ยั เดก็ คนนั้นมีพลังจิตสำนึก
ท่ีดเี ชงิ บวก มีความเป็นอยทู่ ถ่ี ูกต้องและมคี วามเปน็ ธรรม ทำให้เกิดความสุข
ในสังคม หาดนิสัยหรือจิตสำนึกที่ดี ควบคู่กับความพอเพียง มีวินัย และ
จิตอาสา คนคนนั้นยอ่ มมีความสุขอยูท่ ่ีไหนก็ตามย่อมมคี วามสขุ

การที่คนเรามีคุณงามความดีทางความประพฤติและจิตใจแล้ว
ปฏบิ ตั อิ ะไรด้วยใจที่บรสิ ุทธิไ์ มก่ ล่าวเทจ็ ทำอะไร ทำดว้ ยใจรัก ทำทุกทุกวัน
จนติดนสิ ัย การกระทำย่อมเกิดผลในหนทางทด่ี เี สมอ หากมคี ณุ ธรรมและยดึ หลัก
4 ประการ คือ มีความพอเพียง มีวินัย สุจริต และจิตอาสา ความพอเพียง
เป็นสิ่งที่มุ่งให้ทุกคนสามารถพึ่งตนเองได้ รวมถึงพัฒนาตัวเองให้ดีข้ึน
มีเหตุผลใช้ความรู้ในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ มีความพอประมาณ พอดี
บุคคลใดก็ตาม หากมีวินัย คือ การยึดมั่นและรับผิดชอบในหน้าที่ตนเอง
ผลกั ดนั ชีวติ ของตนเองให้ก้าวหน้า ถือว่าเป็นสิง่ ทค่ี วรมอี ย่างย่งิ เชน่ ปจั จบุ นั
เป็นช่วงสถานการณโ์ ควิด ไปไหนไหนต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ หากตัวเรา
ยึดมน่ั ในความมีคุณธรรม มวี นิ ัย และอยู่อย่างพอเพียง แม้ว่าเกิดเหตุการณ์
ขนึ้ เรากส็ ามารถอย่ไู ดอ้ ย่างไม่ทอ้ ถอย พยายามสืบค้นข้อมูลเรยี นรู้อยา่ งจริงจัง

ห น ้ า | ๖๔

ไม่จำเป็นตอ้ งเรยี นในห้องสเี่ หลยี่ มเห็นหนา้ อย่าครผู ูส้ อนตลอดเวลา แต่เม่ือ
สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปความเป็นอยู่ต้องเปลีย่ น การเรียนรู้ก็ตอ้ งเปลี่ยน
แต่เมื่อมีใจทีค่ ิดเชิงบวกแล้วทุก ๆ อย่างย่อมดีเสมอและสิ่งทีข่ าดไม่ได้ คอื
ความสจุ รติ ควบคกู่ บั การมีจิตอาสา การท่คี นคนหนง่ึ มีความซอ่ื ตรง ซอื่ สัตย์
สุจริต ยึดหลักในความจริง ความถูกต้องแล้วและเปน็ ผู้ที่เอาใจใส่ต่อสงั คม
สาธารณะอาสาลงมอื ทำอยา่ งใด อยา่ งหนง่ึ อาจจะไม่ใช่หน้าท่ขี องตนเองแต่
ดว้ ยความรักและสามัคคี เพ่อื ประโยชน์ของผูอ้ น่ื ของสงั คมและประเทศชาติ
โดยมไิ ดห้ วงั ผลตอบแทน ทำความดีเพือ่ ความดี คนคนนั้นย่อมมผี ลตอบแทนเสมอ
และควรสะสมความดีใหม้ ตี ลอดชีวิต ดั่งพระราชดำรสั รัชกาลที่ 9 ได้กล่าว
ไว้ว่า “การทำความดีนั้นทำยาก และเห็นผลชา้ แตก่ จ็ ำเป็นตอ้ งทำเพราะหา
ไมค่ วามช่ัว ซึง่ ทำไดง้ า่ ย จะเขา้ มาแทนท่แี ละพอกพนู ขึน้ อย่างรวดเร็ว โดยไม่
ทันรู้สึกตัว แต่ละคนต้องตั้งใจ และเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริม
และสะสมความด”ี ดังนั้นปัจจุบันเรายงั เป็นเด็กวัยเรียน ต้องมีคุณธรรมเป็น
คนดใี นสงั คม จงึ ตอ้ งรว่ มกันทำความดี ดงั น้ี

- การเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เมื่อเราเกิดมาพ่อแม่เลี้ยงดูเราให้
เจรญิ เติบโต แนะนำใหเ้ ราทำความดี ส่งเสรมิ ให้ได้รบั การศกึ ษา เราในฐานะ
ที่เป็นลูก ควรชื่นชน คุณความดีของพ่อแม่เชื่อฟังคำสอน ช่วยทำงานบ้าน
ใชช้ ีวิตอยา่ งพอเพียง เอาใจใสด่ แู ลเมอ่ื ทา่ นไม่สบาย

- การเป็นศิษยท์ ่ีดีของครอู าจารย์ ครคู อยทำหน้าท่ี แนะนำสงั่ สอน
เราใหเ้ ป็นคนดี เราในฐานะทเ่ี ปน็ ศษิ ยค์ วรชื่นชมคุณความดีของทา่ นดว้ ยการ
ต้องต้ังใจศึกษาเลา่ เรียน ช่วยกนั ดแู ลรกั ษาความสะอาดของโรงเรยี น ใช้ชีวิต
อยา่ งมีวนิ ัยสุจรติ

ห น ้ า | ๖๕

- การเป็นเพื่อนของเพื่อน เพื่อนเป็นผู้คอยแนะนำเราทำความดี
คอยปลอบในเราในยามท่ีมที ุกข์ ในฐานะทเี่ ราเป็นเพื่อนกนั ตอ้ งแนะนำซง่ึ กนั
และกนั ใหเ้ พอ่ื นคิดแตเ่ รอื่ งทีด่ ี ทำแตเ่ รื่องท่ดี ี ชวี ติ เรากม็ คี วามสขุ

- การเป็นประชาชนที่ดีของประเทศชาติ เราต้องภูมิใจใน
ประเทศชาติทเ่ี ราอยู่อาศยั ทำหนา้ ท่ดี ้วยความซ่ือสตั ย์ สจุ ริต

- เราในฐานะท่ีเป็นศาสนกิ ทดี่ ีของศาสนา ศาสนาเป็นเครือ่ งมอื ยดึ
เหนี่ยวจติ ใจ ทำให้สังคมร่มเย็นเป็นสุข เราทุกคนจำเป็นต้องกระทำความดี
เพอ่ื อยู่ในสังคมอยา่ งมคี วามสขุ

ความพอเพียง เป็นแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานมานานกว่า 30 ปีเป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนรากฐาน
ของวัฒนธรรมไทย เป็นแนวทางการพัฒนาที่ตั้งบนพื้นฐานของสายกลาง
และความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้าง
ภูมิคุ้มกันในตัวเองตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการ
ดำรงชีวิตที่สำคัญจะต้องมี “สติ ปัญญา และความเพียร” ซึ่งจะนำไปสู่
“ความสุข” ในการดำเนินชีวิตอย่างแท้จริง “คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา
จะว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไมม่ สี ิ่งสมัยใหม่ แต่เราอยู่พอมี พอกิน และ
ขอใหท้ ุกคนมคี วามปรารถนาที่จะให้เมืองไทย พออย่พู อกนิ มคี วามสงบและ
ทำงานตง้ั จติ อธิษฐานตัง้ ปณิธาน ในทางนี้ทจ่ี ะใหเ้ มอื งไทย พออยพู่ อกินไมใ่ ช่
ว่าจะรุง่ เรอื งอย่างอยู่พอกินได้ เราก็จะยอดยิง่ ยวดได”้ พระบรมราโชวาทนี้
ทรงเห็นว่าแนวทางการพัฒนาที่เน้นการขยายตัวทางเศรษฐกจิ ของประเทศ
เป็นหลักแต่เพียงอย่างเดียวอาจจะเกิดปัญหาได้ จึงทรงเนน้ การพอมีพอกิน
พอใช้ของประชาชนสว่ นใหญ่ในเบ้อื งต้นก่อน เม่อื มพี ื้นฐานความมน่ั คงพรอ้ ม
พอสมควรแล้ว จงึ สรา้ งความเจริญและฐานะทางเศรษฐกจิ ให้สงู ข้ึน

ห น ้ า | ๖๖

พอเพียงเป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของ
ประชาชนในทกุ ระดบั ตัง้ แตร่ ะดับครอบครัว ระดับชมุ ชน จนถงึ ระดับรฐั ทง้ั
ในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปในทางสายกลางโดยเฉพาะ
การพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ความพอเพียง
หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นต้องมี
ภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร ต่อการกระทบใดๆ อันเกิดจากการ
เปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอก ทั้งนี้ จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความ
รอบคอบ และความระมดั ระวังอย่างยิ่งในการนำวิชาการต่างๆ มาใช้ในการ
วางแผนและดำเนินการ ทุกขั้นตอน และขณะเดียวกัน จะต้องเสริมสร้าง
พื้นฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐ นักทฤษฎี และนัก
ธรุ กจิ ในทกุ ระดับ ให้มสี ำนึกในคณุ ธรรม ความซื่อสตั ยส์ จุ ริต และให้มีความ
รอบรทู้ ่ีเหมาะสม ดำเนินชวี ิตด้วยความอดทน ความเพียร มสี ติ ปัญญา และ
ความรอบคอบเพอื่ ใหส้ มดุลและพร้อมตอ่ การรอบรับการเปลีย่ นแปลงอย่าง
รวดเร็วและกว้างขวาง ทั้งด้านวัตถุ สังคมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจาก
โลกภายนอกได้เป็นอย่างดี คนที่มีคุณธรรมก่อให้เกิดการพัฒนาสู่สังคม
คณุ ธรรม ต้องม่งุ สร้างคนดี โดยส่งเสริมคุณธรรมให้คนทุกเพศ ทุกวยั สามารถ
ดำเนนิ การตามแบบอย่างทดี่ ี นำพาสงั คมบนหนทางท่มี ีความสุข

การสร้างคนดีสู่สงั คมคุณธรรม 4 ประการ พอเพยี ง วนิ ัย สจุ รติ จติ
อาสา จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับทุกๆ คนซึ่งจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ด้วยการการ
ฝกึ ฝน เรียนรู้ ท่ามกลางการทำงาน การใช้ชีวิต และการมีปฏิสมั พนั ธ์กบั ผอู้ น่ื
โดยการหมั่นทบทวนใคร่ครวญ ไตร่ตรอง สะท้อนความคิด ประเมินการ
กระทำในส่ิงท่ดี ี เพ่อื สง่ ผลต่อการดำเนินชวี ิตทด่ี ี ด้วยหลักคุณธรรมชวี ติ กจ็ ะ
อยู่บนพนื้ ฐานของความสงบสุขไปตลอดชวี ิต

ห น ้ า | ๖๗

รางวัลชมเชย ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยลยั สงขลานครินทร์ อำเภอเมืองปตั ตานี จังหวดั ปตั ตานี

18

สร้างคนดี สู่สงั คมด้วยคณุ ธรรม สุจริต จิตสำนึก

- นายอินอาม โตะ๊ จิ –

ปจุ ฉาว่า "ความสุจริตคอื อะไร" นยิ ามของคำว่าสุจรติ นั้น หมายถึง
การยึดมั่นในความสัตย์จริง และในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม มีความซื่อตรง และ
มเี จตนาบรสิ ทุ ธิ์ ไมค่ ดโกง แต่คำวา่ "สจุ รติ " นนั้ เป็นคำทีม่ คี วามหมายกว้าง
และยากทจี่ ะกำหนดหลกั เกณฑ์แน่นอนลงไปให้ชัดเจน ท้ังท่ใี นความเป็นจรงิ
แลว้ ปจุ ฉาน้ี ใคร ๆ ตา่ งกม็ องวา่ เปน็ ปจุ ฉาทไ่ี รส้ าระ เพราะพวกเราตา่ งรู้อยู่
แกใจว่ามันคืออะไร เพียงไม่สามารถอธิบายออกเป็นวาจาหรือเขียน
คำอธบิ ายของมันลงไปได้อย่างชัดเจน แลว้ ความสุจริตทม่ี กั จะมาพรอ้ มกบั คำ
ว่าซื่อสัตย์นั้นมาจากไหนล่ะ ทั้งที่มันควรจะเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิต
ร่วมกับผู้คนอีกมากมาย แล้วเหตุใดจึงยังมีคนที่ไม่สจุ ริตหรือที่เขาเรียกว่า
ทุจริตอยูอ่ ีก สรปุ แล้วความสจุ ริตท่ีแท้จริงนน้ั มันมาจากไหนกันแน่ แล้วจะมี
ไหมคนท่ีสุจริตแบบโปร่งใสทัง้ หมดโดยไม่มคี วามทจุ รติ อยเู่ ลย

ความซื่อสัตยส์ ุจริตเป็นคุณสมบัติพ้ืนฐานที่สำคญั สำหรับการเป็น
คนดี และเรามกั ใชค้ วามร้สู ึกผดิ ชอบชั่วดเี ป็นตัวตัดสนิ ว่าสิ่งไหนดี ส่ิงไหนไม่ดี
สิ่งไหนถูกหรือส่ิงไหนไม่ถูก คุณธรรมดังกล่าวจะอยู่ภายใต้สามัญสำนกึ หรอื
จิตสำนึกของเราเอง การทุจรติ คอรร์ ัปชนั น้นั คอื การกระทำความผดิ อยา่ งหนงึ่
เราทุกคนตา่ งก็รู้วา่ การกระทำแบบนี้นนั้ มันผิดหลกั สามญั สำนกึ แตเ่ หตุใดจงึ

ห น ้ า | ๖๘

ยังมีคนที่กระทำผิดแบบนี้อยู่ไม่จบไม่สิ้น การปลูกฝังจิตสำนึกให้ผู้คนน้ัน
ได้ผลจริงหรือ ไม่ว่าจะอยูใ่ นสถานการณ์ไหน หากเกิดความโลภ หรือความ
อิจฉารษิ ยา ถ้ามีโอกาสและไมร่ ู้จกั หกั ห้ามใจตวั เอง ตอ่ ใหจ้ ะถปู ลกู ฝงั มามาก
เท่าใด ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกระทำอันไม่ละอายนี้ได้ การทุจริตคอร์รัปชัน
ในปัจจุบันน้ัน ยังพบได้ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศกต็ าม
ผู้คนเหลา่ นั้นมกั จะหาผลประโยชน์เข้าตัวเองหรอื ไมก่ ็พวกพอ้ ง โดยไม่สนว่า
จะมีผู้อื่นเดือดร้อนหรือไม่ กล่าวคือ ผู้ที่ทุจริตคือผู้คนที่เห็นแก่ตัวเห็น
ผลประโยชนข์ องตนเหนอื กวา่ ผลประโยชนส์ ่วนรวม ยกตัวอย่างการทุจริตที่
ใกล้ตัว เช่น กีฬาระดับเทศบาล ระดับประเทศ หรือแม้แต่การแข่งขันกีฬา
ระดับโลกก็ยังมี ไม่จำเป็นว่า จะต้องเป็นจำพวกกีฬา แต่การแข่งขันอื่น ๆ
เช่น การสอบ ก็ยังมีการทุจริต หรือแม้แต่ด้านการเมืองการปกครองก็ยงั มี
การทุจรติ และยงั เป็นการทุจริตทเี่ ปน็ ด่งั เพลิงคอยแผดเผาความเจรญิ รุ่งเรอื ง
ของชาติอกี ดว้ ย

ความหมายของคำวา่ “จิตสำนกึ ” ในพจนานกุ รมไทยนั้น หมายถงึ
ภาวะที่จิตตื่นและรู้ตัว สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากประสาทสัมผัสทั้ง
๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และส่ิงท่ีสัมผัสได้ด้วยกาย ส่วนความหมายของคำวา่
“สามญั สำนกึ ” คอื ความสำนกึ หรอื ความเฉลียวใจทมี่ นษุ ยท์ ัว่ ไปควรจะรู้ด้วย
ตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำสั่งสอน เปน็ หน่ึงในองค์ประกอบ
สำคญั ท่ีจะทำให้ผู้คนคงความเป็นมนษุ ยไ์ ว้ได้ และหลายครั้ง ท่มี ันชว่ ยมนษุ ย์
จากกระทำความผิด หรือหากกระทำความผิดไปแล้วก็จะมีความรู้สึกผิด
ตามมาภายหลัง ป้องกันไม่ให้ เกิดการกระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มิใช่
กับมนุษย์ทุกคน แน่นอนว่าการมีข้อผิดพลาดนั้นเป็นหนึง่ ในสิง่ ทีบ่ ่งบอกว่า
เราคอื มนษุ ย์ เพราะมนษุ ย์มิใชจ่ ักรกล แต่น่นั กไ็ ม่ใช่เหตผุ ลท่ีจะนำมาอ้างใน

ห น ้ า | ๖๙

การกระทำความผิด เพราะหากเป็นมนุษย์จริงก็ควรจะมีสามัญสำนึก
ถึงแม้ว่าบางครั้งเราจะกระทำความผดิ โดยรู้อยู่แก่ใจว่ามันผิดก็ตาม เราไม่
ควรสรา้ งความเดือดร้อนต่อทั้งตนเองและผู้อ่ืน ดังนัน้ ก่อนจะทำอะไรเราจึง
ควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน เพราะถ้าหากการกระทำนั้นส่งผลให้ผู้อื่นต้อง
เดือดร้อนด้วยแล้ว ไม่เพียงแต่ต้องรับผิดชอบความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นแก่
ตนเอง แตจ่ ะตอ้ งรับผิดชอบกับความเดอื ดร้อนทเ่ี กิดข้นึ ท้ังหมด

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การทุจริตคอร์รัปชัน หากมีช้าราชการท่ี
ทจุ ริตจำนวนมาก กจ็ ำเป็นทีจ่ ะต้องใช้เวลาตรวจสอบเพมิ่ ซึ่งกอ่ ให้เกดิ ความ
เชื่อในการทำงานส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ หากสามารถคัดเลือก
ข้าราชการดี ๆ เข้ามาทำงานจะไม่ทำให้เสียเวลาในส่วนนี้ ด้านการเมือง
ประชาชนจะเสื่อมศรัทธาต่อผู้นำประเทศ ทำให้การพัฒนาบ้านเมืองใน
ระบอบประชาธปิ ไตยลม้ เหลวไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อรฐั ล้มเหลวในการ
ปกครองจะก่อใหเ้ กดิ ระบอบเผดจ็ การเข้ามาปกครองประเทศแทน เพราะรฐั
ล้มเหลวด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ๑. ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ตาม
กำหนดการณ์ที่วางไว้ ๒.อาจทำให้เกิดการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อ
นำมาพัฒนาประทศและก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ ๓.เกิดปัญหาสินค้าราคา
แพงและตน้ ทนุ สูง

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ชัดว่าการทุจริตคอร์รัปชันนั้น
ไมเ่ พียงแตส่ ่งผลกระทบแกต่ นเองแตย่ ังสง่ ผลกระทบต่อผูอ้ ื่นเปน็ จำนวนมาก
ยิ่งเป็นการทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการเมือง การปกครอง และการพัฒนา
ประเทศด้วยแล้ว ผลกระทบที่ตามมาก็จะยิ่งแผ่ขยายในวงกว้างมากยิ่งข้ึน
ซ้ำยงั ส่งผลในระยะยาว ผลกระทบทีไ่ ด้กล่าวข้างตน้ นน้ั มใิ ชอ่ ติพจน์หรือการ
กล่าวเกินจริง แต่ยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ การไม่รู้จักพอประมาณนั้นเป็น

ห น ้ า | ๗๐

สาเหตุท่ีทำให้เกิดความโลภและทำให้เกดิ การทุจริตตามมา เพราะฉะนั้นจง
อย่าให้กิเลสหรือตัณหาเข้ามาครอบงำหากไม่ตอ้ งการทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ควรพึงพอใจกับสิ่งที่ตนมี หากต้องการสิ่งใดก็ควรใฝ่หามาด้วยวิธีที่สุจริตและ
บริสุทธิ์ การปลกู ฝังจิตสำนึกน้ันถือเป็นหน่ึงในวิธีการแก้ไขปัญหาความขาด
จิตสำนึกที่ดี เพียงแต่การปลูกฝังจิตสำนึกในประเทศไทยนั้นเรียกได้ว่า
ล้มเหลวก็เป็นได้ เพราะปัจจุบันก็ยังมีปัญหาผู้คนขาดจิตสำนึกให้เห็นอยู่ทั่วไป
หากไม่ปรบั แกก้ ็ควรยกเลกิ ความสจุ รติ นัน้ มนั อย่ทู ี่จติ ใจและการกระทำของ
แต่ละบุคคล ไม่มีอะไรรับประกันวา่ ผทู้ ส่ี ำเรจ็ การศกึ ษาจากท่ีดี ๆ จะเติบโต
ไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดี ในทางกลับกันก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าการเติบโตมาใน
สภาพแวดล้อมท่ีแย่ จะเปน็ ตัวกำหนดความดีความชัว่ ของคน น้นั ได้เช่นกัน

ระดับของความสุจริตนั้นมักจะข้ึนอยูก่ ับระดับความมีจิตสำนกึ ที่
คนนั้นจะคิดได้ เราไม่สามารถวัดระดับหรือตัดสินความมีจิตสำนึกของคน
หนึ่งได้จากกระทำ เพราะจิตสำนึกนั้นอยู่ในใจของแต่ละบุคคล เราไม่
สามารถรับรคู้ วามคดิ หรอื แก่นแท้ของผู้คนได้ทง้ั หมด ดังน้นั เราจึงไม่มีทางรู้
ได้เลยว่าผู้ที่บริสุทธิ์ใจโดยไม่มีมลทินอยู่เลยนั้น จะมีอยู่จริงหรือไม่และใน
ความเปน็ จรงิ เราไมค่ วรจะเสยี เวลามาต้ังคำถาม เพราะจะดกี ว่ามากหากเรา
หันมาทำใหต้ วั เองบริสทุ ธ์ใิ จจรงิ ๆ ในบางทีการกระทำแบบน้อี าจจะสามารถ
เปน็ คำตอบใหก้ บั คำถามทีค่ า้ งคากเ็ ปน็ ได้

จิตสำนึกนั้นเป็นสิ่งที่คอยตักเตือนจิตใจของมนุษย์ ให้อยู ่ใน
ขอบเขตของความถูกต้องไม่สงระเริงไปในทางที่ไม่ดี ผู้ที่มีจิตสำนึกน้นั เป็น
ผู้ที่มีสติสัมปชัญญะ แต่สังคมไทยในปัจจุบันนั้นเรามักจะเห็นผู้คนที่ขาด
จิตสำนกึ อยู่ บ่อยครั้ง หรือก็คือยังมีผู้ที่ขาดสติและกระทำความผิดอยา่ งไม่
ละอายให้เห็นอยู่ทั่วไป นำมาซึ่งความเดือดร้อนใหแ้ ก่ผู้อืน่ ในสังคมทั้งที่ผู้ที่

ห น ้ า | ๗๑

ไดร้ บั ผลกระทบควรจะเปน็ ผกู้ ระทำเพยี งผูเ้ ดยี วแต่กลับนำพาผอู้ ่ืนเดือดร้อน
อาจกล่าวได้ว่าคนเหล่านั้นคือคนที่เห็นแก่ตัวและเป็นตัวอย่างที่ไม่ตีให้กบั
ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะหากเด็กเล็กที่ขาดการแยกแยะไดเ้ ห็นและนำไปทำ
ตาม กจ็ ะเกดิ ผลเสียใหก้ ับสังคมในระยะยาวอีกดว้ ย

ความซือ่ สัตย์สุจรติ นั้นถอื เปน็ สัญลักษณ์แห่งความดีทีค่ วรมือยูใ่ น
จิตใจของทุกคน เพราะผู้ท่ีซือ่ สตั ย์สุจริตนั้นจะได้รับการไว้วางใจเช่อื ใจจาก
ผู้ยื่น มีแต่ผู้คนรักใคร่เคารพนับถือเพราะเป็นผู้ที่มีศีลธรรม คุณธรรมและ
จริยธรรม หลักสุจริตธรรมนั้นจึงถือได้ว่าเป็นรากฐานความตีทุกประการ
เพราะหากผู้ใดมีหลักสุจริตธรรมภายในจิตใจจะกลายเป็นบุคคลที่มีชีวิตท่ี
สะอาด ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมที่เราอยูส่ ่วนผู้ที่
คดโกง เล่นเล่ห์เพทุบาย ก็ไม่มีผู้ใดอยากจะให้ความไว้วางใจ จะมีก็แต่ผู้ที่
ทจุ รติ ด้วยกันเองหลอกใช้เปน็ เครื่องมือ ชวี ิตไมม่ ีความสุข และมีตราบาปติด
ตวั ไปตลอดชวี ติ ตังนั้นสิ่งทเ่ี ราตอ้ งทำก็คอื การตั้งสติให้จิตใจอยกู่ ับเนอ้ื กับตัว
ให้ดี พอประมาณ ไม่หลงทางไปในความโลภ อยากได้ อยากมี จะทำอะไรก็
คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาตลอด เพื่อให้ไม่เกิดความเดือดแก่ผู้อื่นใน
ภายหลัง ขัดเกลาจติ สำนึกใหส้ ะอาดอยู่ตลอดเวลา แล้วความซื่อสัตย์สจุ ริต
จะตามมาพรอ้ มกบั ความสขุ เอง ดังคำกล่าวว่า "ซ่ือกนิ ไมห่ มด คดกินไม่นาน"

ห น ้ า | ๗๒

ชนะเลิศ ระดับอดุ มศึกษา
มหาวิทยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปตั ตานี อำเภอเมอื งปัตตานี จงั หวัดปตั ตานี

19

ป่าแห่งชวี ิตสรา้ งด้วยจติ ลำนึก

- นางสาวเกศรนิ ทร์ แกว้ เจริญ -

หากเปรียบชีวิตเป็นต้นไม้ จิตสำนึก คู่นิยม คุณธรรมและ
วัฒนธรรมก็คือรากที่คอยดดู ชบั สารอาหารแห่งชีวิตเป็นรากฐานทางสงั คมสง่
ตอ่ ไปบำรุงตัวเราเพือ่ เขา้ สูส่ งั คมทเ่ี ราอาศยั อยู่ กิ่งกา้ นสาขาคือความแตกต่าง
ของเราที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ในสังคมเดยี วกัน ส่วนความคิด ทัศนคติและ
ความรู้คือใบท่ีคอยสังเคราะห์ชีวิต สร้างคุณค่าและพัฒนาสังคมให้ดีข้ึน
ในองค์ประกอบเหลา่ น้ีหากขาดสว่ นหนึ่งสว่ นใดไปเราก็ไม่อาจขับเคลื่อนชวี ิต
ไปได้อยา่ งสันติสุข แต่การที่ต้นไมจ้ ะเจริญงอกงามนั้นมิไดอ้ าศัยเพียงปจั จัย
ภายในเทา่ น้นั ปัจจัยภายนอกก็ลว้ นมีผลต่อการเจรญิ งอกงามท้งั สิน้

ในสภาพสังคมในปัจจุบันเรียกได้ว่ากำลังเสื่อมถอยทางคุณธรรม
จริยธรรมไปทลี ะก้าว ปัญหาต่างๆ มไิ ด้ถกู แก้ไขและเยยี วยาด้วยวธิ ีการทค่ี วร
จะเปน็ จนในบางครงั้ ปัญหาเกา่ ยงั มไิ ดถ้ ูกแก้ ปญั ทาใหม่กเ็ ขา้ มาทำให้ย่ำแย่
ขึ้นกว่าเดิม แล้วเราเคยสงสัยกันไหมว่าปัญหาเหล่าน้ีเกิดขึ้นได้อย่างไรและ
มวี ธิ แี ก้ไขหรอื รบั มืออยา่ งไร เราจะรอให้ทกุ อย่างสายเกนิ แก้หรือร่วมมือกัน
เพื่อสร้างสังคมที่มั่นคงและปลอดภัยแก่ทุกคน การปลูกจิตสำนึก ค่านิยม
และวฒั นธรรมทดี่ งี ามจงึ เปน็ อีกวิธีทเ่ี ราสามารถทำได้ การลงทนุ แรก คือการ
ลงใจ เอาใจใส่สมาชิกในครอบครัวและสังคมเพื่อช่วยให้สังคมท่ีกำลังเสื่อม

ห น ้ า | ๗๓

ถอยทางคุณธรรม จริยธรรมไปทีละก้าวสามารถเดินตอ่ ไปข้างหน้าได้อย่าง
ม่นั คง

ข้าพเจ้าเติบโตจากครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชนบท ถนนทอดยาว
เป็นทางไกล สองข้างทางเต็มไปด้วยความเขียวขจีของทุ่งนา ทิวเขา
ดอกหญา้ ริมทางและธรรมชาติ คือสิ่งท่ีขา้ พเจ้าคุ้นชนิ ตา ความสงบเงียบผอ่ น
คลายอยู่รอบ ๆ ตวั ในทกุ ๆ วัน ความสวยงามเหลา่ นี้มอิ าจอยูไ่ ด้หากเราขาด
จิตสำนึกที่จะดูแลรักษาและเห็นความสำคัญของธรรมชาติ มารดาของ
ข้าพเจ้ามักจะสอนให้ขา้ พเจ้ารู้จักใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ข้าวหนึ่งจานให้
ตักแค่พออิม่ นำ้ หน่ึงหยดตอ้ งมปี ระโยชน์ทส่ี ุด คำสอนของผู้ใหญห่ ลาย ๆ ท่าน
ยังกอ้ งอยู่ในใจของข้าพเจา้ บนผนื แผน่ ดนิ ที่เรายืนอยู่น้มี ีทรพั ยากรท่ีมีคณุ คา่
มากมาย แต่บ่อยครั้งทีเ่ รามักจะเห็นข่าวการทำลายทรพั ยากรอันมีค่าของชาติ
ช่างเป็นเรือ่ งเศร้าที่เหตุการณ์เหล่านีย้ ังคงมีให้เหน็ อยู่ในทกุ ๆ วัน ครั้งหนง่ึ
ขา้ พเจา้ ตอ้ งไปเก็บฟนื เพือ่ นำมากอ่ ไฟ ข้าพเจ้าเกิดคำถามและไดถ้ ามมารดา
ไปวา่ ทำไมเราไม่ตัดไม้มาทำฟืนทำไมเราจงึ ตอ้ งเกบ็ กง่ึ ก้านท่ีรว่ งออกจากตน้
มารดาของข้าพเจ้ายิม้ อ่อน ๆ และใหค้ ำตอบแกข่ ้าพเจา้ วา่ เราไมจ่ ำเป็นตอ้ ง
นำต้นไม้น้อยใหญ่ที่แสนมีค่ามาแลกกับไฟร้อนเพียงไม่กี่นาที ข้าพเจ้าจึง
เขา้ ใจได้วา่ ต้นไมน้ อ้ ยใหญ่ทีร่ ายล้อมอยู่รอบตวั นัน้ มคี ณุ ค่า แตด่ ว้ ยยงั เยาวว์ ัย
อยา่ งมากจงึ มอิ าจเข้าใจประโยชน์ของตน้ ไม้นอ้ ยใหญ่เหลา่ นนั้ ได้ท้งั หมด เม่ือ
เติบโตขึ้นข้าพเจ้าก็ถูกปลกู ฝังจิตสำนึกในอีกหลาย ๆ ด้าน ทำให้ข้าพเจ้ามี
มมุ มองสงิ่ ตา่ ง ๆ รอบขา้ งวา่ มคี ุณคา่ และมคี วามสำคัญ สิง่ เหล่านเี้ กิดขึ้นได้มี
ใช่เพราะมารดาเป็นผู้บังคับแต่เพราะข้าพเจ้าเข้าใจว่าสิ่งเหล่านี้มคี ุณคา่ ต่อ
ข้าพเจ้าเมือ่ ถึงวัยต่อต้านข้าพเจา้ เคยคิดว่าตนเองถูกตีกรอบจากครอบครวั
และสงั คม จึงเกดิ การตอ่ ต้านตอ่ สถานการณ์ในขณะนัน้ เพราะด้วยความไม่รู้

ห น ้ า | ๗๔

ไม่เข้าใจและหลงลืมความสำคัญของสิ่งรอบตวั จนเกิดการขาดจิตสำนึกใน
บางการกระทำ การได้รับความรู้ที่ถูกต้องและการได้รับการชี้แนะจากผู้มี
ประสบการณ์จึงมีความสำคัญ ในช่วงขณะนั้นข้าพเข้าได้มีโอกาสทำงาน
จิตอาสาในโรงเรยี น ทำให้ตนเองมีพฤติกรรมและแนวคดิ ทีด่ ขี นึ้ สิง่ นส้ี ะทอ้ น
ให้เห็นว่าจิตสำนึกเกิดขึ้นได้ต้องมีแรงกระตุน้ ท่ีสรา้ งสรรค์ เพราะจิตสำนึก
เกดิ ขนึ้ ทต่ี ัวเราแต่มีปจั จยั ส่งเสริมทัง้ ภายนอกและภายใน

ในระยะเวลาที่เราเติบโตมาตั้งแต่ในวัยที่ยังส่งเสียงร้องอยู่ในผ้าอ้อม
หอม ๆ ของมารดา จนมาถึงวยั ในปัจจบุ นั สิ่งหนึ่งท่เี ราต่างเห็นกนั นนั่ คือการ
ปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยมและวัฒนธรรมที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวนั
เรามีข้อห้าม มีคำสอน โดยบอกเล่าผ่านความเชื่อ นิทานและตำนาน
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งเหลา่ นี้อยู่ในชวี ิตของเราจริง เรามภี ูมิปญั ญา มีการ
สรา้ งสรรค์เพ่ือแกไ้ ขปัญหาและมีทางเลอื กใหช้ ีวิต สิง่ เหล่านี้คือคติชนท่ีเป็น
สว่ นหน่งึ ของสังคม เป็นแบบแผนกระทำได้และสัมผสั ได้ มารดาของขา้ พเจ้า
มักมีเรื่องเล่าก่อนนอนทั้งนิทานพื้นบ้าน เรื่องเล่า ตำนาน เล่าด้วยน้ำเสียง
อ่อนนุ่ม น่าฟัง และชวนให้เห็นภาพตาม ได้เห็นพฤติกรรมของตัวละคร
สภาพสังคม วิถีชวี ิต ในวยั เยาวข์ า้ พเจ้าเขา้ ใจวา่ ส่งิ เหลา่ นี้มขี ้ึนเพอื่ สรา้ งความ
บันเทงิ ใจใหผ้ ู้ท่ไี ดอ้ า่ นหรือได้ฟังเพยี งเท่านน้ั แต่เม่อื ไดร้ ับการศกึ ษาและดว้ ย
วัยที่โตขึ้นทำให้ข้าพเจ้าเห็นถึงสิ่งที่แฝงอยู่ในเรื่องเล่าของมารดา ทั้งการ
ปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยม และวัฒนธรรม อย่างเช่นในตอนท้ายของนิทาน
ที่ว่า "นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า" ซึ่งมีคำสอนแฝงอยู่ในเรื่องเสมอ จิตสำนึก
ของเราจะรูจ้ ักผิดชอบชัว่ ดี รู้จักใช้เหตผุ ล รู้วา่ อะไรควรทำไมค่ วรทำ อะไรดี
หรือไม่ดี เป็นสิ่งที่ปลูกฝงั ได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ การปลูกจิตสำนึก ค่านิยม
และวัฒนธรรมจงึ ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหน่าย มิใช่เพียงกฎที่ต้องท่องจำแต่หาก

ห น ้ า | ๗๕

เป็นสิ่งที่ล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิต เราสามารถเข้าใจได้โดยการส่งเสริมจาก
บคุ คลรอบขา้ ง รบั รู้ ซมึ ซบั และเขา้ ใจดว้ ยตนเองและสิ่งเหล่านมี้ ไิ ด้อยู่ไกลตัว
เราเลยเพราะลว้ นเกี่ยวขอ้ งกับชวี ิตของเราทั้งสิ้น

ย้อนกลับไปในวันที่ข้าพเจ้าได้นั่งสนทนากับคุณยาย เราต่างน่ัง
มองออกไปในทุ่งนา แสงอาทิตย์อ่อน ๆ สายลมพดั เบา ๆ เปน็ บรรยากาศท่ี
ทำให้เราหวนนึกถึงวันเก่า ๆ หญิงชราเล่าถึงการทำนาในสมัยที่ท่านยัง
เยาวว์ ัยด้วยสีหนา้ ท่ผี อ่ นคลาย ค่อย ๆ บรรจงเล่าเรอ่ื งราววถิ ีชวี ิตและเหตุผล
ของการทำสิง่ ต่าง ๆ ให้ข้าพเจ้าไดร้ ับฟัง เราได้สัมผสั ใจของกันและกันผ่าน
เรือ่ งราวท่ีรอ้ ยเรียงมาจากประสบการณท์ ี่สะทอ้ นและสอดแทรกการปลกู ฝัง
จิตสำนึก ค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงามของคนรุ่นก่อน ๆ ทำให้มองเห็น
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคม ข้าพเจ้าได้รับการปลูกฝังจิตสำนึก
ค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงาม มาโดยตลอดโดยท่ีตนเองนั้นยังมิได้รู้ตัวเสีย
ด้วยซ้ำ สิ่งที่คุณยายได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังมิได้มีบทตายตัวหรือทฤษฎีใด ๆ
มาประกอบการเล่า แต่ถึงอย่างนั้น ข้าพเจ้าก็รับรู้และสัมผัสได้เพราะเปน็
เรื่องราวของชีวิต สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักได้ว่าการปลูกฝังจิตสำนึก
ค่านิยมและวัฒนธรรมที่ดีงามนั้นเป็นหน้าที่ของใคร หรือหน้าที่นี้เป็นของ
สถานศึกษาที่ต้องให้ความรู้ติดป้ายประกาศ ให้ผู้เขียนท่องเป็นข้อ ๆ
ซึ่งความจริงแล้ว ทุกคนล้วนเป็นผู้ที่ถูกปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยมและ
วัฒนธรรมที่ดีงามและเป็นผู้ถ่ายทอดด้วยกันทั้งนั้น เนื่องจากเราเป็นสัตว์
สงั คม มีการไปมาหาสู่ มกี ารเรยี นรู้และแลกเปล่ียนกนั เสมอ และถึงแม้วันน้ี
คุณยายจะไม่ได้อยู่เคียงข้างร่วมพูดคุยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับ
ข้าพเจ้าแล้ว แต่การปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยมและวัฒนธรรมทีด่ งี ามของคณุ

ห น ้ า | ๗๖

ยายนน้ั ยงั อยู่ มิอาจเลอื นหายไปและตัวข้าพเจ้าเองก็ยังคงสบื ทอดส่ิงเหล่าน้ี
ท่คี ณุ ยายใหไ้ ว้ในทกุ ๆ ถอ้ ยคำ ทกุ ๆ การกระทำ

ในวัยเยาว์การเข้าใจในคุณค่าของการกระทำของข้าพเจ้ามีอยู่
เพียงนอ้ ยนดิ จึงเกดิ คำถามมากมายในใจว่าการกระทำของเด็กผหู้ ญงิ ตัวนอ้ ย ๆ
เพียงหนึ่งคนจะสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ เมื่อข้าพเจ้า
เติบโตขน้ึ มาในอกี วัยหน่ึงสายตาและดวงใจของขา้ พเจา้ กเ็ รม่ิ เหน็ ความจรงิ ได้
อย่างแจ่มชัดขึ้นว่าการกระทำเพียงครั้งเดียวก็ส่งผลไปได้ในระยะยาว
โดยส่งผลต่อความรู้สึก ความคิดและการดำเนินชีวิตในสังคมทั้งต่อตนเอง
และผู้อื่น สังเกตได้ว่าการเข้าใจในการกระทำของข้าพเจ้านั้นพัฒนาตามวัย
ผ่านกาลเวลา และในแต่ละช่วงวัยการปลูกฝังจิตสำนึก ค่านิยมและ
วัฒนธรรมจึงมีความหลากหลาย เมื่อผ่านเลยแต่ละช่วงวัยก็หล่อหลอม
ขา้ พเจ้าใหเ้ ปน็ สมาชกิ ในสงั คมท่ีอยรู่ ว่ มกบั ผูอ้ นื่ ได้อยา่ งสันติ การเลอื กวธิ ีการ
ที่เหมาะสมต่อวัยจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะคนวัยเยาว์ก็มิได้เข้าใจเหตุผลของ
ผใู้ หญแ่ ละผูใ้ หญ่เองกม็ ไิ ด้เขา้ ใจเหตผุ ลของคนวัยเยาวเ์ ชน่ เดยี วกนั การเลอื กสอื่
เลอื กตวั กลางในการส่อื สารก็มีจำเปน็ ไมน่ ้อย

ขา้ พเจา้ มีโอกาสเข้าช่วยเหลอื โดยการมอบถงุ ยังชีพให้แก่ผู้ประสบ
อุทกภัยในจังหวัดปัตตานี ทำให้เห็นถึงความเดือดร้อนของคนในพ้ืนที่ การ
ช่วยเหลือนั้นมิใชเ่ พียงเพื่อช่วยใหป้ ัญหาคลายลง แตย่ งั เปน็ การมองเหน็ และ
เข้าใจในปัญหาทผ่ี อู้ ่ืนประสบอยู่ ไมท่ งิ้ ให้ใครตอ้ งโดดเดีย่ วและมิได้มองเห็น
เพียงผลประโยชน์ส่วนตน ดังพระราชดำรัสของ สมเดจ็ พระมหิตลาธิเบศร
อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งได้กลายเป็นปณิธา นแห่ง
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ว่า "ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง

ห น ้ า | ๗๗

ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง" ข้าพเจ้าได้นำมาเป็นแบบอย่างใน
การดำเนินชีวิตอย่างมีจิตสำนกึ รู้คณุ คา่ และตอบแทนสงั คม

หากคนในสงั คมเขา้ ใจและเลง็ เหน็ ถึงความสำคัญของการปลกู สรา้ ง
และมีอยู่ของจิตสำนึก ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ในสังคมก็คงจะเต็มไปด้วย
ความสงบสุขอย่างที่เราใฝ่ฝันหา มิใช่ความสงบเพียงในเขตรั้วบ้านของตน
หรือในพืน้ ท่ีของตนเท่านั้น ไม่ว่าจะออกไปข้างนอก เข้าไปอยู่รว่ มในสงั คม
เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ความสุจริต การมีจิตอาสาและความพอเพียงสงิ่
เหล่านี้จะช่วยให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่แสนยากลำบากในชีวิต และยิ่งใน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ผู้คนต่างเหน็ดเหนื่อย
และย่อทอ้ ต่อการใชช้ ีวิต การมคี ุณธรรมและเข้าอกเขา้ ใจซ่ึงกันและกันจึงมี
ความสำคัญอย่างยิ่ง ตัวข้าพเจ้าเองก็ย้อนนึกถึงรอยยิ้มที่ภูมิใจของมารดา
และคุณยาย ซึ่งทัง้ สองท่านเป็นบุคคลทีค่ อยปลูกจิตสำนกึ ของข้าพเจ้าและ
ข้าพเจา้ เองกม็ หี นา้ ทีส่ ่งต่อรอยยิ้มและสงิ่ ดี ๆ ใหค้ นรนุ่ ต่อไป ดว้ ยการเปน็ ครู
ทรี่ ักและเมตตาศิษย์ เป็นผคู้ อยสนับสนนุ และพัฒนาสงั คมไทยให้นา่ อยยู่ ่ิง ๆ
ขนึ้ ไป

มนุษย์มีกฎเกณฑ์กฎระเบียบเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แต่
ข้อบังคับเหลา่ น้กี ม็ อิ าจทำใหเ้ กิดสนั ติสขุ ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพเพราะมนุษย์
ยังคงมีความสร้างสรรค์ มีวิถีชีวิต จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างจิตสำนกึ
คา่ นิยม และวฒั นธรรมท่ีดีงาม น้ันเปน็ สงิ่ สำคัญในการขบั เคลอื่ นสังคม การ
มีคุณธรรมร่วมกันและสอดส่อง ห่วงใยและถ่ายทอดสิ่งที่ดีงาม ต้นไม้แห่ง
ชีวติ กจ็ ะกลายเป็นปา่ ใหญท่ ม่ี ีต้นไม้นอ้ ยใหญท่ ีแ่ สนงดงามและสงบสุข

ห น ้ า | ๗๘

รองชนะเลิศอันดบั 1 ระดบั อุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปตั ตานี อำเภอเมอื งปัตตานี จงั หวัดปตั ตานี

20

หอ้ งเรยี นความสุข

- นางสาวกฤติมา สุวรรณโร -

“ประการแรก... คอื การรักษาความสัจ ความจรงิ ใจ ตอ่ ตนเองที่จะ
ประพฤตปิ ฏิบตั แิ ต่สิง่ ทเี่ ป็นประโยชน์และเป็นธรรม

ประการที่สอง...คือ การรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเอง ให้ประพฤติ
ตนอยูใ่ นความสจั ความดีน้นั

ประการที่สาม...คือ การอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่
ประพฤติลว่ งความสัตยส์ จุ รติ ไม่วา่ จะดว้ ยเหตปุ ระการใด

ประการที่สี่...คือ การรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จัก
เสยี สละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชนส์ ่วนใหญข่ องบ้านเมือง

คุณธรรมทงั้ สีป่ ระการน้ี ถา้ แตล่ ะคนปลกู ฝัง และบำรุงให้เจริญงอก
งามโดยทัว่ กันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบงั เกดิ ความสุขความรม่ เย็น และมี
โอกาสท่จี ะปรับปรงุ พฒั นา ให้ม่นั คงก้าวหนา้ ตอ่ ไปดังประสงค์...”

พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร
พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทย คราวสมโภชกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ๒๐๐ ปี

พระบรมราโชวาทที่ผู้เขียนได้ยกขึ้นด้วยการกล่าวถึงเป็นข้อแรก
เนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิ

ห น ้ า | ๗๙

เบศร ในพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อคนไทยกระทั่ง
เจริญก้าวหน้าและมีอารยะทัดเทียมนานาประเทศ นอกจากนี้พระบรม
ราโชวาทยงั มใี จความสำคัญถงึ คณุ ธรรม ๔ ประการ อันประกอบด้วย ความ
พอเพียง วินัย สุจริต และจิตอาสา ผู้ใดปลูกฝังและบำรุงคุณธรรมทั้งส่ี
ประการน้ีไวก้ จ็ ะชว่ ยให้ตนเองมีความสงบสขุ ท้งั ยังช่วยนำประเทศไปสู่ความ
ร่มเยน็ ได้อกี ดว้ ย

หากกล่าวถึง “คุณธรรม” หลายท่านอาจมีมโนทัศน์ นิยาม หรือ
ความหมายที่หลากหลายและแตกต่างกันไป บ้างว่าเป็นเครื่องหมายแสดง
ความดี บ้างใหค้ วามหมายวา่ เป็นสงิ่ ท่ีผู้คนต้องยึดถอื ซ่ึงจะนำความสงบและ
ความผาสุกให้เกิดขึ้น อีกหลายท่านอาจให้นิยามว่าเป็นความงอกงามใน
จิตใจ แต่ไม่ว่าใครจะเห็นว่านิยามหรือความหมายของคำว่า “คุณธรรม”
เปน็ อยา่ งไรผู้เขยี นเหน็ ว่าขอ้ นม้ี ีความสำคญั นอ้ ยกวา่ เป้าหมายของคุณธรรม
ท่ีผู้คนใหต้ อ้ งการให้เกิดขนึ้ และมีจุดรว่ มเดยี วกนั คือ “ตอ้ งการเห็นสงั คมสงบสขุ ”

“แล้วสงิ่ ใดบ้างทสี่ ามารถนำประเทศไปสู่ความสงบและรม่ เยน็ ได้?”

คำถามสำคัญต่อมา ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหรือ
เยาวชนไทยจะต้องขบคิดถึงแนวทางและแนวปฏิบัติ โดยส่วนนี้ผู้เขียนขอ
หยบิ ยกประสบการณท์ ีเ่ คยประสบขน้ึ ดว้ ยตวั เอง เพอ่ื ฉายใหเ้ ห็นภาพชัดขึ้น
และเพอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ประโยชนว์ ่าหากนำคุณธรรม ๔ ประการ มาใชแ้ ล้วนั้นจะ
เกดิ ผลดอี ยา่ งไรท้ังตอ่ ตนเองและสงั คม

ย้อนกลับไปเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว ครั้งที่ผู้เขียนเพิ่งเข้ามาศึกษาที่
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในคณะศึกษาศาสตร์ ด้วย
ความมุ่งมั่นและตัง้ ใจอยากจะประกอบวิชาชีพครู ผู้เขียนขอสารภาพว่าใน
ตอนนั้นคิดเพียงแค่เร่ืองของวิชาความรู้ว่าจะต้องสะสมให้ได้มากท่สี ดุ เท่าท่ี

ห น ้ า | ๘๐

จะทำได้ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาเล่าเรียนในร้ัวมหาวิทยาลัย เพราะมีห้วง
คำนงึ แรกทีค่ ดิ ว่า

“หากเรามีความรูไ้ มม่ ากพอจะไปสอนหนงั สอื เดก็ ๆ ได้อย่างไร”
ประการต่อมาคือ ความตระหนักว่าหากเป็นครูที่สอนผิด ๆ ถูก ๆ
หรือสอนผิดหมดดั่งการติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดที่สอง และต่อไปก็จะผิด
ไปตาม ๆ กนั ย่อมสง่ ผลเสียมากกว่าผลดแี กศ่ ษิ ย์ในอนาคตเป็นแน่

เหตุผลเหล่านี้จึงทำให้ผู้เขียนเพียรอ่าน เพียรเขียน และเพียร
ทบทวนความรู้อยู่เสมอ แค่สิ่งหนึ่งท่ีผู้เขียนละเลยไปนั่นคือ “การบ่ม
คุณธรรม” ให้เกิดกับผู้เรียน จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตัวของผู้เขียนเองได้
กลับมาทบทวนสิ่งสำคัญของความเป็นครูคือ การได้เข้าไปเป็นอาสาสมัคร
สอนการออกเสียงภาษาอังกฤษ (Phonics) ให้กับน้อง ๆ จากสามจังหวัด
ชายแดนใต้ อันเป็นประสบการณ์ท่ีน่าจดจำและเป็นเหตุการณ์ที่เปลี่ยน
ทศั นคติของผ้เู ขียนไปในทางท่ีดีขึ้น

ในเช้าวันที่ ๑0 ตุลาคม เสียงโทรศพั ท์ดังขึน้ เพือ่ แจ้งเตือนใหเ้ หน็
ข้อความในเฟซบุ๊ก “ประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอาสาสมัคร
สอนการออกเสียงภาษาอังกฤษ (Phonics)” ฉันดีใจมาก เพราะมีชื่อของ
ตนเองปรากฏอยู่ ความตั้งใจในตอนนั้นคือ จะทำใหด้ ีที่สุดให้สมกบั ทีไ่ ด้รับ
โอกาสน้ันมา ฉนั ฝึกฝนตนเองท้ังด้านเนอ้ื หา การทำส่อื การเรียนรู้ รวมไปถึง
รายละเอียดปลีกย่อยทั้งการออกเสียง แม้กระทั่งรูปปากเมื่อออกเสียง
ตวั อกั ษรแต่ละตัว ความถูกตอ้ งและชัดเจนตอ้ งมาเป็นอนั ดับหนึ่ง ฉนั ไดจ้ ับคู่
กับเพื่อนเอกภาษาอังกฤษที่เรียนต่างคณะกัน เราสองคนผลัดกันเติมเต็ม
ความรู้และดูความถูกต้องของการออกเสียง เราสองคนตื่นเต้นกันมากที่จะ
ไดส้ อนเปน็ ครง้ั แรก

ห น ้ า | ๘๑

ไม่ข้าไม่นานวันทร่ี อคอยก็มาถงึ การเจอกนั คร้งั แรกของ “นกั เรยี น
ตวั น้อย” และ “คุณครฝู ึกหัด” ซง่ึ เปน็ ช่ือท่ฉี นั และคู่หู ไดน้ ิยามไว้ดว้ ยเพราะ
นักเรียนตัวน้อยมีอายุเพียง ๕-๖ ขวบเท่านั้น และผู้สอนเป็นนักศึกษาอยู่
ประสบการณ์การสอนครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกจึงเรียกตัวเองว่าเป็น “คุณครู
ฝึกหดั ”

ในตอนต้นฉันและเพื่อนร่วมกันออกแบบการเรียน ด้วยไร้
ประสบการณ์จึงเนน้ ไปทเี่ นอ้ื หามากทำให้วนั แรกมนี ักเรียนตวั น้อยแอบหลับ
ในหอ้ งเรียน ไมเ่ พียงเท่านั้นมีนกั เรยี นบางคนว่ิงไปมา ทำใหร้ บกวนสมาธขิ อง
เพื่อน ๆ คนอืน่ หากอิงตามทฤษฎีดา้ นการเรยี นรู้สง่ิ เหลา่ น้ีนับว่าเปน็ สงิ่ เรา้ ท่ี
รบกวนการเรียนรูแ้ ละทำใหก้ ารเรียนไม่ค่อยมปี ระสทิ ธิภาพมากนัก หลังจบ
การสอนครั้งแรกจึงเป็นหน้าทีข่ องครูฝกึ หดั อย่างพวกเราที่จะต้องมานั่งขบ
คิดกันว่า ครั้งหน้าจะทำอย่างไรดีและคิดขึ้นมาได้ว่า หากเรายังมี
ประสบการณ์ไม่เพียงพอควรเร่งไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญการสอนและใกล้ตัว
ทีส่ ดุ คือ "อาจารย"์

ครูฝึกหัดทั้งสองไม่รอช้ารีบไปขอคำปรึกษาทันที “สอบเนื้อหา
อย่างเดียวคงจะไม่เพียงพอ การเป็นครูจะต้องฝกึ ระเบยี บ วินัย และคุณธรรม
ด้วย” คำตอบของอาจารย์ในวันนั้นเสมือนเข็มทิศชี้ทางออกให้กับศิษย์ทั้ง
สองทีห่ ลงทาง ในวันนน้ั ฉนั จงึ ไดเ้ รียนรวู้ ่าการสอนที่ดนี อกจากครูจะแม่นยำ
ในเนื้อหาวิชาการ มีเทคนิคการสอนทีต่ รงึ ใจผู้เรียนแล้ว การอบรมบม่ นิสัย
ศิษยก์ เ็ ป็นหนึ่งในหนา้ ท่ีหลักของคนเป็นครูและมคี วามสำคัญไมย่ ิง่ หย่อนไปกว่ากัน

ในการเรียนการสอนครั้งถัดไปครูฝึกหัดทั้งสองตื่นเต้นอีกคร้ัง
เพราะจะไดเ้ รมิ่ ต้นใชว้ ิธกี ารทอ่ี าจารย์ได้แนะนำมา

“สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนที่จะเริ่มเรียนกันในวันนี้ เราจะมาทำ
ขอ้ ตกลงกนั ก่อนนะคะ” ฉันเร่ิมตน้ ทักทายเดก็ ๆ และตกลงกฎ กตกิ าในชั้น

ห น ้ า | ๘๒

เรยี นทมี่ าจากผูส้ อน ไดแ้ ก่ หากคุณครูกำลังอธิบายเน้อื หาอยู่ให้ทุกคนต้ังใจ
ฟัง มีอะไรสงสยั ให้ยกมอื ขน้ึ และไม่สง่ เสยี งดังขณะที่เพอื่ นคนอื่นกำลงั พดู อยู่
เม่อื มขี ้อตกลงของครูแลว้ กต็ ้องมีข้อดกลงทม่ี าจากเด็ก ๆ ด้วย จงึ เปดิ โอกาส
ให้ทุกคนเสนอความคิดเห็นและเพิ่มติมกฎ ระเบียบได้ สำหรบั ข้อเสนอของ
เด็ก ๆ คือ พวกเขาขอนำขนมและน้ำเข้ามารับประทานระหว่างเรียน ฉัน
และเพื่อนอนุญาต เพราะช่วงเวลาที่เรียนอยู่ในช่วงเย็นอาจจะทำให้เด็ก ๆ
หิวได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องไม่รบกวนทำให้เพื่อนคนอื่น ๆ เสียสมาธิ
ทั้งหมดน้ีเป็นกฎ ระเบยี บ เบ้ืองต้นทีส่ ามารถฝึกกันได้ต้ังแต่วัยเด็ก อาจจะเป็น
รายละเอียดเล็ก ๆ แต่เช่ือหรอื ไมว่ า่ สิ่งอันพันละน้อยเหล่านเ้ี อง เมอ่ื ฝึกสะสม
กนั มาหลายปจี ะทำให้เป็นนิสัยที่ติดตัวไป ในอนาคตหากจะทำการส่ิงใดก็จะ
เป็นระบบและมรี ะเบียบมากขึ้น เพราะมีวินัยในตนเอง

การเรียนการสอนราบรื่นมากยิง่ ขึน้ นานวันเข้าคุณครูฝึกหัดและ
นักเรียนตัวน้อยเริ่มสนิทสนมกนั มากขึ้น ก่อเกิดเป็นสายใยแห่งความผูกพัน
ระหว่างครูและนักเรียน วันหนึ่งขณะที่ฉันล้างจานอยู่หลังบ้าน
โทรศพั ทม์ อื ถือก็ดงั ข้ึน ฉันรีบเดินไปรบั สาย เพราะคิดว่าปลายสายเป็นบุรุษ
ไปรษณีย์มาส่งของ แตป่ ลายสายไม่ไดเ้ ปน็ คนทฉ่ี ันคดิ ไว้

“สวัสดคี ่ะ น้เี ปน็ อมุ มี (แปลวา่ คุณแม่ ในภาษาอาหรับ) ของน้อง
อุลฟานะคะ ไม่ทราบว่าอยู่ใน มอ รึเปล่าจะเอาขนมไปให้ค่ะ แล้วก็น้อง
อลุ ฟาฝากการ์ดมาให้ด้วยค่ะ”

สิ้นสุดเสียงฉันกดวางสายและเดินไปเปิดประตูด้วยรอยยิ้มที่อ่มิ
เอมก่อนที่จะได้รับประทานขนมเสียอีก คุณแม่และน้องอุลฟาเพ่ิงกลับมา
จากบ้านของคุณย่า พอดีกับที่คุณย่าทำขนมไข่เตาถ่าน คุณแม่นึกถึงครูที่
สอนนอ้ งอลุ ฟาจึงเอาขนมไข่ของคุณยา่ มาเปน็ ของฝาก

ห น ้ า | ๘๓

ฉันรับขนมไข่และการ์ดที่น้องอุลฟาฝากมาให้กลับเข้าไปในบ้าน
และเปิดดูข้อความท่นี ้องฝากมา ขอให้ครู May ทานขนมให้อร่อยนะคะ จาก
อุลฟา" แม้ไม่ไดเ้ ปน็ ข้อความท่ียาวมากนักแตฉ่ ันสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของ
อุลฟา

ความอิม่ อกอมิ่ ใจไม่ได้เกิดขนึ้ เพียงเพราะ ไดร้ ับของกำนัลเป็นขนม
ไข่เท่านั้น ก่อนที่จะจากกันฉันและคุณแม่ของน้องอุลฟาได้สนทนากัน
เลก็ น้อย คุณแม่ขอบคุณฉันทีท่ ำใหน้ ้องอุลฟาสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษ
ทกุ วันนอ้ งจะคอยถามคณุ แมต่ ลอดวา่ วันนม้ี ีเรียนไหม และท่ีสำคญั คือ น้องมี
ระเบยี บวินัยมากยิ่งข้ึน สามารถจัดลำดับเวลาและความสำคัญทั้งการเรียน
การทำงาน และการทำงานบา้ นได้อีกด้วย

ก่อนจบหลักสตู รการออกเสียงภาษาองั กฤษนค้ี ุณครฝู ึกหัดท้ังสอง
รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของนักเรียนตัวน้อยทั้งในแง่ของทักษะความรู้ท่ี
เพิ่มพูนขึ้นสังเกตจากทดสอบหลังเรียนเด็ก ๆ ทำได้และกล้าออกเสียงคำ
ผลสัมฤทธิ์อีกประการคือ “มวลแหง่ ความสขุ ” ของเด็ก ๆ มมี ากขึน้ ประการ
นี้สังเกตได้จากใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เพียงสิ่งเหล่านี้ก็เป็นรางวัลให้กับ
คณุ ครูฝึกหัดท้งั สองได้แล้ว

แมก้ ารสอนจะสน้ิ สดุ ลงไปแลว้ แต่ฉันก็มคี วามเช่ือว่าความรทู้ ี่เด็ก ๆ
ได้รับจะสามารถพัฒนาชีวิตของพวกเขาต่อไปได้ นอกจากความรู้ที่สำคญั
แล้ว “คุณธรรม” ที่ปลูกฝังในห้องเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องประกอบ
สรา้ งทำให้เด็ก ๆ เติบโตไปเปน็ “คนเกง่ และคนดี” ของสังคม

คุณธรรม ๔ ประการ อันได้แก่ พอเพียง วินัย สุจริต และจิตอาสา
ในเรื่องราวของผู้เขียนนั้นเกิดขึ้นทั้งกับตัวของผู้เขียนเองและผูค้ นรอบข้าง
ซึ่งเปน็ คุณธรรมหลกั ในการดำเนินชวี ิต ผู้ที่ปฏิบัติไม่เพียงทำให้ตนเองสขุ ใจ
เท่านั้นแต่ยังทำใหส้ ังคมและผู้คนรอบข้างได้รับความสุขไปด้วย ฉะนั้นการ

ห น ้ า | ๘๔

สง่ เสรมิ คุณธรรมเพือ่ พัฒนาสังคมในทุกช่วงวยั จงึ เปน็ สิง่ สำคัญประการต่อมา
ที่ควรเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในสังคมไทย เพราะสังคมปัจจุบันไม่ได้ต้องการ
เพียงคนเก่งแต่คดโกงบา้ นเมือง และสร้างปัญหาซ้ำแล้ว ซ้ำเลา่ แต่ต้องการ
คนทม่ี คี ุณธรรม คิดดี ทำดี มาพฒั นาประเทศในทกุ ๆ ดา้ น ลองจินตนาการ
ถึงประเทศที่ทุกคนเป็นคนมีคุณธรรมทกุ คนมีจิตอาสาคอยช่วยเหลือซึ่งกนั
และกันไม่แบง่ เช้ือชาติ ศาสนา สังคมนั้นยอ่ มเป็นสังคมแห่งความเอื้ออาทร
หากสังคมใดที่ทุกคนมีความพอเพียงไม่ละโมบโลภมาก สังคมนั้นย่อมไม่มี
การทุจริตคอรัปชั่น หากสังคมใดทุกคนเป็นคนมีวินัย สังคมนั้นย่อมเป็น
สังคมที่มีระเบียบ และหากสังคมใดที่ทกุ คนมีความสุจริตสังคมนั้นยอ่ มเปน็
สังคมที่จริงใจและไม่แก่งแย่ง ท้ายสุดคือหากสังคมใดมีคุณธรรมทั้ง
๔ ประการประกอบด้วย พอเพียง วินัย สุจริต และจิตอาสา สังคมนั้นย่อม
เปน็ สังคมทน่ี า่ อยู่

คุณธรรมเหล่าน้ีจึงเปน็ สง่ิ ควรปลกู ฝงั และควรบ่มเพาะให้เกิดขึ้นกับ
ผู้คนทกุ คนกอ่ นเป็นอันดับแรกเพราะในการขบั เคล่ือนประเทศใหพ้ ฒั นาและ
ก้าวหน้าได้นั้น การมี “คนดี” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การมีคนดีเพียงคน
หรือสองคนไม่ได้ทำให้ประเทศก้าวหน้าไปได้ไกลเท่าใดนักหรือหาก
ขับเคลอ่ื นได้กเ็ ป็นเพียงการเคลื่อนทีท่ ลี ะนิด ฉะน้นั การมีคนดีหลายคนย่อม
ทำให้ประเทศเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น เสมือนรถที่ล้อตกหล่มต้องมี
หลายคนคอยชว่ ยผลักและดนั รถจึงจะออกมาจากหลม่ นั้นได้ ฉันใดก็ฉนั นนั้
ประเทศกเ็ ปรยี บเสมือนรถที่ตกหล่มคนนน้ั ยิ่งช่วงเวลาท่ปี ระเทศเกดิ ปัญหา
หรือวิกฤตด้วยแล้วการที่มีคนคอยช่วยผลักดันคนละไม้คนละมือนี้ ผู้เขียน
เช่ือเหลอื เกนิ วา่ คณุ ธรรมเหลา่ น้ีจะทำใหป้ ระเทศของเราผ่านพน้ วกิ ฤตตา่ ง ๆ
ไปได้

ห น ้ า | ๘๕

รองชนะเลิศอนั ดับ 2 ระดบั อุดมศึกษา
มหาวทิ ยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จงั หวดั หาดใหญ่

21

พอเพยี ง วินยั สจุ รติ จติ อาสานำพาชาตพิ ัฒนา

- นายฮาซนั มะเซ็ง -

“นักเรียนจำคำสอนของครูไว้ให้ดีนะ คุณธรรม ๔ ประการท่ี
นกั เรียนควรท่จี ะตอ้ งมีคือ พอเพยี ง วินยั สจุ รติ และจติ อาสา หากนกั เรียนมี
คุณธรรม ๔ ประการน้ี จะทำให้นักเรยี นเตบิ โตเป็นคนเก่งคนดี และสามารถ
เติบโตเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติได้ในอนาคต” คือคำ
สอนที่ผมจะได้ยินคุณครูพูดอยู่เสมอเมื่อครั้งที่ผมกำลังศึกษาอยู่ในระดับ
ประธมศึกษา แต่ด้วยช่วงวัยนั้นเป็นช่วงที่ไม่ใด้ใสใจคำสอนของครูมากนัก
เปน็ ช่วงวัยทีอ่ ยากจะเล่นสนกุ กับเพื่อน ๆ มากกวา่ เลยไมไ่ ดใ้ ส่ใจหรือสนใจ
คำสอนของครู แต่ด้วยที่ว่าผมเองได้ยินครูพูดและสอนเรื่องหลักคุณธรรม
๔ ประการอยู่บ่อยคร้งั ผนวกกับทุกวนั กอ่ นเลกิ เรยี น จะตอ้ งท่องบทอาขยาน
และหลกั คณุ ธรรมตา่ ง ๆ ซ่งึ หนง่ึ ในนัน้ ก็คือ หลกั คณุ ธรรม 4 ประการ จนผม
เองเกิดคำถามและสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมต้องมีคุณธรรม ๔ ประการน้ี?
คุณธรรม ๔ ประการนี้มีความสำคัญกับการใช้ชีวิตของเราขนาดนั้นเลยหรา?”
แตก่ ระนน้ั ความสงสัยทีผ่ มมี ทำไดเ้ พียงแคเ่ กบ็ อยูใ่ นใจคนเดยี ว เพราะผมไม่
กลา้ ท่จี ะไปถามคุณครเู พื่อคลายความสงสยั

ห น ้ า | ๘๖

เมื่อผมจบการศึกษาในระดับประธมศึกษา ก็ได้เข้าศึกษาต่อใน
ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งการเรียนในระดับมัธยมเป็นช่วงเวลาที่สนุกและมี
ความสุขช่วงหนึ่งของชีวิต เพราะเราจะได้พบเจอกับเพื่อนใหม่ ๆ และได้
เรยี นรูส้ ่ิงต่าง ๆ มากมาย ซ่งึ หนึ่งในความรูท้ ่ผี มจะไดย้ นิ คณุ ครูสอนอยู่เสมอ
ก็คือหลกั คุณธรรม ๔ ประการ คือ พอเพยี ง วนิ ยั สุจรติ จติ อาสา ทันทีที่ผม
ได้ยินคุณครูสอนเรื่องนี้ ต่อมความรูส้ ึกสะกิดให้ผมย้อนให้นึกถึงช่วงเวลาที่
ผมเรียนในระดับประธม ซึ่งช่วงนั้นผมมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องหลัก
คุณธรรม ๔ ประการนี้มาก ว่ามีความสำคัญอย่างไรและทำไมเราทุกคน
จำเป็นต้องมี แต่ดูเหมือนว่าความสงสัยที่ผมเคยมีเมื่อตอนประถมเริ่มจะ
กระจ่างมาบ้าง เพราะเมื่อได้เรียนในระดับมัธยม คุณครูได้อธิบาย
ความหมายของคุณธรรมทั้ง ๔ ประการได้อย่างละเอียดและเข้าใจง่ายซึ่ง
คุณธรรม ๔ ประการ ที่คุณครูได้อธิบายให้ดังนี้ คุณธรรม ๔ ประการ
ประกอบด้วย 1. พอเพียง หมายถึง ความพอเพียงในการดำเนินชีวิต
แบบทางสายกลาง มีเหตผุ ลใชค้ วามรู้ในการตดั สนิ ใจอย่างรอบคอบ มคี วาม
พอประมาณพอดี ไม่เบียดเบียนตนเอง สังคม และสิง่ แวดล้อม ไม่ประมาท
สร้างภูมคิ ้มุ กนั ท่ีดี รเู้ ทา่ ทนั การเปลยี่ นแปลง 2. วนิ ยั หมายถงึ การยึดมัน่ และ
รบั ผดิ ชอบในหน้าทีข่ องตน ทงั้ วินัยต่อตนเองในการผลักดันชีวิตให้ก้าวหน้า
วินัยต่อองค์กรสังคม ปฏิบัติตามจริยธรรม จรรยาบรรณ และเคารพต่อกฎหมาย
3. สุจริต หมายถึง ความซื่อตรง ความซื่อสัตย์สจุ ริต ยึดมั่น ยึดหลักในการ
รักษาความจรงิ ความถูกตอ้ ง ความเป็นธรรมทั้งปวง นอกจากตนเองจะเป็น
คนชื่อตรงแล้ว ต้องกลา้ ปฏิเสธการกระทำท่ีไมซ่ ือ่ ตรง ไม่ซื่อสัตย์ของบุคคล
อ่นื ทจ่ี ะทำใหส้ ว่ นรวมเกดิ ความเสียหาย 4. จติ อาสา หมายถึง การเปน็ ผทู้ ่ีใส่
ใจตอ่ สังคมสาธารณะ และอาสาลงมือทำอย่างใดอย่างหน่งึ อนั มใี ช่หนา้ ทขี่ อง

ห น ้ า | ๘๗

ตนเองด้วยความรัก ความสามัคคี เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ของสังคม
ของประเทศชาติ โดยมิไดห้ วังผลตอบแทน ทำความความดี เออื้ อาทรตอ่ คน
รว่ มสังคม ทำอยา่ งสม่ำเสมอจนเป็นนสิ ยั ซ่ึงเมอื่ คุณครอู ธิบายถึงความหมายเสร็จ
สิง่ ที่ครูจะพดู ปดิ ทา้ ยอยเู่ สมอกค็ ือ “คุณธรรม ๔ ประการน้ีมีความสำคัญมาก
หากนกั เรียนยึดหลกั นำมาปรบั ใชก้ ับชีวติ ประจำวนั กจ็ ะทำใหน้ กั เรยี นเติบโต
เป็นคนเก่งคนดี ตลอดจนเติบโตเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนา
ประเทศชาตไิ ดอ้ นาคต” เป็นการพดู ปิดทา้ ยท่ีเหมือนกับครทู ส่ี อนผมในช่วง
ประธมทุกประการ ซึ่งก็ยิ่งทำให้ผมเกิดคำถามและข้อสงสัยขึ้นมามากกวา่
เดมิ ซง่ึ ความสงสัยท่ีมอี ย่ใู นใจผมตอนน้ีมีมากพอ ที่สามารถทำให้เด็กขี้กลัว
อย่างผม กล้าที่จะยกมือเพื่อถามคำถามกับคุณครูถึงประเด็นที่ผมสงสัย
วินาทที ผี่ มยกมือเพือ่ จะถามคุณครู ทุกสายตาของเพือ่ นในหอ้ งจ้องมองมาที่
ตัวผมอย่างพร้อมเพรียง เพราะทุกคนในห้องรู้ดวี ่าผมนั้นเป็นเด็กขี้อาย ไม่
กลา้ ท่จี ะถามครู แต่คร้งั น้ีผมกลบั กลา้ ทจี่ ะยกมือเพ่อื ถามคำถาม บรรยากาศ
ในห้องเงียบอยา่ งกับวา่ มีใครมาหยุดเวลาไว้ จะมีกแ็ ตเ่ สียงพัดลมที่พัดไปมา
ทุกคนต่างก็รอฟังคำถามที่ผมจะถามออกไป ซึ่งตัวคุณครูเองดูเหมอื นว่าจะ
ตง้ั ใจรอฟงั คำถามเป็นพเิ ศษ มากกวา่ คนอ่นื ๆ ในหอ้ งเรยี น เมือ่ ผมตั้งสติอยู่
ครู่หนึ่ง ก็รวบรวมความกล้าถามคุณครอู อกไปว่า"คุณธรรม ๔ ประการนี้ มี
ความสำคัญขนาดนั้นเลยหราครับครู? แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามี
คุณธรรม ๔ประการน้ีอยูใ่ นตัวครับครู? ผมนึกภาพในส่ิงที่ครูอธิบายไม่ออก
เลยครบั " สิน้ สุดคำถาม คณุ ครเู ดนิ มาใกลก้ บั ตัวผม พร้อมกับรอยยิ้มมมุ ปาก
และได้ให้คำตอบออกมาสน้ั ๆ ว่า “ครูเช่ือวา่ ทกุ วันน้นี ักเรยี นเองกม็ ีคณุ ธรรม
๔ ประการน้อี ยู่ในตวั แลว้ นะ เพราะครูสังเกตดนู กั เรยี นมาตลอด ส่วนคำถาม
ท่นี ักเรียนถามวา่ มคี วามสำคัญอยา่ งไร? ครจู ะไม่ขอตอบนะ แต่ครูเชื่อวา่ สัก

ห น ้ า | ๘๘

วันนักเรียนจะรู้และเข้าใจว่ามีความสำคัญอย่างไร และจะรู้ว่าคุณธรรม ๔
ประการที่นักเรียนทำอยู่ตลอดแล้วนัน้ คืออะไร” สิ้นสุดคำตอบของครเู สยี ง
กริ๊งหมดเวลาคาบเรียนก็ดังขึน้ ครูจึงเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
ซึ่งก็สร้างความมึนงงให้กับผมและเพื่อน ๆ ในห้องกับคำตอบที่ครูให้มา
ดูเหมอื นว่าส่งิ ทคี่ รูตอบมานอกเหนอื จากว่าจะไม่ทำให้ผมไดค้ ลายข้อสงสัยแล้ว
ยังทำให้ผมงงมากขึ้นกว่าเดิมอีก แต่พอหมดคาบเรียนไปความสงสัยและ
ความมึนงงของผมทีม่ ีต่อคำตอบของครู ก็ได้ลมื หายไปจากความคิด เพราะ
ผมเองกไ็ ม่ได้ใสใ่ จอยา่ งจรงิ จังต้งั แตแ่ รกอยูแ่ ลว้

ช่วงชีวิตมัธยมของผม ผมประสบพบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ
มากมายมาก โดยเฉพาะช่วงมธั ยมปลาย ผมจำไดว้ า่ ตอนน้นั เปน็ ช่วงของการ
ขึ้นม.4 ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกันกับท่ีพ่อแม่ของผมมปี ัญหาทางการเงิน เพราะ
เดิมครอบครัวผมมีรายได้หลักมาจากพ่อเพียงคนเดียว ซึ่งพ่อก็ทำงานเปน็
ผรู้ บั เหมาสรา้ งบา้ น แต่พอเวลาผ่านไปงานรับเหมาของพอ่ ก็ไมม่ เี ข้ามา จงึ ทำ
ใหพ้ อ่ ต้องตดั สนิ ใจหยดุ จากท่ีเป็นผู้รับเหมา ตอ้ งมาเป็นช่างให้กับผู้รับเหมา
คนอื่นแทน แต่ด้วยอายุของพ่อที่มาก ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง
จึงส่งผลให้เกิดปญั หาทางด้านการเงินขึน้ มา แน่นอนว่าก็ย่อมส่งผลกระทบ
มาทต่ี วั ผมดว้ ยเช่นกัน ผมจำได้อย่างไมล่ มื เลยวา่ ชว่ งนน้ั ผมไปโรงเรียนโดยท่ี
ไมไ่ ด้พาเงนิ ไปสกั บาท แต่ผมก็มเี งนิ เก็บเป็นของตัวเองอยบู่ ้าง ผมตอ้ งใช้เงิน
เกบ็ ทีต่ วั เองมอี ยู่น้นั อยา่ งพอเพยี งและประหยดั ได้มากท่ีสดุ แตส่ ังคมในชีวิต
จริงแนน่ อนว่าเราไม่สามารถทีจ่ ะเลี่ยงได้เลย ทุกวันที่ผมไปโรงเรยี น เพื่อน
ตา่ งก็จะอวดสิ่งใหม่ ๆ กบั ผมอยู่เสมอ เช่น โทรศพั ทร์ นุ่ ใหม่ รถมอเตอร์ไซค์
คันใหม่ ซึ่งผมเองก็ตอ้ งมองดูสิง่ ที่เพื่อนอวดอย่างเงียบ ๆ ก็มีน้อยใจตัวเอง
และน้อยใจครอบครัวอยูบ่ า้ ง ว่าทำไมเราจึงไม่ได้มีเหมอื นใครเขา แต่ก็ยังมี

ห น ้ า | ๘๙

ความโชคดีอย่างหนึ่งของชีวิตผม คือแม้ว่าผมจะไม่ได้มีอย่างใครเขา แต่
ความรักและกำลังใจจากพ่อกับแม่ที่มีให้ผมนั้นเต็มเปี่ยมมากล้นไม่ แพ้
ครอบครัวคนอื่น ๆ เลย แม่จะสอนให้ผมใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอยู่เสมอ
สอนให้ผมพอใจกบั ส่งิ ทีเ่ รามี คำพูดทแี่ ม่สอนผมเร่อื งความพอเพียง ดูเหมอื น
จะฉุดความทรงจำของผมท่ีเคยสงสยั ถึงเรื่องคณุ ธรรม ๔ ประการที่ผา่ นมา
แต่นั้นกย็ ังไมม่ ากพอท่ีจะทำให้ผมได้เข้าใจอย่างลกึ ซึ้ง วันเวลาผ่านไป และ
ไดม้ าถึงชว่ งของการปดิ ภาคการศกึ ษา ผมและเพ่อื น ๆ ตา่ งกด็ ีใจเพราะพวก
เราจะได้พักผ่อน จะได้ไปเที่ยวและทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อยากจะทำ แต่ดู
เหมือนว่าความดีใจของผมนั้นได้หายไป เมื่อผมกลับมาถึงบ้าน พ่อที่รู้ว่า
โรงเรียนปิดเทอม คำพูดแรกที่พ่อสนทนาออกมา เมื่อเห็นหน้าผมคือ
“ช่วงปิดเทอมลูกไปทำงานกับพ่อนะ จะได้ช่วยพ่อกับแม่แบ่งเบาภาระ
ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ” เมื่อพ่อพูดเสร็จ ผมเองนั่งเงียบโดยไม่ได้ตอบกลับอะไร
แต่ความเป็นจริงในใจของผมเต็มด้วยคำพูดมากมายที่อยากจะพูดออกมา
แต่ก็ไม่กล้าท่ีจะเปล่งเสียงออกมาได้แต่นิ่งเงียบ และได้หันหน้ามองไปทีแ่ ม่
เมื่อแม่มองมาที่สายตาผม แม่คงรู้ดีว่าคำตอบในใจที่ผมคิดไว้นั้นคืออะไร
แม่ได้เข้ามาใกล้ผมพร้อมกับกบั ข้าวเมนูโปรดของผม เราสามพอ่ แม่ลูกนงั่ กนิ
ข้าวด้วยกัน บรรยากาศดูนิ่งเงียบ สักพักแม่ก็เริ่มบทสนทนา แม่ได้อธิบาย
และทำความเข้าใจกับผมถงึ สาเหตุที่ผมต้องออกไปทำงานกบั พ่อ ซึ่งเมื่อผม
ได้ฟงั เสยี งคำอธบิ ายที่นุ่มนวล และจริงใจของแม่ ทำใหผ้ มเขา้ ใจและรบั ปาก
กบั พ่อว่าจะไปทำงานช่วงปดิ เทอมกบั พอ่ บทสนทนาบนโต๊ะกนิ ขา้ วในวันน้ัน
จบลงดว้ ยรอยยิ้มของพ่อเม่ือผมรบั ปากว่าจะไปชว่ ยพ่อทำงาน ซง่ึ ดูเหมอื นวา่
หน้าที่ของผมในตอนนี้จะไม่ใช่เพียงแต่การเรียนแล้ว ผมมีหนา้ ที่อีกอย่างที่
เพิ่มเข้ามา คือต้องช่วยพ่อทำงาน แน่นอนว่าเมื่อมีสองหน้าที่ควบคู่กัน

ห น ้ า | ๙๐

ส่งิ หนึ่งที่ต้องมอี ยา่ งหลีกเลี่ยงไมไ่ ดก้ ็คือ วนิ ยั วนิ ยั เปน็ เร่ืองสำคัญเป็นอย่าง
มากทีจ่ ำเป็นต้องมี เพราะการมีวินัยในตัวเองสามารถทำให้แบง่ เวลาในการ
ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ อีกทั้งการมีวินัยในตัวเองก็ทำให้เรารับผิดชอบหน้าที่ของ
ตวั เองไดเ้ ป็นอยา่ งดี ซึง่ งานทผ่ี มไปชว่ ยพ่อทำน้นั คอื งานก่อสร้าง ผมตอ้ งไป
เป็นกรรมกรก่อสร้าง ตอ้ งผสมปูน ต้องอยู่ทา่ มกลางแดดทรี่ ้อน วนั แรกที่ผม
ไปทำงาน ผมรู้สกึ เหนอื่ ยและอายมาก ๆ เพราะเป็นงานทต่ี ้องใช้แรง ผมรูส้ กึ
อายทีจ่ ะตอ้ งทำงานนี้ ความรสู้ ึกทผี่ มมีอยูใ่ นใจนัน้ ผมไมไ่ ดบ้ อกให้พ่อรู้ แต่สี
หน้าแววตาของผมที่แสดงออกมาน้นั ก็หนไี ม่พน้ สายตาของพอ่ อยดู่ ี เม่ือพ่อ
มองตาผมพ่อรู้ดีว่าผมรู้สึกอย่างไร พ่อเข้ามาใกล้ผมและก็สอนผมว่า
“เปน็ เรือ่ งปกตขิ องการทำงานนะลกู ไมว่ า่ งานอะไรมันก็ตอ้ งเหน่อื ยเปน็ เรอ่ื ง
ธรรมดา และงานท่ีลูกทำก็เปน็ งานที่สุจริตนะลูกไม่ได้โกงใครดังนั้นอย่าไป
อายใครเลย” ทันทีที่พ่อพูดถึงคำว่าสุจริต ทำให้ผมได้นึกถึงความสงสัยใน
เรื่องหลกั คณุ ธรรม ๔ ประการทีผ่ มเคยสงสยั ที่ผ่านมา ผมน่งิ เงียบสกั พักแลว้
มองย้อนส่ิงต่าง ๆ ที่ตัวเองพบเจอดูเหมือนวา่ คำตอบของความสงสัยทีผ่ ่าน
มานั้น เริ่มที่จะมาให้ผมได้เขา้ ใจมาบ้าง แต่กระนั้นตัวผมเองอยู่ในชว่ งวยั ท่ี
ถือได้ว่าเป็นวัยรุ่น ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ผมก็ได้ปล่อยผ่านไปเหมือน
อย่างเชน่ เคยท่ีผมเคยทำทผี่ า่ นมา วนั เวลาผา่ นไปอยา่ งรวดเร็วโรงเรียนก็ได้
กลับมาเปิดเทอม แต่งานทีผ่ มตอ้ งช่วยพอ่ ทำน้ัน ก็ไม่ได้หยุดเพราะถงึ แม้ว่า
โรงเรียนจะเปดิ เทอม แตผ่ มก็ต้องไปช่วยพ่อทำงานในวนั หยดุ เสาร์อาทิตย์แทน
แตด่ ้วยวนิ ัยและการจดั การท่ีดขี องผม ทำให้ผมสามารถรับผดิ ชอบหนา้ ทส่ี อง
อย่างนี้ได้พร้อม ๆ กัน โดยที่ไม่ไดม้ ปี ัญหาอะไร เปิดเทอมครั้งน้ดี ูเหมือนว่า
ชวี ิตผมได้เปลี่ยนไปจากเดิม เพราะผมเร่มิ ทจี่ ะเปน็ ผใู้ หญม่ ากขน้ึ ผมเรมิ่ ที่จะ
มีความคิดที่อยากจะช่วยเหลือสังคม อยากจะพัฒนาสังคม ผมจำได้ว่าช่วง

ห น ้ า | ๙๑

นั้นผมได้เข้ารว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ มากมายมาก ซึ่งกิจกรรมท่ีผมเขา้ ร่วมส่วน
ใหญแ่ ลว้ เป็นกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกับจติ อาสา เชน่ ไปชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบอุทกภัย
ช่วยเก็บขยะในพื้นที่สาธารณะและอื่น ๆ อีกมากมาย จนผมมีความคิดที่
อยากจะจดั ตง้ั ชมรมขนึ้ มา เพ่อื รวมกลุม่ เพอื่ น ๆ มารว่ มทำกจิ กรรมจติ อาสา
ร่วมกันท้ายท่สี ุดแลว้ สิ่งทผ่ี มต้ังใจก็เป็นจรงิ ผมสามารถจดั ต้ังชมรมเป็นของ
ตัวเองได้ มีเพ่ือน ๆ หลายคนเขา้ รว่ มกนั ทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ซึง่ พวกเรากไ็ ด้ทำ
กจิ กรรมสรา้ งสรรค์ต่าง ๆ มากมายออกสสู่ ังคม นบั เปน็ ชว่ งเวลาที่ผมรู้สึกมี
ความสขุ มากท่สี ดุ ช่วงหนึ่งของชีวิต การได้ทำกจิ กรรมจิตอาสาชว่ ยเหลือและ
พัฒนาสังคม ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตตัวเองนั้นมีคุณค่า ถึงแม้ว่าสิ่งที่ทำน้ัน
อาจจะไมส่ ามารถตอบแทนออกมาเป็นตวั เงินได้ แต่สิง่ ท่ไี ด้กลับมาคือคุณค่า
ทางจิตใจ คอื ความภาคภูมใิ จ และความสขุ ทย่ี ากจะอธิบายใหเ้ ข้าใจ ซึง่ ผมก็
ไดเ้ ล่าสิง่ ตา่ ง ๆ ทผี่ มได้ทำให้กับแม่ฟงั แม่ฟังอยา่ งภาคภมู ใิ จ และไดพ้ ดู ส้นั ๆ
ออกมาวา่ “ลกู เกง่ มาก ทำจติ อาสาเพอ่ื สงั คมแบบนีต้ อ่ ไปนะลกู ” คำพดู ของ
แมน่ นั้ ทำใหผ้ มได้ฉุดคดิ นึกถงึ ความสงสยั ในเรอื่ งของคุณธรรม ๔ ประการที่
ผมเคยสงสยั ทผี่ ่าน ผมน่ิงอยู่ครูน่ งึ แล้วไดท้ บทวนตวั เองมองยอ้ นถึงเร่อื งราว
ต่าง ๆ ที่ผ่านมาที่ผมได้พบเจอ ดูเหมือนวา่ ทุกอยา่ งที่ผมประสบพบเจอนนั้
ล้วนเป็นการนำหลักคุณธรรม ๔ ประการที่ผมเคยสงสัยมาปรับใช้ใน
ชีวิตประจำวันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ความพอเพียง วินัย สุจริต และจิตอาสา
ซึ่งแน่นอนว่าเรอ่ื งราวต่าง ๆ ทผ่ี มพบเจอและปฏิบตั ิไปน้นั กลายเป็นคำตอบ
ของความสงสัยที่ผมสงสัยมาตลอด ทันทีที่ผมเข้าใจถึงความหมายและ
ความสำคัญของหลักคณุ ธรรม ๔ ประการ อย่างทอ่ งแท้แล้ว สิง่ แรกทผี่ มนึก
ถึงคือ คำพูดของครู ทีเ่ คยบอกใหก้ ับผมเมอื่ ตอนน้ัน ส่งิ ที่คุณครูเคยพูดเคยสอน
ทุกอย่างลว้ นเปน็ ความจรงิ ทัง้ หมด

ห น ้ า | ๙๒

สุดท้ายแล้ว เมื่อผมได้เข้าใจความหมายและความสำคัญของ
คุณธรรมทงั้ ๔ ประการอย่างลึกซงึ้ แลว้ ทำให้ผมคิดได้วา่ หากเรานำมาใชใ้ น
ชีวิตประจำวันเชื่อเป็นอย่างยิ่งจะสามารถทำให้เราเป็นคนเก่งคนดีไ ด้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่ถือได้ว่าจะเป็นกำลังหลักสำคัญในการพัฒนา
ประเทศชาติในอนาคต ซึ่งหากเยาวชนยึดหลักคุณธรรม ๔ ประการ คือ
พอเพยี ง วนิ ัย สุจรติ และจติ อาสา มาเปน็ แมแ่ บบในการดำเนินชวี ิต เชอ่ื เป็น
อย่างยิ่งว่าจะสามารถทำให้เยาวชนเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มี
ประสทิ ธิภาพและมคี ุณธรรม สิ่งเหลา่ นีจ้ ะช่วยให้ประเทศชาติเกิดการพัฒนา
อยา่ งยั่งยืนไดอ้ ยา่ งแนน่ อน ดง่ั คำพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเดจ็ พระ
ปรมินทรมหาภูมิทรงพระราชทานในพิธีปริญญาบัตรของ
มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ ๑๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๒๘ ตอนหน่ึง
ความว่า “...ความเจริญนั้นจะเกิดข้ึนได้ ย่อมต้องอาศัยเหตปุ จั จัยประกอบ
กันหลายอย่างนอกจากวิทยาการที่ดีแล้วจะต้องอาศัยความยุติธรรม
เทยี่ งตรง และความสะอาดสจุ รติ ซึ่งตอ้ งเป็นไป พรอ้ มท้ังในความคิดและการ
กระทำ...”

“ภาคผนวก”

ประกาศสำนักงานวัฒนธรรมจังหวดั ปตั ตานี
เรอื่ ง ผลการตดั สนิ การประกวดเรียงความ หวั ขอ้ “คณุ ธรรม ๔ ประการ” พอเพยี ง วินัย สจุ รติ จติ อาสา

...........................................

ตามที่ สำนั กงานวัฒนธรรมจังหวัดปั ตตานี ได้เปิ ดรับสมั ครการประกวดเรียงความ หั วข้อ
“คุณธรรม 4 ประการ” พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา ภายใต้โครงการการขับเคล่ือนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรม

แห่งชาติ ฉบับท่ี 1 (พ.ศ.2559-2565) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือปลูกจิตสำนึก
ค่านิยม และวัฒนธรรม ที่ดีงาม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และกระตุ้นจิตสำนึกท่ีดีให้แก่เด็ก และเยาวชน
โดยมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนยึดหลักคุณธรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อสนับสนุนการ

สรา้ งสรรคผ์ ลงานด้านวรรณศิลปแ์ ก่เด็ก เยาวชน ในพ้นื ทีจ่ งั หวดั ปัตตานี นั้น

บดั นี้ คณะกรรมการตดั สนิ การประกวดเรียงความ ภายใตห้ ัวข้อ “คณุ ธรรม 4 ประการ” พอเพยี ง
วนิ ัย สจุ ริต จิตอาสา ไดพ้ จิ ารณาตดั สินผลงานของผสู้ ่งเรยี งความเขา้ รว่ มประกวด จำนวน 4 ระดบั ประกอบด้วย เรียงความ
ระดบั ประถมศกึ ษา (ป.4-ป.6) เรยี งความระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ (ม.1-ม.3) เรยี งความระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย
(ม.4- ม.6) และเรียงความระดบั อุดมศกึ ษาเรยี บร้อยแล้ว จงึ ขอแจง้ ประกาศผลการตดั สนิ ดังนี้

เรียงความระดับประถมศึกษา (ป.4 – ป.6)

รางวัลชนะเลิศ

เด็กหญิงอัฟนาน กาซอร์ โรงเรียนบ้านสะบารัง

อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

ชื่อผลงาน คุณธรรมเป็นศรี ความรู้ดีเป็นสง่า

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

เด็กหญิงอานีส ลาวัลย์วุธ โรงเรียนบ้านสะบารัง

อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

ชื่อผลงาน เด็กยุคใหม่กับคุณธรรม ๔ ประการ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

เด็กหญิงฮูดา วาเซ็ง โรงเรียนบ้านโตะบาลา

อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี

ชื่อผลงาน คุณธรรมคือท่ีพ่ึงของคนดี

รางวัลชมเชย

เดก็ หญิงเบญจพร คลงั มนตรี โรงเรียนวดั มะกรูด

อำเภอโคกโพธิ์ จงั หวดั ปัตตานี

ชื่อผลงาน ใบออ่ นคณุ ธรรมหนนุ นำทำความดี

เรียงความระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – ม.3)

รางวัลชนะเลิศ

เด็กชายนิมหาธีร์ ยามูสะนอ โรงเรียนบ้านกระเสาะ

อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี

ช่ือผลงาน เด็กและเยาวชนดี มีคุณธรรม

/รางวัลรองชนะเลิศ...

รางวลั รองชนะเลศิ อันดบั 1 -๒-
เด็กชายอัฟฟาน ตูแวสูหลง
โรงเรียนศาสน์สามคั คี
ชื่อผลงาน อำเภอหนองจกิ จงั หวดั ปัตตานี
รางวลั รองชนะเลิศอันดับ 2 คณุ ธรรมเร่มิ จากคนในครอบครัว
เดก็ หญิงชนัญดา เชีย่ วสกลุ
โรงเรียนชมุ ชนวัดอัมพวนาราม
ชอ่ื ผลงาน อำเภอยะรงั จงั หวัดปตั ตานี
รางวัลชมเชย คุณธรรม ๔ ประการ “พอเพยี ง วนิ ยั สจุ รติ จติ อาสา”
เด็กหญิงสิรินยา สขุ สม
โรงเรียนชุมชนวัดอัมพวนาราม
ชื่อผลงาน อำเภอยะรงั จงั หวดั ปตั ตานี
คณุ ธรรมการดำเนินชวี ิต “พอเพียง วินยั สุจรติ จติ อาสา”

เรียงความระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4 – ม.6)/ ปวช.หรือเทียบเท่า

รางวัลชนะเลิศ

นายฮาซันสนิ ดือมาลี โรงเรียนพัฒนาอิสลาม

อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี

ชื่อผลงาน พอเพียง วินัย ซ่ือสัตย์สุจริตและจิตสาธารณะ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1

นายเสะอูเด ตูแวดาแม โรงเรียนศาสนสามัคคี

อำเภอหนองจิก จังหวดั ปัตตานี

ช่ือผลงาน มีความสุขด้วยหลักคุณธรรม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2

นางสาวอัฟนาณ ยีดอรอแม โรงเรียนแสงประทีปวิทยามูลนิธิ

อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี

ชื่อผลงาน สร้างคนดี สู่สังคมด้วยคุณธรรม

รางวัลชมเชย

นายอนิ อาม โต๊ะจิ โรงเรียนสาธติ มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ (ฝา่ ยมธั ยมศกึ ษา)

อำเภอเมืองปัตตานี จงั หวัดปตั ตานี

ชื่อผลงาน สุจริต จติ สำนึก

เรียงความระดบั อดุ มศกึ ษา มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ วิทยาเขตปัตตานี
รางวัลชนะเลิศ อำเภอเมอื งปตั ตานี จงั หวดั ปัตตานี
นางสาวเกศรินทร์ แก้วเจริญ ป่าแห่งชีวิตสร้างด้วยจิตสำนึก

ชื่อผลงาน มหาวทิ ยาลยั สงขลานครินทร์ วทิ ยาเขตปัตตานี
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 อำเภอเมืองปตั ตานี จงั หวดั ปัตตานี
นางสาวกฤติมา สุวรรณโร ห้องเรียนความสุข

ช่ือผลงาน /รางวัลรองชนะเลิศ...

-3-

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 มหาวิทยาลยั สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปตั ตานี
นายฮาซัน มะเซง็ อำเภอเมอื งปัตตานี จงั หวัดปัตตานี

ช่ือผลงาน พอเพยี ง วนิ ยั สจุ รติ จิตอาสานำพาชาตพิ ฒั นา

ประกาศ ณ วนั ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

,

( นางศศเิ พญ็ ละมา้ ยพนั ธ์ุ )
วฒั นธรรมจังหวดั ปตั ตานี

ประกาศสำนักงานวัฒนธรรมจังหวดั ปัตตานี
เร่อื ง แตง่ ตงั้ คณะกรรมการการประกวดเรียงความ “คณุ ธรรม ๔ ประการ” พอเพียง วนิ ัย สุจริต จติ อาสา

-----------------------------------------------------------------------

ดว้ ยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ได้ดำเนินการประกวดเรียงความ “คณุ ธรรม 4 ประการ” พอเพียง

วนิ ัย สุจริต จติ อาสา ภายใต้โครงการการขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2559-2565)

ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก ค่านิยม และวัฒนธรรมท่ีดีงาม ส่งเสริม

คณุ ธรรม จริยธรรม และกระตนุ้ จติ สำนึกทดี่ ีให้แก่เด็ก และเยาวชน โดยมุง่ หวงั ใหเ้ ดก็ และเยาวชนยดึ หลักคณุ ธรรม

เพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ และเพื่อสนับสนุนการสรา้ งสรรค์ผลงานดา้ นวรรณศิลป์ แก่เดก็ เยาวชน

ในพ้ืนทีจ่ ังหวดั ปัตตานี กลุม่ เปา้ หมาย ได้แก่ นกั เรียน นักศกึ ษา ระดับประถมศกึ ษา (ป.4-ป.6) ระดบั มัธยมศึกษา

ตอนต้น (ม.1-ม.3) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6)/(ปวช.1-3) และระดับอุดมศึกษาท่ีกำลังศึกษาใน

สถานศกึ ษาทุกแหง่ ในจงั หวัดปตั ตานี ซ่งึ ได้เปิดรับสมัคร จนถึงวันท่ี 16 ธันวาคม 2564 นนั้

เพ่ือให้การดำเนนิ การจัดประกวดเรยี งความ ภายใต้หัวข้อ “คุณธรรม 4 ประการ” พอเพียง วนิ ัย สุจริต

จติ อาสา เปน็ ไปด้วยความเรยี บรอ้ ยบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์ของโครงการการขบั เคล่ือนแผนแม่บทส่งเสรมิ คุณธรรม

แห่งชาติ ฉบับท่ี 1 (พ.ศ.2559-2565) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จึงแต่งต้ังคณะกรรมการตัดสินการ

ประกวด ดังนี้

1. คณะกรรมการฝ่ายจัดการประกวด มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ประชาสัมพันธ์การประกวด

จัดหาคณะกรรมการตัดสินการประกวด จัดทำหลักเกณฑ์การประกวด จัดทำ Infographic ตลอดจนจัดพิธี

มอบรางวลั การประกวดฯ ประกอบด้วย

1) นางศศเิ พ็ญ ละม้ายพันธ์ุ วัฒนธรรมจงั หวัดปตั ตานี ประธานกรรมการ

2) นางสาวสถาพร ไชยผลอนิ ทร์ นักวชิ าการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ รองประธาน

3) นางสวรรยา โต๊ะจิ นักวิชาการวฒั นธรรมชำนาญการ กรรมการ

4) นายพูนพิพัฒน์ ตั้งคำ นักวชิ าการวฒั นธรรมปฏิบัตกิ าร กรรมการ

5) นางสาวอรุณรงุ่ หนูชยั นักวชิ าการวัฒนธรรมปฏบิ ตั ิการ กรรมการ

6) นางคนึงนิจ สาโร นักวิชาการวฒั นธรรมชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ

2. คณะกรรมการตัดสินการประกวด มีหน้าที่ตัดสินให้คะแนนแก่ผู้เข้าร่วมประกวดเรียงความ ภายใต้หัวข้อ

“คณุ ธรรม ๔ ประการ” พอเพียง วินยั สุจรติ จติ อาสา ดว้ ยความบรสิ ทุ ธิ์ ยุติธรรม โปรง่ ใส ตรวจสอบได้ ประกอบดว้ ย

2.1 คณะกรรมการตดั สินการประกวดเรยี งความ ระดบั ประถมศึกษา (ป.4-ป.-6)

1) ผศ.ดร.วิมลมาศ ปฤชากุล ประธานกรรมการ

2) อาจารย์นพรฐั เสน่ห์ รองประธาน

3) อาจารย์นควัฒน์ สาเระ กรรมการ

4) นางสาวอรณุ รงุ่ หนชู ัย เลขานุการ

2.2 คณะกรรมการตัดสินการประกวดเรยี งความ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น (ม.1-ม.3)

1) ผศ.ดร.วิมลมาศ ปฤชากุล ประธานกรรมการ

2) อาจารย์นพรฐั เสน่ห์ รองประธาน

3) อาจารย์นควฒั น์ สาเระ กรรมการ

4) นางสาวอรุณร่งุ หนูชัย เลขานุการ

/2.3 คณะกรรมการตดั สนิ การประกวด...

-๒-

2.3 คณะกรรมการตัดสนิ การประกวดเรียงความ ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6)/(ปวช.1-3)

1) รศ.ดร.พิเชฐ แสงทอง ประธานกรรมการ

2) อาจารยบ์ ัญชา เตส่วน รองประธาน

3) อาจารย์วัชรีย์ เพชรรัตน์ กรรมการ

4) นางคนึงนิจ สาโร เลขานุการ

2.4 คณะกรรมการตดั สินการประกวดเรยี งความ ระดับอดุ มศึกษา

1) รศ.ดร.พิเชฐ แสงทอง ประธานกรรมการ

2) อาจารยบ์ ญั ชา เตสว่ น รองประธาน

3) อาจารยว์ ชั รีย์ เพชรรตั น์ กรรมการ

4) นางคนึงนิจ สาโร เลขานุการ

ทั้งนี้ ใหค้ ณะกรรมการทีไ่ ดร้ บั การแตง่ ตง้ั ปฏิบตั ิหน้าท่ี ที่ได้รับมอบหมายให้เกิดประสทิ ธภิ าพและสงู สดุ และ
เป็นไปด้วยความเรยี บรอ้ ย บรรลุวตั ถุประสงค์ของโครงการฯ ทไี่ ดว้ างไว้

ทง้ั นี้ ตง้ั แตบ่ ัดนีเ้ ปน็ ตน้ ไป

ประกาศ ณ วันท่ี 19 พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕64

( นางศศเิ พญ็ ละมา้ ยพนั ธุ์ )
วัฒนธรรมจงั หวัดปตั ตานี

ที่ ปน ๐๐๓๑/ว0891 สำนักงำนวัฒนธรรมจงั หวัดปตั ตำนี
ถนนเดชำ ปน ๙๔๐๐๐

19 พฤศจิกำยน ๒๕๖4

เรื่อง กำรประกวดเรยี งควำม “คุณธรรม 4 ประกำร”

เรียน ผูอ้ ำนวยกำรสถำนศึกษำทกุ สังกัด

ส่ิงท่ีสง่ มำดว้ ย 1. ประกำศสำนกั งำนวัฒนธรรมจังหวัดปตั ตำนี จำนวน ๑ ชุด
2. ใบสมัคร จำนวน 1 แผน่

ด้วยสำนักงำนวฒั นธรรมจังหวัดปตั ตำนี ได้ดำเนินกำรประกวดเรียงควำม “คุณธรรม 4 ประกำร”
พอเพียง วินัย สุจริต จิตอำสำ ภำยใต้โครงกำรกำรขับเคลื่อนแผนแม่บทส่งเสริมคุณธรรมแห่งชำติ ฉบับท่ี 1
(พ.ศ.2559-2565) ประจำปงี บประมำณ พ.ศ.2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลูกจิตสำนึก ค่ำนิยม และวัฒนธรรม
ท่ีดงี ำม สง่ เสริมคุณธรรม จริยธรรม และกระตุ้นจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็ก และเยำวชน โดยมุ่งหวังให้เด็กและเยำวชน
ยึดหลักคุณธรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชำติ และเพ่ือสนับสนุนกำรสร้ำงสรรค์ผลงำนด้ำนวรรณศิลป์
แก่เด็ก เยำวชน ในพื้นที่จังหวัดปัตตำนี จึงเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้ำร่วมประกวดเรียงควำม หัวข้อ “คุณธรรม 4 ประกำร”
พอเพียง วนิ ัย สุจรติ จติ อำสำ

สำนกั งำนวัฒนธรรมจงั หวัดปัตตำนี จงึ ขอประชำสัมพันธส์ ถำนศึกษำส่งผลงำนกำรเขียนเรียงควำม
ของนักเรียน นักศึกษำ ในหัวข้อ “คุณธรรม 4 ประกำร” พอเพยี ง วนิ ัย สุจริต จิตอำสำ โดยสง่ ใบสมัครและผลงำน
ด้วยตนเองหรือทำงไปรษณีย์ สง่ มำทีส่ ำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวดั ปตั ตำนี ตง้ั แต่บัดน้ี จนถงึ วนั ที่ ๑๖ ธันวำคม 2564
รำยละเอียดดังสิ่งท่ีสง่ มำดว้ ย

จึงเรยี นมำเพื่อทรำบและดำเนินกำรต่อไป

ขอแสดงควำมนับถือ

( นำงศศเิ พ็ญ ละม้ำยพนั ธุ์ )
วฒั นธรรมจังหวัดปัตตำนี

สำนักงำนวัฒนธรรมจงั หวดั
โทร. ๐ ๗๓๓3 1740
โทรสำร ๐ ๗๓๓๒ ๓๑๙๗


Click to View FlipBook Version