หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ ๑ หนว่ ยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๓ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี ๔ ดนตรี-นาฏศิลป์
หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ ๗ หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ่ี ๘ หน่วยกำรเรยี นรู้ท่ี ๙ หนว่ ยกำรเรยี นรู้ที่ ๑๐
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
หนว่ ยกำรเรียนรู้ท่ี ๕ หนว่ ยกำรเรียนรทู้ ี่ ๖
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑๑ หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๑๒
๑_หลกั สตู รวิชาดนตรี-นาฏศิลป์
๒_แผนการจดั การเรยี นรู้
๓_PowerPoint_ประกอบการสอน
๔_Clip
๕_ใบงาน_เฉลย
๖_ขอ้ สอบประจาหนว่ ย_เฉลย
๗_ข้อสอบ_เฉลย
๘_การวัดและประเมนิ ผล
๙_เสริมสาระ
๑๐_ส่อื เสรมิ การเรยี นรู้
บริษัท อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จำกดั : 142 ถนนตะนำว เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
Aksorn CharoenTat ACT.Co.,Ltd : 142 Tanao Rd. Pranakorn Bangkok 10200 Thailand
โทรศัพท์ : 02 622 2999 โทรสำร : 02 622 1311-8 [email protected] / www.aksorn.com
๕หน่วยการเรียนรู้ที่
เครื่องดนตรแี ละวงดนตรสี ากล
จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
๑. จดั ประเภทของวงดนตรไี ทย และวงดนตรีทม่ี ำจำกวฒั นธรรมตำ่ งๆ ได้
๒. ใชแ้ ละบำรงุ รักษำเครื่องดนตรอี ยำ่ งระมัดระวังและรบั ผิดชอบได้
ประเภทของเคร่ืองดนตรสี ากล
โดยท่วั ไปแล้วเคร่อื งดนตรีสำกลจะแบง่ ตำมหลักกำรเกดิ เสียง หรือวธิ กี ำรในกำรบรรเลงทีเ่ รยี กว่ำ “แบง่ ประเภทตามตระกูล” (Family)
ของเครื่องดนตรี ซึ่งสำมำรถจาแนกไดเ้ ป็น ๕ ประเภท
เครื่องสาย (The String Instruments) แบง่ ตำมวธิ ีกำรเลน่ ได้ ๒ ประเภท
ประเภทเครอ่ื งดดี
• กำรดีดอำจใช้น้วิ มอื หรอื ปคิ (Pick) ส่วนใหญท่ ำจำกช้นิ ส่วนของกระดองเต่ำกระ หรอื พลำสตกิ
กีตาร์ แมนโดลนิ แบนโจ ฮารป์
ประเภทเครื่องสี
• เครอ่ื งดนตรีชนดิ น้ีใช้คันชกั ในกำรทำใหเ้ กิดเสียง ซ่ึงคนั ชกั จะทำดว้ ยไม้ และขนหำงม้ำ ก่อนเลน่ จะตอ้ งฝนขนหำงมำ้ ด้วยยำงสน
เพื่อทำให้เกิดควำมฝดื นอกจำกใช้คันชกั แล้วยงั สำมำรถใชด้ ดี ไดอ้ ีก
ไวโอลนิ วโิ อลา เชลโล ดับเบิลเบส
เครอื่ งเปา่ ลมไม้ (The Woodwind Instruments) แบ่งตำมกรรมวิธที ที่ ำให้เกดิ เสยี งเปน็ ๒ ประเภท
เป่าลมผ่านชอ่ งลม
• ลำตัวของเคร่อื งดนตรปี ระเภทน้ีมีลกั ษณะเป็นทอ่
รคิ อร์เดอร์ ปิคโคโล ฟลูต
เปา่ ลมผ่านลนิ้
• เคร่ืองดนตรีประเภทนี้จะมลี ิ้นอยทู่ ส่ี ่วนของปำกสำหรบั เปำ่ ล้นิ สำมำรถถอดเปลย่ี นได้ มีทงั้ ล้นิ เดีย่ ว และลน้ิ คู่
คลารเิ น็ต แซก็ โซโฟน โอโบ อิงลชิ ฮอร์น บาสซูน คอนทราบาสซนู
เครอ่ื งเปา่ ทองเหลือง (The Brass Instruments)
• เครอื่ งเปำ่ ประเภทนี้ทำใหเ้ กิดเสียงโดยกำรเป่ำลมใหผ้ ่ำนริมฝีปำกไปปะทะกบั ชอ่ งที่เปำ่ (Mouth Piece) ทำใหเ้ กดิ กำรสนั่ สะเทอื น
ของมวลอำกำศ เคร่อื งดนตรที ีอ่ ยใู่ นกลมุ่ นี้ เช่น
เครอ่ื งดนตรปี ระเภทลิ่มนว้ิ (The Keyboard Instruments)
• เครอื่ งดนตรปี ระเภทนม้ี ลี มิ่ นว้ิ เรียงกันเป็นแผง เวลำเลน่ ใช้นิ้วมอื กดลงบนลิ่มน้วิ ของเครื่องดนตรี กำรเกิดเสียงนั้นขึ้นอยู่กับกลไก
ภำยใน ซึง่ มีลกั ษณะเป็นคอ้ นเลก็ ๆ ตที ่เี ส้นลวดหรือแท่งโลหะ หรือมลี กั ษณะเปน็ ทอ่ ลมทมี่ ีทป่ี ดิ -เปดิ
• ปจั จุบันเคร่ืองดนตรปี ระเภทลมิ่ น้วิ ไดถ้ ูกปรับปรุงให้ทันสมัยขน้ึ โดยกำรนำระบบไฟฟำ้ มำทำให้เกดิ เสียง เคร่อื งดนตรีกลุ่มน้ี เช่น
ออรแ์ กนไฟฟ้ำ หรอื อเิ ลก็ โทน (Electronic Organor Electone) เปยี โนไฟฟำ้ (Electronic Piano) คีย์บอร์ดไฟฟำ้ (Electronic
Keyboard)
แอคคอรเ์ ดยี น เปยี โน อิเล็กโทน เมโลเดียน
เชเลสตา คยี ์บอรด์ ไฟฟ้า ออร์แกน
เครื่องดนตรีประเภทเคร่อื งตี (The Percussion Instruments) แบ่งตำมลักษณะของระดบั เสียงได้ ๒ ประเภท
ประเภทท่ีมรี ะดับเสยี งไมแ่ นน่ อน (Indefinite Pitch)
• เครื่องดนตรีประเภทนีเ้ ป็นเครอื่ งตปี ระกอบจงั หวะ ไม่สำมำรถตีเป็นทำนองได้ แตส่ ำมำรถใหจ้ งั หวะ หรือคมุ จังหวะ เพอื่ ให้
กำรบรรเลงน้ันพรอ้ มเพรียงกนั
• เครือ่ งดนตรที ่ที ำจงั หวะกลุม่ น้ี เช่น กลองใหญ่ (Bass Drum) กลองเทเนอร์ (TenorDrum) ทมิ พะนี (Timpani) กลองสแนร์
(Snare Drum) ทอมบำ (Tomba) มำรำคสั (Maracas) แทมบูรนี (Tambourine) ทรัยแองเกลิ (Triangle) ฉำบ (Cymbal)
กลองชดุ (Drum Kit) คำวเบลล์ (Cowbells) วูดบล็อก (Wood Block) แรตเทิล (Rattle) บองโก (Bongo) ทอมทอม (Tom
Tom Drum) กรบั (Castanets) แทมบรู นี (Tambourine) เปน็ ตน้
ตวั อย่าง
ประเภททมี่ ีระดบั เสยี งแนน่ อน (Definite Pitch)
• สำมำรถไล่ระดับเสียง และสำมำรถใชบ้ รรเลงทำนองได้ แต่มบี ำงชนิดในกล่มุ นท้ี ี่ไม่สำมำรถเล่นเปน็ ทำนองเดย่ี วๆ ได้ แตก่ ส็ ำมำรถ
เทยี บเสยี งและตใี หจ้ งั หวะได้
• เครอ่ื งดนตรีกลุม่ นี้ เชน่ ไซโลโฟน (Xylophone) กลอ็ กเคนชปลี (Glockenspiel) เบลไลรำ (Bell Lyra) ระฆังรำว (Tubular
Bells) เปน็ ตน้
ตัวอยา่ ง
เบลไลรา ไซโลโฟน ระฆงั ราว
หลกั การใช้ และบารงุ รกั ษาเครือ่ งดนตรสี ากล
เครอ่ื งสาย
• ก่อนหรอื หลงั กำรเล่นเครือ่ งดนตรีประเภทเครื่องสำย ใหใ้ ช้ผ้ำแห้งท่ีมีเนอ้ื น่มุ ลบู เบำๆ ไปบนสำยและ
ตวั เครือ่ งดนตรี เพ่อื ขจดั ฝุ่นทอ่ี ำจเกำะอยู่
• ถำ้ เปน็ เครื่องสำยท่ีใชค้ นั ชักสี เม่ือเลน่ เสร็จแล้วจะต้องปรับคันชกั ไม่ให้ตงึ จนเกินไปก่อนทีจ่ ะนำเก็บ
ใส่กลอ่ งให้เรียบร้อย
• หำกไมเ่ ล่นเครือ่ งสำยเป็นเวลำนำนตอ้ งผอ่ นสำยใหห้ ยอ่ น จะช่วยให้ตวั เคร่อื งดนตรีไม่ต้องรับแรงตงึ
เป็นเวลำนำนๆ ซงึ่ อำจมีผลทำใหค้ อของเคร่ืองดนตรีหลดุ หรือแตกชำรุดได้
(ที่มำของภำพ : คลงั ภำพ อจท.)
เครอ่ื งเปา่ ลมไม้
• ถ้ำเปน็ ประเภทเป่ำลมผ่ำนช่องลม เชน่ รคิ อรเ์ ดอร์ ปิกโกโล ฟลตู เป็นต้นใหใ้ ชผ้ ้ำแหง้ ทม่ี ีเน้อื นุ่มเชด็
ใหท้ ว่ั ทั้งตวั เครอ่ื ง เพ่อื ทำควำมสะอำดก่อนและหลงั เปำ่
• สำหรบั ปิคโคโลและฟลตู น้นั ตอ้ งหม่ันดแู ลเอำใจใสก่ ระเดอื่ งกลไกใหอ้ ยู่ในสภำพทใี่ ช้งำน ด้วยกำรใชเ้ ศษผ้ำ
น่มุ ๆ แตะน้ำมนั ทใี่ ชส้ ำหรับทำควำมสะอำดเครื่องดนตรที ี่เป็นโลหะลูบไปตำมกระเด่ืองกลไก และตัวเครอ่ื ง
ให้ท่วั น้ำมันดังกล่ำวจะชว่ ยให้กระเดือ่ งกลไกเกิดควำมคลอ่ งตัวในขณะใชง้ ำน และช่วยใหไ้ ม่เกดิ สนิมกบั
เคร่ืองดนตรีอกี ด้วย
• เคร่ืองดนตรีประเภทเป่ำลมผ่ำนลน้ิ ใหเ้ พม่ิ กำรดแู ลในส่วนของปำกเปำ่ และลน้ิ ด้วยกำรถอดปำกเป่ำออกมำ
ลำ้ งดว้ ยน้ำสะอำด แลว้ ผงึ่ ลมให้แห้งก่อนใชฝ้ ำครอบสวมส่วนบน นำไปเก็บใส่กลอ่ งให้เรยี บรอ้ ยทุกครง้ั เม่ือ
เลน่ เสรจ็ แลว้
(ที่มำของภำพ : คลังภำพ อจท.)
เครื่องเปา่ ลมทองเหลอื ง
• ใช้ผำ้ แหง้ ทมี่ เี น้อื นมุ่ เชด็ ที่ตัวเครื่องใหส้ ะอำดท้ังกอ่ นและหลงั กำรใช้
• เมอื่ ใช้เสร็จแล้วใหก้ ดท่ีกระเดื่องสำหรบั ไล่น้ำลำยแลว้ เปำ่ ลมทปี่ ำกเป่ำ (กำพวด) แรงๆ เพอื่ ไล่หยดน้ำลำยทอ่ี ยูภ่ ำยใน
ท่อออกใหห้ มด
• ถอดกำพวดออกมำทำควำมสะอำด โดยใช้ผำ้ เช็ดแล้วใชเ้ ศษผ้ำแตะครีมขดั โลหะลบู ไปบนตัวเครอ่ื งใหท้ ่ัวทงิ้ ไว้ ๕-๑๐
นำที ใช้ผำ้ แห้งเน้ือนมุ่ เชด็ ถูให้เกดิ ควำมเงำงำม แลว้ นำไปเกบ็ ใส่กลอ่ งใหเ้ รียบร้อย
เครือ่ งดนตรีประเภทลิ่มน้ิว
• ใช้ผ้ำสกั หลำดหรอื ผำ้ แหง้ เช็ดถูท่ีตัวเครอ่ื ง และบรเิ วณที่เปน็ ลมิ่ น้ิวใหส้ ะอำดปรำศจำกครำบไคล ปิดด้วยฝำครอบแล้ว
ใช้ผำ้ คลมุ ให้เรียบรอ้ ย
เคร่ืองดนตรปี ระเภทเครือ่ งตี
• ใช้ผำ้ แหง้ ท่ีมเี นือ้ นุ่มเช็ดถูทำควำมสะอำดตัวเคร่อื ง และสว่ นท่ีใช้สำหรับตใี ห้สะอำดกอ่ นและหลงั กำรเลน่ ทุกคร้ัง
เกบ็ เครือ่ งดนตรใี ส่กลอ่ ง หรือใชผ้ ้ำคลมุ ให้เรียบรอ้ ยเมื่อเลิกเล่น
ลกั ษณะของวงดนตรีสากล
วงแชมเบอร์มวิ สิก (Chamber Music)
• นิยมเลน่ กนั ในรำชสำนกั หรอื ผสมวงเล่นกนั ในหอ้ งโถงหอ้ งขนำดใหญภ่ ำยในบำ้ น เป็นลักษณะของวงดนตรแี บบง่ำยๆ ตำมปกตจิ ะมี
นักดนตรีตง้ั แต่ ๒ คน จนถงึ ๙ คน มีเครือ่ งดนตรอี ยำ่ งละช้ิน
• วงดนตรแี ชมเบอรม์ วิ สกิ (Chamber Music) จะมีช่ือเรยี กต่ำงกันไปตำมจำนวนของผู้บรรเลง โดยเร่ิมตั้งแต่ ๒-๙ คน
ผบู้ รรเลง ๒ คน เรยี กวา่ “ดูเอต็ ” (Duet) ผบู้ รรเลง ๓ คน เรียกวา่ “ทรโี อ” (Trio)
ผบู้ รรเลง ๔ คน เรยี กวา่ “ควอเตต็ ” (Quartet) ผบู้ รรเลง ๕ คน เรยี กว่า “ควินเต็ต” (Quintet)
ผูบ้ รรเลง ๖ คน เรียกวา่ “เซก็ ซเ์ ต็ต” (Sextet) ผู้บรรเลง ๗ คน เรียกว่า “เซปเต็ต” (Septet)
ผูบ้ รรเลง ๘ คน เรยี กวา่ “ออคเตต็ ” (Octet) ผบู้ รรเลง ๙ คน เรยี กวา่ “โนเนต็ ” (Nonet)
ดเู อ็ต ทรโี อ ควอเตต็ ควนิ เต็ต
วงดุริยางค์ (Orchestra)
• ประกอบด้วยเครอ่ื งดนตรี ๔ กล่มุ ใหญ่ คือ กลุ่มเครือ่ งสำย กลุ่มเครือ่ งเปำ่ ลมไม้ กล่มุ เครือ่ งเป่ำลมทองเหลือง และกลุม่ เครื่องดนตรี
ประเภทเครื่องตี
• วงดนตรลี ักษณะนีจ้ ะมผี อู้ ำนวยเพลงถอื ไมบ้ ำตอง (Baton) ยืนอยบู่ นแท่นเล็กๆ หนำ้ วงผอู้ ำนวยเพลงจะมีหนำ้ ทีค่ วบคุมกำรบรรเลง
ของนักดนตรีทงั้ วง
• กำรจดั วงดุรยิ ำงค์นจ้ี ะให้ไวโอลินที่ ๑ และที่ ๒ อยูท่ ำงซ้ำยมือของผอู้ ำนวยนวยเพลง และจะใหไ้ วโอลนิ ท่ี ๒ อย่ทู ำงขวำมอื แตบ่ ำงวง
อำจจะจดั ใหไ้ วโอลนิ ที่ ๑ และท่ี ๒ อยทู่ ำงซ้ำยมอื และให้วโิ อลำกับเชลโลอยทู่ ำงขวำมอื
เครอ่ื งดนตรที ใี่ ช้ในวงดรุ ยิ ำงคใ์ นคริสตศ์ ตวรรษที่ ๒๐
วงดุริยางค์ แบง่ ไดห้ ลายขนาดตามจานวนผ้บู รรเลง ซึ่งแต่ละขนาดจะมีชอ่ื เรยี กต่างกัน
๑ วงดรุ ยิ างคซ์ มิ โฟนี (Symphony Orchestra)
• เปน็ วงดนตรีขนำดใหญ่ จะบรรเลงเพลงซิมโฟนีเป็นหลกั (Symphony คอื เพลงเถำทีม่ ี ๓-๔ ท่อน) วงดรุ ิยำงค์ซิมโฟนี
ยังแบง่ ออกเปน็ วงขนำดเลก็ (Small Orchestra)มีนกั ดนตรีประมำณ ๔๐-๖๐ คน วงขนำดกลำง (Medium Orchestra)
มีนกั ดนตรีประมำณ ๖๐-๘๐ คน และวงขนำดใหญ่ (Full Orchestra) มีนกั ดนตรีประมำณ ๘๐-๑๐๐ คน
๒ วงดุรยิ างค์ประกอบการแสดงอุปรากรและละคร (Orchestra for Accompaniments of Opera)
• เป็นวงดุรยิ ำงค์ท่ีมีลักษณะเช่นเดียวกบั วงดรุ ิยำงคซ์ มิ โฟนี แต่จะมขี นำดเล็กกวำ่ มีนักดนตรีประมำณ ๖๐ คน ใช้ประกอบ
กำรแสดงอปุ รำกร และละครเปน็ หลกั
ลักษณะของวงดุริยำงคซ์ ิมโฟนี จะมนี กั ดนตรผี รู้ ่วมบรรเลงจำนวนมำก
วงเคร่ืองสาย (String Band)
• มเี คร่อื งดนตรี ๒ ประเภทใหญ่ๆ คือ เคร่ืองสำยท่ใี ชด้ ดี ได้แก่ กตี ำร์ แบนโจ แมนโดลนิ เบส และเครือ่ งดนตรีประเภทเครื่องตที นี่ ำเอำ
เครอื่ งตหี ลำยๆ ช้ินมำรวมเปน็ ชุดเรียกวำ่ “กลองชดุ หรือกลองแจ๊ส” วงดนตรชี นิดนใี้ ชผ้ บู้ รรเลงไม่มำก และไมเ่ ปลอื งพ้นื ท่ี
แตรวง (Brass Band)
• มเี ครอ่ื งดนตรอี ยู่ ๓ ประเภทใหญ่ๆ
เครอ่ื งเปา่ ลมทองเหลอื ง ได้แก่ ทรัมเป็ต ทรอมโบน และทบู ำ
เครอื่ งเป่าลมไม้ ไดแ้ ก่ แซ็กโซโฟน และคลำรเิ นต็
เคร่ืองดนตรปี ระเภทตี ได้แก่ กลองใหญ่ กลองสแนร์ ฉำบ และไซโลโฟน
• วงดนตรีในลักษณะนเ้ี หมำะสำหรับกำรเดนิ ขบวน ในเวลำเดินขบวนจะตอ้ งมคี นนำหน้ำ (Drum Major) คอยให้จังหวะโดยใชค้ ทำ
สง่ สัญญำณให้ผู้บรรเลงได้ทรำบ
วงโยธวาทติ (Military Band)
• มลี ักษณะคล้ำยกบั แตรวง เหมำะสำหรับกำรบรรเลงกลำงแจ้ง วงดนตรีประเภทนมี้ เี ครอ่ื งดนตรอี ยู่ ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ เครือ่ งเปำ่
ลมทองเหลอื ง เครื่องเป่ำลมไม้ และเครอื่ งดนตรีประเภทเคร่อื งตีวงโยธวำทิตจะมีคนนำหน้ำ (Drum Major) คอยกำกบั จงั หวะ และ
ใหส้ ัญญำณต่ำงๆเช่นเดียวกบั แตรวง
วงแจ๊ส (Jazz Band)
• มีจุดกำเนดิ มำจำกชนผิวดำชำวอเมรกิ ันเชอ้ื สำยอัฟริกัน (นโิ กร) แหง่ เมืองนวิ ออร์ลีน ประเทศสหรฐั อเมรกิ ำ
• กำรบรรเลงดนตรแี จส๊ ในระยะแรกนั้นเป็นกำรบรรเลงสด ไมม่ กี ำรใช้ตวั โนต้ ผูบ้ รรเลงจะคดิ ทำนองเพลงขน้ึ มำบรรเลงสด ผูบ้ รรเลง
มกั จะมรี ูปแบบกำรบรรเลงที่เป็นเอกลักษณเ์ ฉพำะตัว เพลงทบ่ี รรเลงเปน็ เพลงทีม่ จี งั หวะสนกุ สนำน ครึกครืน้ เร้ำอำรมณ์ใหผ้ ้ฟู ังคกึ คกั
• เคร่ืองดนตรที น่ี ยิ มใชใ้ นวงแจ๊ส เช่น คอรเ์ นต็ ทรมั เป็ต ทรอมโบน แซ็กโซโฟน คลำริเน็ตเปียโน แบนโจ กตี ำร์ ดบั เบิลเบส หรอื กตี ำร์
เบส กลองชุด เปน็ ต้น
• วงดนตรีแจ๊สทบ่ี รรเลงในระยะแรกนัน้ มักเปน็ วงดนตรขี นำดเลก็ มีผู้บรรเลงประมำณ ๓-๘ คน ต่อมำดนตรแี จ๊สไดพ้ ัฒนำรปู แบบให้
มีขนำดใหญ่ขึน้ โดยใชผ้ บู้ รรเลงประมำณ ๑๐-๒๐ คน
วงคอมโบ (Combo Band)
• เปน็ วงดนตรีขนำดเล็ก มนี ักดนตรไี มม่ ำกนกั จำนวนของนักดนตรี และเครอื่ งดนตรีไมแ่ น่นอน
• เครื่องดนตรีท่นี ิยมใช้ในวงคอมโบ ไดแ้ ก่ ทรมั เป็ต แซกโซโฟน เปยี โน กตี ำรเ์ บส หรอื กลองชุด
• กำรจัดวงดนตรขี นำดเล็กแบบน้ีอำจใช้เคร่ืองดนตรีมำกกวำ่ ๕ ช้นิ กไ็ ด้ เชน่ เพ่ิมทรอมโบน กีตำร์คอร์ด หรอื อำจใช้ออร์แกนแทน
เปยี โน แตส่ ่ิงจำเปน็ และขำดมไิ ด้สำหรบั วงคอมโบ คอื เคร่อื งตกี ำกับจงั หวะต่ำงๆ เช่น กลองทอมบำ บองโก แทมบูรีน
วงสตริงคอมโบ หรือวงกตี าร์คอมโบ (String Combo or Guitar Combo)
• เป็นวงดนตรีขนำดเล็กท่ีเกดิ ขน้ึ ใหม่ สะดวกตอ่ กำรขนย้ำย
• เคร่อื งดนตรปี ระกอบดว้ ยประเภทกีตำร์เบสกีตำร์คอรด์ กีตำร์เมโลดี (เรยี กกนั ทัว่ ไปวำ่ กตี ำร์โซโล หรือกตี ำรล์ ดี ) และกลองชุด บำงครง้ั
อำจนำออรแ์ กนไฟฟำ้ มำผสมด้วยก็ได้ วงสตรงิ คอมโบนม้ี กั จะรู้จักกันในอีกชือ่ หนึง่ วำ่ “วงชาโดว์” (Shadow)