วรรณคดเี ร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย
เสนอ
อ.กณั ย์ญภัธสร บวั หอม
ถดั ไป
สารบญั 1
❖ การสะท้อนชีวติ และสังคมของวรรณคดเี ร่ือง การสะท้อนชีวติ และสังคมของวรรณคดี
ลลิ ติ ะเลงพ่าย เร่ือง ลลิ ติ ะเลงพ่าย
❖ การวเิ คราะห์โครงสร้างวรรณคดเี รื่อง การสะท้อนชีวติ และสังคมของวรรณคดแี ละวรรณกรรมจากเร่ือง ลิลิตตะเลงพา่ ย
ลลิ ติ ตะเลงพ่าย
ผู้ประพนั ธ์ 1.สมเด็จพระมหาสมณเจา้ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
❖ การวเิ คราะห์รสวรรณคดไี ทย และวรรณคดี ประเภท 2. พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนภูบาลบริรักษ์
สันสกฤตวรรณคดเี ร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย
วรรณคดี
❖ โวหารภาพพจน์วรรณคดเี ร่ือง ลลิ ติ ตะเลง
พ่าย แก่นเร่ือง
❖ ปกณิ กะวรรณคดเี ร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย การยอพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ท่ีทรงมีพระปรี ชา
สามารถดา้ นการทายุทธหัตถี มีชยั เหนือพระมหาอุปราชา อีกท้งั ยงั มีพระปรีชาสามารถ
ก่อนหนา้ ดา้ นการปกครองและพระราชจริยวตั รอนั กอปรดว้ ยธรรมของพระราชา
ถดั ไป
2 3
เนื้อเร่ืองย่อ สมเด็จพระนเศวรทรงปูนบาเหน็จทหารและปรึ กษาโทษนายทพั
นายกองท่ีตามช้างทรงเข้าไปในกองทัพพม่าไม่ทัน สมเด็จพระวนั รัตทูลขอ
กล่าวถึงการสิ้นพระชนมข์ องสมเดจ็ พระมหาธรรมราชาธิราช สมเด็จ พระราชทานอภยั โทษแทนแม่ทพั นายกองท้งั หมด สมเด็จพระนเรศวรก็โปรด
พระนเรศวรทรงข้ึนครองราชยโ์ ดยมีสมเด็จพระเอกาทศรถเป็ นพระมหาอุปราชพระ พระราชทานอภยั โทษให้ โดยให้ยกทัพไปตีทวายและตะนาวศรีเป็ นการแก้ตวั
เจา้ หงสาวดีทราบข่าวไทยผลดั เปลี่ยนแผน่ ดินใหม่ก็ปรารถวา่ จะมาตีไทยเพ่ือหยง่ั เชิง จากน้นั ไดท้ รงจดั การทานุ-บารุงหัวเมืองทางเหนือ เจา้ เมืองเชียงใหม่มาสวามิภกั ด์ิ
จึงมีพระราชบญั ชาใหพ้ ระมหาอุปราชายกทพั มาตีไทย เมื่อลานางสนมแลว้ ก็ยกทพั เจา้ ขอเป็ นเมืองข้ึน สมเด็จพระนเรศวรทรงรับทูตเชียงใหม่และจบลงดว้ ยการยอพระ
มาทางเมืองกาญจนบุรี เกียรติสมเด็จพระนเรศวร
ฝ่ ายสมเด็จพระนเรศวรปรารถจะไปตีเมืองเขมร คร้ันรู้ข่าวก็ทรง ตวั ละคร
เตรียมการสู้ศึกพม่า ทรงตรวจและตระเตรียมกองทพั พระมหาอุปราชาทรงปรึกษา
การศึกแลว้ ยกเขา้ มาปะทะทพั หนา้ ของไทย ส่วนสมเด็จพระนเรศวรก็ทรงปรึกษาเพื่อ ฝ่ ายไทย 1.สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชหรือพระองคด์ า
หาทางเอาชนะขา้ ศึก เม่ือทพั หลวงเคลื่อนพลชา้ งทรงของสมเด็จพระนเรศวรและชา้ ง 2.สมเด็จพระเอกาทศรถหรือพระองคข์ าว
ของสมเด็จพระเอกาทศรถกาลงั ตกมนั ก็เตลิดเขา้ ไปในวงลอ้ มของขา้ ศึก ณ ตาบล 3.พระมหาธรรมราชา
ตระพงั ตรุ สมเด็จพระ-นเรศวรทรงกระทายุทธหัตถีกบั พระมหาอุปราชา สมเด็จพระ
เอกาทศรถทรงทายุทธหัตถีกบั มางจาชโรและไดร้ ับชยั ชนะท้งั สองพระองค์ เม่ืองา้ ว ฝ่ ายพม่า 1.พระเจา้ หงสาวดีหรือนนั ทบุเรง
ของพระนเรศวรฟันไปผ่าอกของพระมหาอุปราชาทาให้พระองค์เสด็จสวรรคต 2.พระมหาอุปราชา
กองทพั หงสาวดีกแ็ ตกพา่ ยกลบั ไป
ถดั ไป
ก่อนหนา้
4 5
การสะท้อนชีวติ และสังคม การวเิ คราะห์โครงสร้างวรรณคดีเรื่อง
ลลิ ติ ตะเลงพ่าย
1.ลิลิตตะเลงพ่ายสะทอ้ นให้เห็นความรักชาติ ความเสียสละ ความกลา้
หาญ ของบรรพบุรุษ ไม่เกรงกลวั ต่อการศึกใดๆ 1.แก่นเรื่อง
2.แผ่นดินไทยต้องผ่านการทาศึกสงครามอย่างมากมายกว่าที่จะมา กล่าวถึงการยอพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงมีพระ
รวมกนั เป็นปึ กแผน่ อยา่ งปัจจุบนั น้ี ปรีชาสามารถในดา้ นการทายทุ ธหตั ถีและดา้ นการปกครองบา้ นเมือง แก่นเรื่องมีความ
น่าสนใจและชดั เจน สะทอ้ นคุณค่าของเรื่องให้กบั ผูอ้ ่านไดช้ ดั เจนและสร้างสรรค์ อีก
3.พระราชภารกิจของกษตั ริยไ์ ทยในสมยั ก่อน คือการปกครองบา้ นเมือง ท้งั สามารถใหป้ ระโยชน์แก่ผอู้ ่านไดอ้ ีกดว้ ย
ใหร้ ่มเยน็ เป็นสุขและรบเพอื่ ปกป้องอธิปไตยของไทย
2.โครงเรื่อง
4.สะทอ้ นใหเ้ ห็นความเชื่อของสังคมไทย เช่น ความเช่ือเรื่องความฝัน
บอกเหตุ เช่ือคาทานายทายทกั ของโหร เช่น ตอนที่สมเด็จพระนเรศวรทรงพระสุบิน คือ ลิลิตตะเลงพ่ายเป็ นวรรณคดีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวร
นิมิต จึงตรัสใหห้ าพระโหราจารยเ์ พือ่ ทานายนิมิต มหาราช ซ่ึงสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงนามาจาก
ประวตั ิศาสตร์ ซ่ึงมีขอบเขตกาหนดเน้ือหาไวเ้ พยี งเร่ืองการทาสงครามยุทธหตั ถี แต่เพื่อ
5.สะทอ้ นเก่ียวกบั ขนบธรรมเนียมประเพณี ขนบธรรมเนียมในการศึก มิใหเ้ น้ือเร่ืองแหง้ แลง้ ขาดชีวติ ชีวาจึงทรงเพมิ่ เติมเร่ืองท่ีไมใ่ ช่การสงครามเขา้ ไป เน้ือหา
เช่น เม่ือพระมหาอุป-ราชาจะออกศึก พระเจา้ หงสาวดีทรงประสาทและใหโ้ อวาทการ ที่สาคญั เป็ นหลกั ของเร่ือง “ตะเลงพ่าย” คือ การดาเนินความตามเคา้ เร่ืองพงศาวดาร
สร้างขวญั กาลงั ใจแก่ทหารและความเด็ดขาดในการรบ การจดั ทพั การต้งั ทพั ประเพณี ได้แก่ การทาสงคราม การต่อสู้แบบยุทธหัตถี การจดั ทพั และรายละเอียดต่างๆ ซ่ึง
และพิธีกรรมเก่ียวกบั สงคราม เช่น พิธีโขลนทวารตดั ไมข้ ่มนาม เพ่ือการสร้างขวญั เป็ นไปตามตาราพิชยั สงครามและโบราณราชประเพณีทุกอยา่ ง สาหรับเน้ือหาท่ีเป็ น
กาลงั ใจแก่ทหาร ซ่ึงเป็ นพิธีบารุงขวญั ทหารก่อนออกศึกเหล่าทหารต่างฮึกเหิมและมี ส่วนเพิ่มเติมส่วนเสริมเรื่อง คือ บทประพนั ธ์ท่ีเป็ นลกั ษณะนิราศ ซ่ึงพรรณนาเกี่ยวกบั
กาลงั ใจเพราะมีพระสงฆส์ วดพระพุทธมนตแ์ ละประพรมน้าพระพุทธมนตใ์ ห้ การเดินทางและการคร่าครวญถึงนางผเู้ ป็นที่รักโดยผา่ นบทบาทของพระมหาอุปราชา
ก่อนหนา้ ถดั ไป
6 7
3.เนื้อเร่ือง สมเด็จพระวนั รัตทูลขอพระราชทานอภยั โทษแทนแม่ทพั นายกอง
ท้งั หมด สมเด็จพระนเรศวรก็โปรดพระราชทานอภยั โทษให้ โดยให้ยกทพั ไปตี
กล่า วถึ งก ารสิ้ นพ ระ ชนม์ของส มเด็ จพ ระ มหา ธรรม ราช าธิ รา ช ทวาย ตะนาวศรีและ มะริดเป็ นการชดเชยความผิดกาหนดให้ เจา้ พระยาคลงั ไปตี
สมเด็จพระนเรศวรทรงข้ึนครองราชยโ์ ดยมีสมเด็จพระเอกาทศรถเป็ นพระมหา เมืองทวาย ให้เจ้าพระยาจักรี ไปตีเมือง มะริ ด และ ตะนาวศรี เป็ นการไถ่
อุปราชพระเจา้ หงสาวดีทราบข่าวไทยผลดั เปล่ียนแผน่ ดินใหม่ก็ปรารถนาวา่ จะมาตี โทษ จากน้ันได้ทรงจัดการทะนุบารุงหัวเมืองทางเหนือ เจ้าเมืองเชียงใหม่มา
ไทยเพื่อหยงั่ เชิง จึงมีพระราชบญั ชาให้พระมหาอุปราชายกทพั มาตีไทย เม่ือลานาง สวามิภกั ด์ิขอเป็นเมืองข้ึน สมเด็จพระนเรศวรทรงรับทูตเชียงใหม่และจบลงดว้ ยการ
สนมแล้วก็ยกทัพเจ้ามาทางเมืองกาญจนบุรี ฝ่ ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยอพระเกียรติสมเดจ็ พระนเรศวร
ปรารถนาจะไปตีเมืองเขมร คร้ันรู้ข่าวก็ทรงเตรียมการสู้ศึกพม่า ทรงตรวจและ
ตระเตรียมกองทพั พระมหาอุปราชาทรงปรึกษาการศึกแลว้ ยกเขา้ มาปะทะทพั หนา้ 4.ตวั ละคร
ของไทย ส่วนสมเด็จพระนเรศวรก็ทรงปรึกษาเพื่อหาทางเอาชนะขา้ ศึก เม่ือทพั
หลวงเคลื่อนพลชา้ งทรงของสมเด็จพระนเรศวรและชา้ งของสมเด็จพระเอกาทศรถ ฝ่ ายไทย
กาลังตกมนั ก็เตลิดเข้าไปในวงล้อมของข้าศึก ณ ตาบลตระพงั ตรุสมเด็จพระ 1.สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พระองคด์ า)
นเรศวรทรงกระทายทุ ธหตั ถีกบั พระมหาอุปราชา สมเด็จพระเอกาทศรถทรงทายทุ ธ
หตั ถีกบั มางจาชโรและไดร้ ับชยั ชนะท้งั สองพระองค์ เม่ืองา้ วของพระนเรศวรฟันไป ทรงเป็นพระมหากษตั ริยท์ ี่เก่งกลา้ สามารถ เป็ นผปู้ ระกาศเอกราชหลงั จากที่
ผา่ อกของพระมหาอุปราชาทาใหพ้ ระมหาอุปราชาเสด็จสวรรคต กองทพั หงสาวดีก็ เสียไปให้กบั พม่าถึง ๑๕ ปี รวมท้งั ขยายราชอาณาจกั รใหก้ วา้ งใหญ่ ทาสงครามกบั
แตกพ่ายกลบั ไปสมเด็จพระนเรศวรทรงปูนบาเหน็จทหารและปรึกษาโทษนายทพั พมา่ จนพม่าหวาดกลวั ไมก่ ลา้ มารบกบั ไทยอีกเลยเป็นเวลาร้อยกวา่ ปี
นายกองที่ตามชา้ งทรงเขา้ ไปในกองทพั พมา่ ไม่ทนั 2.สมเดจ็ พระเอกาทศรถ(พระองคข์ าว)
ก่อนหนา้ อนุชาของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงดารงตาแหน่งอุปราช ครอง
เมืองพิษณุโลก แตม่ ีเกียรติยศเสมอพระเจา้ แผน่ ดิน ตลอดรัชกาลสมเด็จพระนเรศวร
ทรงออกศึกทาสงครามร่วมกบั สมเดจ็ พระนเรศวรตลอด
ถดั ไป
8 9
3.พระมหาธรรมราชา 5.ฉาก
พระองคท์ รงรับราชการเป็ นท่ีขุนพิเรนทรเทพ เจา้ กรมตารวจรักษาพระองค์
ฝ่ ายพระนครรามญั ขณั ฑเ์ ขตดา้ วอสั ดง หงสาวดีบุเรศ รั่วรู้เหตุบมิหึง
หลงั จากที่เหตุการณ์วุ่นวายในราชสานกั ยุติลง และพระเฑียรราชาได้ข้ึนครองราชย์ แห่งเอิกอึงกิดาการ ฝ่ ายพสุธารออกทิศ วา่ อดิศวรกษตั รา มหาธรรมราชนรินทร์
เป็ นสมเด็จพระมหาจกั รพรรด์ิ เมื่อปี พ.ศ.๒๐๙๑ แลว้ ขนุ พิเรนทรเทพ ไดร้ ับสถาปนา เจา้ ปัฐพินทร์ผา่ นทวปี ดีบชนมชีพพิราลยั เอารสไทนฤเบศ นเรศวรเสวยศวรรยา แจง้
ข้ึนเป็ นสมเด็จพระมหาธรรมราชา แลว้ ไดร้ ับโปรดเกลา้ ให้ไปครองเมืองพิษณุโลก กิจจาตระหนกั จ่ึงพระป่ิ นปี กธาษตรี บุรีรัตนหงสา ธก็บญั ชาพภิ าษ ดว้ ยมวลมาตยากร
สาเร็จราชการหวั เมืองฝ่ ายเหนือ มีศกั ด์ิเทียบเทา่ พระมหาอุปราช วา่ นครรามินทร์ ผลดั แผน่ ดินเปลี่ยนราช เยยี วววิ าทชิงฉตั ร เพอ่ื กษตั ริยส์ องสู้ บร้างรู้
เหตุผล ควรยาตรพลไปเยอื น เตือนประยทุ ธ์เอาเปรียบ แมน้ ไป่ เรียบเป็นที โจมจู่ยยี า่
ฝ่ ายพม่า ภพ เสนีนบนึกชอบ ระบอบเบ้ืองบรรหาร ธก็เอ้ือนสารเสาวพจน์ แด่เอารสยศเยศ องค์
1.พระเจา้ หงสาวดี (นนั ทบุเรง) อิศเรศอุปราช ใหย้ กยาตราทพั กบั นครเชียงใหม่ เป็นพยหุ ใหญห่ า้ แสน ไปเหยยี บแดน
กษตั ริยพ์ ม่า เดิมช่ือมงั ชยั สิงห์ราช โอรสของบุเรงนอง ดารงตาแหน่งอุปราช ฉากน้ี คือ เหตุการณ์ภายในเมืองมอญและบรรยากาศระหวา่ งการ
ในสมยั บุเรงนอง ไดข้ ้ึนครองราชยต์ ่อจากบุเรงบอง พระราชบิดา ทรงหวงั ท่ีจะสร้าง เดินทพั ของพระมหาอุปราชาจากเมืองมอญสู่กาญจนบุรี ผแู้ ตง่ ไดบ้ รรยายฉากและ
ความย่ิงใหญ่เหมือนกบั พระราชบิดา แต่ก็ทาไม่สาเร็จ สุดท้างยถูกลอบวางยาพิษ บรรยากาศไดส้ มจริงสอดคลอ้ งกบั เน้ือเร่ือง
สิ้นพระชนม์
2.พระมหาอุปราชา ถดั ไป
โอรสของนนั ทบุเรง ดารงดาแหน่งอุปราชาในสมยั ของนนั ทบุเรง เดิมช่ือมงั
สามเกียด หรือมังกะยอชวา เป็ นเพ่ือนเล่นกันกับพระนเรศวรในสมยั ที่พระองค์
ประทบั อยทู่ ี่กรุงหงสาวดี ทรงทางานสนองพระราชบิดาหลายคร้ัง โดยเฉพาะราชการ
สงคราม และไดถ้ วายงานคร้ังสุดทา้ ยในการยกทพั ๕ แสนมาตีไทย และสิ้นพระชนม์
ในการทายทุ ธหตั ถีกบั สมเดจ็ พระนเรศวรมหารา
ก่อนหนา้
10 11
เหตุการณ์ภายในเมืองมอญ ฉากน้ีคือ ขณะสมเด็จพระนเรศวรประทบั บนเกย เพือ่ รอพชิ ยั ฤกษ์
๏ เบ้ืองบรมจกั รพรรดิเกลา้ กษตั รา เคลื่อนทพั หลวง ไดบ้ งั เกิดเมฆกอ้ นใหญเ่ ยน็ เยอื กลอยอยทู่ างทิศพายพั แลว้ กก็ ลบั
สวา่ ง ดวงอาทิตยส์ ่องแสงจา้ อนั เป็นนิมิตที่แสดงพระบรมเดชานุภาพและช้ีใหเ้ ห็น
เถลิงพภิ พทวารา เกริ่นแกลว้ ความมีโชคดี
สถิตเกยรัตนราชา อาสนโ์ อ่ องคเ์ อย 6.บทสนทนา
คอยฤกษเ์ บิกยทุ ธ์แผว้ แผน่ พ้นื หาวหน “…ฟังสารราชเอารส ธก็ผะชดบญั ชา เจา้ อยุธยามีบุตร ล้วนยงยุทธ์
เชี่ยวชาญ หาญหกั ศึกบมิยอ่ ต่อสู้ศึกบมิหยอน ไป่ พกั วอนวา่ ใช้ ให้ธหวงธห้าม แมน้ เจา้
๏ บดั ดลวลาหกซ้ือ ชระอบั อยแู่ ฮ คร้ามเคราะห์กาจ จงอยา่ ยาตรยทุ ธนา เอาพสั ตราสตรี สวมอินทรียส์ ร่างเคราะห์ ธตรัส
เยาะเยยี่ งขลาด องคอ์ ุปราชยินสาร แสนอปั ระมาณมาตยม์ วล นวลพระพกั ตร์ผอ่ งเผอื ด
แห่งทิศพายพั ยล เยอื กฟ้า เลือดสลดหมดคล้า ช้ากมลหมองมวั กลวั พระอาชญายอบ นอบประณตบทมูล ทูลลา
ไทล้ ีลาศ ธกป็ ระกาศเกณฑพ์ ล บอกยบุ ลบมิหึง…”
มลกั แลกระลายกระลบั ลิวล่งไปเฮย
พระมหาอุปราชาทูลพระเจา้ หงสาวดีวา่ จะมีเคราะห์ไม่ตอ้ งการออกรบ จึงถูก
เผยผอ่ งภาณุเมศจา้ แจ่มแจง้ แสงฉาน พระเจา้ หงสาวดีตรัสประชดพระมหาอุปราชาวา่ กษตั ริยก์ รุงศรีอยุธยามีพระโอรสท่ี
กลา้ หาญไม่คร่ันคร้ามจ่อการศึกสงคราม แต่พระโอรสของพระองคเ์ ป็ นคนขลาด ทาให้
๏ คคั นานตน์ ฤราสร้าง ราคิน พระมหาอุปราชาทรงอบั อายและเกรงพระราชอาญา จึงเกิดขตั ติยมานะยอมกระทาตาม
พระราชประสงคข์ องพระราชบิดา
คือระเบียบรัตนอินทนิล คาดไว้
ถดั ไป
บริสุทธ์ิสร่างมลทิน ถ่องโทษ อยนู่ า
นกั ษตั รสวสั ดิเดชได้ โชคช้ีศุภผล ฯลฯ
ก่อนหนา้
12 13
พระพี่พระผผู้ า่ น ภพอุต ดมเอย พระตรีโลกนาถแลว้ เผดจ็ มาร
ไป่ ชอบเชษฐย์ นื หยดุ ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยทุ ธ์ เผยอเกียรติ ไวแ้ ฮ เฉกพระราชสมภาร พี่นอ้ ง
สืบกวา่ สองเราไสร้ สุดสิ้นฤามี
เสดจ็ ไร้พิริยะราญ อรินาศ ลงนา
เสนอพระยศยนิ กอ้ ง เกียรติทา้ วทุกภาย
สมเด็จพระนเรศวรเม่ือตกอยู่ในวงลอ้ มของขา้ ศึก ได้ใช้วาทศิลป์ ผวิ หลายพยหุ ยทุ ธ์ร้า โรมรอน
กล่าวเชิญพระมหาอุปราชามารบตวั ต่อตวั เพื่อเป็ นเกียรติยศและศกั ด์ิศรีของท้งั สอง
พระองค์ สืบตอ่ ไปภายหนา้ จะไม่มีการรบที่กลา้ หาญเยย่ี งน้ีอีก ชนะอมิตรมวลมอญ มวั่ มลา้ ง
พระเดชบด่ าลขจร เจริญฤทธ์ิ พระนา
ไปทวั่ ธเรศออกอา้ ง เอิกฟ้าดินไหว
สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธแม่ทพั นายกองที่ตามเสร็จเขา้ สนามรบ
ไม่ทนั จึงตรัสส่ังประหารชีวิต สมเด็จพระวนั รัต วดั ป่ าแกว้ ขอพระราชทานอภยั โทษ
โดยยกเหตุผลวา่ เป็นเพราะเทพยดาบนั ดาลให้เป็ นไป เพ่ือให้พระองคแ์ สดงพระบรมเด
ชานุภาพให้ปรากฏคากล่าวถูกพระทยั สมเด็จพระนเรศวรจึงพระราชทานอภยั โทษ แต่
ตอ้ งไปทาการศึกแกต้ วั โดยใหน้ าทพั ไปตีเมืองเมาะตะมะและตะนาวศรี
ก่อนหนา้ ถดั ไป
14 15
7.คุณค่าวรรณคดี การวเิ คราะห์รสวรรณคดีไทย และวรรณคดี
สันสกฤตวรรณคดเี รื่อง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย
ด้านเนื้อหา
ลิลิตตะเลงพ่ายเป็ นวรรณคดีแนวประวตั ิศาสตร์และเป็ นวรรณคดีเฉลิมพระ การวเิ คราะห์รสวรรณคดี ไทย
เกียรติท่ีมุ่งสดุดีวีรกรรมของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช การท่ีผูป้ ระพนั ธ์ใช้คา 1.เสาวรจนีย์ (บทชมโฉม) คือ การกล่าวชมความงามของตวั ละครในเร่ือง ซ่ึงอาจเป็ นได้
ประพนั ธ์ประเภทลิลิตจึงเหมาะสมอยา่ งย่ิงเพราะคาประพนั ธ์ประเภทลิลิตมกั นิยมใช้ ท้งั ตวั ละครที่เป็นอมุนษย์ มนุษย์ หรือสัตว์
พรรณนาเร่ืองราวที่สูงส่ง สมพระเกียรติ
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ เลอพศิ น่าพอ่
ด้านสังคม งามสองสุริยราชล้า ศึกกสร้าง
ลิลิตตะเลงพา่ ยเป็นสรรณคดีที่ปลุกกระแสรักชาติให้กบั คนในสังคมไทย เม่ือ รบราพณ์ แลฤา
พา่ งพชั รินทรไพจิตร อื่นไทไ้ ป่ เทียม
อ่านแลว้ จึงเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในชาติ และซาบซ้ึงถึงการเสียสละของบรรพบุรุษ ฤารามเร่ิมรณฤทธ์ิ
ไทยที่เสียเลือดเน้ือเพื่อปกป้องชาติ วรรณคดีเรื่องน้ีจึงเป็ นแบบอย่างท่ีดีใหก้ บั คนใน ทุกเทศทุกทิศอา้ ง
ปัจจุบนั ใหเ้ กิดความหวงแหนในแผน่ ดิน และภูมิใจท่ีไดเ้ กิดมาเป็ นคนไทย ลิลิตตะเลง
พ่ายแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนไทยในสมยั ก่อน ไม่ว่าจะเป็ นเรื่องโหราศาสตร์ ถอดความไดว้ า่
หรือลางบอกเหตุต่างๆ เช่น ตอนท่ีพระนเรศวรทรงพระสุบินว่า ทรงลุยน้าไปพบ สองกษตั ริยส์ ู้กนั ราวกบั พระอินทร์และพญาอสูรเวปจิตติ(ไพจิตราสูร)ทา
จระเขต้ วั ใหญ่ท่ีหมายจะเขา้ มาทาร้ายพระองค์ และพระองค์ไดป้ ระหารจระเขต้ วั น้นั
ตาย จึงนาความฝันน้ีไปใหโ้ หรทานาย โหรทานายวา่ จะพระนเรศวรจะชนะศึกหงสาว สงครามกนั หรือเป็นดงั พระรามทาสงครามกบั ทศกณั ฐ์ ไมม่ ีกษตั ริยพ์ ระองคใ์ ดในประเทศ
ดี
ไหนๆ ในทวั่ ทิศเสมอเหมือนไดเ้ ลย
ก่อนหนา้
ถดั ไป
16 17
2.นารีปราโมทย์ (บทเกีย้ วโอ้โลม) คือ บทกล่าวแสดงความรัก ท้งั การเก้ียวพาราสีกนั ใน 4.สัลลาปังคพไิ สย (บทโศก) คือการโอดครวญ แสดงความเศร้าโศกเน่ืองดว้ ยการพรากจาก
ระยะแรก ๆ หรือการพรรณนาบทโอโ้ ลมปฏิโลม ก่อนจะถึงบทสังวาสดว้ ย สิ่งอนั เป็ นที่รัก การกล่าวขอ้ ความแสดงอารมณ์โศกเศร้า อาลยั รัก เช่น บทประพนั ธ์จาก
เร่ืองขนุ ชา้ งขนุ แผนบทน้ี
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์
(ไมม่ ี) ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ อยแู่ ม่อยา่ ละหอ้ ย
จาใจจรจากสร้อย
3.พิโรธวาทัง (บทตัดพ้อ) คือ การกล่าวขอ้ ความแสดงอารมณ์ไม่พอใจ ต้งั แต่น้อยไปจน ชา้ คืนสม แม่แล
มาก จึงเร่ิมต้งั แต่ไม่พอใจ โกรธ ประชดประชัน กระทบกระเทียบเปรียบเปรย เสียดสี
และด่าว่าอย่างรุนแรง ชื่อก็บอกอยู่ว่าพิโรธโกรธแล้วนะ แต่ไม่ได้โกรธแบบธรรมดา ถอดบทความไดว้ า่
เพราะกวเี ขาโกรธกนั แบบน้ี จาใจตอ้ งจากนางอนั เป็นที่รัก อยทู่ ้ีอยา่ เศร้าโศกเสียใจ ไม่ชา้ กจ็ ะกลบั มา
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ สระเทินสระทกแท้ ไทถวลิ อยเู่ ฮย
…แม้นเจ้าคร้ามเคราะห์กาจ จงอย่ายาตรยุทธนา เอาพสั ตราสตรี สวมอินทรีย์สร่าง ฤาใคร่คลายใจจินต์ จืดสร้อย
เคราะห์… คานึงนฤบดินทร์ บิตุเรศ พระแฮ
ถอดบทความไดว้ า่ ถอดบทความไดว้ า่
ถา้ เจา้ เกรงวา่ เคราะห์ร้ายก็อยา่ ไปรบเลย เอาผา้ สตรีมานุ่งเถอะ จะไดห้ มด ไม่สามารถหวน่ั ใจ ไมส่ ามารถคลา้ ยความทุกขใ์ นใจไดเ้ ลย นึกถึงพระราช
เคราะห์ บิดาข้ึนมาก็เลยร้องไห้
ก่อนหนา้ ถดั ไป
18 19
การวเิ คราะห์รสวรรณคดีสันสกฤต 2. หาสยรส (รสแห่งความขบขัน) คือ การพรรณนาท่ีทาให้เกิดความร่าเริง สดช่ืน
1. ศฤงคารรส (รสแห่งความรัก) คือ การพรรณวามรักระหวา่ งหนุ่มสาวระหวา่ งสามี เสนาะ ขบขนั อาจทาให้ผูอ้ ่าน ผูด้ ูยิ้มกบั หนงั สือ ยิ้มกบั ภาพที่เห็น ถึงกบั ลืมทุกขด์ บั
ภรรยา ระหวา่ งผูใ้ หญ่กบั ผูน้ อ้ ย บิดามารดากบั บุตร ญาติกบั ญาติ ฯลฯ สามารถทาให้ กลุม้ ไปชวั่ ขณะ เช่น เรื่องระเด่นลนั ได เป็นตน้ (บาลีเรียกรสน้ีวา่ หาสะรส)
ผอู้ ่าน พอใจรัก เห็นคุณค่าของความรักนึกอยากรักกบั เขาบา้ งเช่น รักฉนั ชูส้ าว รักหมู่
คณะ รักประเทศชาติ เป็ นตน้ อยา่ งเช่น เร่ืองลิลิตพระลอ เตม็ ไปดว้ ยรสรัก จะกล่าววา่ ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์
ในรสน้ี อาจเทียบไดก้ บั นารีปราโมทยก์ ็วา่ ได(้ บาลี เรียกรสน้ีวา่ รติรส) (ไม่มี)
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ ยามสาย 3.กรุณารส (รสแห่งความเมตตากรุณาท่ีเกิดภายหลังความเศร้าโศก) คือ เป็ นบท
สายหยดุ หยดุ กลิ่นฟุ้ง ห่างเศร้า พรรณนาท่ีทาให้ผูอ้ ่านหดหู่เหี่ยวแห้ง เกิดความเห็นใจถึงกบั น้าตาไหล พลอยเป็ น
สายบห่ ยดุ เสน่ห์หาย ราแม่ ทุกข์ เอาใจช่วยตวั ละคร เช่น เห็นใจนางสีดา เห็นใจจรกา และเห็นใจนางวนั ทอง
ก่ีคืนก่ีวนั วายวางเทวษ หยดุ ไดฉ้ นั ใด เป็นตน้ (บาลีเรียกรสน้ีวา่ โสกะรส)
ถวลิ ทุกขวบค่าเชา้
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ เพญ็ ยศ
ถอดความไดว้ า่ ๏ อา้ จอมจกั รพรรดิผู้ แก่เส้ียน
ดอกสายหยดุ เม่ือสายกห็ มดกล่ินแต่ใจพ่ีแมย้ ามสายก็ไม่คลายรักนอ้ ง แมพ้ ระเสียเอารส ทุกขใ์ หญ่ หลวงนา
จกั เจบ็ อุระระทด หน่ั กลิ้งไกลองค์
กี่วนั กี่คืนที่จากนอ้ งพ่มี ีแต่ความคิดถึงนอ้ งทุกค่าเชา้ ไม่รู้วา่ จะหยดุ ไดอ้ ยา่ งไร ถนดั ดงั่ พาหาเห้ียน
ก่อนหนา้ ถดั ไป
20 ถอดความไดว้ า่ 21
๏ ณรงคน์ เรศวร์ดา้ ว ดสั กร เสี ยดายแผ่นดินมอญจะต้องพินาศเพราะไม่มีใครอาจจะต่อสู้
ใครจกั อาจออกรอน รบสู้ ตา้ นทาน สงสารพระราชบิดา ท่ีจะตอ้ งสูญเสียพระโอรสพระราชบิดาทรงชราภาพมาก
เกรงจะพ่ายแพศ้ ึกสยาม หากพระมหาอุปราชาสิ้นพระชนมไ์ ม่มีใครเก็บผี(ศพ)ไปให้
เสียดายแผน่ ดินมอญ พลนั มอด มว้ ยแฮ พระบิดา ไม่มีใครเผา
เหตุบม่ ีมือผ-ู้ อ่ืนตา้ นทานเขญ็ 4.รุทรรส/เราทรรส (รสแห่งความโกรธเคือง) คือ บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ผดู้ ู
ผูอ้ ่านขดั ใจฉุนเฉียว ขดั เคืองบุคคลบางคนในเรื่อง บางทีถึงกบั ขวา้ งหนงั สือทิ้ง หรือ
๏ เอน็ ดูภูธเรศเจา้ จอมถวลั ย์ ฉีกตอนน้ันก็มี เช่น โกรธขุนช้าง โกรธชูชก รสน้ี เทียบได้กับรสวรรณคดีไทยคือ
พิโรธวาทงั (บาลีเรียกรสน้ีวา่ โกธะ)
เปล่ียวอุระราชรัน- ทดแท้
พระชนมช์ ราครัน ครองภพ พระเอย ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์
ตรัสแสดงโดยดบั วา่ นายทพั ท้งั ผอง เกณฑเ์ ขา้ กองพยหู ์ โยมสองตูต่อ
เกรงบพิตรจกั แพ้ เพล่ียงพล้าศึกสยาม
เขญ็ มนั เห็นเศิกสระทก ตระดกดาระรัว ยง่ิ กวา่ กลวั สวามิศ บเตา้ ติดตูตอ้ ย มละแต่ขอ้ ย
๏ สงครามคราน้ีหนกั ใจเจบ็ ใจนา สองคน เขา้ โรมรณราวิศ ในอมิตรหมู่กลาง แสนเสนางคเ์ นืองบร จนราญรอนไอยเรศ
เรียมเร่งแหนงหนาวเหน็บ อกโอ้ ลุชเยศมฤตยู จ่ึงไดด้ ูหนา้ มนั
ลูกตายฤใครเกบ็ ผฝี าก พระเอย ถอดความไดว้ า่
สมเด็จพระนเรศวรจึงตรัสต่อไปวา่ แม่ทพั นายกองท้งั ปวงซ่ึงไดร้ ับ
ผจี กั เทง้ ท่ีโพล้ ท่ีเพลใ้ ครเผา
เกณฑ์เขา้ ในกองทพั เมื่อเห็นขา้ ศึกก็ตกใจกลวั ยิ่งกวา่ กลวั พระองคซ์ ่ึงเป็ นเจา้ นาย ไม่
ก่อนหนา้ ตามเสด็จใหท้ นั ปล่อยใหพ้ ระองคส์ องพี่นอ้ งเขา้ สู้รบท่ามกลางขา้ ศึกจานวนมากจนมี
ชยั ชนะรอดพน้ ความตายจึงไดม้ าดูหนา้ พวกทหารเหล่าน้นั
ถดั ไป
22 23
5.วรี รส (รสแห่งความกล้าหาญ) คือ บทบรรยายหรือพรรณาท่ีทาให้ผอู้ ่าน ผดู้ ู ผฟู้ ัง ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ เวหา หนเฮย
พอใจผลงานและหนา้ ท่ี ไม่ดูหม่ินงาน อยากเป็ นใหญ่ อยากร่ารวย อยากมีชื่อเสียง เกิดเป็นหมอกมืดหอ้ ง พดั คลุม้
เลียนแบบสมเด็จพระนเรศวร ชอบความมีขตั ติมานะของพระมหาอุปราชา จาก ลมช่ือเวรัมภา คชขาด ลงแฮ
หวนหอบหกั ฉตั รา เกลื่อนเพ้ียงจกั รผนั ฯ
เรื่องลิลิตตะเลงพา่ ย (บาลีเรียกรสน้ีวา่ อุตสาหะรส) แลธุลีกลดั กลุม้ ฉุกเขญ็
เหตุน้ีผวิ เชา้ ชว่ั ดอกไท้
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ มิไดย้ อ่ ทอ้ ถอยหลงั เกิดเมื่อยามเยน็ ดี ใจเจบ็ พระเอย
จะต้งั หนา้ อาสาชิงชยั กวา่ จะสิ้นชีวงั ของขา้ น้ีฯ อยา่ ข่นุ อยา่ ลาเคญ็ เผดจ็ เส้ียนศึกสยาม ฯ
สู้ตายไม่เสียดายชีวงั พระจกั ลุลาภได้
ถอดความไดว้ า่
เป็ นตอนท่ีเจา้ เมืองในปกครองของทา้ วกะหมงั กุหนิง น้นั รับปาก
เป็ นมนั่ เป็ นเหมาะอยา่ งดีวา่ ตนยินดีร่วมรบร่วมต่อสู้อย่างสุดกาลงั พร้อมจะสู้แม้
ตวั จะตายกย็ อม
6.ภยานกรส (รสแห่งความกลัว ต่ืนเต้นตกใจ) คือ บทบรรยายหรือพรรณาท่ีทาให้ ถอดความไดว้ า่
โหรแสร้งทานายว่า เหตุการณ์คร้ังน้ีถ้าเกิดในช่วงเช้าจะไม่ดี แต่ถ้าเกิด
ผูอ้ ่านผูฟ้ ัง ผูด้ ู มองเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภยั ในบาปกรรมทุจริต เกิดความสะดุง้
กลวั โรคภยั สัตว์ร้าย ภูตผีปี ศาจ บางคร้ังตอ้ งหยุดอ่าน รู้สึกขนลุกซู่ อ่านเร่ือง ผี ในช่วงเยน็ จะเป็นศุภนิมิตไดช้ ยั ชนะแก่ขา้ ศึก พระมหาอุปราชาไม่เชื่อคาทานายของ
ต่างๆ(บาลีเรียกรสน้ีวา่ อุตสาหะรส) โหร ทรงหวน่ั พระทยั วา่ จะตอ้ งแพข้ า้ ศึก และระลึกถึงพระบิดา ถา้ หากสิ้นพระชนม์
พระบิดาจะตอ้ งโศกแน่นอน เพราะไม่มีใครช่วยทาสงคราม แผ่นดินมอญจะตอ้ ง
พนิ าศลง
ก่อนหนา้ ถดั ไป
24 25
7.พีภัตสรส (รสแห่งความชัง ความรังเกียจ) คือ บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทาให้ ถอดความไดว้ า่
ผูอ้ ่าน ผูด้ ู ผูฟ้ ังชงั น้าหนา้ ตวั ละครบางตวั เพราะจิต(ของตวั ละคร) บา้ ง เพราะความ
โหดร้ายของตวั ละครบา้ ง เช่น เกลียดนางผีเส้ือสมุทร ในเร่ืองพระอภยั มณีท่ีฆ่าพ่อ ทนั ใดน้นั พระองคท์ อดพระเนตรพระบรมสารีริกธาตุส่องแสงเรือง
เงือก เป็นตน้ (บาลีเรียกรสน้ีวา่ ชิคุจฉะรส) งาม ขนาดเท่าผลส้มเกล้ียง ลอยมาในทอ้ งฟ้าทางทิศใตห้ มุนเวียนรอบกองทพั เป็ น
ทกั ษิณาวรรค 3 รอบ แลว้ ลอยวนไปทางทิศเหนือ สมเด็จพระพี่นอ้ งท้งั สองพระองค์
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ ทรงปิ ติยนิ ดีต้ืนตนั พระทยั ทรงสรรเสริญและนมสั การ
(ไม่มี)
9.ศานติรส(รสแห่งความสงบ) คือ การแสดงอุดมคติของเรื่อง เป็ นผลให้ผูอ้ ่าน ผูด้ ู
8.อพั ภูตรส ( รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ ) คือ บทบรรยายหรือพรรณนาท่ีทาให้ ผฟู้ ัง เกิดความสุขสงบในขณะไดเ้ ห็น ไดฟ้ ัง (บาลีเรียกรสน้ีวา่ สมะรส)
นึกแปลกใจ เอะใจอยา่ งหนกั ตื่นเตน้ นึกไม่ถึงวา่ เป็ นไปไดเ้ ช่นน้นั หรืออศั จรรยใ์ จ
คาดไม่ถึงในความสามารถ (บาลีเรียกรสน้ีวา่ วมิ หะยะรส) ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ ชระอบั อยแู่ ฮ
บดั ดลวลาหกซ้ือ เยอื กฟ้า
ตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ แห่งทิศพายพั ยล ลิวล่งไปเฮย
บดั เด๋ียวไททฤษฎี พระศรีสารีริกบรมธาตุ ไขโอภาสโศภิต ช่วงชวลิต มลกั แลกระลายกระลบั แจ่มแจง้ แสงฉาน
เผยผอ่ งภาณุเมศจา้
พา่ งยล ส้มเกล้ียงกลลุก่อง ฟ่ องฟ้าฝ่ ายทกั ษิณ ผนิ แวดวงตรงทพั นบั คารบสาม
ครา เป็นทกั ษิณาวรรตเวยี น วา่ ยฉวดั เฉวยี นอมั พร ผา่ นไปอุดรโดยดา้ ว พลางบพิตรโท ถอดความไดว้ า่
ทา้ ว ทา่ นต้งั สดุดี อยนู่ า ไดบ้ งั เกิดเมฆกอ้ นใหญ่ข้ึนทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ ลอยเยน็ ยะ
ก่อนหนา้ เยอื กอยบู่ นฟ้า แต่แลว้ ทอ้ งฟ้ากลบั ดูแจม่ กระจ่าง สวา่ งดว้ ยแสงพระอาทิตยส์ ่องแสง
จา้ เป็นนิมิตหมายท่ีแสดงถึงพระบรมเดชานุภาพ
ถดั ไป
26 27
โวหารภาพพจน์วรรณคดเี ร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย 2.อุปลักษณ์ คือ การเปรียบเทียบว่าสิ่งหน่ึงเหมือนกบั อีกส่ิงหน่ึง โดยการนา
ของสองส่ิงท่ีตา่ งจาพวกกนั แต่มีลกั ษณะเด่นเหมือนกนั มาเปรียบเทียบกนั และใชค้ าท่ี
1.อุปมา คือ การเปรียบเทียบส่ิงหน่ึงกบั อีกสิ่งหน่ึงท่ีโดยธรรมชาติแลว้ มี แสดงความเปรียบวา่ เป็ น,คือ หรืออาจละคาวา่ เป็ น,คือ ก็ได้ แต่เป็ นที่เขา้ ใจกนั วา่ เป็ น
สภาพที่แตกต่างกนั แต่มีลกั ษณะเด่น ร่วมกนั และใช้คาที่มีความหมายวา่ เหมือน การเปรียบเทียบ
หรือคลา้ ยเป็ นคาแสดงการเปรียบเทียบเพ่ือเน้นให้เห็นจริงว่า เหมือนอย่างไร ใน
ลกั ษณะใดนน่ั เอง บทประพนั ธ
บทประพนั ธ์ นุสนธ์ิซ่ึงน่านน้า นองพนาสณฑเ์ อย
หนปัจฉิมทิศา ท่วมไซร้
อา้ จอมจกั รพรรดิผู้ เพญ็ ยศ คือทพั อริรา- มญั หมู่น้ีนา
แมพ้ ระเสียเอารส แก่เส้ียน สมดงั่ ลกั ษณ์ฝันไท้ ธเนศน้นั อยา่ แหง
จกั เจบ็ อุระระทด ทุกข์ ใหญ่หลวงนา จากบทประพนั ธ์ใชโ้ วหารอุปลกั ษณ์คาวา่ คือ เป็ นคาเชื่อม โดยเปรียบน่านน้า
เป็น กองทพั พมา่
ถนดั ดง่ั พาหาเห้ียน หน่ั กลิ้งไกลองค์
จากบทประพนั ธ์ใชค้ าวา่ ดง่ั หมายถึงเปรียบเสมือน เป็ นตอนที่พระมหาอุป
ราชาทรงนึกถึงพระบิดาวา่ หากตอ้ งทรงเสียโอรส เปรียบเสมือนพระองคถ์ ูกตดั แขน
บน่ั ทิง้ ออกจากร่าง
ก่อนหนา้ ถดั ไป
28 29
บทประพนั ธ์ 4.อตพิ จน์ เป็นโวหารภาพพจน์อยา่ งหน่ึงท่ีมีลกั ษณะในการกล่าวเกินจริง
“บุรี รัตนหงสา ธ ก็บัญชาพิภาษ ด้วยมวลมาตยากรว่านครรามิ เพอื่ สร้างอารมณ์และความรู้สึกท่ีรุนแรงเกินจริง มกั พบบ่อยในงานวรรณกรรมและ
งานศิลป์ หลากหลายรูปแบบ ทวา่ ผเู้ ขียนไม่ไดจ้ งใจท่ีจะหลอกผอู้ ่านและผูอ้ ่านควร
นทร์ ผลดั เปล่ียนแผน่ ดินเปล่ียนราช เยยี วววิ าทชิงฉตั ร” จะเขา้ ใจวา่ ผเู้ ขียนกาลงั ใชล้ กั ษณะภาพพจนน์ ้ีอยู่
จากบทประพนั ธ์ใช้โวหารอุปลกั ษณ์ดงั น้ี เปรียบนครรามินทร์ (ราม+
บทประพนั ธ์
อินทร์) เมืองของพระรามในที่น้ีหมายถึงกรุงศรีอยธุ ยา และ เปรียบเทียบฉตั ร เป็ น
ตวั แทน เป็นสัญลกั ษณ์ของกษตั ริย์ ชิงฉตั ร จึงมีความหมายวา่ ชิงราชบลั ลงั ก)์ พระคุณตวงเพียบพ้ืน ภูวดล
3.ปฏพิ ากย์ หรือ ปรพากย์ คือการใชถ้ อ้ ยคาที่มีความหมายตรงกนั ขา้ ม เตม็ ตรลอดแหล่งบน บ่อนใต้
หรือขดั แยง้ กนั มากล่าว อยา่ งกลมกลืนกนั เพอื่ เพ่ิมความหมายใหม้ ีน้าหนกั มาก
ยงิ่ ข้ึน พระเกิดพระก่อชนม์ ชุมชีพ มานา
บทประพนั ธ์
กรง บ่ ทนั ลูกได้ กลบั เตา้ ตอบสนอง
(ไม่มีบทประพนั ธ์)
จากบทประพนั ธ์น้ีมีบทราพึงของพระมหาอุปราชต่อพระราชบิดา (นนั ท
ก่อนหนา้ บุเรง) วา่ ดว้ ยการเทียบพระคุณของบิดาวา่ มีมากกวา่ แผน่ ดิน ย่งิ ใหญ่กวา่ สวรรคช์ ้นั
ฟ้า หรือ บาดาลพระองค์ทรงให้ชีวิต ให้การชุบเล้ียงจนเติบใหญ่มา เกรงว่าลูกจะ
ไมไ่ ดก้ ลบั มาตอบแทนพระคุณ
ถดั ไป
30 31
5.บุคลาธิษฐาน คือ การสมมุติให้ส่ิงที่ไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ส่ิงท่ีเป็ น 6.สัญลกั ษณ์ เป็นการเรียกช่ือสิ่งๆหน่ึงโดยใชค้ าอ่ืนมาแทน ไม่เรียกตรงๆ ส่วน
นามธรรม หรือสัตวใ์ หม้ ีสติปัญญา อารมณ์หรือกิริยาอาการ เหมือนมนุษยเ์ พ่ือให้สิ่ง ใหญ่คาท่ีนามาแทนจะเป็ นคาท่ีเกิดจากการเปรียบเทียบและตีความซ่ึงใชก้ นั มานานจน
เหล่าน้ันเกิดปรากฏการณ์เสมือนเป็ น สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก นึกคิดข้ึนมา แล้วส่ือ เป็นที่เขา้ ใจและรู้จกั กนั โดยทว่ั ไป
ความรู้สึกออกมาใหผ้ รู้ ับสารไดร้ ับรู้เป็นการเปรียบเทียบโดยนาเอาส่ิงไม่มีชีวติ หรือมี
ชีวิต แต่ไม่ใช่คนมากล่าวถึงราว กบั เป็ นคน หรือทากิริยาอาการอย่างคน “ภาพพจน์ บทประพนั ธ์
ประเภทน้ีจะทาใหส้ ิ่งท่ีกล่าวถึง มีชีวิตชีวา ผรู้ ับสารจะมองเห็นภาพส่ิงน้นั เคลื่อนไหว
ทากิริยาอาการเหมือนคนมีอารมณ์ มีความรู้สึก และสามารถส่ือความรู้สึกน้นั มาสู่ผูร้ ับ สลดั ไดใดสลดั นอ้ ง แหนงนอน ไพรฤา
สารได”้ เพราะเพื่อมาราญรอน เศิกไซร้
บทประพนั ธ์ สละสละสมร เสมอชื่อ ไมน้ า
(ไม่มีบทประพนั ธ์) นึกระกานามไม้ แมน่ แมน้ ทรวงเรียม
ก่อนหนา้ จากบทประพนั ธ์ขา้ งตน้ ใช้คาว่า ระกา เป็ นสัญลกั ษณ์แทนความทุกข์ ความ
ตรมใจ ท่ีบ่งบอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของตวั ละคร(พระมหาอุปราชา)ที่รู้สึกเป็ นทุกขย์ ิ่ง
นกั ท่ีตอ้ งจากนางสนมมา
ถดั ไป
32 33
7.นามนัย คือการใชค้ าหรือวลีซ่ึงบ่งบอกลกั ษณะหรือคุณสมบตั ิของสิ่ง 9.อุปมานิทศั น์ คือ การเปรียบเทียบโดยยกเร่ืองราวหรือนิทานมาประกอบ
ใดส่ิงหน่ึงแทนอีกส่ิงหน่ึง คลา้ ยๆสัญลกั ษณ์แต่ต่างกนั ตรงท่ี นามนยั น้นั จะดึง ขยาย หรือแนะโดยนัยให้ผูอ้ ่านผูฟ้ ังเข้าใจ แนวความคิด หลกั ธรรม หรือความ
เอาลกั ษณะบางส่วนของสิ่งหน่ึงมากล่าวใหห้ มายถึงส่วนท้งั หมด ประพฤติท่ีสมควรไดแ้ จม่ แจง้ ยง่ิ ข้ึน
บทประพนั ธ์ จากวรรณคดีเรื่องลิลิตตะเลงพา่ ยสะทอ้ นความเขา้ ใจเร่ืองดงั ต่อไปน้ี
“วา่ นครรามินทร์ผลดั แผน่ ดินเปล่ียนราช เยยี ววิวาทชิงฉตั ร เพื่อกษตั ริย์ 1.ความรอบคอบไม่ประมาท ในเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายน้ีเราจะเห็นคุณธรรม
สองสู้ บ่ร้างรู้เหตุผล ควรยาตรพลไปเยอื น” ของพระนเรศวรได้อย่างเด่นชัดและส่ิงที่ทาให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงเป็ น
พระมหากษัตริ ย์ท่ีทรงพระปรี ชาสามารถมากท่ีสุ ดคือ ความรอบคอบ ไม่
จากบทประพนั ธ์ใช้คาว่า“ฉัตร” หมายถึง ราชบลั ลงั ก์หรือความเป็ น ประมาท ดงั่ โคลงส่ีสุภาพตอนหน่ึงกล่าววา่
กษตั ริย์
๖๒(๑๖๔) พระห่วงแต่ศึกเส้ียน อสั ดง
8.สัทจพน์ คือ ภาพพจน์ท่ีเลียนเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงดนตรี เสียง
สตั ว์ เสียงคลื่น เสียงลม เสียงฝนตก เสียงน้าไหล ฯลฯ การใชภ้ าพพจน์ประเภท เกรงกระลบั ก่อรงค์ ร่ัวหลา้
น้ีจะทาใหเ้ หมือนไดย้ นิ เสียงน้นั จริงๆ
คือใครจกั คุมคง ควรคู่ เขญ็ แฮ
บทประพนั ธ์
อาจประกนั กรุงถา้ ทพั ขอ้ ยคืนถึง
"...เจ้าพระยาไชยานุภาพ เจ้าพระยาปราบไตรจักร ตรับตระหนัก
สาเนียง เสียงฆอ้ ง กลองปื นศึก อึกเอิกกอ้ งกาหล เร่งคารนเรียกมนั ชนั หู ชูหาง หลงั จากที่พมา่ ยกกองทพั เขา้ มาพระองคก์ ท็ รงส่ังให้พ่ายพลทหารไปทาลาย
เล่น แปร้นแปร๋ แลคะไขว.่ .." สะพานเพ่ือวา่ เม่ือฝ่ ายไทยชนะศึกสงคราม พ่ายพลทหารของฝ่ ายพม่าก็จะตกเป็ น
จากบทประพนั ธ์โวหารสัทพจน์คือคาวา่ แปร้นแปร๋ เป็ นคาเลียนแบบ เชลยของไทยท้งั หมด นน่ั แสดงใหเ้ ราเห็นวา่ พระองค์ทรงเป็ นกษตั ริยท์ ี่มีทศั นคติที่
เสียงร้องของชา้ ง กวา้ งไกล ซ่ึงมีผลมาจากความรอบคอบไมป่ ระมาท
ก่อนหนา้ ถดั ไป
34 35
2.การเป็ นคนรู้จกั การวางแผน จากการที่เราไดร้ ับการศึกษาเร่ืองลิลิตตะเลง 3.การเป็ นคนรู้จกความกตญั ญูกตเวที จากบทการราพึงของพระมหาอุป
พ่ายเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าในช่วงตอนท่ีสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเปล่ียน ราชาถึงพระราชบิดาน้นั แสดงใหเ้ ราเห็นอยา่ งเด่นชดั เลยทีเดียววา่ พระมหาอุปราชา
แผนการรบเป็นรับศึกพม่าแทนไปตีเขมร พระองคไ์ ดท้ รงจดั การวางแผนอยา่ งเป็ นข้นั ทรงมีความห่วงใย อาทร ถึงพระราชบิดาในระหวา่ งที่ทรงออกรบ ซ่ึงแสดงให้เรา
เป็นตอนอยา่ งไมร่ อชา้ ทรงแตง่ ต้งั ใหพ้ ระยาศรีไสยณรงคเ์ ป็ นแม่ทพั หนา้ และพระราช เห็นถึงความรักของพระองคท์ ่ีมีต่อพระราชบิดา โดยพระองคไ์ ดท้ รงถ่ายทออดความ
ฤทธานนทเ์ ป็ นปลดั ทพั หน้าตามดว้ ยแผนการอื่นๆอีกมากมายเพ่ือทาการรับมือ และ
พร้อมท่ีจะต่อสู้กบั ขา้ ศึกศตั รูทางฝ่ ายพม่า ยกตวั อย่างโคลงสี่สุภาพที่แสดงให้เราเห็น นึกคิด และราพึงกบั ตวั เอง ดงั่ โคลงสี่สุภาพที่กล่าวไวว้ า่
ถึงการรู้จกั การวางแผนของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ๕๑(๑๕๒) ณรงคน์ เรศดา้ ว ดสั กร
๖๓(๑๖๕) พระพึงพเิ คราะห์ผู้ ภกั ดี ทา่ นนา ใครจกั อาจออกรอน รบสู้
คือพระยาจกั รี กาจแกลว้ เสียดายแผน่ ดินมอญ พลนั มอด มว้ ยแฮ
พระตรัสแด่มนตรี มอบมิ่ง เมืองเฮย เหตูบ่มีมือผู้ อ่ืนตา้ นทานเขญ็
กจู กั ไกลกรุงแกว้ เกลือกชา้ คลาคืน ซ่ึงเมื่อแปลจะมีความหมายว่า เม่ือยามที่สงครามข้ึนใครเล่าจะออกไปรบ
แทนท่านพ่อ จากโคลงน้ีไม่ไดแ้ สดงให้เราเห็นถึงความกตญั ญูท่ีมีต่อพระราชบิดา
เมื่อเราเห็นถึงคุณธรรมทางดา้ นการวางแผนแลว้ เราก็ควรเอาเยี่ยงอยา่ งเพื่อใช้ ของพระมหาอุปราชาเพียงอย่างเดียว แต่ยงั มีความกตญั ญู ความจงรัก ภกั ดี ต่อชาติ
ในการดาเนินชีวิตให้เป็ นไปอยา่ งมีระเบียบ มีแบบแผน ซ่ึงจากคุณธรรมขอ้ น้ีก็อาจ
ช่วยเปล่ียนแปลงให้ท่านผูอ้ ่านทุกท่าน ให้กลายเป็ นบุคคลท่ีมีคุณภาพชีวิตทางดา้ น บา้ นเมืองอีก
การวางแผนในการดาเนินชีวติ ก็เป็นไดถ้ า้ เรารู้จกั การวางแผนใหก้ บั ตวั เราเอง
ก่อนหนา้ ถดั ไป
36 37
4.การเป็ นคนช่างสังเกตและมีไหวพริบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงเป็ น สมเด็จพระนเรศวรทรงใชว้ ิธีการสังเกตหาฉตั ร5ช้นั ของพระมหาอุปราชา
พระมหากษตั ริยท์ ่ีมีพระปรีชาสามารถทางดา้ นการมีความสติปัญญาและมีไหวพริบ ทาให้พระองค์ทรงทราบว่าใครเป็ นพระมหาอุปราชาท้งั ๆท่ีมีทหารฝ่ ายขา้ ศึกร่าย
เป็นเลิศ ดงั น้นั จึงไมแ่ ปลกเลยที่สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชจะทรงมีคุณธรรมทางดา้ น ลอ้ มพระองคจ์ นรอบ แต่ดว้ ยความมีไหวพริบพระองคจ์ ึงตรัสทา้ รบเสียก่อนเพราะ
การเป็ นคนช่างสังเกตและมีไหวพริบ ด้วยเหตุน้ีทาให้พระองค์ทรงสามารถแก้ไข ถ้าพระองค์ไม่ทรงตรัสท้ารบเสียก่อนพระองค์อาจทรงถูกฝ่ ายข้าศึกรุมโจมตีก็
สถานการณ์อนั คบั ขนั ในช่วงที่ตกอยูใ่ นวงลอ้ มของพม่าได้ ซ่ึงฉากที่แสดงใหเ้ ราเห็น เป็ นได้ ดงั น้ันเม่ือเราเห็นคุณธรรมของพระองค์ดา้ นน้ีแล้วก็ควรยึดถือและนาไป
วา่ พระองคท์ รงมีคุณธรรมทางดา้ นน้ีคือ ปฏิบตั ิตามเพราะส่ิงดีๆเหล่าน้ีอาจก่อใหเ้ กิดผลดีตอ่ ตนเอง และตอ่ ประเทศชาติได้
๑๓๐(๒๙๖) โดยแขวงขวาทิศทา้ ว ทฤษฎี แลนา 5.ความซื่อสัตย์ จากเน้ือเรื่องน้ีเราจะเห็นได้ว่าบรรดาขุนกรีและทหาร
มากมายท้งั ฝ่ ายพม่าและฝ่ ายไทยมีความซ่ือสตั ยแ์ ละความจงรักภกั ดี ต่อประเทศชาติ
บดั ธ เห็นขนุ กรี หน่ึงไสร้ ของตนมากเพราะจากการท่ีศึกษาเรื่องลิลิตตะเลงพ่ายเรายงั ไม่เห็นเลยว่าบรรดา
ทหารฝ่ ายใดจะทรยศต่อชาติบา้ นเมืองของตน ซ่ึงก็แสดงให้เราเห็นวา่ ความซื่อสัตย์
เถลิงฉตั รจตั ุรพริ ีย์ เรียงคงั่ ขเู ฮย ในเราองเล็กๆนอ้ ยๆก็ทาให้เราสามารถซื่อสัตยใ์ นเร่ืองใหญ่ๆไดซ้ ่ึงจากเร่ืองน้ีความ
ซื่อสัตยเ์ ล็กๆน้อยๆของบรรดาทหารส่งผลให้ชาติบา้ นเมืองเกิดความเป็ นปึ กแผ่น
หนแห่งฉายาไม้ ข่อยช้ีเฌอนาม มน่ั คงได้
๑๓๑(๒๙๗) ป่ิ นสยามยลแทท้ ่าน คะเนนึก อยนู่ า เราก็เช่นเดียวกนั ....ถา้ เรารู้จกั มีความซ่ือสัตยต์ ่อตนเองดง่ั เช่นบรรดาขุนกรี
ทหารก็อาจนามาซ่ึงความเจริญและความมน่ั คงในชีวิตก็เป็ นได้ซ่ึงส่ิงน้ีอาจส่งผล
ถวลิ วา่ ขนุ ศึกสา- นกั โนน้ ประโยชนต์ อ่ ตนเอง ต่อครอบครัวและชาติบา้ นเมือง
ทวยทบั เทียบพนั ลึก แลหลาก หลายแฮ ถดั ไป
ครบเครื่องอุปโภคโพน้ เพง่ เพ้ียงพศิ วง
ก่อนหนา้
38 39
6.การมีวาทศิลป์ ในการพดู จากเร่ืองน้ีมีบุคคลถึงสองท่านดว้ ยกนั ที่แสดง ท่านที่สองคือ สมเด็จพระวนั รัต เม่ือคร้ังที่พระองคท์ รงมาขอพระราชทาน
ใหเ้ ราเห็นถึงพระปรีชาสามารถทางดา้ นการมีวาทศิลป์ ในการพูด อภยั โทษจากพระนเรศวร ให้กบั บรรดาทหารท่ีตามเสด็จพระนเรศวรในการรบไม่
ทนั ซ่ึงอยใู่ นโคลงส่ีสุภาพที่วา่
ท่านแรกคือ สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ในโคลงส่ีสุภาพท่ีวา่ ๑๗๗(๓๕๗) พระตรีโลกนาถแผว้ เผดจ็ มาร
๑๗๗(๓๐๓) พระพพี่ ระผผู้ า่ น ภพอุต-ดมเอย
เฉกพระราชสมภาร พี่นอ้ ง
ไป่ ชอบเชษฐย์ นื หยดุ ร่มไม้ เสด็จไร้พริ ิยะราญ อรินาศ ลงนา
เชิญการร่วมคชยทุ ธ์ เผยอเกียรติ ไวแ้ ฮ เสนอพระยศยนิ กอ้ ง เกียรติทา้ วทุกภาย
สืบกวา่ สองเราไซร้ สุดสิ้นฤามี การมีวาทศิลป์ ในการพูดของสมเด็จพระวนั รัตคร้ังน้ีทาให้บรรดาขุนกรี
เราจะเห็นวา่ สมเด็จพระนเรศวรทรงใชว้ าจาท่ีไพเราะมีความสุภาพน่าฟัง ทหารได้รับการพน้ โทษดงั น้นั จากคุณธรรมขอ้ น้ีทาให้เราไดข้ อ้ คิดท่ีว่า การพูดดี
ตอ่ พระมหาอุปราชาซ่ึงเป็ นพี่เม่ือคร้ังท่ีสมเด็จพระนเรศวรทรงประทบั อยทู่ างฝ่ าย เป็ นศรีแก่ตัวเมื่อเราทราบเช่นน้ีแล้วเราทุกคนก่อนที่จะพูดอะไรต้องคิดและ
พมา่ ไตร่ตรองใหด้ ีก่อนท่ีจะพูด
ก่อนหนา้ ถดั ไป
40 41
ปกณิ กะวรรณคดีเร่ือง ลลิ ติ ตะเลงพ่าย ตอนที่ 2 เหตุการณ์ทเ่ี มืองมอญ
คาศพั ท์ ความหมาย
พระเจา้ แผน่ ดิน
ตอนท่ี 1 เริ่มบทกวี ธเรศ ผเู้ ป็นเจา้ เป็นใหญ่
อดิศวร ยอ่ ม ลว้ นแลว้ ไปดว้ ย
คาศพั ท์ ความหมาย เท้ียร เกลื่อนกลาด เกลื่อน มีทวั่ ไป
กษตั ริยผ์ เู้ ป็นขา้ ศึก เดียรดาษ กองทพั
ไพรินทร์ เล่ืองลือ พยหุ ไวใ้ จ
เกริก พลิก ระคน ศตั รู ขา้ ศึก
เพยี งพก รุ่งเรื่อง เลื่องลือ เศิกไสร้
เชวง พระบาทของพระเจา้ แผน่ ดิน
บวั บาท ความสุขสบาย ความร่ืนเริง ความ
เกษมสุข ปลอดภยั
ไอยศูรย์ พระบารมี
ก่อนหนา้ ถดั ไป
42 ตอนที่ 5 สมเดจ็ พระนเรศวรเตรียมการสู้ศึกมอญ 43
ถดั ไป
ตอนที่ 3 พระมหาอปุ ราชายกทพั เข้าเมืองกาญจนบุรี คาศพั ท์ ความหมาย
บรรหาร ทหาร
คาศพั ท์ ความหมาย จตุรงค์ ทหาร 4 เหล่า
ขวญั เก่ียงกินเผอื นเผอื ด กลวั จนขวญั หนีดีฝ่ อ ชิงควนั ตดั หนา้
เศิก ศตั รู ขา้ ศึก มหุสสวมหนั ต์ การฉลองที่ยงิ่ ใหญม่ าก
เวฬุ ไมไ้ ผ่ ระเห็จ ไปแบบเร่งรีบ
ตริ คิด ตรึกตรอง เรือก เชือก
บวั บาทมหิบาล พระบาทของพระเจา้ แผน่ ดิน บดีศูร พระนเรศวรมหาราช
มา้ ลาด มา้ ลาดตะเวน
ตอนท่ี 4 สมเด็จพระนเรศวรปรารภเร่ืองตเี มืองเขมร เร่งชื่น ชื่นใจ
ขาม ไมก่ ลวั
คาศพั ท์ ความหมาย กมล ใจ
ภูธร พระราชา ภูเขา หายคม ชนะ
ชลา น้า ภิมุ ขนุ นาง
ออกอเรนทร์รั่วรู้ ราชศตั รูทางตะวนั ออกของไทย มานยา ขนุ นาง
โรงธาร ทอ้ งพระโรง มาตยซ์ อ้ ง เห็นพอ้ ง
บรรหาร ตรัส สัง่ คา้ แสดง
ถูกหฤทยั ถูกใจ
ก่อนหนา้ จอมพยหุ ยง หวั หนา้ ทพั
เปล่ียวขา้ ง คูร่ บ
แดนทุราธวา ท่ีทุรกนั ดาร
44 คาศพั ท์ ความหมาย 45
อลง ประดบั ถดั ไป
ตอนที่ 6 พระนเรศวรทรงตรวจเตรียมทพั มกฎุ มาศ มงกุฎทอง
รอนราพณ์ ฆา่ ยกั ษ์
คาศพั ท์ ความหมาย ฉนวนน้า ทางเดินข้ึนเรือพระท่ีนง่ั
มหุติฤกษ์ คานวณฤกษง์ ามยามดี พิชยั ฤกษ์ ฤกษแ์ ห่งชยั ชนะ
จตุรงคโชค โชค 4 อยา่ ง พฤฒิพราหมณ์ ร่ายมนตต์ ามคมั ภีร์ไสยศาสตร์
รวิ พระอาทิตย์ ธุช ธง
วาร วนั นาวา เรือ
รววิ าร วนั อาทิตย์ สถล ทางบก
สงั ขยา นาที สงั ขยา นาที
มาส เดือน ราษตรี กลางคืน
บุษยมาส เดือนยี่ เดือนมกราคม ไสยาสน์ นอน
ชลมารค ทางน้า เทวญั เทวดา
เสาวรภย์ หอม กมุ ภีล์ จระเข้
วภิ ูษา ผา้ นุ่ง ศึกธาร จระเข้
รัตพสั ตรา ผา้ สีแดง สุวสุมาร จระเข้
ตรูเนตร งามตา พนานต์ ป่ า
แสงนพรัตน์ อญั มณี 9 อยา่ ง ภยั ชลา จระเข้
มีลงั เมลือง สวยงามมาก เครื่องตน้ ใส่เส้ือพร้อมรบ
แกว้ เกยรู กาไลแกว้ นฤขตั ร ฤกษด์ ีมีชยั
สะอิ้งรัตร สายรัดเอว ทฤษฎี เห็น
พรรเหา มาก โอภาส แสงสวา่ ง
อษั ฎางค์ 8 นิ้ว
ก่อนหนา้
46 47
ตอนที่ 7 พระมหาอปุ ราชาทรงปรึกษาการศึกแล้วยกทพั เข้าปะทะทพั ตอนที่ 8 พระนเรศวรทรงปรึกษายุทธวธิ ีเอาชนะข้าศึก
หน้าของไทย
คาศพั ท์ ความหมาย
ในทนั ทีทนั ใด
คาศพั ท์ ความหมาย ตระบดั ลาดตระเวน
ขา้ ศึก ลาด อุบายท่ีเเยบยล
ริปู พระมหากษตั ริย์ เพโทบาย ท้งั คู่
ภูเบนทร์ เครื่องหอม อุภยั จดั กองทพั หมู่นกั รบ
วเิ ลปน์ เจา้ เมือง เรียพิริยพล แสงอาทิตย์
ออกญา ตีหา้ (ก่อนรุ่ง) รววิ รรน หมู่
ตีสิบเอด็ ฟ้าผา่ ทวย พราหมณ์
อสุนี สงสัย ไมเ่ เน่ใจ แคลงใจ ทิชากร เดิน
ฉงน เตา้ มนตส์ รรเสริญศิวะ หรือพระอิศวรร
ศิวเวทวษิ ณุ พระวษิ ณุ
ทวชิ าชาต พราหมณ์
ปัจจามิตร ศตั รู
ก่อนหนา้ ถดั ไป
48 49
ตอนที่ 9 ทพั หลวงเคล่ือนพล ช้างทรงพระนเรศวรและพระเอ ตอนที่ 10 ยทุ ธหัตถี และชัยชนะของไทย
การทศรถฝ่ าเข้าไปในกองทพั ข้าศึก
คาศพั ท์ ความหมาย
ป่ า
คาศพั ท์ ความหมาย เผอื น ราชศตั รู ขา้ ศึกผเู้ ป็นใหญ่
ทอ้ งฟ้า อรินทร์ โดยไม่ชา้
คคั นานต์ คาสั่งของพระเจา้ แผน่ ดิน บมิหึง ชา้ ง
ชโยงการ กลบั สาร การยกทพั
กระลบั ท่ีทาไวส้ าหรับกา้ วข้ึนชา้ ง พยหุ บาตร การสงคราม
เกย ควนั ฝ่ นุ รณ นางกตั ริย์ หรือหญิงผเู้ ป็นใหญ่ ใน
ธุมางค์ ทาใหเ้ ตียน สะอาด บริสุทธิ อคั เรศ ท่ีน้ีหมายถึงนางสนม
แผว้ มอง
เมิล ฉตั รสีขาว เครื่องก้นั ร่มสีขาว ดวงกมลาศ ดวงใจ
เศวตฉตั ร เคร่ืองหมายสาหรับกษตั ริย์ สถล ทาง
อุทก น้า
เส้ียน ขา้ ศึก หา้ ว กร้าว กลา้
ทรหึงทรหวล นาน เสียงเอด็ อึง เสียงดงั ป่ันป่ วน เผด็จ กาจดั
เทริด เครื่องประดบั ศรีษะยอดส้นั ไม่สูงอยา่ ง ดสั กร ขา้ ศึก ศตั รู
ชฎา เพญ็ เตม็
นกั ษตั ริย์
ดาวฤกษ์
ก่อนหนา้ ถดั ไป
50 51
คาศพั ท์ ความหมาย ตอนท่ี 11 พระนเรศวรทรงสร้างสถูปและปูนบาเหน็จทหาร
คระหึม ดงั กอ้ ง
พรอก พดู กล่าว คาศพั ท์ ความหมาย
กบี่ธุช ธงรูปหนุมาน แพร้ บ
พนั ลึก แปลก พึงกลวั เสียรงค์ พระราชทาน
มลกั เห็น ปรารภ ตาย
คชยทุ ธ์ การชนชา้ ง มว้ ย มอบยศ
ประติยทุ ธ์ การเขา้ ตอ่ สู้กนั ตวั ต่อตวั ปูนยศ ผา้ คาดเอวท่ีปัดดว้ ยเงินและทอง
ราบาญ รบ สารด เป็นการส่งเสริมใหต้ ระกูลมีความ
องั กสุ ของา้ ว เผา่ เฉลิม เจริญรุ่งเรือง
อธึก ยงิ่
ประเวศ เขา้ ถึง
อเรนทร์ ขา้ ศึก
พรุก พรุ่งน้ี รุ่งเชา้
ตรุ คุก
ก่อนหนา้ ถดั ไป
52 53
ถดั ไป
ตอนท่ี 12 สมเด็จพระวนั รัตขอพระราชทานอภัยโทษ
คาศพั ท์ ความหมาย
ฉลองพจนร์ าชวาที จึงกราบทูน
พระตรีโลกนาถ พระพทุ ธเจา้
พริ ิยะ ทพั
โรม รบ
ธ เรศ กษตั ริยท์ ้งั หลาย
โทมนสั เศร้าใจ
พระราชกฤษฎา กิจที่ทาแลว้
ยบุ ล เร่ือง
ปางนฤบาลบดินทร์ พระนเรศวร
มนสั ใจ
กองพยหู ์ กองทพั
สวามิศ เจา้ นาย
ชูพระกรกรรพมุ ยกมือพนม
สวา่ งโทษ หมดทุกข์
ลาญชีพ ประหาญชีวติ
รจเรช การเขียน
ก่อนหนา้
54
จดั ทาโดย
1.นางสาวไซนูรา มูยา รหสั 406401011
2.นางสาวอาตีปะห์ สาแม รหสั 406401014
3.นางสาวสุนยั ดา สะอิ รหสั 406401015
4.นางสาวนาเดีย กาซอ รหสั 406401017
5.นางสาวนูรฮาฟี ซา ดอมะ รหสั 406401018
6.นางสาวภรทิพย์ คงดี รหสั 406401020
7.นางสาวซอฟาวาตีย์ สาแล๊ะหมิน รหสั 406401024
8.นางสาวนุรอาซีรา สุหลง รหสั 406401028
หนา้ แรก