The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ข้อมูลสุดยอดชุมชนต้นแบบ บ้านหนองบัว ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Oey Y, 2023-08-07 00:48:10

ชุมชนหนองบัว

ข้อมูลสุดยอดชุมชนต้นแบบ บ้านหนองบัว ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์

๑ สุดยอดชุมชนต*นแบบ...บ*านหนองบัว...จังหวัดสุรินทร7 คำขวัญ/คำโปรยของชุมชน “เอราวัณคู+บ-าน สุสานช-างคู+แผ+นดิน วิถีถิ่นกวยอาเจียง” ข3อมูลทั่วไปของชุมชน บ-านหนองบัวมีหนองน้ำขนาดใหญ+มี เนื้อที่จำนวน ๒๔ ไร+ อยู+ทางทิศเหนือของหมู+บ-านในหนองน้ำมีบัวหลวง ขึ้นเปOนจำนวนมาก จึงได-ตั้งชื่อหมู+บ-านว+า “บ-านหนองบัว” เริ่มก+อตั้งในปQ พ.ศ.๒๔๙๘ ประมาณ ๖๐ กว+าปQมาแล-ว คนกลุ+มแรกที่มาตั้งหมู+บ-านส+วนใหญ+เปOนชุมชนชาวส+วย หรือกูยที่เคยอาศัยอยู+ในประเทศลาวตอนใต-แถบจำปาศักดิ์ อัตตปZอ และแสนแป ชาวกูยมีภาษาพูดเปOนของตนเอง จัดอยู+กลุ+มภาษาตระกูลมอญ เขมร แต+ภาษากูยไม+มีภาษาเขียน เปOนของตนเอง จึงสืบทอดวัฒนธรรมโดยการบอกเล+า สืบต+อกันมาจากคนเฒ+าคนแก+ ภาพ : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร7, ๒๕๖๕ สัญลักษณ=ประจำชุมชน : ช-าง, ดอกบัว สีที่บCงบอกความเปFนชุมชน : ดำ, แดง


๒ ¨ กลุ+มชาติพันธุb ชุมชนคุณธรรมบ-านหนองบัว ประชาชนส+วนใหญ+ในชุมชน เปOนกลุ+มชาติพันธุbพื้นเมือง “กูย” ซึ่งเปOนกลุ+มชาติพันธุbที่มีลักษณะ เด+นเฉพาะ คือ มีความชำนาญในการจับช-าง และเลี้ยงช-างเสมือน เปOนสมาชิกในครอบครัว ก+อให-เกิดความผูกพันระหว+างคนกับช-าง จนกลายเปOนอัตลักษณbแห+งวิถีกูยอาเจียง (คนเลี้ยงช-าง) โดยสืบทอด ต+อกันมาจากบรรพบุรุษรุ+นสู+รุ+นมาอย+างยาวนานหลายชั่วอายุคน จนทำให-ชุมชนคุณธรรมบ-านหนองบัวเปOนที่รู-จักและได-รับการขนานนาม ว+าเปOนหมู+บ-านช-างที่มีช-างเลี้ยงมากที่สุดในประเทศไทยและมากที่สุดในโลก ประการสำคัญ คือ วิถีของกลุ+มชาติพันธุbกูยนั้นได-กลายเปOนแหล+งเรียนรู- ทางวัฒนธรรมและอารยธรรมที่สำคัญของจังหวัดสุรินทรbอันได-แก+ คชศาสตรbชาวกูยที่ได-รับการขึ้นทะเบียนเปOนมรดกภูมิปgญญา ทางวัฒนธรรม นอกจากนี้มีการรวมกลุ+มชาติพันธุbกูย ซึ่งในวันที่ ๑๓ มีนาคม ของทุกปQ ถือเปOนวันกูยโลก และโดยธรรมชาติ ของประชาชนในชุมชนแห+งนี้เปOนผู-ที่มีน้ำใจ มีความเลื่อมใส ในพระพุทธศาสนา อีกทั้งมีศาสตรbและศิลปjในการดำเนินชีวิต และการพัฒนาชุมชนอย+างต+อเนื่อง ภาพกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง “กูย” ภาพ : โครงการคชอาณาจักร, ๒๕๖๕


๓ ¨ ภาษา ชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัว มีภาษาท้องถิ่น คือ ภาษากูยพื้นเมืองสืบทอดวัฒนธรรมภาษามาจากบรรพบุรุษ กูยอาเจียง (คนเลี้ยงช้าง) เป็นเสน่ห์ทางภาษาในการสื่อสารกัน ในชุมชน รวมถึงสื ่อสารกับนักท ่องเที ่ยวทั ่วไปที ่สามารถ พูดภาษากูยพื้นเมืองได้เช่น คําว่า “ฮาย มัก ม็อง แปลว่า ฉันรักคุณ” / คําว่า “ฮาย โจ แลว ซะโร๊ะหนองบัว แปลว่า ฉันมาแล้วบ้านหนองบัว” และมีเพลงที ่ร้องเล ่นในชุมชน เช่น “เจ่าจาโดยเยอเจ่าจาโดยเยอ บัดแอมแอม บัดแอมแอม จากาทู นากาเหยาะ จากาทูนากาเหยาะแอม แอ่ม แอม...แอม แอ่ม แอม” แปลว่า "มากินข้าว มากินข้าว แกงอร่อย กินปลาทู กับปลาร้า กินปลาทูกับปลาร้า อร่อย อร่อย อร่อย" เป็นต้น และมีภาษากลาง คือ ภาษาไทยใช้สําหรับการติดต ่อราชการ และสื่อสารทั่วไปกับผู้ที่มาเยือน ¨ ศิลปะ ดนตรีและการแสดง ชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัว มีการแสดงที่เป็นศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ดังนี้ • การรํามุดมัด หรือ รําแกลมอ เป็นภ าษ ากูย หรือภาษาไทย เรียกว่า "รําแม่มด" พิธีกรรมนี้เชื่อกันว่า เป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์สืบทอดกันมาตั้งแต ่สมัยโบราณ ในการรักษาโรคจากการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือคนในครอบครัว ไม่สบายจะต้องทําพิธีรํามุดมัด หรือแกลมอ


๔ เพื ่อให้หายจากการเจ็บป ่วยและเป็นการแก้บนโดยอาศัย พลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติที่คนในชุมชนให้ความเคารพนับถือ และเป็นสิ ่งยึดเหนี ่ยวจิตใจให้มีความรู้สึกมั ่นคงปลอดภัย และยึดเหนี ่ยวความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวในชุมชน ที่เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณ การรํามุดมัด หรือรําแกลมอจะใช้ เครื่องดนตรีพื้นเมือง เช่น กลอง ฆ้อง ซอ แคน ฯลฯ ในการบรรเลงดนตรีสดประกอบขณะทําพิธี ภาพการรํามุดมัด หรือ รําแกลมอ ภาพ : ชุมชนบ้านหนองบัว, ๒๕๖๔


๕ • การรําคล้องช้าง เป็นการแสดงที่เลียนแบบพฤติกรรม อิริยาบถต่าง ๆ ของช้าง มาประดิษฐ์เป็นท่ารําที่อ่อนช้อยงดงามและแข็งแกร่งเหมือน ช้าง เช่น ท่าช้างเดิน ท่าช้างคว้ากิ่งไม้ท่าช้างสลัดแมลง หรือสิ่งสกปรก ออกจากตัว ท่าช้างคว้าหญ้า ท ่าช้างเล ่นนํ้าและพ ่นนํ้าใส ่ตัว ท่าช้างหยอกล้อและเกี้ยวพาราสีท่าช้างเดิน ตั้งวง มีหมอช้างเข้ามา คล้องช้างและรําบายศรีสู่ขวัญช้างที่คล้องมาใหม่ ภาพการรําคล้องช้าง ภาพ : ชุมชนบ้านหนองบัว, ๒๕๖๔ ¨ เครื่องแต่งกาย เครื่องแต่งกายของชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัวถือว่า มีการแต่งกายของชาติพันธุ์พื้นเมืองกูยที่มีอัตลักษณ์ดังนี้ • เครื่องแต่งกายผู้หญิง ประกอบไปด้วย เสื้อสีดํา ตัดเย็บจากผ้าไหมลายลูกแก้ว ย้อมมะเกลือ สีจากธรรมชาติขลิบตกแต่งเล็กน้อยด้วยผ้าสีแดง ให้สวยงาม ตามรอยตะเข็บเสื้อ ในส่วนของผ้าถุง มีสีแดงเข้ม ตัดเย็บจากผ้าไหมโฮลต่อเชิง และมี ผ้าสไบพาดบ่าสีแดง


๖ • เครื่องแต่งกายผู้ชาย เสื้อสีดํา ตัดเย็บจากผ้าไหม ลายลูกแก้ว ผ้านุ่งของผู้ชายเป็นผ้าไหมโสร่ง หรือ ผ้าไหมหางกระรอก นุ่งโจงกระเบน มีผ้าขาวม้า คาดเอว • ภาพเครื่องแต่งกาย ภาพ : ชุมชนบ้านหนองบัว และโครงการคชอาณาจักร, ๒๕๖๕


วัน/เดือน/ปี เทศกาล และ ประเพณีท้องถิ่นชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัว มกราคม ตักบาตรบนหลังช้าง กุมภาพันธ์ จดทะเบียนสมรสและแต่งงานบนหลังช้าง (ซัตเต) มีนาคม เทศกาลไหว้ครูปะกําช้างประจําปีบุญบารมีอาเจียง (ในงานบุญช้างไทย) เมษายน สงกรานต์วิถีชาวกูย พฤษภาคม บวชนาคช้าง เป็นการบวชของผู้ชายในหมู่บ้านมีขั้นตอน การทําพิธีที่แตกต่างจากการบวชทั่วไป ตุลาคม ทอดกฐินช้าง โซ๊ด–ซั๊ด-เจียง (เส้นไหมผูกช้าง) ซึ่งมีช้าง เข้าร่วมขบวนจํานวนมาก พฤศจิกายน พิธีกรรม "ปะชิ-ปะซะ" เป็นการบวชหมอช้าง เพื่อเลื่อนลําดับตําแหน่งหมอช้าง ธันวาคม สวดมนต์ข้ามปีวิถีชาวกูย ๗ ¨ เทศกาล และประเพณีท้องถิ่น ปฏิทินประจ ําปีเทศกาล และประเพณีท้องถิ่น ชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัว ดังนี้ ภาพเทศกาล และประเพณีท้องถิ่น ภาพ : ชุมชนบ้านหนองบัว และโครงการคชอาณาจักร, ๒๕๖๔


๘ ¨ อาหารท3องถิ่น อาหารท-องถิ่นในชุมชนคุณธรรมบ-านหนองบัว เปOนอาหารตามฤดูกาลที่สรรหาวัตถุดิบได-ในท-องถิ่นจากธรรมชาติ ผืนปlา แหล+งน้ำ และพื้นที่เกษตรกรรม ด-วยชุมชนมีผืนปlา ขนาดใหญ+ คือ ปlาทาม และมีวังทะลุเปOนแหล+งน้ำธรรมชาติ ที่เปOนจุดบรรจบของลำน้ำสองสายไหลมารวมกัน คือ ลำนำชี และแม+น้ำมูล จึงทำให-ชุมชนมีแหล+งอาหาร ที่สมบูรณb เพียงพอต+อการบริโภค และพร-อมต+อการบริการ ทางการท+องเที่ยว รายการอาหารที่จัดทำเพื่อต-อนรับ นักท+องเที่ยว เช+น ปลายอนสองแม+น้ำนึ่งจิ้มแจ+ว ปลาทอด สองสายพันธุb น้ำพริกมะดัน ผักสด แกงไก+บ-านใส+มดแดง ไข+เจียวช-าง ข-าวหอมมะลิอินทรียbสามสายพันธุb และข-าวต-ม อันซอมห+อใบมะพร-าว ของหวาน มันแซงกะทิสด ขนมอาโต เปOนต-น ภาพอาหารท้องถิ่น ภาพ : ชุมชนบ้านหนองบัว, ๒๕๖๔


๙ ¨ ภูมิปKญญาด3านอื่น ๆ เชCน หัตถกรรม การกCอสร3างบ3านเรือน สมุนไพร ฯลฯ • ภูมิปKญญาหัตถกรรมผ3าไหม ย-อมสีผ-าไหมจากมูลช-าง และย-อมสีผ-าไหมจากธรรมชาติโดยโรงเรียนผู-สูงอายุ ซึ่งตั้งอยู+ในวัดปlาอาเจียง • ภูมิปKญญาหัตถกรรมเครื่องประดับจากหางช3าง โดย นางวรรณา ศาลางาม • ภูมิปKญญาการทำตะขอช3างมงคลปKดเปSารังควาญ ออกจากชีวิต โดย นางวรรณา ศาลางาม • ภูมิปKญญาสมุนไพรธรรมชาติบำบัดสุขภาพของช3างและ สมุนไพรรักษาคน เช+น มะขามปmอม ต - น แ ตต-นถ+อน หญ-าราบ หญ-าแห-วหมู หญ-าเจ-าชู-เปOนต-น โดย พระครูสมุหbหาญ ปgญญาธโร (เจ-าอาวาสวัดปlาอาเจียง)/ นายอาน ศาลางาม/นางบุญ ศาลางาม/นางเมี๊ยะ ศาลางาม และนางเสารbอินสำราญ • ภูมิปKญญาการทำปุVยอินทรีย=จากมูลช3าง โดย นายสุรเดช ศาลางาม ภาพกีฬาและการละเล่นท้องถิ่น ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๑๐ ศูนย=การเรียนรู3ในชุมชน ¨ ศูนย=การเรียนรู3เศรษฐกิจพอเพียง ธนาคารปุVยอินทรีย= กลุCมดินจาก มูลช3างบ3านหนองบัว สนับสนุนโดยสถานีพัฒนาที่ดินสุรินทรb สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต ๓ กรมพัฒนาที่ดิน ¨ ศูนย=การเรียนรู3ปราชญ=ชาวบ3านด3านสมุนไพรรักษาคนและช3าง โดยมีกลุ+มปราชญbในชุมชน ได-แก+ พระครูสมุหbหาญ ปgญญาธโร (เจ-าอาวาสวัดปlาอาเจียง) / นายอาน ศาลางาม / นางบุญ ศาลางาม / นางเมี๊ยะ ศาลางาม และนางเสารb อินสำราญ ¨ สวนเกษตรอินทรีย=พอเพียงแบบผสมผสาน ของ นายธวัชชัย ศาลางาม อดีตผู-ใหญ+บ-านบ-านหนองบัว ที่มีการปลูกพืชผักหลายอย+างสำหรับ รับประทาน ในครัวเรือนและแบ+งขาย เช+น อ-อยคั้น น้ำฝรั่ง ผักสวนครัว และเลี้ยงปลา เปOนต-น ¨ โคกหนองนาโมเดล ของนายประชิต บุญเหลือเปOนพื้นที่เกษตรทฤษฎี ใหม+ ผสานกับภูมิปgญญาพื้นบ-าน โดยมีการบริหารจัดการพื้นที่ให-เกิด ประโยชนb โดยการปลูกปlา ๓ อย+าง ประโยชนb ๔ อย+าง และเปOนต-นแบบ การพัฒนาพื้นที่แก+ประชาชนในชุมชนและผู-ที่สนใจทั่วไป ¨ ไรCนาอินทรีย=ต3นแบบของนายสุรเดช ศาลางาม บนพื้นที่จำนวน ๕ ไร+ ที่มีปลูกการพริก เลี้ยงปลา กบ ไก+ และหมู ภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๔


๑๑ วัดป่าอาเจียง วัดป ่าอาเจียง เป็นศาสนสถานที ่นับเป็นความภูมิใจของชาวสุรินทร์ อีกแห่งหนึ่งที่ยังคงมีการอนุรักษ์วัฒนธรรมโบราณของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกูย พื้นเมืองไว้ได้อย ่างสมบูรณ์และเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ในการแสวงบุญ ปฏิบัติธรรม ประกอบพิธีกรรมสําคัญทางพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นพุทธศาสนสถานในเชิงการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที ่สําคัญ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ภายในวัดป่าอาเจียง ประกอบไปด้วยสถานที่ สําคัญที ่ควรค ่าต ่อมาการท ่องเที ่ยวและเยี ่ยมชม ได้แก่ พิพิธภัณฑ์ ศาลาเอราวัณ (เป็นที่เก็บรวบรวมเรื่องราวต่าง ๆ ของพระพุทธศาสนา และพราหมณ์) / ศาลปะกํา (เป็นที่เก็บเครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ เกี่ยวกับ การจับช้างคล้องช้าง) / พิพิธภัณฑ์ชาวกูย (เก็บรวบรวมเรื่องราว ความเป็นมาต่าง ๆ และเครื่องมือเครื่องใช้ของชนชาติพันธุ์ชาวกูย) / สุสานช้างขนาดใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ที่มีการนําเอากระดูกช้างที่เสียชีวิต แล้วมาฝังไว้ที่นี่และยังมีโรงเรียนผู้สูงอายุอีกด้วย ¨ ศาลาเอราวัณ ศาลาเอราวัณถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาเรื่องราวช้าง ในพระไตรปิฎกและเรื่องราวของช้างในจังหวัดสุรินทร์ ให้เห็นถึง วัฒนธรรมความผูกพันของชาวกูยคนเลี้ยงช้าง วิถีชีวิตของคนกับช้าง โดยศาลาเอราวัณมีการสร้างประติมากรรมลายนูนปูนปั้นเป็นรูปช้าง หลากหลายแบบและหลายขนาดรอบศาลาเอราวัณ ที ่มีความสูงกว่า ๓๐ เมตรได้อย่างสวยงามอลังการ ถึงแม้จะยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม


๑๒ เนื่องจากทางวัดยังคงขาดงบประมาณอีกจํานวนมาก แต่นักท่องเที่ยว ก็สามารถเข้าไปชมและสัมผัสความสวยงาม รวมทั้งบันทึกภาพไว้ เป็นที่ระลึกได้ ภาพศาลาเอราวัณ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕ ข้อมูลน่ารู้: ช้างเอราวัณ “ทุกคัมภีร์กล่าวไว้ว่า” เป็นสมบัติผู้มีบุญ อยู่บนสวรรค์พระอินทร์ประทานให้ท้าวกําพร้าเพราะความยากจน ถูกรังแก ช้างเอราวัณมีพละกําลังมาก ผูกมัดด้วยเชือกปะกํา โซ่ ฯลฯ ไม่อยู่แต่เส้นไหมด้ายดิบเพียงเส้นเดียวผูกมัดอยู่ เป็นที่มาของ การลอดท้องช้าง ล้างหูงา หางช้าง และเส้นไหม ด้ายผูกแขน ฯลฯ เป็นมงคล เมื่อช้างเอราวัณเดินไปสุดแผ ่นดินจึงเหาะขึ้นสู ่สวรรค์คืน เทวดาทั้งหลายมาชุมนุมมีมติร่วมกันว่า ต ่อแต ่นี้ไปจะไม ่มีช้างเอราวัณ ๓ เศียรมาปรากฏในโลกมนุษย์อีกแล้ว จะมีเฉพาะช้างมงคลหัตถีเท่านั้น เป็นตัวแทน และต้องนําขึ้นทูลเกล้าถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน


๑๓ ¨ ศาลปะกำ ศาลปะกำ เปOนที่เก็บเชือกบาศกb หรือเชือกปะกำ ที่ทำเปOนบ+วงสำหรับใช-ในการคล-องช-างปlา โดยเชือกปะกำนี้ ทำมาจากหนังควายตากแห-ง ๓ เส-นนำมาควั่นให-เปOนเกลียว จนได-ความยาวประมาณ ๒๐-๓๐ เมตร ปลายข-างหนึ่ง ทำเปOนบ+วงบาศกbไว-สำหรับคล-องช-างปlา เชือกปะกำสำหรับ หมอช-างและครอบครัวของคนที่ทำงานเกี่ยวกับช-างถือว+า เปOนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เปOนของสูงอันเปOนมงคลยิ่ง เปOนสิ่งสำคัญ ที่ใช-ในการคล-องช-างปlา การทำเชือกปะกำจึงต-องสงวนไว-ให-เฉพาะ ครูบา หรือหมอช-างผู-รู-มนตbวิเศษเปOนผู-ทำเท+านั้น เชือกปะกำแต+ละเส-นจะมีการอัญเชิญดวงวิญญาณ ของครูบาอาจารยb ผีบรรพบุรุษที่เคยเปOนครูบา หรือหมอช-าง ต-นตระกูลให-มาสิงสถิตอยู+ ควาญช-างคนเลี้ยงช-างในแต+ละตระกูล ก็จะมีเชือกปะกำประจำตระกูลของตน และจะมีไว-ใช-เฉพาะ ตระกูลของตนเท+านั้น เปOนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนในครอบครัว ต-องให-ความเคารพนับถือ และเชื่อกันว+าผีปะกำจะดลบันดาล ให-เกิดความโชคดี ทำกิจการงานต+างๆ ได-สำเร็จลุล+วงไปด-วยดี ภาพศาลปะกํา ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๑๔ ข้อมูลน่ารู้: พระครูปะกํา ผู้ได้รับมอบหมายให้อนุรักษ์ศิลปะ สืบสาน ตํานานคนกับช้างมิให้สูญหาย เป็นการรวมจิตวิญญาณบรรพชน ต้นตระกูลผู้ได้รับตําแหน ่งมอช้างสูงส ุดมาไว้ในองค์เดียวกัน โดยใช้เชือกปะกําเป็นสัญลักษณ์ดูแลปกป้องรักษาช้าง ลูกหลาน สรรพสิ่งในครอบครัวให้มีความสุขปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง เจริญในหน้าที่การงาน ลูกหลานอยู่ในโอวาท ปรารถนาสิ่งใดได้ดังใจ ที ่สําคัญให้ตั้งตนอยู ่ในกฎระเบียบ ซื ่อสัตย์ต ่อตนเองและผู้อื่น ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตํานานพระมอเฒ่า พระมอเฒ ่าเป็นตําแหน ่งหมอช้างสูงสุด ที่หนุ่มคนหนึ่งมีความสามารถจับช้างป่าได้มากที่สุด หลังแต่งงาน มีบุตรชายคนเดียวเป็นลูกโทนนามว่า “ก้อง” เป็นลูกช้างป่า ที่พระมอเฒ่าคล้องมาได้แล้วเสียชีวิตขณะรอฝึก ระลึกชาติได้ พระมอเฒ่าประสงค์ให้มีความชํานาญในการจับช้างป่าเป็นกรณีพิเศษ กลัวลูกจะลําบากมากจึงชวนภรรยาและก้องออกไปหาจับช้างป่า มิได้บอกกล่าวผู้ใดให้ทราบล่วงหน้า จนลืมกฎระเบียบ เมื่อก้องโดดขึ้น หลังช้างหนีเข้าป่าไป ส่วนภรรยาถูกเสือกัดกินเหลือแขนไว้ดูต่างหน้า มอ มะ ทุกระดับออกมาต้อนรับถามถึงภรรยาและก้องไปไหน? พระมอเฒ่าตอบว่า “ข้าพเจ้าหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ตําแหน่ง อย่าได้ถามอีกเลย” พระครูปะกําโดดฝ่าฝูงชนรับหนังปะกําไว้ได้ ก่อนตกถึงดิน พระมอเฒ ่ากล่าวว่า ต่อแต่นี้ให้กล่าวถึงพระครูปะกํา และขอฝากส่วนแขนของนางกับก้องไว้ในพิธีกรรมอันเกี่ยวข้องด้วยช้าง ทุกครั้งไป


๑๕ ¨ สุสานช3าง สุสานช-างแห+งนี้คือที่เก็บและรวบรวมกระดูกของช-าง โดยทั่วไปเมื่อช-างเสียชีวิตตรงไหน เจ-าของช-างก็ฝgงตรงนั้น กระจายอยู+ทั่วไป ซึ่งบ-านเราเปOนหมู+บ-านช-าง หากวันหนึ่ง ไม+มีช-างเหลืออยู+ จะได-มีหลักฐานยืนยันว+า จุดนี้เปOนหมู+บ-าน ช-างให-ลูกหลานได-ศึกษาเรียนรู- จึงได-มีการจัดเก็บรวบรวม กระดูกช-างที่พอจะหารวบรวมมาได- จึงเปOนที่มาของสุสานช-าง และเพื่อเปOนการตอบแทนบุญคุณช-างตามคัมภีรbทาง พระพุทธศาสนาที่มีหลักฐานปรากฏไว-อยู+แล-ว ภายในสุสานจะมีการสร-างเจดียbลักษณะรูปทรง คล-ายหมวกครอบไว-บนหลุมฝgงกระดูกช-าง และจารึกชื่อ ของช-างไว- เล+ากันว+า การสร-างเจดียbลักษณะรูปหมวกครอบไวบนหลุมที่ฝgงของกระดูกช-างนั้นเปOนสัญลักษณbที่แสดงถึง หมวกนักรบทหารโบราณ เพื่อยกย+องเชิดชูเกียรติช-างไทย ตามตำราที่เล+าขานว+า ช-างเปOนสัตวbคู+บ-านคู+เมืองของไทย เปOนสัตวbคู+พระบารมีของพระมหากษัตริยbไทยตั้งแต+อดีต ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕ ภาพสุสานช้าง


๑๖ ¨ พิพิธภัณฑ์ชาวกวย พิพิธภัณฑ์ชาวกวย เป็นสถานที่ให้ชุมชน นักเรียน นักศึกษาที ่สนใจในชาติพันธ ุ์กูยได้รู้และเข้าใจรากเหง้า ของชาวกูยจึงได้รวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้เครื่องทํามาหากิน ที่ใช้ในชีวิตประจําวันของชาวกูยและชาวช้างมาเก็บรวบรวม และจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ชาวกวยเพื ่อให้คนรุ ่นหลังได้เรียนรู้ และตระหนักถึงคุณค ่าวัฒนธรรมที ่ทรงคุณค่า หวงแหนมรดก ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ บริเวณชั้นล ่างใต้ถ ุนเรือนไม้ ของพิพิธภัณฑ์ชาวกวย เป็นโรงเรียนผู้สูงอายุเพื่อไว้สําหรับทอผ้า ภาพพิพิธภัณฑ์ชาวกวย ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๑๗ ¨ บ้านช้างบ้านคนของกลุ่มชาติพันธุ์กูย บ้านช้างบ้านคนของกลุ่มชาติพันธุ์กูย เป็นสัญลักษณ์ของ การพึ่งพาอาศัยกันของคนและช้าง ผศ.บุญเสริม เปรมธาดา ศิลปินศิลปาธรผู้ออกแบบ ได้นําบ้านของชาวกูยและบ้านของ ช้าง มาผสมกันเป็นโครงสร้างเดียว แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณ ของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับช้างในหมู ่บ้านชาวกูย จังหวัดสุรินทร์ โครงสร้างผลงานมี๒ ส่วน หลังคาทรงจั่ว หลังเตี้ยเป็นบ้านคน ส่วนที่เป็นหลังคาเสาเดี่ยวเป็นบ้านช้าง ภาพบ้านช้างบ้านคนของกลุ่มชาติพันธุ์กูย ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๔ กิจกรรมเพิ่มเติม : กิจกรรมเรียนรู้การทอผ้าไหม ในโรงเรียน ผู้สูงอายุ พิพิธภัณฑ์ชาวกูย วัดป่าอาเจียง โดยได้รับ การสนับสนุนจากพระครูสมุห์หาญ ปัญญาธโร เจ้าอาวาส วัดป่าอาเจียง ที่ตั้ง : หมู่ที่ ๑๔ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ วันและเวลาทําการ : เปิดทุกวัน ผู้ประสานงาน : นายธวัชชัยศาลางาม โทร. ๐๘ ๑๐๖๕ ๕๕๗๕ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : วัดป่าอาเจียง


๑๘ ศูนย์คชศึกษา ศูนย์คชศึกษา หรือ หมู ่บ้านช้างบ้านตากลาง เป็นสถานที่ ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิถีความเป็นอยู่ความผูกพันของคนในชุมชน และช้าง รวมทั้งประเพณีและวัฒนธรรมที ่น ่าชื ่นชมของชาวสุรินทร์ ได้อย ่างใกล้ชิด ที ่นี่เลี้ยงช้างเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ทําให้ที่นี่กลายมาเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ¨ ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโครงการ คชอาณาจักร ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ ่งแวดล้อมโครงการคชอาณาจักร เป็นสถานที ่ท ่องเที ่ยวรูปแบบอนุรักษ์ธรรมชาติเน้นความเป็นอยู่ บนพื้นฐานหมู ่บ้านช้างเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริฯ เกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มความสมบูรณ์ของพื้นที่ ความมั่งคั่งของอาหารช้าง เพื่อการพึ่งพาตนเองอย่างยั ่งยืน โดยใช้พื้นที ่ป่าสงวนแห่งชาติดงภูดิน อําเภอท ่าตูม จังหวัดส ุรินทร์จํานวน ๓,๐๐๐ ไร ่ เป็นโครงการ สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภาพพื้นที่หรือศูนย์การเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๔


๑๙ ¨ โครงการโลกของช้าง (Elephant World) โครงการโลกของช้าง “Elephant World” เกิดจากความร่วมมือ ของรัฐบ าลจัดสรรงบกระต ุ้นเศรษฐกิจ ร่วมกับงบส่วนของ องค์การบริหารส ่วนจังหวัดสุรินทร์รวม ๔๕๕ ล้านบาท เนรมิต ความยิ่งใหญ่บนพื้นที่กว่า ๕๐๐ ไร่ จากพื้นที่ทั้งหมด ๒,๗๐๐ ไร่ ด้วยความตั้งใจจะให้เป็นศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะจัดแสดงเรื่องราวของช้างเป็นแหล่งศึกษาข้อมูลทางวิชาการ ของช้าง และผลักดันให้โลกของช้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้าง แบบครบวงจร รวมทั้งจะมีช้างอยู่ที่นี่มากที่สุดในโลกด้วย Project Elephant World in Thailand’s Surin Province, the architecture attempts to describe unique differences between Thai locals and Thai elephants compared to the relationships between man and elephant found in other cultures. ref : https://archello.com/project/elephant-world ภาพโครงการโลกของช้าง (Elephant World) ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๐ โครงการโลกของช้าง จ.สุรินทร์(Surin Elephant World) ประกอบด้วยอาคารที ่สร้างจากอิฐเผาสีดินแดงหลายหลัง หลากหน้าตา ทั้งอาคารลานแสดงช้าง อาคารพิพิธภัณฑ์ และหอชมทิวทัศน์ ที่เมื่อมีผืนดินแห้งแล้งของท้องถิ่นอีสาน เป็นฉากหลัง บรรยากาศโดยรวมของที ่นี่จึงให้ความรู้สึก เหมือนอียิปต์ถิ่นพีระมิดอย่างที่ชาวบ้านพร้อมใจขนานนาม ภาพโครงการโลกของช้าง (Elephant World) ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๑ ¨ อาคารพิพิธภัณฑ์– โครงการโลกของช้าง Elephant Museum เป็นส ่วนของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหน้าตาคล้ายพีระมิด ผสมเขาวงกต สร้างจากอิฐดินเผากว่า ๔๘๐,๐๐๐ ก้อน ต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยทางเข้าอาคารที่ค่อย ๆ ก่ออิฐเพิ่ม ความสูงเป็นเว้าโค้ง ให้ความรู้สึกของการเป็นประตูที่ค่อย ๆ พาคนตัวเล็กๆ เข้าไปสู่โลกของช้างอย ่างแท้จริง นอกจากนี้ ตัวพิพิธภัณฑ์ยังเปิดแนวกําแพงอิฐตามมุมต่าง ๆ เพื่อให้ช้าง สามารถเดินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงในอนาคต การมาแต่ละช่วงเวลาของวัน แสงก็จะเปลี่ยนไปทําให้ภาพที่ได้ เกิดมีมิติมีความหลากหลาย ชักจูงให้เรากลับมาอีกหลายครั้ง ภาพอาคารพิพิธภัณฑ์ โครงการโลกของช้าง (Elephant Museum) ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๒ ¨ หอชมทิวทัศน์อิฐ (Brick Observation Tower) หอชมทิวทัศน์อิฐ (Brick Observation Tower) ที่สะกด ทุกสายตาด้วยความสูงกว่า ๒๓ เมตร แบ่งพื้นที่ออกเป็น ๕ ชั้น แต่เดินแล้วไม่เมื่อย เพราะสถาปนิกจงใจออกแบบให้ผู้เยี่ยมชมไม่ต้อง รีบร้อนเดินขึ้นไปยังยอดบนสุดโดยไว ด้วยการเจาะช่องโล่งจํานวนมาก ไว้ในโครงสร้างผนังโดยรอบ เพื่อให้สามารถชมวิวจากหลายมุมมอง ได้ในทุกก้าวเดิน รวมถึงการออกแบบบันไดในแต่ละชั้นให้ซ้อนกันไปมา เพื่อกระจายคนในแต่ละชั้นไม่ให้ต้องมากระจุกรวมกันอีกด้วย นอกจากนี้เสน่ห์ของหอคอยที่มีผังเป็นรูปร่างหยดนํ้าหลังนี้ยังอยู่ตรง การถูกหุ้มด้วยอิฐดินเผาขนาด ๑๕ x ๓๐ x ๕ ซม. ซึ่งเป็นอิฐขนาดใหญ่ พิเศษที ่ถูกออกแบบขึ้นใหม่เพื ่อให้เหมาะกับอาคารสเกลใหญ ่หลังนี้ ที่ก่ออิฐสลับเป็นจังหวะขึ้นไป จนค่อยๆยื่นหายไปสู่ท้องฟ้าในชั้นบนสุด ภาพหอชมทิวทัศน์อิฐ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๓ ¨ ลานแสดงช้าง (Elephant Stadium) ลานแสดงช้าง หรือ Elephant Stadium ที่เปรียบเหมือน สนามเด็กเล่นของช้าง ด้วยการยึดขนาดของช้างเป็นหลัก เพื่อให้คนที่มาเที่ยวรู้สึกเหมือนกําลังเดินเข้าไปใน บ้านของช้าง สถาปนิกจึงเลือกที ่จะปรับรูปทรงหลังคาจั่ว ของบ้านชาวกูยดั้งเดิม มาขยายขนาดให้ครอบคลุมพื้นที่ ๗๐ x ๑๐๐ เมตร แล้วคว้านเอาหลังคาส ่วนที ่อยู ่เหนือ ลานการแสดงออก เหลือเฉพาะหลังคาโดยรอบไว้กันแดด กันฝนให้ผู้ชมสําหรับภูมิประเทศสูง ๆ ตํ่าๆ ของอัฒจรรย์ รอบลานแสดงก็จงใจออกแบบให้มีลักษณะเหมือนเนิน ในภาคอีสาน โดยดินที ่ใช้เสริมพื้นที ่ก็เป็นดินลูกรัง จากการขุดบ่อเก็บนํ้าเพื่อใช้เป็นแหล่งนํ้าสําหรับช้างในพื้นที่ ส่วนหินสีดําที่ใช้ปูทับโดยรอบบริเวณอัฒจรรย์เป็นหินบะซอลต์ ซึ่งพบเฉพาะในพื้นที ่จังหวัดส ุรินทร์ ทั้งยังทําหน้าที่ ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากช้างไปในตัว เพราะหินบะซอลต์ มีลักษณะหยาบ ทําให้ช้างซึ่งมีเท้าเป็นหนังอ่อนไม่สามารถ เดินขึ้นไปยังบริเวณที่นั่งของคนดูได้ ภาพลานแสดงช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๔ กิจกรรมเพิ่มเติม : ชมการแสดงช้าง และร่วมละเล่นกับช้าง โดยกีฬาและการละเล่นท้องถิ่นที่คนในชุมชนและ นักท่องเที่ยวสามารถร่วมกิจกรรมได้เช่น ฟุตบอล ปาลูกโป่ง ชักเย่อ เป็นต้น ที่ตั้ง : ศูนย์คชศึกษา หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง หมู่ที่ ๒ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ วันและเวลาทําการ : เปิดทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่คนละ ๕๐ บาท เด็กโต คนละ ๒๐ บาท เด็กเล็ก คนละ ๑๐ บาท ชาวต่างชาติคนละ ๑๐๐ บาท เวลาจัดการแสดงของช้างวันละ 2 รอบ ภาคเช้า ๑๐.๐๐ – ๑๑.๐๐ น. ภาคบ่าย ๑๔.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ผู้ประสานงาน : นายวรพจน์แสนดีเจ้าหน้าที่ศูนย์คชศึกษา ช่องทางการติดต่อ: (+๖๖) ๐ ๔๔๑๔ ๕๐๕๐, ๐ ๔๔๕๑ ๑๙๗๕ ภาพการแสดงช้างในศูนย์คชสาร ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๕


๒๕ โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์ก ่อสร้างขึ้นเพื ่อช ่วยเหลือ ช้างเร่ร่อนที่เป็นปัญหาในปัจจุบัน พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ โปรดให้มีการดูแล และอนุรักษ์พันธุ์ช้างไทยเนื่องจาก เป็นสัตว์สําคัญคู่บ้านคู่เมืองและเป็นสัญลักษณ์ของชาติควรได้รับความคุ้มครอง ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดําเนินการให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว รูปแบบอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น และเป็นหมู่บ้านช้าง ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตัวอย่างแหล่งท่องเที่ยวภายในโครงการคชอาณาจักร มีดังนี้ ¨ ศูนย์การเรียนรู้มูลช้างสร้างมูลค่า ณ โครงการคชอาณาจักร ซึ่งมีการแปรรูปมูลช้างเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากของที ่ระลึกสําหรับ นักท่องเที่ยว เช่น กระถางจากมูลช้าง กระดาษสา สมุดบันทึก เป็นต้น ¨ เส้นทางท่องไพรไปกับคชสารในผืนป่าดงภูดิน ¨ Elephant Kingdom Jungle Camping เป็นสถานที่ท ่องเที ่ยวที ่มีพื้นที่ ทางธรรมชาติที่เหมาะกับการมาพักผ่อนในรูปแบบการกางเต็นท์ นอนดื ่มดํ ่าธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของลํานํ้าชีและสัมผัสประสบการณ์ การดูดาวทางช้างเผือก นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม เช่น ป้อนอาหารช้าง อาบนํ้าช้าง ถ่ายรูปกับช้าง พายเรือพื้นบ้าน เป็นต้น ภาพโครงการคชอาณาจักร ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ,๒๕๖๕


๒๖ ที่ตั้ง : ตำบลกระโพ อำเภอท+าตูม จังหวัดสุรินทรb วันและเวลาทำการ : เปxดทำการตลอดเวลา ผู3ประสานงาน นายกีรติคุณ กรีธาพล รักษาการผู-จัดการโครงการคชอาณาจักร ชCองทางการติดตCอ : โทร. ๐ ๔๔๕๕ ๘๕๐๑ Facebook : โครงการคชอาณาจักร จังหวัดสุรินทรb Elephant Kingdom Surin by ZPOT เว็บไซต= : คชอาณาจักร สุรินทรbhttps://surin.zoothailand.org/ แหลCงทCองเที่ยวเชื่อมโยง ¨ แซตอม ออร=แกนิค ฟาร=ม (Satom Organic Farm) แซตอม ออรbแกนิค ฟารbม (Satom Organic Farm) เริ่มก+อร+างสร-างตัว ในปQ ๒๕๕๗ เพื่อฟZñนคืนเกษตรอินทรียbที่จางหายให-กลับมามีชีวิต อีกครั้ง ใช-เวลากว+า ๓ ปQในการก+อร+างสร-างตัววางรากฐาน และวางระบบใหม+อีกครั้งจนสร-างฟารbมแบบครบวงจร เมื่อปQ ๒๕๖๐ ในปgจจุบันพื้นที่แห+งนี้ก-าวสู+การเปOนวิสาหกิจชุมชน เน-นขายผลิตภัณฑbข-าวออรbแกนิคและข-าวพื้นเมืองเปOนหลัก นอกจากนี้ Satom Organic Farmได-พัฒนาผลิตภัณฑb คือRice Wine ภายใต-แบรนดb“Thai Sato” ด-วยการผ+านกระบวนการผลิต อย+างพิถีพิถันผสมผสานกับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม+มาปรับใชในกระบวนการผลิต สะท-อนตำนานข-าวภูมิปgญญาของชาวนา ผ+าน Satom Organic Farm


๒๗ ที่ตั้ง : ๑๗๔ หมู่ที่ ๑ ตําบลเมืองลิง อําเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ วันและเวลาทําการ : เปิดรับนักท่องเที่ยวทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ผู้ประสานงาน : นายสุแทน สุขจิตร โทร. ๐๖ ๑๑๖๕ ๑๘๔๘ ช่องทางการติดต่อ : - Line ID : @satomfarm - เว็บไซต์https://www.satomfarm.com/ - Facebook : Satom Organic Farm : Surin ภาพแซตอม ออร์แกนิค ฟาร์ม ภาพ : https://www.satomfarm.com/


๒๘ ¨ หมูCบ3านทอผ3าไหมบ3านทCาสวCาง ผ-าไหมของหมู+บ-านท+าสว+าง มีจุดเด+นพิเศษ คือ “ไหมน-อย” ที่มีความละเอียดนุ+มนวล สาวและทอได-ยากยิ่ง จนกระทั่ง สมเด็จพระนางเจ-าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระราชปรารภว+า “สมัยก+อนผ-าไหมไทยมีความนุ+ม เนียน แน+นมาก ทำอย+างไรจึงจะได-ผ-าชนิดนั้นคืนกลับมา” เหล+าข-าราชบริพารก็ออกเสาะหา จนได-พบผ-าทอไหมน-อย ที่ท+าสว+าง เมื่อทอขึ้นทูลเกล-าฯ ถวายเปOนที่พอพระทัย จึงพระราชทานเงินส+วนพระองคb สร-างโรงทอผ-าตามรูปแบบ ราชสำนักโบราณขึ้นที่บ-านท+าสว+าง เมื่อเข-ามาภายในหมู+บ-าน จะพบกับร-านขายผ-าไหมเรียงรายกันตามเส-นทางถนนหลายร-าน ทั้งในรูปแบบของผ-าถุง เสื้อ กระเปõา กางเกง สนนราคาเริ่มต-น ที่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ที่ตั้ง : หมู+ ๑ บ-านท+าสว+าง ตำบลท+าสว+าง อำเภอเมืองสุรินทรb จังหวัดสุรินทรb วันและเวลาทำการ : เปxดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น./ ๑๓.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. ผู3ประสานงาน : - โทร. ๐๘ ๙๐๒๙ ๙๓๒๓ ชCองทางการติดตCอ: Facebook กลุ+มสตรีทอผ-าไหมบ-านท+าสว+าง Facebook ผ-าไหมบ-านท+าสว+าง จ.สุรินทรb


๒๙ ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ¨ เสื้อผ้าไหมลายลูกแก้ว เสื้อผ้าไหมลายลูกแก้ว ย้อมมะเกลือสีจากธรรมชาติ และย้อมจากมูลช้าง ขลิบตกแต่งเล็กน้อยให้สวยงามตาม รอยตะเข็บเสื้อ และผ้าไหมโฮลต่อเชิงเอกลักษณ์ของชาวกูย ¨ ช้างปูนปั้น ช้างปูนปั้นที่ได้ปั้นตามคชลักษณ์มงคล ของกลุ่มวิสาหกิจประติมากรรมร่วมสมัยกวยอาเจียง การรวมกลุ่มของคนในชุมชนเพื่อสร้างงาน ประติมากรรมรูปปั้นช้าง จําหน่ายให้กับผู้ที่สนใจ สร้างรายได้หลักแสน ให้กับคนในชุมชน ภาพการแต่งกายของชุมชน ภาพ : หนองบัวโฮมสเตย์ ,๒๕๖๔ ภาพช้างปูนปั้นตามคชลักษณ์ ภาพ : หนองบัวโฮมสเตย์ ,๒๕๖๔


๓๐ ¨ กระดูกและการแกะสลัก ผลิตภัณฑ์จากกระดูกและฟันช้าง เป็นการนํา กระดูกช้างที่เสียชีวิตแล้ว มาผ่านกรรมวิธีในการบด เป็นผงแล้วขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ และมีบางส่วน ที่แกะสลัก มาจากระดูกช้าง โดยมีความเชื่อ ในพลังอํานาจ ช่วยฟันฝ่าอุปสรรคภยันตราย สามารถเอาชนะศัตรูหมู่มารได้จึงมีผู้แสวงหาเพื่อมีไว้ ในครอบครอง ภาพผลิตภัณฑ์จากกระดูกและฟันช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๑ ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย (Cultural Product of Thailand : CPOT) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้ความคิดสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ มีความร่วมสมัย และตอบโจทย์ความต้องการ ของผู้บริโภคในปัจจุบัน ได้แก่ ¨ ตะขอช้าง เป็นอุปกรณ์ที่หมอช้าง หรือควาญช้าง ใช้ในการควบคุมช้าง ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่มีความเชื่อกันว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพสูง หลายประการ คือ เป็นของโภคทรัพย์จากการเป็น "ขอ-งอ" หมายถึง การเกี่ยวการเหนี่ยวรั้งไว้ อีกประการคําว่า “ขอ” เป็นคํามงคล อีกความเชื่อหนึ่งคือเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ด้านป้องกันอาถรรพ์คุณไสยสะกดอาคม ฝ่ายที่ไม่ดีจ้องจะทําร้าย หรือเรียกว่า เป็นเครื่องรางคุ้มกันภัย ภาพตะขอช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๒ ¨ แหวนหางช้าง ผลิตภัณฑ์จากเส้นหางของช้าง มีความเชื่อว่า ผู้มีหางช้าง พกติดตัวจะปลอดภัยแคล้วคลาดจากอันตรายต่าง ๆ เวลาเข้าป่าและยังมีความหมายในแง่ของอํานาจด้วย จัดว่าเป็นเครื่องรางอีกอย่างที่นิยมกันตั้งแต่สมัยโบราณ เครื่องรางที่ทําจากช้าง ว่ากันว่าสามารถกันคุณไสยได้ทุกชนิด จึงมีผู้นิยมนํามาทําแหวน กําไลพกติดตัวไว้ลําพังแต่ขนหางช้าง อย่างเดียวก็ถือว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีความขลังอยู่แล้วในตัว ความเชื่อเกี ่ยวกับหางช้างถือว ่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์ ในตัวเอง ภาพแหวนหางช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๓ ¨ กําไลหางช้าง เป็นสิ่งมงคลหรือเครื่องรางของขลัง ที่ชาวกูยเลี้ยงช้าง ให้ความเคารพและเชื่อ จะเสริมสร้างบารมีและเสริมสิริมงคล ให้กับผู้ที่มีไว้โดยเฉพาะการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายปัดรังควาน และสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาใกล้ตัว หางช้าง นับเป็นเครื่องราง และของขลังที ่ชาวกูยเลี้ยงช้างให้ความนับถือเป็นอย่างมาก อีกอย่างหนึ่ง ผู้ใดมีไว้ก็จะเป็นมงคล และช่วยเสริมบารมี เป็นสิ่งที่จะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและของไม่ดีไม ่ให้เข้าใกล้ตัว ของผู้ที่ครอบครองไว้ ภาพกําไลหางช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๔ สถานที่จัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมของชุมชน จําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ได้แก่ เสื้อยืดเอกลักษณ์ ชาวกูย ชุดผ้าไหมชาวกูย ตะขอ พวงกุญแจ แหวนจากหางช้าง เครื่องรางของขลัง ฯลฯ ¨ สถานที่จัดจําหน่าย : ร้านวรรณา & สายฟ้า ดุงวรรณา เบอร์โทรศัพท์ : นางวรรณา ศาลางาม โทร. ๐๙ ๐๘๒๗ ๑๘๕๘ ช่องทางติดต่ออื่น ๆ : Facebook : Wannana Salangam ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖ ¨ สถานที่จัดจําหน่าย : ร้านดุงไฮ เบอร์โทรศัพท์: คุณอนันตพร จันลา โทร. ๐๘ ๘๗๑๔ ๔๒๔๗ ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ : Facebook : ดุงไฮรีสอร์ทหมู่บ้านช้าง ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๕ ¨ สถานที่จัดจําหน่าย : โรงเรียนผู้สูงอายุวัดป่าอาเจียง เบอร์โทรศัพท์: นางวรรณา ศาลางาม โทร. ๐๙ ๐๘๒๗ ๑๘๕๘ ช่องทางการติดต่ออื่น ๆ : Facebook : Wannana Salangam ร้านอาหารท้องถิ่น ¨ ร้านอาหาร : ครัวบ้านสวน เลขที่ - ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ วันและเวลาทําการ : เปิดทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๘.๐๐ น. ผู้ประสานงาน : นางศินรินทร์ศาลางาม โทร. ๐๙ ๘๒๐๔ ๗๔๕๑ ช่องทางการติดต่อ : - ¨ ประสานชุมชนโดยตรง : กลุ่มหนองบัวโฮมสเตย์ เลขที่ - หมู่ ๑๔ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ วันและเวลาทําการ : เปิดทุกวัน ผู้ประสานงาน : นางวรรณา ศาลางาม โทร. ๐๙ ๐๘๒๗ ๑๘๕๘ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : หนองบัวโฮมสเตย์ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๖ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖ ¨ ที่พัก : โฮมสเตย์บุญเหลือ สถานที่ : เลขที่ ๖๒ หมู่ที่ ๑๔ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อัตราค่าที่พัก : ห้องแอร์จํานวน ๑ ห้อง ราคา ๕๐๐ บาท/ห้อง ห้องพัดลม จํานวน ๕ ห้อง (พักได้๑๔ คน) ราคา ๒๐๐ บาท/คน ผู้ประสานงาน : นายประชิด บุญเหลือ โทร. ๐๘ ๑๙๗๗ ๖๖๘๐ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : โฮมสเตย์บุญเหลือ ที่พัก/โฮมสเตย์ภายในชุมชน ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖ ¨ ที่พัก : ดุงไฮโฮมสเตย์ สถานที่ : เลขที่ ๑๑๖ หมู่ที่ ๗ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อัตราค่าที่พัก : ห้องแอร์จํานวน ๘ ห้อง ราคา ๕๐๐ บาท/ห้อง ผู้ประสานงาน : คุณอนันตพร จันลา โทร. ๐๘ ๘๗๑๔ ๔๒๔ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : ดุงไฮรีสอร์ทหมู่บ้านช้าง


๓๗ ¨ ที่พัก : ดุงวรรณา สถานที่ : เลขที่ ๖๖ หมู่ที่ ๑๔ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อัตราค่าที่พัก : ห้องพัดลม จํานวน ๒ ห้อง (พักได้๑๐ คน) ราคา ๒๐๐ บาท/คน ผู้ประสานงาน : นางวรรณาศาลางาม โทร. ๐๙ ๐๘๒๗ ๑๘๕๘ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : หนองบัวโฮมสเตย์ ป ¨ ที่พัก : บ้านช้าง โฮมสเตย์ สถานที่ : เลขที่ ๗๒ หมู่ที่ ๑๓ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อัตราค่าที่พัก : ห้องแอร์จํานวน ๕ ห้อง ราคา ๕๐๐ บาท/ห้อง ห้องแอร์จํานวน ๔ ห้อง ราคา ๗๐๐ บาท/ห้อง ผู้ประสานงาน : นายบุญมีเครือจันทร์โทร. ๐๘ ๗๒๔๘ ๘๓๕๕ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : บ้านช้าง โฮมสเตย์ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖


๓๘ ภาพ : สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์, ๒๕๖๖ ¨ ที่พัก : ดุงธิดารัตน์ สถานที่ : เลขที่ ๑๒๕ หมู่ที่ ๑๔ ตําบลกระโพ อําเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อัตราค่าที่พัก : ห้องพัดลม จํานวน ๒ ห้อง (พักได้๖ คน) ราคา ๒๐๐ บาท/คน ผู้ประสานงาน : นางธิดารัตน์สายสุวรรณ โทร. ๐๙ ๘๑๑๐ ๘๔๐๕ ช่องทางการติดต่อ : Facebook : หนองบัวโฮมสเตย์


๓๙


๔๐ ชุมชนคุณธรรมบ้านหนองบัว ศูนย์คชศึกษา โครงการคชอาณาจักร


Click to View FlipBook Version