นายกุศล กีรติอาภากุล นางล่วนเช็ง กีรติอาภากุล ชาตะ 3 กันยายน 2463 ชาตะ มตะ 4 เมษายน 2529 มตะ 28 ตุลาคม 2526
หน้า 1 (เตี่ยขอให้ครูพรหม ทองปรีชา ครูใหญ่ รร.บ้านบางเลนฯ หาชื่อสกุลฯ และเลือกนามสกุลนี้)
หน้า 2 นายกุศล กีรติอาภากุล เป็นบุตรของนายเกี๊ยก และนางทุเรียน แซ่กัง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กันยายน 2463 มีพี่น้องร่วมมารดา คือ 1. นายสมพงษ์(เปีย) แซ่กัง 2. นายตี๋(เบิ้ม) แซ่กัง 3. นายวันชัย แซ่กัง ( เปลี่ยนนามสกุล เป็น “กีรติชัยวัฒนากุล” ) นายกุศล แซ่กัง (กีรติอาภากุล) สมรสกับ นางล่วงเช็ง เธียรดุสิต เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2490 มีบุตรธิดา รวม 6 คน ดังนี้ 1. นายจุมพล กีรติอาภากุล สมรสกับ น.ส.ยุพา รอดสําราญ มีบุตรธิดา 3 คน - น.ส.ธนพร กีรติอาภากุล - นายศรัณย์ กีรติอาภากุล - น.ส.พัทธมณ กีรติอาภากุล ชัย เบิ้ม เปี ย ก๊าด(กุศล)
หน้า 3 2.นายศุภพิตร กีรติอาภากุล สมรสกับนางอาจารีย์ เกตุนุติ มีบุตรชาย 2 คน - นายวิชญ์ กีรติอาภากุล สมรสกับ น.ส.ธิตินันธ์ สุรีย์ - นายศิวัช กีรติอาภากุล 3.นางเสริมสุข กาญจนศักดิ์สมรสกับ นายวราวุธ กาญจนศักดิ์ มีบุตรชาย 3 คน - นายวรากร กาญจนศักดิ์ (พระวรากร ปญญาวโร) - นายเสริมวุฒิ กาญจนศักดิ์สมรสกับ น.ส.วิไลวรรณ ภักดี - นายจิโรจ กาญจนศักดิ์ 4.นายวีรวิชย์ กีรติอาภากุล สมรสกับ น.ส.สมใจ ล้วนจําเริญ มีบุตรชาย 2 คน - นายภาสวิชญ์ กีรติอาภากุล สมรสกับน.ส.มลฤดี - นายก้อง กีรติอาภากุล 5.นายชยัน กีรติอาภากุล สมรสกับน.ส.นวลจันทร์ศรีสุทธาวิทย์ 6.น.ส.อรวรรณ กีรติอาภากุล
หน้า 4 ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 หนังสือแบบเรียนฯ และลายมือเขียนของ นายกุศล กีรติอาภากุล
หน้า 5 บัตรฯทหารผ่านศึก ลงนามโดยอดีตนายกรัฐมนตรีฯ พลเอกถนอม กิตติขจร
หน้า 6 ฉบับพิเศษ หน้า 381 เล่มที่ 79 ตอนที่ 83 ลงวันที่ 8 กันยายน 2505
หน้า 7 30 พฤษภาคม 2490 พ.ศ.2490 เตี่ย(นายกุศล แซ่กัง)แต่งงานมีครอบครัว กับนางล่วนเช็ง เธียรดุสิต มีการย้ายที่อยู่ มาอยู่ห้องแถวชั้นเดียวในตลาดบางเลน บ้านเลขที่ 134 หมู่ 8 ต.บางเลน อ.บางเลน จ.นครปฐม โดยมีบุตร รวม 6 คน เป็น ชาย 4 คน และ หญิง 2 คน จุมพล เอียง พิตร อ้วน แหลม แ อรวรรณ
หน้า 8 1.ค้าปลีกน้ําแข็ง การค้าของครอบครัวเตี่ย (กุศล)ค้าน้ําแข็งปลีกส่งในตลาดบางเลน โดย รับน้ําแข็งถัง จากโรงน้ําแข็ง (น้ําแข็ง 1 ซอง มี3 ถัง ๆละ 4 กั๊ก แต่ละกั๊กนํามา แบ่งเป็นก้อน(มือ) ใช้เลื่อยแบ่งเป็นบั๊งๆ ประมาณ 4-5 บั้ง(ก้อน) นําส่งตามร้าน โดยใช้แกลบฝังกลบเพื่อให้ละลายช้า และเตี่ยหารายได้เสริมด้วยการพายเรือขาย กาแฟตามแม่น้ําท่าจีน(แม่น้ํานครชัยศรี) ตั้งแต่ตลาดบน จนเกือบถึงวัดเกษมฯ หากวัดใดมีฝนตก ก็จะหยุดพายเรือขายฯ อยู่อาศัยกับก๋งเกี๊ยกและอาม้าทุเรียน ณ บ้านริมน้ําติดหลังบ้านหมอเพ็ง โดยเช่าที่ดินของครูมนัสฯ เป็นที่พัก ที่เก็บ น้ําแข็งส่ง และจอดเรือฯ มารับน้ําแข็งเป็นซองถัง ที่โรงน้ําแข็ง อยู่เหนือตลาดบางเลน นําเรือยนต์มารับน้ําแข็งที่โรงน้ําแข็ง
หน้า 9 (เป็นเรือพายขายกาแฟด้วย) 2. ขายกาแฟโบราณ - พายเรือขายกาแฟโบราณ (แม่น้ําท่าจีน) การค้าขายก็ยังมีเตี่ย(กุศล) เป็นหลักของครอบครัวใหญ่ เนื่องจาก ก๋งเกี๋ยก เสียชีวิต จึงเป็นกงสี คอยดูแลอาม้า(ทุเรียน) กับน้องชาย 2 คน คือเจ๊กเบิ้ม และ เจ๊กชัย ส่วนน้องชายคนที่สอง เจ๊กเปียแยกไปเปิดร้านขายกาแฟใกล้ที่ว่าการอําเภอฯ การค้าขายพายเรือขายกาแฟตามลําแม่น้ํา และออกร้านขายกาแฟในงานเทศกาล ต่าง ๆ เช่น งานวัดฯ จําได้ว่าวันเกณฑ์ทหารฯ ออกร้าน ปักเสาด้วยไม้ไผ่ ผูกเชือกผ้าใบกางร่ม ตั้งร้าน ขายดีทั้งกาแฟ น้ําขวด ล้างถ้วยจนมือเซีดขาวไม่หยุด ตอนปิดบัญชีฯเตี่ยบอกว่าวันนี้ขายได้ ได้เงินมา 3,000.-บาท ในสมัยฯนั้น ราคากาแฟเย็น/ร้อนแก้วละ 75 ส.ต. น้ําขวดเช่นเป๊ปซี่ แฟนต้า ฯลฯ ขวดละ 1 บาท น้ําแข็งเปล่า ถ้วยละ 25 ส.ต. เท่านั้น เรือพายเป็นอะไหล่มารับน้ําแข็งจากโรงฯ
หน้า 10 ช่วงก่อนหน้าปี พ.ศ.2505 การค้าขายน้ําเข็งส่ง และพายเรือขายกาแฟ มีรายได้ไม่ ต่อเนื่อง ลุ่มๆดอนๆ ตามฤดูกาล เช่นในฤดูฝน และฤดูหนาว จะมีเวลาว่างจากการส่งน้ําแข็ง ปลีกในตลาดบางเลน หากมีฝนตกก็หยุดพายเรือขายกาแฟ เตี่ยจะใช้เวลาว่างด้วยการเล่นการ พนันฯ ทราบจากเพื่อนๆของ เตี่ยว่ามีฝีมือในการเป็นจ้าวมือ เขย่าไฮโลเก่ง มีเพื่อนรัก คือ เฮียช้า (ลูกชายเจ๊กกุ่ย คหบดีค้าส่งปลาฯ) เป็นนายทุนร่วมเป็นจ้าวมือด้วยกัน จะได้มากกว่า เสีย เพราะส่วนใหญ่กลับมาช่วงเช้า จะซื้อไข่มาลวก ทําให้ลูก ๆ ได้ทานในตอนเช้า หากเสีย มาก็จะมีปากเสียงกับแม่ล่วนเช็ง (ตัวเล็ก ขยันและอดทนมาก แถมทํากับข้าวอร่อยฯ) - ขายบนรถเข็น บริเวณใกล้โป๊ะ ท่าเรือบางเลน ตั้งแต่ปี 2505 เริ่มตั้งแต่พ.ศ.2505 เตี่ย(กุศล) ริเริ่มใช้รถเข็นขายกาแฟใกล้ที่ทําว่าการอําเภอ บางเลน โดยขอยืมเงินจากแม่ยาย(ยายกิมเลี้ยง) เป็นเงิน 3,000.-บาท โดยติดต่อช่าง ในตัวเมืองนครปฐมสร้างรถเข็น แรกเริ่มใหม่ๆ มีตํารวจจราจรฯ(สตอ. วิเชียรฯ) สภอ.บางเลน เข้ามาเตือนว่าอย่าจอดฯประจําผิดกฎหมาย ซึ่งเตี่ย ได้มีการเข็นรถเก็บไว้ที่บ้าน ในตลาด หลังเลิกขายประมาณ 3 ทุ่ม โดยมีตะเกียงเจ้าพายุให้ความสว่าง และ
หน้า 11 ช่วงเช้าตีสี่ ก็เข็นรถออกมาขาย ต่อมาได้ทําเลมีที่ว่างจึงนํารถเข็นตั้งขายประจําอยู่ ใกล้กับท่าโป๊ะเทียบเรือบางเลน ซึ่งอยู่ใกล้กับอําเภอฯและสถานีตํารวจภูธรบาง เลน ด้านหลังมีต้นสน ที่ปลูกเป็นแนวตลอดริมฝั่งแม่น้ํา จัดหาโต๊ะนั่งพับได้ ประมาณ 3-4 ตัว และบริการส่งกาแฟให้กับข้าราชการอําเภอ กับ โรงพักฯ และ นักโทษ ที่อยู่ในห้องขังฯ ร้านกาแฟจึงกลายเป็นแหล่งพบปะพูดคุยของข้าราชการ และประชาชนช่วงเช้าและเย็น ในเวลาต่อมา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 เป็นต้นมา เตี่ย ออกรถเข็นขายกาแฟ มา เริ่มตั้งแต่เวลาเช้าประมาณตีสี่เข็น รถฯออกจากบ้านเตรียมตั้งไฟ ต้มน้ําร้อน เรียงอุปกรณ์กาแฟ ต่าง ๆ รอบริการลูกค้าทุกเช้า แทบไม่มีวันหยุด แม้ฝนตกฟ้าร้อง ถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเตี่ย ไม่มีเวลาว่างไปเล่นการ พนันอีก เตี่ยจะกลับเข้าบ้านมาพักฯเมื่อเวลา 11.00 น. เพื่อมาทานข้าว -เช้ากลางวัน และ นอนพักผ่อน จะมีแม่ล่วนเช็ง และ เฮียจุมพล และบางวันก็จะมีเจ๊กเบิ้ม เจ๊กชัย มาอยู่ร้าน ช่วยเตี่ย ขายฯ และช่วงบ่ายเตี่ยจะมาออกขายต่อจนปิดร้าน ประมาณ เวลา 23.00 น. ทุก วัน มีบางวันที่เตี่ยเหนื่อยฯ ก็จะออกปากบ่นกับลูกๆว่าพรุ่งนี้เช้า จะปลุกพวกเอ็ง (ลูกๆ) ให้มาช่วยเปิดร้านฯบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้ยินเตี่ยปลุกเรียกลูกๆ ให้ตื่นนอนในตอนเช้า เพื่อมา ช่วยเปิดร้านฯเลยสักครั้ง..
หน้า 12 1. เริ่มขายออกรถเข็นขายกาแฟใหม่ ๆเตี่ยหาซื้อเมล็ดกาแฟ มาจากกรุงเทพฯ นํามาขั้วกับมาการีน (กระป๋องสีเหลือง) กับกระทะใบใหญ่ ใช้พายไม้กวน ที่หลัง บ้าน(ในตลาด) มีควันพวยพุ่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งตลาด ตากแห้ง และนํามา ใส่ปี๊บกาแฟ นํามาบดใส่กระป๋องเพื่อเตรียมจะชงชายให้กับลูกค้า เป็นที่ติดใจใน รสชาติ เพราะรสชาติหอม ขมกลมกล่อม ทานแล้วหอมกาแฟอยู่ในลําคอ เป็นที ติดใจของคอกาแฟโบราณ (รสชาดไม่แพ้กาแฟสดปัจจุบัน กรุ่นกาแฟหอมคอ) การค้าแทบจะไม่มีวันหยุดแม้ฝนตกฟ้าร้อง เป็นที่พบปะพูดคุยของลูกค้า (ข้าราชการ ประชาชน) ช่วงเช้าและ ค่ําเพราะจุดตะเกียงจ้าวพายุให้แสงสว่าง เป็นลานโล่งติดกับแม่น้ํามีลมพัดผ่าน อยู่ติดกับท่าโป๊ะบางเลน ซึ่งในช่วงนั้นก็มี โรงปั่นกระแสไฟฟ้าของ กฟภ. ใช้ในตลาดบางเลน ตั้งแต่ 18.00 น.– 22.00 น.
หน้า 13 เตี่ยเป็นกรรมการดูแล เก็บรักษาพื้นไม้ปูโรงงิ้วให้กับเจ้าแม่คงทอง (ทับทิม) มีการ คัดเลือกเถ้านั้งในแต่ละปีคัดเลือกรายชื่อฯประมาณ 4-5 คน ด้วยการโยนติ้ว ซึ่งเตี่ยก็เคย ได้รับการถูกเลือกในบางปีเหมือนกัน เถ้านั้ง มีหน้าที่จัดหารายได้จากการประมูลขาย ของ เช่น ลอตเตอร์รี่และผลไม้ ฯลฯ รับผิดชอบค่าจ้างอุปรากรจีน(งิ้ว) ขาดเหลือ ก็ร่วมแชร์ค่าใช้จ่าย ตลาดบางเลนมีน้ําท่วมเกือบทุกปี เตี่ยก็จะขอยืมไม้ปูโรงงิ้วที่ ดูแล มาปูพื้นร้านกาแฟ ใกล้ท่าโป๊ะ เพื่อทํามาค้าขาย โดยเตี่ยเคยบอกว่าไม้พื้น เก็บกองไว้เฉยๆ ไม่ได้ทําประโยชน์อะไร จึงขอเช่าฯ ด้วยการบริจาคเงิน แต่ก็มี บุคคล ชื่อ อ้ายผ่อง (ลูกเจ๊กขายขนมเปี๊ยะ เฮ่งเฮียง) คอยตําหนิและต่อว่า อยู่ บ่อยครั้ง พื้นไม้ของโรงงิ้ว นํามาปูยกพื้น หนีน้ําท่วม
หน้า 14 ช่วงปี พ.ศ. 2508 การค้าเริ่มมั่นคง เตี่ยได้ริเริ่มต่อเติมบ้านในตลาดให้เป็น 2 ชั้น ติดต่อช่างไม้รับสร้างบ้าน (ช่างซ้ง) ต่อเติมบ้านในตลาด เป็น 2 ชั้น เห็นามีรถบรรทุก 10 ล้อ จัดส่งไม้เต็มคันรถ เช่น เสาไม้ พื้นไม้ จากกรุงเทพฯ รวมเป็นเงิน 30,000.- บาท ช่วงสร้างบ้าน เตี่ยเอาใจช่างฯและทีมงาน 3-4 คน ด้วยการทุกเช้าก่อนเริ่มงานจะ ชงกาแฟ และปาท่องโก๋ ให้ทุกวัน ส่วนค่าแรงงานสร้างบ้านนั้นเป็นรายวันฯ การ สร้างใช้เวลานานหลายเดือนมาก ช่างประวิงค่าแรงงาน เช่นทุกวันก่อนเริ่มงานช่างซ้ง (หัวหน้าช่างฯ) จะใช้เวลานั่งขัดฟันเลื่อยไม้ด้วยตะไบอยู่นาน ทุกวัน ถ่วงเวลาในการทํางาน โดยเตี่ยเกรงใจฯ ไม่กล้าตําหนิช่างฯเลยสักคํา ช่วงปี พ.ศ.2509เป็นช่วงถูกข้าราชตํารวจ สภอ.บางเลน กลั่นแกล้ง ช่วงเลือกตั้ง กํานัน ต.บางเลนแทนกํานันจันทร์ พวงสุมาลี(เสียชีวิต) มีผู้สมัคร 2 ท่าน คือ ผู้ใหญ่ พะยอม ไทยโพธิ์ศรี และ นายวันชัย(เฮียชุ้น) ดาวเจริญ เป็นพี่ชายของนายชัยยศ ดาวเจริญ เป็นเพื่อนสนิทของข้าฯ เรียน อยู่ รร.บางเลนวิทยา ด้วยกัน มาร้องขอให้เตี่ยและแม่ช่วย ลงคะแนนเลือกพี่ชายคือเฮียชุ้น ต่อมาวันเลือกตั้งการลงคะแนน เตี่ย และ แม่ ต่างก็แบ่งการ ลงคะแนนให้กับผู้เข้าแข่งขันฯ ทั้งสองคน แต่มีตํารวจที่เฝ้าศูนย์ลงคะแนนเลือกตั้งฯไปฟ้อง พี่ชายของผู้แพ้การเลือกตั้ง คือ สตอ.ประยูร ไทยโพธิ์ศรี ผู้มีบารมีอยู่ที่ตลาดบางไทร ว่า เห็นเตี่ยลงคะแนนให้กับเฮียชุ้น ซึ่งชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้น จึงเกิดแค้นเคืองเตี่ย คิดจะกลั่น แกล้งด้านอาชีพต้าขายและข่มขู่ มีการออกทุนให้จ่าตํารวจฯ(ลืมชื่อ) แต่เป็นน้องเมียของผู้ กํากับการ สภอ.บางเลน นามว่า พตต.สุดใจ พลอยสุขมาตั้งร้านกาแฟ มาแข่ง กางเต้นถาวรหน้า โรงพักฯ อยู่ใกล้ๆ กันร้านเรา เตี่ยเตรียมป้องกันตัว ได้ติดต่อขอซื้อปืนเถื่อน 11 มม.จากเพื่อน ของคนชื่อ ”หมอ” เป็นลูกนายอําเภอบางเลน (นายอาณัติ กระสินธ์) มาเก็บไว้ที่บ้าน(ต่อมาได้ จดทะเบียนปืน ตาม กม.) ซึ่งร้านค้ากาแฟเฉพาะกิจตั้งใหม่ ได้เลิกลาในเวลาต่อมาไม่นาน
หน้า 15 ช่วงปี 2510 มีเหตุขายที่ดินทํานา ประมาณ 30 ไร่ แถว วัดไผ่คอกวัว เป็นมรดก ของแม่ล่วนเช็ง (ก๋งจุ้ยสุนและ นางกิมเลี้ยง เธียรดุสิต มอบให้) ได้รับ การติดต่อขอซื้อที่ดินฯ จากนายยม เปี่ยมค้า เจ้าพ่อวังตะกูเป็นคนสนิทรับใช้ ดูแลคอกม้าให้กับ พล.เอกกฤษ ศรีวะรา รอง ผบทบ.ต่อมาท่านได้เสียชีวิตลง นาย ยมฯจึงเป็นคนได้รับประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ช่วงเวลานั้นเป็นช่วง เศรษฐกิจดี การปั่นซื้อขายที่ดินดีมาก ได้มีการซื้อขายที่ดิน อี้ฮง(น้องสาวแม่) ไป ก่อนหน้าแล้ว แต่เตี่ยแม่ยังไม่ขาย ต่อมาเขามาขอซื้อให้ราคาเพิ่มเป็นไร่ละ ประมาณ 4,000.00 บาท รวมเป็นเงิน 120,000.00 บาท จึงตกลงขาย และนาย ยม เปี่ยมค้า ออกเช็คฯ มอบให้และธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน(เช็คเด้ง) ในเวลา ต่อมา นายยมฯเคย ขับรถฯมารับเตี่ยในตอนเย็น ให้มารับเงินก้อน แต่เตี่ยไหวทัน ไม่ยอมมาด้วย กอปร ท่านผู้กํากับเมืองนครปฐม คือ พตอ.สุดใจ พลอยสุข ท่าน เคยเป็นผู้กํากับฯที่ สภอ.บางเลน ซึ่งเตี่ยบริการส่งการแฟ เช้าเย็น (ด้วยความนับ ถือ) ทุกวันทําการ ท่านทราบและกําชับให้ผู้กองฯ แจ้งกับนายมฯให้จ่ายเงินตาม เช็ค และได้น้องสาวแม่ คุณกาญจนา ทองดอนสนธิ์ ได้ช่วยประสานงานรีบนํา เช็คมาขึ้นเงินที่ธนาคารฯ ได้ก่อนคนอื่น ๆ เพราะมีเจ้าหนี้หลายรายจะรอขึ้นเช็ค เหมือนกัน ช่วงเช็คเด้ง มีคนแนะนําไปขอบนให้เจ้าแม่คงทอง (ทับทิม)ช่วย บ้าน คนทรงอยู่ในคลองพระพิมล เลยศาลเจ้าไปหน่อย หากพายเรือเข้าคลองก่อนถึง ประตูน้ําพระพิมล บ้านคนทรงอยู่ด้านซ้ายมือ เสียค่าทําพิธีฯ หลายตังค์ เพื่อทํา ไสยศาสตร์ฯลฯ แม้ต่อมา เตี่ยจะได้รับเงินตามเช็ค แต่ก็ถูกนายยมและเจ้าหน้าที่ ที่ดินร่วมมือฉ้อฉลฯ ด้วยการบันทึกราคาซื้อขายเกินจริง เพื่อจะขอกู้เงินธนาคารฯ ซึ่งต่อมาอีกหลายปี กรมสรรพากรฯการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังอีกหลายสตางค์
หน้า 16 เรื่องของจ่าพุ่ม ลูกหนี้ทีเด็ด เป็นข้าราชการตํารวจหัวเถิก สูงชะลูด หน้า ดุ คล้ายแขก าจําได้เมื่อครั้งเรียนอยู่ชั้นประถมฯมาวิ่งเล่นแถวหน้าโรงพัก สภอ. บางเลน จ่าพุ่มกําลังปฎิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก ได้ บอกข้าพเจ้าให้ไปบอกเตี่ยเอ็ง ให้มามอบตัว เพราะติดตามจับคนเล่นไพ่ หลายคน และเห็นเตี่ยมาร่วมเล่นการ พนัน แต่หนีไปได้ โดยต่อมาเตี่ยก็มามอบตัว เห็นเตี่ยหอบสื่อและหมอนมาที่ โรงพักด้วย.. เมื่อครั้งที่เตี่ยตั้งหลักรถเข็นขายกาแฟที่ท่าโป๊ะฯและใกล้ โรงพัก สภอ.บางเลน และที่ว่าการอําเภอบางเลน จะมีพนักงานราชการทานการแฟ ขึ้น บัญชีค้างชําระหนี้สิน จะชําระตอนสิ้นเดือนช่วงเงินเดือนออก ซึ่งมีจ่าพุ่มเป็น ลูกหนี้ เป็นคนประหยัดฯมากไม่ค่อยทานอะไร แต่จะซื้อเชื่อเฉพาะบุหรี่เท่านั้น (กําไรน้อย) ทุกสิ้นเดือน คุณแม่ล่วนเช็งจะมานั่งดีดลูกคิดรวมตัวเลขในบัญชีลูกหนี้ ที่จดไว้กับเตี่ย พร้อมบันทึกยอดเงินที่จะเก็บ เมื่อมีการชําระก็จะใช้ปากกาขีดฆ่า ในบัญชี มีอยู่เดือนนึงที่เตี่ยขีดฆ่าผิดคน แต่ด้วยความซื่อ เมื่อเรียกเก็บเงินกับจ่า พุ่ม ได้บอกจ่าพุ่มก่อนว่าผมได้ ขีดฆ่าผิดคน และขอเรียกเก็บเงิน แต่จ่าพุ่ม อิดออด ว่าขอคิดดูก่อนว่าชําระหนี้ฯหรือยัง? รุ่งขึ้นจ่าพุ่ม มาบอกเตี่ย ว่าพอจจะ จําได้รางๆ ว่าชําระหนี้ฯแล้ว เตี่ยรับฟังไม่ว่าอะไร แต่ได้บอกจ่าพุ่มว่า ต่อไปขอให้ ซื้อขายเงินสด ห้ามเชื่อ......แล้วแกก็หายหน้าไปเลย
หน้า 17 3.เช่าที่ราชพัสดุตั้งร้านปลูกสร้างถาวรณ จุดตั้งรถเข็น ประมาณปี2510 เทศบาลอําเภอบางเลน เปิดให้ร้านค้าบริเวณริมน้ํา สามารถสร้างเรือน แถวชั้นเดียวเพื่อทําการค้า และเสียค่าเช่าฯในแต่ละปี ต่อมา ประมาณปี พ.ศ. 2512 ได้ติดต่อ ตี๋เกี้ย(ลูกเจ๊กตึ้ง) “นายสมชาย เมธวัฒน์ธรากุล”เป็นวิศวกร ข้าราชการของกรมโยธาธิการ ช่วยออกแบบต่อเติมหลังบ้านยื่นออกไปริมน้ํา (มี การลุกล้ําตลอดริมแม่น้ําท่าจีน) เคยถูกร้องเรียนฯ แต่กรมเจ้าท่าไม่เอาความ
หน้า 18 ที่ดินราชพัสดุ ยกเลิกการเช่า รื้อถอน เมื่อ ปี 2559 รวมระยะเวลาที่ อาศัยที่ราชพัสดุ ทําการค้า ประมาณ 54 ปี โครงการปรับปรุงตลาดบางเลน โดย อดีตรองอธิบดีกรมโยธาธิการ (ตี๋เกี้ยลูก เจ๊กตึ้ง) “นายสมชาย เมธวัฒน์ธรากุล” จัดสรรงบฯรัฐ มาดําเนินการพัฒนา ตลาดบางเลน ใหม่
หน้า 19 ประมาณปี พ.ศ.2513 คุณแม่ล่วนเช็งฯ อายุประมาณ 50 กว่าปี เริ่มมี อาการปวดเมื่อยตามข้อกระดูกหายยาสมุนไพร จีน ทาน และหาหมอคลินิกฯจ่าย ยาทานแก้ปวด คลายกล้ามเนื้อ (มีสารสเตอร์ลอยด์) จนขาดยาไม่ได้ เช้าวันหนึ่ง คุณแม่เตรียมข้าวของใส่บาตรพระ มีอุบัติเหตุ หกล้ม (กระดูกบริเวณสะโพกหัก) รุ่งขึ้นเตี่ยมอบให้ญาติพาไปหาหมอคลินิคที่บ้านแพ้ว สมุทรสาคร เป็นคนบางเลน และเป็นหมออยู่ รพ.ศิริราช เพื่อรักษาฯและขอความช่วยเหลือส่งเข้ารักษา รพ.ศิริราช ท่าน เขียนจดหมายแนบความว่า “ถึงแพทย์เวรฯ ผู้ตรวจ โปรดให้ความอนุเคราะห์รับ เป็นคนไข้ในด้วย ” รุ่งขึ้น ไป รพ.ศิริราช แพทย์ตรวจฯคุณแม่ฯนอนอยู่ในเตียง รอตั้งแต่เช้า-บ่าย ไม่มีเตียงว่าง จึงตัดสินใจพาแม่ เข้า รพ.ธนบุรี เอกชน แถว พรานนกฝั่งธนบุรี โชคดี ได้เป็นคนไข้ของอาจารย์หมออํานวย (แพทย์กระดูก และข้อ ของ รพ.ศิริราช) รักษาทําการผ่าตัดเปลี่ยนข้อกระดูกสะโพกใหม่ หาก ชักช้าอาจจะเสียชีวิตเพราะโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวด เป็นต้น ภายหลังรักษา หายแล้ว ร่างกายของคุณแม่พบว่าเป็นโรครูมาตอยด์ปวดตามข้อมือ และเท้า เดินเหินไม่คล่อง ต้องพักอยู่ที่บ้าน ไม่สามารถออกมาช่วยเตี่ยค้าขายได้ ลูกๆ วิเคราะห์สาเหตุว่าเกิดจากขาดด้านสารอาหารที่ดี เพราะขยัน ยุ่งแต่การค้าขาย การกินอยู่ไม่เป็นเวลา นอกจากช่วยเตี่ยค้าขายแล้ว งานบ้านทุกอย่างคุณแม่เป็น คนจัดทําให้กับครอบครัวทั้งหมดอีก ........ คุณแม่ล่วนเช็ง รักษาอาการป่วยทานยาฯ อยู่ที่บ้าน จนสิ้นอายุขัย เมื่อมีอายุประมาณ กว่า 60 ปี จากความดันสูง เส้นโลหิตในสมอง แตก เสียชีวิตที่ สถานีอนามัยอําเภอบางเลน
หน้า 20 ช่วง พ.ศ.2510 นายอําเภอบางเลน (นายอาณัติ กระสินธิ์) ท่านเดินผ่าน ร้านขายกาแฟ รถเข็น (ตั้งขายประจําฯ)ใต้ต้นสนริมน้ํา เพื่อกลับที่บ้านพักริมน้ํา ทุกวัน มองเห็นหน่วยก้าน พี่ชาย(เฮียอื๋อ) ช่วยเตี่ยขายกาแฟทุกวัน พอดีเจ้าหน้าที่ ทําบัตรประชาชน เสียชีวิต ท่านจึงขอเตี่ยช่วยปล่อยลูกชายมาทํางานอําเภอฯ (ลูกจ้าง) เตี่ยคิดตรองอยู่หลายวัน จึงอนุญาต พี่ชายเฮียอื้อ อยู่ทํางานที่อําเภอ ฝึกงานติดต่อประชาชนที่มาถ่ายรูปทําบัตรประชาชน สมัยนั้นชาวบ้านเกรง ฯ ข้าราชการ ได้มาพบเสมียนใหม่บริการและพูดจาดี ต่อมาประมาณ ปี พ.ศ.2512 เฮียอื๋อก็สามารถสอบบรรจุเข้ารับราชการฯได้โดยมีหมอเปี๊ยก เป็นประธานฯใน การสอบคัดเลือก ได้มีเฮียปุ้ย เป็นพ่อค้า (เฮียหลิมฯยุให้มาสอบ) ได้เข้ามา สอบแข่งขันด้วย…. บริการรับใช้ประชาชนฯ จนได้รับโล่ ห์ดีเด่น จากสโมสรโรตารี่บางเลน และ ชมรมกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน
หน้า 21 ประมาณปี 2527 เตี่ยเริ่มมีน้ําหนักตัวลดลง มีอาการไอเนื่องจาก (เตี่ยมีการ สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ) ปี 2528 นําเตี่ยมาตรวจที่ รพ.กรุงธน ตามที่มีผู้ แนะนําฯ หมอฯตรวจพบเนื้อร้ายที่ปอด(มะเร็ง)ระยะที่สี่ แจ้งให้ญาติทราบโดยเตี่ย ไม่รู้ พอถึงปลายปี2528 เริ่มมีอาการทรุดลงฯ จึงได้นําส่ง รพ.กรุงธน อีกครั้ง ทีม แพทย์รักษาตามอาการ ละเลยการดูแล จับคนไข้ตรวจทุกอย่างเพื่อเพิ่มยอดการ รักษาฯข้าฯจึงประสานงานติดต่อ กับอาแป้ว (น.ส.มาลี สนธิเกษตริน) อดีตอาจารย์พยาบาล ศิริราช ช่วยประสานงานกับลูกศิษย์พยาบาลฯ รับเตี่ยเข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.ศิริราช ในปีพ.ศ. 2529 ทําให้มีอาการดีขึ้น เตี่ยนอนพักอยู่เตียงรวม โดยมี ลูกสาว (อรวรรณ) และ หมอนวดคุณยายฯ (แม่ยาย จสต.ชํานาญ เพื่อนเฮียอื๋อ) นอนเฝ้าไข้ ทุกวันสลับเวรฯกัน จนถึงวันที่ 4 เมย.2529 เตี่ยได้จากไปสู่สุคติด้วย โรคมะเร็งปอดฯ ท่าน เป็นตัวอย่าง สร้างฐานะครอบครัว ด้วยความมานะ ซื่อสัตย์ อดทนฯ รูปครอบครัว นายกุศล-นางล่วนเช็ง กีรติอาภากุล เตี่ยกุศล (ก๊าด) คุณแม่ล่วนเช็ง อาม้าทุเรียน คุณยายกิมเลี้ยง