สบื ฮตี ฮอย รอยวถิ ีพุทธ : สินไซบุญข้าวจ่ี วดั ไชยศรี บา้ นสาวะถี จังหวัดขอนแกน่
นางสาวปราณพชิ ญ์ ปรุ มั พกา
(ภาพจาก เพจศนู ยว์ ฒั นธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น)
ฮีตสิบสอง ที่คนอีสานยึดถือน้ันมาจากคําสองคําได้แก่ ฮีต คือคําว่า จารีต หมายถึงความประพฤติ ธรรม
เนียม ประเพณี ความประพฤติท่ีดี ดังน้ันฮีตสิบสองจึงหมายถึงประเพณีทีประชาชนในภาคอีสาน ปฏิบัติกันมาใน
โอกาสต่าง ๆ ท้ังสิบสองเดือนของแต่ละปีเป็นการผสมผสานพิธีกรรมท่ีเก่ียวกับเรื่องผีและพิธีกรรมทางการเกษตร
เข้ากับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ส่วนอีกคําคือ คองสิบส่ีเป็นคําและข้อปฏิบัติคู่กับฮีตสิบสอง คองแปลว่า แนวทาง
หรือครรลอง ซ่ึงหมายถึง ธรรมเนียมประเพณีหรือแนวทางและสิบสี่ หมายถึงข้อวัตรหรือแนวทางปฏิบัติสิบส่ีข้อ
ดังนั้นคองสิบส่ี จึงหมายถึงข้อวัตรหรือแนวทางที่ประชาชนทุกระดับนับต้ังแต่พระมหากษัตริย์ ผู้มีหน้าที่ปกครอง
บ้านเมือง พระสงฆแ์ ละคนธรรมดาสามญั พึงปฏิบัตสิ บิ สี่ข้อ (ปรีชา พินทอง. ๒๕๓๔ : ๗๓๘-๗๔๒)
บุญข้าวจ่ี เป็นบุญท่ีเกิดข้ึนในเดือนที่สาม หรือเดือน กุมภาพันธ์ ตามปฏิทินจันทรคติ ประเพณีบุญข้าวจี่
เปน็ สิ่งที่มกี ารยดึ ถือและปฏิบัติสืบเน่อื งมาอย่างยาวนาน เกิดจากความสมัครสมานของชมุ ชน ชาวบ้านจะนัดหมาย
กันมาทําบุญร่วมกันโดยช่วยกันปลูกผามหรือปะรําเตรียมไว้ในตอนบ่าย ครั้นเม่ือถึงรุ่งเช้าในวันต่อมาชาวบ้าน จะ
ช่วยกันจ่ีข้าวหรือป้ิงข้าวและตักบาตรข้าวจ่ีร่วมกัน หลังจากนั้นจะให้มีการเทศน์นิทานชาดกเรืองนางปุณณทาสี
เป็นเสร็จพิธี (ปรชี า พนิ ทอง. ๒๕๓๔ : ๗๓๘-๗๔๒)
ปัจจุบันบุญข้าวจี่ไม่ไดร้ ับความนิยมมากนักและมีแนวโนม้ ท่ีจะสูญหายไป ดังน้ันมหาวิทยาลัยขอนแก่นจึง
ไดร้ ่วมมือกับทางชุมชนบ้านสาวะถี ชว่ ยกนั รื้อฟื้น อนุรกั ษ์ และสืบสานบุญข้าวจีแ่ บบดั้งเดิมให้กลับมามีชวี ิตอกี คร้ัง
ด้วยการจัดกิจกรรมประเพณีบุญข้าวจ่ีแบบด้ังเดิมบ้านสาวะถี จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่วันท่ี ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ถึง วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ให้ผู้ที่สนใจในบุญประเพณีเดือนสาม และสนใจในวัฒนธรรมอีสาน อาทิ หมอลํา
พันปีพื้นบ้าน การทําบายศรี ได้เข้าร่วมกิจกรรมและมีโอกาสได้ฝึกร้องฝึกลํา ฝึกทําบายศรี ขันหมากเบ็ง จาก
ชาวบา้ นทีไ่ ดถ้ า่ ยทอดความร้ใู นแตล่ ะฐานใหอ้ ยา่ งเต็มที่
ในช่วงเช้าของวนั ที่ ๙ ไดม้ กี ารจัดใหม้ ีการเสวนาด้านวฒั นธรรมเก่ียวกับ บญุ ข้าวจี่ โดยวทิ ยากรผ้เู ชี่ยวชาญ
เพ่อื ใหค้ วามร้แู ก่ผเู้ ขา้ รว่ มงานในครงั้ น้ี
กจิ กรรมการเสวนา (ภาพจาก เพจศูนยว์ ัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแกน่ )
กลมุ่ ฐานการเรียนรหู้ มอลา (ภาพจาก เพจศนู ย์วฒั นธรรมมหาวิทยาลัยขอนแกน่ )
กลุ่มฐานการเรยี นรู้ การสาธิตทาบายศรี และขันหมากเบง็
กล่มุ ฐานการเรยี นรู้ การวาดภาพผะเหวด (ภาพจาก เพจศูนยว์ ฒั นธรรมมหาวิทยาลัยขอนแกน่ )
นอกจากน้ียังมีนักศึกษาจิตอาสาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ลงแรงลงใจวาดผ้าผะเหวด ผืนใหม่ถวายเป็น
กศุ ลบญุ ให้แกว่ ัดไชยศรเี พื่อทดแทนผ้าผะเหวดผืนเดมิ
กิจกรรม สวดมนตท์ าวตั รเยน็ (ภาพจาก เพจศนู ย์วฒั นธรรมมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ )
กจิ กรรมการแสดงศลิ ปวัฒนธรรม (ภาพจาก เพจศนู ย์วัฒนธรรมมหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ )
ช่วงหัวค่ําของวันท่ี ๙ มีการสวดมนต์ทําวัตรเย็นตามพิธีพุทธ จากนั้นมีการแสดงโชว์ของนักศึกษาคณะ
ศิลปกรรมศาสตร์ วงโปงลางสินไซมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้บรรเลงเป็นมหรสพสร้างความรื่นเริงให้แก่ผู้ท่ีมาร่วม
รบั ชม
ช่วงเช้าของวันท่ี ๑๐ กุมภาพันธ์ เริ่มตั้งแต่เวลา ๐๓.๐๐ น. ชาวบ้านและผู้เข้าร่วมกิจกรรมช่วยกัน หุง
ข้าว ก่อไฟและต้ังเตาจี่ข้าวจ่ีสําหรับไว้ทานเองและเพ่ือทําบุญใส่บาตรด้วยข้าวจ่ี ซึ่งเป็นวิถีด้ังเดิมของบุญข้าวจ่ี มี
ผู้เข้าร่วมเป็นจํานวนมากท้ังชาวบ้านสาวะถี บุคคลภายนอก นักศึกษา และบุคลากรจากศูนย์วัฒนธรรม
มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
กิจกรรมการจ่ีขา้ วจีสมคั คตี ุม้ โฮม (ภาพจาก เพจศูนย์วัฒนธรรมมหาวทิ ยาลัยขอนแก่น)
กิจกรรมการตกั บาตรขา้ วจ่ี (ภาพจาก เพจศนู ยว์ ัฒนธรรมมหาวิทยาลัยขอนแกน่ )
กิจกรรมสินไซบุญข้าวจี่ ท่ีวัดไชยศรี หมู่บ้านสาวะถี จังหวัดขอนแก่น ที่จัดขึ้นโดยศูนย์วัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นการฟื้นฟูสืบสานศิลปะพื้นบ้านของชาว
อีสาน เช่น หมอลําพ้ืนบ้าน การทําบายศรีสู่ขวัญ และการร่วมแรงกันของนักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ในการ
วาดผ้าผะเหวดถวายให้แก่วดั น้ันถือเป็นกุศลอันย่ิงใหญ่ เป็นการสร้างแรงบันดาลใจท่จี ะช่วยสืบสานประเพณีอสี าน
อันงดงามและทรงคุณค่านีใ้ หม้ ีอยสู่ ืบไป
อ้างอิง
ปรชี า พินทอง. (๒๕๓๔), ประเพณโี บราณไทยอีสาน, พิมพค์ รั้งท่ี ๗ , กรุงเทพฯ, โรงพมิ พ์ศิรธิ รรม, ( ๗๓๘ -
๗๔๒)
ศนู ยว์ ฒั นธรรมมหาวิทยาลัยขอนแก่น. รูปกจิ กรรมภายในงาน, (๒๕๖๓)