The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ภูมิหลังและรูปแบบอโรคยาศาล กู่สันตรัตน์ จังหวัดมหาสารคาม

บทความโดย สาขาศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ภูมิหลังและรูปแบบอโรคยาศาล กู่สันตรัตน์ จังหวัดมหาสารคาม

ภูมิหลังและรูปแบบอโรคยาศาล กู่สันตรัตน์ จังหวัดมหาสารคาม

บทความโดย สาขาศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

ภูมิหลงั และรูปแบบอโรคยาศาล เป็ นพระราชธิดาของพระเจ้าหรรษวรมันท่ี ๓
พระองคท์ รงข้ึนครองราชยใ์ นปี พ.ศ. ๑๗๒๔ และ
ก่สู ันตรัตน์ จงั หวดั มหาสารคาม อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงชัยราชเทวี แต่พระนาง
สวรรคตเม่ือพระชนมย์ งั นอ้ ย พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗
โ ร ง พ ย า บ า ล ก ว่ า ๑ ๐ ๒ แ ห่ ง จึงทรงอภิเษกสมรสกบั พระนางอินทรเทวี ซ่ึงเป็ น
ทวั่ ราชอาณาจกั รของพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ ราวพุทธ พระพี่นางของพระนางชยั ราชเทวีอีกคร้ังหน่ึง พระ
ศตวรรษท่ี ๑๘ สถานพยาบาลท่ีถูกสร้างข้ึนตามราย นางอินทรเทวีทรงมีความรู้หลากหลาย ทรงรอบรู้
ทางโบราณของอาณาจกั รขอมสมัยพระนคร จะ ในปรัชญาและทรงนบั ถือพระพุทธศาสนามหายาน
เช่ือมกบั ปราสาทนครธม และปราสาทหินอื่นๆ ที่ (นวพรรณ ภทั รมูล, ๒๕๕๑) ยอร์จ เซเดส์ ผทู้ รงยก
พระเจา้ ชัยวรมนั ท่ี ๗ ได้แผ่พระราชอานาจไปถึง ย่องพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ เป็ นกษตั ริยย์ ่ิงใหญ่ท่ีสุด
และสร้างปราสาทหินเอาไว้ พระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี ๗ ในประวตั ิศาสตร์กมั พูชา รัชสมยั ของพระองคน์ ้นั มี
คือใคร ทาไมจึงต้องสร้างโรงพยาบาลไว้ทั่ว ความเร้นลบั และมีสิ่งที่ขดั แยง้ กนั หลายอยา่ ง ทาไม
ราชอาณาจักรของพระองค์ การสร้างเพื่อเป็ น ชยั วรมนั ท่ี ๗ จึงทรงเลือกท่ีจะแตกหกั กบั อดีตอยา่ ง
สถาน ที่ รักษ าพ ยาบาลของค นใน ชุ มชน ห รื อเพ่ื อ เด็ดเดี่ยว ฟิ ลิปป์ สเติร์น นักประวตั ิศาสตร์ศิลป์ ผู้
ประกาศศกั ดาความย่งิ ใหญ่ของกษตั ริยข์ อมโบราณ ศึกษาเก่ียวกบั รัชสมยั ของพระเจา้ ชัยวรมนั อย่างถี่
ใน บ ท ค ว าม ต่ อ ไ ป น้ ี จ ะ ข อ ก ล่ า วถึ ง ภู มิ ห ลัง ท า ง ถว้ นละเอียดย่ิง ช้ีให้เห็นถึงพฒั นาการสามข้นั ตอน
ประวตั ิศาสตร์ของรูปแบบสถาปัตยกรรมศาสน ของประติมาณวิทยาและสถาปัตยกรรม (P. Stern,
สถานประจาโรงพยาบาลในสมยั พระเจา้ ชยั วรมนั ที่ 1965) ซ่ึงสอดคลอ้ งไปดว้ ยกนั กบั การก่อสร้างสาม
๗ จากการลงพ้ืนที่ กู่สันตรัตน์ จ.มหาสารคาม ข้นั ตอนของกษตั ริยก์ มั พูชายุคแรกๆ ตามท่ีสเติร์น
ผูเ้ ขียนได้ศึกษาองค์ความรู้เบ้ืองต้นจากบทความ เองเป็ นผูท้ ่ีต้งั ขอ้ สังเกตไว้ นน่ั ก็คือ การก่อสร้างสิ่ง
เอกสารที่มุ่งความสนใจการสร้างสถาปัตยกรรมที่ สาธารณูปโภค สร้างเทวาลัยอุทิศให้บิดามารดา
เรียกว่า “อโรคยาศาล” (โรงพยาบาล) ในสมยั พระ แลว้ ก็สร้างเทวาลยั บนภูเขาของพระราชาเอง งาน
เจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ (พ.ศ. ๑๗๒๔ – ๑๗๖๑) สาธารณูปโภคของกษตั ริยพ์ ระองค์แรกๆ มกั เป็ น
การสร้างสระน้า (บาราย) อาจมีโครงการอื่นๆ เช่น
ราชอาณาจักรขอมมีความเจริ ญรุ่งเรือง การสร้างถนนหนทางและสะพาน แต่จารึกแทบไม่
สูงสุดในระหวา่ งพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ และได้ กล่าวถึงโครงการของชัยวรมนั ท่ี๗ เป็ นการกา้ วล้า
ขยายอานาจเข้าปกครองดินแดนบางส่ วนของ ออกมาจากอดีต โรงพยาบาลอาจสร้างตอนตน้ ราช
ประเทศไทยในปัจจุบนั โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาค กาล เริ่มจากทางตะวนั ตกของเมืองพระนคร ข้ึน
ตะวนั ออกเฉียงเหนือ จนกระทงั่ รัชสมยั ของพระเจา้ เหนือไปไกลจนถึงภาคกลางของลาว จารึกตาพรหม
ชัยวรมันท่ี ๗ พระองค์ทรงสื บเช้ือสายมาจาก
ราชวงศ์มหิธรปุระโดยทางพระราชบิดา (พระเจา้
ธรณินธรวรมนั ท่ี ๒) ส่วนพระราชมารดาน้นั ก็ทรง

กล่าวว่า โรงพยาบาลเหล่าน้ีสามารถให้บริการถึง ประเทศไทยมีจานวน ๒๒ แห่ง (สมนึก กุ่ยกระ
๘๓๘ หมู่บา้ น มีผใู้ หญม่ ารับบริการถึงแปดหมื่นคน โทก , ๒๕๕๑)
ดูเหมือนสิ่งตอบแทนท่ีผูใ้ ช่บริการตอ้ งจ่ายให้คณะ
ผูท้ างานและคนอาศยั โรงพยาบาลซ่ึงมีอยู่ราวร้อย ภาพ : รูปปั้นจาลองพระเจ้าชัยวรมันท่ี ๗
คน คือขา้ วของและการทางานใชแ้ รง จารึกเกี่ยวกบั ท่ีอุทยานปราสาทหินพิมาย
โรงพยาบาลให้รายละเอียดเก่ียวกบั บทบญั ญตั ิใน
การบริ หาร อาหารและอุปกรณ์ ต่างๆ รวมท้ัง “อโรคยาศาล” หรือ “โรงพยาบาล” ของ
คณะทางานซ่ึงประจาอยู่ที่น้ัน การสาธารณูปโภค พระเจ้าชัยวรมนั ท่ี ๗
ชุดที่สองของชยั วรมนั ท่ี๗ ก็คือ การสร้างท่ีพกั คน
เดินทางทุกระยะ ๑๖ กิโลเมตร (๑๐ ไมล์) ตลอด อโรคยาศาล ประกอบดว้ ยปรางค์ประธาน
ถนนสายหลกั ๆ ของกมั พูชามีท่ีพกั คนเดินทางใน มีอาคารที่เรียกวา่ บรรณาลัย สร้างดว้ ยศิลาแลง หนั
ลกั ษณะน้ี ๕๗ แห่ง บนเส้นทางระหวา่ งเมืองพระ หนา้ เขา้ สู่ตวั ปราสาทประธาน ลอ้ มรอบดว้ ยกาแพง
นครกับเมืองหลวงของจามปา และอีก ๑๗ แห่ง แก้ว ตาแหน่งของบรรณาลยั มกั จะอยคู่ ่อนไปท่ีมุม
ระหว่างเมืองพระนคร กับปราสาทพุทธศาสนา ดา้ นทิศตะวนั ออกเฉียงใตเ้ สมอ มีซุม้ ประตูทางเขา้ ท่ี
ที่พิมายในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของประเทศ เรียกว่า โคปุระ ทางด้านหน้าเพียงแห่งเดียว ต้งั อยู่
ไทย และสุดท้ายก็คือสระน้าของพระเจา้ ชัยวรมนั ใกลๆ้ จุดก่ึงกลางของกาแพงแกว้ ดา้ นทิศตะวนั ออก
ซ่ึงเดี๋ยวน้ีรู้จกั กนั ในนาม บารายเหนือ แต่ในสมัย บ ริ เว ณ ด้ า น น อ ก ก า แ พ ง แ ก้ ว ด้ า น ทิ ศ
พระองค์เรี ยกว่า ชยะตะตะกะ ต้ังอยู่ทางภาค ตะวันออกเฉียงเหนือจะมีบาราย (สระน้ า) รู ป
ตะวนั ออกเฉียงเหนือของยโศธรปุระ (แปลจาก A สี่เหล่ียมจตั ุรัส หรือที่เรียกว่า บาราย หรือสระน้า
History of Cambodia, David Chandler ผู้ แ ป ล ศักด์ิสิ ทธ์ิกรุ ด้วยศิลาแลง (นวพรรณ ภัทรมูล,
พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขนั ติวรพงศ์, วง ๒ ๕ ๕ ๑) อโรคยาศาลเป็ นสถาปั ตยกรรมที่ มี
เดือน นาราสจั จ,์ ๒๕๔๓) ประโยชน์ใช้สอยคือเป็ นโรงพยาบาลประจาชุมชน
การสร้างโรงพยาบาลในคร้ังน้ันจึงถือเป็ นกุศโล
พระเจ้าชัยวรมันทรงสร้างเมืองพระนคร บายที่สาคัญของพระองค์ท่ีจะสร้างความเป็ น
ปราสาทบายนอันย่ิงใหญ่ โบราณสถานอ่ืน ๆ ปึ กแผ่นของราชอาณาจกั รของพระองค์ (วิโรจน์
รวมท้งั ศาลาพกั ร้อนเป็นระยะ ๆ ตามรายทางและยงั
ได้สร้าง “อโรคยาศาล” (Hospital) จานวน ๑๐๒
แห่งกระจายในราชอาณาจกั ร อโรคยาศาล ในสมยั
น้ันที่ค้นพบในภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของ

ชีวาสุขถาวร, ๒๕๕๖) ศาสตราจารยย์ อร์ช เซเดส์ ก ารอ อ ก แ บ บ ส ถ าปั ต ย ก ร รม ข อ งศ าส น
(George Caedés) สันนิษฐานว่าจุดประสงค์ ของ สถานประจาอโรคยาศาลน้ันจะมีการออกแบบ
อโรคยาศาลมิใช่เป็นเพียงแต่โรงพยาบาลเท่าน้นั แต่ องค์ประกอบอาคารท่ีมีรูปแบบท่ีเป็ นมาตรฐาน
ยังใช้เป็ น ศาสนสถานสาหรับประชาชนตาม และมีการจดั วางตาแหน่งของรูปเคารพท่ีสัมพนั ธ์
แนวคิดพุทธศาสนานิกายมหายานด้วย (สมรัตน์ กบั ความเชื่อทางพุทธศาสนามหายาน กล่าวคือ ตวั
จารุ ลักษณานันท์, เทวารักษ์ วีระวัฒกานนท์ , ปราสาทประธานต้งั อยู่กลาง ภายในประดิษฐาน
๒๕๕๔) เทพประจาอโรคยาศาล มี ๓ องค์ อาคารบรรณาลยั
สร้างข้ึนเพื่อเป็ นห้องสมุด มีโคปุระหรือทางเขา้ อยู่
“เม่ือประชาชนมีโรคถึงความหายนะ ตาม ทางดา้ นทิศตะวนั ออกเพียงแห่งเดียว
ภาวะแห่ งกรรมด้วยการสิ้นไปแห่ งอายุเพราะบุญ
พระองค์ผู้เป็ นราชา ได้กระทาโคท่ีสมบูรณ์ ทั้งสาม ภาพ :รูปแบบอโรคยาศาล
เพ่ือประกาศยุคอันประเสริ ฐ” ข้อความน้ี เป็ น
ข้อความส่ วนหน่ึ งของจารึ กในกลุ่ มจารึ กพระเจา้ กู่สันตรัตน์
ชยั วรมนั ท่ี ๗ เพ่ือบอกถึงความมุ่งหมายในการสร้าง กู่สันตรัตน์ ถือเป็ นหน่ึงในอโรคยาศาลที่
สถานพยาบาล หรื อ ท่ีเรี ยกว่า “อโรคยาศาล” พบในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ สร้างร่วมสมยั พระ
เจ้าชัย ว ร มัน ที่ ๗ ร าว พุ ท ธ ศ ต ว ร ร ษ ท่ี ๑ ๘
จากขอ้ ความที่กล่าวถึงหน้าท่ีหลกั อโรคยา วตั ถุประสงค์ในการสร้างอโรคยาศาลน้ันเพื่อใช้
ศาลของพระเจา้ ชยั วรมนั ที่ ๗ พอจะตีความไดว้ า่ ใช้ เป็ นสถานท่ีรักษาผู้ป่ วยในชุมชนและบริ เวณ
เป็ นสถานพยาบาลสาหรับชุมชน เปรียบเสมือน โดยรอบ กู่สันตรัตน์ต้ังอยู่ท่ีอาเภอนาดูน จงั หวดั
สถานีอนามัยชุมชนปัจจุบัน นอกจากน้ียงั เป็ น มหาสารคาม เป็นศาสนาสถานประจาโรงพยาบาลที่
สถานที่พ่ึงทางจิตใจ ซ่ึงผปู้ ่ วยสามารถอธิฐานขอพร เรี ยกว่า “อโรคยศาล” ประกอบด้วยปราสาท
ให้ตนหายจากอาการป่ วย ตามแนวคิดพุทธศาสนา ป ระธ านท รงสี่ เหลี่ ยม เพ่ิ ม มุ ม ก่ อมุ ข ยื่นด้าน หน้า
นิกายมหายาน เทพประจาอโรคยาศาล มี ๓ องค์ หรือด้านทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ ที่มุมด้านหน้าก่อ
ดว้ ยกนั ไดแ้ ก่ พระไภสัชครุไวทูรย์ (พระโพธิสัตว์ ดว้ ยศิลาแลงและหินทรายลอ้ มรอบดว้ ยกาแพงศิลา
ไภษชั ยสุคต) หรือ เรียกอีกอย่างหน่ึงว่า พระชินะ
ถือเป็ นพระโพธิสัตว์พระองค์หน่ึ งผู้ประสาท
“ความไม่มีโรค” แก่ประชาชน เทพอีกสององคเ์ ป็ น
พระชิโนรส ได้แก่ พระศรีสูรยไวโรจนจนั ทโรจิ
และ พระศรีจนั ทรไวโรจนโรหินีศะ ผูข้ จดั ซ่ึงโรค
ของประชาชน (นวพรรณ ภทั รมูล, ๒๕๕๑)

แลงมีโคปุระหรื ออาคารประตูซุ้มขนาดใหญ่ ลกั ษณะรูปแบบทางสถาปัตยกรรมก่สู ันตรัตน์
ทางด้านทิศตะวนั ออกนอกกาแพง โบราณวตั ถุท่ี ๑. ปรางคป์ ระธานและอาคารพลบั พลาดา้ น
สาคญั ไดแ้ ก่ พระวชั รธร พระพุทธรูปนาคปรก พระ
โพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ประติมากรรมหินทราย ทิศตะวนั ออก
เหล่าน้ี เป็ นรู ปเคารพในพระพุทธศาสนาลัทธิ
มหายาน รูปแบบศิลปะขอมแบบบายน (ราว พ.ศ. ภาพ : ปรางค์ประธาน กู่สันตรัตน์
๑๗ ๒ ๐ - ๑๗ ๘ ๐) กรมศิลปากร ประกาศข้ึน
ทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ปรางคป์ ระธาน เป็ นปราสาทหลงั เดียวโดด
๕๒ วนั ที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ และประกาศ ต้งั อยบู่ ริเวณกลางลานภายในกาแพงแกว้ สร้างดว้ ย
ขอบเขตที่ดินโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา ศิลาแลง ตวั ปราสาทมีขนาดกวา้ งประมาณ ๗ เมตร
เล่มที่ ๙๙ ตอนท่ี ๑๕๕ วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ยาว ๘ เมตร แผนผงั เป็ นรูปส่ีเหล่ียมเกือบจตั ุรัสเพิ่ม
๒๕๒๕ พ้ืนที่ ๕ ไร่ ๓ งาน ๙๓ ตารางวา (เอกสาร มุม มีมุขยนื่ ออกมาทางดา้ นหนา้ (ทิศตะวนั ออก) ทา
ประกอบการบรรยายก่สู นั ตรัตน)์ หน้าท่ีเป็ นช่องทางเขา้ สู่ครรภคฤหะ มีลกั ษณะของ
การก่อสร้างโดยใช้ผนงั รับน้าหนัก ผนงั ของเรือน
ภาพ : ก่สู ันตรัตน์ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ธาตุท้งั ดา้ นทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวนั ตก ทาเป็ นซุ้ม
ประตูห ลอกท้ังส ามด้าน มุ ขทางเข้าด้าน ทิ ศ
ตะวนั ออก ผนงั มุขท้งั สองขา้ งเจาะเป็นช่องหนา้ ต่าง
ขนาดเล็ก หลงั คาของมุขก่อศิลาแลงแบบสันเหล่ือม
เหนือเรือนธาตุก่อเป็ นช้ันเชิงบาตรซ้อนลดข้ึนไป
หลายช้ันส่วนยอดปราสาทประธาน ลกั ษณะการ
สร้างน้นั จะก่อดว้ ยศิลาแลงต่อข้ึนไปจากผนังเรือน
ธาตุก่อข้ึนไปเป็ นช้ัน ๆ ลดหล่ันไปจนถึงยอด
บนสุด ตัวปราสาทประธานไม่ปรากฏลวดลาย
แกะสลกั แต่อยา่ งใด ท้งั ในบริเวณทบั หลงั และหน้า
บัน แต่บริ เวณเสาประดับกรอบประตูพบการ

แกะสลกั ท่ีเป็ นการข้ึนรูปลวดลายธรรมดาแต่ไม่มี โลกิเตศวรมาประดิษฐานแทนโคนนทิดงั กล่าวการ
รายละเอียด ห้องครรภคฤหะหรือห้องประกอบพิธี สันนิษฐานรูปแบบโคปุระท่ีกู่สันตรัตน์ สภาพ
มี ข น าด เล็ ก พ บ แ ท่ น เค าร พ หิ น ท ร าย ท ร ง ปัจจุบนั ส่วนยอดพงั ทลายไปหมด
สี่เหลี่ยมผนื ผา้

ภาพ : รูปเคารพภายในปรางค์ประธาน กู่สันตรัตน์ อ.นาดูน ภาพ : ลักษณะโคปรุ ะ มองจากด้านบน
จ.มหาสารคาม
๓. อาคารบรรณาลัย ต้งั อยู่ภายในกาแพง
๒. โคปุระหรือทางเขา้ ดา้ นทิศตะวนั ออก แก้วทางด้านทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ของปราสาท
โคปุระหรือทางเขา้ ประจาอโรคยาศาลมกั จะมีการ ประธาน แผนผงั เป็ นรูปสี่เหล่ียมผืนผา้ ก่อดว้ ยศิลา
สร้างเพยี งตาแหน่งเดียว คือ ดา้ นทิศตะวนั ออก โคปุ แ ล งข น าด ไ ม่ ให ญ่ ม าก นัก ปั จ จุ บัน อ ยู่ใน ส ภ าพ
ระท่ีกู่สันตรัตน์น้นั มีฐานเต้ียแผนผงั เป็นรูปกากบาท พงั ทลายมาก คงเหลือให้เห็นแนวผนังทางด้านทิศ
ภายในมีลกั ษณะแบ่งเป็ นห้องสามห้อง ห้องกลาง ใต้ ไม่ปรากฏหลกั ฐานใด ๆ ของส่วนยอดและวสั ดุ
ทาหน้าที่เป็ นทางเข้า-ออก พบประติมากรรม มุง
ลอยตวั รูปพระโพธิสัตวอ์ วโลกิเตศวรประทบั ยืน ๔
กร บริเวณห้องกลางทางเขา้ โคปุระ และพบแท่น ๔ . บ า ร า ย ห รื อ ส ร ะ น้ า ด้ า น ทิ ศ
ประดิษฐานรูปเคารพในบริเวณเดียวกนั โคปุระใน ตะวนั ออกเฉียงเหนือ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผา้ กรุดว้ ย
อาคารประเภทศาสนสถานท่ีได้รับวฒั นธรรมมา ศิลาแลง ลกั ษณะคอ่ นขา้ งสมบูรณ์
จากอินเดียจะพบว่า สร้างข้ึนเพื่อเป็ นช่องทางที่
เชื่ อ ม เข้าสู่ ตัวภ าย ใน ศ าส น ส ถ าน โด ยเป็ น ภาพ : บาราย กู่สันตรัตน์
แนวความคิดสัมพนั ธ์ระหวา่ งโลกและสวรรค์ตาม
คติความเชื่อทางศาสนาพราหมณ์ บางแห่งใช้เป็ น
สถานท่ีเพื่อ ประดิษฐานโคนนทิ สัตวพ์ าหนะของ
พระศิวะ แต่เม่ือมีการเปล่ียนคติความเชื่อมาเป็ น
ศาสนาพุทธ พ้ืนที่ดงั กล่าวจึงนาพระโพธิสัตวอ์ ว

๕. กาแพงแกว้ ที่กู่สันตรัตน์ปัจจุบนั ยงั คงมี ศาสนาฃสถานประจาโรงพยาบาล สมัยพระเจ้า
ส่วนท่ียงั คงสภาพค่อนขา้ งจะสมบูรณ์บริเวณแนว ชยั วรมนั ที่ ๗ ในเขตจงั หวดั นครราชสีมา สุรินทร์
กาแพงด้านทิศเหนือ ลักษณะท่ีปรากฏคือเป็ น และบุรีรัมย์, ๒๕๕๕. (online). เปิ ดข้อมูลเม่ือ ๒
กาแพงมีฐานเขียง เต้ีย ๆ รองรับ ด้านบนทาเป็ น พฤศจิกายน ๒๕๕๗ หาขอ้ มูลจาก
กระเปาะทรงพุ่ม มีการเซาะร่องยาวตลอดแนวของ www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext
กาแพง พบประติมากรรมลักษณะคล้ายบนั แถลง
ภายในมีรูปเคารพ นวพรรณ ภทั รมูล, ศูนยม์ านุษยวิทยาสิริน
ธร, ๒๕๔๗ (online). เปิ ดขอ้ มูลเมื่อ ๓๑ ตุลาคม
ภาพ : ลกั ษณะกาแพงแก้ว กู่สันตรัตน์ ๒๕๕๗ หาขอ้ มูลจาก http://www.sac.or.th/main/

กู่สันตรัตน์ อโรคยาศาล หรือโรงพยาบาล พรรณงาม เง่าธรรมสาร, สดใส ขันติว
ของพระเจา้ ชัยวรมนั ท่ี ๗ ท่ีจงั หวดั มหาสารคาม ท่ี รพงศ์, วงเดือน นาราสัจจ์, ๒ ๕๔๓. แปลจาก
ผา่ นฝี มือช่างขอม หินแลงซ่ึงถูกสกดั เป็ นกอ้ น วาง หนงั สือ A History of Cambodia, David Chandler
ซ้อนกนั กลายเป็ นอาคารรักษาพยาบาลผูป้ ่ วยทาง
กาย บาบดั ทางใจ ได้ผ่านกาลเวลามาเนินนาน แม้ วิโรจน์ ชี วาสุ ขถาวร. การสันนิ ษฐาน
วนั น้ีไม่ไดเ้ ป็ นสถานพยาบาลประจาชุมชนแลว้ แต่ รูปแบบสถาปัตยกรรมศาสนสถานประจาอโรคยา
ก็ยงั คงอยู่เป็ นสถาปัตยกรรมขอมโบราณให้ไดช้ ่ืน ศาล (โรงพยาบาล) ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
ชมความงามตอ่ ไป กรณีศึกษากู่สันตรัตน์ จ.มหาสารคาม, ๒๕๔๕
(online). เปิ ดขอ้ มูลเม่ือ ๓๑ ตุลาคม
เอกสารอ้างองิ ๒๕๕๗ หาขอ้ มูลจาก
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ผงั เมืองและ www.tci-thaijo.org/index.php/

นฤมิตศิลป์ . รายงานฉบบั สมบูรณ์โครงการศึกษา สมรัตน์ จารุลักษณานันท์, เทวารักษ์ วี
ออกแบบและพฒั นานครจาปาศรีและบริเวณขดุ พบ ระวฒั กานนท์,ประวตั ิศาสตร์การสร้างโรงพยาบาล
สถูปพระบรมธาตุนาดูน. มหาสารคาม : ในสยาม :โรงพยาบาลแผนตะวนั ตกในสมยั กรุงศรี
มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม, 2549. อยุธยา ,๒ ๕ ๕ ๔ (online). เปิ ดข้อมูลเม่ือ ๓ ๑
ตุลาคม ๒๕๕๗ หาขอ้ มูลจาก
ทิ พ วัณ วังศ์อัส ส ไพ บู ลย์, การศึ กษ า www.tci-thaijo.org/index.php/mekongjournal
ร่ อ งร อ ย ข อ งบ้าน เมื อ ง โบ ร าณ บ ริ เวณ ใก ล้เคี ย ง
ศานติ ภักดีคา, เขมรสมัยหลังพระนคร,
๒๕๕๖


Click to View FlipBook Version