The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เส้นทางสายตีนบาตร
โดย บุตรดา คนชม
สาขาวิจัยศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทความ - เส้นทางสายตีนบาตร

เส้นทางสายตีนบาตร
โดย บุตรดา คนชม
สาขาวิจัยศิลปะ วัฒนธรรม และการออกแบบ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

หม่บู า้ นดงผกั หนามก่อตงั้ ขน้ึ เมอื่ ประมาณปี พ.ศ.๒๔๖๕ เร่ิมจากการมาตงั้ ตัวทาํ ไรท่ ํานาในปา่ ที่
อดุ มสมบรู ณ์ ดงผกั หนามมาจากลาํ ธารที่มีผกั หนามขึน้ เต็มลําห้วยและมนี ้ําใสสะอาดตลอดปี เรมิ่ ต้น
เปน็ หมู่บ้าน เป็นหมทู่ ี่ ๗ ตาํ บลหมูม่น ตอ่ มาเร่ิมตั้งเป็นหมู่บ้านเตม็ ตวั ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ มผี ู้ใหญบ่ ้าน
คนแรก คอื นายสม โพธ์แิ กว้ มีอาณาเขตเนอ้ื ท่ีต้ังอยทู่ างทิศตะวันออกของอําเภอเมอื งจังหวดั อุดรธานี
ห่างจากอาํ เภอเมอื ง ๑๘ กิโลเมตร มีวดั ๒ แห่ง แหลง่ ลําห้วย ๒ สาย บ่อนาํ้ ต้นื ๑ แห่ง บ่อบาดาล ๙๕
บอ่ ถนนลาดยาง ๑ สาย เชอื่ มหมบู่ า้ น ภายในหมูบ่ ้านเปน็ ถนนคอนกรีต และถนนลกู รงั ๓ สาย จปฐ.
ปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ไม่มีครัวเรือนตกเกณฑ์ กชช. ๒ ค อยูใ่ นระดับ ๓ ปญั หาเรอ่ื งนํา้ ยังไมพ่ อใช้ บ้านดงผัก
หนามมพี ้นื ทท่ี ัง้ หมด ประมาณ ๑๒ ตร.กม. หรอื ๗,๕๐๐ ไร่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทํานา ประมาณ ๖๐
% เป็นป่า ๒๐ % เปน็ สาธารณะ ถนน ลาํ หว้ ย ฯลฯ ๑๐ % ในพ้นื ท่ี ๗,๕๐๐ ไร่ ประชากรประกอบอาชีพ
ทาํ นา รวม ๙๐ ครวั เรือน ใน ๙๐ ครัวเรอื นมที ีด่ นิ เปน็ ของตัวเอง ๘๐ ครัวเรือน อีก ๑๐ ครัวเรือนเช่า
ที่ดินคนอื่น ประชากร ๑๐๔ ครวั เรอื นทํานาเปน็ หลัก ๙๐ ครวั เรอื น รับจา้ งทว่ั ไป ๑๔ ครวั เรอื น และมี
จกั สานบางสว่ น ไปทํางานตา่ งพน้ื ทหี่ รอื ตา่ งประเทศบางส่วน ประชากรส่วนใหญ่นับถอื ศาสนาพุทธ มี
การถอื ศลี ให้ทาน มกี ารปฏิบตั ิศาสนกจิ ในวนั สาํ คัญตา่ งๆ คอื ยงั ถอื ประเพณฮี ตี สบิ สองครองสิบสก่ี นั อยู่
และวฒั นธรรมดงั่ เดิมกย็ ังมพี อใหเ้ หน็









ประชากร มปี ระชากร จาํ นวน ๕๓๘ คน แยกเป็นชาย ๒๖๐ คน หญิง ๒๗๘ คน จาํ นวนครัว
เรอื น ๑๑๑ ครวั เรือน นบั ถือศาสนาพุทธ สภาพเศรษฐกิจ ประชากรมีรายไดเ้ ฉล่ยี 30,000 บาท/คน/
ปี ชาวบา้ นประกอบอาชีพทํานาเป็นหลกั ประชาชนมีไฟฟา้ ใชค่ รบทุกครวั เรือน ผลผลิตทอ่ี อกสู่ตลาด
คอื ข้าว สภาพสังคม สภาพบา้ นเรอื นของชาวบา้ นมีความมัน่ คงถาวร ครวั เรอื นสว่ นใหญ่เปน็ สมาชกิ
กลุม่ ทีต่ ัง้ ขน้ึ ในหมบู่ า้ นและมสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เห็นเพือ่ ประโยชนข์ องชุมชน มกี ารสืบทอด
ภมู ปิ ญั ญาชาวบ้าน ลกั ษณะสงั คมเป็นสงั คมระบบเครือญาติ มคี วามเอ้อื อาทรต่อกัน ประเพณี บา้ นดง
ผัก หนาม จะมกี ารทาํ บุญตกั บาตรในตอนเช้าทกุ วนั ประเพณีของชาวอสี านตลอดจนงานประเพณใี นวัน
สาํ คัญต่างๆ ของพทุ ธ ศาสนาตลอดปี (ฮีตสบิ สอง ครองสิบส)่ี โดยจะมกี ารประกอบพิธีที่วดั ลกั ษณะ๓มิ
ประเทศ/ภมู ิอากาศ เปน็ ทีร่ าบสงู มี ๓ ฤดู คือ ฤดูรอ้ น ฤดฝู น และฤดูหนาว ฤดรู อ้ นอากาศร้อนจดั มีแห
ลง่ นํ้าธรรมชาติในหม่บู ้าน ๔ แหง่ คอื ลาํ ห้วยวงั ผกั หนาม วังผอื ห้วยวงั จาน และหว้ ยล้องหอย







คณุ ตาประดบั หนูมอ หรือชาวบ้านเรยี กกันวา่ ตาดับ ตาดบั เกดิ

ท่บี ้านดงผกั หนาม ปจั จบุ ันอาศยั อยู่บ้านเลขที ่ ๙ ตาดบั เกดิ เม่ือ พ.ศ.
๒๔๘๙ สมกับคุณยายแถวหนูมอ ซึง่ เปน็ คนในหมบู่ ้านดงผกั หนามเชน่
กนั คณุ ยายเกิดเมอื่ พ.ศ. ๒๔๙๐ คณุ ตาประดบั เป็นผเู้ ฒา่ ผแู้ กค่ นหน่ึงใน
หมบู่ ้านท่ีมีความช�ำนาญด้านงานจกั สาน โดยเฉพาะการท�ำขาบาตร หรือ
ท่ีภาษาชาวบา้ นเรยี กวา่ “ตีนบาตร” แรกเริม่ ตาดับไดศ้ ึกษาการท�ำตีนบาตร
เมอื่ อายุ ๓๓ ป ี โดยศกึ ษาจากหลวงปู่ทองมา (มรณภาพ) ตาดบั เร่ิมท�ำตนี บาตร
เรอ่ื ยมา จนมีความช�ำนาญ และได้สอนคนอื่นๆในหมู่บา้ นให้หัดท�ำ จนคนในหม่บู ้านเริ่มท�ำสบื ต่อกัน
ขารองบาตรทีต่ าดับท�ำนนั้ จะมคี วามแตกต่างจากชาวบ้านคนอ่ืนๆ คือ มีความสวยงามและประณีตกว่า
และคงทน ตาดบั ไมเ่ นน้ ปรมิ าณของผลติ ภณั ฑ์แต่แกจะเน้นความสวยงามของงานฝมี อื ที่แกรัก ขารอง
บาตรของแกจะตอ้ งเกิดความจรรโลงใจตอ่ ผู้พบเห็นในระยะ แรกตาดบั ท�ำขารองบาตรเพอื่ ถวายแด่
พระภิกษสุ งฆเ์ ท่านนั้ ไมไ่ ดเ้ นน้ ท�ำขาย เมื่อแกวา่ งเวน้ จากการท�ำไร่ ท�ำนาแลว้ แกก็ จะฝกั ใฝ่อยกู่ ับการ
เหลา่ ไมไ้ ผ่อย่างมคี วามสุขเพื่อใชเ่ ป็นวัตถดุ บิ หลกั ของขารองบาตร ต่อมามีคนแนะน�ำใหแ้ กลองท�ำขาย
บา้ ง แกเลยลองท�ำสง่ ขาย โดยสง่ ไปขายที่รา้ นพระธรรมขนั ธ์สังฆภณั ฑ์ จังหวดั อุดรธานี เป็นรา้ นแรก
และเปน็ ร้านเดยี ว ท่ีแกสง่ ขายมาตลอด เจา้ ของร้านชอบฝมี ือในการสานตนี บาตรของตาดบั มาก ไมว่ ่า
ขารองบาตรของตาดบั จะวางปะปน อยู่กับของคนอน่ื เจ้าของรา้ นกจ็ ะร้ทู นั ทวี ่าขารองบาตรอันใบไหน

เปน็ ของตาดับ ซึ่งในสมัยนั้นขารองบาตรถกู ขายสง่ ในราคา ๔๐-๕๐ บาท ต่อใบ ตาดบั ท�ำขารองบาตร
มาแลว้ เปน็ เวลากว่า ๒๐ปี จนช่วงปี พ.ศ.๒๕๕๕ ตาดับได้หยดุ การท�ำสง่ ขายให้รา้ นพระธรรมขันธ์สงั ฆ
ภัณฑ์ เน่อื งจากหวายท่ีน�ำมาสานขอบขารองบาตรมีราคาแพง ตกเส้นละ ๓๕-๔๐ บาทตอ่ เสน้ หวาย
เสน้ หนง่ึ ยาวประมาณ ๒ เมตร ซง่ึ หวายหนงึ่ เส้นน�ำมาข้ึนขอบขารองบาตรและสานตกแตง่ ขอบขา
รองบาตรได้เพียง ๑ เส้น ตอ่ ขารองบาตร ๑ ใบ อีกทงั้ ทางรา้ นรบั ซือ้ ขารองบาตรในราคาตำ�่ ตาดบั เลย
ตัดสนิ ใจหยดุ ท�ำขารองบาตรแบบส�ำเรจ็ ส่งขายทร่ี า้ นพระธรรมขันธส์ ังฆภณั ฑ์ แตห่ ันมาท�ำโครงขารอง
บาตรแบบไม่แต่งขอบหวาย ขายเพียงใบละ ๑๑ บาท และหรอื ขายเป็นชุดมโี ครงตีนบาตร ๙ ใบ ขาย
ราคา ๑๐๐ บาท ขายให้ร้านศรบี ญุ เรอื ง โดยทางรา้ นจะรับไปตอ่ เติมในส่วนทีต่ ้องตกแต่งขอบขารอง
บาตรด้วยหวายและลงแลค็ เกอร์ จึงส่งขายสู่ตลาดยอ้ ย วันหนงึ่ ตาดบั จะท�ำได้ประมาณ ๓-๔ ใบตอ่ วัน
(แบบไมร่ ีบ) แตถ่ ้าท�ำขารองบาตรแบบส�ำเรจ็ ตกแต่งสวยงามพร้อมใชง่ านต้องใชเ่ วลา ๓-๔ วนั (ไม่รวม
เวลาไปตดั ไมไ้ ผม่ าเหลา) ซ่งึ ตาดบั บอกว่า “สมู่ ือ้ น้ีอยากขายกะขาย บอ่ ยากขายกะเฮด็ ถวายพระไปซ่ะ
ผไุ ดเ๋ ว้าบ่ม้วนใหร้ าคาถกื ๆบ่ขายให้จ่อย เก็บไว้ถวายวัดยงั สไิ ดบ่ ญุ ฮอดซาดหนา้ ” ครอบครวั ตาดบั ท�ำ
อาชพี เกษตรเปน็ อาชีพหลกั โดยปลกู ข้าว และท�ำสวนผกั พอไดเ้ ก็บขาย ลกู หลานกไ็ ปรบั จ้างท�ำงานไร่
ตามหมูบ่ ้านบา้ ง ตาดบั มบี ตุ รและธดิ า ๕ คน หญงิ ๓ คน และชายอกี ๒ คน แตป่ จั จุบนั มีลกู สาวเพยี ง
๒ คน และหลายสาวอีก ๒ คน ทค่ี ่อยอยูด่ แู ลอาศัยกบั ตาดบั และยายแถว แมก่ ิง้ หรือแม่พรธภิ า หนมู อ
อายุ ๔๘ ปีเปน็ ลกู สาว ของตาดับและยายแถวท่ีคอ่ ยดูแลอาศัยอยูบ่ ้านเดียวกัน แมก่ ง้ิ เปน็ ลูก เพียง คน

เดยี วทีเ่ รยี นรู้การท�ำขารองบาตรจากตาดบั โดยแม่กง้ิ เร่ิมหัดท�ำขารองบาตรเมอื่ ตอนเรยี นอยชู่ ้ัน ป.
๓ และปัจจุบันกย็ ังเป็นหนงึ่ แรงที่ชว่ ยตาดับท�ำขารองบาตร ฝีมือการท�ำขารองบาตรของแม่กิ้งไดถ้ อด
แบบจากตาดบั มาไดอ้ ยา่ งไม่ผดิ เพยี้ น จะมอี ยา่ งเดียวท่ีแมก่ ้ิงไม่สามารถเทียบตาดับได้คือ “การถักหาง
สงิ ห”์ ตกแต่งขอบขารองบาตร บ่อยคร้งั ที่มีโรงเรียนและศนู ยก์ ารศกึ ษานอกโรงเรยี นมาเชิญตาดบั
ไปเปน็ วิทยากร เพ่ือใหค้ วามรู้ และสาธิตการท�ำเครือ่ งจกั สาน รวมท้งั การท�ำขารองบาตร นอกจากท�ำ
ขารองบาตรแล้ว ตาดับยังสานข้องใสป่ ลาไวด้ ้วย ฝมี อื การสานขอ้ งของแกมีความประณตี สวยงามไม่
หย่อนการสานขารองบาตร แตก่ ารสานขอ้ งแกจะคัดไมไ้ ผอ่ ย่างดี โดยเอาเฉพาะสว่ นทเี่ ปน็ ติวไม้ไผ่มา
เหลาท�ำไม้สานข้องเท่าน้ัน

“โตดรตยะกสวิ ร่วไ้านมนกีจ้้ไระผมะบีค”่ งุวามเเคปปง็นน็ ทตสน้น่วนทแข่ีเปง็ แน็ รผงวิ ชเั้นหมนาอะกทส่ีจุดะขนอ�ำงไลป�ำทไมำ� ง้ไาผน่ จักเพสียานงแทคีต่ เ่ ห้อลงกาเาปรลคอืวกามไมแ้ไขผง็ แ่อรองกขบอางงโๆคกรง็จสะไรด้าง้ส่วนเชท่เี่นป็นขต้อ้วิงไมไ้ไซผ่

ขาบาตร เปน็ บรขิ ารจาํ เป็นที่พระเณรต้องใชค้ กู่ บั บาตร เป็นทรี่ องบาตร

พระวินัย ไมไ่ ด้ก�ำหนดรูปแบบบงั คับวา่ ขาบาตรจะตอ้ งเป็นอย่างนน้ั จะต้องเปน็
อยา่ งนเ้ี หมือน บาตร หรือ จีวร เพราะฉะน้ัน ขาบาตรจงึ ค่อนข้างมหี ลากหลาย
รูปแบบ ขนึ้ กบั วา่ ใครจะ มีความสามารถในการท�ำอย่างไร แต่สําหรับในวงพระกร
รมฐานน้นั กม็ รี ูปแบบอันเป็น ปฏิปทาที่ครูบาอาจารยถ์ า่ ยทอดสืบต่อกนั มาเพอื่
เปน็ แนวทางปฏิบตั โิ ดยมากนิยมใช้ไม้ ไผ่ตง ทีเ่ น้ือแหง้ สนิทแตใ่ นยคุ หลังๆมีการ
พฒั นาวสั ดุทใ่ี ช้ บางทีกใ็ ชก้ ้านลานซ่ึงเหนยี วกวา่ บางทีก็ใชไ้ มเ้ น้อื แข็งจ�ำพวกไม้
พยุง ไมม้ ะคา่ แก่นมะขาม เนื่องจากเปน็ ไมท้ ม่ี ลี วดลาย สวยงามตามธรรมชาติ มี
ความแข็งแรงทนทานแตก่ ็หาได้ยาก ท�ำได้ยากและมนี �ำ้ หนกั มาก กว่า ขาบาตรจะ
สวยงามหรอื ไมก่ ็อยทู่ ี่การคดั ไม้และเหลาไม้ ความสูงของขาบาตรโดย มาตรฐาน
จะสูงประมาณ ๕ ๑/๒นิว้ และเส้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ ๘ อ้างองิ จาก : http://
www.phatri.com
จากบทความท�ำใหเ้ หน็ ว่า การท�ำขาบาตร เปน็ กิจและภมู ิปญั ญาทพ่ี ระผู้
เปน็ อาจารย์จะสอนและถ่ายทอดสู่ศิษย์มาเป็นรนุ่ ๆ พรอ้ มทั้งเป็นการฝกึ ความ
เพยี ร และฝกึ สมาธดิ ้วย อา้ งอิงจากการสอบถาม พระมารด์ ยุทธวัตร อรนิ ฺทโม
ขาบาตร ใช้ส�ำหรบั วางตง้ั บาตร ป้องกันการกระทบกับของแข็ง
ที่อาจท�ำให้บาตร บุบหรือแตกได้ อา้ งองิ จาก : www.http://jedeethai.blogspot.
com

















จากการได้ลงพืน้ ทคี รัง้ นไ้ี ด้
ศกึ ษาวิธกี ารท�ำขารองบาตรและเป็น
การบนั ทึก ภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นท่มี มี า
นาน ใหค้ งไว้ ใหช้ นรนุ่ หลังได้ศึกษา
ต่อไป ขารองบาตรใชส้ �ำหรับรองบาตร
ไม่ใหบ้ าตรกลงิ้ ตกแตก และยงั มคี �ำ
กล่าวท่ีว่า "เพราะบาตรพระดีอยา่ งไร
วเิ ศษแค่ไหน หากไมม่ หี วายรองบาตร
เอาไว้ โภคทรัพย์ปจั จัยต่างๆ เป็นคว่�ำ
หกตกหมดแน่ หวายรองบาตรจงึ เปน็
ตวั ช่วยหนนุ หลงั บังเกิดโภคทรพั ย์
มากมายมหาศาล มกี ินไม่รจู้ บรู้สน้ิ
เรยี ก เร่ง และรองรับทรพั ยส์ มบัติ
ได้มากมายสุดประมาณ" อา้ งอิงจาก
http://kobsub.shopup.com

ภูมิปัญญาการท�ำขารองบาตรของชาวบ้านดงผักหนามได้มมี านานกว่า ๒๐ ปี โดยการฝึกหัดจากผู้
ช�ำนาญในหมู่ บ้านและไดส้ ง่ ต่อถึงคนในครอบครวั จากหนึง่ ครอบครัวก็ได้สง่ ผ่านไปยังครอบครัวใกลเ้ คียง
เนือ่ งจากประชากรใน หม่บู ้านแพร่ขยายครอบครัวแบบเครือญาต จึงงา่ ยต่อการติดต่อมีการอาศยั ซ่งึ กนั และ
กัน คนในชุมชนจึงมกี ารบอก ต่อหรือถา่ ยทอดความร ู้ ภูมปิ ญั ญา กนั อย่างใกลช้ ิด ชาวบา้ นดงผกั หนามไม่
ได้ยดึ การท�ำขารองบาตรเป็นอาชพี หลัก แต่คนกลุม่ ใหญใ่ นหม่บู ้านก็นิยมท�ำขารองบาตรกนั เมื่อมีเวลาว่าง
คนท่สี นใจเรยี นรู้การท�ำขารองบาตรสว่ นใหญ่ คอ่ นขา้ งสงู อายแุ ละคนที่ว่างงาน คนกลุม่ น้มี องว่าการท�ำขา
รองบาตรส่งขายใหโ้ รงงาน ไม่ได้ลงทนุ มากมาย ใช้ทกั ษะ และฝีมือท่ีมอยู่ วตั ถุดบิ กส็ ามารถหาไดง้ า่ ย ผู้
วิจยั มองว่าหากวันหนึ่งโรงงานไมไ่ ดผ้ ลติ ขารองบาตรจากงานฝีมือของภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นแตห่ ันไปผลิตขา
รอง บาตรดว้ ยวัสดุอ่ืนท่ีงา่ ยตอ่ การผลิตและมีปรมิ าณการผลติ สงู กวา่ ซง่ึ กจ็ ะมีผลกระทบท�ำให้ชาวบา้ นหยดุ
การท�ำขา รองบาตรเพราะไมม่ ีตลาดรองรับ ภูมปิ ัญญาการท�ำขารองบาตรกม็ ผี ลพลอยหายไปกับการเวลา
และการเปลยี่ นแปลง ทส่ี ิง่ ใหมๆ่ เร่มิ เข้าแทนทคี่ วามดงั่ เดมิ ภมู ิปัญญา ผ้วู จิ ยั มองวา่ ภมู ปิ ญั ญาคอื การส่งั สม
ประสบการณ์ อยา่ งมแี บบแผน และสามารถทจี่ ะคงอย่ตู ่อไปไมว่ ่ากาลเวลาผ่านไป
ผู้วิจัยเห็นคุณค่างานฝมี อื ทีเ่ ป็นภมู ิปัญญาสบื ทอดกันมาและมีความเหน็ ว่าควรจะให้มีการสนบั สนุน
การแปรรูปผลติ ภณั ฑใ์ หม้ คี วามหลากหลาย โดยใช้เทคนคิ รปู แบบของการท�ำขารองบาตรเป็นกระบวนการ
ท่ีเปน็ หลกั การแปรรปู ผลติ ภณั ฑ ์ ซ่ึงหลกั การนี้จะเกดิ ประโยชนต์ ่อทกุ ฝา่ ย ท้งั ภูมปิ ญั ญาชาวบ้านยังคงอยู่
และชาวบ้านกม็ ีรายได้เสรมิ จาก งานอดเิ รก



ด้วยแนวความคดิ ทจี่ ะอยากหาอาชีพเสริม ใหแ้ กช่ าวบ้านหลังจากหมดช่วงฤดูการเกบ็ เก่ียว อาชพี
การผลติ ที่รอง บาตรพระนนั้ เปน็ อาชีพทีไ่ ด้ท�ำอยู่ก่อน แตไ่ มเ่ ป็นท่รี จู้ กั แพร่หลาย เป็นอาชพี ท่ีท�ำรายไดด้ พี อ
สมควร และยังได้บญุ กุศลอกี ด้วย เม่ือชาวบา้ นทราบข่าวว่าจะไดร้ บั การจดั สรรงบประมาณจากภาครฐั ได้
ประชุมประชาคม เสียงสว่ นใหญ่ เหน็ ดว้ ยให้น�ำเงนิ งบประมาณไปจัดท�ำ “โครงการผลิตที่รองบาตรพระ” โดย
คาดหวังไวว้ ่าจะท�ำใหช้ าวบ้านมอี าชพี เสรมิ ในช่วงวา่ งเวน้ จากการท�ำนา และส่งผลบุญกศุ ลให้กับชาวบา้ นใน
ชมุ ชนอีกทางหน่งึ ภายหลังจากได้ด�ำเนนิ โครงการมาเป็นระยเวลาหนึ่งปี มสี มาชิกเขา้ มาร่วมกลมุ่ ทั้งหมด 23
คน ชาวบ้านผลดั เปล่ยี น กนั มาท�ำงาน ท�ำใหม้ รี ายไดเ้ ดือนละ 3,000 บาท ยอดสัง่ ซอ้ื ก็เข้ามาอย่างต่อเนอ่ื ง
ท�ำให้ก�ำลังการผลิตไมเ่ พยี งพอต่อ ความตอ้ งการ ในแตล่ ะเดอื นมเี งนิ หมนุ เวียนจากการซ้ือขายนบั แสนบาท
นบั วา่ เปน็ อกี หนง่ึ หมบู่ ้านที่สามารถน�ำงบ ประมาณทไ่ี ดร้ ับจากการจดั สรรของภาค รัฐไปด�ำเนินโครงการทกี่ อ่
ใหเ้ กดิ รายไดแ้ ละเป็นการแกป้ ัญหาความยากจนได้ เปน็ อยา่ งดี
อ้างองิ จาก :

http://kaewpanya.cttc.rmutl.ac.th/2553/?p=2944

บา้ นโพธ์ิกลาง หมู่ 12 ต�ำบลคอกช้าง กง่ิ อ�ำเภอสระใคร
จังหวดั หนองคาย




Click to View FlipBook Version