The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

e book จูน 2

e book จูน 2

การส่ือสาร ถา่ ยทอด
ดนตรีสากล

คานา

รายงานฉบับนี้ เป็นส่วนหน่ึงของวิชาดนตรีสากล (รหัสวิชา)
ศ30207 ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 6/2 โดยมีจุดประสงค์เพ่ือศึกษาความรู้ที่ได้
จากเร่ือง การส่ือสาร ถ่ายทอดดนตรีสากล ซ่ึงรายงานนี้มีเน้ือหาเก่ียวกับ
ความรู้จาก ดนตรสี ากล

ผู้จัดทาได้เลือกหัวข้อนี้ในการทา e-book เน่ืองมาจากเป็นเร่ือง
ท่นี ่าสนใจผู้จดั ทาหวงั วา่ e-book แลม่ น้ีจะใหค้ วามรู้ และเป็นประโยชน์แก่
ผอู้ า่ นทกุ ๆ ท่าน

ส า ร บั ญ หนา้
ประวัติ ความสาคญั ของดนตรสี ากล................................1
ความเช่อื ในดนตรสี ากล..................................................2
ความเช่อื ดนตรีสากล......................................................3
และการแตง่ กายในด้านดนตรี.........................................3
มารยาทในการฟังดนตรี...................................................5
ประโยชน์ของดนตรี.........................................................6
ด้านการฟังดนตรี.............................................................8
อ้างองิ ...............................................................................10

ประวตั ิ ความสาคญั ของดนตรสี ากล 1

การ กาเนิดของเคร่ืองดนตรีเกิดข้ึนต้ังแต่สมัยโบราณ โดยมนุษย์รู้จักการสร้างเคร่ืองดนตรีง่ายๆ
จากธรรมชาติรอบข้างคือ เร่ิมจากการปรบมือผิวปาก เคาะหิน หรือนาก่ิงไม้มาตีกันซ่ึงต่อมาได้มีการสร้าง
เคร่ืองดนตรที มี่ ีรปู ทรงลักษณะต่างๆ ท่ีแตกต่างกันไปในแต่ละชนชาติ โดยมีการแลกเปล่ียนศิลปวัฒนธรรม
และลักษณะเคร่ืองดนตรีของชนชาติต่างๆ โดยเฉพาะเคร่ืองดนตรีสากลท่ีเป็นเคร่ืองดนตรีของชาวตะวันตก
ทีน่ ามาเลน่ กัน แพร่หลายในปัจจบุ นั สาหรับการกาเนิดของดนตรีตะวันตกนั้นมาจากเคร่ืองดนตรีของชนชาติ
กรีกโบราณท่ี สร้างเคร่ืองดนตรีข้ึนมา 3 ชนิดคือ ไลรา คีธารา และออโรสจนต่อมามีการพัฒนาสร้างเคร่ือง
ดนตรีประเภทต่างๆ ทั้งประเภทเคร่ืองสายเคร่ืองเปา่ เคร่ืองทองเหลือง เคร่ืองตี และเคร่ืองดีดหรือเคร่ืองเคาะ
เช่นไวโอลิน ฟลุต ทรัมเป็ต กลองชุด กีตาร์ ฯลฯโดยพบเคร่ืองดนตรีสากลได้ในวงดนตรีสากลประเภทต่างๆ
ต้ังแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันโลกได้ผ่านหลายยุคหลายสมัย ดนตรีได้วิวัฒนาการไปตามความเจริญและ
ความคดิ สรา้ งสรรคข์ องมนษุ ย์ เคร่อื งดนตรีท่ีเคยใช้ในสมัยเร่ิมแรกก็มีการวิวัฒนาการมาเป็นขั้นๆ กลายเป็น
เคร่ืองดนตรี ท่ีเราเห็นอยู่ทุกวัน เพลงท่ีร้องเพ่ืออ้อนวอนพระเจ้า ก็กลายมาเป็นเพลงสวดทางศาสนา และ
เพลงร้องโดยท่ัวๆไป

ในระยะแรก ดนตรีมีเพียงเสียงเดียวและแนวเดียวเท่านั้นเรียกว่า Melody ไม่มีการประสาน
เสียง จนถึงศตวรรษที่ 12 มนุษย์เราเร่ิมรู้จักการใช้เสียงต่างๆมาประสานกันอย่างง่ายๆ เกิดเป็นดนตรีหลาย
เสยี งข้นึ มา

การศึกษาวิชาประวัติดนตรีตะวันตกหลายคนคงคิดว่าเป็นเร่ืองไกลตัวเหลือเกิน และมักมีคาถาม
เสมอว่าจะศึกษาไปทาไมคาตอบก็คือ ดนตรีตะวันตกเป็นรากเหง้าของดนตรีท่ีเราได้ยินได้ฟังกันทุกวันน้ี
ความเป็นมาของดนตรีหรอื ประวตั ศิ าสตร์ดนตรนี นั้ หมายถงึ การมองย้อนหลังไปใน อดีตเพ่ือพยายามทาความ
เข้าใจกับแง่มุมต่าง ๆ ของอดีตในแต่ละสมัยนับเวลาย้อนกลับไปเป็นเวลาหลายพันปีจากสภาพสังคมท่ีแวด
ล้อมทัศนะคตแิ ละรสนิยมของผสู้ ร้างสรรค์และผู้ฟังดนตรใี นแตล่ ะสมยั นัน้ แตก ตา่ งกนั อย่างไรจากการลองผิด
ลองถูกลองแลว้ ลองอกี การจนิ ตนาการตามแนวคดิ ของผู้ ประพันธเ์ พลงจนกระทั่งกลั่นกรองออกมาเป็นเพลงให้
ผ้คู นไดฟ้ ังกันจนถงึ ปัจจุบันน้ี

ความเช่ือ 2
ในดนตรีสากล

ส่งิ ท่ีทาให้เกิดดนตรขี ้นึ อกี อย่างหน่ึงก็คือ “ความสบายอกสบายใจ” นักปราชญ์ได้สันนิษฐานว่า
ผ้หู น่ึงผ้ใู ดทอ่ี อกไปลา่ สัตว์ ขณะทเี รารอดักสตั ว์อย่างสบายอารมณอ์ ยนู่ ้ัน เขาอาจจะเอาคันธนูหรือหนา้ ไม้
มาลองดีดสายดู เม่อื เขาสามารถดีดให้เกิดเสียงสูงต่าบ้าง เขาก็เกิดความพอใจและคันธนูก็ได้เป็นต้นกา
เนิดของพิณข้ึนในเวลาต่อมา ส่วนป่ ีและขลุ่ยเกิดข้ึนมาอย่างไรนั้น นักปราชญ์ก็ได้สันนิษฐานว่าพวกเด็ก
เลี้ยงแกะ เด็กเล้ียงวัว เม่ือนาฝูงสัตว์ของตนออกไปเลี้ยงตามท้องทุ่งก็อาจเกิดความรู้สึกเบ่ือหน่ายแลก
งอยเหงา การท่ีจะแก้อาการเหล่าน้ี เขาอาจจะไปตัดปล้องไม้หรือเก็บเอากระดูกสัตว์มาถือจับเล่นก่อน
เผอิญปล้องไม้หรือกระดูกสัตว์น้ันเกิดมีรู และเผอิญอีกเช่นกันท่ีเขาเอามันมาลองเป่าดู คร้ันเกิดเป็น
เสียงเขาก็คงจะท่ึงจะกับมันมาก และพยายามปรับปรุงส่ิงเหล่านั้นจนกลายเป็นเพ่ือนแก้เหงาได้ สาหรับ
กลองน้ัน นักปราชญ์ให้ความเห็นว่า มนุษย์ในยุคนั้นคงลองเอาขนสัตว์ขึงบนหินที่กลวงหรือไม่ก็บน
ต้นไม้กลวง เม่ือเอาลองมือและไม้ตีบนหนังท่ีขึงตึงนั้นก็จะเกิดเสียงดังข้ึน และน่ีคือต้นกาเนิดกลองใบ
แรกของโลก ทา่ นทงั้ หลายคงจะเคยเห็นรูปร่างและเคยฟังเสียงของเคร่ืองดนตรีบางชนิดของวงดุริยางค์
ในปัจจุบันมาแล้ว เป็นต้นว่า พิณฮาร์พ ขลุ่ยฟลูท กลองทิมปานี เคร่ืองดนตรีเหล่าน้ีได้มีวิวัฒนาการเป็น
ข้ันๆ ต่อเน่ืองกันมานานนักหนาแล้วจากส่ิงที่คนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ก่อกาเนิดมันข้ึนตามที่ได้
กล่าวมาแลว้

ความเช่ือ ดนตรีสากล 3

และการแต่งกายในด้านดนตรี สมัยเรเนสซองส์ หรอื สมยั ฟ้ ืนฟูศลิ ปวิทยา
เร่ิมประมาณ ค.ศ. 1400 – 1600 เพลงศาสนายังมี
ยคุ กลาง (Middle Ages )
เร่ิมประมาณปี ค.ศ. 400 - 1400 ในสมัย ความสาคัญอยู่เช่นเดิม เพลงสาหรับประชาชนท่ัวไป เพ่ือให้
ความบันเทิง ความสนุกสนาน ก็เกิดข้ึนด้วย การประสานเสียง
กลางนี้โบสถ์เป็นศูนยก์ ลางท้ังทางด้านดนตรี ศิลปะ ได้รับการพัฒนาให้กลมกลืนข้ึน เพลงศาสนาเป็นรากฐานของ
การศกึ ษาและการเมือง วิวฒั นาการของดนตรีตะวนั ตกมี ทฤษฎีการประสานเสียง เพลงในยุคนี้แบ่งเป็นสองแบบ ส่วน
การบนั ทึกไวต้ ั้งแตเ่ ร่ิมแรกของครสิ ต์ศาสนา บทเพลง ใหญ่จะเป็นแบบท่ีเรียกว่า อิมมิเททีฟโพลีโฟนี (Imitative
ทางศาสนาซ่ึงเกิดข้ึนจากกราประสมประสานระหว่าง Polyphony) คือ มีหลายแนว และแต่ละแนวจะเร่ิมไม่พร้อม
ดนตรีโรมนั โบราณกับดนตรียวิ โบราณ เพลงแตง่ เพ่อื กัน ทุกแนวเสียงมีความสาคัญแบบที่สองเรียกว่า โฮโมโฟนี
พิธีทางศาสนาครสิ ตเ์ ป็นสว่ นใหญ่ โดยนาคาสอนจาก (Homophony) คือ มีหลายแนวเสียงและบรรเลงไปพร้อมกัน
พระคมั ภีรม์ ารอ้ งเป็นทานอง เพ่ือให้ประชาชนไดเ้ กิดอา มีเพียงแนวเสียงเดียวที่เด่น แนวเสียงอ่ืนๆ เป็นเพียงเสียง
ราณซ์ าบซ้ึง และมีศรัทธาแกก่ ลา้ ในศาสนา ไมใช่เพ่ือ ประกอบ เพลงในสมัยนี้ ยังไม่มีการแบ่งจังหวะที่แน่นอน คือ
ความไพเราะของทานอง หรือความสนกุ สนานของจังหวะ ยังไม่มีการแบ่งห้องออกเป็น 3/4 หรือ 4/4 เพลงส่วนใหญ่ก็
เม่ือศาสนาครสิ ต์แพรก่ ระจายไปทว่ั โลก ประเทศต่างๆ ยังเกี่ยวข้องกับคริสต์ศาสนาอยู่เพลงประกอบข้ันตอนต่างๆ
ไดน้ าบทเพลงทช่ี าตติ นเองคนุ้ เคยมาร้องในพิธสี กั การะ ของพิธีทางศาสนาที่สาคัญ คือ เพลงแมส (Mass) และโมเต็ท
พระเจา้ ดังน้ันเพลงทใี่ ชร้ ้องในพิธีของศาสนาครสิ ต์จงึ (Motet) คาร้องเป็นภาษาละติน เพลงที่ไม่ใช่เพลงศาสนาก็
แตกต่างกันไปตามภ มภิ าค2. ยคุ เรเนสซองส์ หรอื ยุค เ ร่ิ ม นิ ย ม ก ั น ม า ก ข้ึ น ไ ด้ แ ก่ เ พ ล ง ป ร ะ เ ภ ท แ ม ด ริ ก ั ล
ฟ้ ืนฟูศิลปวทิ ยา (The Renaissance Period) (Madrigal)ซ่ึงมีเน้ือร้องเก่ียวกับความรัก หรือยกย่องบุคคล
สาคัญ และมักจะมีจังหวะสนุกสนาน นอกจากนี้ ยังใช้ภาษา
ประจาชาติของแต่ละชาตแิ ละเช้อื ชาติทีน่ ับถือ

4

ยุคคลาสสิค ( Classic Period ; ค.ศ. 1750 -1825)
ก า ร ล ะ ค ร ส ม ั ย นี้ ม ั ก จ ะ แ ส ด ง เ ป็ น ป ร ะ เ ภ ท โ ศ ก น า ฏ ก ร ร ม

(Tragedyมาจากคาภาษากรีก Tragoidosซ่ึงแยกออกได้เป็น 2 คา คือ
Tragosแปลว่า แพะ และ Oidos แปลว่า นักร้อง สันนิษฐานว่าพวกนักร้องอาจ
แตง่ กายด้วยหนังแพะ หรือ แพะคือรางวัลสาหรับเพลงที่ดีที่สุด ) เร่ืองที่แสดง
ส่วนใหญ่มักเป็นเร่ืองเกี่ยวกับเทพเจ้ากรีก โดยเฉพาะเทพเจ้าไดโอนิซุส
นอกจากน้ันก็เป็นเร่ืองราวเกี่ยวกับวีรบุรุษในสมัยโฮเมอร์ ส่วนใหญ่มักจบด้วย
ความเศร้า นักแต่งละครโศกนาฏกรรม ที่มีช่ือเสียงในสมัยน้ี ได้แก่ อีสคิลุส มี
ชีวิตอยู่ระหว่างปี 524 – 456 ก่อนคริส์ตกาล ละครท่ีมีช่ือเสียงของเขา คือ
โพรเมเตอุส ,บาวด,์ โซเฟอคลสิ , ยรู พิ ิดสิ
ส มั ย เ ร เ น ส ซ อ ง ส์ ห รื อ ส มั ย ฟ้ ื น ฟู ศิ ล ป วิ ท ย า

วั ฒ น ธ ร ร ม ก า ร แ ต่ ง ก า ย ข อ ง ค น ชั้ น สู ง ใ น ส มั ย นั้ น
ทั้ ง ด้ า น เ ส้ื อ ผ้ า เ ค ร่ื อ ง นุ่ ง ห่ ม แ ล ะ ค ว า ม นิ ย ม ใ น ก า ร ไ ว้ ผ ม
ย า ว ห วี แ ส ก ก ล า ง ต า ม ส มั ย นิ ย ม ใ น แ ฟ ชั่ น แ บ บ ฟ ล อ เ ร น
ไ ท น์ ใ น อิ ต า ลี น อ ก จ า ก ที่ ป ร า ก ฏ ใ ห้ เ ห็ น ใ น ภ า พ โ ม น า ลิ ซ า
ยั ง เ ห็ น ไ ด้ ใ น ภ า พ อ่ื น ๆ ข อ ง เ ข า อี ก น อ ก จ า ก นี้ ภ า พ โ ม น า ลิ
ซ า ยั ง เ ป็ น ภ า พ ที่ เ ล โ อ น า ร์ โ ด ด า วิ น ชี ถ่ า ย ท อ ด บุ ค ลิ ก
ข อ ง ต น เ อ ง แ ฝ ง ไ ว้ ใ น ใ บ ห น ้ า ข อ ง โ ม น า ลิ ซ า ซึ่ ง จ ะ มี
ลั ก ษ ณ ะ เ ค้ า โ ค ร ง รู ป ห น้ า ที่ ค ล้ า ย กั น

ม า ร ย า ท ใ น ก า ร ฟั ง ด น ต รี 5

มารยาทท่ัวไปในการเขา้ ชมการแสดงดนตรี

เป็นส่ิงพ้นื ฐานท่ีผูฟ้ ังดนตรที ุกคนจาเป็นต้องเรียนรูเ้ พ่อื ทจ่ี ะสามารถปฏิบตั ิตวั ได้อยา่ งถูกตอ้ งในระหว่างเข้าชมการแสดงไม่
เผลอไปรบกวนผู้อ่ืนโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือทาตัวเสียมารยาทต่อผู้เข้าชมท่านอ่ืนๆ รวมถึงนักแสดงดนตรีในวันน้ี
ผเู้ ขียนจงึ จะมาแนะนาเกร็ดความรู้เลก็ ๆเกย่ี วกบั มารยาทท่ัวไปในการเขา้ ชมการแสดง
ซ่ึงมารยาทตา่ งๆโดยท่วั ไปมีดงั ตอ่ ไปน้ี

1. แตง่ กายให้สภุ าพ ไม่สวมรองเทา้ เตะ ควรสวมรองเท้าหุ้มส้น ใสก่ ระโปรง
หรอื กางเกงขายาวที่สภุ าพให้เกียรติแกส่ ถานท่ี ไมค่ วรใส่สนั้ จนน่าเกลียด

2. มาก่อนเวลาเร่มิ การแสดงอย่างนอ้ ย 30 นาที ผู้เข้าชมการแสดงควรมาก่อนการแสดงเร่มิ อย่างนอ้ ย 30 นาที
เพ่อื เป็นการเตรียมตวั ใหพ้ ร้อมก่อนท่กี ารแสดงจะเร่มิ และจะได้เข้าไปน่งั ประจาทไ่ี ด้ทนั กอ่ นเวลา
เพราะหากมาชา้ กจ็ ะเป็นการรบกวนผ้เู ขา้ ชมทา่ นอ่นื ๆ นอกจากนี้การเข้ามาหลังจากการแสดงเร่มิ ไปแล้วนั้น
ตามหลักสากลจะถอื ว่าเป็นการเสียมารยาทอยา่ งมาก ผเู้ ขา้ ชมจึงไมค่ วรมาช้า
แต่หากมีเหตสุ ดุ วสิ ัยทที่ าใหม้ าไมท่ นั ได้จริงๆ ก็ควรจะรอจนกว่าการแสดงท่กี าลังแสดงอยู่จบแล้วจงึ เขา้ ไป
หรือหาท่นี งั่ ข้างหลังนั่งไปก่อน เม่อื จบเพลงแลว้ จึงคอ่ ยรีบน่งั ประจาท่ีของตวั เอง

3. อ่านสูจิบัตรให้ละเอียดก่อนเข้าชมการแสดง ในการชมการแสดงดนตรีนั้น การอ่านสูจิบัตรจะเป็นประโยชน์
อย่างมากสาหรับผู้เข้าชมเพราะในตวั สูจิบตั รจะบอกรายละเอียดต่างๆของการแสดงไว้ ไม่วา่ จะเป็นช่อื การแสดง
ช่อื นักแสดง ลักษณะของเพลงแตล่ ะเพลง รวมถึงตารางการแสดงตา่ งๆดงั นน้ั ผู้เขา้ ชมจึงควรอ่านสจู ิบัตรก่อนการแสดงเพ่ือจะ
ไดร้ รู้ ายละเอยี ดของการแสดงที่กาลงั จะเร่มิ ข้ึน

ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง ด น ต รี 6

ส่ิงท่ีทาให้เกิดดนตรีข้ึนอีกอย่างหน่ึงก็คือ “ความสบายอกสบาย
ใจ” นักปราชญ์ได้สันนิษฐานว่าผู้หน่ึงผู้ใดที่ออกไปล่าสัตว์ ขณะทีเรารอดัก
สัตวอ์ ยา่ งสบายอารมณอ์ ยู่น้ัน เขขาอาจจะเอาคันธนูหรือหนา้ ไม้มาลองดีดสาย
ดู เม่ือเขาสามารถดีดให้เกิดเสียงสูงต่าบ้าง เขาก็เกิดความพอใจ และคันธนูก็
ได้เป็นต้นกาเนิดของพิณข้ึนในเวลาต่อมา ส่วนป่ ีและขลุ่ยเกิดข้ึนมาอย่างไร
นั้น นักปราชญ์ก็ได้สันนิษฐานว่าพวกเด็กเลี้ยงแกะ เด็กเลี้ยงวัว เม่ือนาฝูงสัตว์
ของตนออกไปเลี้ยงตามท้องทุ่งก็อาจเกิดความรู้สึกเบ่ือหน่ายแลกงอยเหงา
การที่จะแก้อาการเหล่าน้ี เขาอาจจะไปตัดปล้องไม้หรือเก็บเอากระดูกสัตว์มา
ถือจับเล่นก่อน เผอิญปล้องไม้หรือกระดูกสัตว์นั้นเกิดมีรู และเผอิญอีกเช่นกัน
ที่เขาเอามันมาลองเป่าดู คร้ันเกิดเป็นเสียงเขาก็คงจะท่ึงจะกับมันมาก และ
พยายามปรับปรุงส่ิงเหล่าน้ันจนกลายเป็นเพ่ือนแก้เหงาได้ สาหรับกลองน้ัน
นักปราชญ์ให้ความเห็นว่า มนุษย์ในยุคนั้นคงลองเอาขนสัตว์ขึงบนหินที่กลวง
หรือไม่ก็บนต้นไม้กลวง เม่ือเอาลองมือและไม้ตีบนหนังท่ีขึงตึงนั้นก็จะเกิด
เสียงดังข้ึน และน่ีคือต้นกาเนิดกลองใบแรกของโลก ท่านท้ังหลายคงจะเคย
เ ห็ น รู ป ร่ า ง แ ล ะ เ ค ย ฟั ง เ สี ย ง ข อ ง เ ค ร่ื อ ง ด น ต รี บ า ง ช นิ ด ข อ ง ว ง ดุ ริ ย า ง ค์ ใ น
ปัจจุบันมาแล้ว เป็นต้นว่า พิณฮาร์พ ขลุ่ยฟลูท กลองทิมปานี เคร่ืองดนตรี
เหล่าน้ีได้มีววิ ฒั นาการเป็นข้ันๆ ต่อเน่ืองกันมานานนักหนาแล้วจากส่ิงที่คนใน
ยุค ก่อนประวัติศาสตร์ไดก้ ่อกาเนิดมันข้ึนตามที่ได้กลา่ วมาแล้ว

7

ป ร ะ โ ย ช น์ ข อ ง เ สี ย ง ด น ต รี ประโยชนข์ องดนตรีต่อสังคมมนษุ ย์
น อ ก จ า ก ค น เ ร า มี ค ว า ม ต้อ ง ก า ร อ า ห า ร 1.ด้านการศึกษา นาเสียงดนตรีมาใช้
เ พ่ื อ ใ ห้ ส า ม า ร ถ ดา ร ง ชี วิ ต อ ยู่ ไ ด้ แ ล้ ว ม นุ ษ ย์
ยั ง มี ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร อ า ห า ร อี ก แ บ บ ห น่ึ ง ซ่ึ ง ประกอบในการสอนแบบสร้างสรรค์ทางศิลปะผล
ก็ คื อ อ า ห า ร ท า ง ใ จ อ า ห า ร ท า ง ต า อ า ห า ร ปรากฏว่าเสียงดนตรีสามารถส่งเสริมพัฒนาการ
ท า ง หู แ ล ะ อ า ห า ร ท า ง ส ม อ ง อี ก ด้ ว ย ซึ่ ง ทางอารมณ์ เสริมสร้างความคิด จินตนาการ ช่วย
อ า ห า ร ป ร ะ เ ภ ท ห ลั ง นี้ เ ป็ น สิ่ ง ที่ จ ะ ช่ ว ย ใ ห้ กระตุ้น ให้มีก า รแส ดง ออก ในทา ง สร้า ง สรร ค์
เ กิด ค ว า ม บั น เ ทิง อีก ทั้ง ยั ง ส า ม า ร ถ ขั ด ส่ ง เ ส ริ ม ใ ห้ มี ค ว า ม ส ั ม พ ั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ป ร ะ ส า ท หู
เ ก ล า ใ ห้ ม นุ ษ ย์ มี จิ ต ใ จ ที่ ดี ง า ม ไ ด้ อี ก ด้ ว ย กลา้ มเน้ือมือ ให้สอดคล้องกบั การใช้ความคิด ทาให้
ซ่ึ ง อ า ห า ร ที่ ว่ า นี้ ก็ คื อ ศิ ล ป ะ ก า ร ขั บ ร้ อ ง ก า ร หายเหน่ือย และผอ่ นคลายความตึงเครียด
เ ล่ น ด น ต รี นั่ น เ อ ง

2.ด้านการแพทย์
ใ ช้ เ สี ย ง ด น ต รี ก ร ะ ตุ้ น ท า ร ก ใ น ค ร ร ภ์

มารดา ผลปรากฏว่าเด็กมีปฏิกิริยาตอบรับกับ
เสียงเพลง ทั้งทางพฤติกรรมและร่างกายที่ดี
เสียงเพลงที่น่มุ นวลจะทาให้เด็กมีอาการสงบเงียบ
ร่างกายเจริญเติบโตข้ึนและยังช่วยให้ระบบหายใจ
และระบบยอ่ ยอาหารดีข้นึ
การนาเสยี งดนตรีมาบาบัดรักษาผู้ปว่ ยปัญญาอ่อน
โ ด ย เ ฉ พ า ะ ก า ร ใ ช้ ด น ต รี ล ด ห รื อ บ ร ร เ ท า ค ว า ม
เจ็บปวดหลังการผ่าตัดของผู้ป่วยใน 48 ชั่วโมง
แรก ผลปรากฏว่าช่วยให้ผู้ปว่ ยผ่อนคลายภาวะทาง
อารมณ์ได้เป็นอย่างดี ดังที่ผู้ใช้นามปากกาว่า คุณ
ทองจีน บ้านแจ้ง เขียนไว้ในเร่ือง แกะสะเก็ด
คลาสสิค ในหนังสือ ชาวกรุง ฉบับที่ 5 พ.ศ.2522
ว่า“หมอชาวกรีกโบราณท่านหน่ึงช่ือว่า แอสคลีปี
อุส(Asclepius)ได้ใช้ดนตรีบรรเลงให้ผู้ป่วยหลัง
การผ่าตัดแล้วฟัง ปรากฏว่าช่วยทุเลาอาการ

เจบ็ ปวดไดด้ ”ี

3. ดา้ นสงั คม School
มีการใช้จังหวะดนตรีมากาหนดควบคุมการทางาน School
เพ่ือให้เกิดความพร้อมเพรียง เช่นการพายเรือ School
จังหวะยก-ส่งของ เป็นต้น การใช้ดนตรีปลุกเร้า
อารมณ์ให้เกิดความรัก ความสามัคคีในหมู่คณะ
เช่นเพลงปลุกใจ เพลงเชียร์ เป็นต้นใช้เสียงดนตรี
เพ่ือสร้างบรรยากาศในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ
ให้ดูศักสิทธ์ิ เคร่งขรึม น่าเช่ือถือ หรือส่ืออารมณ์
ความรู้สึกท่ีร่าเริง เบิกบาน สนกุ สนาน ในงานเลี้ยง
สังสรรค์ งานฉลองต่างๆ เป็นต้น นอกจากน้ันยัง
เป็นการสร้างงาน อาชพี ให้กบั บุคคลในสังคมอย่าง
มากมายทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น นักดนตรี
นักร้อง ครูสอนดนตรี นักประพันธ์เพลง นักผลิต
รายการคอนเสิร์ต นักดนตรีบาบัด ผู้อานวยการ
เพลงหรอื วาทยากรนักเขยี นทางดนตรี นกั ประดษิ ฐ์
เคร่อื งดนตรี และผู้ซอ่ มหรือปรับเสียงเคร่ืองดนตรี
เป็นต้น

4. ด้านจติ วิทยา 5. ดา้ นกฬี า
ใช้เสียงดนตรีปรับเปลี่ยนนิ สัย ใช้ดนตรีประกอบกิจกรรมกีฬา เช่น
ก้าวร้าวของมนษุ ย์ รักษาโรคสมาธิ ยมิ นาสติกกจิ กรรมเขา้ จงั หวะ การ
ส้ัน โดยเฉพาะเด็กจะทาให้มีสมาธิ เต้นแอโรบิค เป็นตน้ นอกจากนน้ั
ยาวข้ึน อ่อนโยนข้ึน โดยใช้หลัก ยังมีกจิ กรรมต่างๆมากมาย ทใ่ี ช้
ทฤษฎีอีธอส (Ethos)ของดนตรี ดนตรีเป็นสว่ นประกอบในการ
ซ่ึงเช่ือว่าดนตรีมีอานาจในการท่ีจะ ดาเนินการทง้ั ทางตรงและทางออ้ ม
เปลี่ยนนิสัยของ มนุษย์ จนกระทั่ง อาจกลา่ วไดว้ า่ ดนตรเี ป็น
ในบางกรณี สามารถรักษาโรคให้ สว่ นประกอบทขี่ าดเสียมไิ ดใ้ น
หายได้ ปัจจุบัน มีนักดนตรีบาบัด กจิ กรรมของสังคมมนษุ ย์
ผู้ ซ่ึ ง มี ค ว า ม ส า ม า ร ถ ฟ้ ื น ฟู แ ล ะ
บาบัดรักษาความเจ็บป่วยทั้งทาง
ร่างกายและจติ ใจ ทางานในดา้ นน้ี

การฟังจัดเป็นส่ิงสาคัญที่ทาให้ 8
ผู้สนใจดนตรี ผู้เรียนดนตรีเข้าใจถึง
โ ค ร ง ส ร้ า ง ข อ ง ด น ต รี ซ่ึ ง เ ป็ น พ้ื น ฐ า น ด้ า น ก า ร ฟั ง
สาคัญที่จะนาไปสู่อรรถรสหรือสุนทรีย์ ดนตรี
ความซาบซ้ึงที่จะได้รับในบทเพลงน้ัน ๆ
การพัฒนาการฟังจึงเป็นส่ิงจาเป็นและ 1.สถานที่
จ ั ด เ ป็ น ท ั ก ษ ะ ส า ค ั ญ ข อ ง ผู้ ส น ใ จ แ ล ะ ด้ า น ส ถ า น ท่ี น้ี มี ค ว า ม สา ค ั ญ ม า ก
ผเู้ รียนดนตรที ุกคน ความสามารถในการ
ฟังสามารถพัฒนาให้ดีข้ึนเร่ือย ๆ ได้ เน่ื องจากเป็ นปั จจัยท่ีจะทาให้เกิดความซาบซ้ึง
หลายรูปแบบซ่ึงจะกล่าวในลาดับต่อไป ใ น ก า ร ฟั ง บ ท เ พ ล ง ท่ี มี ค ว า ม ย า ว ค ว า ม
สาหรับองค์ประกอบของการฟังดนตรีที่ สลับซับซ้อนของบทเพลง ถ้าหากสถานที่ไม่
ทาให้ได้รับอรรถรสและความซาบซ้ึงน้ัน เหมาะสมอาจจะทาให้ไม่ได้รับอรรถรสเท่าที่ควร
ในหนังสือเล่มนี้จะขอกล่าวเนน้ ในการฟัง สถานท่ีที่เหมาะสาหรับการฟังดนตรีประเภทนี้
ดนตรีตะวันตกหรือดนตรีคลาสสิกเป็น ได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โรง
ส่วนใหญ่ซ่ึงมอี งคป์ ระกอบดังน้ี ละคอนแห่งชาติ สถาบันภาษาและวัฒนธรรม
เยอรมนั กรมประชาสัมพนั ธ์
เป็นต้น ทั้งนี้เน่ืองจากสถานท่ีดังกล่าวได้รับการ
ออกแบบเพ่ือใหเ้ หมาะกบั การฟังดนตรี

9

1.สถานที่
ด้านสถานที่น้ี มีความสาคัญมากเน่ื องจากเป็นปัจจัยท่ีจะทาให้เกิด

ความซาบซ้งึ ในการฟังบทเพลงทม่ี ีความยาว ความสลับซับซ้อนของบทเพลง ถ้า
หากสถานที่ไม่เหมาะสมอาจจะทาให้ไม่ได้รับอรรถรสเท่าท่ีควรสถานที่ที่เหมาะ
สาหรับการฟังดนตรีประเภทน้ี ได้แก่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โรง
ละคอนแห่งชาติ สถาบนั ภาษาและวฒั นธรรมเยอรมัน กรมประชาสัมพนั ธ์
เป็นต้น ทั้งน้ีเน่ืองจากสถานที่ดังกล่าวได้รับการออกแบบเพ่ือให้เหมาะกับการ
ฟังดนตรี

3. ผู้ฟัง
ตัวผู้ฟังเองต้องเป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์ในการฟัง

มีความรู้ ความเข้าใจพ้ืนฐานทางดนตรีพร้อมท่ีจะรับกระแส
เสียงที่ผู้ขับร้องและผู้บรรเลงเปล่งเสียงออกมา โดยผ่านการ
ตีความหมายอย่างละเอียดจากบทเพลงที่คีตกวีได้เขียนไว้
ผู้ฟังเป็นผทู้ ีพ่ ร้อมจะรับฟังบทเพลงด้วยความช่นื ชอบ

9

2. เวลา
ช่วงเวลาที่จัดให้มีการแสดงดนตรีนั้นต้องคานึงถึงความเหมาะสม

เข้ากับบรรยากาศของการแสดงไม่ควรจัดให้เร็วเกินไปหรือดึกเกินไป ถ้าเป็น
รอบกลางวันควรอยปู่ ระมาณ14.00-16.00 น. รอบค่าควรอยู่ประมาณ 19.30 น
– 21.00 น. ทัง้ น้ีก็ข้นึ อยู่กบั ความเหมาะสมดว้ ย

3. ผู้ฟัง
ตัวผู้ฟังเองต้องเป็นผู้ท่ีมีประสบการณ์ในการฟัง

มีความรู้ ความเข้าใจพ้ืนฐานทางดนตรีพร้อมท่ีจะรับกระแส
เสียงที่ผู้ขับร้องและผู้บรรเลงเปล่งเสียงออกมา โดยผ่านการ
ตีความหมายอย่างละเอียดจากบทเพลงท่ีคีตกวีได้เขียนไว้
ผฟู้ ังเป็นผทู้ ี่พรอ้ มจะรบั ฟังบทเพลงดว้ ยความช่นื ชอบ

10

อา้ งอิง

https://prezi.com
sites.google.com
sites.google.com/a/simuang.ac.th
https://sites.google.com/site/dntrisaklsaensnuk

https://prezi.com
sites.google.com
sites.google.com/a/simuang.ac.th
https://sites.google.com/site/dntrisaklsaensnuk

THANK YOU
THANK YOU
THANK YOU

THANK YOU
THANK YOU
THANK YOU


Click to View FlipBook Version