The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หน่วยที่ 5 การจัดทำเว็บไซต์ พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วย wold press

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanyanee01133, 2023-02-25 08:07:21

หน่วยที่ 5 การจัดทำเว็บไซต์ พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วย wold press

หน่วยที่ 5 การจัดทำเว็บไซต์ พานิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วย wold press

1


2 1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ WordPress WordPress คือ เครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์แบบสําเร็จรูปที่มีธีมจํานวนมากให้เลือกปรับใช้ได้อย่าง เหมาะสมกับธุรกิจ ละใช้สําหรับจัดการเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต (Contents Management System : CMS) ได้โดยตรง โปรแกรม ดังกล่าวได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะ จนได้รับความเชื่อถือและความนิยมอย่างมากใน ปัจจุบัน ซึ่งผู้ใช้งานไม่จําเป็นต้องมีความรู้ เรื่องโค้ด (Coding) ไม่จําเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ (Programmer) ก็สามารถสร้างร้านค้าบนโลกออนไลน์ได้ ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าผ่านหน้าเว็บไซต์ได้โดยตรง ซึ่งช่วยเจ้าของร้านแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการ ออกแบบ ตกแต่งร้าน เลือกทําเล หรือเสียค่าเช่าสถานที่ได้ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถบริหารร้านค้าผ่าน คอมพิวเตอร์ได้อย่างสะดวก แต่ก่อนที่เว็บไซต์จะมีผู้เข้ามาเยี่ยมชม นอกจากการสร้างร้านค้าให้น่าสนใจแล้ว นั้น อีกหนึ่งสิ่งที่สําคัญ คือ การทํา SEO หรือการทําให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกของ Google หากเว็บไซต์มี อันดับที่สูงกว่าคู่แข่งขันจะส่งผลให้ได้ ที่นิยมนํามาทํางานร่วมกับ WordPress หรือเรียกว่าปลักอิน (Plugin) ที่มาเพื่อช่วยให้สามารถสร้างเว็บไซต์ เปรียบทางการตลาด และมีโอกาสที่ร้านค้าจะดึงดูดผู้คนให้แวะมาเยี่ยม ชมมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมืออื่น ๆสําหรับการขายของออนไลน์ให้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย


3 ตาราง เปรียบเทียบการใช้ WordPress กับโปรแกรมต่าง ๆ โปรแกรม จำนวนที่ใช้ จำนวนใน Market share Word press 40% 64% Joomla 2.6% 4.6% Drupal 1.7% 3.0% Squarespace 1.5% 2.7% Wix 1.3% 2.3% ประเภทของ WordPress WordPress มี 2 ประเภท คือ 1) WordPress.com เป็นเว็บไซต์ให้บริการทําเว็บไซต์ด้วย WordPress โดยไม่ต้องมีชื่อโดเมน (Domain Name) หรือโฮส (Host) เพียงเข้าไปสมัครในเว็บไซต์ www.WordPress.com ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของ ตนเองได้อย่างง่ายไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือเว็บไซต์ 2) WordPress.org เป็นการแจกซอฟต์แวร์ (Software) และเอนจิน (Engine) ของ WordPress ให้อัปโหลด และตั้งค่าทําเว็บไซต์เอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นบางธีม (Theme) ที่ต้องชําระค่าใช้จ่าย โดยสามารถ เข้าไปดาวน์โหลดWordPress แล้วอัปโหลดไปที่โฮส (Host) ที่ต้องรองรับภาษา PHP และต้องเชื่อมต่อทํา ฐานข้อมูลเองทั้งหมด ข้อดีและข้อเสียของ WordPress.com WordPress.com มีข้อดีดังนี้ 1) เริ่มต้นใช้งานได้ง่าย โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม WordPress ด้วยตนเอง เพียงแค่การสมัครสมาชิกก็เริ่ม เขียนเนื้อหาได้ทันที 2) ไม่ต้องกังวลกับการดูแลเว็บไซต์ เช่น การแบ็กอัป การอัปเดตปลั๊กอิน 3) มีแผนการใช้งานโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (Free Plan) ให้ทดลองใช้งานก่อนได้ส่วนข้อเสียของ WordPress.com ดังนี้ 1) ถ้าใช้รูปแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย (Free Plan) จะมีการแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์ และรายได้จากโฆษณาจะ เป็นของ WordPress.com ถ้าไม่ต้องการโฆษณาต้องอัปเกรดเป็นแบบเสียค่าใช้จ่าย


4 2) ไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินได้ตามใจชอบ สามารถใช้ได้เฉพาะปลั๊กอินที่ผ่านการอนุมัติจาก WordPress.com แล้วเท่านั้นซึ่งมีอย่างจํากัด 3) เว็บไซต์อาจถูกปิดเมื่อไรก็ได้ หากทีมงาน WordPress.com พิจารณาว่าเว็บไซต์ละเมิดเงื่อนไขการ ให้บริการ 4) มีราคาสูงเมื่อเทียบกับการสร้างเว็บไซต์กับ WordPress.org 5) ในการใช้รูปแบบที่เสียค่าใช้จ่ายยังมีข้อจํากัดหลายอย่าง ข้อดีและข้อเสียของ WordPress.org WordPress.org มีข้อดีดังนี้ 1) ได้เป็นเจ้าของเว็บไซต์อย่างแท้จริง ไม่มีผู้ใดสามารถปิดเว็บไซต์ได้ ถึงแม้จะมีปัญหากับเว็บโฮสติ้ง (Hosting) ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดปัญหาขึ้นน้อยมาก และถ้ามีปัญหาสามารถย้ายเว็บไซต์ไปที่เว็บโฮสติ้งรายอื่นได้ 2) สามารถติดตั้งธีม และปลั๊กอินได้ตามต้องการ 3) สามารถปรับแต่งเว็บไซต์ได้อย่างอิสระ ตามความสามารถและงบประมาณที่มี ส่วนข้อเสียของ WordPress.org มีดังนี้ 1) ต้องติดตั้งโปรแกรม WordPress ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทําได้ง่าย เว็บโฮสติ้งจะมี Setup wizard/ autoinstaller ไว้ให้ เพียงแค่กรอกรายละเอียด เช่น ชื่อเว็บไซต์ (Website Name) ชื่อผู้ใช้ (User Name) รหัสผ่าน (Password) แล้วระบบจะติดตั้งให้อัตโนมัติ 2) ต้องแบ็กอัปเว็บไซต์ด้วยตนเอง โดยสามารถลงปลั๊กอินแบ็กอัปเว็บไซต์โดยอัตโนมัติได้ 3) ต้องอัปเดตธีมและปลั๊กอินด้วยตนเอง ซึ่งทําได้ง่ายมาก เพียงเข้าไปที่ WordPress Dashboard และคลิก ปุ่ม อัปเดต (Update) เท่านั้น ทั้งนี้ ไม่จําเป็นต้องอัปเดตบ่อย สรุป WordPress.com เปรียบเสมือนการเช่าคอนโดมิเนียม หลังจ่ายค่าเช่าแล้วสามารถเข้าอยู่ได้ทันที โดยมี เฟอร์นิเจอร์พร้อมและนิติบุคคลของคอนโดมิเนียมดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้ แต่เนื่องจากไม่ใช่ห้องของตนเอง จึงไม่ สามารถปรับแต่งห้อง ได้ตามใจชอบ ซึ่งหากทําผิดสัญญาเช่า เจ้าของคอนโดมิเนียมสามารถให้ออกได้ ส่วน WordPress.org เปรียบเสมือนการซื้อบ้าน ก่อนเข้าอยู่ต้องติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ น้ํา ไฟฟ้าก่อน แต่ หลังจากสามารถดัดแปลงปรับแต่งบ้านอย่างไรก็ได้


5 WordPress กับการสร้างร้านค้าออนไลน์ WooCommerce คือ หนึ่งในเครื่องมือสําหรับปลั๊กอินที่ช่วยสร้างและอัปเกรดร้านค้าออนไลน์บน WordPress ธรรมดาให้กลายเป็นเว็บไซต์ร้านค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) แบบสมบูรณ์ เช่น ใช้ สร้างระบบตะกร้า สร้างหน้าจัดการเรื่องสต๊อกสินค้า ซึ่งเห็นได้จากสถิติการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ขายสินค้าด้วย ตนเอง ในปัจจุบัน WooCommerceเป็นปลั๊กอินสร้างระบบร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย สามารถดาวน์โหลดปลั๊กอินนี้มาใช้งานได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย เหตุผลที่นิยมเลือกใช้ WooCommerce การที่มีผู้นิยมเลือกใช้ WooCommerce มีดังนี้ 1) เป็นปลั๊กอินสําหรับเว็บพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการอัปเดตอยู่เสมอ อีกทั้งหากเกิดปัญหาสามารถแก้ไข ผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ในทันที 2) เป็นปลั๊กอินสําหรับเว็บพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ติดตั้งได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และมีฟีเจอร์มากที่สุด 3) เป็นปลั๊กอินสําหรับเว็บพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการพัฒนาปลั๊กอินเสริมเป็นจํานวนมาก และส่วนใหญ่ เปิดให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ฟรี 4) WooCommerce เป็นปลั๊กอินสําหรับเว็บพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ขายสินค้าใต้เกือบทุกประเภท ทั้ง สินค้าประเภททั้งสินค้าจับต้องได้ เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสําอาง และสินค้าประเภทจับต้องไม่ได้ เช่น ซอฟต์แวร์ต่าง ๆคอร์สเรียนออนไลน์ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เป็นต้น ข้อดีของการสร้างร้านค้าออนไลน์ การสร้างร้านค้าออนไลน์ มีข้อดีดังนี้ 1) สามารถขายสินค้าได้ทุกที่ เพียงมีสินค้า และเว็บไซต์สําหรับขายสินค้า 2) สะดวกในการบริหารจัดการ เพราะสามารถจัดการทุกอย่างในร้านค้าออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่เพิ่ม สินค้า ขายสินค้า จัดส่งสินค้า แจ้งโพรโมชัน และชําระเงินผ่านระบบออนไลน์ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบ ร้านค้าได้จากทุกที่ตลอดเวลา 3) ประหยัดค่าใช้จ่าย ลงทุนน้อยเพราะไม่ต้องเช่าพื้นที่ หรือตกแต่งร้าน อีกทั้งไม่ต้องจ้างพนักงานประจํา หน้าร้าน 4) สามารถเปิดร้านค้าออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะไม่ต้องกังวลเวลาเปิด-ปิดทําการ และยังสามารถ ขายสินค้า ได้ทั่วทุกมุมโลกเพียงแค่สร้างเว็บไซต์ให้รองรับหลากหลายภาษา (Multi-Language)


6 5) เป็นระบบ One Stop Service ที่ลูกค้าสามารถติดต่อพูดคุยกับทางร้านได้โดยตรง อีกทั้งลูกค้ายังสามารถ เลือกซื้อสินค้าและชําระเงินผ่านระบบออนไลน์ด้วยตนเองได้ทันที 6) สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ทันที เพราะเว็บไซต์สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งระยะเวลาการเข้า ชมสถิติการเข้าชม รวมถึงข้อมูลการเลือกซื้อสินค้า หรือความสนใจสินค้าต่าง ๆ ของผู้บริโภค เพื่อนํามา วิเคราะห์การตลาด และวางแผนการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายได้ในอนาคต เว็บไซต์ WordPress ไม่สามารถใช้งานเพียงเว็บไซต์เดียวแล้วได้ผลดีสูงสุด แต่ยังมีเครื่องมืออีก 3 ชนิดที่ นํามาใช้ทํางานร่วมกัน เพื่อช่วยสร้างเว็บไซต์ร้านขายของออนไลน์ให้สามารถใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูงสุดมีดังนี้ 1) Woocommerce คือ หนึ่งในเครื่องมือสําหรับปลั๊กอินที่ช่วยสร้างและอัปเกรดร้านค้าออนไลน์บนเว็บ WordPress ธรรมดา ให้เปลี่ยนเป็นเว็บร้านค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แบบสมบูรณ์ 2) Theme คือ เครื่องมือที่ใช้สําหรับออกแบบและจัดวางโครงร่าง (Layout) เพื่อให้หน้าตาร้านค้าออนไลน์ บนเว็บ WordPress สวยงามมากกว่าเดิม ในรูปแบบที่เหมาะสมกับสินค้าและตรงตามความคิด (Idea) ที่ ต้องการ 3. Plugin คือ เครื่องมือเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานออนไลน์บนเว็บ Word Press ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของธุรกิจ หรือสิ่งที่ต้องการได้ ระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน WordPress คือ เครื่องมือสําหรับการทําเว็บไซต์กึ่งสําเร็จรูปและการทําเว็บบล็อก (Web Blog) ซึ่งถูกเขียน ด้วยภาษา PHP หน้าตาของ WordPress จะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ 1) ระบบหน้าบ้าน (Frontend) คือ ส่วนของเว็บไซต์ที่แสดงผลหน้าบล็อก เพจ และโฮมเพจต่าง ๆ ซึ่งเป็น ส่วนที่แสดงสู่สาธารณะ หรือหน้าตาของเว็บไซต์ในขณะออนไลน์อยู่บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งคือส่วนของเว็บไซต์ที่ พบโดยทั่วไปส่วนนี้จะใช้ในการทําเนื้อหา ปรับแต่งการแสดงผล เขียนบทความ จัดการว่าใครจะเข้ามาใช้ได้บ้าง และตั้งค่าเว็บไซต์ สรุป ระบบหน้าบ้านของ WordPress คือ หน้าเว็บไซต์ เป็นหน้าที่ของผู้ที่จะเข้าชมเว็บไซต์ที่จะมองเห็น หรือเรียกว่าเป็นหน้าที่เปิดสาธารณะก็ได้


7 2. ระบบหลังบ้าน (Backend) ของ WordPress คือ ส่วนที่อยู่หลังเว็บไซต์ที่ถูกจํากัดเฉพาะผู้ดูแลระบบ หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นซึ่ง Word Press มีคระบบความปลอดภัย (Security) จึงต้องใช้ชื่อผู้เข้าใช้และ รหัสผ่านในการเข้าสู่ระบบ โดยระบบหลังบ้านจะใช้สําหรับจัดการและปรับแต่งเว็บไซต์ เช่น สร้างเนื้อหาที่จะ นําแสดงบนเว็บไซต์ปรับแต่งสีสัน จัดวางโครงร่างและตําแหน่งเนื้อหาของเว็บไซต์เป็นต้น 2. การสมัครใช้งาน การสมัครใช้งานและกําหนดชื่อโดเมน (Domain Name) มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 2.1 เข้าเว็บไซต์ www.WordPress.com 2.2 คลิกที่ Start your website (เริ่มต้นใช้งาน)


8 2.3 ปรากฏหน้าต่าง มาเริ่มกันเลย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ Log in หมายถึง ลงชื่อเข้าใช้งาน Your email address หมายถึง อีเมลของคุณ User name หมายถึง ชื่อผู้ใช้ Choose a password หมายถึง การกําหนดรหัสผ่าน Creat your account หมายถึง การสร้างบัญชีผู้ใช้งาน 2.4 กรอกรายละเอียดตามต้องการ (ทั้งนี้ ถ้า ชื่อผู้ใช้งานมีการใช้งานอยู่แล้ว ให้กําหนดชื่อผู้ใช้ใหม่) 2.5 เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้คลิกที่ Create your account


9 2.6 ปรากฏหน้าต่าง Choose a domain (การกําหนดชื่อโดเมน) โดยให้กําหนดชื่อตามต้องการ ในที่นี้ กําหนดชื่อ siwatshop ทั้งนี้ WordPress จะมีชื่อแนะนําให้เลือก เช่น siwat.shop และ siwatshop.com ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่าย ในที่นี้เลือกแบบ siwatshop.wordpress.com ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย (Free) เสร็จแล้วคลิกที่ Select 2.7 ปรากฏหน้าต่าง Chasse a plan (ให้เลือกรูปแบบ) โดยจะแสดงในส่วนที่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งมีทั้งแบบ ส่วนตัวพรีเมี่ยม ธุรกิจ และ eCommerce ในที่นี้ให้คลิกที่ start with a free site (เริ่มต้นแบบไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่าย) 2.7.1 ส่วนตัว (Personal) ใช้สําหรับผู้ที่ต้องการทําเว็บไซต์ส่วนตัวให้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น 2.7.2 พรีเมียม (Premium) ใช้สําหรับการทําเว็บไซต์ที่มีความน่าสนใจมากกว่าการเป็นเพียงเว็บไซต์ ส่วนตัว อาจจะเป็นพวกบล็อกต่าง ๆ ที่มีความเป็นทางการมากขึ้น ต้องการใช้เครื่องมือ (Tool) ต่าง ๆ ช่วยให้ มีประสิทธิภาพ การใช้งานได้มากกว่าเดิม 2.7.3 ธุรกิจ (Business) ใช้สําหรับผู้ที่ต้องการทําเว็บไซต์ธุรกิจ 27.4 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (eCommerce) ใช้สําหรับผู้ที่จะเปิดเว็บไซต์ไว้เพื่อขายสินค้าโดยเฉพาะ โดยมีสินค้าจํานวนมาก


10 2.8 ปรากฏข้อความ Building your site หมายถึง กําลังสร้างเว็บไซต์ 2.9 ปรากฏหน้าต่างของหน้าที่จะใช้สร้างเว็บไซต์ของ WordPress Admin Menu ประกอบด้วยเมนูการตั้งค่าทุกส่วนของ WordPress ซึ่งจะรวมกันอยู่ด้านซ้ายทั้งหมด 1) สถิติ (Stats) 7) ความเห็น (Comments) 2) อัปเกรด (Upgrade) 8) ผลตอบรับ (Feedback) 3) Inbox 9) Jetpack 4) เรื่อง (Posts) 10) รูปแบบเว็บ (Appearance) 5) สื่อ (Media) 11) ปลั๊กอิน (Plugins) 6) หน้า (Pages) 12) ผู้ใช้ (Users)


11 3. การเปลี่ยนภาษา ในกรณีที่เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ถ้าต้องการเปลี่ยนให้เป็นภาษาที่ต้องการ มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 3.1 คลิกที่ รูปโพรไฟล์ (Profile) 3.2 คลิกที่ การตั้งค่าบัญชี (Account Setting) 3.3 คลิกที่ Interface language 3.5 คลิกที่ ดําเนินการแก้ไข(Select Language) 3.4 ปรากฏหน้าต่าง Select a language ให้คลิกเลือกภาษาที่ต้องการ ทั้งนี้จะแสดงผลในการเปลี่ยนภาษา 10%


12 4. การตั้งชื่อเว็บไซต์ การตั้งชื่อเว็บไซต์ มีวิธีปฏิบัติดังนี้ 4.1 คลิกที่ เว็บของฉัน เพื่อเข้าสู่หน้าของการตั้ง 4.3 กําหนดชื่อเว็บไซต์ในช่อง Site title ชื่อเว็บไซต์ 4.2 คลิกที่ ตั้งชื่อเว็บของคุณ 4.4 ในที่นี้กําหนดชื่อ siwatshop2021 4.5 กําหนดรายละเอียดเกี่ยวกับเว็บไซต์ ในช่องSite tagline เพื่อให้ทราบว่าเว็บไซต์ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับ สินค้าอะไรบ้าง ซึ่งมีส่วนช่วยในการค้นหาของลูกค้าเพื่อ ให้พบเว็บไซต์ ในที่นี้กําหนดว่า ถั่วคั่วทราย ขนมปังกรอบ วุ้นกรอบ มาคราเม่ 4.6 เมื่อกําหนดเสร็จแล้ว ให้คลิกที่ Save settings เพื่อบันทึกการตั้งค่า


13 4.7 ปรากฏข้อความ Settings saved Successfully หมายความว่า บันทึกการตั้งค่าสําเร็จแล้ว 4.8 คลิกที่ My Home (หน้าแรก) 4.9 กลับสู่หน้าแรก (My Home) สังเกตรายการด้านขวา จะปรากฏเครื่องหมายถูก ที่ข้อความว่า Give your site a nameหมายความว่า ได้ให้ชื่อของเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว 5. การกําหนดข้อมูลส่วนตัว การกําหนดข้อมูลส่วนตัว ซึ่งการกําหนดถ้ากําหนดข้อมูลที่เป็นจริงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้เป็น อย่างดีมีวิธีปฏิบัติดังนี้ 5.1 คลิกที่ รูปโพรไฟล์ (Profile)


14 5.2 ปรากฏหน้า ข้อมูลของฉัน ให้กรอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชื่อจริง 5.3 เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว คลิกที่ Save profile details (บันทึกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว) 5.4 รอสักครู่ จะปรากฏข้อความ Settings saved successfully (บันทึก การตั้งค่าสําเร็จแล้ว) 6. การยืนยันอีเมล เมื่อกําหนดชื่อและกรอกข้อมูลส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะต้องยืนยันอีเมลที่ใช้งาน โดยมีวิธี ปฏิบัติดังนี้ 6.1 รายการด้านขวามือจะอยู่ในส่วนของ Confirm your email address (ยืนยันอีเมลของคุณ)


15 6.2 คลิกที่ Confirm your email-address 6.3 เปิดอีเมลที่ได้สมัครใช้งานไว้ แล้วให้คลิกข้อความที่ WordPress.comส่งเข้ามา 6.4 ปรากฏข้อความยินดีต้อนรับของ WordPress ให้คลิกที่ Confirm Now (ยืนยันเดี๋ยวนี้) 6.5 กลับมาหน้าเว็บของ WordPress จะปรากฏaddress แสดงว่า ได้ยืนยันอีเมลเรียบร้อยแล้ว


16 7. การออกจากระบบ เมื่อสมัครเข้าใช้งานและกําหนดรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ถ้าต้องการออกจากเว็บไซต์ก่อน มีวิธีปฏิบัติ ดังนี้ 7.1 คลิกที่ รูปโพรไฟล์ (Profile) 7.2 คลิกที่ ออกจากระบบ (Sign out) เกร็ดความรู้ ธีม (Theme) ทั้งสินของเนื้อหา การใช้สี การเลือกฟอนต์ขนาดตัวหนังสือ และประเด็นอื่น ๆ ในเรื่องของ ความสวยงาม ล้วนเป็นผลมาจาก ธีม (Theme) คือ การจัดการ การแสดงผลของเนื้อหาภายในเว็บไซต์ ทั้ง โครงร่างของหน้าเว็บไซต์ การแสดงตําแหน่ง แต่นอกจากหน้าที่หลักในเรื่องของการแสดงผลแล้ว ธีม (Theme) มีหน้าที่เสริมอื่น คือ การจัดการฟังก์ชันการทํางาน สร้างเว็บไซต์สําหรับขายสินค้าและต้องการติดตั้ง WooCommerce จะต้องเลือกธีมที่สนับสนุนกับฟังก์ชันนี้มาใช้งานด้วย หรือฟีเจอร์บางอย่างของเว็บไซต์ เช่น ธีมบางตัวอาจจะไม่สนับสนุนกับ Plugin WooCommerce ดังนั้น หากต้องการ ตัวเว็บไซต์จึงจะสามารถ ทํางานได้ หรือในบางธีมอาจจะสามารถเปลี่ยนสีของพื้นหลังเว็บไซต์ได้ในขณะที่บางธีมทําไม่ได้


17 สรุปประเด็นสำคัญ WordPress คือ เครื่องมือในการสร้างเว็บไซต์แบบสําเร็จรูปที่มีธีมจํานวนมากให้เลือกปรับใช้ได้อย่าง เหมาะสม กับธุรกิจ และใช้สําหรับจัดการเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต (Contents Management System : CMS) ได้โดยตรง โปรแกรมดังกล่าวได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะ จนได้รับความเชื่อถือ และความนิยมอย่างมากใน ปัจจุบัน ซึ่งผู้ใช้งานไม่จําเป็นต้องมีความรู้เรื่องโค้ด (Coding) ไม่จําเป็นต้องเป็นโปรแกรมเมอร์ (Programmer) สามารถสร้างร้านค้าบนโลกออนไลน์ได้ WordPress มี 2 ประเภท คือ 1. WordPress.com เป็นเว็บไซต์ให้บริการทําเว็บไซต์ด้วย WordPress โดยไม่ต้องมีชื่อโดเมน (Domain Name) หรือโฮส (Host) เพียงเข้าไปสมัครในเว็บไซต์ www.WordPress.com ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็น ของ ตนเองได้อย่างง่าย โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านการเขียนโปรแกรมหรือเว็บไซต์ 2. WordPress.org เป็นการแจกซอฟต์แวร์ (Software) และเอนจิน (Engine) ของ WordPress ให้อับ โหลดและตั้งค่าทําเว็บไซต์เอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นบางธีม (Theme) ที่ต้องชําระค่าใช้จ่าย โดย สามารถเข้าไปดาวน์โหลด WordPress แล้วอัปโหลดไปที่โฮส (Host) ที่ต้องรองรับภาษา PHP และต้อง เชื่อมต่อทําฐานข้อมูลเองทั้งหมด WooCommerce คือ หนึ่งในเครื่องมือสําหรับปลั๊กอิน (Plugin) ที่ช่วยสร้างและอัปเกรดร้านค้าออนไลน์ บน WordPress ธรรมดาให้กลายเป็นเว็บไซต์ร้านค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) แบบสมบูรณ์ ใช้ สร้างระบบตะกร้าสินค้า เพื่อลงสินค้าประเภทต่าง ๆ ตั้งค่าจัดส่งสินค้า สร้างฟอร์มแจ้งชําระเงิน สร้างหน้าการ จัดการสั่งซื้อสินค้า สร้างหน้าจัดการเรื่องสต๊อกสินค้า ซึ่งเห็นได้จากสถิติการเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ขายสินค้าด้วย ตนเองใน ปัจจุบัน WooCommerce เป็นปลั๊กอินสร้างระบบร้านค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดย สามารถ ดาวน์โหลดปลั๊กอินนี้มาใช้งานได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย กิจกรรมเสนอแน 1. ให้ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้การสร้างด้วย WordPress.com คนละ 1เว็บไซต์หน้าชั้นเรียนแล้ว นําเสนอ 2.ให้ผู้เรียนค้นคว้าข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้การสร้างด้วย WordPress.org คนละ 1 เว็บไซต์ แล้วนําเสนอ


18 Web Guide https://padveewebschool.com/wordpress-ecommerce/ https://www.fusionsol.com/blog/wordpress/ https://bit.ly/3GVoilm QR-Code หน่วยที่ 5 การจัดทําเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ด้วย WordPress


19 ใบงานที่ 5 ใบงานที่ 5.1 เรื่อง การสมัครใช้งาน WordPress.com คําชี้แจง ให้ผู้เรียนสมัครใช้งาน WordPress.com แล้วนําเสนอผู้สอน ใบงานที่ 5.2 เรื่อง การตั้งค่าเบื้องต้น คําชี้แจง ให้ผู้เรียนปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้ 1.ให้ตั้งค่าการใช้งานเบื้องต้น 2.ตั้งชื่อเว็บไซต์ 3.ตั้งค่า Home Page 4.ยืนยันอีเมล 5.เตรียมตรวจข้อมูลและรูปภาพที่จะใช้ในการสร้างเว็บไซต์ การประเมินผล การประเมินและรายการประเมิน 5=ดีเยี่ยม 4 = ดีมาก 3 = ดี2 = พอใช้1=ไม่ผ่าน ลำดับ รายการประเมิน เกณฑ์การประเมิน 5 4 3 2 1 1 พฤติกรรมการทํางาน 2 การตรงต่อเวลา 3 ความคิดสร้างสรรค์ 4 ความถูกต้องและน่าสนใจ 5 เทคนิคการนําเสนอ/ตอบข้อซักถาม รวม ข้อเสนอแนะ


20 ONLINE TEST แบบทดสอบหลังเรียน ตอนที่ 1 จงทําเครื่องหมายกากบาท (X) ลงหน้าข้อที่ถูกต้องที่สุด 1. Contents Management System คือข้อใด ก. การสร้างเว็บไซต์ ข. การจัดการเนื้อหา ค. การพัฒนาเว็บไซต์ จ. การซื้อขายสินค้า 2. การใช้โปรแกรมของ WordPress ใดที่ไม่ต้องมีชื่อโดเมน (Domain Name) n. WordPress.org ข.. WordPress.com ค. WordPress.co.th ง. WordPress.go.th จ. WordPress.us 3. ข้อใดคือข้อดีของ WordPress.com ก. มีราคาสูง ข. รูปแบบที่เสียค่าใช้จ่ายแต่มีข้อจํากัด ค. ไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินได้ ง. ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการดูแลเว็บไซต์ จ. มีการแสดงโฆษณาบนเว็บไซต์


21 4. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ WordPress.com ก. เปรียบเสมือนการเช่าคอนโดมิเนียม ข. เปรียบเสมือนการซื้อบ้าน ค. เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ ง. เปรียบเสมือนการสร้างแปลงปลูกผัก จ. เปรียบเสมือนการนําพืชผักไปจําหน่าย 5. เครื่องมือปลั๊กอิน (Plugin) ใดที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress ก. E-Commerce ข. W-Cornmerce ค.. WooCommerce ง.m-commerce จ.onine commerce 6.เครื่องมือใดที่ใช้สําหรับออกแบบและจัดวางโครงร่าง ก. Plugin ข. Tool ค. Panel ง. Theme จ. Timeline 7. ส่วนใดที่ถูกจํากัดเฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์เท่านั้น ก. Frontend ข. Userend ค. Admin Page ง. Security


22 จ. Backend 8. อัตราการเสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน WordPressในรูปแบบ eCommerce คือเท่าใด ก. 50 บาทต่อเดือน ข. 99 บาทต่อเดือน ค. 179 บาทต่อเดือน ง. 560 บาทต่อเดือน จ. 999 บาทต่อเดือน 9. ข้อใดหมายถึงเมนูรูปแบบเว็บ ก. Posts ข. Media ค. Pages ง. Comments จ. Appearance 10. การเปลี่ยนเป็นภาษาไทยจะเปลี่ยนได้กี่เปอร์เซ็นต์ ก. 10% ข. 20% ค. 50% ง. 75% จ. 100%


23 ตอนที่ 2 จงเติมคําหรือข้อความลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. WordPress คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. WordPress.com คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. WordPress.org คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ข้อดีของ WordPress.com คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. ข้อเสียของ WordPress.com คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………


24 6. ข้อดีของ WordPress.org คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………………………………… 7. ข้อเสียของ WordPress.org คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………………………………… 8. WooCommerce คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………………………………… 9. ระบบหน้าบ้าน (Frontend คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………………………………… 10. ระบบหลังบ้าน (Backend) ของ WordPress คือ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……..…………………………………………………………………………………………………………………………………… …………..….……………………………………………………………………………………………………………………………


25 ตอนที่ 3 จงจับคู่ข้อความต่อไปนี้ให้สัมพันธ์กัน 1. ............ Theme A.ส่วนตัว 2. ..……….Frontend B. ชื่อผู้ใช้ 3. ………….Backend C. การยืนยัน 4. ............. User name D. สื่อ 5. .............. Account E. เครื่องมือที่ใช้ในการออกแบบ 6. ..............Personal F. ผลตอบรับ 7. …………..Media G. ภาษา 8. …………..Pages H. ระบบหลังบ้าน 9. …………..Feedback I. บัญชีชื่อผู้ใช้ 10. ..............Language J. ตัวเลือก K. หน้า L. ระบบหน้าบ้าน


Click to View FlipBook Version