คำนำ
ดวยผูสอน นางสาวนพรัตน สายสิน รับผิดชอบสอนรายวิชา ฟสิกส 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 กลุมสาระการ
เรียนรูวิทยาศาสตร โรงเรียนเทพอุดมวิทยา ไดจัดทำแผนแผนการจัดการเรียนรูบูรณาการรูปแบบการจัดการเรียนรู
ทางไกล (DLIT) ดวยรูปแบบ TEACHER - Model วิชาฟสิกส 3 ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 ใชสอนในวันที่ 22 เดือน
กรกฎาคม พุทธศักราช 2563 ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2563 และ มาตรฐานวิชาชีพครูไดกำหนดให ครูตองมุงม่ัน
พัฒนาผูเรียน โดยใชแผนการสอนใหส ามารถปฏบิ ตั ิไดเ กดิ ผลจรงิ พัฒนาสอื่ การเรยี นการสอนใหมีประสิทธิภาพ เพ่อื ให
ผูเรียนบรรลุจุดประสงคของการเรียนรู โดยมุงเนนใหผูเรียนประสบผลสำเร็จในการแสวงหาความรูตามสภาพความ
แตกตางของบุคคล ดวยการปฏิบัติจริงและสรุปความรูทั้งหลายไดดวยตนเอง กอใหเกิดคานิยมและนิสัยในการปฏิบัติ
จนเปนบุคลกิ ภาพถาวรติดตวั ผเู รียนตลอดไป
ดังนั้น ขาพเจาจึงได ไดพัฒนาแผนการจัดการเรียนรูบูรณาการรูปแบบการจัดการเรียนรูทางไกลโดยใช
กระบวนการหอ งเรยี นกลับดา นบน Platform DLIT ดวยรูปแบบ TEACHER – Model
บดั น้ี ขา พเจาไดจดั กจิ กรรมการเรียนรูเสรจ็ เรยี บรอยแลว ในการดำเนินการในคร้ังนี้อหวังวารายงานฉบับน้ีจะ
มีประโยชนใ นการนำขอมลู ไปใชโ รงเรยี นตอ ไป
.....................................
สารบญั หนา
1
เรื่อง 1
วตั ถุประสงคข องการรายงาน 1
ขอบเขตการรายงาน 1
เอกสารประกอบรายงาน 1
กระบวนการดำเนินงาน 2
กระบวนการจัดการเรียนรู (ใหม) 6
ผลการใชแผนการจดั การเรยี นรู 6
สรปุ ผลลัพธจากการดำเนินงาน 6
จุดเดน ของแผนการจดั การเรยี นรู 6
จุดควรปรับปรงุ ของแผนการจดั การเรยี นรู 6
สงิ่ ที่ควรปรบั ปรงุ ในปก ารศึกษา 8
ปญ หาอุปสรรค/ขอเสนอแนะ
ภาคผนวก
แผนการจดั การเรียนรู
แบบประเมินความพึงพอใจ
ประมวลภาพ
1
รายงานการใชแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู
รายวชิ า ฟส กิ ส 3 รหสั วชิ า ว 32203
กลุมสาระการเรียนรวู ชิ าวิทยาศาสตร
โรงเรยี นเทพอดุ มวทิ ยา อำเภอสังขะ จงั หวัดสรุ ินทร
สงั กดั สำนกั งานเขตพนื้ ที่การศกึ ษามัธยมศึกษา เขต 33
1. วัตถุประสงคของการรายงาน
1.1 เพือ่ ศกึ ษาผลการใชแผนการจัดการเรียนรรู ายวิชาฟส ิกส 3 รหสั วิชา ว 32203 ปก ารศึกษา 2563 ชัน้
มัธยมศกึ ษาปที่ 5
1.2 เพื่อประเมินความพงึ พอใจของนักเรียนทีม่ ีตอ การจัดการเรียนการสอน โดยใชแผนการจดั การเรียนรูร ายวชิ า
ฟส ิกส 3 รหสั วชิ า ว 32203 ปก ารศึกษา 2563 ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5
2. ขอบเขตการรายงาน
2.1 แผนการจดั การเรียนรรู ายวิชาฟสิกส 3 รหัสวิชา ว 32203 ปก ารศกึ ษา 2563 ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 จำนวน 1
แผน
2.2 นกั เรยี นระดบั ชั้น มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 ภาคเรียนท่ี 1 ปการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน
3. เอกสารประกอบการรายงาน
แผนการจัดการเรียนรรู ายวิชาฟส ิกส 3 รหสั วิชา ว 32203 ปก ารศกึ ษา 2563 ช้ัน มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 จำนวน 1
แผน (ดังแนบ)
4. กระบวนการดำเนนิ งาน
หลกั การ F4
F1 : Find คน ควา หาความรแู ละแหลงเรยี นรู
F2 : Feel ทำความเขาใจในเนื้อหา
F3 : Flipped Classroom หองเรียนกลับดานดานบน Platform DLIT
F4 : Fulfill บรรลจุ ดุ ประสงคข องการเรยี นรู
5. กระบวนการจดั การเรยี นรู (ใหม)
รูปแบบการสอนแบบ TEACHER Model
1. T : Target (กำหนดเปาหมายการเรียนรูร วมกนั )
การจดั การเรยี นการสอนทแี่ บงนกั เรยี นเปนกลมุ การเรยี นรเู ปนกลุมเพ่อื ชวยเหลอื เพ่ือนเปนรายบคุ คล เปน
การเรียนการสอนที่ผสมผสานระหวางการจัดการเรยี นรแู บบรวมมือและการเรียนการสอนรายบคุ คลเขา ดว ยกัน เนน
การสนองความแตกตางระหวางบคุ คล โดยใหน กั เรียนทำกจิ กรรมการเรยี นดวยตนเองตามความสามารถและสงเสรมิ 2
ความรว มมอื ภายในกลมุ มกี ารแลกเปลย่ี นประสบการณการเรียนรู และปฎิสัมพันธท างสังคม
2. E : Engage (พัฒนากระบวนการคดิ ข้นั สงู ) (Question Driving)
การจดั การเรียนการสอนทีใ่ หน ักเรียนเรียนรูด ว ยตนเองผาน Application ทช่ี ือ่ วา Edpuzzle ผสมผสาน
จดั การเรียนรูแบบรว มมอื โดยใหนกั เรียนทำกจิ กรรมดว ยตนเองตามความสามารถ และมแี ลกเปลยี่ นประสบการเรยี นรู
ซ่งึ กนั และกนั
3. A : Assess (ประเมินความเขา ใจ)
ผสู อนใหผ ูเ รยี นไดทำกจิ กรรมการเรยี นดวยตนเองและแลกประสบการณการเรยี นรูกับเพ่ือนในกลุม ผูสอนมี
การประเมินความเขาใจโดยใชแ บบฝกหดั พรอ มเฉลย
4. C : Challenge (ทาทายดว ยปญ หาท่ซี ับซอนย่ิงขนึ้ )
ผูส อนใหผ ูเรียนทำแบบฝกหดั ยากยง่ิ ขึน้ เพื่อทดสอบทักษะของผเู รียน โดยใหผ ูเ รยี นเรยี นรดู ว ยตนเอง
5. H : Help (ครเู ขา ไปชวยเหลือผูเรยี น)
เมือ่ ผูเ รียนมีขอ สงสยั ผูส อนเขาไปแนะนำผเู รียนใหเ กดิ เขาใจในเน้ือหานัน้ มากขึน้
6. E : Expand and share (แบง ปนความรู)
เมอื่ ผเู รียนเรยี นรูแบบฝกหดั ผเู รียนนำแบบฝกหดั มาแลกเปลยี่ นประสบการณก ารเรยี นรู และนำมาแกไ ขให
ถกู ตอ ง
7. R : Reflect (สะทอนผล)
สะทอ นผลการจัดการเรียนรโู ดยครแู ละนักเรยี นรว มกันสรปุ ความรทู ่เี รียนมา พรอ มท้งั รว มอภปิ รายในกลมุ
สาระการเรยี นรเู พอื่ หาวธิ ีการหรอื แนวทางการจดั การเรียนรูใหมๆ เพอ่ื แกไ ขปญ หาการจดั การเรยี นรูห รอื เพมิ่
ประสทิ ธภิ าพการจดั การเรยี นรู
6. ผลการใชแ ผนการจัดการเรียนรู
6.1 ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของนกั เรยี นโดยการใชแ ผนท2ี่ 2 เร่อื ง คลื่น ของวิชาฟส กิ ส รหัส ว 32203 ชัน้
มธั ยมศึกษาปท่ี 5 ภาคเรยี นที่ 1 ปการศึกษา 2563
ตารางที่ 1 ผลสัมฤทธิท์ างการเรียนของนกั เรยี น เรื่อง คลนื่ ของรายวิชาฟส ิกส รหัส ว 33203 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5
ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2563 สอนโดยครนู พรตั น สายสิน
คะแนน คะแนน
เลขท่ี ชอ่ื – สกลุ กอ นเรียน หลังเรยี น ความกา วหนา แปลผล
(รอ ยละ) (รอ ยละ) คะแนนรอยละ
1 นายชัชพิสฐิ ยวนจิตร 17 77 60 สูงขึ้น
2 นายนฤดม ชาตสิ นั ตกิ ลุ 20 82 62 สงู ขึ้น
3 นายนิติพงศ สมบรู ณ 25 82 57 สูงขน้ึ
4 นายนกุ ูลกจิ มีชยั 12 70 58 สูงขน้ึ
5 นายสนั ติ อยูปูน 11 84 73 สูงขน้ึ
6 นายอภสิ ิทธ์ิ จนิ ดาวงศ 3 70 67 สูงขึ้น
7 นางสาวเกศมณี ทองสมี า 16 80 64 สูงขึ้น
8 นางสาวโชติกา สายแสงจันทร 29 80 51 สงู ขึ้น
9 นางสาวโยษิตา ปด ภยั 2 75 73 สูงข้นึ
10 นาวสาววจิ ติ รา ศริ ไิ ทย 24 84 60 สงู ขึ้น
11 นางสาวสพุ ัตรา มดี ี 23 82 59 สูงขน้ึ
12 นางสาวสุรัสวดี ยวนจติ ต 7 83 76 สงู ขึ้น
13 นายคมกริช ยวนจิตต 15 75 60 สูงขนึ้
14 นายดนัย คำฝอย 11 70 59 สูงขน้ึ
15 นายภวศิ หลวงรกั ษ 12 83 71 สงู ขึ้น
16 นายธรี ภัทร ยง่ิ หาญ 15 88 73 สูงข้ึน
เลขท่ี ชอื่ – สกลุ คะแนน คะแนน ความกาวหนา แปลผล
กอนเรยี น หลังเรยี น คะแนนรอยละ สูงขึ้น
17 นายอภสิ ิทธิ์ ชื่นบาน (รอยละ) (รอยละ) สงู ขน้ึ
18 นางสาวจิราวรรณ ท่อี ุปมา 63 สงู ขนึ้
19 นางสาวณิชกานต ปง อุทา 19 82 62 สูงขน้ึ
20 นางสาวนฤภร ดวงดี 19 81 69 สูงขึน้
21 นางสาวพาขวัญ ชาญเชี่ยว 12 81 73 สงู ข้นึ
22 นางสาวสุจติ รา ทองทา 15 88 72 สงู ขึ้น
23 นางสาวอตินุช ยวนจิตต 17 89 73 สงู ข้นึ
24 นายภัทรพงศ ทีดี 17 90 58 สงู ขึ้น
25 นางสาวมชั ชุวิญญ สวุ ชิ า 27 85 70 สงู ขึ้น
26 นายเวชสิทธ์ิ ศรเี จรญิ 20 90 66 สงู ขึ้น
27 นายพพิ ฒั น สูญชัย 21 87 72 สูงขน้ึ
28 นายอรรณพ ดาวสุก 12 84 64 สูงขน้ึ
29 นางสาวเปรมวดี บญุ เนอ่ื ง 17 81 71 สูงขึ้น
30 นางสาวรุงนภา นาคไชยะ 15 86 78 สงู ขึ้น
31 นางสาวสวุ นันท ประทมุ เลศิ 11 89 50 สูงขน้ึ
32 นางสาวสุภัคค ผาปสมิ มา 20 70 45 สูงข้ึน
คาเฉล่ยี 27 72 45
30 75 49 4
27 76
6.2 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตอการจัดการเรยี นการสอน วชิ าฟสิกส รหัสวชิ า ว32203 ปการศกึ ษา 2563
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5
ตารางที่ 2 ความพึงพอใจของนกั เรียนทมี่ ีตอ การจดั การเรียนการสอน วิชาฟส กิ ส รหัสวชิ า ว32203 ปก ารศึกษา
2563 ชั้น มัธยมศึกษาปท ี่ 5
ท่ี รายการ ระดบั ความพึงพอใจ
คา เฉลี่ย S.D. แปลผล
ดา นเนื้อหา
1 มีความยากงายพอเหมาะ 4.34 4.40 มาก
2 มีประโยชนน าสนใจ 4.37 4.44 มาก
3 เหมาะสมกบั เวลา 4.54 4.62 มาก
รวม 4.42 มาก
ดา นการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอน
4 จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนหลายรปู แบบนาสนใจ 4.19 4.68 มาก
5 จัดกจิ กรรมสงเสรมิ กระบวนการกลมุ และการระดมพลงั 4.53 4.61 มาก
สมอง
6 จัดกจิ กรรมใหผ เู รยี นไดฝ กฝน คน ควา สังเกต รวบรวม
ขอ มูล วเิ คราะห คิดอยางหลากหลาย และสรา งสรรค
สามารถสรางองคค วามรูด วยตนเอง 4.27 4.37 มาก
7 ครเู ปน ผูช้ีแนวทางใหผเู รียนคน หาคำตอบดวยตนเองโดย 4.44 4.51 มาก
ทำกิจกรรมกลมุ
8 มกี ารสอดแทรกคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และใหแ รงเสรมิ ดว ย 4.29 4.38 มาก
การยกยอ งชมเชย
9 ฝกใหผูเ รยี นมพี ฤติกรรมเปนประชาธิปไตย ยอมรับความ
คิดเห็นของผูอ ื่น รจู ักหนา ท่ขี องตนเอง เปน ผนู ำและผู
ตามทีด่ ี 4.44 3.51 มาก
10 ลำดบั ขน้ั ตอนในการจัดกจิ กรรมไมส บั สน 4.50 4.58 มาก
11 กิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา 4.29 3.38 มาก
12 มีความสขุ สนกุ สนานกับการเรยี น 4.19 4.28 มาก
รวม 4.35 มาก
ท่ี รายการ ระดบั ความพงึ พอใจ
คา เฉลี่ย S.D. แปลผล
ดา นสอ่ื การเรยี นการสอน 4.49 5.56 มาก
13 สอ่ื สอดคลองกบั จุดประสงค 4.36 4.44 มาก
14 ใชสอ่ื ตรงเนือ้ หา 4.47 4.54 มาก
15 สื่อมีความชดั เจนนา สนใจ 4.46 4.52 มาก
16 สื่อใชจ า ย ไมยงุ ยาก ซับซอ น 4.46 4.52 มาก
17 ใชส่ือเหมาะสมกบั วยั ผเู รยี น 4.45 มาก
รวม
ดานการวัดผลประเมนิ ผล
18 มีการวัดผลการเรยี นรหู ลายรปู แบบ เนน การวดั ผลตาม
สภาพจริง และจากชิน้ งานท่ีมอบหมาย 4.54 4.62 มาก
19 สรา งเกณฑการประเมินอยา งชัดเจน 4.25 4.33 มาก
20 ผเู รยี นมสี ว นรวมในการประเมิน 4.36 4.44 มาก
รวม 4.38 มาก
4.33 มาก
เฉล่ยี รวม
จากตารางท่ี 1 พบวา ความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร 1 รหัสวิชา ค21101 ป
การศึกษา 2563 ชั้น มัธยมศึกษาปที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปการศึกษา 2563 คาเฉลี่ยรวมเทากับ 4.39 อยูในระดับมาก
ดานเนื้อหาผลการประเมินมีคาเฉลี่ยเทากับ 4.42 อยูในระดับมาก ดานการจัดกิจกรรม การเรียนการสอน ผลการ
ประเมนิ มีคา เฉล่ยี เทากบั 4.35 อยใู นระดบั มาก ดา นส่ือการเรยี นการสอน ผลการประเมิน มีคา เฉลี่ยเทา กบั 4.45 อยู
ในระดบั มากทีส่ ดุ ดานการวดั และประเมนิ ผล ผลการประเมิน มีคาเฉล่ยี เทา กับ 4.38 อยใู นระดับมาก
หมายเหตุ ระดับคุณภาพ
4.50 - 5.00 หมายถงึ มากทส่ี ดุ
3.50 - 4.49 หมายถึง มาก
2.50 - 3.49 หมายถึง ปานกลาง
1.50 - 2.49 หมายถึง นอ ย
1.00 - 1.49 หมายถงึ นอยท่สี ดุ
6
7. สรุปผลลพั ธจ ากการใชแ ผนการจัดการเรียนรู
ผลลัพธใ นการใชแผนอยใู นระดบั ดี สามารถพัฒนาผเู รยี นใหเ กดิ การเรียนรมู ีความรูค วามเขาใจในรายวชิ าที่
เรยี นได
8. จุดเดน ของแผนการจัดการเรียนรู
มีการจัดการเรียนการสอนโดยบูรณาการรูปแบบการจัดการเรียนรูทางไกลโดยใชกระบวนการหองเรียนกลับ
ดานบน Platform DLIT ดวยรูปแบบ TEACHER – Model ที่สามารถกระตุนนักเรียนใหมีสวนรวมไดดีมีการ
สอดแทรกคณุ ธรรมจรยิ ธรรม พรอ มปลูกฝงใหมีความรับผิดชอบตามหนาที่ท่ีไดร ับมอบหมาย เพื่อเปนการฝกใหผูเรียน
เรียนมคี ณุ ลกั ษณะเปนไปตามจุดประสงคก ารเรียนรู
9. จุดดอยของแผนการจัดการเรยี นรู
แบบฝก ทกั ษะยงั นอยเกินไป ผูเ รียนอาจขาดทกั ษะการคดิ คำนวณได
10. สิ่งทคี่ วรปรบั ปรุงในแผนถัดไป
ควรมีแบบฝก ทักษะทหี่ ลายหลากและสามารถพฒั นาทกั ษะของผเู รียน
11. ปญ หาอปุ สรรค/ขอ เสนอแนะ
นกั เรยี นบางคนยังขาดทักษะในการคูณ จึงทำใหท ำแบบฝก หัดไดชา
ลงชอ่ื .................................................ผูสอน
(นางสาวนพรัตน สายสิน)
ตำแหนง พนักงานราชการ
8
ภาคผนวก
ประมวลภาพการจดั การเรียนรบู รู ณาการรปู แบบการจัดการเรยี นรูทางไกล (DLIT) ดวยรปู แบบ TEACHER - Model
วิชาฟสิกส 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 ใชส อนในวนั ที่ 22 เดือนกรกฎาคม พทุ ธศักราช 2563
ภาคเรยี นท่ี 1 ปการศกึ ษา 2563
ประมวลภาพการจดั การเรียนรบู รู ณาการรปู แบบการจัดการเรยี นรูทางไกล (DLIT) ดวยรปู แบบ TEACHER - Model
วิชาฟสิกส 3 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 ใชส อนในวนั ที่ 22 เดือนกรกฎาคม พทุ ธศักราช 2563
ภาคเรยี นท่ี 1 ปการศกึ ษา 2563
แบบประเมินความพงึ พอใจการจดั การเรียนรูบ ูรณาการรปู แบบการจดั การเรียนรทู างไกล (DLIT)
ดวยรปู แบบ TEACHER - Model
วชิ าฟสิกส ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 5
ภาคเรียนท่ี 1 ปก ารศกึ ษา 2563
ท่ี รายการ ระดบั ความพงึ พอใจ 1
54 32
ดา นเนื้อหา
1 มีความยากงายพอเหมาะ
2 มปี ระโยชนนา สนใจ
3 เหมาะสมกบั เวลา
ดา นการจัดกิจกรรมการเรยี นการสอน
4 จัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนหลายรูปแบบนาสนใจ
5 จดั กิจกรรมสงเสริมกระบวนการกลมุ และการระดมพลัง
สมอง
6 จดั กจิ กรรมใหผ เู รยี นไดฝกฝน คน ควา สังเกต รวบรวม
ขอมลู วเิ คราะห คิดอยางหลากหลาย และสรา งสรรค
สามารถสรางองคค วามรูดว ยตนเอง
7 ครูเปนผูชีแ้ นวทางใหผ เู รียนคน หาคำตอบดว ยตนเองโดย
ทำกิจกรรมกลมุ
8 มีการสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรม และใหแ รงเสรมิ ดว ย
การยกยองชมเชย
9 ฝก ใหผ ูเรียนมพี ฤติกรรมเปนประชาธิปไตย ยอมรับความ
คิดเหน็ ของผูอ ่ืน รจู ักหนาท่ีของตนเอง เปนผูนำและผู
ตามทด่ี ี
10 ลำดบั ขั้นตอนในการจัดกจิ กรรมไมสบั สน
11 กิจกรรมเหมาะสมกบั เวลา
12 มีความสุขสนุกสนานกับการเรียน
ที่ รายการ 5 ระดบั ความพึงพอใจ 1
4 32
ดา นสอ่ื การเรยี นการสอน
13 ส่อื สอดคลองกับจุดประสงค
14 ใชส ่ือตรงเนื้อหา
15 ส่ือมคี วามชดั เจนนา สนใจ
16 สอ่ื ใชจ าย ไมยงุ ยาก ซับซอ น
17 ใชส ื่อเหมาะสมกบั วัยผูเ รยี น
ดานการวัดผลประเมนิ ผล
18 มีการวัดผลการเรยี นรูหลายรปู แบบ เนนการวดั ผลตาม
สภาพจรงิ และจากช้ินงานที่มอบหมาย
19 สรา งเกณฑการประเมนิ อยางชัดเจน
20 ผูเรยี นมสี ว นรวมในการประเมนิ
ขอเสนอแนะ
..........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
*หมายเหตุ
5 หมายถึง มากท่ีสดุ
4 หมายถงึ มาก
3 หมายถึง ปานกลาง
2 หมายถงึ นอย
1 หมายถึง นอ ยทสี่ ุด
แผนการจัดการเรียนรูท่ี 22
กลุม สาระการเรียนรู วทิ ยาศาสตร รายวิชาฟส กิ ส 3 รหัสวิชา ว๓32203 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5
หนวยการเรยี นรูที่ 10 ชอ่ื หนวย แสงเชงิ คล่ืน เร่ือง การเลี้ยวเบนของแสงผานสลติ เดีย่ ว รวมท้ังคำนวณ
ปริมาณตา ง ๆ ที่เกี่ยวของ เรื่อง คลนื่ เวลา 2 ช่ัวโมง
สอน วันท่ี ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ เวลา 10.20 – 12.00 น. ครผู ูสอน นางสาวนพรัตน สายสนิ
1. มาตรฐานการเรยี นรู
ว 6.2 เขาใจการเคลื่อนทแ่ี บบฮารม อนิกอยางงา ย ธรรมชาตขิ องคล่นื เสียงและการไดยนิ ปรากฏการณท่ี
เกย่ี วของกับเสียง แสงและการเห็น ปรากฏการณที่เกีย่ วของกับแสงรวมท้ังนำความรูไปใชประโยชน
2. ผลการเรยี นรู
4. สังเกตและอธิบายการสะทอน การหักเห การแทรกสอด และการเล้ยี วเบนของคลื่นผวิ น้ำ รวมทงั้ คำนวณ
ปรมิ าณตา ง ๆ ท่เี กี่ยวขอ ง
3. จุดประสงคการเรยี นรู
3.1 ดา นความรู (K)
1) อธิบายการแทรกสอดของคล่นื ผวิ น้ำได
3.2 ดา นกระบวนการ (P)
1) ทดลองและสังเกตการแทรกสอดของคลืน่ ผวิ นำ้ ได
3.3 ดา นเจตคติ (A)
1) ใฝเ รยี นรู และมีความรับผดิ ชอบ
4. สาระสำคญั
พฤติกรรมของคล่นื คลน่ื แสดงพฤติกรรมการสะทอนเมื่อกระทบสิ่งกดี ขวางหรือรอยตอ ของตวั กลางท่ีตา งกนั
การสะทอ นของคลื่นเปน ไปตามกฎการสะทอน คือ มมุ สะทอ นเทากับมมุ ตกกระทบ คลน่ื สะทอนในเชือกจะ
กลบั เฟสเมื่อปลายเชือกตรงึ แนน และคลน่ื สะทอนในเชอื กมเี ฟสคงเดมิ เมื่อปลายเชอื กอสิ ระ
คล่ืนเกดิ การหักเหเมือ่ เคลอ่ื นที่ผานรอยตอของตวั กลางทต่ี างกนั โดยคลื่นมคี วามถี่คงท่ี แตอตั ราเร็วคลืน่
sin 1 1
เปล่ยี นไปเปน ไปตามกฎการหักเห แทนดว ยสมการ sin 2 = 2
เมื่อคล่นื สองขบวนเคลือ่ นทมี่ าพบกันเกดิ การแทรกสอดกนั ถาคลืน่ จากแหลง กำเนิด S1 และ S2 มีความถี่เทากัน
เฟสตรงกนั แอมพลจิ ดู เทา กนั เม่ือแทรกสอดกันเกดิ ตำแหนง ท่รี วมแบบเสรมิ เรยี กวา ปฏบิ ัพ และแบบหักลาง เรียกวา
บพั โดยตำแหนง ท่เี กดิ ปฏิบัพเปน ไปตามสมการ | 1 − 1 | = เมื่อ n = 0, 1, 2, 3, …
และตำแหนงทเ่ี กดิ บัพเปน ไปตามสมการ | 1 − 1 | = � = 12� เม่ือ n = 1, 2, 3, …
คลน่ื อาพันธสองขบวนเคลือ่ นทส่ี วนทางกันจะเกิดการแทรกสอดเกิดเปน ปฏบิ ัพและบัพที่อยูนิ่ง โดยมรี ะยะ
ระหวางบัพท่ีถัดกนั และปฏบิ พั ทถ่ี ดั กนั เทากบั คร่ึงหนง่ึ ของความยาวคลน่ื เรียกวา คลนื่ นิ่ง
คล่ืนเกดิ การเลย้ี วเบนเม่อื เคลือ่ นท่ีพบขอบของสง่ิ กดี ขวางหรอื ชองแคบ แลว มคี ลนื่ แผออกจากของของสิ่งกีดขวาง
ไปทางดว นหลังได
5. สาระการเรยี นรู
5.1 ความรู
แหลงกำเนิดสองแหลงอยูมนตัวกลางเดียวกัน ใหคลื่นตอเนื่องที่มีแอมพลิจูด ความถี่ และความยาวคลื่น
เทากัน มีเฟสเริ่มตนตรงกันหรือตางกันคงที่ จัดเปนแหลงกำเนิดอาพันธ (coherent sources) เมื่อแหลงกำเนิดคลื่นนี้
แผค ลนื่ ออกมา ดังรปู
คลื่นทีเ่ คลื่อนที่ออกมาจะเกดิ การแทรกสอดกัน โดยบางจุดจะเกิดการแทรกสอดแบบหักลางกันสนทิ เปน
จุดบัพ คาการกระจัดลัพธของตัวกลางที่จุดนี้จะเปนศูนย และเกิดจุดที่มีการแทรดสอดแบบเสริมกันที่จุดปฏิบัพ
คา การกระจัดลพั ธของตวั กลางทจ่ี ดุ นจ้ี ะมีขนาดเปน 2 เทาของแอมพลิจดู ของคลน่ื ท่อี อกมาจากแหลงกำเนดิ สวนตำแหนง
อื่นๆ ที่เหลอื จะเปน การแทรกสอดท่ไี มไดหักลา งกันสนิทและเสรมิ กนั มากท่สี ดุ
เมื่อคลื่นสองขบวนเคลื่อนที่มาพบกันเกิดการแทรกสอดกัน ถาคลื่นจากแหลงกำเนิด S1 และ S2
มีความถี่เทากัน เฟสตรงกัน แอมพลิจูดเทากัน เมื่อแทรกสอดกันเกิดตำแหนงที่รวมแบบเสริม เรียกวา ปฏิบัพ และแบบ
หักลาง เรียกวา บัพ โดยตำแหนงที่เกิดปฏิบัพเปนไปตามสมการ | 1 − 1 | = เมื่อ n = 0, 1, 2, 3, …
และตำแหนง ที่เกดิ บัพเปน ไปตามสมการ | 1 − 1 | = � = 21� เม่ือ n = 1, 2, 3, …
5.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสอื่ สาร (อา น ฟง พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคดิ (สังเกต วเิ คราะห จัดกลมุ สรุป)
3) ความสามารถในการแกป ญหา (-)
4) ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต (ทำงานกลมุ และความรบั ผดิ ชอบ)
5) ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศ (ใชก ารสบื คน ผา นคอมพวิ เตอร)
5.3 คุณลักษณะและคานยิ ม
ใฝเรยี นรู และมคี วามรบั ผดิ ชอบ
6. บรู ณาการ
6.1 บูรณาการ PLC นักเรียนแตละกลุมแลกเปลี่ยนเรียนรูเลาสูกันฟงถึงความรูที่ไดจากการทำกิจกรรม และ
ปญ หาทีเ่ กิดขึ้นระหวา งการทำกจิ กรรม
7. กจิ กรรมการเรยี นรู
ขน้ั ตอนการเรยี นรู
ขั้นที่ 1 ขน้ั สรางความสนใจ
1.1 ครูทบทวนความรูเดิม เรื่อง การแทรกสอดแบบหักลาง การแทรกสอดแบบเสริมกัน กรณี คลื่น
ตอเนื่องที่มีแอมพลิจูด ความถี่ และความยาวคลื่นเทากัน มีเฟสเริ่มตนตรงกันหรือตางกันคงที่ และการเกิด
คลน่ื น่งิ
1.2 จากที่นักเรียนไดศึกษาจากวีดีโอ DLIT โดยใชแอฟพิเคชัน Edpuzzle ตามลิงคนี้
https://edpuzzle.com/assignments/5f64778e762b3640a4e3681b/watch
ขั้นท่ี 2 ขน้ั สำรวจและคน หา
2.1 นกั เรียนแบงกลุมๆ ละ 5-6 คน โดยคละเพศ คละความสามารถ
2.2 นกั เรียนแตละกลุมศึกษาใบกจิ กรรม 9.4 เรอ่ื ง การแทรกสอดของคล่ืนผิวน้ำ
2.3 ครแู จงจุดประสงคการเรยี นรู อุปกรณ และขน้ั ตอนการทดลองอยางละเอียด
2.4 นักเรยี นรบั อุปกรณการทดลอง พรอ มตดิ ต้ังอปุ กรณ
2.5 นักเรียนแตละกลุม ทำการทดลอง สังเกตและบันทกึ ผลการทดลอง
ขน้ั ที่ 3 ขน้ั อธบิ ายและลงขอสรุป
3.1 ครสู ุมนกั เรยี น 2 คน ออกมานำเสนอสรปุ ท่ีไดจากการศึกษาหนา ช้นั เรียน
3.2 ครนู ำนักเรยี นอภิปรายเพ่ือนำไปสกู ารสรปุ โดยใชค ำถามตอ ไปน้ี
1) นักเรียนแตละกลุมไดผลการทำกิจกรรมเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (แนวการตอบ
ไดผลเหมือนกัน)
2) จากภาพคลน่ื ตอเนื่องวงกลมทสี่ รา งโดยปุมกำเนิดคล่นื ท้งั สองปรากฏเปนแถบมืด แถบ
มดื นเี้ กิดขน้ึ ไดอ ยา งไร (แนวการตอบ ตำแหนง ทีเ่ ปน แถบมดื และแถบสวา ง คือจุดทค่ี ลนื่ จากปุมกำเนดิ คลน่ื ทัง้
สองไปรวมกันแบบหกั ลา งและเสริมกันตามลำดบั )
3) การรวมกันของคลืน่ ท่เี กดิ จากแหลงกำเนดิ อาพนั ธทีม่ ีแอมพลจิ ูดเทากนั เมอ่ื รวมกนั จะ
อะไร (แนวการตอบ เม่ือรวมกันจะเกดิ บพั และปฏิบพั )
4) ปมุ กำเนิดคลื่นสองปมุ ตดิ อยูกับคานกำเนิดคลน่ื เดยี วกันจงึ ทำใหเกดิ คล่ืนผิวนำ้ มีคา ใด
เทา กัน (แนวการตอบ ความถี่ คลนื่ ผา นตัวกลาง อัตราเรว็ ความยาวคล่นื ส่ันแรง และแอมพลจิ ูดเทากัน)
5) ตำแหนง ทเี่ ปนบพั และปฏบิ ัพเหลานี้ ไมเ คลอ่ื นท่ี แสดงวาเกดิ คลนื่ ใด (แนวการตอบ คลืน่
นงิ่ )
3.3 นักเรยี นและครูรว มกันอภปิ รายและสรุปผลการทำการทดลอง จนสรปุ ได ดงั นี้
จากการทำการทดลอง พบวา ปุมกำเนิดคลื่นสองปุมติดอยูกับคานกำเนิดคลื่นเดียวกัน ทำให
เกิดคลื่นผิวน้ำ ดวยความถี่เดียวกัน คลื่นผานตัวกลางเดียวกัน อัตราเร็วเทากัน ความยาวคลื่นเทากัน สั่นแรง
เทากนั แอมพลจิ ดู เทา กัน เปน แหลง กำเนิดอาพนั ธ เม่อื คล่นื จากแหลงกำเนิดท้งั สองมาพบกนั จึงเกิดจุดท่ีคล่ืน
มารวมกันแบบเสริม เปนจุดปฏิบัพ และจุดที่คลื่นรวมกันแบบหักลาง เปนจุดบัพ ซึ่งตำ แหนงที่เปนบัพ
และปฏิบพั เหลาน้ี ไมเ คลือ่ นท่ี จึงเปนคลื่นน่งิ สะทอน
ขนั้ ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู
4.1 ครอู ธบิ ายใหความรเู พมิ่ เติม ดังน้ี
เมื่อคลื่นสองขบวนเคลื่อนทีม่ าพบกันเกิดการแทรกสอดกัน ถาคลื่นจากแหลงกำเนดิ S1 และ
S2 มีความถี่เทากนั เฟสตรงกัน แอมพลิจูดเทากัน เมื่อแทรกสอดกนั เกิดตำแหนง ทีร่ วมแบบเสริม เรียกวา ปฏิ
บัพ และแบบหักลาง เรียกวา บัพ โดยตำแหนงที่เกิดปฏิบัพเปนไปตามสมการ | 1 − 1 | = เมื่อ
n = 0, 1, 2, 3, …และตำแหนงที่เกิดบัพเปนไปตามสมการ | 1 − 1 | = � = 21� เมื่อ n = 1,
2,3, …
4.1 ครูอธบิ ายใหความรจู ากคำถามชวนคดิ
- การแทรกสอดกนั ของคล่ืนทจ่ี ุดอน่ื ๆ ท่ไี มใชจ ดุ ท่ีสันคลืน่ (หรือทองคลื่น) ซอนทับกับสันคล่ืน
(หรือทอ งคลน่ื ) เปนการแทรกสอดแบบใด (แนวคำตอบ เปน การแทรกสอดแบบหักลาง)
- หากเฟสเริ่มตนของคลื่นจากแหลงกำเนิดทั้งสองมีคาตางกัน 180 องศา หรือมีเฟสตรงขาม
กัน เงื่อนไขของการแทรกสอดแบบเสริมกับแบบหักลางจะเปลี่ยนแปลงหรือไม อยางไร เพราะเหตุใด
(แนวคำตอบ หากเฟสเรม่ิ ตนของคลื่นจากแหลงกำเนดิ ทง้ั สองมีคา ตางกัน 180 องศา หรอื มเี ฟสตรงขาม เงอ่ื นไข
ของการแทรกสอดเปลี่ยนไป โดยที่แนวกลางเปนการแทรกสอดแบบหักลาง เนื่องจากหนาคลื่นแรกที่พบกัน
แทรกสอดแบบหักลางกัน)
- ในรปู 9.26 แสดงเสนแนวการแทรกสอดกัน แสดงคา ∆r สงู สุดเทากบั 2 λ มีแนวการแทรก
สอด ที่คา ∆r มากกวา 2 λ หรือไม เพราะเหตุใด (แนวคำตอบ ไมมี เนื่องจากแหลงกำเนิดคลื่นทั้งสองเปน
แหลงกำเนิดอาพันธแ ละอยหู างกนั 2 λเทานน้ั )
- หากเฟสเร่มิ ตนของคล่ืนจากแหลงกำเนดิ ท้งั สองมีคา ตางกัน 180 องศาหรอื มเี ฟสตรงขามกัน
เสนแนวการแทรกสอดกันของคล่ืนที่จุดซ่ึงมีระยะหางจากแหลงกำเนิดท้ังสองเทากัน จะเกิดการแทรกสอดแบบ
ใด (แนวคำตอบ เกดิ การแทรกสอดแบบหักลา ง)
ขัน้ ที่ 5 ขั้นประเมินผล
5.1 นักเรียนสงใบกิจกรรม เร่ือง การแทรกสอดของคล่นื ผวิ น้ำ
8. สื่อการเรยี นรู/แหลง เรียนรู
8.1 หนงั สอื เรยี นรายวิชาเพิ่มเตมิ วิทยาศาสตร (ฟสกิ ส) ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 3 (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
8.2 อินเทอรเนต็
8.3 ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การแทรกสอดของคล่นื ผวิ นำ้
8.4 ชุดกจิ กรรม เรื่อง การแทรกสอดของคลืน่ ผวิ นำ้
9. การวัดและประเมนิ ผล
จุดประสงคการเรียนรู วิธีการวัด เคร่ืองมือ เกณฑการประเมิน
ดา นความรู (K) 1) ตรวจใบกจิ กรรม เรือ่ ง 1) ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การ 1) นักเรียนสามารถ
1) อธบิ ายการการแทรกสอดของ การแทรกสอดของคลนื่ ผิว แทรกสอดของคลนื่ ผวิ น้ำ สรุปผลการทดลองได
คลืน่ ผิวน้ำได น้ำ
ดานกระบวนการ (P) 1) ตรวจใบกิจกรรม เรือ่ ง ระดบั ดีผา นเกณฑ
1) ทดลองและสงั เกตการแทรก การแทรกสอดของคลืน่ ผวิ 1) ใบกจิ กรรม เรือ่ ง การ 1) นักเรยี นสามารถทำ
สอดของคลืน่ ผวิ นำ้ ได น้ำ การแทรกสอดของคลืน่ ใบกจิ กรรมไดระดบั ดี
ดานคุณลักษณะ (A) 1) ตรวจการสง ใบกิจกรรม ผวิ น้ำ ผา นเกณฑ
1) ใฝเ รยี นรู และมีความ 1) ใบกจิ กรรม เร่อื ง การ 1) นกั เรียนไดร ะดับดี
รบั ผิดชอบ แทรกสอดของคลืน่ ผวิ น้ำ ผา นเกณฑ
10. เกณฑก ารประเมินผลงานนักเรยี น
เกณฑก ารประเมนิ แบบ Rubrics ของการทำกจิ กรรม เรื่อง การแทรกสอดของคลนื่ ผวิ น้ำ
ประเดน็ การ คานำ้ หนัก แนวทางการใหค ะแนน
ประเมนิ คะแนน
ดานความรู 3 สรปุ ผลการทดลองไดถ กู ตอ งครบถว น
(K) 2 สรุปผลการทดลองคอนขา งถกู ตองครบถวน
1 สรปุ ผลการทดลองไดค อนขางถกู ตอ ง
ดา น 3 บนั ทึกผลกจิ กรรมไดถูกตองครบถวน
กระบวนการ 2 บันทกึ ผลกิจกรรมคอนขา งถกู ตอ ง
(P) 1 บันทกึ ผลกจิ กรรมไดค อนขางถกู ตอ ง
ดา น 3 ทำภาระงานท่ีไดรบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาที่กำหนด และเรยี บรอยถกู ตอ งครบถวน
คุณลกั ษณะ 2 ทำภาระงานท่ีไดรบั มอบหมายเสรจ็ ภายในเวลาทก่ี ำหนด แตงานยังผิดพลาดบางสว น
(A) 1 ทำภาระงานที่ไดร บั มอบหมายเสร็จ แตล า ชา และเกดิ ขอผดิ พลาดบางสวน
ระดับคะแนน 3 หมายถงึ ระดบั ดีมาก
คะแนน 2 หมายถึง ระดับดี
คะแนน 1 หมายถงึ ระดับพอใช
คะแนน
การประเมนิ การทำกิจกรรม เรอื่ ง การแทรกสอดของคล่ืนผวิ นำ้
จดุ ประสงคการเรียนรู
ที่ ชื่อ - นามสกลุ ดานความรู (K) ดานกระบวนการ (P) ดานคุณลักษณะ (A) รวม ระดับ
คะแนน คณุ ภาพ
1 33 39
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
ระดับคณุ ภาพ
คะแนน 9 หมายถงึ ระดับดมี าก
คะแนน 7-8 หมายถึง ระดบั ดี
คะแนน 5-6 หมายถงึ ระดบั ปานกลาง
คะแนน 3-4 หมายถึง ระดับปรับปรุง
บันทึกหลงั การสอน
หนวยการเรยี นรทู ่ี.......................................................................................................................................................
แผนการสอนที.่ ................................เร่ือง...................................................................................................................
วันท่.ี ................................................เดอื น........................................................พ.ศ......................................
ผลการจดั การเรยี นรู
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ปญหา / อุปสรรค
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ขอเสนอแนะ/แนวทางแกป ญ หา
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
……………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………...
ลงชือ่ .............................................ครผู ูสอน
(นางสาวนพรัตน สายสิน)
ใบกจิ กรรม 9.4 การแทรกส…อ…ด…ข…อ..ง/…ค…ล…นื่ …ผ..ิว/…น…ำ้ ….
1. รายช่ือสมาชิกที่ …………………………………………………….. ชั้น …………………………………
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท.่ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
2. จุดประสงคก ารทำกิจกรรม
สังเกตและอธบิ ายการแทรกสอดของคล่ืนผวิ น้ำ
3. วสั ด-ุ อปุ กรณ 1 ชุด
1. ชดุ ถาดคล่นื 1 เครือ่ ง
2. หมอ แปลงโวลตต่ำพรอมสายไฟ 1 แผน
3. กระดาษขาว
4. วิธที ำกจิ กรรม
1. ตง้ั ถาดคลน่ื ใหอยูในแนวระดับ ใสนำ้ ในถาดคลืน่ จัดปุมกำเนิดคล่ืนอันกลางและปมุ ดา นขางอันใดอันหนึง่ ใหแ ตะผิวน้ำ
2. ทำใหเกิดคลื่นตอเนื่องวงกลมสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการแผออกไป สังเกตภาพที่เกิดขึ้นบนแผนกระดาษที่เปน
ฉาก
5. ผลการทำการทดลอง
6. คำถามทา ยการทดลอง
1) จากภาพคลนื่ ตอ เน่อื งวงกลมทีส่ รางโดยปมุ กำเนดิ คล่ืนทัง้ สองปรากฏเปน แถบมืด แถบมดื นเี้ กิดขนึ้ ไดอยางไร
ตอบ ตำแหนง ที่เปนแถบมดื และแถบสวาง คอื จดุ ที่คลืน่ จากปมุ กำเนดิ คล่ืนท้ังสองไปรวมกันแบบหักลา งและเสริมกนั
ตามลำดบั ไมมกี ารเปลีย่ นแปลง แต เปลี่ยนแปลงไป โดยความยาวคลน่ื นอยลง
2) การรวมกันของคลน่ื ท่ีเกิดจากแหลง กำเนดิ อาพันธท่ีมีแอมพลิจดู เทา กัน เม่อื รวมกนั จะอะไร
ตอบ เม่ือรวมกันจะเกิดบพั และปฏิบพั เขตนำ้ ลกึ และเขตนำ้ ตืน้ ถา หนาคลนื่ ตกกระทบทำมุมกับรอยตอ ทิศทางการ
3) ปุมกำเนดิ คลื่นสองปุมติดอยกู ับคานกำเนดิ คลืน่ เดยี วกนั จงึ ทำใหเกิดคลืน่ ผวิ น้ำมคี าใดเทากัน
ตอบ ความถ่ี คลน่ื ผา นตัวกลาง อัตราเร็ว ความยาวคลืน่ สน่ั แรง และแอมพลจิ ูดเทา กนั นอ ยกวาคลื่นหกั เห
4) เมือ่ คล่นื จากแหลงกำเนิดทั้งสองมาพบกัน จงึ เกิดจุดท่ีคล่นื มารวมกันและเกดิ จุดทค่ี ลื่นรวมกนั แบบหักลาง เรยี กวาจัดน้ัน
วา จดุ อะไรตามลำดบั
ตอบ จดุ ท่คี ล่นื มารวมกัน เรียกวา แบบเสริม เปน จุดปฏิบัพ และจดุ ทคี่ ล่ืนรวมกนั แบบหกั ลา ง เปน จดุ บพั ม
จากการทดลองพบวา เมื่อหนา คลื่นผานบริเวณรอยตอระหวา งเขตนำ้ ลึกเขา สูน ้ำตน้ื ถา หนา คลน่ื ขนานกบั
5) ตำแหนงทเ่ี ปนบัพและปฏิบพั เหลานี้ ไมเ คลอ่ื นท่ี แสดงวาเกิดคล่ืนใด เปนจุดบัพ ม
ตอบ คลืน่ นิง่ จดุ ทค่ี ลื่นมารวมกัน เรยี กวา แบบเสรมิ เปนจดุ ปฏิบพั และจดุ ที่
7. สรุปผลการทดลอง
จากการทำการทดลอง พบวา ปุมกำเนิดคลื่นสองปุมติดอยูกับคานกำเนิดคลื่นเดียวกัน ทำใหเกิดคลื่นผิวน้ำ ดวย
ความถี่เดียวกัน คลื่นผานตัวกลางเดียวกัน อัตราเร็วเทากัน ความยาวคลื่นเทากัน สั่นแรงเทากัน แอมพลิจูดเทากัน เปน
แหลงกำเนิดอาพันธ เมื่อคลื่นจากแหลงกำเนิดทั้งสองมาพบกัน จึงเกิดจุดที่คลื่นมารวมกันแบบเสริม เปนจุดปฏิบัพ และจุด
ทค่ี ล่นื รวมกนั แบบหกั ลาง เปนจุดบพั ซง่ึ ตำ แหนงทเ่ี ปน บัพและปฏบิ ัพเหลาน้ี ไมเ คลอ่ื นที่ จึงเปน คลน่ื นง่ิ สะทอน
b
b
b
เฉลยใบกจิ กรรม 9.4 การแทรกสอดของคลื่นผวิ นำ้
1. รายชอ่ื สมาชิกท่ี …………………………………………………….. ชนั้ …………………………………
ชอ่ื ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขท่.ี ..................
ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขท.ี่ ..................
ชอื่ ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ชื่อ……………………………………………………………………………....................................เลขที่...................
ช่ือ……………………………………………………………………………....................................เลขที.่ ..................
2. จุดประสงคก ารทำกิจกรรม
สังเกตและอธบิ ายการแทรกสอดของคลนื่ ผวิ น้ำ
3. วัสดุ-อุปกรณ 1 ชดุ
1. ชดุ ถาดคล่ืน 1 เคร่อื ง
2. หมอ แปลงโวลตตำ่ พรอมสายไฟ 1 แผน
3. กระดาษขาว
4. วิธที ำกจิ กรรม
1. ตั้งถาดคลื่นใหอยใู นแนวระดับ ใสน ำ้ ในถาดคลน่ื จดั ปมุ กำเนดิ คลนื่ อนั กลางและปุม ดา นขางอันใดอนั หน่งึ ใหแ ตะผวิ น้ำ
2. ทำใหเกิดคลื่นตอเนื่องวงกลมสองขบวนที่เหมือนกันทุกประการแผออกไป สังเกตภาพที่เกิดขึ้นบนแผนกระดาษที่เปน
ฉาก
5. ผลการทำการทดลอง
6. คำถามทา ยการทดลอง
1) จากภาพคลนื่ ตอ เน่อื งวงกลมทีส่ รางโดยปมุ กำเนดิ คล่ืนทัง้ สองปรากฏเปน แถบมืด แถบมืดนเี้ กิดขนึ้ ไดอ ยางไร
ตอบ ตำแหนง ที่เปนแถบมดื และแถบสวาง คือจุดที่คลืน่ จากปมุ กำเนดิ คล่ืนทัง้ สองไปรวมกนั แบบหักลา งและเสริมกนั
ตามลำดับไมมกี ารเปลย่ี นแปลง แต เปลี่ยนแปลงไป โดยความยาวคลน่ื นอยลง
2) การรวมกันของคลน่ื ท่ีเกิดจากแหลง กำเนิดอาพันธที่มีแอมพลิจดู เทา กัน เม่อื รวมกนั จะอะไร
ตอบ เม่ือรวมกันจะเกิดบพั และปฏิบพั เขตน้ำลกึ และเขตนำ้ ตืน้ ถา หนาคลนื่ ตกกระทบทำมมุ กับรอยตอ ทิศทางการ
3) ปุมกำเนดิ คลื่นสองปุมติดอยกู บั คานกำเนิดคลืน่ เดยี วกนั จงึ ทำใหเกิดคลืน่ ผวิ น้ำมคี าใดเทากัน
ตอบ ความถ่ี คลน่ื ผา นตัวกลาง อัตราเร็ว ความยาวคลืน่ สน่ั แรง และแอมพลจิ ูดเทา กนั นอ ยกวาคลื่นหกั เห
4) เมือ่ คล่นื จากแหลงกำเนิดทั้งสองมาพบกัน จึงเกิดจุดท่ีคล่นื มารวมกันและเกดิ จุดทค่ี ลื่นรวมกนั แบบหกั ลาง เรยี กวาจัดน้ัน
วา จดุ อะไรตามลำดบั
ตอบ จดุ ท่คี ล่นื มารวมกนั เรียกวา แบบเสรมิ เปนจุดปฏิบัพ และจดุ ทคี่ ล่ืนรวมกนั แบบหกั ลา ง เปน จดุ บัพ ม
จากการทดลองพบวา เมื่อหนา คลนื่ ผานบริเวณรอยตอระหวา งเขตนำ้ ลึกเขา สูน ้ำตน้ื ถา หนาคลน่ื ขนานกบั
5) ตำแหนงทเ่ี ปนบัพและปฏิบพั เหลานี้ ไมเ คลอื่ นท่ี แสดงวาเกิดคล่ืนใด เปนจุดบัพ ม
ตอบ คลืน่ นิง่ จดุ ทค่ี ลื่นมารวมกัน เรยี กวา แบบเสรมิ เปน จดุ ปฏิบพั และจดุ ที่
7. สรุปผลการทดลอง
จากการทำการทดลอง พบวา ปุมกำเนิดคลื่นสองปุมติดอยูกับคานกำเนิดคลื่นเดียวกัน ทำใหเกิดคลื่นผิวน้ำ ดวย
ความถี่เดียวกัน คลื่นผานตัวกลางเดียวกัน อัตราเร็วเทากัน ความยาวคลื่นเทากัน สั่นแรงเทากัน แอมพลิจูดเทากัน เปน
แหลงกำเนิดอาพันธ เมื่อคลื่นจากแหลงกำเนิดทั้งสองมาพบกัน จึงเกิดจุดที่คลื่นมารวมกันแบบเสริม เปนจุดปฏิบัพ และจุด
ทค่ี ล่นื รวมกนั แบบหกั ลาง เปนจุดบพั ซ่งึ ตำ แหนงทเ่ี ปน บัพและปฏบิ ัพเหลานี้ ไมเคลอ่ื นที่ จึงเปน คลน่ื น่ิงสะทอน
b
b
b
ภาคผนวก
หอ งเรยี น Edpuzzle
Class code
hadebho
https://edpuzzle.com/classes/5f6320b7bf656840da711e6d