โรงเรียนวัดลำนาว อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต ๒ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ใบความรู้สถานที่ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้จังหวัดกระบี่ โครงการแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกท้องถิ่น ปีการศึกษา 2565
ใบความรู้สถานที่ทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้จังหวัดกระบี่ วันจันทร์ ที่ 13 มีนาคม 2566 เมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์เดิมชื่อ บันไทยสมอ มีสภาพเป็นชุมชนเล็ก ๆ ขึ้นอยู่กับอาณาจักรนครศรีธรรมราช ประมาณปี พ.ศ. 2415 ยกฐานะขึ้นเป็น เมืองกระบี่ เมื่อได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นเมืองแล้วโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งที่ทำ การอยู่ที่ตำบลกระบี่ใหญ่ (บ้านตลาดเก่า) สัญลักษณ์รูปกระบี่ไขว้กับภูเขา หมายถึง อาวุธโบราณซึ่งมีผู้ค้นพบในท้องที่ อาณาเขต - ทิศเหนือ จด จังหวัดพังงา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี - ทิศใต้ จด จังหวัดตรัง และทะเลอันดามัน - ทิศตะวันออก จด จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดตรัง - ทิศตะวันตก จด จังหวัดพังงา และทะเลอันดามัน เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญ เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ที่เป็นแหล่งรายได้ของ ประเทศ กระบี่เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก
กระบี่ เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน จากหลักฐานทาง โบราณคดีสันนิษฐานได้ว่า บริเวณเมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าดินแดนนี้แต่เดิมคือ เมืองบันไทยสมอ 1 ใน 12 เมืองนักษัตร ที่ใช้ตราลิงเป็นตรา ประจำเมืองขึ้น กับอาณาจักรนครศรีธรรมราช กระบี่เคยเป็นชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ มีผู้ค้นพบเครื่องมือยุคหินเป็นจำนวนมาก กระจัดกระจายทั่วไป และยังพบภาพเขียนสีโบราณ บนผนังถ้ำหลายแห่งในเขตจังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะบริเวณ อำเภอคลองท่อม และใน ประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช ( อาณาจักรตามพรลิงค์ ) กระบี่เป็นเมืองหนึ่งใน 12 นักษัตร มีตราประจำเมืองเป็นรูปลิง ( ปีวอก )จังหวัดกระบี่ ตั้งขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในอดีตเป็นเพียงแขวงหนึ่งอยู่ในอำนาจปกครอง และบังคับบัญชาของเมืองนครศรีธรรมราช เรียกว่า “แขวงเมืองปกาสัย” พระยาผู้ครองเมือง นครศรีธรรมราช ให้ปลัดเมืองฯ มาตั้งค่ายทำเพนียดจับช้างในท้องถิ่นที่ตำบลปกาสัยและได้มี ราษฎรจากเมืองนครศรีธรรมราช อพยพมาตั้งหลักแหล่งทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น ประวัติความเป็นมาของจังหวัดกระบี่
อำเภอลำทับ การปกครองแบ่งออกเป็น อำเภอลำทับแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 ตำบล 28 หมู่บ้าน ได้แก่ ลำทับ (Lam Thap) 10 หมู่บ้าน ดินอุดม (Din Udom) 7 หมู่บ้าน ทุ่งไทรทอง (Thung Sai Thong) 5 หมู่บ้าน ดินแดง (Din Daeng) 6 หมู่บ้าน อุทยานประวัติศาสตร์ย้อนรอยพระเศวตฯ อุทยานประวัติศาสตร์ย้อนรอยพระเศวตฯ เป็นสถานที่ที่มีประวัติเรื่องราวความเป็นมาของช้าง พระเศวต (พระเศวตอดุลเดชพาหนฯ พระยาช้างเผือกประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิ เบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนารถบพิตร) นอกจากได้รู้เรื่องราวความเป็นมาของพระเศวต แล้วยังได้สัมผัสกับธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
อำเภอคลองท่อม คำขวัญอำเภอคลองท่อม สระมรกตขึ้นชื่อ นามระบือแหล่งลูกปัด งามเด่นชัดน้ำตกร้อน ชื่อกระฉ่อนนกแต้วแล้ว การปกครองแบ่งออกเป็น อำเภอคลองท่อมแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 ตำบล 68 หมู่บ้าน ได้แก่ คลองท่อมใต้(Khlong Thom Tai) 9 หมู่บ้าน คลองท่อมเหนือ (Khlong Thom Nuea) 8 หมู่บ้าน คลองพน (Khlong Phon) 14 หมู่บ้าน ทรายขาว (Sai Khao) 7 หมู่บ้าน ห้วยน้ำขาว (Huai Nam Khao) 9 หมู่บ้าน พรุดินนา (Phru Din Na) 11 หมู่บ้าน เพหลา (Phela) 9 หมู่บ้าน พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม : Khlong Thom Museum
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองในอดีตของจังหวัดกระบี่ คือลูกปัดสุริยเทพ หนึ่งใน ลูกปัดที่หายากของโลก รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้โบราณต่างๆ ได้มีการขุดค้นพบและรวบรวม ไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อมแห่งนี้ ลูกปัดต่างๆเหล่านี้ขุดพบที่บริเวณควนลูกปัดหลังวัด คลองท่อม (ควน ในภาษาปักษ์ใต้แปลว่า เนินดิน หรือเขาขนาดย่อม) ซึ่งถือเป็นแหล่ง โบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ เป็นหลักฐานแสดงความ เจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมในแถบนี้ว่าครั้งหนึ่งดินแดนแถบนี้คงเป็นแหล่งผลิตลูกปัด และ แหล่งทำการค้าที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน สระมรกต สระมรกต เกิดจากธารน้ำอุ่นที่อยู่ในผืนป่าที่ราบภาคใต้ จะเป็นน้ำพุร้อน ที่มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส สระน้ำสวยใสกลางใจป่า มีน้ำใสเป็นสีเขียวอมฟ้า เปลี่ยนสีไปได้ตามวันเวลาและ สภาพแสง ลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ ได้แก่ สระแก้ว สระมรกต และ สระน้ำผุด ระหว่างเดินเข้า มาก็เจอธรรมชาติที่มีระยะทางประมาณ 2.7 กิโลเมตร แต่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะมาบรรจบกันที่ สระมรกตที่เดียวกัน แนะนำว่าตอนเดินเข้าไปที่สระให้เดินในเส้นทางปกติ ส่วนขากลับนั้นก็กลับมา เส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินใน ลักษณะเป็นวงรอบ เส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นป่าเขียวครึ้ม ร่มรื่นด้วย พรรณไม้ที่น่าสนใจเป็นแหล่งชมนกที่หายาก เช่น นกกระเต็นสร้อยคำสี นกแต้วแร้วท้องดำ น้ำตาล นก เงือกดำ ฯลฯ ระหว่างเดินก็จะพบสายน้ำไหล และสระเล็ก สระใหญ่ ไปตลอดทาง สวยงามมาก
น้ำตกร้อน เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen Thailand อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ ตัวน้ำตกตั้งอยู่ ใน อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งก็ใกล้ๆ กับสระมรกต เป็นอ่างอาบน้ำธรรมชาติกลางป่ารองรับ สายน้ำตก ที่ไหลหลั่นลง มาจากเนินเขา ใครได้มาสัมผัสต่างบอกกันว่า ไม่ใช่น้ำตกธรรมดาๆ แน่นอน ก็ใครจะเชื่อ ว่า นี่คือน้ำตกร้อน สายน้ำแร่ ที่ไหลมาพร้อมๆ กับไออุ่นเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มีลักษณะ เป็นธารน้ำพุ ร้อนผุด ขึ้นมาจากใต้ดินตาม ธรรมชาติ มีสารกำมะถัน เจือจางเป็นส่วนประกอบ มีอุณหภูมิพอเหมาะ ตกลงมาในแอ่งสามารถอาบน้ำได้ บริเวณ ธารน้ำตกร้อนขนาดเล็ก ที่ไหลลดหลั่นกันมาตามธรรมชาติ ในน้ำพุร้อนประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยให้ผ่อน คลายเชื่อว่าสามารถบำบัดอาการไขข้ออักเสบ ปวดหลัง และเกี่ยวกับผิวหนังได้ เมื่อเราเดินทางไปถึง ก็จะต้อง เดินเท้าเข้าไปอีก ประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตก ผ่าน เส้นทาง ศึกษา ธรรมชาติระหว่างทาง อาจพบกับหินรูปหน้า หน้าตาประหลาดใต้น้ำอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีมีบ่อกักเก็บน้ำร้อนก่อน ทางเข้าน้ำตก นักท่องเที่ยมักลงไปแช่น้ำเพื่อรักษาสุขภาพ และความสบาย ตัว มีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศา ที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนรักสุขภาพที่ต้องการมาบำบัดร่างกายคลายปวดเมื่อยล้าตามส่วน ต่างๆและยังเป็นที่พักใจ ให้สบายจากความรื่นรมย์ของธรรมชาติป่าเขา...เพราะไออุ่นจากน้ำแร่ ธรรมชาติของธารน้ำตกร้อน ที่ว่ากันว่าดี ต่อสุขภาพด้วยบรรยากาศกลางป่าน่ารื่นรมย์ บ่อน้ำตกร้อนที่
มากด้วยสรรพคุณ น้ำตกร้อนคลองท่อมจึงเป็นสปา ธรรมชาติชั้นเลิศ ที่คนรักสุขภาพต้องติดใจ ถ้าเรา มาเที่ยวในวันหยุดนั้น อาจมีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวบ้าน มา เที่ยวและเล่นน้ำกันค่อนข้างมาก แนะนำให้ไปในวันธรรมดา เพราะจะ ดูเป็นธรรมชาติและคนน้อยกว่า ค่าธรรมเนียมการเข้าชม คนไทย เด็ก 10 บาท ผู้ใหญ่ 20 บาท ต่างชาติ เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 08.30 น. ถึง 17.00 น. ทุกวัน สระน้ำผุด สระน้ำผุด เป็นต้นกำเนิดสระมรกต เป็นบ่อน้ำที่มีความใสสะอาด ที่เป็นเช่นนี้ เพราะน้ำซับ เหล่านี้มาจากภูเขาหินปูน จึงทำให้น้ำมีสารละลาย ของแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ทำให้สาร แขวนลอยในน้ำ ตกตะกอนได้ง่าย และที่เห็นน้ำผุดตลอดเวลาคล้ายน้ำเดือด “สระน้ำผุด” มี เรื่องเล่า ว่า ในสมัยโบราณชาวบ้าน มีความเชื่อว่า เป็นสระที่นางกินรีลงเล่นน้ำ สระน้ำผุดเป็นสระน้ำขนาดเล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-20 เมตร เกิดจากน้ำใต้ดินที่พุ่งขึ้นมา บนผิวโลก ผ่านรอยแตกของพื้นดิน(ตาน้ำ) ขึ้นมารวมกันเป็นสระน้ำ ขนาดเล็กกลางป่า และเป็นธารน้ำลงสู่สระ มรกต น้ำในสระที่เห็น มีสีน้ำเงินคราม เพราะเป็นน้ำที่มีแร่ธาตุต่างๆ หลายชนิด เช่น แคลเซียม
คาร์บอเนต, แมกนีเซียม, แมงกานีส และ กำมะถัน เป็นต้น ทำให้เรามองเห็นน้ำในสระเป็นสีดังกล่าว สระน้ำผุดเปิดให้เข้าชมเชิงนิเวศน์ หากจะเล่นน้ำต้องไปเล่นที่สระมรกต ซึ่งห่างออกไปราว 500 เมตร อำเภอเหนือคลอง คำขวัญ : ธรรมชาติงามตระการ ตำนานเมืองเก่า ร่มเงาอารยธรรม งามล้ำองค์เจดีย์ อำเภอเหนือคลองแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 ตำบล 57 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเหนือคลองแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 ตำบล 57 หมู่บ้าน ได้แก่ เหนือคลอง (Nuea Khlong) 7 หมู่บ้าน เกาะศรีบอยา (Ko Si Boya) 7 หมู่บ้าน คลองขนาน (Khlong Khanan) 9 หมู่บ้าน คลองเขม้า(Khlong Khamao)4 หมู่บ้าน โคกยาง (Khok Yang) 7 หมู่บ้าน ตลิ่งชัน (Taling Chan) 6 หมู่บ้าน ปกาสัย(Pakasai) 9 หมู่บ้าน ห้วยยูง (Huai Yung) 8 หมู่บ้าน กระบี่ แปลว่าดาบ มาจากต้นเค้าคําเดิมว่า “ปกาไส” มีผู้รู้ให้ความเห็นไว้ว่าคําว่า “ปกา/ปากา” แปลว่าดาบ เมื่อมีการยกฐานะแขวงปกาไสขึ้นเป็นเมืองให้ชื่อว่ากระบี่ เป็นการ คงความหมายเดิมอยู่ ประวัติความเป็นมาของตำบลปกาสัย ตามประวัติกล่าวว่าเมืองกระบี่แต่เดิมเรียกว่า “เมืองกาไส” หรือ “ปกาไส” เป็นแขวง เมืองขึ้นตรงต่อเมืองนครศรีธรรมราช แขวงเมืองกาไสเกิดเป็นชุมชนขึ้นโดยเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช โดยพระปลัดเมืองมาตั้งเพนียดจับช้างเพื่อส่งไปนครศรีธรรมราช กระบี่สมัยนั้นยังเป็นป่าทึบอุดมด้วย
สัตว์ป่านาๆพันธ์ การตั้งเพนียดจับช้างนี้ประมาณการว่าคงเป็นปลายรัชกาลที่ 2 แห่ง กรุงรัตนโกสินธุ์ ตรงกับสมัยเจ้าพระยานคร(น้อย) เป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงมากในการต่อเรือ ขนาดใหญ่เพื่อส่งช้างไปขายถึงต่างประเทศ โดยใช้ท่าเรือที่ปรากฏร่องรอยคือสะพานช้างปากคลอง ปกาไส เส้นทางนี้รู้จักในนาม “เส้นทางเจ้าพระยานครค้าช้าง” โรงไฟฟ้ากระบี่ โรงไฟฟ้ากระบี่ เดิมชื่อเรียก โรงไฟฟ้าลิกไนต์กระบี่ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ ถ่านหินลิกไนต์เป็นเชื้อเพลิงแห่งแรกและแห่งเดียวของภาคใต้ มีขนาดกำลังผลิตรวม 60 เมกะ วัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าขนาด 20 เมกะวัตต์ จำนวน 3 เครื่อง เริ่มจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 และทำพิธีปลดโรงไฟฟ้าออกจากระบบเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2538 รวมอายุการใช้งาน 31 ปี ด้วยภาคใต้ตอนล่างฝั่งตะวันตกมีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ปี พ.ศ. 2539 การ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ได้เสนอโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขึ้นใหม่ บริเวณพื้นที่โรงไฟฟ้่าเดิม ได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในปี 2540 และได้รับอนุมัติก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้ากระบี่ จากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2540 สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันโรงไฟฟ้ากระบี่ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้สามารถใช้เชื้อเพลิงน้ำมันปาล์ม ร่วมกับน้ำมันเตาเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล ช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำ แต่จะดำเนินการ เมื่อได้รับคำสั่งการจากรัฐบาลเท่านั้น ปัจจุบัน โรงไฟฟ้ากระบี่ถูกกำหนดให้เป็นโรงไฟฟ้าชนิด “Reserved Shutdown” มีหน้าที่เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า
วัดถ้ำเสือ วัดถ้ำเสือ เป็นสำนักสงฆ์ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของพระอาจารย์จำเนียร สีลเสฏ โฐ ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์วิปัสสนากรรมฐานที่มีชื่อเสียง บริเวณวัดมีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ นับว่ากว้างใหญ่ทีเดียว ประกอบไปด้วยสวนป่าอายุนับร้อย ๆ ปี มีบรรยากาศร่มรื่น เนื่องจากมีหุบเขาล้อมรอบ มีเพิงผาและถ้ำต่าง ๆ อยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งก็มีชื่อเรียก แตกต่างกัน เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำพระ เป็นต้น ด้วยความที่เป็น สวนป่าร่มรื่น แวดล้อมไปด้วยหุบเขาคีรีวงศ์ แหล่งถ้ำธรรมชาติจึงเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงลิงป่า และนั่นก็เป็นมนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่นี่ โดยทั่วไปลักษณะอุปนิสัยของลิงย่อมปีนป่ายซุกซน เป็นธรรมดา ดังนั้นเหล่านักท่องเที่ยวต้องระมัดระวังอย่าเข้าไปใกล้เจ้าฝูงลิงมากนะครับ เพราะมันอาจมายุ่งวุ่นวายกับสิ่งของของท่านตามประสาลิงก็เป็นได้ นอกจากเป็นสำนัก วิปัสสนากรรมฐานอันลือชื่อแล้ว บริเวณนี้ยังมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์ ทั้งยุคก่อน ประวัติศาสตร์ และยุคแรกเริ่มประวัติศาสตร์ โดยมีการขุดค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ยุค โบราณ เศษภาชนะดินเผา พระพิมพ์ดิบ ฯลฯ ที่มาของ วัดถ้ำเสือ เริ่มมาจากพระอาจารย์จำเนียร มี ความประสงค์จะสร้างสำนักสงฆ์แห่งใหม่ เนื่องจากลูก ศิษย์ลูกหามากขึ้น เมื่อต้นปีพ.ศ.2518 ท่านได้เกิดนิมิต ขึ้นว่า สำนักนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองกระบี่ มี ภูเขาล้อมรอบ มีถ้ำต่างๆ และมีถ้ำหนึ่งชื่อว่า “ถ้ำ เสือ” ดังนั้น ท่านพร้อมด้วยลูกศิษย์จึงได้เดินทางไปที่ จังหวัดกระบี่ และออกเสาะแสวงหาสถานที่ตามนิมิตของท่านนานนับเดือนจึงพบ “ถ้ำเสือ” ที่หุบเขาคีรีวงศ์ จึงเข้าไปสำรวจแล้วก็แน่ใจว่า ที่นี่แหละคือสำนักสงฆ์ที่เกิดขึ้นในนิมิตของ ท่าน พระอาจารย์จึงได้มาตั้งเป็นสำนักสงฆ์และมาปฏิบัติธรรมที่นี่จนมีลูกศิษย์ลูกหาตามมา มากมาย และชาวบ้านผู้เลื่อมใสศรัทธาอีกเป็นจำนวนมาก จนกลายเป็นวัดในเวลาต่อมา ที่ได้ชื่อว่า วัดถ้ำเสือนั้น จากการสอบถามชาวบ้านได้ความว่า ในอดีตเคยมีเสือโคร่ง จำนวนมากอาศัยอยู่บริเวณของถ้ำที่ตั้งอยู่หน้าเขาแก้ว ภายในถ้ำยังปรากฎหินธรรมชาติเป็น รูปแบบอุ้งเท้าเสืออีกด้วย
ขึ้นไปกราบสักการะ พระธาตุเจดีย์บนยอดเขาแก้ว ซึ่งมีความสูงอยู่เหนือ ระดับน้ำทะเล 600 เมตร โดยต้องขึ้นบันไดไป 1,239 ขั้น บนยอดเขาแก้วยังเป็นที่ ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง นอกจากนี้ท่านยังจะได้สูด อากาศอันบริสุทธิ์บนยอดเขาพร้อม ๆ กับการได้ชมวิวทิวทัศน์ของ ตัวเมืองกระบี่อย่างเต็มตา ส่วนพระธาตุเจดีย์ระฆังใหญ่ซึ่งนับเป็นสิ่งสำคัญอีกสิ่ง หนึ่งภายในวัด มีขนาดความกว้างของฐาน 58 เมตร และมีความสูง ถึง 90.90 เมตร กำลังอยู่ในช่วงดำเนินการก่อสร้าง โดยตั้งใจจะให้ เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก ภายในมี5 ชั้น ชั้นที่ 1 สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุ ชั้นที่ 2 เป็นหอประชุมเอนกประสงค์ ชั้นที่ 3 แขวนระฆังใบใหญ่ที่สุดในโลก ชั้นที่ 4 สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์พระพุทธรูปโบราณ ชั้นที่ 5 สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์พระธาตุ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หาดนพรัตน์ธารา เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า หาดคลองแห้ง เพราะช่วงน้ำลง น้ำคลองที่ ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลายเป็นหาดนพรัตน์ธาราเหยียดทอดลงไปใน ทะเลบรรจบกับเกาะเขาปากคลอง - หลังบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป เป็นช่วงที่น้ำเริ่มลดจนเห็น หาดทรายเป็นบริเวณกว้าง สามารถลงไเดินเล่นเก็บเปลือกหอย รอชมอาทิตย์ตกที่สวยงาม มากที่สุดแห่งนึง หาดนพรัตน์ธารา ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็น ท่าเรือศูนย์กลางไปเที่ยวตามเกาะ ต่างๆ ของกระบี่ เดิมชาวบ้านเรียกว่า "หาดคลองแห้ง" เพราะช่วง น้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลาย เป็นหาด
ทรายขาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับ เกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทราย ละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็กๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายหาดทะเล มองออก ไปในพื้นน้ำมีทิวทัศน์ของเกาะแก่ง ช่วงน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไป ยัง เกาะเล็กๆ บริเวณ หน้าชายหาดได้ เหมาะสมสำหรับ การพัก ผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หาด นพรัตน์ธารายังเป็นแหล่งที่ อยู่อาศัยของหอยชักตีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง อยู่ห่าง จากจังหวัด กระบี่ เพียง 17 กิโลเมตร ท่าปอมคลองสองน้ำ ท่าปอมคลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ “ท่าปอม” เป็นชื่อของคลองสายสั้นๆ ความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร มีต้นน้ำเป็นน้ำผุดบนเขาช่องพระแก้ว ปลายทางของน้ำในคลองไหล ออกสู่ทะเลอันดามัน “ท่าปอมคลองสองน้ำ” เป็นผืนป่าพรุขนาดใหญ่ที่ระบบนิเวศของน้ำจืดและน้ำ ทะเลที่มีความสัมพันธ์กัน โดยสีของน้ำในคลองจะเปลี่ยนสีตามการขึ้นลงของน้ำทะเล ในช่วงปกติน้ำใน คลองจะเป็นน้ำจืดใสสะอาด ส่วนในตอนที่น้ำทะเลขึ้นแล้วน้ำทะเลไหลดันเข้ามาในคลอง สีของน้ำจะ เปลี่ยนไปเป็นสีเขียวอมฟ้าสวยงามแปลกตา และน้ำในคลองจะกลายเป็นน้ำทะเลและน้ำกร่อย ซึ่งเป็น ที่มาของชื่อท่าปอมคลองสองน้ำนั่นเอง ภายในท่าปอมคลองสองน้ำมีสะพานสำหรับเดินศึกษา ธรรมชาติความยาว 700 เมตร เป็นเส้นทางเดินแบบวงกลม สองข้างทางแวดล้อมด้วยผืนป่าเขียวขจี ตลอดแนวลำคลองของท่าปอมคลองสองน้ำเต็มไปด้วยต้นชมพู่น้ำที่แผ่รากผสานแน่นอยู่ตามริมฝั่งเคียง คู่กับป่าโกงกาง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของปลาทะเลที่พากันว่ายน้ำเข้ามาหา อาหารในคลองและกลับออกไปในตอนที่น้ำลง ถือเป็นป่าพรุอีกแห่งหนึ่งที่มีความหลากหลายทาง ชีวภาพสูงและน่าสนใจ
“ท่าปอม” เป็นชื่อของคลองสายสั้นๆ ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ใน ต.เขาคราม อ.เมือง จ. กระบี่ มีต้นน้ำเป็นน้ำผุด บนเขาช่องพระแก้ว ปลายทางของคลองนี้จะออกสู่ทะเลอันดามัน ในยามที่น้ำ ทะเลลง น้ำจืดจากคลองจะไหลลงสู่ทะเล เป็นคลองน้ำจืด น้ำในคลองจะใสราวกระจก มีสีเขียวอมฟ้า ในยามที่น้ำทะเลขึ้น น้ำทะเลจะไหลเข้ามาในคลอง ทำให้คลองเป็นน้ำเค็ม และน้ำกร่อย น้ำจะขุ่น ปลา ทะเลจะเข้ามาหาอาหารในคลอง และว่ายกลับออกไปอีกครั้งในตอนที่น้ำทะเลลง จากการที่น้ำทะเล ขึ้นและลง ทำให้ท่าปอม เป็นทั้งคลองน้ำจืด และ คลองน้ำเค็ม จึงเป็นที่มาของคำว่า “ท่าปอม คลอง สองน้ำ” ที่บริเวณต้นน้ำผุดจะเป็นระบบนิเวศน์แบบป่าพรุ – ป่าดิบชื้น และบริเวณที่ต่อกับทะเลจะเป็น ป่าชายเลน ท่าปอม คลองสองน้ำ เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่ป่าพรุ ป่าดิบชื้น กับ ป่าชายเลนอยู่ติดกันอย่างกลมกลืน มีความหลากหลายทางธรรมชาติเป็นอย่างมาก ถือว่าเป็นแหล่ง ศึกษาเชิงนิเวศวิทยาได้เป็นอย่างดี ในอดีตนั้นท่าปอม เป็นป่าพรุ รกทึบ มีต้นไม้แน่นเต็มไปหมด พื้นดินเต็มไปด้วยรากไม้ บนพื้นที่กว่า 300 ไร่ ยากต่อการเข้าถึง น้ำในคลองใส มีต้นน้ำเป็นน้ำผุด คนสมัยก่อนเชื่อว่าท่าปอมเป็น ป่าอาถรรพ์ หรือดินแดนต้องห้าม มีจระเข้เผือกเป็นสัตว์ของเจ้าป่าคอยดูแลป่าท่าปอม จึงไม่มีใครกล้า เข้ามา จนกระทั่งเมื่อ 130 กว่าปีที่แล้ว มีโต๊ะครูปอม (โต๊ะครู คือครูสอนศาสนาอิสลาม ที่มีความรู้ด้าน ศาสนาอิสลามเป็นอย่างดี) เข้ามาตั้งถิ่นฐานที่นี่แล้วตั้งชื่อป่าพรุแห่งนี้ว่า “พรุท่าปอม” ตามชื่อของโต๊ะ ครู จากนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านเข้ามาทำมาหากินจนกลายเป็นชุมชนเขาคราม และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาดู ความมหัศจรรย์ของท่าปอมคลองสองน้ำ
พิพิธภัณฑ์ลูกปัดอันดามัน ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน พิพิธภัณฑ์ลูกปัดอันดามัน ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน พิพิธภัณฑ์ลูกปัดอันดามัน เป็นแหล่งการเรียนรู้ทาง ศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ของจังหวัดกระบี่ และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่มุ่งเน้น นำเสนอเรื่องราวของลูกปัดโบราณ ซึ่งเชื่อมโยงจากอดีตในฐานะเมืองท่ากว่าสองพันปี ถ่ายทอดผ่าน กาลเวลาจนถึงยุคปัจจุบัน รวมทั้งเป็นสถานที่ในการสร้างสรรค์และนำเสนอผลงานทางศิลปะและ วัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของจังหวัดกระบี่และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน