The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

เอกลักษณ์และคุณค่าของวรรณกรรมท้องถิ่น

ภาพจติ รกรรมฝาผนัง ในวิหารลายคา
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวดั เชยี งใหม่

เอกลักษณแ์ ละคณุ ค่า

ว ร ร ณ ก ร ร ม ท้ อ ง ถ่ิ น

เสนอ
อาจารย์ปรชั ญา ใจภกั ดี

โดย

นางสาวกัลยาณี สีมาศ ๐๑๐

นางสาวรุง่ นภา บญุ พูล ๐๑๔

นางสาวฐิติยาภรณ์ จนั ทรเสนา ๐๑๗

นายธญั ธร เวทย์วรี ะพงศ์ ๐๒๗

นางสาวมินตรา ดุมแก้ว ๐๒๙

นางสาวสุไมภรณ์ พลขวา ๐๓๐

ชัน้ ปีท่ี ๓ สาขาวชิ าภาษาไทย

วทิ ยาลยั การฝึกหัดครู มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนคร

เอกลักษณ์และคุณค่า

ของวรรณกรรมท้องถ่นิ

1. เอกลกั ษณ์ของวรรณกรรมท้องถ่นิ แตล่ ะภูมภิ าค

1.1 ภาษาถิน่

ภาษาถิ่น คือ ภาษาไทยที่ใช้ในท้องถิ่นต่าง ๆ ซึ่งมีคําพื้นฐานร่วมกับภาษาไทยมาตรฐาน หากแต่มี
สำเนยี งแตกต่างกันไปบ้างที่เรยี กวา่ สาํ เนยี งเหน่อ และมคี ำศพั ท์บางคำเฉพาะท้องถน่ิ แต่สามารถใช้สื่อสารทำ
ความเข้าใจกันได้กับภาษามาตรฐาน (ภาษาภาคกลาง) โดยภาษาถิ่นในประเทศไทย สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้
๔ กลมุ่ คือ เหนอื อสี าน กลาง และใต้

1.2 ตัวอกั ษร

วรรณกรรมท้องถิ่นเป็นแหล่งรวมวัฒนธรรมท้องถิ่นหลายสาขา โดยเฉพาะวรรณกรรมลายลักษณ์
ซงึ่ นักปราชญท์ อ้ งถิ่นจะบนั ทึกดว้ ยอกั ษรและฉนั ทลกั ษณ์ทอ้ งถน่ิ จากการศกึ ษาตวั อักษรในวรรณกรรมท้องถิ่น
พบว่ามีรูปแบบตัวอักษรหลากหลายทีต่ ่างไปจากอักษรไทยท่ีใช้ในภาคกลาง ตัวอักษรท้องถ่ินเหล่าน้ันยกเลกิ
เมื่อสมัยรัชกาลที่ ๕ ขยายการศึกษาระบบโรงเรียนไปสู่ภูมิภาค ตัวอักษรท้องถิ่นยังปรากฏอยู่ในเอกสาร
วรรณกรรมในภมู ิภาคต่าง ๆ จะขออธิบายพอสังเขป ดงั นี้

1.2.1 ตวั อกั ษรภาคกลาง
ตวั อกั ษรไทย และ ตัวอกั ษรขอม อกั ษรทั้งสองแบบนีน้ ักปราชญ์ไทยนิยมใชค้ วบคู่กันมาตั้งแต่

สมยั สโุ ขทัย (ศลิ าจารึกสมยั สโุ ขทยั มที ั้งทเ่ี ขียนด้วยอกั ษรไทยพ่อขุนรามคาํ แหง และอกั ษรขอม)

1.2.2 ตวั อักษรภาคเหนือ
ภาคเหนือเป็นเอกราช และได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมของตนเอง ปรับปรุงอักษรมอญโบราณ

เรยี กว่า “อกั ษรลา้ นนา” หรอื “อกั ษรตัวเมือง” และมีท่ปี รบั ปรงุ ไปจากอักษรไทยสมยั สโุ ขทัยที่ปะปนรูปแบบ
กบั อักษรสกลุ มอญท่ีเรยี กว่า “อักษรไทยฝักขาม” อกั ษรท้งั ๒ แบบน้นี ิยมเขยี นบน ใบลาน และกระดาษสา

1.2.3 ตัวอักษรภาคอสี าน
อักษรตัวธรรม และอักษรไทยน้อย รูปแบบอักษรตัวธรรมเป็นอักษรกลุ่มเดียวกับอักษรตัว

เมอื งในภาคเหนอื คอื อักษรไทยสกลุ มอญ เชน่ เดียวกนั ส่วนอกั ษรไทยน้อยเป็นอักษรไทยสกลุ พ่อขุนรามคาํ แหง
ที่มอี กั ขรวิธอี ักษรตัวธรรมปะปนอยู่ดว้ ย ภายหลังประเทศสาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว ได้ปรับปรุง
ให้เหมาะสมกับการพิมพ์ และเพมิ่ เครื่องหมายวรรณยกุ ต์ เรียกว่า “อักษรลาว”

1.2.4 ตวั อักษรภาคใต้
ภาคใต้ใช้ตัวอักษรร่วมกับภาคกลางนับตั้งแต่สมัยอยุธยา เนื่องจากภาคใต้มีความใกล้ชิด

ทางด้านการสืบทอดวัฒนธรรมกับภาคกลางมาก จึงพบว่าวรรณกรรมท้องถ่ินภาคใต้คล้ายคลึงกับวรรณกรรม
ภาคกลาง ทั้งโครงเรื่อง (เนื้อเรื่อง) ฉันทลักษณ์ และจารีตการใช้อักษรนั่นคือใช้อักษรไทยจดบันทึกเรื่องราว
ทั่วไป และวรรณกรรมนิทาน นิยาย ส่วนอักษรขอมใช้จดบันทึกพระธรรมคัมภีร์ ชาดก และตําราวิชาการที่
ศักดส์ิ ิทธ์ิ วัสดใุ ช้บันทึกมีทั้งที่เป็นใบลาน และสมุดขอ่ ย ทีเ่ รียกตามภาษาถน่ิ ใต้ว่า “บุด” (มีทั้งบุดดำ คือสมุด
ขอ่ ยดำ และบดุ ขาว คือ สมดุ ข่อยขาว)

1.3 รูปแบบฉันทลักษณ์

ฉนั ทลักษณ์ของวรรณกรรมท้องถ่ินเป็นคุณสมบัติโดดเด่นประการหน่ึงท่ีสามารถพิจารณา แยกกลุ่ม
วรรณกรรมตามขอบเขตทางวัฒนธรรมท้องถิ่นได้ เพราะเหตุว่าวรรณกรรมท้องถิ่นนั้นนักปราชญ์พืน้ บ้านได้
สร้างสรรค์เพื่อที่จะใช้ขับลำกัน ฉันทลักษณ์จึงต้องสอดคล้องกับลีลาการอ่าน การขับลำท้องถิ่น หรือเพลง
พื้นบ้าน จากการศึกษาฉันทลักษณ์ท้องถิ่นนั้นพบว่าแต่ละภาคมีอิสระในการใช้แบบแผนของฉันทลักษณ์
หลากหลายตามความนิยมของแต่ละท้องถ่ิน ในที่นี้จะอธิบายลักษณะของฉนั ทลักษณ์ของวรรณกรรมทอ้ งถนิ่
โดยแยกเป็นส่วน ๆ ทง้ั ๔ ภาค ดงั นี้

1.3.1 ฉันทลกั ษณ์ของวรรณกรรมท้องถ่ินภาคกลาง
การพิจารณาฉันทลักษณ์ของวรรณกรรมท้องถิน่ ภาคกลางน้ัน เป็นปัญหามากที่จะแยกออก

จากวรรณคดีแห่งชาติ หากพิจารณาทางด้านขอบเขตวัฒนธรรมแล้ว วรรณคดีก็เป็นวรรณกรรมท้องถิ่นภาค
กลางเช่นเดียวกัน แต่พิจารณาทางด้านวัฒนธรรมหลวงและวัฒนธรรมราษฎร์ อาจจะแยกวรรณคดีและ
วรรณกรรมท้องถิ่นภาคกลางไดบ้ ้างแต่ไม่ค่อยจะชัดเจน

๑) กลอนสวด
๒) กลอนบทละคร (นอก)
๓) กลอนนทิ าน
๔) กลอนแหล่

1.3.2 ฉนั ทลักษณข์ องวรรณกรรมท้องถิ่นภาคเหนอื
วรรณกรรมท้องถิ่นภาคเหนือนิยมใช้ฉนั ทลักษณ์ในวรรณกรรมลายลักษณ์ ๓ แบบ คือ โคลง

(เรียกตามภาษาถิ่นเหนือว่า กะลง) ค่าวธรรม และค่าวซอ หากเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ เช่น เพลงพื้นบ้าน
ยังพบฉันทลักษณ์อื่น ๆ อีก เช่น ซอ คําร่ำ (คําฮ่ำ) กาพย์ คําค่าวคําเครือ ฯลฯ ในที่นี้จะอธิบาย เฉพาะฉันท
ลกั ษณ์ในวรรณกรรมลายลักษณ์ ดังน้ี

๑) โคลง หรอื กะลง
๒) ค่าวธรรม
๓) คา่ วซอ

1.3.3 ฉันทลกั ษณข์ องวรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ภาคอีสาน
ฉันทลักษณ์ในวรรณกรรมท้องถ่ินภาคอีสานทีป่ รากฏอยู่ในวรรณกรรมลายลักษณ์มี 3 แบบ

คือ โคลงสาร กาพย์ ร่าย (ฮ่าย) โดยทั่วไปแล้วจะนิยมประพันธ์เป็นโคลงสาร เพราะว่าเหมาะกับการอ่าน
ทำนองลำของอีสาน (คลา้ ยลำพนื้ หรอื ลำเรอื่ ง)

๑) โคลงสาร หรอื กลอนลำ
๒) กาพย์ หรอื กาพยเ์ ซ้ิง
๓) ฮา่ ย

1.3.4 ฉนั ทลักษณ์ของวรรณกรรมท้องถ่ินภาคใต้
ฉันทลักษณ์ของวรรณกรรมท้องถิ่นกาคใต้ ส่วนใหญ่จะรับอิทธิพลจากวรรณกรรมภาคลาง

ฉะนั้นจงึ พบวา่ ฉนั ทลกั ษณข์ องภาคใตต้ รงกับวรรณกรรมภาคกลาง อยา่ งไรก็ตาม ภาคใต้นยิ มคาํ กาพย์มากกว่า
ฉันทลักษณอ์ น่ื ๆ ฉะนน้ั วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ภาคใต้จำนวนมากจงึ ประพนั ธ์เปน็ “คาํ กาพย์” หรือ “กลอนสวด”
ส่วนประพันธ์เป็นกลอนนิทานมีจำนวนรองลงมา

2. วรรณกรรมทอ้ งถนิ่ ภาคเหนือ

ในที่นี้จะพิจารณาแยกประเภทโดยยึดรูปแบบฉันทลักษณ์ ซึ่งจะสอดคล้องกับการใช้วรรณกรรมท้องถิ่น
ภาคเหนืออา่ นในทป่ี ระชุมชน รวมท้งั ใชว้ รรณกรรมเป็นตน้ บทของการแสดง

๑. วรรณกรรมภาคเหนอื ประเภทโคลง

โคลงเป็นฉนั ทลักษณ์พื้นบา้ นภาคเหนือเรียกตามสำเนยี งภาคเหนือว่า “กะลง” เช่น โคลงนริ าศหรภิ ุญชัย
ยาว ๑๘๑ บท โคลงพรหมทตั ยาว ๔๖๑ บท โคลงหงส์ผาคำ ยาว ๙๐๗ บท เป็นตน้

๒. วรรณกรรมภาคเหนอื ประเภทคา่ วธรรม

ค่าวธรรม หรอื ธรรมค่าว คอื วรรณกรรมพืน้ บา้ นที่ประพนั ธ์ตามแนวชาดก ฉนั ทลักษณ์ของค่าวธรรม
ส่วนใหญ่พบว่าประพนั ธ์เป็น “ร่ายยาว” หรือ “กลอนเทศน์” เช่น ปัญญาสชาดก มหาชาติฉบับพายัพ (พระ
เวสสันดรชาดก) พรหมจักร (๙ ผูก) บวั รมบวั เรยี ว (๕ ผกู ) เป็นตน้

๓. วรรณกรรมภาคเหนอื ประเภทคา่ วซอ

ค่าวซอ เป็นกวีนิพนธ์ภาคเหนือแบบหนึ่ง ความหมาย ๒ นัย คือ “ฉันทลักษณ์ค่าวซอ” และ
“วรรณกรรม” เหมาะทีจ่ ะนำมาขบั ลำ หรืออา่ นทำนองเสนาะในท่ีประชมุ ชน เช่น นกกระจาบ จำปาสตี่ ้น เป็นตน้

๔. วรรณกรรมภาคเหนือเบด็ เตล็ด

วรรณกรรมพื้นบ้านภาคเหนือสั้น ๆ ทั้งที่จดบันทึกและจำสืบต่อกันมา แต่วรรณกรรมพื้นบ้านเหล่าน้ี
ประชาชนภาคเหนือไดร้ ้องไดข้ บั ลำท้ังด้วยตนเองและฟังผอู้ ่ืนขบั ลำอยทู่ ่ัวไป เช่น คำอู้บา่ วอู้สาว การจ้อย เปน็ ต้น

3. วรรณกรรมทอ้ งถิน่ ภาคอีสาน

1. วรรณกรรมพุทธศาสนา ได้แก่

1.1 วรรณกรรมชาดก หรือชาตกนอกนิบาต เชน่ ลำมหาชาติ ทา้ วปาจิต-นางอรพิม เปน็ ต้น
๑.2 วรรณกรรมตำนานพทุ ธศาสนา เช่น อุรงั คนทิ าน ชินธาตุ เปน็ ต้น

2. วรรณกรรมประวัติศาสตร์ เช่น ทา้ วฮุง่ หรือเจือง พื้นเมืองเวยี งจันทน์ พ้นื เวียง เปน็ ตน้
3. วรรณกรรมนิทาน เชน่ จำปาสีต่ ้น นางผมหอม สนิ ไซ เป็นตน้
4. วรรณกรรมคำสอน เช่น ธรรมตาสอนโลก ฮตี สิบสองคองสบิ สี่ เปน็ ตน้
5. วรรณกรรมเบ็ดเตลด็ อื่น ๆ เช่น วรรณกรรมที่ใชใ้ นพิธีกรรมสูดขวน วรรณกรรมทีใ่ ช้ในพิธีกรรม

ขอฝน วรรณกรรมทีใ่ ช้เกี้ยวพาราสีกันระหว่างหน่มุ สาว นิทานท่เี ลา่ เพ่ือความสนุกสนานและตลกขบขัน

4. วรรณกรรมทอ้ งถิน่ ภาคกลาง

1. กลอนสวด เชน่ สังข์ศลิ ปชยั กลอนสวด สบุ ินกลอนสวด กลอนสวดเรื่องศุภมิตชาดก เปน็ ตน้
2. บทละครนอก เช่น บทละครนอกสมยั กรงุ เกา่ ๒ เรื่อง คอื นางมโนหร์ า และสงั ขท์ อง (ตอนตคี ลี)
3. กลอนนิทาน แบบเป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ปลาบู่ทอง พระรถเมรี (นางสิบสอง) พิกุลทอง และ

แบบเปน็ นิทานมุขปาฐะ เช่น นทิ านตลกขบขนั นิทานตาเถรยายชี เป็นต้น

4. กลอนแหล่ เช่น กลอนแหลจ่ ากเรือ่ งพระเวสสนั ดร กลอนแหลบ่ ายศรี กลอนแหล่นิทานชาดก

5. วรรณกรรมท้องถน่ิ ภาคใต้

1. ด้านความเปน็ พ้ืนบา้ นแท้ และรับอทิ ธิพลจากวรรณกรรมภาคกลาง ได้แก่
ก. วรรณกรรมภาคใต้ที่รับอิทธิพลจากต้นฉบับวรรณกรรมภาคกลาง เช่น บทละครเรื่อง

อุณรุท รามเกยี รต์ิ

ข. วรรณกรรมพื้นบ้านภาคใต้ เช่น สินนุราชคํากาพย์ (ตอนต้นใช้โครงเรื่องสุธนชาดกตอน

ปลายผกู เรือ่ งเองตามแนวนทิ านจักร ๆ วงศ์ ๆ)

2. เนื้อหา
2.1 วรรณกรรมศาสนา เช่น มหาชาดก (พระเวสสนั ดรชาดก) สุทธกิ รรมชาดก
2.2 วรรณกรรมนทิ าน เช่น สุวรรณหงส์คํากาพย์ (โครงเรอื่ งเดยี วกับบทละครนอก เร่อื งสวุ รรณหงส)์
2.3 วรรณกรรมตาํ นานและประวตั ศิ าสตร์ เช่น พงศาวดารหงสาวดีคํากาพย์ พระพุทธโฆษา-

จารย์ไปลังกา

2.4 วรรณกรรมประเภทคาํ สอน เช่น ศลี ธรรมคาํ กาพย์ พาลีสอนน้อง
2.5 วรรณกรรมนริ าศ เชน่ นิราศปะเหลียน นิราศชนื่ นริ าศเมืองทลงุ
2.6 วรรณกรรมตําราและความเช่อื

ก. ตํารา เชน่ ตาํ ราดลู กั ษณะสตรี
ข. วรรณกรรมแบบเรยี น (คัดลอกจากฉบบั ภาคกลาง) ไดแ้ ก่ จินดามณี ประถม ก.กา

ประถมมาลา ฯลฯ

6. ความสัมพันธข์ องวรรณกรรมท้องถ่ินไทย

๑. การแพร่กระจายวรรณกรรมทอ้ งถิน่ ไทยมี ๒ แนวทาง คือ

๑.๑ การแพร่กระจายนทิ านในปญั ญาสชาดก
๑.๒ การแพร่กระจายของนิทานพนื้ บา้ นไทยมีอทิ ธิพลต่อวรรณกรรมลายลักษณ์

๒. การพฒั นานิทานพนื้ บ้านเปน็ วรรณกรรมลายลกั ษณ์ มีตวั แปรสำคัญ ๔ ประการ คอื

๑) ตน้ ตอขอ้ มลู ๒) กวีผ้ปู ระพนั ธ์ ๓) รูปแบบเนอ้ื หาของสาร ๔) ผู้รับสาร คอื ประชาชนในทอ้ งถน่ิ นั้น

๓. ทำไมจงึ ต้องมวี รรณกรรมทอ้ งถิ่น

๓.๑ หนา้ ท่ขี องนิทานพ้ืนบ้านประเภทเร่อื งเลา่
๑) ใหค้ วามบันเทงิ ๒) อธบิ ายพิธกี รรม ๓) ใหก้ ารศกึ ษา ๔) เพือ่ รักษาพฤติกรรมของหมู่คณะ

ใหเ้ ป็นไปตามแบบแผนทป่ี ฏบิ ตั ิกนั
๓.๒ หนา้ ที่ของวรรณกรรมทอ้ งถิ่นประเภทลายลักษณ์
๓.๒.๑ วรรณกรรมพื้นบ้านประเภทรอ้ ยกรองท้องถน่ิ
๑) มุง่ ใหค้ วามบันเทงิ ใจ ๒) มุ่งสง่ั สอนและใหก้ ารศกึ ษา
๓.๒.๒ วรรณกรรมพ้นื บ้านประเภทร้อยแกว้
วรรณกรรมพ้ืนบา้ นประเภทรอ้ ยแก้วส่วนใหญ่จะเป็นตำราวิชาการที่ม่งให้การศึกษา

คำสอนทางศาสนา ประวตั ิความเป็นมาของเผ่าพันธ์ุ เปน็ ต้น

ฮูปแต้ม เร่อื ง “สินไซ” (จิตรกรรมฝาผนังอีสาน)
ณ สิมอีสานวดั สนวนวารพี ฒั นาราม จังหวัดขอนแก่น


Click to View FlipBook Version