The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงงานภาษาไทย 2023 B 22

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 4/2 No.5 Nattapong Cheagchen, 2023-02-27 11:49:16

โครงงานภาษาไทย 2023 B 22

โครงงานภาษาไทย 2023 B 22

รายงาน เรื่อง นิทาน เสนอ นางสาวฐานิตย์ นาคศิริ. จัดท าโดย นายณัฐพงษ์ เชยชื่น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา


บทคัดย่อ โครงงานภาษาไทย เรื่อง นิทาน คณะผู้จัดท ารวบรวมความรวมที่เกี่ยวกับนิทานต่างๆมาเพื่อที่อยากศึกษาเรื่องอ่านนิทานหลายๆอย่าง คณะผู้จัดท าได้จึงเห็นถึงปัญหาที่คนบางคนอาจจะไม่รู้ว่านิทานเรื่องนี้มาจากทางไหน เป็นแนวไหน และนิทานแบ่งออกเป็นกี่อย่างเนื้อเรื่องแบบนี้ควรอยู่ในนิทานแบบไหน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขอประทานอภัย ณ ที่นี้


กิตติกรรมประกาศ โครงงานภาษาไทย เรื่องนิทานนี้ส าเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาช่วยเหลือ แนะน า ให้ค าปรึกษา ตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก ครูฐานิตย์ นาคศิริครูผู้สอนรายวิชาโครงงานภาษาไทย ท 30208 ผู้เขียนกราบขอบพระคุณเป็น อย่างสูง ขอขอบพระคุณครูฐานิตย์ นาคศิริ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนสุนทรภู่พิทยาที่กรุณาให้ผู้เขียนได้สัมภาษณ์เรื่องเกี่ยวกับนิทาน ขอขอบคุณครูบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนเทิงวิทยาคมที่ให้ความอนุเคราะห์และ ความสะดวกในการค้นคว้าหาข้อมูล ขอขอบคุณ น.ส.วรางคณา สุขเจริญ และญาติพี่น้องทุกคนที่ช่วยเหลือสนับสนุนทั้ง ด้านก าลังใจและก าลังทรัพย์ด้วยดีตลอดมา นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลืออีกหลาย ท่าน ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถกล่าวนามในที่นี้ได้หมด จึงขอขอบคุณทุกท่านเหล่านั้นไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย คุณค่าทั้งหลายที่ได้รับจากรายงานการศึกษาความเรียงขั้นสูงฉบับนี้ ผู้เขียนขอมอบ เป็นกตัญญูกตเวทีแด่บิดามารดา และบูรพาจารย์ที่เคยอบรมส่งสอน รวมทั้งผู้มีพระคุณทุกท่าน นายณัฐพงษ์ เชยชื่น


สารบัญ เรื่อง หน้า บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ บทที่1 บทน า 1 บทที่2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3 บทที่3 วิธีด าเนินการศึกษา 13 บทที่4 ผลการศึกษา -ความหมายของนิทาน 14 -จุดประสงค์ในการเล่านิทาน 14 -พื้นบ้านออกเป็น 4 แบบ 15 -แบ่งตามชนิดของนิทาน 15 -แบ่งนิทานตามสารัตถะ ประคอง นิมมานเหมินท์5 ประเภท 15 บทที่5 สรุปผลการศึกษา 16 บรรณานุกรม 17


1 บทที่ 1 บทน า 1.ที่มาของโครงงาน นิทานเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไปในทุกหนทุกแห่ง ในหมู่ชนทุกชั้น นิทานซึ่งมีมากมาย หลายเรื่องที่น่าสนใจ อันก่อให้เกิดความสนุกสนาน คติสอนใจ เข้าใจประเพณีศิลปวัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญา และส่งเสริมการน า ภาษาไทยไปใช้อย่างถูกต้องเพื่อเป็นการอนุรักษ์นิทานไทย ดังนั้นกลุ่มผู้ศึกษาจึงสนใจจัดท าโครงงาน “นิทานไทย” เพื่อให้ผู้ศึกษาได้เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจใน นิทานไทยที่มีความสนุกสนานมีคติสอนใจได้ทราบประวัติความเป็นมาประเพณีไทย ศิลปะและศีลธรรมอันดีงาม นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างนิสัยรักการอ่าน พัฒนาทักษะการอ่านอัน เป็นพื้นฐานทางการค้า และแสวงหาความรู้ใน ด้านต่างๆ เป็นการวางพื้นฐานนิสัยรักการอ่าน เพื่อการค้นคว้าในระดับต่อไป 2.วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาความหมายของนิทาน ประวัติความเป็นมาของนิทาน ที่มาของนิทาน ประเภทของนิทาน จุดประสงค์ในการเล่านิทาน คุณค่าของนิทานไทย อนุภาคของนิทานไทย และ กฏเกี่ยวกับนิทานไทย 2. สามารถน าความรู้เรื่องนิทานไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาสได้ 3.ผู้ศึกษามีแนวความคิดและวิธีการท างานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น 4.สมาชิกกลุ่มมีความกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งขึ้น 5.เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม 6.ช่วยเสริมทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการอ่าน 3.ขอบเขตของโครงงาน นิทาน


2 4.วิธีด าเนินการ 1. สอบถาม สัมภาษณ์ จากครู ผู้ปกครอง 2. ศึกษาค้นคว้าจากห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน 3. สังเกตจากการเข้าร่วมกิจกรรม 4. สร้างเครื่องมือ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ 5. รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล บันทึกผล 5.ประโยชน์ที่ได้รับ 1. มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง ความหมายของนิทาน ที่มาของนิทาน ประเภทของนิทาน และตัวอย่าง นิทานประเภทต่างๆ 2. น าความรู้เรื่องนิทานไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาสได้ 3. มีแนวความคิดและวิธีการท างานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น 4. มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งขึ้น 5. เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม 6. ช่วยเสริมทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการอ่าน


3 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง โครงงานภาษาไทยเรื่อง นิทาน ได้ศึกษาและรวบรวมเอกสารดังนี้ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับโครงงานของนักเรียน 2.1 ความหมายของนิทาน พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2542:588) ได้อธิบายความหมายไว้ว่า นิทานคือเรื่อง ที่ เล่ากันมา เช่น นิทานชาดก นิทานอีสป กิ่งแก้ว อัตถากร (2519: 11) ได้อธิบายไว้ว่า นิทานเป็นค าศัพท์ภาษาบาลี มีความหมายว่า ค า เล่าเรื่อง นักเขียนและบรรดานักเล่าเรื่อง ได้ใช้ค านี้ส าหรับเรื่องประเภทต่างๆ ทั้งที่เป็น นวนิยาย เรื่อง สั้น บทความ เกร็ดความรู้ และประสบการณ์ เช่น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง พระ ราชนิพนธ์นิทานทองอิน มีลักษณะเป็น นวนิยาย เรื่องสั้น หรือนิทานโบราณคดีของสมเด็จพระ เจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้มาจากประสบการณ์จะเห็น ได้ ว่าการที่นักเขียนใช้ค าว่านิทาน ส าหรับเขียนเรื่องต่างๆ นั้น นักเขียนใช้เพื่อบ่งชี้ลักษณะของลีลา โวหารเป็นส่วนใหญ่ ดังที่ปรากฏนั้นเป็นพืชแบบกันเอง ท่านองการเล่าด้วยวาจาผู้น่า โอกาส สอดแทรกอารมณ์และความคิดเห็นลงไปอย่างไม่ล าบากใจ สวัสดิ์ จันทนี (2509 หน้าค าน า) แสดงทัศนะเกี่ยวกับนิทานไว้ว่าบางครั้งเกิดอารมณ์ขั้นขึ้น มา ก็แทรกอารมณ์ขันนั้นลงไป ผิดกับหนังสือเรียนซึ่ง


4 ต้องรักษามารยาทในการเขียน กิ่งแก้ว อัตถากร (2517: 292) นักคติชนวิทยาให้ความหมายของนิทานเฉพาะลงไปว่านิทาน หมายถึงเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ใช้วาจาเป็นสื่อในการถ่ายทอดหรือถ่ายทอด ด้วยวิธีมุขปาฐะก็ได้ แต่บางส่วนก็ได้รับการบันทึกไว้บ้างแล้ว นิทาน เป็นเรื่องเล่าที่เล่าสืบต่อกันมา ช้า นานคนโดยทั่วไปเรียกว่า นิทานพื้นบ้านบ้าง นิทานชาวบ้านบ้าง หรือนิทานพื้นเมืองบ้างซึ่งในแต่ ละ ท้องถิ่นเรียกแตกต่างกัน และยังมีนักวิชาการอธิบายความหมายของนิทานพื้นบ้านไว้หลากหลาย เช่นกัน ดังเช่น กิ่งแก้ว อัตถาวร (2519:12) ได้อธิบายความหมายของนิทานชาวบ้านไว้ว่า เป็นเรื่องเล่าสืบ ต่อ กันมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ส่วนใหญ่ถ่ายทอดด้วยวิธีมุขปาฐะ แต่ก็มีนิทานอยู่เป็นจ านวน มากที่ ได้รับการบันทึกไว้แล้วส าหรับนิทานภาษาเขียนซึ่งมีต้นเรื่องจากคติชนแต่มาได้รับกาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงด้วยกลวิธีทางวรรณศิลป์ และอาศัยเทคโนโลยีทางการพิมพ์ จึงมีการถ่ายทอดในหมู่ ผู้สนใจมิใช่ข้อมูลปฐมภูมิของนักคติชนแต่อยู่ในความสนใจเพื่อประโยชน์ในการศึกษาเปรียบเทียบ กับ ข้อมูลมุขปาฐะ และเพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิวัฒนาการกับลักษณะเฉพาะของลีลาโวหารของ นิทานทั้งสองแบบ ทัศนีย์ ทานตวณิช: และคณะ (2522: 55-62) ได้กล่าวถึงความหมายของนิทานชาวบ้านคือ เรื่องเล่าที่อาศัยการถ่ายทอดทางวาจา และการจดจ าเป็นสิ่งส าคัญ ในการสืบเนื่องนิทานจากคนรุ่น หนี่งไปยังคนอีกรุ่นหนึ่ง จากข้อความข้างต้นจึงสรุปได้ว่านิทาน หมายถึง เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาด้วย ปาก อาศัยการ จดจ าเป็นสิ่งส าคัญ และในปัจจุบันเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น จึงมีการบันทึกไว้เป็นลาย ลักษณ์อักษร


5 2.2 ประวัติความเป็นมาของนิทาน ประจักษ์ ประภาพิทยากร (2527:2) ได้กล่าวไว้ว่านิทานเป็นที่นิยมแพร่หลายทั่วไปในทุก หน ทุกแห่งในหมู่ชนทุกชั้นนับตั้งแต่พระราชาจนถึงคนยากจนได้กล่าวไว้ว่ามีเรื่องเล่าว่าแม้แต่เทวดา ก็ ชอบฟังนิทาน ถ้ามนุษย์เล่านิทานในเวลากลางวันจะถูกเทวดาแช่งเพราะเวลากลางวันเทวดาต้องไป เฝ้าพระอิศวร ในมีโอกาสไปชุมนุมกันฟังนิทานที่มนุษย์ท ากันนั้นด้วย กรมศิลปากร (2536; 2) กล่าวไว้ว่า การเล่านิทานนั้นมีมาแต่ดึกด าบรรพ์ แม้ในคัมภีร์สารัตถ สมุย องมากว่า 70 ปี ยังได้กล่าวในตอนเรียนแห่งแรงสูตรว่าในครั้งพุทธกาลนั้นตน เมืองในมัชฌิมประเทศมักมีคนไปรับจ้าง เล่านิทานให้ฟังในที่ประชุมชน เช่น ที่ศาลาพักคนเดินทาง เป็นต้น เกิดแต่คนทั้งหลายได้ฟังนิทานจึง เกิดปัญหาขึ้นว่า อะไรเป็นมงคล เป็นปัญหา แพร่หลายไป จนถึงเทวดาและเทวดาได้ไปทูลถามพระ พุทธองค์ พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงมงคลสูตร ประเพณี การรับจ้างเล่านิทานให้คนฟังดังกล่าวมานี้ แม้ในสยามประเทศที่มีมาแต่โบราณจนนับเป็นมหรสพ อย่างหนึ่งซึ่งมักมีในงาน เช่น งานโกนจุก ใน ตอนค่ าหลังจากพระสวดมนต์แล้ว ก็หาคนไปเล่านิทาน ให้แขกฟัง และยังมีประเพณีนี้มาถึงในสมัย รัตนโกสินทร์ 2.3 ที่มาของนิทานไทย กิ่งแก้ว อัตถากร (2514: 210) กล่าวไว้ว่า เมื่อพิจารณาจากนิทานไทยที่มีผู้เก็บรวบรวมขึ้น จากที่ต่างๆ แล้ว อาจสรุปได้ว่านิทานที่เล่าสู่กันฟังในประเทศไทยนั้น มีที่มาจากหลายแหล่ง คือใน ประเทศ ต่างประเทศและวรรณกรรมลายลักษณ์ 1. นิทานที่เกิดขึ้นในประเทศ นิทานพื้นบ้านบางเรื่องเมื่อพิจารณาจากลักษณะตัวละครและ ลักษณะของเรื่องแล้วอาจสันนิษฐานได้ว่า น่าจะมีถิ่นก าเนิดในประเทศไทย นิทานดังกล่าวนี้ เช่น มุข ตลก เรื่องนายทองมุขตลกเกี่ยวกับคนต่างชาติ เรื่องผี เช่น นางนาคพระโขนง และนิทานชีวิตเรื่อง ไกรทอง และขุนช้างขุนแผน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ไม่อาจสืบสาวได้ว่า นิทานเหล่านี้เกิดขึ้นแต่เมื่อใด ใครเป็นผู้คิดค้น และใครเล่าเป็นคนแรก 2. นิทานที่มีที่มาจากต่างประเทศ นิทานไทยมีที่มาจากนิทานประเทศต่างๆ คือ ประเทศ อินเดีย ลังกา และประเทศทางตะวันตก ที่มาจากอินเดียและลังกา เช่น รามายณะมีแพร่กระจายใน ท้องที่ต่างๆ ทั่วประเทศ นิทานไทยบางเรื่องเป็นนิทานจากอรรถกถาชาดก เช่น มหาเวสสันดรชาดก


6 พระยาฉัททันต์ มโหสถ สุวรรณสาม เป็นต้น บางเรื่องมาจากธัมมปทัฏฐกถา เช่น เรื่องพระเจ้าอุเทน เป็นต้น หรือมาจากนิทานอีสป เช่น นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ลูกแพะกับหมาป่า เด็กเลี้ยงแกะ เป็น ต้น นิทานที่เล่าสู่กันฟังในหมู่คนไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีการศึกษา อาจกล่าวได้ว่าเป็น นิทานฝรั่ง เช่น เรื่องสโนไวท์ หนูน้อยหมวกแดง พิน็อคคิโอ เจ้าหญิงนิทรา และเงือกน้อย เป็นต้น 3. นิทานที่มาจากวรรณกรรมลายลักษณ์ วรรณกรรมลายลักษณ์เหล่านี้ อาจเคยเป็นวรรณ กรรมมุขปาฐะมาก่อน คือ เดิมอาจเป็นนิทานที่เล่าสู่กันฟัง แล้วภายหลังมีผู้รวบรวมขึ้นและบันทึกไว้ เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีคนอ่านผู้อ่านก็อาจน าไปเล่าต่ออีก วรรณกรรมลายลักษณ์และวรรณกรรม มุขปาฐะของไทยจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ถ่ายทอดกันไปมา นิทานที่เล่าสู่กันฟังหลาย เรื่องมีเนื้อความตรงกับนิทานในปัญญาชาดกและชาดกนอกนิบาตอื่นๆ เช่น เรื่องสังข์ทอง พระสุธน หงส์ผาค า กาต้า การะเกด ฯลฯ น่าสังเกตว่านิทานเหล่านี้โดยมากมักมีลักษณะรูปแบบเป็นนิทาน มหัศจรรย์ ซึ่งภายหลังเมื่อมีการพิมพ์หนังสือจ าหน่ายแพร่หลาย ผู้เล่านิทานบางคนก็น านิทานที่ตน เคยอ่านมาเล่าต่อ เห็นได้ชัดจากการเล่านิทานเรื่องดาวเรืองและลักษณวงศ์ในหนังสือวรรณกรรมจาก บ้านใน เมื่อ ดร.กิ่งแก้ว อัตถากร ถามผู้เล่าว่า ได้ฟังนิทานเรื่องดังกล่าวจากไหน ผู้เล่าก็ตอบว่าเคย อ่านหนังสือที่มาจากโรงพิมพ์วัดเกาะ 2.4 จุดประสงค์ในการเล่านิทาน กุหลาบ มัลลิกะมาส (2518: 99) ได้กล่าวไว้ว่า จุดประสงค์ดั้งเดิมในการเล่านิทานของมนุษย์ นั้น คือ มนุษย์เราทั่วไปต้องการเครื่องบันเทิงใจในยามว่างงานประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งเป็น ผลสืบเนื่องมาแต่ศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีอิทธิพลเหนือจิตใจมนุษย์ และเป็นต้นเหตุให้นิทานเกิดขึ้น มากมาย ศิราพร ฐิตะฐาน (2574: 35) กล่าวว่า ส าหรับสาเหตุที่ว่าท าในมนุษย์ทุกชาติทุกศาสนาชน ฟิง นิทานนั้น ได้สรุปไว้ว่า เพราะ ทานเป็นทางใจ ค่างหนึ่งของมนุษย์ นิทานเป็นแหล่ง รวบรวม จินตนาการและความฝัน นิทานเป็นทางออกทางใจของมนุษย์ ท าให้มีความสุขและช่วยผ่อน ทวน ใน ใจได้ กุหลาบ มัลลิกะมาส (2518: 99-100) กล่าวไว้ว่า มนุษย์ทั่วไปในโลกทุกหนทุกแห่งต่างมี


7 นิทานเล่าต่อๆกันมา ถึงแม้ว่าเราจะต่างชาติต่างศาสนาแต่จะมีข้อเหมือนกันอยู่เสมอ เสมอส าคัญคือมี ความคิดค านึงคล้ายคลึงกัน และต่างก็มีลักษณะเหล่านี้สืบกันมาเป็นมรดกของมนุษยชาติ เหมือนๆ กัน มรดกแห่งสภาพความเป็นมนุษย์นี้ จะเห็นได้จากคติชาวบ้านและนิทานพื้นบ้าน 2.6 การแบ่งประเภทของนิทานพื้นบ้าน โดยปกติผู้เล่านิทานเองมักจะไม่สนใจเลยว่า นิทานพื้นบ้านที่เขาเล่านั้นเป็นนิทานประเภท ใด การจ าแนกนิทานพื้นบ้านออกเป็นประเภทต่างๆ นั้น เป็นการจ าแนกของนักคติชนวิทยาเพื่อ ประโยชน์ในการศึกษา ซึ่งในการแบ่งนั้นอาจจะเหมาะเฉพาะนิทานในบางถิ่นบางชาติเท่านั้น ไม่ สามารถครอบคลุมนิทานในท้องถิ่นอื่นๆ ได้ การแบ่งนิทานพื้นบ้านนั้นมีนักคติชนวิทยา แบ่งไว้ หลาย คนดังนี้ กุหลาบ มัลลิกะมาส (2518: 105 – 114) แบ่งประเภทนิทานพื้นบ้านออกเป็น 4 แบบ ดังนี้ 1. แบ่งนิทานตามเขตพื้นที่ (area) เป็นการแบ่งโดยอาศัยเขตแดนทางภูมิศาสตร์ เช่นเขตอินเดีย เขตประเทศที่นับถือศาสนา อิสลาม เขตชาวยิวในเอเชียไมเนอร์ เขตประเทศสลาวิ เขตรัฐต่างๆ ในแถบตะวันออกของทะเลบอล ติก เขตแหลมสแกนดิเนเวีย เขตของชนชาติที่พูดภาษาเยอรมัน เขตประเทศฝรั่งเศส เขตประเทศ สเปนและโปรตุเกส เขตประเทศอิตาลี เขตประเทศอังกฤษ เขตสกอตแลนด์ และ ไอซ์แลนด์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าการแบ่งแบบนี้เป็นการแบ่งในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 การแบ่งนิทาน ไม่ครอบคลุม อาณาเขตอื่นๆ ในโลก เช่น ในทวีปอเมริกาและแอฟริกา แม้แต่ในทวีปเอเชียเองก็กล่าวไว้ไม่ละเอียด 2. แบ่งตามรูปแบบของนิทาน (form) แบ่งได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้ 2.1 นิทานปรัมปรา (fairy tale) มีลักษณะเป็นเรื่องค่อนข้างยาวมีสารัตถะ (เนื้อหาหลักใจ ความส าคัญหรือความคิดส าคัญของเรื่อง) หลายสารัตถะ ประกอบอยู่ในนิทานนั้น เป็นเรื่องสมมุติ ว่า เกิดขึ้นในที่ใดที่หนึ่ง แต่สถานที่เลื่อนลอย ก าหนดชัดลงไปไม่ได้ว่าที่ไหน ตัวบุคคลไม่ใช่มนุษย์ ธรรมดา ที่มีความจริงตามสภาพปกติของมนุษย์ เนื้อเรื่องประกอบด้วยอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ตลอดจน อ านาจอัน พ้นวิสัยมนุษย์ ตัวเอกของเรื่องเป็นผู้มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น เป็นผู้มีอ านาจมีบุญ มีฤทธิ์เดช สามารถ เอาชนะศัตรูหรืออุปสรรคใดๆ ทั้งหมดในบั้นปลาย 2.2 นิทานท้องถิ่น (legend) นิทานชนิดนี้มีขนาดสั้นกว่านิทานปรัมปรามักเป็นเรื่อง


8 เหตุการณ์เดียวและเกี่ยวกับความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี โชคลางหรือคตินิยมอย่างใดอย่าง หนึ่งอันเป็นพื้นฐานของคนในแต่ละท้องถิ่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องแปลกพิสดาร หรือพ้นวิสัยความเป็น จริง ไปบ้างก็ตามแต่ก็ยังเชื่อกันว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริง มีเค้าความจริง มีตัวละครจริงๆ สถานที่เกิด จริง ที่ก าหนดแน่นอน นิทานท้องถิ่นอาจจ าแนกออกได้ดังนี้ 2.2.1 นิทานอธิบาย (explanatory tile) เช่น อธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ของธรรมชาติ อธิบาย สาเหตุของความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับสถานที่ ตลอดจนโบราณสถานที่ส าคัญ 2.2.2 นิทานเกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ เช่น โชคลาง เรื่องผีตลอดจนเรื่องเกี่ยวกับไสยศาสตร์ 2.2.3 นิทานเกี่ยวกับสมบัติที่ฝังไว้และลายแทง แนะให้ไปหาสมบัตินั้นๆ 2.2.4 นิทานวีรบุรุษ คือ เรื่องที่กล่าวถึงคุณธรรม ความฉลาด ความสามารถและความกล้า หาญของบุคคล มักมีก าหนดสถานที่ที่แน่นอนว่าเป็นที่ใดและมีก าหนดเวลาของเรื่องที่แน่ชัด 2.2.5 นิทานคติสอนใจ เป็นเรื่องสั้นๆ ไม่สมจริง มีเจตนาจะสอนความประพฤติอย่างใด อย่าง หนึ่ง 2.26 นิทานเกี่ยวกับค่างๆ เป็นเอง กับ หาของผู้บริจ ฌานแก่กล้า มีฤทธิ์พิเศษ 2.3 นิทานเทพนิยาย (myth) หมายถึง นิทานที่มีเทวดา นางฟ้า เป็นตัวละครในเรื่องนั้น เช่น พระอินทร์ หรือเป็นแต่เพียงกึ่งเทวดา เช่น เจ้าป่า เจ้าเขา เจ้าแม่ต่างๆ และมักมีส่วนสัมพันธ์กับความ เชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมทางศาสนา 2.4 นิทานเรื่องสัตว์ (animal tale) มีตัวละครในเรื่องเป็นสัตว์ทั้งที่เป็นสัตว์ป่าสัตว์บ้าน และ บางเรื่องก็คนเกี่ยวข้องอยู่ด้วย ไม่ใช่มีแต่สัตว์บ้านๆ แต่ทั้งคนและสัตว์นั้นจะพูดได้กัน เสมือนหนึ่งว่า เป็นมนุษย์ แบ่งย่อยออกเป็น 2 ประเภท คือ 2.4.1 นิทานประเภทสอนคติธรรม (fable) ต่างกับนิทานคติสอนใจตรงที่ว่านิทานประเภทนี้ ตัวเอกของเรื่องจะต้องเป็นสัตว์เสมอ 2.4.2 นิทานประเภทเล่าซ้ าหรือเล่าไม่รู้จบ (Cumulative tale) นิทานชนิดนี้มีเรื่องและวิธีการ เล่าเป็นแบบเฉพาะ มีการเล่าช้วนคือไม่มีจบ 2.5 นิทานตลกขบขัน (jest) มักเป็นเรื่องสั้นๆ จุดส าคัญของเรื่องอยู่ที่มีเรื่องที่ไม่น่าจะ เป็นไป ได้ต่างๆ อาจเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโง่ กลโกง การแก้เผ็ด การแสดงปฏิภาณไหวพริบ การ พนันขันต่อ


9 การเดินทางและการผจญภัยที่ก่อเรื่องผิดปกติ ในแง่ขบขันต่างๆการแบ่งนิทานตาม รูปแบบนี้มีผู้นิยม น ามาใช้แบ่งนิทานของไทยกันมากเนื่องจากครอบคลุมนิทานไทยได้เกือบทั้งหมด 3. แบ่งตามชนิดของนิทาน (type index) เป็นการแบ่งตามที่ แอนติ อาร์น (Antti Aarne) ชาว ฟินแลนด์ได้แบ่งไว้เมื่อ ค.ศ. 1910 (พ.ศ. 2453) และสติต ทอมป์สัน (Stith Thompson) ได้ ปรับปรุงให้ดีขึ้นใน ค.ศ. 1928 (พ.ศ. 2471) ต่อมาภายหลังได้เรียกวิธีการแบบนี้ว่ารูปแบบนิทาน ชาวบ้านของอาร์ ทอมป์สัน เป็นการแบ่งแยกนิทานให้ละเอียดมากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ 3.1 นิทานเกี่ยวกับสัตว์ แยกออกได้เป็นสัตว์ป่า สัตว์บ้าน เช่น 1 - 99 เกี่ยวกับสัตว์ปีก 100 – 149 เกี่ยวกับสัตว์ป่าและสัตว์บ้าน 150 - 199 เกี่ยวกับสัตว์ป่า 200 – 219 เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ฯลฯ 3.2 นิทานชาวบ้านทั่วไป แยกออกได้อีกหลายแบบ เช่น 300 – 399 ก. นิทานเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถา 500 – 559 เกี่ยวกับผู้ช่วยที่มีอ านาจพิเศษ 560 – 649 เกี่ยวกับอาวุธพิเศษหรือของพิเศษ 750 – 849 ข. นิทานทางศาสนา 850 – 999 ค. นิทานแบบโรแมนติก ฯลฯ 3.3 นิทานตลกขบขัน แยกละเอียดออกไปได้หลายชนิด เช่น 1,200 - 1,349 ก. นิทานเกี่ยวกับคนโง่ 1,350 - 1,439 ข. นิทานเกี่ยวกับสามีภรรยา 1,875 - 1,999 ค. นิทานโกหก ฯลฯ 4. แบ่งนิทานตามสารัตถะ เป็นการแบ่งเพื่อจัดหมวดหมู่ จัดระเบียบของนิทานให้ชัดเจน เพื่อสะดวก


10 แก่การสอบสวน ค้นคว้า และเปรียบเทียบนิทาน (ค าว่า สารัตถะ หมายถึง แก่นแท้หรือ จุดส าคัญของ นิทานเรื่องนั้น) สารัตถะประกอบด้วยลักษณะส าคัญ 3 ประการ คือ 4.1 ตัวส าคัญในเรื่องนิทานจะต้องแปลกพิสดารกว่าตัวอื่นๆ ในเรื่องอาจเป็นเทวดาสัตว์ ประหลาด หรือคนที่มีความแปลกพิเศษออกไปอย่างใดอย่างหนึ่ง 4.2 หรือ อย่างในอย่างหนึ่ง ที่จะเป็นต้นเหตุให้เรื่องนิทานนั้นเกิดขึ้นและ ด าเนินไป อาจเป็น สิ่งของ เวทมนต์คาถา ความเชื่อถือ หรือขนบธรรมเนียม 4.3 สารตะหนึ่งมีเหตุการณ์เดียว ถ้านิทานเรื่องหนึ่งๆ ประกอบด้วยเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ เท่ากับว่าในนิทานเรื่องนั้นมีหลายสารัตถะการแบ่งเป็นสารัตถะจะเพ่งเล็งเฉพาะจุดของ เรื่องหรือธาตุแท้ของเรื่องในนิทานเพื่อจะได้น ามาศึกษาได้ง่าย โดยไม่ต้องไปสนใจชนิดหรือรูปแบบ ของนิทานว่าเป็นอะไร ประคอง นิมมานเหมินท์ (2538: 133-196) กล่าวถึง การแบ่งประเภทของนิทานพื้นบ้านไว้ ว่า การแบ่งประเภทนินที่เป็นปัจจุบันที่สุดนั้น ได้แบ่งประเภทนิทานพื้นบ้านไทยกตามลักษณะ เนื้อหา และรูปแบบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ 1. เทวปกรณ์ หรือเทพปกรณัม เป็นเรื่องอธิบายถึงก าเนิดของจักรวาล โครงสร้างและระบบ ของจักรวาล มนุษย์ สัตว์ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ลม ฝน กลางวันกลางคืนตลอดจนพิธีกรรมการ ประพฤติปฏิบัติต่างๆส าหรับนิทานพื้นบ้านของไทยที่กล่าวถึงไกรวาล กาดา าเนิดมนุษย์และ สัตว์ ตลอดจนบทบาทหน้าที่ของเทวดาและของผู้ครองแผ่นดิน ที่มีอยู่บ้าง เช่น เรื่องเมขลารามสูร เรื่อง จันทคราสและสุริยคราส เรื่องพญาคันคาก (พญาแถน) เป็นต้น 2. นิทานศาสนา มีจุดมุ่งหมายในการสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชาชน แนะแนวทางประพฤติ ปฏิบัติ สร้างค่านิยมและบรรทัดฐานทางอ้อมให้แก่สังคม ถ้าเป็นนิทานไทย จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนรก สวรรค์ หรือราวของบุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนา โครงเรื่องจะยึดหลักพุทธศาสนาเป็นส าคัญเช่น ท าดี ได้ดี ท าชั่วได้ชั่ว 3. นิทานคติ คติ หมายถึง แนวทางหรือแบบอย่าง นิทานคติเป็นเรื่องขนาดไม่ยาวนิกการ ด าาเนินเรื่อง ไม่ซับซ้อน ตัวละครอาจเป็นคนหรือสัตว์ก็ได้ เรื่องหนึ่งๆ อาจมีตัวละครประมาณ 2-4 ตัว แนวคิดที่


11 ปรากฏในนิทานคือคุณค่าของจริยธรรมและผลแห่งการประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่ว กรรมดีที่น าผลดี มาให้มักได้แก่ ความกตัญญูรู้คุณ ความเมตตากรุณา ความเคารพเชื่อฟังความซื่อสัตย์ ส่วนกรรมชั่วที่ น าผลชั่วมาให้ก็คือ การกระท าที่ตรงกันข้าม ได้แก่ ความไม่กตัญญูรู้คุณความใจร้าย โหดเหี้ยม ความ ดื้อร้น ความทุจริตคดโกง ความทรยศ ฯลฯ 4. นิทานมหัศจรรย์ ตามรูปศัพท์ท าให้เข้าใจว่า เป็นนิทานเกี่ยวกับเทวดา นางฟ้าตามที่จริง แล้วอาจไม่มีเทวดานางฟ้าก็ได้ แต่จะเป็นเรื่องราวของความมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ ซึ่งมีลักษณะที่ ส าคัญ 4 ประการ คือ 4.1 เป็นเรื่องค่อนข้างยาว มีหลายอนุภาคหรือหลายตอน 4.2 เนินเรื่องในโแห่งจินตนาการ สถานที่หรือเอาแน่นอน 4.3 ตัวละครเอกของเรื่องต้องผจญภัยหรือประสบชะตากรรม ได้รับความช่วยเหลืออาจ แต่งงานเปลี่ยนนะดีขึ้น 4.4 เกี่ยวข้องกับมนุษย์ อิทธิฤทธิ์หรือสิ่งมหัศจรรย์เหลือวิสัยมนุษย์ นิทานมหัศจรรย์ของ ไทย อาจจัดเข้าเป็นนิทานประเภทอื่นได้ เช่น นิทานศาสนา หรือ นิทานคติ และบางครั้งระบุสถานที่ว่าเกิด ที่ไหนก็มี ส่วนผู้ช่วยพระเอกนางเอกนั้นส่วนมากเป็นพระอินทร์ พระฤาษี ส าหรับความ มหัศจรรย์ที่ พบในนิทานของไทยนั้น ได้แก่ การเหาะเหินเดินอากาศ การแปลงกาย การสาปการชุบ ชีวิต ของ วิเศษ การเนรมิต เป็นต้นตัวอย่างนิทานมหัศจรรย์ของไทย ได้แก่ เรื่องปลาบู่ทอง สังข์ทอง พระสุธน ลักษณะวงศ์ จันทะโครบ นางสิบสอง โสนน้อยเรือนงาม นางผมหอม การะเกิด หงส์เหิน จ่าปาสี่ต้น ฯลฯ 5. นิทานชีวิต มีลักษณะคล้ายคลึงกับนิทานมหัศจรรย์ตรงที่มีขนาดค่อนข้างยาวมีหลาย อนุภาค หรือ หลายตอน ที่ต่างกันก็คือ นิทานชีวิตด าเนินเรื่องอยู่ในโลกแห่งความจริง มีการบ่งสถาน ที่และตัวละคร


12 ชัดเจน อาจมีเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์หรือความมหัศจรรย์ แต่มีลักษณะที่ผู้อ่านผู้ฟังเชื่อว่า เป็นสิ่งที่เป็นไป ได้มากกว่านิทานชีวิตของคนไทย จะเป็นเรื่องเล่าลักษณะเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง นอกเหนือจากจะ บอกชื่อและฐานะต าแหน่งของตัวละครอย่างชัดเจนแล้ว ยังระบุสถานที่เกิดเหตุด้วย สถานที่จะเป็น สถานที่ในท้องถิ่นต่างๆ ในประเทศไทย ตัวละครส่วนใหญ่เป็นคน อาจมีตัวละครเป็น สัตว์และอมนุษย์ เช่น ผีสางเทวดาบ้างเรื่องที่อาจถือว่าเป็นนิทานชีวิตของไทย ได้แก่ เรื่อง พระลอ รองชน


13 บทที่ 3 วิธีการด าเนินการโครงงาน ผู้จัดท าโครงงานมีวิธีด าเนินงานโครงงานตามขั้นตอนดังนี้ 1. แหล่งศึกษาค้นคว้า 1. https://www.slideshare.net/lllRawinniphalll/ss-11250526 2. ขั้นตอนการด าเนินการโครงงาน 1.ขั้นตอนการด าเนินการ 2.วางแผนการด าเนินการ 3.ด าเนินการตามแผนที่วางไว้ 4.ติดตามและประเมินผล


14 บทที่ 4 ผลการด าเนินงาน จากการศึกษานิทานนั้น สามารถรวบรวมนิทาน ได้ดังนี้ ความหมายของนิทาน นิทาน หมายถึง เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรม ใช้วาจาเป็นสื่อในการ ถ่ายทอดหรือถ่ายทอดด้วยวิธีมุขปาฐะก็ได้ แต่บางส่วนก็ได้รับการบันทึกไว้บ้างแล้ว นิทานเป็น เรื่อง เล่าที่เล่าสืบต่อกันมาช้านาน โดยทั่วไปมักเรียกว่า นิทานพื้นบ้าน นิทานชาวบ้าน หรือนิทาน พื้นเมือง บ้าง ที ่มาของนิทานไทย นิทานที่เล่าสู่กันฟังในประเทศไทยนั้น มีที่มาจากหลายแหล่ง คือในประเทศ ต่างประเทศ และ วรรณกรรมลายลักษณ์ จุดประสงค์ในการเล่านิทาน จุดประสงค์ในการเล่านิทานคือต้องการเป็นเครื่องบันเทิงใจในยามว่างงาน เป็นอาหารทาง ใจ อย่างหนึ่งของมนุษย์ท าให้มีความสุขและช่วยผ่อนคลายความทุกข์ในใจได้ จึงท าให้เกิดนิทาน แตะ ท า ขึ้นมามากมาย ประเภทของนิทาน กุหลาบ มัลลิกะมาส (2518: 105 – 114) แบ่งประเภทนิทาน


15 พื้นบ้านออกเป็น 4 แบบ คือ 1. แบ่งนิทานตามเขตพื้นที่ (area) 2. แบ่งตามรูปแบบของนิทาน (form) 2.1 นิทานปรัมปรา (fairy tale) 2.2 นิทานท้องถิ่น (legend) 2.2.1 นิทานอธิบาย (explanatory tale) 2.2.2 นิทานเกี่ยวกับความเชื่อต่างๆ 2.2.3 นิทานเกี่ยวกับสมบัติ 2.2.4 นิทานวีรบุรุษ 2.2.5 นิทานคติสอนใจ 2.2.6 นิทานเกี่ยวกับนักบวชต่างๆ 2.3 นิทานเทพนิยาย (myth) 2.4 นิทานเรื่องสัตว์ (animal tale) 2.4.1 นิทานประเภทสอนคติธรรม (fable) 2.4.2 นิทานประเภทเล่าซ้ าหรือเล่าไม่รู้จบ (cumulative tale) 2.5 นิทานตลกขบขัน (jest) 3. แบ่งตามชนิดของนิทาน (type index) 3.1 นิทานเกี่ยวกับสัตว์ 3.3 นิทานชาวบ้านทั่วไป 3.3 นิทานตลกขบขัน 4. แบ่งนิทานตามสารัตถะ ประคอง นิมมานเหมินท์ (2538: 133-196) แบ่งประเภทของนิทานพื้นบ้านไว้ ว่า ตาม ลักษณะเนื้อหาและรูปแบบ โดยแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้ 1. เทวปกรณ์ หรือเทพปกรณัม 2. นิทานศาสนา 3. นิทานคติ 4. นิทานมหัศจรรย์ 5. นิทานชีวิต


16 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา 1. ประโยชน์ที่ได้รับจากการท าโครงงาน 1. มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง ความหมายของนิทาน ที่มาของนิทาน ประเภทของนิทาน และ ตัวอย่างนิทานประเภทต่างๆ 2. น าความรู้เรื่องนิทานไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละโอกาสได้ 3. มีแนวความคิดและวิธีการท างานที่รวดเร็วยิ่งขึ้น 4. มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากยิ่งขึ้น 5. เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม 6. ช่วยเสริมทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ และการอ่าน 2. การน าผลการศึกษาไปใช้ จัดท าเป็นสื่อความรู้ออนไลน์เรื่องนิทาน 3.ข้อเสนอแนะ 1. ควรศึกษานิทานหลายๆประเภทเพื่อให้เข้าใจอย่างท่องแท้


17 บรรณานุกรม 1.https://anyflip.com/cqdaa/mxtq/basic


18


Click to View FlipBook Version