แผนการจัดการเรียนรู้มุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยที่ 6 วิชา เทคนิคการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ รหัสวิชา 30216-2007 สอนครั้งที่ 11-13 ชื่อหน่วย อุปกรณ์และการจัดสถานที่ฝึกอบรม ชั่วโมงรวม 12 1. สาระสำคัญ 1. อุปกรณ์การฝึกอบรม หมายถึง สิ่งของหรือเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ประกอบในการถ่ายทอดความรู้ไปสู่ผู้เข้ารับการ อบรม ปัจจุบันเรียกว่า สื่อการฝึกอบรม 2. ประโยชน์ของการใช้อุปกรณ์การฝึกอบรม 3. ลักษณะของอุปกรณ์การฝึกอบรม 4. ประเภทของอุปกรณ์การฝึกอบรม 5. หลักการเลือกใช้อุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรม 6. อุปกรณ์ที่นิยมใช้ในการฝึกอบรม 7. การจัดสถานที่ฝึกอบรมรูปแบบต่าง ๆ 8. การจับจีบผ้ารูปแบบต่าง ๆ 2. สมรรถนะประจำหน่วย 1. แสดงความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์ ประกอบการฝึกอบรมได้เหมาะสม 2. ปฏิบัติการจัดห้องฝึกอบรมรูปแบบต่าง ๆ 3. ปฏิบัติการจัดสถานที่สำหรับการฝึกอบรมได้ 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ 3.1.1 เพื่อให้มีความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้อุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรม 3.1.2 เพื่อให้มีทักษะในการจัดห้องฝึกอบรมรูปแบบต่าง ๆ ได้ 3.1.3 เพื่อให้มีเจตคติที่ดีต่อการเตรียมความพร้อมในการเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และการปฏิบัติงานอย่าง ถูกต้องเสร็จภายในที่กำหนด มีเหตุมีผลตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และคุณลักษณะ 3 D 3.2 ด้านทักษะ 3.2.1 อธิบายความหมายของอุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรมได้ 3.2.2 บอกประโยชน์ของอุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรมได้ 3.2.3 บอกประเภทของอุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรมได้ 3.2.4 อธิบายวิธีการเลือกใช้อุปกรณ์ประกอบการฝึกอบรมได้ 3.2.5 จัดสถานที่ในการฝึกอบรมรูปแบบต่าง ๆ ได้ 3.2.6 จัดโต๊ะหมู่บูชารูปแบบต่าง ๆ ได้ 3.2.7 เตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียนสอดคล้องกับหน่วยเรียน ใช้วัสดุอย่างประหยัดคุ้มค่าตาม หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 3.2.8 ปฏิบัติงานได้ถูกต้อง เสร็จตามเวลาที่กำหนด
3.3 ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3.3.1 ความมีระเบียบ 3.3.2 ความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย 3.3.3 มีความสนใจใฝ่รู้ กระตือรือร้นในการใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ 3.3.4 ตรงต่อเวลา ปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายเสร็จตามเวลา และเข้าเรียนตรงเวลา 3.3.5 มีความรอบคอบในการปฏิบัติงาน 4. เนื้อหาสาระการเรียนรู้ 4.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจีบผ้า 4.2 ความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า 4.3 รูปแบบการผูกผ้าและการจับจีบผ้า 4.4 ประโยชน์ของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า 4.5 ขั้นตอนและวิธีการผูกผ้าและการจีบผ้า - ลายผีเสื้อ - ลายดอกไม้/ใบโพธิ์ - ลายตาสับปะรด - ลายพัดครึ่ง - ลายจีบพนม - ลายจีบกระทบ
4.1 ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการผูกผ้าและการจีบผ้า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีธรรมชาติ สวยงาม มีพรรณไม้ดอก ไม้ประดับหลากหลาย ซึ่งคนไทยนิยมนำ ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้นมาใช้ประดับตกแต่งสถานที่ ในงานพิธี หรืองานเทศกาลและการจัดงานต่าง ๆ แต่ปัจจุบัน ทรัพยากรเหล่านั้นมีจำนวนลดน้อยลง หายากขึ้น เนื่องจากความเจริญทางวัตถุได้รุกล้ำพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จึงมีการนำวัสดุอื่น ๆ มาใช้ในการตกแต่งแทน เช่น การใช้ลูกโป่ง การใช้ผ้า เป็นต้น สำหรับการใช้ผ้าเป็นวัสดุที่ใช้ในการตกแต่งสถานที่ กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะเป็นวัสดุที่สามารถนำ กลับมาใช้ได้ในภายหลัง และสามารถเลือกสีของผ้า และรูปแบบของการตกแต่งได้ตามลักษณะของงาน จึงทำให้มีผู้ ศึกษาวิธีการตกแต่งสถานที่ด้วยการผูกผ้าและจับจีบผ้าเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันผ้าเป็นวัสดุที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในงานพิธีหรือราชพิธีการต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของโครงสร้างใหม่ ๆ เช่น ฉากและม่านหรือในรูปแบบของเครื่องประดับตกแต่งเป็นระบายดอก เฟื่อง และระย้าเป็นต้น ทั้งนี้อาจเป็น เพราะผ้ามิใช่วัสดุสิ้นเปลือง เมื่อเสร็จสิ้นประโยชน์ใช้สอยแต่ละครั้ง ก็สามารถนำมาทำความสะอาดและเก็บรักษาไว้ใช้ ในงานครั้งต่อ ๆ ไปนานหลาย ๆ ครั้ง ต่างจากวัสดุธรรมชาติที่ถูกนำมาดัดแปลงประดิษฐ์ในการประดับตกแต่ง เช่น ดอกไม้สด ใบ กิ่งก้าน และลำต้น เหล่านี้ล้วนมีขีดจำกัดทางกายภาพ การนำมาใช้งานจะอยู่ได้ภายในระยะเวลาจำกัด สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย และต้องคอยดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอให้คงสภาพอยู่ได้ นับเป็นความยุ่งยากและสิ้นเปลืองกว่า เมื่อเทียบกับการใช้ผ้า 4.2 ความหมายของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า การผูกผ้า (Bind Down) หมายถึง การปฏิบัติงานในการสร้างสรรค์รูปแบบของผลงานด้วยการผูก การมัด และการจัดดอก เพื่อสร้างงานและเพิ่มมูลค่าของผลงานให้เกิดความสวยงาม การจับจีบ (Pleating) หมายถึง การสร้างสรรค์รูปแบบของงานในการปฏิบัติงานด้วยการม้วน การพับ การ ซ้อน การจีบ การบิดเกลียว การรดหรือการย่น 4.3 รูปแบบการผูกผ้าและการจับจีบผ้า รูปแบบการผูกผ้า มี 3 รูปแบบ คือ 1. ดอก คือ ส่วนสำคัญขององค์ประกอบการทั้งหมด ถูกกำหนดให้เป็นจุดเด่น 2. เฟื่อง คือ องค์ประกอบในการผูกผ้าเพื่อแก้ปัญหาด้านพื้นที่ เวลา และโครงสร้าง 3. ระย้า คือ การผูกผ้าที่มีลักษณะเป็นพวงพุ่ม จะอยู่ภายใต้ดอกหรือเฟื่อง 4.4 ประโยชน์ของการผูกผ้าและการจับจีบผ้า ประโยชน์ของการผูกผ้า คือ การนำผลงานไปใช้ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของงานที่ได้รับมอบหมาย กับผลงานที่ ได้รับมอบหมาย ประโยชน์ใช้ในการตกแต่งสถานที่ที่ต้องการเน้นให้เป็นจุดเด่น อันมีประธานและรองประธาน โดย เรียงลำดับตามความสำคัญ ใช้ตกแต่งโครงสร้างเคลื่อนที่ และโครงสร้างถาวร โดยใช้การตกแต่งด้วยการผูกผ้า ด้วย ดอก เฟื่อง ระย้า ประโยชน์ของการจับจีบ หมายถึง การนำผลงานไปใช้ตอบสนองความต้องการของงานนั้น ๆ ได้อย่าง เหมาะสม ใช้ในการจัดตกแต่งสถานที่ในงานประเภทต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานสาธิตต่าง ๆ การประชุมสัมมนา การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่การจัดเลี้ยงโต๊ะจีน โต๊ะลงทะเบียน ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบของการจัดงานที่สำคัญ เพราะถือ เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ก่อนที่ส่วนต่าง ๆ จะลงมือตกแต่งได้ ปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการมาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตกแต่ง สถานที่ในโรงแรม และการบริการจัดเลี้ยงโต๊ะจีน
4.5 ขั้นตอนและวิธีการผูกผ้าและการจีบผ้า - ลายผีเสื้อ วิธีทำ 1.นำผ้าสีขาวมาคลุมโต๊ะ ดึงผ้าให้เรียบตึง แล้วพับผ้าส่วนเกิน เข้ามุม และกลัดด้วยเข็มหมุดให้เรียบร้อย จากนั้นเริ่มทำลาย โดยการนำผ้าอีกผืนมาพับให้มีความยาวเท่ากับความสูงของ โต๊ะ และให้ผ้าที่เหลือทิ้งชายอยู่ด้านนอก กลัดปลายผ้าติดกับ ขอบโต๊ะด้วยเข็มหมุดเป็นจุดเริ่มต้น 2.ดึงผ้าลากไปยังจุดต่อไป แล้วจับผ้าพับทบกันให้มีความยาว ประมาณ 4 นิ้ว แล้วกลัดติดกับขอบโต๊ะ 3.จับผ้าทบกันตามขั้นตอนที่ 2 โดยรอบขอบโต๊ะโดยเว้น ระยะห่างระหว่างลายเท่า ๆ กัน 4. กางผ้าที่พับทบไว้ให้มีลักษณะแบนราบขนานกับขอบโต๊ะ โดยให้กึ่งกลางของผ้าอยู่ตรงส่วนกลาง จากนั้นกลัดเข็มหมุดที่ มุมผ้าทั้ง 2 ด้านติดกับขอบโต๊ะ
5. ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 4 กับผ้าที่พับทบไว้ทั้งหมด แล้วค่อย ๆ จับจีบชายผ้าด้านล่างขึ้นมาทีละน้อย จนถึงขอบผ้าส่วนบนสุด แล้วใช้เข็มหมุดกลัดผ้าที่จับจีบขึ้นมาให้ติดกัน จะได้ลายที่มี ลักษณะคล้ายผีเสื้อ 6. จัดตกแต่งลายให้สวยงาม 7. ภาพสำเร็จ ลายผีเสื้อ
- ลายดอกไม้/ใบโพธิ์ วิธีทำ 1. นำผ้าสีขาวมาคลุมโต๊ะโดยให้ชายผ้าทั้ง 4 ด้านยาว เท่ากันกับความสูงของโต๊ะ ดึงให้เรียบตึงแล้วเก็บผ้า ส่วนเกินให้เรียบร้อย 2. เริ่มทำลายโดยการนำผ้าสีเขียวพับให้ความยาวเท่ากับ ความสูงของโต๊ะ โยให้ด้านที่มีความมันวาวอยู่ด้าน นอก จากนั้นกลัดปลายผ้าด้วยเข็มหมุดติดกับขอบ โต๊ะเป็นจุดเริ่มต้น 3. ดึงผ้าให้ตึงไปยัดจุดต่อไปประมาณ 4 นิ้ว แล้วกลัดติด กับขอบโต๊ะ
4. เมื่อจับจีบขึ้นมาจนถึงมุมผ้าด้านบนสุดแล้วใช้เช็มหมุดกลัด ให้ติดกัน 5. ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 6-7 โดยรอบขอบโต๊ะ 6. จัดตกแต่งลายให้สวยงาม 7. ภาพสำเร็จ ลายใบโพธิ์/ดอกไม้
- ลายตาสับปะรด 1. กรีดกลีบทั้ง 2 ห่วงให้สวย นำห่วงที่ 2 ของช่องแรก มายึดกับกลีบแรกของช่องต่อมา ทำจนรอบโต๊ะ 2. จับกลีบสับหว่างโดยวัดลงมาประมาณ 1-2 นิ้ว ให้เท่า ๆ กันทุกช่องจนถึงชายผ้าด้านล่าง และจับแต่งชายผ้าให้ สวยงาม
- ลายพัดครึ่ง 1. เตรียมสเกิ๊ตพับผ้าลงครึ่งหนึ่ง กำหนดให้สันทบอยู่ด้านบน แล้วปักหมุดไว้เป็นจุดเริ่มต้น วัดไปอีก 1 คืบกลัด หมุดไว้ 2. ย้อนสันทบกันมาครึ่งคืบ เพื่อจับจีบกลัดหมุดไว้ แล้วจับจีบให้ได้ กลีบ
3. จับชายผ้าของกลีบสุดท้ายขึ้น ขนานกับขอบโต๊ะเพื่อจับจุดต่อไปแล้วปักหมุดไว้ 4.เริ่มจับจีบสุดท้ายของชายผ้า ทำตามขั้นตอนของจุดที่ 1 ไปเรื่อย ๆ จนรอบโต๊ะ
5.กดตรงกลางกลีบเป็นหยดน้ำ - ลายจีบพนม 6. ผลงานที่สำเร็จ
- ลายจีบกระทบ 1. นำผ้ามาคลุมโต๊ะโดยให้ชายผ้าทั้ง 4 ด้านยาวเท่ากัน จากนั้นดึงผ้าให้ เรียบตึง 2. พับผ้าส่วนเกินเข้ามุมให้เรียบร้อยแล้ว กลัดด้วยเข็มหมุดให้แน่น ทำเช่นเดียวกัน ทั้ง 4 มุม 3. เริ่มทำลายโดยการนำผ้าอีกผืนมาพับให้ มีความยาวเท่ากับความสูงของโต๊ะ โดยให้ ด้านที่มีความมันวาวอยู่ด้านนอก กลัด ปลายผ้าด้วยเข็มหมุดติดกับขอบโต๊ะเป็น จุดเริ่มต้น 4. ดึงผ้าย้อนกลับไปทางซ้ายให้ตึงแล้วกลัด ติดกับขอบโต๊ะด้วยเข็มหมุดเป็นจุดที่ 2
5. ดึงผ้าจากจุดที่ 2 เข้ามุมโต๊ะตึงแล้วใช้ เข็มหมุดกลัดติดกับขอบโต๊ะเป็นจุดที่ 3 6. จับผ้าพับทบกันให้มีความยาวประมาณ 12 นิ้ว แล้วกลัดด้านที่เป็นสันทบกับขอบ โต๊ะเป็นจุดที่ 4 จากนั้นกางผ้าที่พับทบไว้ให้ มีลักษณะแบนราบขนานกับขอบโต๊ะ โดย ให้กึ่งกลางของผ้าอยู่ตรงส่วนกลาง 7. กลัดเข็มหมุดที่มุมผ้าทั้ง 2 ด้าน ติดกับ ขอบโต๊ะ 8. ดึงผ้าให้ตึงไปยังจุดต่อไปแล้วทำลายจีบ กระทบตามขั้นตอนที่ 6-7 โดยรอบขอบโต๊ะ จากนั้นจัดตกแต่งให้สวยงาม 9. ภาพสำเร็จ
-ลายจีบพนม
การจัดดอก -ลายดอกชั้นเดียว 6 กลีบ วิธีทำ 1. ตัดเชือกฟางยาวประมาณ 16 นิ้ว นำมามัดชายผ้าให้แน่นโดยใช้ ปลายเชือกทั้ง 2 ด้านยาวเท่ากัน
2.ทำกลีบดอกที่ 1 โดยพับทบผ้าให้มีความ ยาวประมาณ 6 นิ้ว มัดด้วยเชือกให้แน่น 3. ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 2 ให้ได้กลีบดอก จำนวน 6 กลีบ 4. จัดเรียงกลีบให้เข้าที่ 5. มัดกลีบทั้ง 6 ให้เป็นวงกลม 6. คลี่กลีบดอกที่ 1 โดยการดึงผ้าซิกแซ็กไป มาจนหมดกลีบ
7. คลี่กลีบดอกที่ 2 ในลักษณะเดียวกับกลีบ ที่ 1 8. คลี่กลีบดอกที่เหลือเช่นเดียวกับกลีบดอก ที่ 1 และ 2 จากนั้นดึงตกแต่งกลีบดอกให้ ได้รูปทรงสวยงาม ใช้สำหรับตกแต่งกลีบ ดอกได้รูปทรงสวยงาม ใช้สำหรับตกแต่ง เฟื่องและระย้าเพื่อเพิ่มความสวยงาม 9. ภาพสำเร็จ