ทนายความขอแรง และทนายความอาสา PRO BONO LAWYER BY MANASAVEE RITCHAOVANA 64140318
E-BOOK ฉบับบันี้ เป็น ป็ ส่วส่นหนึ่ง นึ่ ของการประเมินมิผลรายวิชวิา 67849164 การบูรบูณาการการเรียรีนรู้กัรู้ บกัการทำ งานสำ หรับรันักนักฎหมายของนิสินิตสิคณะ รัฐรัศาสตร์แร์ละนิตินิศติาสตร์ มหาวิทวิยาลัยลับูรบูพา ภาคการเรียรีนที่ 2 ปีกปีารศึกศึษา 2567 โดย E-BOOK ฉบับบันี้จั นี้ ดจัทำ ขึ้น ขึ้ เพื่อ พื่ รวบรวมเนื้อ นื้ หาซึ่ง ซึ่ ประกอบไป ด้วด้ยรายละเอียอีดเกี่ย กี่ วกับกับทบาทของทนายขอแรงและทนายอาสา ลักลัษณะ ของการทำ งาน กฎหมายที่เ ที่ กี่ย กี่ วข้อข้ง หลักลัเกณฑ์ และปัญปัหาที่เ ที่ กี่ย กี่ วข้อข้งกับกั ทนายขอแรงและทนายอาสา และเพื่อ พื่ ผยแพร่คร่วามรู้ขรู้ องการให้คห้วามช่วช่ย เหลือลืทางคดีแดีก่บุก่คบุคลทั่ว ทั่ ไป ผู้ต้ผู้ อต้งหาหรือรืจำ เลย และเป็น ป็ การส่งส่เสริมริ วิชวิาชีพชีทนายความซึ่ง ซึ่ เป็น ป็ องค์หค์นึ่ง นึ่ ที่มี ที่ คมีวามสำ คัญคัต่อต่กระบวนการยุติยุธติรรม ทั้ง ทั้ ทางแพ่งพ่และอาญา ผู้จัผู้ ดจัทำ หวังวัเป็น ป็ อย่าย่งยิ่ง ยิ่ ว่าว่ E-BOOK ฉบับบันี้จ นี้ ะเป็น ป็ ประโยชน์ต่น์อต่ผู้อ่ผู้ าอ่นที่ ต้อต้งการรู้จัรู้ กจัเพิ่ม พิ่ เติมติเกี่ย กี่ วกับกับทบาทหน้าน้ที่ข ที่ องทนายความขอแรงและ ทนายความอาสา หากยังยัปรากฏข้อข้ผิดผิพลาดประการใด ข้าข้พเจ้าจ้ขอน้อน้มรับรั ไว้แว้ต่เต่พียพีงผู้เผู้ดียดีว คำ นำ มนัสวี ฤทธิ์เชาวนะ ผู้จัดทำ
ส า ร บัญ 01 อาชีพทนายความ 02 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญามาตรา 173 03 04 สิทธิของผู้ต้องหา 05 การสมัครเป็นทนายขอแรง 06 ปัญหาที่เกี่ยวกับทนายขอแรง และทนายอาสา สถานที่ให้บริการเกี่ยวกับการขอความ ช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย 07 08 ผู้ต้องหา การจัดหาทนายความให้ผู้ต้องหา หรือจำ เลยในคดีอาญา จำ เลย ทนายขอแรง การมีทนายความขอแรงช่วยแก้ต่าง หน้าที่ของทนายขอแรงในชั้นพิจารณา ทนายอาสา ทนายอาสาว่าความฟรีหรือไม่ หลักเกณฑ์ประชาชนที่ต้องการ ให้ทนายอาสาว่าความให้ฟรี 09 10 11 12 13 14 15 16 4 6 7 8 9 10 11 12 13 14 17 18 19 21
อาชีพทนายความ ทนายความ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ ให้ความหมายไว้ว่าหมายถึง “ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ว่าต่างแก้ต่างคู่ความ ในเรื่องอรรถคดี” ทนายความ เดิมเรียกว่า “หมอความ” ซึ่งหมายถึงผู้รู้ผู้ชำ นาญใน ทางความตามพระราชบัญญัติทนายความพ.ศ. 2528 มาตรา 4 ในพระ ราชบัญญัตินี้ “ทนายความ” หมายความว่า ผู้ที่สภาทนายความได้รับจด ทะเบียนและออกใบอนุญาตให้เป็นทนายความ ทนายความ คือ ผู้ที่ได้รับใบอนุญาตให้ว่าความทำ หน้าที่แก้ต่างทาง คดี ซึ่งต้องอาศัยสัญญาว่าจ้างจากบุคคลหรือองค์กรทั่วไปเพื่อเป็น ตัวแทนในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎหมาย และดำ เนินการแทนคู่ความทั้งทาง แพ่งและทางอาญา ทนายความจึงเป็นองค์กรที่มีความสำ คัญต่อ กระบวนการยุติธรรม ว่าความและแก้ต่าง หมายถึง แก้ไขข้อกล่าวหาแทนคู่ความในคดี ในชั้นศาลด้วยหลักฐานทางกฎหมาย 4
อาชีพทนายความ ลักษณะของงานที่ทำ ปฏิบัติงานทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมาย เช่น ให้คำ ปรึกษาทางกฎหมาย จัดการรายละเอียดด้านกฎหมายในทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคดีความ ดำ เนินกระบวนการพิจารณาใด ๆ ในศาลแทนคู่ความ เป็นคนกลาง เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งและรักษาผลประโยชน์ให้ลูกความ ข้อดีของอาชีพ 1.ทนายความเป็นอาชีพอิสระ ไม่อยู่ภายใต้คำ สั่งของหน่วยงานใด 2.ทนายความเป็นวิชาชีพผูกขาด หมายถึง ผู้ที่สามารถประกอบ อาชีพทนายความได้นั้นจำ กัดเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น ข้อจำ กัด 1.รายได้ไม่มีความแน่นอนหากเป็นทนายความอิสระไม่ใช่ทนายความ ประจำ บริษัทหรือสำ นักงานกฎหมาย 2.ทำ งานภายใต้ความกดดัน ความเครียดเป็นส่วนใหญ่ 5
ผู้ต้องหา หมายความถึง บุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำ ความผิด แต่ยังไม่ได้ถูกฟ้องต่อศาล ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(2) เมื่อมีความผิดเกิดขึ้น กระบวนการยุติธรรมในคดีอาญา ขั้นแรก เริ่มต้นจาก พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำ รวจผู้มีอำ นาจทำ การสืบสวน คดีอาญาและมีอำ นาจแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานได้ปฏิบัติ ไปตามอำ นาจและหน้าที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำ รวจผู้มีอำ นาจจับกุมได้ส่งตัวผู้ ต้องหาให้พนักงานสอบสวน ทำ การสอบสวน กล่าวคือ การรวบรวม พยานหลักฐาน และการดำ เนินการทั้งหลายอื่นตามบทบัญญัติแห่ง ประมวลกฎหมายนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำ ไปเกี่ยวกับความผิดที่ กล่าวหาเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริง หรือพิสูจน์ความผิด และเพื่อจะ เอาตัวผู้กระทำ ผิดมาฟ้องลงโทษ เมื่อมีการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนต้องสรุปสำ นวนส่งให้อัยการ พนักงานอัยการะ ทำ ความเห็นควรสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา เมื่อพนักงานอัยการ สั่งฟ้องผู้ต้องหา พนักงานอัยการต้องนำ ตัวผู้ต้องหาไปศาลและเมื่อ ศาลประทับรับท้องแล้วผู้ต้องหามีฐานะเป็นจำ เลยในศาล ผู้ต้องหา 6
มาตรา 134/1 บัญญัติไว้ว่า ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือในคดีที่ ผู้ต้องหามีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ก่อน เริ่มถามคำ ให้การให้พนักงานสอบสวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือ ไม่ ถ้าไม่มีให้รัฐหาทนายความให้ ในคดีที่มีอัตราโทษจำ คุก ก่อนเริ่มถามคำ ให้การให้พนักงานสอบ สวนถามผู้ต้องหาว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและผู้ต้องหาต้องการ ทนายความให้รัฐหาทนายความให้ การจัดหาทนายความตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้พนักงาน สอบสวนปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำ หนดในกฎ กระทรวง และให้ทนายความที่รัฐจัดหาให้ได้รับเงินรางวัลและค่าใช้จ่าย ตามระเบียบที่กระทรวงยุติธรรมกำ หนดโดยได้รับความเห็นชอบจาก กระทรวงการคลัง เมื่อได้จัดหาทนายความให้แก่ผู้ต้องหาตามวรรคหนึ่ง วรรคสองหรือ วรรคสามแล้ว ในกรณีจำ เป็นเร่งด่วน หากทนายความไม่อาจมาพบผู้ ต้องหาได้ โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้พนักงานสอบสวนทราบหรือแจ้งแต่ ไม่มาพบผู้ต้องหาภายในเวลาอันสมควร ให้พนักงานสอบสวนทำ การ สอบสวนผู้ต้องหาไปได้โดยไม่ต้องรอทนายความ แต่พนักงานสอบสวน ต้องบันทึกเหตุนั้นไว้ในสำ นวนการสอบสวนด้วย การจัดหาทนายความให้ผู้ต้องหาหรือ จำ เลยในคดีอาญา 7
สิทธิของผู้ต้องหาในคดีอาญา 1. สิทธิที่จะได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าไม่มีความผิด และก่อนมีคำ พิพากษาถึงที่สุดจะแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำ ความผิด จะปฏิบัติต่อ บุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำ ผิดมิได้ 2.สิทธิจะพบและปรึกษาผู้ที่จะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะและได้รับ การจัดหาทนายความโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 3.สิทธิที่จะให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้ใจเข้าฟังการสอบปากคำ ตนใน ชั้นสอบสวน 4.สิทธิที่จะได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร 5.สิทธิที่จะได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย 6.สิทธิที่จะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ หรือขอให้การในชั้นศาลเนื่องจากคำ ให้การนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ 7.สิทธิที่จะแจ้งหรือขอให้เจ้าพนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งผู้ถูกจับหรือ ผู้ต้องหาไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ที่ถูกควบคุมใน โอกาสแรก 8.สิทธิที่จะได้รับการปล่อยตัวในกรณีที่ถูกคุมขังโดยมิชอบด้วย กฎหมาย 8
จำ เลย จำ เลย หมายความถึง บุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้วโดยข้อหาว่าได้ กระทำ ความผิด ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 2(3) สิทธิของจำ เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 8 นับแต่เวลาที่ยื่นฟ้องแล้ว จำ เลยมีสิทธิดังต่อไปนี้ (1) ได้รับการพิจารณาคดีด้วยความรวดเร็ว ต่อเนื่องและเป็นธรรม (2) แต่งทนายความแก้ต่างในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง หรือพิจารณาในศาล ชั้นต้นตลอดจนชั้นศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา (3) ปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว (4) ตรวจดูสิ่งที่ยื่นเป็นพยานหลักฐาน และคัดสำ เนาหรือถ่ายรูปสิ่ง นั้นๆ (5) ตรวจดูสำ นวนการไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาของศาล และคัด สำ เนาหรือขอรับสำ เนาที่รับรองว่าถูกต้องโดยเสียค่าธรรมเนียม เว้นแต่ ศาลจะมีคำ สั่งให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมนั้น (6) ตรวจหรือคัดสำ เนาคำ ให้การของตนในชั้นสอบสวนหรือประกอบคำ ให้การของตนถ้าจำ เลยมีทนายความ ทนายความนั้นย่อมมีสิทธิเช่น เดียวกับจำ เลยดังกล่าวมาแล้วด้วยเมื่อพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดี ต่อศาลแล้ว ให้ผู้เสียหายมีสิทธิตามวรรคหนึ่ง (6) เช่นเดียวกับจำ เลย ด้วย” 9
ทนายความในกระบวนการยุติธรรมมี 2 ประเภท คือ 1.ทนายความตามสัญญาจ้างจากจำ เลย 2.ทนายความที่ศาลเป็นผู้แต่งตั้งให้ เรียกว่า ทนายขอแรง ทนายความขอแรง/ทนายขอแรง คือ ทนายความที่ศาลแต่งตั้งให้แก่จำ เลยในคดีอาญาเท่านั้นและ เป็นทนายความที่ศาลเป็นผู้จ่ายค่าทนายความให้ หากจำ เลยนั้นไม่มี ทนายความและต้องการทนายความช่วยแก้ต่างในทางคดีโดยจำ เลย ไม่ต้องเสียค่าจ้างทนายความ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือทางด้านทนายความแก่ผู้ต้องหาหรือ จำ เลย มาจากการให้หลักประกันสิทธิแก่ผู้ต้องหาหรือจำ เลยในคดี อาญาที่จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐในการมีทนายความช่วยเหลือ ในทางคดีเพื่อ ก่อให้เกิดความเสมอภาคในการต่อสู้คดี ซึ่งเป็นแนว ความคิดในการดำ เนินคดีในระบบกล่าวหาและคู่ความเป็นผู้ที่นำ เสนอ หลักฐานต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัย ดังนั้นหากจำ เลยขาดความสามารถที่ จะจัดหาทนายความได้เองรัฐจึงจัดหาให้ซึ่งถือเป็นการคุ้มครองสิทธิ ขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาหรือจำ เลยในคดีอาญา โดยหากผู้ต้องหา หรือจำ เลยไม่มีทนายความรัฐต้องจัดหาให้ ทนายขอแรง 10
การเข้ามาเป็นทนายขอแรงจะเป็นไปด้วยความสมัครใจ ซึ่งจะต้องไปขึ้นทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ศาลและศาลได้กำ หนด ทำ บัญชีทนายความขอแรงไว้ 2 บัญชี โดยแบ่งเป็น 1.บัญชีที่ 1 ทนายความขอแรงประสบการณ์กว่า 5 ปี ขึ้นไปและ มีประสบการณ์เคยว่าความโดยทำ หน้าที่ทนายความในคดีอาญา ที่ศาลออกนั่งพิจารณามาแล้วไม่น้อยกว่า 25 คดี 2.บัญชีที่ 2 ผู้เป็นทนายความขอแรงประสบการณ์ต่ำ กว่า 5 ปี ซึ่งศาลจะมอบคดีให้ทนายที่ลงทะเบียนชื่อตามลำ ดับการ ลงทะเบียน และจะปฏิเสธไม่รับหน้าที่เมื่อศาลได้ขอแรงให้เป็น ทนายความแก้ต่างไม่ได้ เว้นแต่จะมีข้อแก้ตัวอันสมควร การสมัครเป็นทนายความขอแรง 11
12 ผู้ต้องหาและจำ เลย มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือให้มีทนายแก้ต่าง คดีให้ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญประกอบกับประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 44/2 ว.2 บัญญัติไว้ว่า ถ้าความปรากฏต่อศาลว่าผู้ยื่น คำ ร้องตามมาตรา 44/1 เป็นคนยากจนไม่สามารถจัดหาทนายความ ได้เอง ให้ศาลมีอำ นาจตั้งทนายความให้แก่ผู้นั้น โดยทนายความที่ได้ รับแต่งตั้งมีสิทธิได้รับเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายตามระเบียบที่คณะ กรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำ หนด มาตรา 87 ว.8 บัญวัติไว้ว่า ในการไต่สวนตามวรรคสามและวรรค เจ็ด ผู้ต้องหามีสิทธิแต่งทนายความเพื่อแถลงข้อคัดค้านและซักถาม พยาน ถ้าผู้ต้องหาไม่มีทนายความเนื่องจากยังไม่ได้มีการปฏิบัติตาม มาตรา 134/1และผู้ต้องหาร้องขอให้ศาลตั้งทนายความให้ โดย ทนายความนั้นมีสิทธิได้รับเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายตามที่กำ หนดไว้ใน มาตรา134/1 วรรคสาม โดยอนุโลม การมีทนายความขอแรงช่วยแก้ต่าง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 13 มาตรา 173 บัญญัติไว้ว่า ในคดีที่มีอัตราโทษประหารชีวิต หรือใน คดีที่จำ เลยมีอายุไม่เกินสิบแปดปีในวันที่ถูกฟ้องต่อศาลก่อนเริ่ม พิจารณาให้ศาลถามจำ เลยว่ามีทนายความหรือไม่ถ้าไม่มีก็ให้ศาล ตั้งทนายความให้ ในคดีที่อัตราโทษจำ คุกก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำ เลยว่ามี ทนายความหรือไม่ถ้าไม่มีและจำ เลยต้องการทนายความก็ให้ศาล ตั้งทนายความให้ ให้ศาลจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายแก่ทนายความที่ศาลตั้งตาม มาตรานี้โดยคำ นึงถึงสภาพแห่งคดีและสภาวะทาเศรษฐกิจทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมกำ หนดโดยความ เห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
เมื่อศาลมีคำ สั่งตั้งทนายความให้จำ เลยตามประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา มาตรา 173 แล้ว ทนายความขอแรงจะต้อง ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะทนายจำ เลยในคดีนั้น ซึ่งเมื่อทนายความขอแรง รับเป็นทนายจำ เลยในคดีอาญาแล้วทนายความขอแรงจะดำ เนินการ จัดทำ ใบแต่งทนายความ และเมื่อจำ เลยและทนายความร่วมลงชื่อ เสนอต่อศาลแล้ว ก็นับว่าเป็นการเสร็จสิ้นกระบวนการ จัดหา ทนายความขอแรงหลังจากแต่งตั้งทนายความในคดีอาญาแล้ว ทนายความขอแรงมีหน้าที่ปฏิบัติงานตั้งแต่เริ่มกระบวนพิจารณา จนถึงศาลมีคำ พิพากษาถึงที่สุด หน้าที่ของทนายขอแรงในชั้นพิจารณา 14
1.สืบค้นหาและรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นประโยชน์แก่คดีเพื่อ นำ สืบหักล้างพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์รวมทั้งตรวจดูสถานที่ เกิดเหตุเพื่อประโยชน์ในการเสนอต่อศาลในการต่อสู้คดีของจำ เลย 2.เตรียมคดี และสอบถามข้อเท็จจริงจากจำ เลยผู้ที่เกี่ยวข้อง 3.นำ เสนอพยานหลักฐานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยาน วัตถุ หรือพยานเอกสารเพื่อพิสูจน์ว่าจำ เลยเป็นผู้บริสุทธิ์ 4.ซักค้านพยานหลักฐานของพนักงานอัยการโจทก์ เพื่อทำ ลายน้ำ หนักพยานหลักฐานในการพิจารณาคดี และรักษาผลประโยชน์ของ จำ เลยและเป็นหลักประกันว่าจำ เลยจะได้รับการพิจารณาที่เป็น ธรรม 5.ให้คำ ปรึกษาและช่วยเหลือทางคดีแก่จำ เลยในชั้นอุทรรณ์และชั้น ฎีกาหลังจากเสร็จสิ้นการพิจารณาในศาล ชั้นต้น หน้าที่ของทนายขอแรงในชั้นพิจารณา 15
ทนายอาสา ทนายอาสา หมาถึง ทนายความตาม พระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 ซึ่งได้อาสาสมัครในการให้ความช่วยเหลือประชาชนทาง กฎหมาย ซึ่งสภาทนายความได้จดทะเบียนไว้เป็นทนายอาสาประจำ ส่วนราชการ โดยทำ หน้าที่ให้คำ ปรึกษาทางกฎหมายกับประชาชนที่ เข้ามาขอคำ ปรึกษา แนะนำ วิธีดำ เนินการ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทาง กฎหมายว่าต้องปฏิบัติอย่างไร เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม หรือการ สอบถามเกี่ยวกับข้อกฎหมาย หรือการร่างสัญญาต่าง ๆ ทนายอาสา นั้นก็จะให้ความช่วยเหลือ คุณสมบัติทนายอาสา 1.เป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เป็นทนายความตามพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ.2528 2.เป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมายโดยได้รับอนุญาตให้เป็น ทนายความมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี 3.ต้องเข้ารับการฝึกอบรมและขึ้นทะเบียนเป็นทนายอาสา 4.มีสัญชาติไทย 5.มีอายุไม่ต่ำ กว่า 23 ปี 6.ไม่เคยถูกสภาทนายความมีคำ สั่งลงโทษตามพระราชบัญญัติ ทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 52 (1) (2) (3) 7.เป็นผู้มีจิตอาสา มีมนุษย์สัมพันธ์ดี บุคลิกภาพดี 16
17 ทนายอาสาจะให้คำ ปรึกษาทางกฎหมายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตาม ระเบียบคณะกรรมการว่าด้วยการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ของทนายอาสาห้ามทนายความอาสา เรียกค่าบริการหรือค่าตอบแทน ในการดำ เนินการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายจากผู้ขอรับความ ช่วยเหลือหรือจะหาผลประโยชน์จากการเป็นทนายอาสาไม่ได้ และไม่ สามารถรับคดีมาทำ เองได้ ประเภทของทนายอาสา 1.ทนายอาสาที่ทำ หน้าที่ให้คำ ปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายในเรื่องต่าง ๆ 2.ทนายความอาสาที่ทำ หน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านคดีความ ทนายอาสาว่าความฟรีหรือไม่
18 หลักเกณฑ์ประชาชนที่ต้องการให้ทนายอาสา ว่าความให้ฟรี โดยหลักทนายอาสาจะไม่สามารถว่าความให้แก่ผู้ที่มาขอคำ ปรึกษาได้ แต่หากประชาชนที่มาขอความช่วยเหลือมีฐานะยากจน ไม่มีเงินจ้างทนายความ จะมีคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน ทางกฎหมาย สภาทนายความ ซึ่งจะจัดให้มีทนายอาสาเพื่อดำ เนิน การต่าง ๆ ทางกฎหมายให้ฟรี ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ.2528 มาตรา 78 กำ หนดไว้ว่า ประชาชนผู้มีสิทธิได้รับความ ช่วยเหลือทางกฎหมายต้องเป็นผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็น ธรรม และมาตรา 79 กำ หนดไว้ว่า การช่วยเหลือประชาชนทาง กฎหมาย ได้แก่ 1.การให้คำ ปรึกษา หรือคำ แนะนำ เกี่ยวกับกฎหมาย 2.การร่างนิติกรรมสัญญา 3.การจัดหาทนายความแก้ต่าง และต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่มาขอความช่วยเหลือ กล่าว คือ 1.เป็นผู้ยากไร้ 2.ไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งในชั้นดำ เนินคดี หาก เป็นคดีแพ่งจะขอดำ เนินคดีอย่างคนอนาถาให้ เป็นไปตามขั้นตอนการ พิจารณาคดีของศาล สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้จากสภา ทนายความ หรือ ณ ที่ทำ การสภาทนายความประจำ หวัด
19 ปัญหาประสิทธิภาพของทนายความขอแรง 1.ทนายความขอแรงที่เข้ามาทำ งานมักจะไม่ได้ทำ งานด้วยความสมัคร ใจเพื่อที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริงเพียงแต่นึกถึงเงินรางวัล ที่ศาลจะตั้งให้เท่านั้น 2.เป็นทนายความที่ไม่มีความชำ นาญในวิชาชีพและไม่มีความ กระตือรือร้นในการทำ งาน เนื่องจากค่าตอบแทนที่ศาลจ่ายให้นั้นค่อน ข้างต่ำ 3.ทนายความไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายตามจริงจากศาลก่อนได้ จึงไม่ ค่อยแสวงหาข้อมูลหรือหลักฐานเพื่อแก้ต่างให้กับจำ เลย ซึ่งการว่า ความในศาลมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าเดินทางไปพบจำ เลย ค่าเดิน ทางไปศาล ค่าเดินทางเพื่อพบจำ เลย ค่าคัดถ่ายเอกสาร 4.เป็นทนายความที่จบใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ หรือทนายความที่ ต้องการเก็บคดีเพื่อนำ ไปสอบเป็นอัยการหรือผู้พิพากษาจึงขาดความ สนใจในการดำ เนินคดีอย่างจริงจัง 5.มีเวลาเตรียมตัวในการต่อสู้คดีค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้มีการ สอบข้อเท็จจริงจากจำ เลยอย่างจริงจังหรือติดคดีที่ได้รับไว้ตาม สัญญาจ้างก่อน
20 ปัญหาประสิทธิภาพของทนายความอาสา 1.ค่าตอบแทนน้อย โดยค่าตอบแทนที่ทนายความอาสาจะได้รับนั้น จะมาจากการนั่งเวรให้คำ ปรึกษาทางกฎหมายในแต่ละวันจากสภา ทนายความ 2.ไม่สามารถรับคดีมาทำ เองได้ เนื่องจาก ทนายความอาสาจะเรียก รับผลประโยชน์จากผู้มาขอรับความช่วยเหลือไม่ได้ 3.ไม่มีความรู้ในเรื่องกฎหมายที่ครอบคลุมและแม่นยำ เนื่องจากผู้ที่ มาขอความช่วยเหลือนั้นอาจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในทางคดีทั้ง แพ่งและอาญา 4.ไม่มีความก้าวหน้าทางอาชีพ
สภาทนายความ ทุกวันไม่มีวันหยุด เวลา 08.30-16.30 น. สามารถติดต่อได้ผ่านช่องทาง ID: @lct249 และสายด่วน : 1167 ศาลทุกแห่ง ทุกวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. สถานีตำ รวจ 343 แห่ง (ยังไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด) ทุกวันไม่มีวันหยุด กระทรวงยุติธรรม สำ นักงานอัยการประจำ จังหวัด สถานที่ให้บริการเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือ ทางด้านกฎหมาย 21