The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความหมายของสถานเพาะชำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongparm11, 2021-11-03 05:50:47

ความหมายของสถานเพาะชำ

ความหมายของสถานเพาะชำ

บทท่ี 2
สถานเพาะชา

เนือ้ เรื่องในบทเรียน

เร่ืองท่ี 1 สถานเพาะชา

ความหมายของสถานเพาะชา
โรงเรือนเป็นส่ิงท่ีสาคญั มากในการขยายพนั ธุพ์ ชื เพราะในการเพาะและเล้ียงดูตน้ กลา้ ท่ียงั เลก็ อยนู่ ้นั เรา

จะตอ้ งจดั สภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั การเจริญเติบโตของพชื ปัจจยั เหล่าน้นั ไดแ้ ก่ น้า อุณหภูมิ แสง
ก๊าซ และแร่ธาตุตา่ ง ๆ นอกจากน้ียงั รวมถึงการป้ องกนั โรคและศตั รูต่าง ๆ ของพชื อีกดว้ ย เพอ่ื ใหพ้ ชื สามารถ
เจริญเติบโตและพฒั นาไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี

สถานเพาะชา หรือ Nursery หมายถึง สถานท่สี าหรับขยายพนั ธุไ์ ม้ ดูแลรักษาพนั ธุไ์ มอ้ ่อนท่มี ีอายุ
นอ้ ย เช่น ตน้ ไมท้ ี่ยงั มีอายนุ อ้ ย หรือกลา้ พชื ผกั ท่มี ีอายยุ งั นอ้ ย ซ่ึงอาจเพง่ิ งอกออกจากเมลด็ หรือเพงิ่ ขยายพนั ธุ์
จากส่วนต่างๆ ที่ใชข้ ยายพนั ธุ์ ก่อนทจี่ ะนาไปปลูกลงในแปลงจริง หรือเป็ นสถานทใ่ี ชด้ ูแลรักษาพนั ธุไ์ มท้ ย่ี งั อยู่
ในระหวา่ งทีต่ อ้ งการความสนใจ เอาใจใส่ดูแลอยา่ งดี ยงั ไม่สามารถตอ่ สูก้ บั ธรรมชาตหิ รือคุน้ เคยกบั ดินฟ้ า
อากาศไดด้ ีพอ

โดยทวั่ ไปมกั เขา้ ใจวา่ จะตอ้ งมีโรงเรือน มีหลงั คา มีฝาสี่ดา้ นปิ ดมิดชิด ภายในมีทีส่ าหรบั วางพนั ธุไ์ ม้
และแปลงเพาะชา แต่ทางมีจริงแลว้ อาจจะเป็ นที่กลางแจง้ มีแปลงปลูกตน้ ตอหรือแปลงเพาะชาหรือมีแปลง
พนั ธุไ์ มท้ ต่ี อ้ งการสงวนไวใ้ ชข้ ยายพนั ธุต์ อ่ ไปก็ได้ ดงั น้นั จึงรวมหมายถึงท่ีขยายพนั ธุพ์ ชื และดูแลรักษาพนั ธุไ์ ม้
อ่อนดว้ ย

วัตถปุ ระสงค์ของเรือนเพาะชา
1. ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง เพอื่ ใชเ้ ล้ียงพนั ธุไ์ มบ้ างชนิดทีไ่ ม่ตอ้ งการแสงแดดจดั หรือพนั ธุไ์ มท้ ีช่ อบแสง

ราไร
2. เพมิ่ ความชุ่มช้ืนโดยธรรมชาติ ไม่สามารถควบคุมไดเ้ หมือน Green house แต่การทาเรือนเพาะชา

แลว้ จะทาใหอ้ ุณหภมู ิในเรือนเพาะชาลดลงกวา่ อุณหภมู ิภายนอก มีความช้ืนสูงข้นึ
3. เป็ นสถานทก่ี นั ลม และป้ องกนั ส่ิงรบกวนอ่ืนๆจากภายนอก

ประโยชน์ของเรือนเพาะชา
1. ใชเ้ ป็นทีข่ ยายพนั ธุไ์ มใ้ หม้ ีจานวนและคุณภาพตามที่ตอ้ งการเพอื่ นาพนั ธุไ์ มน้ ้นั ๆไปใช้
2. ใชเ้ ป็นที่เกบ็ รกั ษาพนั ธุไ์ มอ้ ่อนทน่ี ามาจากทอ่ี ื่น ก่อนทจ่ี ะนาลงปลูกในแปลงจริงๆ
3. ใชเ้ ป็นทีส่ ะสมพนั ธุไ์ มบ้ างชนิดเพอ่ื เล้ียงรกั ษาไวเ้ พอื่ ขยายพนั ธุต์ อ่ ไป
4. อาจใชส้ ่วนหน่ึงส่วนใดของเรือนเพาะชาเป็นท่แี สดงพนั ธุไ์ มเ้ พอื่ การคา้ หรือเพอ่ื การศึกษาและเป็ น

งานอดิเรกเพอื่ ความสุขภายในครอบครัว
5. เม่ือสร้างภายในบริเวณบา้ น อาจเป็ นส่ิงก่อสรา้ งทเี่ พมิ่ ความสนใจใหแ้ ก่บา้ นดว้ ย ถา้ หากดดั แปลงให้

มีรูปทรงและออกแบบเขา้ กบั บา้ นได้
6. เพอ่ื สรา้ งภายในโรงเรียน จะเป็ นแหล่งความรู้ ใหก้ บั นกั เรียนและประชาชนทสี่ นใจ
7. อาจดดั แปลงใหเ้ ป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ

ลักษณะทั่วไปของเรือนเพาะชา
สถานเพาะชาท่ีท่ดี ีน้นั ไม่ไดห้ มายความวา่ เป็ นสิ่งท่มี ีราคาแพง สวยงามน่าดูเท่าน้นั เรือนเพาะชาจะตอ้ ง

มีคุณสมบตั ทิ เ่ี หมาะสมแก่การขยายพนั ธุไ์ มอ้ ยา่ งมากท่ีสุดเทา่ ท่ีจะทาได้ คอื
1. เก่ียวกบั แสงสวา่ ง แสงสวา่ งในการเพาะขยายพนั ธุแ์ ละเล้ียงไมอ้ ่อนน้นั เป็ นส่ิงสาคญั มาก พนั ธุไ์ ม้

ส่วนมากจะเจริญงอกงามไม่ไดด้ ีในทีก่ ลางแจง้ หรือในที่ท่ีมีแสงแดดจดั โดยเฉพาะแสงแดดในเมืองร้อน ใน
เวลาเที่ยงหรือบา่ ยแสงแดดจะจดั มาก สามารถเผาใหต้ น้ ไมเ้ ห่ียวแหง้ หรืออาจตายไดห้ ากตน้ ไมน้ ้นั ยงั ไม่แขง็ แรง
พอ ดงั น้นั หลงั คาเรือนเพาะชาจะตอ้ งมีไมร้ ะแนงปิ ดแสงแดดใหล้ ดนอ้ ยลงบา้ งในเวลาเที่ยงหรือบ่าย แต่การ
ปลูกไมเ้ ล้ือยคลุมหลงั คาเรือนเพาะชาไม่เป็นส่ิงที่ถูกตอ้ งเพาะจะทาใหเ้ รือนเพาะชามีความช้ืนสูงมากเกินไป ทา
ใหเ้ กิดโรคราและทาใหพ้ นั ธุไ์ มอ้ ่อนแอ เน่าตายได้

2. เก่ียวกบั อุณหภมู ิ ตอ้ งมีอุณหภมู ิทเ่ี หมาะสม ไม่รอ้ นอบอา้ วหรืออุณหภมู ิต่าเกินไป เพราะการ
ขยายพนั ธุน์ ้นั จะเจริญงอกงามไดด้ ีในอุณหภมู ิพอเหมาะไม่เหมือนกนั

3. การระบายอากาศหรือการถ่ายเทของบรรยากาศในเรือนเพาะชา การขยายพนั ธุโ์ ดยเพาะเมลด็
ส่วนมากตอ้ งการอากาศเผาไหมม้ ากในระยะเวลาเริ่มงอก ตอ้ งการออกซิเจนมากและคาร์บอนไดออกไซดม์ าก
ถา้ หากเรือนเพาะชามีอากาศถ่ายเทไดส้ ะดวกกท็ าใหพ้ นั ธุไ์ มเ้ จริญเตบิ โตแขง็ แรง

4. ความชุ่มช้ืน มีส่วนสมั พนั ธก์ บั ทกุ ขอ้ ทก่ี ล่าวมา ความชุ่มช้ืนจะมีมากหรือนอ้ ยแลว้ แตป่ ัจจยั ตา่ งๆท่ี
กล่าวมาแลว้ คอื ถา้ แสงสวา่ งมาก ลมพดั แรงเสมอๆหรือมีแดดจดั กย็ อ่ มทาใหก้ ารระบายน้ามีมากข้ึน
เช่นเดียวกบั อุณหภูมิและการระบายอากาศ ถา้ อุณหภมู ิสูง ลมพดั แรงเสมอๆการระเหยน้าก็มีมาก ความช้ืนกล็ ด
นอ้ ยลง

5. มีขอบเขตที่มิดชิดป้ องกนั การรบกวนจากสตั วเ์ ล้ียงและบคุ คลภายนอก
6. วสั ดุก่อสรา้ ง น้นั ไม่จาเป็นตอ้ งมีราคาแพง ส่ิงสาคญั ก็คือตอ้ งแขง็ แรงทนทานและถูกตอ้ งตามความ
ประสงคท์ จ่ี ะใช้ ไม่ผพุ งั เสียหายงา่ ย

7. การจดั ระเบียบทด่ี ีภายในโรงเรือนเพาะชา จะทาใหส้ ะดวกสบายในการใชง้ าน การดูแล ไม่
สิ้นเปลืองเน้ือท่ไี ปเปล่าประโยชน์ เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย

ประเภทของสถานเพาะชา
ก. ประเภทโรงเรือน
1. เรือนเพาะชา (Lath house) หมายถึงเรือนทีส่ ร้างข้นึ ดว้ ยไมร้ ะแนง (Lath) ตใี หม้ ีช่องห่างไมน้ อ้ ยกวา่

2 น้ิว เพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งส่องเขา้ มาไดบ้ างเวลา ลมพดั โกรกไปมาได้ โดยทว่ั ไปจะตี 1 อนั เวน้ 1 อนั และแนวการตี
ใหต้ ีขวางตะวนั คือ ตามทศิ เหนือใต้ เพอื่ ใหพ้ ชื ในโรงเรือนไดร้ บั แสงสม่าเสมอ ปัจจบุ นั มีผใู้ ชต้ าข่ายพลาสติก
แทนไมม้ ีช่ือทางการคา้ วา่ ซาแรนแฟบริก ส่วนมากสร้างดว้ ยไมอ้ าจมีกาแพงคอนกรีตสูงจากระดบั พ้นื ดินต้งั แต่
1 ถึง 3 ฟตุ เพอื่ ช่วยใหม้ ีความช้ืนมากข้ึนในเรือนเพาะชา มีความประสงคเ์ พอื่ ใชเ้ ป็ นสถานทสี่ าหรับเพาะชา
หรือขยายพนั ธุพ์ ชื โดยตรง ดงั น้นั ภายในเรือนเพาะชาจึงมีกระบะเพาะชา แปลงชาตน้ ไม้ มีท่ีทางาน เช่นเปลี่ยน
กระถาง ปลูกไมก้ ระถาง นอกจากน้ียงั มีความประสงคเ์ พอ่ื รวบรวมไมท้ ่ยี งั ไม่แขง็ แรงไวใ้ นท่ีเดียวกนั เพอ่ื ดูแล
สะดวก ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง ลดอุณหภมู ิและทาใหค้ วามช้ืนสูงข้ึน พอเหมาะกบั การเจริญเตบิ โตของพนั ธุไ์ มท้ ่ี
ยงั มีอายนุ อ้ ยไม่แขง็ แรงพอท่ีจะนาไปปลูกลงในแปลงกลางแจง้ ได้ นิยมปลูกไมใ้ บ และไมด้ อกทตี่ อ้ งการแสง
นอ้ ย เช่น กลว้ ยไม้ หนา้ ววั บอนสี

http://rosebay.org/chapterweb/rosebay/lath_houses.html

2. เรือนตน้ ไม้ (Lath shelter) หมายถึงเรือนไมร้ ะแนงที่อาจมีฝาเป็นแนวลอ้ มรอบหรือมีแตห่ ลงั คาไม้
ระแนงอยา่ งเดียวกไ็ ด้ แลว้ แตพ่ นั ธุไ์ มท้ จี่ ะจดั อยใู่ นเรือนตน้ ไม้ ความประสงคข์ องการสร้างเพอ่ื ใชเ้ ป็ นทีเ่ กบ็
รวบรวมพนั ธุไ์ มท้ ่ตี อ้ งการแสงแดดนอ้ ย หรือไมใ้ นร่ม พนั ธุไ์ มช้ นิดน้ีไม่สามารถเจริญเติบโตไดใ้ นท่ีมีแสงแดด
จดั หรือมีความประสงคเ์ พอ่ื รวบรวมพนั ธุไ์ มเ้ พอ่ื การศกึ ษา

3. ซุม้ เรือนตน้ ไม้ (Garden shelter and display) หมายถึงเรือนไมช้ นิดทที่ าไวเ้ พอื่ ตกแตง่ บา้ นให้
สวยงาม อาจมีพนั ธุไ์ มเ้ ล้ือยข้นึ อยดู่ ว้ ยหรือไม่มีก็ได้ อาจมีไมก้ ระถาง ไมพ้ มุ่ ไมด้ อกปลูกประดบั ดว้ ยก็ได้ ความ
ประสงคข์ องการสรา้ งเพอื่ ใหบ้ ริเวณบา้ นน่าอยู่ ร่มร่ืน เป็นที่นงั่ เล่นในซุม้ ไมไ้ ด้ เรือนไมช้ นิดน้ีจะมีลกั ษณะ
แปลกๆแลว้ แตผ่ จู้ ดั สวนหรือเจา้ ของบา้ น

4. เรือนกระจก (Green house) หมายถึงเรือนตน้ ไมท้ ส่ี รา้ งข้นึ อยา่ งมิดชิด มีกระจกก้นั ปิ ดหลงั คา
หรือฝา เพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งภายนอกลอดมาได้ หลงั คามกั ใชก้ ระจกฝ้ าปิ ดเพอ่ื ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง ดา้ นขา้ งอาจก่อ
อิฐเป็ นกาแพงคอนกรีต ภายในสามารถควบคุมอุณหภูมิ ความช้ืน การระบายอากาศไดด้ ี เหมาะสาหรับการ
เพาะชา ขยายพนั ธุไ์ มห้ รือเล้ียงพนั ธุไ์ มเ้ มืองรอ้ นทกุ ชนิดในประเทศท่ีมีอากาศหนาว และขยายพนั ธุพ์ ชื เมือง
หนาวทกุ ชนิดในประเทศทมี่ ีอากาศร้อน เหมาะกบั งานวชิ าการ งานวจิ ยั เนื่องจากราคาสูง

รูปแสดงโรงเรือนกระจก
ข. ประเภทไม่มีโรงเรือน

1. แปลงพน่ หมอก (Mist bed) เป็นแปลงทีส่ รา้ งข้นึ เพอื่ ใหเ้ หมาะกบั การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชา
ก่ิงทีม่ ีใบติด โดยปกติจะสร้างกลางแจง้ เพอ่ื ใหก้ ิ่งพชื ท่ปี ักชาอยปู่ รุงอาหารได้ ลกั ษณะของแปลงจะก่อเป็ นรูป
กระบะยาว ดา้ นบนกระบะติดหวั ฉีดชนิดพน่ น้าเป็ นละอองเหมือนหมอก โดยระยะห่างระหวา่ งของหวั ฉีดแตล่ ะ
หวั อยหู่ ่างกนั พอทีจ่ ะพน่ ละอองน้าคลุมไดท้ วั่ ท้งั กระบะ อุปกรณ์ท่สี าคญั ของกระบะแปลงพน่ หมอกกค็ ือ เคร่ือง
บงั คบั ควบคุมการเปิ ด-ปิ ดน้าอตั โนมตั ทิ ีเ่ รียกวา่ โซลินอยด์ วาลว์ และเคร่ืองต้งั เวลา ทางานโดยใชก้ ระแสไฟฟ้ า
สามารถควบคุมสงั่ การใหโ้ ซลินอยด์ วาลว์ ทาการเปิ ด-ปิ ดน้าตามเวลาท่ตี ้งั ไว้ ซ่ึงช่วยใหป้ ระหยดั เวลาและ
แรงงานในกรรดน้า และช่วยใหพ้ ชื งอกรากเร็วเนื่องจากไดร้ บั ความช้ืนอยอู่ ยา่ งสม่าเสมอ

http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch52/08-intregration/Sompoch/intregration_00.html

http://www.siamproplants.com/news/430
2. แปลงชาพนั ธุไ์ ม้ ใชส้ าหรับการปักชาพชื ทจี่ ะทาการขยายพนั ธุโ์ ดยการตดั ชาหรือใชช้ าพชื ที่
ไดม้ าจากการขยายพนั ธุโ์ ดยวธิ ีอ่ืนก่อนนาไปปลูกลงแปลงจริง ซ่ึงมกั จะทาการชาใตร้ ่มไมท้ ม่ี ีแสงแดดราไร
เหมาะสาหรับนกั ขยายพนั ธุส์ มคั รเล่นเพราะไม่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายมากเพยี งแต่ตอ้ งหมน่ั ดูแลรักษารดน้าเท่าน้นั
3. แปลงเพาะเมล็ด จดั เป็นสถานเพาะชาชนิดหน่ึงท่สี ามารถสร้างไดใ้ นที่ร่มแสงแดดราไรหรือ
กลางแจง้ แตม่ ีวสั ดุคลุมพรางแสง

เร่ืองท่ี 2 วสั ดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการขยายพนั ธ์ุพชื

วัสดปุ ลูกและอุปกรณ์ในงานขยายพันธ์ุพชื

คณุ สมบตั ิของวัสดปุ ลูกท่ีใช้ในงานขยายพนั ธ์ุพชื

1. มีความคงตวั และแน่นเพยี งพอสาหรบั ยดึ กิ่งชาหรือเมลด็ ในช่วงการออกรากและการเพาะเมลด็ แต่

ควรมีน้าหนกั เบาเพอื่ ใหส้ ะดวกในการขนยา้ ยและจะตอ้ งมีปริมาตรคอ่ นขา้ งคงทไี่ ม่วา่ เปี ยกหรือแหง้

2. มีความโปร่งเพยี งพอสาหรบั การระบายน้าและการถ่ายเทอากาศ นอกจากน้ียงั ตอ้ งสามารถเกบ็ รักษา

ความช้ืนไดด้ ีดว้ ย

3. มีธาตุอาหารเพยี งพอทีพ่ ชื จะใชป้ ระโยชนไ์ ดน้ านพอสมควร

4. ไม่เป็นกรดหรือด่างเกินไป หรือมีสารอ่ืน ๆ ทเี่ ป็นพษิ ตอ่ พชื

5. ไม่มีโรค ศตั รูพชื ท่ีอาศยั อยใู่ นดินและเมลด็ วชั พชื

6. มีราคาถูกและสามารถหาไดง้ า่ ย

องค์ประกอบหลักของวัสดปุ ลูก

1. ดิน เป็นวสั ดุทห่ี าไดง้ ่ายและเป็นองคป์ ระกอบหลกั ของวสั ดุปลูก ตอ้ งเป็ นดินท่ีระบายน้าไดด้ ีและดูด

ซบั ความช้ืนไดม้ าก นิยมนามาผสมกบั วสั ดุต่างๆ เช่น ทราย อินทรียวตั ถุและป๋ ยุ ซ่ึงเรียกวา่ ดินผสม สูตรท่นี ิยม

ใชไ้ ดแ้ ก่

ดินเพาะเมล็ด ดินร่วน 2 ส่วน

ทราย 1 ส่วน

ใบไมผ้ ุ 1 ส่วน

ดินปลูก ดินเหนียวหนา้ ดินตากแหง้ บดละเอียด 1 ส่วน

ทราย 1 ส่วน

ป๋ ยุ คอก 1 ส่วน

อินทรียวตั ถุพวกขยุ มะพร้าว ข้ีเถา้ แกลบหรือใบไมผ้ ุ 1 ส่วน

2. ทราย เป็ นวสั ดุทีเ่ หมาะสาหรบั ชาก่ิงชาเนื่องจากมีความร่วนซุยสูง ในทรายจะไม่มีธาตุอาหาร ส่วน

ใหญท่ รายทน่ี ามาใชใ้ นการปักชาและใชผ้ สมดินปลูก เป็นทรายน้าจืดท่ใี ชใ้ นการก่อสร้างทวั่ ๆไป ช่วยระบายน้า

ส่วนทรายข้เี ป็ ดไม่เหมาะท่ีจะนามาใชใ้ นการปักชาหรือผสมดินปลูก ถึงแมว้ า่ จะมีธาตุอาหารอยมู่ ากเพราะทราย

ชนิดน้ีมีข้ีเลนหรือตะกอนผสมอยทู่ าใหป้ ระสิทธิภาพในการระบายน้าต่ามาก

3. พที มอส เกิดจากซากพชื ทีข่ ้นึ อยใู่ นแหล่งน้าต่าง ๆ สลายตวั ไม่สมบูรณ์อนั เนื่องมาจากการขาด
ออกซิเจน มีราคาคอ่ นขา้ งแพง

4. สแฟกนมั มอส เกิดจากซากพชื ทข่ี ้นึ ตามแหล่งน้าสกลุ Sphagnum ท้งั ที่ตายแลว้ และไม่ตายนามาทา
ใหแ้ หง้ มีธาตอุ าหารนอ้ ย

5. เวอร์มิคูไลท์ เป็ นแร่ไมกาท่ีผา่ นการใหค้ วามรอ้ น มีน้าหนกั เบามาก สามารถดูดซบั ธาตุอาหารตา่ ง ๆ
ไวแ้ ลว้ คอ่ ย ๆ ปลดปล่อยใหใ้ นภายหลงั มีธาตุแมกนีเซียมและโพแตสเซียมสูง

6. เพอร์ไลท์ เป็นหินซิลิกาสีขาวอมเทาไดม้ าจากลาวาโดยนาแร่น้ีมาบดและใหค้ วามรอ้ นทอี่ ุณหภูมิสูง
ไม่มีธาตอุ าหาร ใชป้ ระโยชน์ในการทาใหว้ สั ดุปลูกโปร่ง

7. พมั มิซเป็นหินภเู ขาไฟ เป็นซิลิคอนไดออกไซดแ์ ละอะลูมิเนียมออกไซด์ การนามาใชไ้ ม่ตอ้ งผา่ น
ความร้อนเหมือนเพอร์ไลท์ ช่วยทาใหว้ สั ดุปลูกโปร่งและระบายน้าไดด้ ี

8. ร็อควลู เกิดจากการนาหินชนิดต่าง ๆ มาหลอมที่อุณหภูมิสูงแลว้ นาไปป่ันใหเ้ ป็ นเสน้ ใย ใชก้ นั มาก
ในยโุ รปแต่ยงั ไม่แพร่หลาย

9. เปลือกไมป้ ่ นและข้เี ล่ือย ข้กี บ เปลือกถวั่ แกลบ ชานออ้ ย ใชผ้ สมกบั ดินเพอื่ ปลูกไมก้ ระถางแต่
เน่ืองจากผพุ งั สลายตวั ชา้ จงึ ตอ้ งนาไปหมกั กบั ดินผสมใหส้ ลายตวั ดีเสียก่อนจงึ นาไปใช้

10. พลาสติกสงั เคราะห์ เป็นเกลด็ ของโพลิสไตรีน ( polytyrene flakes ) หรือโฟมยเู รียฟอร์มาลดีไฮด์ (
Urea formaldehyde foam ) ใชแ้ ทนทรายและเพอร์ไลท์

11. ป๋ ยุ เคมี ใชเ้ พอื่ เพมิ่ ปริมาณธาตอุ าหารในวสั ดุปลูก
12. ป๋ ยุ คอก ใชผ้ สมวสั ดุปลูกเพอ่ื เพมิ่ อินทรียวตั ถุและช่วยใหอ้ ุม้ น้าไดด้ ีข้นึ
13. ข้ีเถา้ แกลบ เป็ นวสั ดุท่ีใชไ้ ดด้ ีสาหรับการปักชา การเพาะเมล็ดและการผสมดินปลูก ควรเลือกใช้
ข้เี ถา้ แกลบเก่าเพราะมีความเป็นด่างนอ้ ยลง ถา้ เป็นของใหม่ใหน้ าไปลา้ งน้าหรือแช่น้าก่อนใช้ หรืออาจใชว้ ธิ ี
ผสมกบั ทรายอตั ราส่วน 1: 1 จะทาใหค้ วามเป็ นด่างนอ้ ยลง
14. ขยุ มะพรา้ ว เป็นผลพลอยไดจ้ าดอุตสาหกรรมผลิตทน่ี อนใยมะพร้าวและอุตสาหกรรมทาเคร่ือง
ปลูกกลว้ ยไม้ โดยใชก้ าบมะพรา้ ว ขยุ มะพร้าวซ่ึงสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการขยายพนั ธุพ์ ชื ไดห้ ลายทาง
เช่น การปักชา การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด ตลอดจนใชผ้ สมดินปลูก

วสั ดุทใ่ี ช้พนั หรือห่อหุ้มกง่ิ
1. กาบมะพรา้ ว ถุงพลาสติก เชือก ใชส้ าหรับห่อหุม้ กิ่งตอน
2. ผา้ พลาสตกิ ชนิดมว้ น ใชส้ าหรบั การติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง
3. ข้ีผ้งึ ใชส้ าหรบั การตอ่ กิ่ง เป็นข้ผี ้งึ ทใ่ี ชส้ าหรับการต่อกิ่งโดยเฉพาะ

อปุ กรณ์ท่สี าคญั ในการขยายพนั ธ์ุพชื
เครื่องมือเป็นอุปกรณ์ท่ีสาคญั ในการขยายพนั ธุพ์ ชื เคร่ืองมือท่เี หมาะสมและอยใู่ นสภาพทพ่ี รอ้ มจะใชง้ าน

ช่วยใหก้ ารขยายพนั ธุพ์ ชื ทาไดร้ วดเร็วและไดผ้ ลดียง่ิ ข้นึ โดยที่เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการขยายพนั ธุม์ ีหลายอยา่ ง แต่
เครื่องมือที่จะกล่าวต่อไปน้ีเป็นเคร่ืองมือทใ่ี ชง้ านค่อนขา้ งกวา้ ง และเป็ นเครื่องมือประจาตวั ไดแ้ ก่ กรรไกรตดั
กิ่ง และมีดตดิ ตาต่อกิ่ง

กรรไกรตัดแต่งกิ่ง
กรรไกรตดั แตง่ กิ่ง เป็นกรรไกรมือขนาดเลก็ (hand pruning shear) ซ่ึงปกติจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบใบมีด
ตรงและแบบใบมีดโคง้ กรรไกรที่ใคร่จะเสนอแนะใหใ้ ชค้ วรเป็ นแบบใบมีดโคง้ เพราะจะสามารถใช่งานไดก้ วา้ ง
คือใชไ้ ดท้ ้งั ตดั และแต่งกิ่ง นอกจากน้ีลกั ษณะการตดั เป็นแบบการเฉือน ทาใหแ้ ผลรอยตดั ไม่ช้ามากเหมือน
กรรไกรใบมีดตรง อยา่ งไรกด็ ีในจาพวกกรรไกรใบมีดโคง้ ดว้ ยกนั กม็ ีหลายแบบ สาหรับแบบท่ีควรใชค้ วรมี
คุณสมบตั ิดงั น้ี
ลกั ษณะทดี่ ีของกรรไกรตดั แต่งกิ่ง

1. มีขนาดกะทดั รัดพอเหมาะมือ มีน้าหนกั ค่อนขา้ งเบา สามารถใชต้ ดั กิ่งเล็กและก่ิงคอ่ นขา้ งใหญ่
2. มีใบมีดแขง็ คม ใบมีดไม่บิดเบ้ียวงา่ ยเมื่อใชต้ ดั ก่ิงทคี่ ่อนขา้ งแขง็
3. มีความคล่องตวั ในการใชง้ าน สามารถท่ีจะปลดและเปิ ดลอ็ กไดโ้ ดยใชม้ ือขา้ งเดียว
4. มีส่วนประกอบท่ีไม่ซ้าซอ้ น สามารถท่จี ะถอดออกมาลบั และทาความสะอาดไดไ้ ม่ยาก
5. มีอะไหล่จาหน่าย สามารถทีจ่ ะเปลี่ยน บางช้ินส่วนไดเ้ ม่ือเห็นวา่ จาเป็ น
ส่วนประกอบของกรรไกรตดั ก่ิง มีดงั น้ี
1. ใบมีด ติดอยกู่ บั โครงกรรไกร มีลกั ษณะคลา้ ยสิ่วคอื ดา้ นหนา้ ตรงดา้ นหลงั เอียง
2. คานรบั เป็นส่วนทรี่ องรับกิ่งที่ตดั มีลกั ษณะโคง้ เวา้ ป้ องกนั ก่ิงเลื่อนไถล
3. ทบี่ งั คบั สปริง ( ลอ็ ค ) ใชบ้ งั คบั โครงกรรไกรไม่ใหก้ างออก
4. สปริง เป็นส่วนท่ดี นั โครงกรรไกร ใหใ้ บมีดและคานรบั แยกออกจากกนั
5. น๊อต เป็ นตวั บงั คบั ไม่ใหส้ กรูถอนออก ซ่ึงจะทาใหใ้ บมีดและคานรับห่างกนั เพราะจะทาใหร้ อยตดั ช้า
หรือตดั ไม่ได้
6. สกรู อยตู่ รงขา้ มกบั น๊อต เป็ นตวั บงั คบั ไม่ใหค้ านรบั และใบมีดแยกออกจากกนั
7. ดา้ ม เป็ นส่วนสาหรับเป็นทจ่ี บั

ส่วนประกอบของกรรไกรตดั ก่ิง

การใชก้ รรไกรตดั ก่ิง
1. ปลดทบ่ี งั คบั สปริง(ลอ็ ค)ก่อนใช้
2. ควรตดั กิ่งทม่ี ีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางไม่เกิน 1/2 น้ิว
3. ตดั ดว้ ยส่วนกลางของใบมีด
4. ถา้ ตดั กิ่งไมเ้ น้ือแขง็ ใหต้ ดั เฉียง 45-60 องศา
5. ขณะทตี่ ดั ควรจบั ค่อนไปทางปลายดา้ ม
6. ใชเ้ สร็จควรทาสะอาดดว้ ยการเชด็ ดว้ ยผา้ แหง้ ชะโลมน้ามนั (หา้ มลา้ งดว้ ยน้า) และดนั ท่บี งั คบั สปริงเขา้
ทใ่ี หเ้ รียบร้อย

แสดงการใชว้ ธิ ีการตดั กิ่ง

การรักษากรรไกรตดั ก่ิง
เม่ือใชก้ รรไกรตดั ก่ิงไปนานๆอาจสกปรกหรือสึกกร่อน ควรปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1. ถอดสปริงออกจากตวั กรรไกร แลว้ ใชไ้ ขควงถอดน๊อตออก เพอ่ื แยกกรรไกรสองขาออกจากกนั
2. ใชไ้ ขควงถอดสกรู
3. เคาะใบมีดเบาๆจะหลุดออกจากตวั กรรไกร ลบั มีดดว้ ยกระดาษทรายน้า โดยวางกระดาษทรายน้าบน
พน้ื ท่เี รียบ ใชใ้ บมีดทางดา้ นหลงั ถูกบั กระดาษทราย
4. เม่ือใบมีดคมดีแลว้ ใชใ้ บมีดดา้ นหนา้ ลูบกบั กระดาษทรายน้า 2-3 คร้งั เพอ่ื ใหค้ มต้งั
5. ใชก้ ระดาษทรายถูส่วนที่เป็ นสนิมหรือคราบสกปรกออก จากน้นั ประกอบกลบั เขา้ ท่ี หยอดน้ามนั ตาม
จดุ ท่เี คล่ือนไหวได้ ตรวจดูน๊อต สกรูต่างๆ ใหเ้ รียบร้อยจึงนาไปใช้ หรือเกบ็ เขา้ ทใี่ หเ้ รียบร้อย

แสดงการถอดชิ้นส่วนและลบั กรรไกรตดั แตง่ ก่ิง
มดี ตดิ ตา
ใชส้ าหรับเฉือนแผน่ ตา เตรียมตน้ ตอสาหรบั การตดิ ตา ตอ่ กิ่ง ทาบก่ิงเท่าน้นั มีดชนิดน้ีมีส่วนประกอบท่ี
สาคญั พเิ ศษกวา่ มีดชนิดอ่ืนๆ คือ มี เขา ใชเ้ ผยอเปลือกตน้ ตอในการตดิ ตา
ส่วนประกอบของมีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื
ส่วนประกอบของมีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื มี 3 ส่วนคอื
1. ใบมีด ประกอบดว้ ย

- คมมีด จะเอียงประมาณ 30 องศา ใชส้ าหรบั เฉือนแผน่ ตา และเตรียมแผลบนตน้ ตอ และควนั่ ก่ิง
- โหนกสนั มีด เป็นส่วนที่โคง้ มน ไม่คม ใชแ้ กะหรือลอกแผน่ เปลือก
- ปลายมีด เป็นส่วนทแ่ี หลมคม ใชก้ รีดเปลือกตน้ ตอในการทาแผล
2. ดา้ มมีด ประกอบดว้ ย
- สปริงพบั เป็ นตวั บงั คบั ใหม้ ีดตดิ แน่นกบั ดา้ มมีดและสามารถพบั เกบ็ ได้
- ร่องเก็บใบมีด ช่วยเก็บรักษาคมของใบมีด
3. เขามีด อยปู่ ลายดา้ มมีด ใชเ้ ผยอเปลือกตน้ ตอในการตดิ ตา ทาบกิ่ง

ส่วนประกอบของมีดขยายพนั ธุพ์ ชื

ปลายมีด ใบมดี
โหนกสนั มืด ดา้ มมีด
คมมดี

สปริงพบั
ร่องเก็บใบมีด

เขามดี

การใชม้ ีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื
1. มีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื ใชส้ าหรับเฉือนแผน่ ตาและเตรียมรอยแผลตน้ ตอสาหรบั การตดิ ตา การตอ่ ก่ิง
และการทาบกิ่ง
2. มีดท่ใี ชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื ควรอยใู่ นสภาพที่คม
3. ใบมีดไม่ข้นึ สนิม หรือสกปรกและคมมีดตอ้ งไม่มีรอยกร่อน เพราะจะทาใหก้ ารเฉือนเน้ือไมไ้ ม่เรียบพอ
ซ่ึงจะเป็นสาเหตหุ น่ึงในความลม้ เหลวของการขยายพนั ธุพ์ ชื

การรักษามีด
การรกั ษามีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื ใชม้ ีดขยายพนั ธุพ์ ชื ไปนานๆมีดอาจจะมีรอยกร่อนหรือไม่คอ่ ยคม (
ภาษาพน้ื บา้ นเรียกฟันตกั๊ แตน ) ควรลบั มีดดว้ ยวธิ ีการดงั น้ี
1. วางมีดใหม้ น่ั คงบนหินลบั มีดเน้ือละเอียด ทางดา้ นหนา้ มีทยี่ ดึ กนั ไม่ใหห้ ินลื่น
2. ลบั ใบมีดเฉพาะดา้ นเอียง ( ลกั ษณะของใบมีดดา้ นหน่ึงจะตรง อีกดา้ นจะเอียงสาหรบั มีดอ่ืนๆใหล้ บั ท้งั
สองดา้ น )
3. หยดน้าลงบนหินลบั มีด วางมีดเอียงทามุม 15-30 องศากบั หิน

4. ลบั มีดใหเ้ ตม็ หนา้ ใบมีด โดยดนั ไปทางเดียว
5. ขณะลบั มีดหยดน้าลา้ งหินลบั มีดบอ่ ยๆ ตรวจดูใหใ้ บมีดเรียบและคมตลอด

แสดงวธิ ีการลบั มีด

มีดพบั และคตั เตอร์
นิยมนามาใชใ้ นการตอนกนั มากเน่ืองจากราคาถูก ไม่ตอ้ งเสียเวลาในการลบั คมมีด เม่ือใชเ้ สร็จแลว้ จะท้ิง
หรือเปลี่ยนใบมีดใหม่ก็ได้
หินลับมดี
การลบั มีดตอ้ งลบั ดว้ ยหินอ่อนทีใ่ ชใ้ นการลบั มีด วธิ ีการลบั ลบั ใหเ้ ตม็ หนา้ มีดโดยใหม้ ีดเอียงทามุม 20
องศากบั หินลบั และหยดน้าลา้ งหินบ่อยๆในขณะลบั
กระบะชาหรือกระบะเพาะเมลด็
เป็นภาชนะท่ีนิยมใชใ้ นการทดลองหรือฝึกหดั ขยายพนั ธุพ์ ชื ในโรงเรียน ใชไ้ ดท้ ้งั การปักชาและเพาะกลา้
นิยมทาดว้ ยไมข้ นาดทใ่ี ชโ้ ดยทวั่ ไปคือ กวา้ ง 16 นิ้ว ยาว 20 นิ้ว ลึก 16 นิ้ว เพราะสะดวกตอ่ การขนยา้ ย ใน
ปัจจุบนั นิยมใชต้ ะกร้าพลาสติกขนาดดงั กล่าวแทนกระบะไม้ ซ่ึงใหค้ วามสะดวกตอ่ การขนยา้ ยและง่ายตอ่ การ
เก็บรกั ษา
กระบะเกบ็ ความชื้น
เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชป้ ระโยชน์เช่นเดียวกบั เรือนเพาะชาทม่ี ีพลาสติกคลุม ใชเ้ ก็บพชื ทปี่ ลูกใหม่จากกระบะชา
เกบ็ ก่ิงตอนท่เี พง่ิ ตดั มาจากตน้ พชื ท่ตี ่อก่ิงแบบมีใบติดเพราะพชื ดงั กล่าวตอ้ งการความช้ืนสูง ลกั ษณะโดยทว่ั ไป
เป็นกระบะปิ ดทึบท้งั 4 ดา้ น ส่วนดา้ นบนทาเป็นกระจกเลื่อนหรือกรอบพลาสตกิ การวางกระบะเก็บความช้ืน
ควรวางไวใ้ นที่ร่ม แสงแดดราไร เพอื่ ป้ องกนั แสงแดดส่องถึงกระบะเพราะจะทาใหอ้ ุณหภูมิภายในสูงเกินไป
เป็นอนั ตรายต่อตน้ พชื ท่อี ยภู่ ายในได้ และทสี่ าคญั ก็คอื ตอ้ งเล่ือนหรือเผยอแผน่ กระจกหรือกรอบพลาสตกิ ให้
อากาศถ่ายเทเขา้ ออกบา้ ง เม่ือเห็นวา่ พชื เริ่มต้งั ตวั ไดแ้ ลว้ ควรฉีดยาป้ องกนั โรคจากเช้ือราและแบคทเี รียทุก
สปั ดาห์ เนื่องจากภายในกระบะอบั ช้ืนอาจทาใหเ้ กิดโรคระบาดไดง้ ่าย
กระถางดินเผา
เป็นภาชนะทน่ี ิยมใชก้ นั มากมายหลายขนาด ราคาถูก แต่มีขอ้ เสีย คอื ตวั กระถางมีลกั ษณะเป็ นรูพรุน
สูญเสียน้าไดง้ ่าย ในขณะเดียวกนั ถา้ เป็นกระถางเก่ามกั มีเกลือพษิ สะสมอยบู่ ริเวณกน้ กระถางหรือรอบๆซ่ึงจะ

เป็นอนั ตรายตอ่ พชื ดงั น้นั ก่อนใชก้ ระถางเก่าทุกคร้งั ตอ้ งแช่หรือลา้ งน้าใหส้ ะอาด และท่ีสาคญั คือกระถางดินเผา
มกั แตกง่าย ดงั น้นั ผปู้ ลูกเล้ียงตน้ ไมท้ ี่มีราคาสูงจึงนิยมหนั ไปใชก้ ระถางดินเผาแบบเคลือบหรือกระถางเคลือบ
เพราะสามารถลดปัญหาดงั กล่าวได้

กระถางพลาสตกิ
มีขอ้ ดีกวา่ กระถางดินเผา คือมีน้าหนกั เบา กินเน้ือทนี่ อ้ ยเน่ืองจากปากกระถางแคบ ไม่มีรูพรุน แต่ขอ้ เสียคือ
ราคาแพงและอาจแตกร้าวไดเ้ ช่นกนั ถา้ ไม่ระมดั ระวงั เร่ืองการหยบิ ยก
ถ้วยกระดาษชุบไขพาราฟิ นและกระทง
นิยมใชใ้ นการเพาะเมลด็ ชวั่ คราว ถว้ ยกระดาษชุบไขพาราฟิน ท่ีใชก้ นั อยสู่ ่วนใหญ่เป็ นถว้ ยทไ่ี ดจ้ ากภายหลงั
การบริโภคผลิตภณั ฑไ์ อศกรีมหรือน้าอดั ลมประเภทตา่ งๆ ส่วนกระทงทาจากใบตองหรือใบมะพร้าว ก่อนใช้
ตอ้ งเจาะรูดา้ นล่างเพอ่ื ระบายน้าทุกคร้งั
ถงุ พลาสตกิ สีดา
เป็นถุงพลาสตกิ ที่ผลิตข้นึ มาเพอ่ื ใชใ้ นงานเพาะชาโดยเฉพาะ ปัจจุบนั นิยมใชก้ นั มาก เพราะน้าหนกั เบา
ทนทานต่อการใชง้ าน สามารถใชไ้ ดห้ ลายคร้งั และสามารถป้ องกนั แสงแดดไม่ใหส้ ่องถึงรากพชื ส่วนขอ้ เสียคือ
ราคาแพง ไม่สะดวกต่อการบรรจุดิน การเคลื่อนยา้ ยและการวางเรียงในสถานเพาะชา

รูปแสดงกระถางปลูกพชื
การใช้เครื่องมอื และอปุ กรณ์อื่น ๆ ในการขยายพันธ์ุพชื

มีดตดั โฟม ( คดั เตอร์ ) ใชใ้ นการแบง่ หรือแยก การปักชา การทาบก่ิง การเสียบก่ิง การตดิ ตา และการตอน
การใชม้ ีดตดั โฟมมีขอ้ ดีคือ ใบมีดเรียบและคมกริบ เมื่อใชไ้ ปแลว้ ใบมีดไม่คมหรือสกปรกก็สามารถหกั ใบมีด
ส่วนน้นั ออกไดแ้ ละยงั สามารถเปลี่ยนใบมีดใหม่ไดด้ ว้ ย เหมาะมากกบั งานเสียบก่ิง ทาบก่ิง เพราะแผลของตน้
ตอและก่ิงพนั ธุจ์ ะเรียบ ซ่ึงจะทาใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านประสบความสาเร็จมากข้นึ

มีดตดั ไม้ ส่ิว ฆอ้ น เลื่อย ใชใ้ นการเตรียมตน้ ตอ หรือแต่งแผลตน้ ตอ ในการตอ่ ก่ิงและการทาบก่ิงในกรณี
ทีก่ ่ิงมีขนาดใหญ่

หินลบั มีด ใชใ้ นการรกั ษาคมมีดใหค้ มอยเู่ สมอ หินลบั มีดทน่ี ิยมใชเ้ ป็นหินลบั มีดท่ีมีเน้ือหินสองดา้ นใน
กอ้ นเดียวกนั คอื เน้ือหินหยาบใชส้ าหรบั ลบั เพอื่ แต่งใบมีด และเน้ือหินละเอียด ใชส้ าหรับลบั ใบมีดใหม้ ีคมเรียบ
สม่าเสมอ

แผน่ พลาสติก แผน่ พลาสติกใชส้ าหรบั การตอน ใชส้ าหรบั หุม้ ตุม้ ก่ิงตอน
เหลก็ เจาะรู เหลก็ เจาะรูใชส้ าหรบั เจาะถุงพลาสติกหรือแผน่ พลาสตกิ เพอ่ื ไม่ใหน้ ้าขงั ช่วยระบายน้า และ
ป้ องกนั รากเน่า
ถุงพลาสติก ถุงใชเ้ ป็นวสั ดุหุม้ ตน้ ตอเพอ่ื การต่อกิ่ง
ร้ิวพลาสตกิ ร้ิวพลาสตกิ ใชใ้ นการต่อกิ่ง ทาบกิ่งและเสียบยอด มีขนาดหนาประมาณ 0.05 มิลลิเมตร กวา้ ง
1.5 เซนตเิ มตร ยาว 30-50 เซนตเิ มตร อาจเป็นร้ิวพลาสตกิ ใสหรือทึบก็ได้
เสน้ ลวด และเชือกพลาสติกแบน หรือเชือกฟาง ใชส้ าหรบั รัดตน้ ตอใตร้ อยทาบก่ิงและเชือกพลาสตกิ แบน
หรือเชือกฟาง ใชใ้ นการเตรียมตน้ ตอและการตอน
สาลี และกระดาษทชิ ชู ใชใ้ นการเช็ดยางของพชื บางชนิดในการตอนและต่อก่ิง
วสั ดุเพาะชา ใชใ้ นการหุม้ รากของตน้ ตอใหอ้ ุม้ ความช้ืน เพอ่ื ช่วยใหร้ ากของพชื เจริญเป็นปกติ เช่น ขยุ
มะพร้าว มอส ดินเหนียว
ฮอร์โมนเร่งราก ใชใ้ นการเร่งใหร้ ากพชื งอก ใชก้ บั การปักชาและการตอน ท่นี ิยมใชม้ ี 2 ชนิด

คอื IBA (Indolebutyric acid ) และ NAA ( Naphthalene acetic acid ) ซ่ึงมีขอ้ แตกต่างกนั
คือ IBA ใชก้ บั พชื ไดห้ ลายชนิด และเป็ นอนั ตรายกบั พชื นอ้ ยกวา่ สาหรับ NAA ใหผ้ ลดีกวา่ แตม่ ี
ราคาแพงมากเกษตรกรจึงไม่นิยมใช้
ถงั น้าและกระติกน้า ถงั น้าใชใ้ นการใส่น้าเพอ่ื แช่ก่ิงพนั ธุด์ ีสาหรับใชส้ ่วนตาหรือท่อนกิ่งในการติดตา หรือ
เสียบก่ิงเพอ่ื ป้ องกนั การเหี่ยวเฉาของก่ิง กระติกน้าใชเ้ กบ็ น้าเยน็ สาหรบั ลา้ งแผลของพชื ทม่ี ียางมาก เช่น ในการ
ตดิ ตาและทาบก่ิงขนุน

หนงั สืออ้างองิ

กลุ่มหนงั สือเกษตร. ขยายพนั ธุพ์ ชื ดว้ ยภาพ. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2523. หนา้ 130-131
ชมรมพฒั นาไมด้ อกประดบั . การขยายพนั ธุพ์ ชื . ม.ป.พ. ม.ป.ป. หนา้ 8
สนน่ั ขาเลิศ. หลกั และวธิ ีปฏบิ ตั ิการขยายพนั ธุพ์ ชื . ภาควชิ าพชื สวน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2525.

หนา้ 5-21
สมั ฤทธ์ิ เฟ่ืองจนั ทร์. หลกั พชื สวน. โรงพมิ พก์ รุงสยามการพมิ พ.์ 2527. หนา้ 104-105
สุรชยั มจั ฉาชีพ. คู่มือปฏบิ ตั ิการขยายพนั ธุพ์ ชื . เอกสารโรเนียว. 2535. หนา้ 1-6
วทิ ยา ไม่ซาผล และคณะ. 2532. หลกั การขยายพนั ธุพ์ ชื . ฟาร์อีสพบั บลิเคชนั่ : กรุงเทพ. หนา้ 11-15.
ปิ ฏฐะ บุนนาค. 2529. ไมด้ อกไมป้ ระดบั . เอกลกั ษณ์หนงั สือดี: กรุงเทพ. หนา้ 16-21.
วทิ ยา ไม่ซาผล และคณะ. 2532. หลกั การขยายพนั ธุพ์ ชื . ฟาร์อีสพบั บลิเคชนั่ : กรุงเทพ. หนา้ 9-11.
http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/work/
http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/work/house/

กจิ กรรมท้ายบทที่ 2

จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิและวธิ ีการในการใชม้ ีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื มีอะไรบา้ ง
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
2. ขอ้ ควรปฏิบตั แิ ละวธิ ีการใชก้ รรไกรตดั กิ่ง มีอะไรบา้ ง
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
3. วธิ ีการใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมืออ่ืนๆในการขยายพนั ธุพ์ ชื

3.1 มีดคดั เตอร์
............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.2 มีดตดั ไม้ สิ่ว คอ้ น เล่ือย
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.3 หินลบั มีด
............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.4 ร้ิวพลาสติก
...........................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.5 เสน้ ลวด เชือกฟาง เชือกพลาสตกิ
....................................................................................................................................... ..........................................
.................................................................................................................................................................................

3.6 สาลีและกระดาษทิชชู
........................................................................................................................................................... ......................
.................................................................................................................................................................................

3.7 วสั ดุเพาะชา
...........................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.8 ฮอร์โมนเร่งราก
.................................................................................................................................................................... .............
.................................................................................................................................................................................

3.9 ถงั น้าและกระตกิ น้า
............................................................................................................................................................. ...................
.................................................................................................................................................................................
4. จงวาดภาพและบอกส่วนประกอบของมีดสาหรับการขยายพนั ธุพ์ ชื

5. จงวาดภาพและบอกส่วนประกอบของกรรไกรตดั กิ่ง

6. การรักษามีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื มีข้นั ตอนดงั น้ี
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
7. การรักษากรรไกรตดั กิ่ง มีข้นั ตอนดงั น้ี
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
8. จงเขียน Mind mapping เรื่องสถานเพาะชา

บทปฏบิ ัตกิ ารบทท่ี 2

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิการดูแลรักษาเคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื ได้

เนื้อหา
ใหน้ กั เรียนลบั กรรไกรตดั ก่ิงและมีดตดิ ตาอยา่ งละ 1 ชิ้น
1. เตรียมลบั และดูแลกรรไกรตดั กิ่งใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน
2. เตรียมลบั และดูแลมีดตดิ ตาใหอ้ ยใู่ นสภาพพรอ้ มใชง้ าน

วัสด-ุ อปุ กรณ์
1. กรรไกรตดั กิ่ง
2. มีดติดตา
3. หินลบั มีด
4. ไขควง
5. กระดาษทรายน้าเบอร์ 1
6. น้า
7. ผา้ สะอาด
8. น้ามนั

ลาดับข้นั ตอนการปฏบิ ตั ิ (กรรไกรตดั กิ่ง)
1. ถอดสปริงออกจากตวั กรรไกร แลว้ ใชไ้ ขควงถอดน๊อตออก เพอ่ื แยกกรรไกรสองขาออกจากกนั
2. ใชไ้ ขควงถอดสกรู
3. เคาะใบมีดเบาๆจะหลุดออกจากตวั กรรไกร ลบั มีดดว้ ยกระดาษทรายน้า โดยวางกระดาษทรายน้าบน

พ้นื ท่ีเรียบ ใชใ้ บมีดทางดา้ นหลงั ถูกบั กระดาษทราย
4. เม่ือใบมีดคมดีแลว้ ใชใ้ บมีดดา้ นหนา้ ลูบกบั กระดาษทรายน้า 2-3 คร้ังเพอ่ื ใหค้ มต้งั
5. ใชก้ ระดาษทรายถูส่วนท่ีเป็นสนิมหรือคราบสกปรกออก จากน้นั ประกอบกลบั เขา้ ที่ หยอดน้ามนั ตาม

จดุ ท่ีเคลื่อนไหวได้ ตรวจดูน๊อต สกรูต่างๆ ใหเ้ รียบรอ้ ยจงึ นาไปใช้ หรือเกบ็ เขา้ ทใี่ หเ้ รียบรอ้ ยตดั ช้ินส่วนของพชื
ออกเป็นส่วนหรือทอ่ น ประมาณ 1 คืบ
ลาดับข้นั ตอนการปฏบิ ัติ (มดี ติดตา)

1. วางมีดใหม้ นั่ คงบนหินลบั มีดเน้ือละเอียด ทางดา้ นหนา้ มีทยี่ ดึ กนั ไม่ใหห้ ินลื่น
2. ลบั ใบมีดเฉพาะดา้ นเอียง ( ลกั ษณะของใบมีดดา้ นหน่ึงจะตรง อีกดา้ นจะเอียงสาหรับมีดอ่ืนๆใหล้ บั
ท้งั สองดา้ น )
3. หยดน้าลงบนหินลบั มีด วางมีดเอียงทามุม 15-30 องศากบั หิน
4. ลบั มีดใหเ้ ตม็ หนา้ ใบมีด โดยดนั ไปทางเดียว
5. ขณะลบั มีดหยดน้าลา้ งหินลบั มีดบอ่ ยๆ ตรวจดูใหใ้ บมีดเรียบและคมตลอด

สรุปผล
...................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ
...................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

การประเมนิ ผล
1. แบบทดสอบ
2. สงั เกตการปฏิบตั ิ
3. ผลงานทีป่ ฏบิ ตั ิ

บทท่ี 2
สถานเพาะชา

เนือ้ เรื่องในบทเรียน

เร่ืองท่ี 1 สถานเพาะชา

ความหมายของสถานเพาะชา
โรงเรือนเป็นส่ิงท่ีสาคญั มากในการขยายพนั ธุพ์ ชื เพราะในการเพาะและเล้ียงดูตน้ กลา้ ท่ียงั เลก็ อยนู่ ้นั เรา

จะตอ้ งจดั สภาพแวดลอ้ มตา่ ง ๆ ใหเ้ หมาะสมกบั การเจริญเติบโตของพชื ปัจจยั เหล่าน้นั ไดแ้ ก่ น้า อุณหภูมิ แสง
ก๊าซ และแร่ธาตุตา่ ง ๆ นอกจากน้ียงั รวมถึงการป้ องกนั โรคและศตั รูต่าง ๆ ของพชื อีกดว้ ย เพอ่ื ใหพ้ ชื สามารถ
เจริญเติบโตและพฒั นาไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี

สถานเพาะชา หรือ Nursery หมายถึง สถานท่สี าหรับขยายพนั ธุไ์ ม้ ดูแลรักษาพนั ธุไ์ มอ้ ่อนท่มี ีอายุ
นอ้ ย เช่น ตน้ ไมท้ ี่ยงั มีอายนุ อ้ ย หรือกลา้ พชื ผกั ท่มี ีอายยุ งั นอ้ ย ซ่ึงอาจเพง่ิ งอกออกจากเมลด็ หรือเพงิ่ ขยายพนั ธุ์
จากส่วนต่างๆ ที่ใชข้ ยายพนั ธุ์ ก่อนทจี่ ะนาไปปลูกลงในแปลงจริง หรือเป็ นสถานทใ่ี ชด้ ูแลรักษาพนั ธุไ์ มท้ ย่ี งั อยู่
ในระหวา่ งทีต่ อ้ งการความสนใจ เอาใจใส่ดูแลอยา่ งดี ยงั ไม่สามารถตอ่ สูก้ บั ธรรมชาตหิ รือคุน้ เคยกบั ดินฟ้ า
อากาศไดด้ ีพอ

โดยทวั่ ไปมกั เขา้ ใจวา่ จะตอ้ งมีโรงเรือน มีหลงั คา มีฝาสี่ดา้ นปิ ดมิดชิด ภายในมีทีส่ าหรบั วางพนั ธุไ์ ม้
และแปลงเพาะชา แต่ทางมีจริงแลว้ อาจจะเป็ นที่กลางแจง้ มีแปลงปลูกตน้ ตอหรือแปลงเพาะชาหรือมีแปลง
พนั ธุไ์ มท้ ต่ี อ้ งการสงวนไวใ้ ชข้ ยายพนั ธุต์ อ่ ไปก็ได้ ดงั น้นั จึงรวมหมายถึงท่ีขยายพนั ธุพ์ ชื และดูแลรักษาพนั ธุไ์ ม้
อ่อนดว้ ย

วัตถปุ ระสงค์ของเรือนเพาะชา
1. ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง เพอื่ ใชเ้ ล้ียงพนั ธุไ์ มบ้ างชนิดทีไ่ ม่ตอ้ งการแสงแดดจดั หรือพนั ธุไ์ มท้ ีช่ อบแสง

ราไร
2. เพมิ่ ความชุ่มช้ืนโดยธรรมชาติ ไม่สามารถควบคุมไดเ้ หมือน Green house แต่การทาเรือนเพาะชา

แลว้ จะทาใหอ้ ุณหภมู ิในเรือนเพาะชาลดลงกวา่ อุณหภมู ิภายนอก มีความช้ืนสูงข้นึ
3. เป็ นสถานทก่ี นั ลม และป้ องกนั ส่ิงรบกวนอ่ืนๆจากภายนอก

ประโยชน์ของเรือนเพาะชา
4. ใชเ้ ป็นทีข่ ยายพนั ธุไ์ มใ้ หม้ ีจานวนและคุณภาพตามที่ตอ้ งการเพอื่ นาพนั ธุไ์ มน้ ้นั ๆไปใช้
5. ใชเ้ ป็นที่เกบ็ รกั ษาพนั ธุไ์ มอ้ ่อนทน่ี ามาจากทอ่ี ื่น ก่อนทจ่ี ะนาลงปลูกในแปลงจริงๆ
6. ใชเ้ ป็นทีส่ ะสมพนั ธุไ์ มบ้ างชนิดเพอ่ื เล้ียงรกั ษาไวเ้ พอื่ ขยายพนั ธุต์ อ่ ไป
4. อาจใชส้ ่วนหน่ึงส่วนใดของเรือนเพาะชาเป็นท่แี สดงพนั ธุไ์ มเ้ พอื่ การคา้ หรือเพอ่ื การศึกษาและเป็ น

งานอดิเรกเพอื่ ความสุขภายในครอบครัว
5. เม่ือสร้างภายในบริเวณบา้ น อาจเป็ นส่ิงก่อสรา้ งทเี่ พมิ่ ความสนใจใหแ้ ก่บา้ นดว้ ย ถา้ หากดดั แปลงให้

มีรูปทรงและออกแบบเขา้ กบั บา้ นได้
6. เพอ่ื สรา้ งภายในโรงเรียน จะเป็ นแหล่งความรู้ ใหก้ บั นกั เรียนและประชาชนทสี่ นใจ
7. อาจดดั แปลงใหเ้ ป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ

ลักษณะทั่วไปของเรือนเพาะชา
สถานเพาะชาท่ีท่ดี ีน้นั ไม่ไดห้ มายความวา่ เป็ นสิ่งท่มี ีราคาแพง สวยงามน่าดูเท่าน้นั เรือนเพาะชาจะตอ้ ง

มีคุณสมบตั ทิ เ่ี หมาะสมแก่การขยายพนั ธุไ์ มอ้ ยา่ งมากท่ีสุดเทา่ ท่ีจะทาได้ คอื
1. เก่ียวกบั แสงสวา่ ง แสงสวา่ งในการเพาะขยายพนั ธุแ์ ละเล้ียงไมอ้ ่อนน้นั เป็ นส่ิงสาคญั มาก พนั ธุไ์ ม้

ส่วนมากจะเจริญงอกงามไม่ไดด้ ีในทีก่ ลางแจง้ หรือในที่ท่ีมีแสงแดดจดั โดยเฉพาะแสงแดดในเมืองร้อน ใน
เวลาเที่ยงหรือบา่ ยแสงแดดจะจดั มาก สามารถเผาใหต้ น้ ไมเ้ ห่ียวแหง้ หรืออาจตายไดห้ ากตน้ ไมน้ ้นั ยงั ไม่แขง็ แรง
พอ ดงั น้นั หลงั คาเรือนเพาะชาจะตอ้ งมีไมร้ ะแนงปิ ดแสงแดดใหล้ ดนอ้ ยลงบา้ งในเวลาเที่ยงหรือบ่าย แต่การ
ปลูกไมเ้ ล้ือยคลุมหลงั คาเรือนเพาะชาไม่เป็นส่ิงที่ถูกตอ้ งเพาะจะทาใหเ้ รือนเพาะชามีความช้ืนสูงมากเกินไป ทา
ใหเ้ กิดโรคราและทาใหพ้ นั ธุไ์ มอ้ ่อนแอ เน่าตายได้

2. เก่ียวกบั อุณหภมู ิ ตอ้ งมีอุณหภมู ิทเ่ี หมาะสม ไม่รอ้ นอบอา้ วหรืออุณหภมู ิต่าเกินไป เพราะการ
ขยายพนั ธุน์ ้นั จะเจริญงอกงามไดด้ ีในอุณหภมู ิพอเหมาะไม่เหมือนกนั

3. การระบายอากาศหรือการถ่ายเทของบรรยากาศในเรือนเพาะชา การขยายพนั ธุโ์ ดยเพาะเมลด็
ส่วนมากตอ้ งการอากาศเผาไหมม้ ากในระยะเวลาเริ่มงอก ตอ้ งการออกซิเจนมากและคาร์บอนไดออกไซดม์ าก
ถา้ หากเรือนเพาะชามีอากาศถ่ายเทไดส้ ะดวกกท็ าใหพ้ นั ธุไ์ มเ้ จริญเตบิ โตแขง็ แรง

4. ความชุ่มช้ืน มีส่วนสมั พนั ธก์ บั ทกุ ขอ้ ทก่ี ล่าวมา ความชุ่มช้ืนจะมีมากหรือนอ้ ยแลว้ แตป่ ัจจยั ตา่ งๆท่ี
กล่าวมาแลว้ คอื ถา้ แสงสวา่ งมาก ลมพดั แรงเสมอๆหรือมีแดดจดั กย็ อ่ มทาใหก้ ารระบายน้ามีมากข้ึน
เช่นเดียวกบั อุณหภูมิและการระบายอากาศ ถา้ อุณหภมู ิสูง ลมพดั แรงเสมอๆการระเหยน้าก็มีมาก ความช้ืนกล็ ด
นอ้ ยลง

5. มีขอบเขตที่มิดชิดป้ องกนั การรบกวนจากสตั วเ์ ล้ียงและบคุ คลภายนอก
6. วสั ดุก่อสรา้ ง น้นั ไม่จาเป็นตอ้ งมีราคาแพง ส่ิงสาคญั ก็คือตอ้ งแขง็ แรงทนทานและถูกตอ้ งตามความ
ประสงคท์ จ่ี ะใช้ ไม่ผพุ งั เสียหายงา่ ย

7. การจดั ระเบียบทด่ี ีภายในโรงเรือนเพาะชา จะทาใหส้ ะดวกสบายในการใชง้ าน การดูแล ไม่
สิ้นเปลืองเน้ือท่ไี ปเปล่าประโยชน์ เป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย

ประเภทของสถานเพาะชา
ก. ประเภทโรงเรือน
1. เรือนเพาะชา (Lath house) หมายถึงเรือนทีส่ ร้างข้นึ ดว้ ยไมร้ ะแนง (Lath) ตใี หม้ ีช่องห่างไมน้ อ้ ยกวา่

2 น้ิว เพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งส่องเขา้ มาไดบ้ างเวลา ลมพดั โกรกไปมาได้ โดยทว่ั ไปจะตี 1 อนั เวน้ 1 อนั และแนวการตี
ใหต้ ีขวางตะวนั คือ ตามทศิ เหนือใต้ เพอื่ ใหพ้ ชื ในโรงเรือนไดร้ บั แสงสม่าเสมอ ปัจจบุ นั มีผใู้ ชต้ าข่ายพลาสติก
แทนไมม้ ีช่ือทางการคา้ วา่ ซาแรนแฟบริก ส่วนมากสร้างดว้ ยไมอ้ าจมีกาแพงคอนกรีตสูงจากระดบั พ้นื ดินต้งั แต่
1 ถึง 3 ฟตุ เพอื่ ช่วยใหม้ ีความช้ืนมากข้ึนในเรือนเพาะชา มีความประสงคเ์ พอื่ ใชเ้ ป็ นสถานทสี่ าหรับเพาะชา
หรือขยายพนั ธุพ์ ชื โดยตรง ดงั น้นั ภายในเรือนเพาะชาจึงมีกระบะเพาะชา แปลงชาตน้ ไม้ มีท่ีทางาน เช่นเปลี่ยน
กระถาง ปลูกไมก้ ระถาง นอกจากน้ียงั มีความประสงคเ์ พอ่ื รวบรวมไมท้ ่ยี งั ไม่แขง็ แรงไวใ้ นท่ีเดียวกนั เพอ่ื ดูแล
สะดวก ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง ลดอุณหภมู ิและทาใหค้ วามช้ืนสูงข้ึน พอเหมาะกบั การเจริญเตบิ โตของพนั ธุไ์ มท้ ่ี
ยงั มีอายนุ อ้ ยไม่แขง็ แรงพอท่ีจะนาไปปลูกลงในแปลงกลางแจง้ ได้ นิยมปลูกไมใ้ บ และไมด้ อกทตี่ อ้ งการแสง
นอ้ ย เช่น กลว้ ยไม้ หนา้ ววั บอนสี

http://rosebay.org/chapterweb/rosebay/lath_houses.html

2. เรือนตน้ ไม้ (Lath shelter) หมายถึงเรือนไมร้ ะแนงที่อาจมีฝาเป็นแนวลอ้ มรอบหรือมีแตห่ ลงั คาไม้
ระแนงอยา่ งเดียวกไ็ ด้ แลว้ แตพ่ นั ธุไ์ มท้ จี่ ะจดั อยใู่ นเรือนตน้ ไม้ ความประสงคข์ องการสร้างเพอ่ื ใชเ้ ป็ นทีเ่ กบ็
รวบรวมพนั ธุไ์ มท้ ่ตี อ้ งการแสงแดดนอ้ ย หรือไมใ้ นร่ม พนั ธุไ์ มช้ นิดน้ีไม่สามารถเจริญเติบโตไดใ้ นท่ีมีแสงแดด
จดั หรือมีความประสงคเ์ พอ่ื รวบรวมพนั ธุไ์ มเ้ พอ่ื การศกึ ษา

3. ซุม้ เรือนตน้ ไม้ (Garden shelter and display) หมายถึงเรือนไมช้ นิดทที่ าไวเ้ พอื่ ตกแตง่ บา้ นให้
สวยงาม อาจมีพนั ธุไ์ มเ้ ล้ือยข้นึ อยดู่ ว้ ยหรือไม่มีก็ได้ อาจมีไมก้ ระถาง ไมพ้ มุ่ ไมด้ อกปลูกประดบั ดว้ ยก็ได้ ความ
ประสงคข์ องการสรา้ งเพอื่ ใหบ้ ริเวณบา้ นน่าอยู่ ร่มร่ืน เป็นที่นงั่ เล่นในซุม้ ไมไ้ ด้ เรือนไมช้ นิดน้ีจะมีลกั ษณะ
แปลกๆแลว้ แตผ่ จู้ ดั สวนหรือเจา้ ของบา้ น

4. เรือนกระจก (Green house) หมายถึงเรือนตน้ ไมท้ ส่ี รา้ งข้นึ อยา่ งมิดชิด มีกระจกก้นั ปิ ดหลงั คา
หรือฝา เพอ่ื ใหแ้ สงสวา่ งภายนอกลอดมาได้ หลงั คามกั ใชก้ ระจกฝ้ าปิ ดเพอ่ื ลดแสงแดดใหน้ อ้ ยลง ดา้ นขา้ งอาจก่อ
อิฐเป็ นกาแพงคอนกรีต ภายในสามารถควบคุมอุณหภูมิ ความช้ืน การระบายอากาศไดด้ ี เหมาะสาหรับการ
เพาะชา ขยายพนั ธุไ์ มห้ รือเล้ียงพนั ธุไ์ มเ้ มืองรอ้ นทกุ ชนิดในประเทศท่ีมีอากาศหนาว และขยายพนั ธุพ์ ชื เมือง
หนาวทกุ ชนิดในประเทศทมี่ ีอากาศร้อน เหมาะกบั งานวชิ าการ งานวจิ ยั เนื่องจากราคาสูง

รูปแสดงโรงเรือนกระจก
ข. ประเภทไม่มีโรงเรือน

1. แปลงพน่ หมอก (Mist bed) เป็นแปลงทีส่ รา้ งข้นึ เพอื่ ใหเ้ หมาะกบั การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชา
ก่ิงทีม่ ีใบติด โดยปกติจะสร้างกลางแจง้ เพอ่ื ใหก้ ิ่งพชื ท่ปี ักชาอยปู่ รุงอาหารได้ ลกั ษณะของแปลงจะก่อเป็ นรูป
กระบะยาว ดา้ นบนกระบะติดหวั ฉีดชนิดพน่ น้าเป็ นละอองเหมือนหมอก โดยระยะห่างระหวา่ งของหวั ฉีดแตล่ ะ
หวั อยหู่ ่างกนั พอทีจ่ ะพน่ ละอองน้าคลุมไดท้ วั่ ท้งั กระบะ อุปกรณ์ท่สี าคญั ของกระบะแปลงพน่ หมอกกค็ ือ เคร่ือง
บงั คบั ควบคุมการเปิ ด-ปิ ดน้าอตั โนมตั ทิ ีเ่ รียกวา่ โซลินอยด์ วาลว์ และเคร่ืองต้งั เวลา ทางานโดยใชก้ ระแสไฟฟ้ า
สามารถควบคุมสงั่ การใหโ้ ซลินอยด์ วาลว์ ทาการเปิ ด-ปิ ดน้าตามเวลาท่ตี ้งั ไว้ ซ่ึงช่วยใหป้ ระหยดั เวลาและ
แรงงานในกรรดน้า และช่วยใหพ้ ชื งอกรากเร็วเนื่องจากไดร้ บั ความช้ืนอยอู่ ยา่ งสม่าเสมอ

http://www.rdi.ku.ac.th/kasetresearch52/08-intregration/Sompoch/intregration_00.html

http://www.siamproplants.com/news/430
2. แปลงชาพนั ธุไ์ ม้ ใชส้ าหรับการปักชาพชื ทจี่ ะทาการขยายพนั ธุโ์ ดยการตดั ชาหรือใชช้ าพชื ท่ี

ไดม้ าจากการขยายพนั ธุโ์ ดยวธิ ีอ่ืนก่อนนาไปปลูกลงแปลงจริง ซ่ึงมกั จะทาการชาใตร้ ่มไมท้ ีม่ ีแสงแดดราไร
เหมาะสาหรับนกั ขยายพนั ธุส์ มคั รเล่นเพราะไม่ตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ า่ ยมากเพยี งแต่ตอ้ งหมน่ั ดูแลรักษารดน้าเท่าน้นั

3. แปลงเพาะเมลด็ จดั เป็นสถานเพาะชาชนิดหน่ึงทีส่ ามารถสร้างไดใ้ นทีร่ ่มแสงแดดราไรหรือ
กลางแจง้ แตม่ ีวสั ดุคลุมพรางแสง

เร่ืองท่ี 2 วสั ดอุ ปุ กรณ์ทใี่ ช้ในการขยายพนั ธ์ุพชื

วัสดปุ ลูกและอุปกรณ์ในงานขยายพันธ์ุพชื

คณุ สมบตั ิของวัสดปุ ลูกท่ีใช้ในงานขยายพนั ธ์ุพชื

1. มีความคงตวั และแน่นเพยี งพอสาหรบั ยดึ กิ่งชาหรือเมลด็ ในช่วงการออกรากและการเพาะเมลด็ แต่

ควรมีน้าหนกั เบาเพอื่ ใหส้ ะดวกในการขนยา้ ยและจะตอ้ งมีปริมาตรคอ่ นขา้ งคงทไี่ ม่วา่ เปี ยกหรือแหง้

2. มีความโปร่งเพยี งพอสาหรบั การระบายน้าและการถ่ายเทอากาศ นอกจากน้ียงั ตอ้ งสามารถเกบ็ รักษา

ความช้ืนไดด้ ีดว้ ย

3. มีธาตุอาหารเพยี งพอทีพ่ ชื จะใชป้ ระโยชนไ์ ดน้ านพอสมควร

4. ไม่เป็นกรดหรือด่างเกินไป หรือมีสารอ่ืน ๆ ทเี่ ป็นพษิ ตอ่ พชื

5. ไม่มีโรค ศตั รูพชื ท่ีอาศยั อยใู่ นดินและเมลด็ วชั พชื

6. มีราคาถูกและสามารถหาไดง้ า่ ย

องค์ประกอบหลักของวัสดปุ ลูก

1. ดิน เป็นวสั ดุทห่ี าไดง้ ่ายและเป็นองคป์ ระกอบหลกั ของวสั ดุปลูก ตอ้ งเป็ นดินท่ีระบายน้าไดด้ ีและดูด

ซบั ความช้ืนไดม้ าก นิยมนามาผสมกบั วสั ดุต่างๆ เช่น ทราย อินทรียวตั ถุและป๋ ยุ ซ่ึงเรียกวา่ ดินผสม สูตรท่นี ิยม

ใชไ้ ดแ้ ก่

ดินเพาะเมล็ด ดินร่วน 2 ส่วน

ทราย 1 ส่วน

ใบไมผ้ ุ 1 ส่วน

ดินปลูก ดินเหนียวหนา้ ดินตากแหง้ บดละเอียด 1 ส่วน

ทราย 1 ส่วน

ป๋ ยุ คอก 1 ส่วน

อินทรียวตั ถุพวกขยุ มะพร้าว ข้ีเถา้ แกลบหรือใบไมผ้ ุ 1 ส่วน

2. ทราย เป็ นวสั ดุทีเ่ หมาะสาหรบั ชาก่ิงชาเนื่องจากมีความร่วนซุยสูง ในทรายจะไม่มีธาตุอาหาร ส่วน

ใหญท่ รายทน่ี ามาใชใ้ นการปักชาและใชผ้ สมดินปลูก เป็นทรายน้าจืดท่ใี ชใ้ นการก่อสร้างทวั่ ๆไป ช่วยระบายน้า

ส่วนทรายข้เี ป็ ดไม่เหมาะท่ีจะนามาใชใ้ นการปักชาหรือผสมดินปลูก ถึงแมว้ า่ จะมีธาตุอาหารอยมู่ ากเพราะทราย

ชนิดน้ีมีข้ีเลนหรือตะกอนผสมอยทู่ าใหป้ ระสิทธิภาพในการระบายน้าต่ามาก

3. พที มอส เกิดจากซากพชื ทีข่ ้นึ อยใู่ นแหล่งน้าต่าง ๆ สลายตวั ไม่สมบูรณ์อนั เนื่องมาจากการขาด
ออกซิเจน มีราคาคอ่ นขา้ งแพง

4. สแฟกนมั มอส เกิดจากซากพชื ทข่ี ้นึ ตามแหล่งน้าสกลุ Sphagnum ท้งั ที่ตายแลว้ และไม่ตายนามาทา
ใหแ้ หง้ มีธาตอุ าหารนอ้ ย

5. เวอร์มิคูไลท์ เป็ นแร่ไมกาท่ีผา่ นการใหค้ วามรอ้ น มีน้าหนกั เบามาก สามารถดูดซบั ธาตุอาหารตา่ ง ๆ
ไวแ้ ลว้ คอ่ ย ๆ ปลดปล่อยใหใ้ นภายหลงั มีธาตุแมกนีเซียมและโพแตสเซียมสูง

6. เพอร์ไลท์ เป็นหินซิลิกาสีขาวอมเทาไดม้ าจากลาวาโดยนาแร่น้ีมาบดและใหค้ วามรอ้ นทอี่ ุณหภูมิสูง
ไม่มีธาตอุ าหาร ใชป้ ระโยชน์ในการทาใหว้ สั ดุปลูกโปร่ง

7. พมั มิซเป็นหินภเู ขาไฟ เป็นซิลิคอนไดออกไซดแ์ ละอะลูมิเนียมออกไซด์ การนามาใชไ้ ม่ตอ้ งผา่ น
ความร้อนเหมือนเพอร์ไลท์ ช่วยทาใหว้ สั ดุปลูกโปร่งและระบายน้าไดด้ ี

8. ร็อควลู เกิดจากการนาหินชนิดต่าง ๆ มาหลอมที่อุณหภูมิสูงแลว้ นาไปป่ันใหเ้ ป็ นเสน้ ใย ใชก้ นั มาก
ในยโุ รปแต่ยงั ไม่แพร่หลาย

9. เปลือกไมป้ ่ นและข้เี ล่ือย ข้กี บ เปลือกถวั่ แกลบ ชานออ้ ย ใชผ้ สมกบั ดินเพอื่ ปลูกไมก้ ระถางแต่
เน่ืองจากผพุ งั สลายตวั ชา้ จงึ ตอ้ งนาไปหมกั กบั ดินผสมใหส้ ลายตวั ดีเสียก่อนจงึ นาไปใช้

10. พลาสติกสงั เคราะห์ เป็นเกลด็ ของโพลิสไตรีน ( polytyrene flakes ) หรือโฟมยเู รียฟอร์มาลดีไฮด์ (
Urea formaldehyde foam ) ใชแ้ ทนทรายและเพอร์ไลท์

11. ป๋ ยุ เคมี ใชเ้ พอื่ เพมิ่ ปริมาณธาตอุ าหารในวสั ดุปลูก
12. ป๋ ยุ คอก ใชผ้ สมวสั ดุปลูกเพอ่ื เพมิ่ อินทรียวตั ถุและช่วยใหอ้ ุม้ น้าไดด้ ีข้นึ
13. ข้ีเถา้ แกลบ เป็ นวสั ดุท่ีใชไ้ ดด้ ีสาหรับการปักชา การเพาะเมล็ดและการผสมดินปลูก ควรเลือกใช้
ข้เี ถา้ แกลบเก่าเพราะมีความเป็นด่างนอ้ ยลง ถา้ เป็นของใหม่ใหน้ าไปลา้ งน้าหรือแช่น้าก่อนใช้ หรืออาจใชว้ ธิ ี
ผสมกบั ทรายอตั ราส่วน 1: 1 จะทาใหค้ วามเป็ นด่างนอ้ ยลง
14. ขยุ มะพรา้ ว เป็นผลพลอยไดจ้ าดอุตสาหกรรมผลิตทน่ี อนใยมะพร้าวและอุตสาหกรรมทาเคร่ือง
ปลูกกลว้ ยไม้ โดยใชก้ าบมะพรา้ ว ขยุ มะพร้าวซ่ึงสามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในการขยายพนั ธุพ์ ชื ไดห้ ลายทาง
เช่น การปักชา การตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด ตลอดจนใชผ้ สมดินปลูก

วสั ดุทใ่ี ช้พนั หรือห่อหุ้มกง่ิ
1. กาบมะพรา้ ว ถุงพลาสติก เชือก ใชส้ าหรับห่อหุม้ กิ่งตอน
2. ผา้ พลาสตกิ ชนิดมว้ น ใชส้ าหรบั การติดตา ต่อกิ่ง ทาบกิ่ง
3. ข้ีผ้งึ ใชส้ าหรบั การตอ่ กิ่ง เป็นข้ผี ้งึ ทใ่ี ชส้ าหรับการต่อกิ่งโดยเฉพาะ

อปุ กรณ์ท่สี าคญั ในการขยายพนั ธ์ุพชื
เครื่องมือเป็นอุปกรณ์ท่ีสาคญั ในการขยายพนั ธุพ์ ชื เคร่ืองมือท่เี หมาะสมและอยใู่ นสภาพทพ่ี รอ้ มจะใชง้ าน

ช่วยใหก้ ารขยายพนั ธุพ์ ชื ทาไดร้ วดเร็วและไดผ้ ลดียง่ิ ข้นึ โดยที่เครื่องมือทใี่ ชใ้ นการขยายพนั ธุม์ ีหลายอยา่ ง แต่
เครื่องมือที่จะกล่าวต่อไปน้ีเป็นเคร่ืองมือทใ่ี ชง้ านค่อนขา้ งกวา้ ง และเป็ นเครื่องมือประจาตวั ไดแ้ ก่ กรรไกรตดั
กิ่ง และมีดตดิ ตาต่อกิ่ง

กรรไกรตัดแต่งกิ่ง
กรรไกรตดั แตง่ กิ่ง เป็นกรรไกรมือขนาดเลก็ (hand pruning shear) ซ่ึงปกติจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบใบมีด
ตรงและแบบใบมีดโคง้ กรรไกรที่ใคร่จะเสนอแนะใหใ้ ชค้ วรเป็ นแบบใบมีดโคง้ เพราะจะสามารถใช่งานไดก้ วา้ ง
คือใชไ้ ดท้ ้งั ตดั และแต่งกิ่ง นอกจากน้ีลกั ษณะการตดั เป็นแบบการเฉือน ทาใหแ้ ผลรอยตดั ไม่ช้ามากเหมือน
กรรไกรใบมีดตรง อยา่ งไรกด็ ีในจาพวกกรรไกรใบมีดโคง้ ดว้ ยกนั กม็ ีหลายแบบ สาหรับแบบท่ีควรใชค้ วรมี
คุณสมบตั ิดงั น้ี
ลกั ษณะทดี่ ีของกรรไกรตดั แต่งกิ่ง

1. มีขนาดกะทดั รัดพอเหมาะมือ มีน้าหนกั ค่อนขา้ งเบา สามารถใชต้ ดั กิ่งเล็กและก่ิงคอ่ นขา้ งใหญ่
2. มีใบมีดแขง็ คม ใบมีดไม่บิดเบ้ียวงา่ ยเมื่อใชต้ ดั ก่ิงทคี่ ่อนขา้ งแขง็
3. มีความคล่องตวั ในการใชง้ าน สามารถท่ีจะปลดและเปิ ดลอ็ กไดโ้ ดยใชม้ ือขา้ งเดียว
4. มีส่วนประกอบท่ีไม่ซ้าซอ้ น สามารถท่จี ะถอดออกมาลบั และทาความสะอาดไดไ้ ม่ยาก
5. มีอะไหล่จาหน่าย สามารถทีจ่ ะเปลี่ยน บางช้ินส่วนไดเ้ ม่ือเห็นวา่ จาเป็ น
ส่วนประกอบของกรรไกรตดั ก่ิง มีดงั น้ี
1. ใบมีด ติดอยกู่ บั โครงกรรไกร มีลกั ษณะคลา้ ยสิ่วคอื ดา้ นหนา้ ตรงดา้ นหลงั เอียง
2. คานรบั เป็นส่วนทรี่ องรับกิ่งที่ตดั มีลกั ษณะโคง้ เวา้ ป้ องกนั ก่ิงเลื่อนไถล
3. ทบี่ งั คบั สปริง ( ลอ็ ค ) ใชบ้ งั คบั โครงกรรไกรไม่ใหก้ างออก
4. สปริง เป็นส่วนท่ดี นั โครงกรรไกร ใหใ้ บมีดและคานรบั แยกออกจากกนั
5. น๊อต เป็ นตวั บงั คบั ไม่ใหส้ กรูถอนออก ซ่ึงจะทาใหใ้ บมีดและคานรับห่างกนั เพราะจะทาใหร้ อยตดั ช้า
หรือตดั ไม่ได้
6. สกรู อยตู่ รงขา้ มกบั น๊อต เป็ นตวั บงั คบั ไม่ใหค้ านรบั และใบมีดแยกออกจากกนั
7. ดา้ ม เป็ นส่วนสาหรับเป็นทจ่ี บั

ส่วนประกอบของกรรไกรตดั ก่ิง

การใชก้ รรไกรตดั ก่ิง
1. ปลดทบ่ี งั คบั สปริง(ลอ็ ค)ก่อนใช้
2. ควรตดั กิ่งทม่ี ีเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางไม่เกิน 1/2 น้ิว
3. ตดั ดว้ ยส่วนกลางของใบมีด
4. ถา้ ตดั กิ่งไมเ้ น้ือแขง็ ใหต้ ดั เฉียง 45-60 องศา
5. ขณะทตี่ ดั ควรจบั ค่อนไปทางปลายดา้ ม
6. ใชเ้ สร็จควรทาสะอาดดว้ ยการเชด็ ดว้ ยผา้ แหง้ ชะโลมน้ามนั (หา้ มลา้ งดว้ ยน้า) และดนั ท่บี งั คบั สปริงเขา้
ทใ่ี หเ้ รียบร้อย

แสดงการใชว้ ธิ ีการตดั กิ่ง

การรักษากรรไกรตดั ก่ิง
เม่ือใชก้ รรไกรตดั ก่ิงไปนานๆอาจสกปรกหรือสึกกร่อน ควรปฏบิ ตั ดิ งั น้ี
1. ถอดสปริงออกจากตวั กรรไกร แลว้ ใชไ้ ขควงถอดน๊อตออก เพอ่ื แยกกรรไกรสองขาออกจากกนั
2. ใชไ้ ขควงถอดสกรู
3. เคาะใบมีดเบาๆจะหลุดออกจากตวั กรรไกร ลบั มีดดว้ ยกระดาษทรายน้า โดยวางกระดาษทรายน้าบน
พน้ื ท่เี รียบ ใชใ้ บมีดทางดา้ นหลงั ถูกบั กระดาษทราย
4. เม่ือใบมีดคมดีแลว้ ใชใ้ บมีดดา้ นหนา้ ลูบกบั กระดาษทรายน้า 2-3 คร้งั เพอ่ื ใหค้ มต้งั
5. ใชก้ ระดาษทรายถูส่วนที่เป็ นสนิมหรือคราบสกปรกออก จากน้นั ประกอบกลบั เขา้ ท่ี หยอดน้ามนั ตาม
จดุ ท่เี คล่ือนไหวได้ ตรวจดูน๊อต สกรูต่างๆ ใหเ้ รียบร้อยจึงนาไปใช้ หรือเกบ็ เขา้ ทใี่ หเ้ รียบร้อย

แสดงการถอดชิ้นส่วนและลบั กรรไกรตดั แตง่ ก่ิง
มดี ตดิ ตา
ใชส้ าหรับเฉือนแผน่ ตา เตรียมตน้ ตอสาหรบั การตดิ ตา ตอ่ กิ่ง ทาบก่ิงเท่าน้นั มีดชนิดน้ีมีส่วนประกอบท่ี
สาคญั พเิ ศษกวา่ มีดชนิดอ่ืนๆ คือ มี เขา ใชเ้ ผยอเปลือกตน้ ตอในการตดิ ตา
ส่วนประกอบของมีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื
ส่วนประกอบของมีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื มี 3 ส่วนคอื
1. ใบมีด ประกอบดว้ ย

- คมมีด จะเอียงประมาณ 30 องศา ใชส้ าหรบั เฉือนแผน่ ตา และเตรียมแผลบนตน้ ตอ และควนั่ ก่ิง
- โหนกสนั มีด เป็นส่วนที่โคง้ มน ไม่คม ใชแ้ กะหรือลอกแผน่ เปลือก
- ปลายมีด เป็นส่วนทแ่ี หลมคม ใชก้ รีดเปลือกตน้ ตอในการทาแผล
2. ดา้ มมีด ประกอบดว้ ย
- สปริงพบั เป็ นตวั บงั คบั ใหม้ ีดตดิ แน่นกบั ดา้ มมีดและสามารถพบั เกบ็ ได้
- ร่องเก็บใบมีด ช่วยเก็บรักษาคมของใบมีด
3. เขามีด อยปู่ ลายดา้ มมีด ใชเ้ ผยอเปลือกตน้ ตอในการตดิ ตา ทาบกิ่ง

ส่วนประกอบของมีดขยายพนั ธุพ์ ชื

ปลายมีด ใบมดี
โหนกสนั มืด ดา้ มมีด
คมมดี

สปริงพบั
ร่องเก็บใบมีด

เขามดี

การใชม้ ีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื
1. มีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื ใชส้ าหรับเฉือนแผน่ ตาและเตรียมรอยแผลตน้ ตอสาหรบั การตดิ ตา การตอ่ ก่ิง
และการทาบกิ่ง
2. มีดท่ใี ชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื ควรอยใู่ นสภาพที่คม
3. ใบมีดไม่ข้นึ สนิม หรือสกปรกและคมมีดตอ้ งไม่มีรอยกร่อน เพราะจะทาใหก้ ารเฉือนเน้ือไมไ้ ม่เรียบพอ
ซ่ึงจะเป็นสาเหตหุ น่ึงในความลม้ เหลวของการขยายพนั ธุพ์ ชื

การรักษามีด
การรกั ษามีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื ใชม้ ีดขยายพนั ธุพ์ ชื ไปนานๆมีดอาจจะมีรอยกร่อนหรือไม่คอ่ ยคม (
ภาษาพน้ื บา้ นเรียกฟันตกั๊ แตน ) ควรลบั มีดดว้ ยวธิ ีการดงั น้ี
1. วางมีดใหม้ น่ั คงบนหินลบั มีดเน้ือละเอียด ทางดา้ นหนา้ มีทยี่ ดึ กนั ไม่ใหห้ ินลื่น
2. ลบั ใบมีดเฉพาะดา้ นเอียง ( ลกั ษณะของใบมีดดา้ นหน่ึงจะตรง อีกดา้ นจะเอียงสาหรบั มีดอ่ืนๆใหล้ บั ท้งั
สองดา้ น )
3. หยดน้าลงบนหินลบั มีด วางมีดเอียงทามุม 15-30 องศากบั หิน

4. ลบั มีดใหเ้ ตม็ หนา้ ใบมีด โดยดนั ไปทางเดียว
5. ขณะลบั มีดหยดน้าลา้ งหินลบั มีดบอ่ ยๆ ตรวจดูใหใ้ บมีดเรียบและคมตลอด

แสดงวธิ ีการลบั มีด

มีดพบั และคตั เตอร์
นิยมนามาใชใ้ นการตอนกนั มากเน่ืองจากราคาถูก ไม่ตอ้ งเสียเวลาในการลบั คมมีด เม่ือใชเ้ สร็จแลว้ จะท้ิง
หรือเปลี่ยนใบมีดใหม่ก็ได้
หินลับมดี
การลบั มีดตอ้ งลบั ดว้ ยหินอ่อนทีใ่ ชใ้ นการลบั มีด วธิ ีการลบั ลบั ใหเ้ ตม็ หนา้ มีดโดยใหม้ ีดเอียงทามุม 20
องศากบั หินลบั และหยดน้าลา้ งหินบ่อยๆในขณะลบั
กระบะชาหรือกระบะเพาะเมลด็
เป็นภาชนะท่ีนิยมใชใ้ นการทดลองหรือฝึกหดั ขยายพนั ธุพ์ ชื ในโรงเรียน ใชไ้ ดท้ ้งั การปักชาและเพาะกลา้
นิยมทาดว้ ยไมข้ นาดทใ่ี ชโ้ ดยทวั่ ไปคือ กวา้ ง 16 นิ้ว ยาว 20 นิ้ว ลึก 16 นิ้ว เพราะสะดวกตอ่ การขนยา้ ย ใน
ปัจจุบนั นิยมใชต้ ะกร้าพลาสติกขนาดดงั กล่าวแทนกระบะไม้ ซ่ึงใหค้ วามสะดวกตอ่ การขนยา้ ยและง่ายตอ่ การ
เก็บรกั ษา
กระบะเกบ็ ความชื้น
เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ชป้ ระโยชน์เช่นเดียวกบั เรือนเพาะชาทม่ี ีพลาสติกคลุม ใชเ้ ก็บพชื ทปี่ ลูกใหม่จากกระบะชา
เกบ็ ก่ิงตอนท่เี พง่ิ ตดั มาจากตน้ พชื ท่ตี ่อก่ิงแบบมีใบติดเพราะพชื ดงั กล่าวตอ้ งการความช้ืนสูง ลกั ษณะโดยทว่ั ไป
เป็นกระบะปิ ดทึบท้งั 4 ดา้ น ส่วนดา้ นบนทาเป็นกระจกเลื่อนหรือกรอบพลาสตกิ การวางกระบะเก็บความช้ืน
ควรวางไวใ้ นที่ร่ม แสงแดดราไร เพอื่ ป้ องกนั แสงแดดส่องถึงกระบะเพราะจะทาใหอ้ ุณหภูมิภายในสูงเกินไป
เป็นอนั ตรายต่อตน้ พชื ท่อี ยภู่ ายในได้ และทสี่ าคญั ก็คอื ตอ้ งเล่ือนหรือเผยอแผน่ กระจกหรือกรอบพลาสตกิ ให้
อากาศถ่ายเทเขา้ ออกบา้ ง เม่ือเห็นวา่ พชื เริ่มต้งั ตวั ไดแ้ ลว้ ควรฉีดยาป้ องกนั โรคจากเช้ือราและแบคทเี รียทุก
สปั ดาห์ เนื่องจากภายในกระบะอบั ช้ืนอาจทาใหเ้ กิดโรคระบาดไดง้ ่าย
กระถางดินเผา
เป็นภาชนะทน่ี ิยมใชก้ นั มากมายหลายขนาด ราคาถูก แต่มีขอ้ เสีย คอื ตวั กระถางมีลกั ษณะเป็ นรูพรุน
สูญเสียน้าไดง้ ่าย ในขณะเดียวกนั ถา้ เป็นกระถางเก่ามกั มีเกลือพษิ สะสมอยบู่ ริเวณกน้ กระถางหรือรอบๆซ่ึงจะ

เป็นอนั ตรายตอ่ พชื ดงั น้นั ก่อนใชก้ ระถางเก่าทุกคร้งั ตอ้ งแช่หรือลา้ งน้าใหส้ ะอาด และท่ีสาคญั คือกระถางดินเผา
มกั แตกง่าย ดงั น้นั ผปู้ ลูกเล้ียงตน้ ไมท้ ี่มีราคาสูงจึงนิยมหนั ไปใชก้ ระถางดินเผาแบบเคลือบหรือกระถางเคลือบ
เพราะสามารถลดปัญหาดงั กล่าวได้

กระถางพลาสตกิ
มีขอ้ ดีกวา่ กระถางดินเผา คือมีน้าหนกั เบา กินเน้ือทนี่ อ้ ยเน่ืองจากปากกระถางแคบ ไม่มีรูพรุน แต่ขอ้ เสียคือ
ราคาแพงและอาจแตกร้าวไดเ้ ช่นกนั ถา้ ไม่ระมดั ระวงั เร่ืองการหยบิ ยก
ถ้วยกระดาษชุบไขพาราฟิ นและกระทง
นิยมใชใ้ นการเพาะเมลด็ ชวั่ คราว ถว้ ยกระดาษชุบไขพาราฟิน ท่ีใชก้ นั อยสู่ ่วนใหญ่เป็ นถว้ ยทไ่ี ดจ้ ากภายหลงั
การบริโภคผลิตภณั ฑไ์ อศกรีมหรือน้าอดั ลมประเภทตา่ งๆ ส่วนกระทงทาจากใบตองหรือใบมะพร้าว ก่อนใช้
ตอ้ งเจาะรูดา้ นล่างเพอ่ื ระบายน้าทุกคร้งั
ถงุ พลาสตกิ สีดา
เป็นถุงพลาสตกิ ที่ผลิตข้นึ มาเพอ่ื ใชใ้ นงานเพาะชาโดยเฉพาะ ปัจจุบนั นิยมใชก้ นั มาก เพราะน้าหนกั เบา
ทนทานต่อการใชง้ าน สามารถใชไ้ ดห้ ลายคร้งั และสามารถป้ องกนั แสงแดดไม่ใหส้ ่องถึงรากพชื ส่วนขอ้ เสียคือ
ราคาแพง ไม่สะดวกต่อการบรรจุดิน การเคลื่อนยา้ ยและการวางเรียงในสถานเพาะชา

รูปแสดงกระถางปลูกพชื
การใช้เครื่องมอื และอปุ กรณ์อื่น ๆ ในการขยายพันธ์ุพชื

มีดตดั โฟม ( คดั เตอร์ ) ใชใ้ นการแบง่ หรือแยก การปักชา การทาบก่ิง การเสียบก่ิง การตดิ ตา และการตอน
การใชม้ ีดตดั โฟมมีขอ้ ดีคือ ใบมีดเรียบและคมกริบ เมื่อใชไ้ ปแลว้ ใบมีดไม่คมหรือสกปรกก็สามารถหกั ใบมีด
ส่วนน้นั ออกไดแ้ ละยงั สามารถเปลี่ยนใบมีดใหม่ไดด้ ว้ ย เหมาะมากกบั งานเสียบก่ิง ทาบก่ิง เพราะแผลของตน้
ตอและก่ิงพนั ธุจ์ ะเรียบ ซ่ึงจะทาใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านประสบความสาเร็จมากข้นึ

มีดตดั ไม้ ส่ิว ฆอ้ น เลื่อย ใชใ้ นการเตรียมตน้ ตอ หรือแต่งแผลตน้ ตอ ในการตอ่ ก่ิงและการทาบก่ิงในกรณี
ทีก่ ่ิงมีขนาดใหญ่

หินลบั มีด ใชใ้ นการรกั ษาคมมีดใหค้ มอยเู่ สมอ หินลบั มีดทน่ี ิยมใชเ้ ป็นหินลบั มีดท่ีมีเน้ือหินสองดา้ นใน
กอ้ นเดียวกนั คอื เน้ือหินหยาบใชส้ าหรบั ลบั เพอื่ แต่งใบมีด และเน้ือหินละเอียด ใชส้ าหรับลบั ใบมีดใหม้ ีคมเรียบ
สม่าเสมอ

แผน่ พลาสติก แผน่ พลาสติกใชส้ าหรบั การตอน ใชส้ าหรบั หุม้ ตุม้ ก่ิงตอน
เหลก็ เจาะรู เหลก็ เจาะรูใชส้ าหรบั เจาะถุงพลาสติกหรือแผน่ พลาสตกิ เพอ่ื ไม่ใหน้ ้าขงั ช่วยระบายน้า และ
ป้ องกนั รากเน่า
ถุงพลาสติก ถุงใชเ้ ป็นวสั ดุหุม้ ตน้ ตอเพอ่ื การต่อกิ่ง
ร้ิวพลาสตกิ ร้ิวพลาสตกิ ใชใ้ นการต่อกิ่ง ทาบกิ่งและเสียบยอด มีขนาดหนาประมาณ 0.05 มิลลิเมตร กวา้ ง
1.5 เซนตเิ มตร ยาว 30-50 เซนตเิ มตร อาจเป็นร้ิวพลาสตกิ ใสหรือทึบก็ได้
เสน้ ลวด และเชือกพลาสติกแบน หรือเชือกฟาง ใชส้ าหรบั รัดตน้ ตอใตร้ อยทาบก่ิงและเชือกพลาสตกิ แบน
หรือเชือกฟาง ใชใ้ นการเตรียมตน้ ตอและการตอน
สาลี และกระดาษทชิ ชู ใชใ้ นการเช็ดยางของพชื บางชนิดในการตอนและต่อก่ิง
วสั ดุเพาะชา ใชใ้ นการหุม้ รากของตน้ ตอใหอ้ ุม้ ความช้ืน เพอ่ื ช่วยใหร้ ากของพชื เจริญเป็นปกติ เช่น ขยุ
มะพร้าว มอส ดินเหนียว
ฮอร์โมนเร่งราก ใชใ้ นการเร่งใหร้ ากพชื งอก ใชก้ บั การปักชาและการตอน ท่นี ิยมใชม้ ี 2 ชนิด

คอื IBA (Indolebutyric acid ) และ NAA ( Naphthalene acetic acid ) ซ่ึงมีขอ้ แตกต่างกนั
คือ IBA ใชก้ บั พชื ไดห้ ลายชนิด และเป็ นอนั ตรายกบั พชื นอ้ ยกวา่ สาหรับ NAA ใหผ้ ลดีกวา่ แตม่ ี
ราคาแพงมากเกษตรกรจึงไม่นิยมใช้
ถงั น้าและกระติกน้า ถงั น้าใชใ้ นการใส่น้าเพอ่ื แช่ก่ิงพนั ธุด์ ีสาหรับใชส้ ่วนตาหรือท่อนกิ่งในการติดตา หรือ
เสียบก่ิงเพอ่ื ป้ องกนั การเหี่ยวเฉาของก่ิง กระติกน้าใชเ้ กบ็ น้าเยน็ สาหรบั ลา้ งแผลของพชื ทม่ี ียางมาก เช่น ในการ
ตดิ ตาและทาบก่ิงขนุน

หนงั สืออ้างองิ

กลุ่มหนงั สือเกษตร. ขยายพนั ธุพ์ ชื ดว้ ยภาพ. คณะเกษตรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2523. หนา้ 130-131
ชมรมพฒั นาไมด้ อกประดบั . การขยายพนั ธุพ์ ชื . ม.ป.พ. ม.ป.ป. หนา้ 8
สนน่ั ขาเลิศ. หลกั และวธิ ีปฏบิ ตั ิการขยายพนั ธุพ์ ชื . ภาควชิ าพชื สวน มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์. 2525.

หนา้ 5-21
สมั ฤทธ์ิ เฟ่ืองจนั ทร์. หลกั พชื สวน. โรงพมิ พก์ รุงสยามการพมิ พ.์ 2527. หนา้ 104-105
สุรชยั มจั ฉาชีพ. คู่มือปฏบิ ตั ิการขยายพนั ธุพ์ ชื . เอกสารโรเนียว. 2535. หนา้ 1-6
วทิ ยา ไม่ซาผล และคณะ. 2532. หลกั การขยายพนั ธุพ์ ชื . ฟาร์อีสพบั บลิเคชนั่ : กรุงเทพ. หนา้ 11-15.
ปิ ฏฐะ บุนนาค. 2529. ไมด้ อกไมป้ ระดบั . เอกลกั ษณ์หนงั สือดี: กรุงเทพ. หนา้ 16-21.
วทิ ยา ไม่ซาผล และคณะ. 2532. หลกั การขยายพนั ธุพ์ ชื . ฟาร์อีสพบั บลิเคชนั่ : กรุงเทพ. หนา้ 9-11.
http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/work/
http://www.sut.ac.th/e-texts/Agri/work/house/

กจิ กรรมท้ายบทที่ 2

จงตอบคาถามต่อไปนี้
1. ขอ้ ควรปฏบิ ตั ิและวธิ ีการในการใชม้ ีดสาหรับขยายพนั ธุพ์ ชื มีอะไรบา้ ง
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
2. ขอ้ ควรปฏิบตั แิ ละวธิ ีการใชก้ รรไกรตดั กิ่ง มีอะไรบา้ ง
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
3. วธิ ีการใชอ้ ุปกรณ์และเคร่ืองมืออ่ืนๆในการขยายพนั ธุพ์ ชื

3.1 มีดคดั เตอร์
............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.2 มีดตดั ไม้ สิ่ว คอ้ น เล่ือย
................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.3 หินลบั มีด
............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.4 ร้ิวพลาสติก
...........................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.5 เสน้ ลวด เชือกฟาง เชือกพลาสตกิ
....................................................................................................................................... ..........................................
.................................................................................................................................................................................

3.6 สาลีและกระดาษทิชชู
........................................................................................................................................................... ......................
.................................................................................................................................................................................

3.7 วสั ดุเพาะชา
...........................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

3.8 ฮอร์โมนเร่งราก
.................................................................................................................................................................... .............
.................................................................................................................................................................................

3.9 ถงั น้าและกระตกิ น้า
............................................................................................................................................................. ...................
.................................................................................................................................................................................
4. จงวาดภาพและบอกส่วนประกอบของมีดสาหรับการขยายพนั ธุพ์ ชื

5. จงวาดภาพและบอกส่วนประกอบของกรรไกรตดั กิ่ง

6. การรักษามีดสาหรบั ขยายพนั ธุพ์ ชื มีข้นั ตอนดงั น้ี
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
7. การรักษากรรไกรตดั กิ่ง มีข้นั ตอนดงั น้ี
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
8. จงเขียน Mind mapping เรื่องสถานเพาะชา

บทปฏบิ ตั ิการบทที่ 2

จดุ ประสงค์การเรียนรู้
นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิการดูแลรกั ษาเครื่องมือทใ่ี ชใ้ นการขยายพนั ธุพ์ ชื ได้

เนื้อหา
ใหน้ กั เรียนลบั กรรไกรตดั กิ่งและมีดติดตาอยา่ งละ 1 ชิ้น
3. เตรียมลบั และดูแลกรรไกรตดั ก่ิงใหอ้ ยใู่ นสภาพพรอ้ มใชง้ าน
4. เตรียมลบั และดูแลมีดตดิ ตาใหอ้ ยใู่ นสภาพพร้อมใชง้ าน

วสั ด-ุ อปุ กรณ์
9. กรรไกรตดั กิ่ง
10. มีดติดตา
11. หินลบั มีด
12. ไขควง
13. กระดาษทรายน้าเบอร์ 1
14. น้า
15. ผา้ สะอาด
16. น้ามนั

ลาดบั ข้นั ตอนการปฏบิ ัติ (กรรไกรตัดก่ิง)
1. ถอดสปริงออกจากตวั กรรไกร แลว้ ใชไ้ ขควงถอดน๊อตออก เพอ่ื แยกกรรไกรสองขาออกจากกนั
2. ใชไ้ ขควงถอดสกรู
3. เคาะใบมีดเบาๆจะหลุดออกจากตวั กรรไกร ลบั มีดดว้ ยกระดาษทรายน้า โดยวางกระดาษทรายน้าบน

พน้ื ทเ่ี รียบ ใชใ้ บมีดทางดา้ นหลงั ถูกบั กระดาษทราย
4. เม่ือใบมีดคมดีแลว้ ใชใ้ บมีดดา้ นหนา้ ลูบกบั กระดาษทรายน้า 2-3 คร้งั เพอ่ื ใหค้ มต้งั
5. ใชก้ ระดาษทรายถูส่วนที่เป็นสนิมหรือคราบสกปรกออก จากน้นั ประกอบกลบั เขา้ ท่ี หยอดน้ามนั ตาม

จุดที่เคลื่อนไหวได้ ตรวจดูน๊อต สกรูตา่ งๆ ใหเ้ รียบร้อยจึงนาไปใช้ หรือเกบ็ เขา้ ทีใ่ หเ้ รียบรอ้ ยตดั ช้ินส่วนของพชื
ออกเป็นส่วนหรือท่อน ประมาณ 1 คืบ
ลาดับข้นั ตอนการปฏิบัติ (มดี ตดิ ตา)

1. วางมีดใหม้ นั่ คงบนหินลบั มีดเน้ือละเอียด ทางดา้ นหนา้ มีทย่ี ดึ กนั ไม่ใหห้ ินลื่น
2. ลบั ใบมีดเฉพาะดา้ นเอียง ( ลกั ษณะของใบมีดดา้ นหน่ึงจะตรง อีกดา้ นจะเอียงสาหรับมีดอื่นๆใหล้ บั
ท้งั สองดา้ น )
3. หยดน้าลงบนหินลบั มีด วางมีดเอียงทามุม 15-30 องศากบั หิน
4. ลบั มีดใหเ้ ตม็ หนา้ ใบมีด โดยดนั ไปทางเดียว
5. ขณะลบั มีดหยดน้าลา้ งหินลบั มีดบ่อยๆ ตรวจดูใหใ้ บมีดเรียบและคมตลอด

สรุปผล
...................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ
...................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

การประเมนิ ผล
4. แบบทดสอบ
5. สงั เกตการปฏิบตั ิ
6. ผลงานทีป่ ฏบิ ตั ิ


Click to View FlipBook Version