The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความหมายของการตัดชำ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nongparm11, 2021-11-03 05:56:03

ความหมายของการตัดชำ

ความหมายของการตัดชำ

1

2

บทท่ี 5
การขยายพนั ธ์ุพชื โดยการตัดชา

เนื้อเรื่องในบทเรียน

เรื่องที่ 1 ความหมายและความสาคญั ของการตัดชา

ความหมายของการตดั ชา
การตดั ชา ( Cutting) หมายถึง การตดั ส่วนใดส่วนหน่ึงของพชื แลว้ นไปไวใ้ นสภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสม

ส่วนน้นั จะสามารถเกิดรากและยอกกลายเป็ นพชื ตน้
ใหม่ได้ ซ่ึงจะมีลกั ษณะและคุณสมบตั ิเหมือนตน้ แม่
ทุกประการ

การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชาเป็นวธิ ีการท่ี
นิยมใชก้ นั มากสาหรับการขยายพนั ธุไ์ มด้ อกไม้

ประดบั เช่น โกสน เลบ็ ครุฑ สาวนอ้ ยประแป้ ง สน
กุหลาบ เบญจมาศ เขม็ หลิว หูปลาช่อนและมะลิ
http://www.agriscience.msu.edu
นอกจากน้นั ยงั สามารถใชข้ ยายพนั ธุไ์ มผ้ ลที่ออกรากง่าย เช่น องนุ่ สาเก มะนาวและสม้ บางชนิดได้ “ การตดั
ชา” มกั ใชใ้ นความหมายเดียวกบั “การปักชา” แต่เป็ นทนี่ ่าสงั เกตวา่ การปักชา มกั ใชก้ บั ส่วนท่ีเป็ นลาตน้ กิ่ง
หรือใบพชื ทน่ี าไปปักลงในวสั ดุชาเพอื่ ใหเ้ กิดรากเท่าน้นั ดงั น้นั ความหมายของคาวา่ “ตดั ชา” จงึ กวา้ งกวา่ “ปัก
ชา” เพราะใชไ้ ดท้ ้งั ส่วนท่ีเป็นลาตน้ กิ่ง ใบ รากและหวั พชื

ความสาคญั ของการตดั ชา
การตดั ชา เป็นวธิ ีการขยายพนั ธุพ์ ชื ทส่ี าคญั มากวธิ ีหน่ึงเพราะทาไดก้ บั พชื หลายชนิดท้งั ไมผ้ ล ไม้
ดอกไมป้ ระดบั ทว่ั ไปท่ีนิยมปลูกเป็ นการคา้ การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยวธิ ีน้ี เป็ นวธิ ีทีท่ าไดง้ า่ ย ใชเ้ คร่ืองมือและ
อุปกรณ์นอ้ ยทส่ี ุดเมื่อเปรียบเทียบกบั การขยายพนั ธุพ์ ชื โดยไม่ใชเ้ พศทกุ วธิ ี จงึ ทาใหล้ งทุนนอ้ ยและพชื ตน้ ใหม่ที่
ได้ นอกจากจะมีลกั ษณะเหมือนตน้ แม่แลว้ ยงั สามารถใหผ้ ลตรงตามพนั ธุอ์ ีกดว้ ย
แมว้ า่ การขยายพนั ธุโ์ ดยการตดั ชาจะมีความสาคญั และประโยชนด์ งั กล่าวแลว้ กต็ ามแตก่ ิ่งตดั ชากม็ ี
ขอ้ เสียกล่าวคอื ไม่มีรากแกว้ มีรากนอ้ ยและมีกิ่งขนาดเล็ก เมื่อนาไปปลูกจึงทาใหพ้ ชื เจริญเติบโตชา้ และให้
ผลผลิตชา้ ดว้ ย นอกจากน้ียงั ตอ้ งดูแลเอาใจใส่มากโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในเรื่องการควบคุมความช้ืนซ่ึงเป็ นปัจจยั
สาคญั ของการเกิดรากในก่ิงตดั ชา

3

เร่ืองที่ 2 วธิ ขี ยายพนั ธ์ุพชื โดยการตัดชา

วธิ ีการขยายพันธ์ุพชื

ก. การตัดชากงิ่ หรือต้น ( Stem cutting)

การตดั ชาก่ิงหรือลาตน้ หมายถึงการตดั เอาส่วนใดส่วนหน่ึงของก่ิงหรือลาตน้ ทีม่ ีตาขา้ งหรือตายอดใบ
ปักชาในวสั ดุทม่ี ีสภาพเหมาะสม กิ่งหรือตน้ พชื จะงอกรากและแตกยอดเป็ นพชื ตน้ ใหม่ได้ การตดั ชากิ่งหรือลา
ตน้ พชื โดยทวั่ ไปมกั จะเกิดรากก่อนแตกตายอด การตดั ชาพชื วธิ ีน้ีสาคญั ที่สุดเพราะพชื ตน้ ใหม่ทไ่ี ด้ จะ
เจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลิตเร็วกวา่ การตดั ชาโดยวธิ ีอื่น การตดั ชาก่ิงหรือลาตน้ แบ่งออกได้ 4 แบบตามลกั ษณะ
ของเน้ือไม้ ซ่ึงส่วนใหญม่ ีจดุ กาเนิดรากอยแู่ ลว้

1. การตดั ชากิ่งแก่ ( Hardwood of stem cutting) การตดั ชาก่ิงแก่สามารถทาไดก้ บั พชื ท้งั ประเภทผลดั
ใบและพชื ที่มีใบเขยี วตลอดท้งั ปี เช่น เฟ่ื องฟ้ า คริสตม์ าส แคฝรงั่ บานบรุ ี กาแฟ องุ่น ชะอม และสม้ บางชนิด
เป็นตน้ ก่ิงหรือลาตน้ พชื ทีน่ ามาตดั ชาแบบน้ี จะตอ้ งเป็นกิ่งแก่ มีอาหารสะสมภายในกิ่งเพยี งพอซ่ึงจะช่วยในการ
ออกรากและแตกยอดของพชื ตน้ ใหม่ และทีส่ าคญั คือควรเป็ นกิ่งจากตน้ พอ่ ตน้ แม่ทส่ี มบูรณ์แขง็ แรง ปราศจาก
โรคและแมลงรบกวน ความยาวของก่ิงทต่ี ดั ชาจะข้นึ อยกู่ บั ชนิดของพชื แต่โดยทว่ั ไป จะมีความยาวระหวา่ ง 6-
10 นิ้ว หรือมีขอ้ อยา่ งนอ้ ย 2-3 ขอ้ ตาแหน่งของรอยตดั ตอ้ งอยใู่ ตข้ อ้ และชิดขอ้ เพราะจะทาใหเ้ กิดรากไดง้ ่ายข้นึ
การตดั ชากิ่งแก่ตดั ได้ 3 แบบคือ

1.1 การตดั แบบเฉียง เป็นการตดั ใหร้ อยแผลมีลกั ษณะเฉียงเป็นปากฉลาม โดยใชก้ รรไกรตดั ทามุม
กบั ก่ิงประมาณ 45-60 องศา

1.2 การตดั แบบโคง้ หรือการตดั ใหโ้ คนกิ่งมีเน้ือไมข้ องกิ่งใหญต่ ดิ ไปดว้ ยเพยี งเลก็ นอ้ ย บางคร้ัง
เรียกวา่ การตดั แบบสน้

1.3 การตดั แบบตะลุมพกุ คอื การตดั กิ่งชาใหม่มีทอ่ นของลาตน้ หรือกิ่งใหญต่ ิดมาดว้ ยเป็ นท่อนๆ
โดยกิ่งชาอาจจะมีใบติดมาดว้ ยหรือไม่มีใบติดมาเลยก็ได้ ในกรณีท่ีมีใบตดิ มาควรใชก้ บั การปักชาในแปลงพน่
หมอก

รูปประกอบข้อ 1.1, 1.2 และ 1.3

http://www.ces.ncsu.edu/depts/hort/hil/hil-8702.html

4

2. การตดั ชากิ่งกลางอ่อนกลางแก่ (Semi-hardwood cutting) การตดั ชาแบบน้ี มกั ใชก้ บั พชื ใบกวา้ ง
ประเภทมีใบสีเขยี วตลอดปี เช่น สม้ มะกอกฝร่งั ชมพู่ ชบา สนปฏพิ ทั ธ์ิ เป็ นตน้ การตดั ชามกั ทาในช่วงกลางฤดู
ฝนหรือปลายฤดูฝน การตดั ชามกั ตดั ใหม้ ีความยาวประมาณ 4-6 น้ิว ใหม้ ีใบตดิ ท่ปี ลายกิ่งประมาณ 3-4 ใบ ส่วน
ใบล่างใหร้ ิดออกใหห้ มดเพอ่ื ลดการคายน้าในกิ่งชา ถา้ ตดั ชาก่ิงกลางอ่อนกลางแก่มกั ใชส้ ่วนที่อยบู่ นปลายยอด
ของก่ิง การตดั แบบเฉียงโดยใหช้ ิดหรือผา่ นขอ้

3. การตดั ชากิ่งอ่อน (Softwood or greenwood cutting) เป็ นการตดั ชากิ่งพชื ทม่ี ีสีเขียวประเภทไม้
เน้ืออ่อนหรือส่วนยอดของพชื นิยมใชต้ ดั ชาไมด้ อกไมป้ ระดบั เช่น เขม็ ญ่ปี ่ นุ กุหลาบ มะลิ ยโี่ ถ ผกากรอง
เลบ็ ครุฑ เป็นตน้ การตดั ชาวธิ ีน้ีจะมีใบติดอยมู่ าก รากมกั จะออกงา่ ยและเร็วกวา่ การตดั ชาแบบอ่ืนถา้ ปักชาก่ิงให้
อยภู่ ายใตส้ ภาพความช้ืนสูงคงที่และสม่าเสมอ การตดั ใหม้ ีความยาวประมาณ 3-5 นิ้ว ถา้ มีดอกติดมาควรเดด็
ออกใหห้ มด

เช่น เขม็ ญี่ป่ นุ กุหลาบ มะลิ ยโ่ี ถ ผกากรอง เลบ็ ครุฑ
เช่น ส้ม มะกอกฝร่ัง ชมพู่ ชบา สนปฏิพทั ธ์ิ
เช่น เฟื่ องฟ้ า คริสต์มาส แคฝร่ัง บานบุรี กาแฟ อง่นุ
http://www.ชnะdsอuม.edu
4. การตดั ชาพชื อวบน้า (Succulent cutting) เป็ นวธิ ีการตดั ชาพชื ท่เี ป็นไมเ้ น้ืออ่อน (Herbaceous)
ประเภทอวบน้า ส่วนใหญ่จะใชก้ บั พชื ประเภทไมด้ อกไมป้ ระดบั เช่น กุหลาบ เบญจมาศ ฤาษีผสม คาร์เนชนั่
แคคตสั บีโกเนีย แพรเซี่ยงไฮ้ แพรกามะหย่ี กุหลาบหิน เป็ นตน้ ก่ิงทีต่ ดั มาปักชาควรมีความยาวประมาณ 3-5
นิ้ว โดยเอาใบส่วนบนไว้ การตดั ชาพชื อวบน้าไม่จาเป็นตอ้ งใชส้ ารเคมีเร่งรากเพราะเป็ นพชื ท่อี อกรากไดง้ ่าย
ข. การตดั ชาใบ (Leaf cutting)
การตดั ชาใบเป็นการขยายพนั ธุพ์ ชื ท่ีใบมีลกั ษณะอวบน้า การตดั ชาแบบน้ีมกั จะใชแ้ ผน่ ใบหรือส่วน
ของใบหรือแผน่ ใบร่วมกบั กา้ นใบ โดยปกติรากและตน้ ใหม่จะเกิดข้นึ บริเวณฐานใบ การตดั ชาใบทาได้ 4 วธิ ี คอื
1. การตดั ชาแผน่ ใบ (Leaf blade cutting) หมายถึง การตดั ใบไปปักชาท้งั ใบ โดยวางแผน่ ใบใหห้ งาย
ข้ึนแลว้ ใชว้ สั ดุชากลบขอบใบเลก็ นอ้ ยกจ็ ะเกิดรากและตน้ ใหม่บริเวณขอบใบมากมาย นิยมใชข้ ยายพนั ธุพ์ ชื
ประเภทโคมญป่ี ่ ุน กหุ ลาบหิน

รูปแสดงการขยายพนั ธุข์ องกหุ ลาบหิน
http://www.ndsu.edu

5

2. การตดั ชาใบกบั กา้ นใบ ( Leaf petiole cutting) หมายถึง การตดั ใบไปปักชาโดยใหก้ า้ นใบตดิ ไป
ดว้ ย ซ่ึงใชไ้ ดผ้ ลดีกบั พชื ประเภทเปปเปอร์โรเมีย แอฟริกนั ไวโอเล็ต มะนาว มิ เป็ นตน้ การขยายพนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีน้ีจะ
ใชเ้ วลาในการเกิดรากและแตกตน้ ใหม่มากกวา่ วธิ ีอ่ืนๆ

รูปแสดงการตดั ชาใบกบั กา้ นใบ
3. การตดั ชาใบทมี่ ีตาติด (Leaf bud cutting) หมายถึง การตดั ใบพชื ไปปักชาโดยใหม้ ีส่วนของก่ิงและตา
ตดิ ไปดว้ ยจงึ เหมาะสาหรบั พชื ท่ใี ชใ้ บปักชาแลว้ งอกรากแตไ่ ม่แตกยอดเป็ นตน้ ใหม่ ดงั น้นั จึงตอ้ งใหม้ ีตาตดิ ไป
ดว้ ยเพอ่ื ใหเ้ กิดตน้ ใหม่ข้นึ เช่น การตดั ชาใบโกสน ยางอินเดีย และสม้ บางชนิด

กิ่งที่มีตา 1 ตา กิ่งท่ีมีตา 2 ตา

รูปแสดง การตดั ชาใบทมี่ ีตาติด
4. การตดั ชาส่วนของใบ (Leaf segment cutting) หมายถึง การตดั แผน่ ใบออกเป็นทอ่ นๆ หรือเป็ นชิ้นๆ
โดยตดั เสน้ ใบใหญ่ใหข้ าดออกจากกนั ใบทน่ี ามาตดั ชา จะตอ้ งเป็ นใบแก่ ตน้ ใหม่จะเกิดข้นึ ตามบริเวณเสน้ ใบท่ี
ถูกตดั หรือบริเวณฐานของใบทใ่ี ชใ้ นการตดั ชา นิยมใชข้ ยายพนั ธุพ์ ชื ประเภทบโิ กเนียและล้ินมงั กร

ต้นใหม่

รูปแสดงการขยายพนั ธุข์ องบิโกเนีย

6

ต้นใหม่

รูปแสดงการขยายพนั ธุข์ องล้ินมงั กร
http://www.tekura.school.nz/departments/horticulture/images/ht105_39.gif&imgrefur
ค. การตัดชาราก (Root cutting)
การตดั ชารากเป็นวธิ ีการขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการนารากมาตดั เป็ นทอ่ นแลว้ นาไปชาในวสั ดุชา การที่
รากจะพฒั นาเป็ นตน้ ใหม่ไดน้ ้นั แสดงวา่ รากมีตาพเิ ศษจงึ ทาใหเ้ กิดตน้ และรากใหม่ได้ การเกิดตน้ จะเกิดบริเวณ
โคนรากก่อนแลว้ จึงไปเกิดรากบริเวณราก พชื ที่สามารถขยายพนั ธุด์ ว้ ยการตดั ชาราก ไดแ้ ก่ แคแสด สน สาเก
ฝรั่ง ขนาดของรากที่นามาปักชาแต่ละท่อนควรมีความยาวประมาณ 2-6 น้ิว

รูปแสดงการตดั ชาราก
http://passel.unl.edu/Image/siteImages/Propagation-RootCuttings-AllSteps-Large.gif&imgrefurl
ง. การตัดชาลาต้นและรากพเิ ศษ (Specialized stem and root cutting)

การตดั ชาลาตน้ และรากประเภทสะสมอาหาร ซ่ึงไดม้ าจากการแบ่ง เช่น หวั มนั ฝรั่งขิง ข่า มนั เทศ
พลบั พลึง เป็นตน้

7
รูปแสดงการขยายพนั ธุข์ องมนั ฝร่ัง

รูปแสดงการขยายพนั ธุพ์ ชื ของลาตน้ พเิ ศษ
http://www.bradsbegoniaworld.com

8

เร่ืองท่ี 3 ปัจจยั การเกดิ รากในพชื ทน่ี ามาตดั ชา

ปัจจัยการเกิดรากในพืชทนี่ ามาตดั ชา
การเกิดรากของพชื ท่ีนามาตดั ชาน้นั ข้นึ อยกู่ บั ปัจจยั หรือสาเหตุสาคญั 13 ประการ คอื

1. อายขุ องตน้ แม่
ส่วนต่างๆของพชื ท่นี ามาจากตน้ แม่ทอ่ี ายนุ อ้ ยจะออกรากไดด้ ีกวา่ ตน้ แม่ที่มีอายมุ าก

2. สดั ส่วนของคาร์โบไฮเดรตและไนโตรเจนในตน้ แม่
ส่วนของพชื ทนี่ ามาจากตน้ แม่ซ่ึงมีคาร์โบไฮเดรตสูงและมีไนโตรเจนต่า จะออกรากไดด้ ีกวา่ ตน้ แม่ที่
มีคาร์โบไฮเดรตต่าและมีไนโตรเจนสูง

3. ตาแหน่งของรอยตดั
เม่ือตดั ชากิ่งพชื พชื ส่วนมากจะออกรากไดด้ ีท่ีสุดเมื่อตดั ฐานของรอยตดั ชิดขอ้

4. จานวนใบบนก่ิงตดั ชา
การเหลือใบเอาไวบ้ นกิ่งตดั ชาจะช่วยใหพ้ ชื ออกรากเร็วข้นึ และออกรากไดม้ ากข้ึน ท้งั น้ีอาจ
เนื่องมาจากการสงั เคราะหแ์ สงและปริมาณสารออกซินในใบพชื การเหลือใบไวบ้ นกิ่งตดั ชามากเกินไปจะทาให้
พชื คายน้ามาก ดงั น้นั การชาก่ิงท่ีมีใบ ควรชาในวสั ดุทม่ี ีความช้ืนสูงและสามารถควบคุมความช้ืนไดส้ ม่าเสมอ
เช่น กระบะพน่ หมอก

5. ช่วงเวลาท่ที าการตดั ชา
สาหรบั พชื ประเภทผลดั ใบ ควรตดั ชาในช่วงท่ีก่ิงอยใู่ นระยะพกั ตวั เพราะช่วงน้ีก่ิงจะมีอาหารสะสม
อยมู่ าก ส่วนพชื ประเภทไมเ้ น้ือแขง็ และมีใบเขยี วตลอดปี ช่วงเวลาท่เี หมาะสมทีส่ ุดคือเมื่อกิ่งมีเน้ือไมท้ ่ีเร่ิมแก่
บา้ งแลว้ แต่ยงั มีพชื อีกหลายชนิดทีส่ ามารถตดั ชาและออกรากไดด้ ีในช่วงทีก่ าลงั เจริญเตบิ โตหรือเน้ือไมย้ งั อ่อน
อยู่

6. วสั ดุชา
วสั ดุชาทส่ี ามารถทาใหพ้ ชื ออกรากไดด้ ีทีส่ ุดคือ วสั ดุท่ดี ูดซบั ความช้ืนเอาไวไ้ ดม้ าก ในขณะเดียวกนั
การระบายน้าและการถ่ายเทอากาศสะดวกและปราศจากเช้ือโรค

7. การใชส้ ารเคมี
สารเคมีที่นามาใชใ้ นการเร่งรากกิ่งตดั ชาหรือทนี่ ิยมเรียกกนั วา่ “ฮอร์โมน” เป็นสารสงั เคราะหท์ ่ีมี
คุณสมบตั เิ ช่นเดียวกบั ฮอร์โมนทีพ่ บในพชื สามารถกระตนุ้ ใหก้ ิ่งตดั ชาออกรากไดด้ ีไดแ้ ก่ IAA IBA และ NAA
ฮอร์โมนสงั เคราะหเ์ หล่าน้ีมีจาหน่ายในรูปสารบริสุทธ์ิและสารผสมในอตั ราความเขม้ ขน้ ตา่ งกนั ตามความ
ตอ้ งการ

8. การทาเอทิโอเลท (Etiolate)
เป็นการทาใหพ้ ชื หรือส่วนของพชื ไม่ไดร้ บั แสงแดดในช่วงเวลาหน่ึงเพอ่ื กระตุน้ ใหเ้ กิดราก ซ่ึงเป็ น
วธิ ีทใ่ี ชก้ บั พชื ทีต่ ดั ชาแลว้ อกรากยาก มีวธิ ีการทาคือใชถ้ ุงพลาสตกิ สีดาคลุมยอดอ่อนของก่ิงหรือตน้ ท่จี ะนาไป
ปักชาไวช้ ่วงเวลาหน่ึง ยอดอ่อนจะยดื ตวั ยาวและมีสีขาวซีด เมื่อยอดอ่อนมีความยาวประมาณ 3 นิ้ว ใหเ้ อา

9

ถุงพลาสตกิ ทีค่ ลุมยอดออกแลว้ ใชเ้ ทปพลาสติกพนั สายไฟชนิดสีดา พนั โคนตน้ หรือกิ่งบริเวณทจ่ี ะตดั ไปชา
ประมาณ 2-3 เดือน เม่ือเอาเทปพลาสติกออกจากโคนกิ่งกจ็ ะมองเห็นจุดกาเนิดราก จงึ ตดั ก่ิงไปชา การตดั ตอ้ ง
ใหร้ อยตดั อยดู่ า้ นล่างและชิดกบั รอยทพ่ี นั เทปพลาสติก เม่ือนาไปปักชา กิ่งจะงอกภายใน 2 สปั ดาห์

9. การควนั่ กิ่ง
การควน่ั ก่ิงหรือการรดั ก่ิงดว้ ยลวด ก่อนการตดั กิ่งไปปักชาเป็ นการป้ องกนั ไม่ใหส้ ารคาร์โบไฮเดรต
และฮอร์โมนทมี่ ีส่วนช่วยในการเกิดรากเคลื่อนยา้ ยไปที่อื่น เม่ือตดั กิ่งไปชาจะทาใหอ้ อกรากเร็วข้ึน

10. การทาแผลที่ฐานก่ิงตดั ชา
วธิ ีน้ีทาไดโ้ ดยการใชม้ ีดกรีดใหเ้ กิดรอยแผลที่โคนกิ่ง โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ กิ่งตดั ชาที่จุม่ สารฮอร์โมน
ก่อนปักชา เพราะโคนก่ิงทเี่ ป็นแผลจะดูดน้าและสารฮอร์โมนไดม้ ากกวา่ กิ่งท่ไี ม่มีแผล ในขณะเดียวกนั รอยแผล
จะกระตุน้ ใหเ้ กิดการแบ่งเซลลแ์ ละจดุ กาเนิดรากเร็วข้ึน

11. ความช้ืน
ความช้ืนในวสั ดุทใ่ี ชป้ ักชาส่วนองพชื ตอ้ งสูงและสม่าเสมอ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ สาหรบั ก่ิงตดั ชาชนิด
ที่มีใบตดิ ยงิ่ ตอ้ งการความช้ืนสูงมาก

12. อุณหภมู ิ
อุณหภูมิเป็นตวั ช่วยใหเ้ กิดรากในพชื ทุกชนิด ถา้ อุณหภมู ิในแปลงหรือกระบะชาสูงเกินไปจะทาให้
เกิดยอดก่อนเกิดรากซ่ึงจะทาใหก้ ่ิงพชื สูญเสียน้าเนื่องจากการหายใจทางใบ ดงั น้นั วสั ดุชาท่ดี ีควรมีอุณหภูมิ
ดา้ นบนต่ากวา่ ดา้ นล่าง จะทาใหส้ ่วนของพชื เกิดรากก่อนแตกยอด หากใชข้ ้เี ถา้ แกลบเป็ นวสั ดุชาจะช่วยรกั ษา
อุณหภูมิไดด้ ี

13. แสง
ในการตดั ชาพชื ทว่ั ไป ความเขม้ ของแสงทีเ่ หมาะสมต่อการงอกของรากจะอยปู่ ระมาณ 200-500 แรง
เทียนหรือที่เรียกวา่ แสงราไร
จะเห็นไดว้ า่ ในการขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชาจะไดผ้ ลดีเพยี งใดน้นั ข้นึ อยกู่ บั ปัจจยั ตา่ งๆหลายประการ
ดงั กล่าว ถา้ สามารถควบคุมปัจจยั ตา่ งๆไดท้ ้งั หมดพชื ก็จะงอกรากเร็วข้นึ

10

เร่ืองที่ 4 วสั ดุทใี่ ช้ในการตดั ชาและฮอร์โมนเร่งการเกดิ ราก

วัสดทุ ่ีใช้ในการตดั ชา (Rooting media)
วสั ดุ ที่ใชใ้ นการตดั ชาเป็นปัจจยั สาคญั อยา่ งหน่ึงท่มี ีผลตอ่ การออกรากของก่ิง นอกจากน้ียงั มีส่วน
เกี่ยวขอ้ งกบั การงอกของรากอีกดว้ ย วสั ดุท่ใี ชใ้ นการตดั ชาทีด่ ี ควรมีลกั ษณะ โปร่งเบา เพอ่ื ใหน้ ้าและอากาศผา่ น
ไปไดส้ ะดวก ในขณะเดียวกนั ก็สามารถดูดซบั ความช้ืนไดม้ ากและระบายน้าไดด้ ี สะอาดปราศจากเช้ือโรคเช่น
เช้ือรา แบคทเี รียและไสเ้ ดือนฝอย วสั ดุชาทน่ี ิยมใชก้ นั โดยทว่ั ไปไดแ้ ก่

1. ดินร่วนปนทราย นิยมใชป้ ักชากิ่งแก่และปักชาราก ซ่ึงจะทาใหร้ ากทีเ่ กิดใหม่ มีคุณภาพดีและ
เปอร์เซ็นตก์ ารงอกสูง นอกจากน้ี เม่ือขดุ ยา้ ยไปปลูก รากจะกระทบกระเทอื นนอ้ ยและสามารถปรับตวั เขา้ กบั ดิน
ปลูกไดเ้ ร็ว ส่วนผสมทีน่ ิยมใชค้ อื ทรายหยาบ 2 ส่วนต่อดินร่วน 3 ส่วน

2. ทราย เป็นวสั ดุท่นี ิยมใชใ้ นการปักชามากทส่ี ุด ท้งั น้ีเนื่องจาก ทรายมีราคาถูก และหาไดง้ า่ ยและยงั
ปลอดภยั จากโรคมากกวา่ การใชด้ ิน ทรายทใี่ ชค้ วรเป็นทรายน้าจืด หรือทรายทใี่ ชใ้ นการก่อสร้าง ขอ้ เสียของการ
ใชท้ รายเป็ นวสั ดุชามีเพยี งอยา่ งเดียวคือ ดูดซบั ความช้ืนไดน้ อ้ ย จงึ ทาใหร้ ากทงี่ อกออกมามีลกั ษณะหยาบ เปราะ
และไม่ค่อยแตกแขนง ดงั น้นั จงึ ควรใชผ้ สมกบั วสั ดุอ่ืน เช่น ดินร่วน ข้เี ถา้ แกลบและขยุ มะพรา้ ว

3. ข้เี ถา้ แกลบ ที่ใชใ้ นการปักชา ควรเป็นข้เี ถา้ แกลบเก่าซ่ึงนิยมใชป้ ักชาก่ิงอ่อนหรือไมอ้ วบน้า เพราะมี
คุณสมบตั ิในการดูดซบั ความช้ืนไดด้ ี ทาใหร้ ากทอี่ อกมามีคุณภาพดี ลกั ษณะรากจะเป็ นเสน้ เลก็ ยาวเรียวและแผ่
กระจาย เหมาะท่จี ะขดุ ยา้ ยไปปลูก แต่เนื่องจาก ข้เี ถา้ แกลบมีลกั ษณะเป็ นด่างโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ข้เี ถา้ แกลบใหม่
จงึ นิยมผสมกบั ทรายในการปักชาพชื แทบทกุ ชนิดโดยใชส้ ่วนผสม 1 : 1

4. ขยุ มะพร้าว เป็นวสั ดุทนี่ ิยมใชป้ ักชาก่ิงตอนท่ีออกรากแลว้ หรือก่ิงตอนทร่ี ากยงั ไม่แขง็ แรง เพอ่ื ใหร้ าก
แตกแขนงมีความแขง็ แรงเตม็ ท่กี ่อนนาไปปลูก แตเ่ น่ืองจากขยุ มะพร้าวมีน้าหนกั เบาและค่อนขา้ งหายากจงึ นิยม
ใชผ้ สมกบั ทรายในอตั ราส่วน 1 : 1 ในการตดั ชาก่ิงตอนหรือทาบกิ่ง เพอื่ ใหว้ สั ดุชามีน้าหนกั เพยี งพอท่ีจะยดึ กิ่ง
พชื ใหต้ ้งั ตรงอยไู่ ด้

5. น้า เป็ นวสั ดุในการตดั ชาทใ่ี ชก้ นั มานานแลว้ ส่วนใหญน่ ิยมใชต้ ดั ชาพชื ที่ออกรากงา่ ยและมีจานวน
นอ้ ย การตดั ชาในน้าทีไ่ หลเวยี นตลอดเวลารากจะงอกไดด้ ีกวา่ การตดั ชาในน้าท่ไี ม่ไหลเวยี น

ในการขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชา นอกจากจะใชว้ สั ดุดงั กล่าวแลว้ ยงั มีวสั ดุอ่ืนๆ อีกท่สี ามารถ
นามาใชใ้ นการปักชาไดด้ ี เช่น พที มอส สเฟคนมั มอส และเวอร์มิควิ ไลท์ ซ่ึงนิยมใชก้ นั มากในตา่ งประเทศแต่
สาหรบั ประเทศไทย วสั ดุเหล่าน้ีมีราคาแพง จงึ นามาใชบ้ า้ งในงานทดลองขยายพนั ธุพ์ ชื บางชนิด ดงั น้นั ในการ
เลือกใชว้ สั ดุแตล่ ะชนิดมาใชใ้ นการตดั ชาน้นั นอกจากจะตอ้ งพจิ ารณาถึงคุณสมบตั ขิ องวสั ดุทเี่ หมาะสมกบั พชื
ความปลอดภยั จากโรคและความประหยดั ในเรื่องราคาแลว้ ยงั จะตอ้ งคานึงถึงคุณสมบตั ขิ องวสั ดุท่ใี ชใ้ นการตดั
ชาซ่ึงมีหนา้ ท่ที ีส่ าคญั 4 ประการคอื

1. เก็บความช้ืนใหแ้ ก่ส่วนต่างๆของพชื ท่นี าไปปักชาพอทจ่ี ะทาใหพ้ ชื ออกรากได้
2. ปล่อยใหอ้ ากาศผา่ นไปยงั ส่วนทตี่ ดั ชาได้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ก๊าซออกซิเจน ซ่ึงมีความจาเป็ นตอ่
การออกรากของพชื

11

3. ยดึ กิ่งตดั ชาใหอ้ ยกู่ บั ท่ีไดใ้ นระยะท่กี ่ิงยงั ไม่ออกราก
4. ปรบั ระดบั อุณหภมู ิใหเ้ หมาะสมแก่การออกรากของพชื
การตดั ชา จะประสบผลสาเร็จมากนอ้ ยเพยี งใดน้นั นอกจากจะข้ึนอยกู่ บั วสั ดุทใี่ ชใ้ นการตดั ชาแลว้
ปัจจุบนั น้ียอมรบั กนั โดยทว่ั ไปเพราะจะทาใหเ้ ปอร์เซ็นตก์ ารงอกรากของพชื มีมากข้ึน อีกท้งั ยงั เร่งการออกราก
ใหเ้ ร็วข้นึ และเพม่ิ ปริมาณรากในแตล่ ะก่ิงใหม้ ีมากยง่ิ ข้ึนดว้ ย สารเคมีทีน่ ามาใชใ้ นการเร่งรากส่วนใหญ่เรียกวา่
“ฮอร์โมน”

ฮอร์โมน (Hormone)
คาวา่ “ฮอร์โมน” หมายถึง สารทพี่ ชื สรา้ งข้นึ เองในตน้ พชื เท่าน้นั ซ่ึงมีหนา้ ท่ีควบคุมขบวนการต่างๆใน
พชื เช่น การแบ่งตวั และการยดื ตวั ของเซลล์ การแตกตาดอก การแตกก่ิงกา้ นสาขา การคลี่ขยายของใบ เป็ นตน้
ฮอร์โมนท่พี บในพชื ประกอบดว้ ย ออกซิน (Auxin) จบิ เบอร์เรลลิน (Gibberellin) ไซโตคนิ ิน (Cytokinin) และ
เอทิลีน (Ethylene) เป็ นตน้ จากการคน้ พบฮอร์โมนดงั กล่าวในพชื นกั วทิ ยาศาสตร์จึงไดพ้ ยายามศกึ ษาถึง
คุณสมบตั ิและหนา้ ท่ีต่างๆของฮอร์โมน ในทสี่ ุดก็สามารถสงั เคราะห์สารประกอบอินทรียท์ ี่มีคุณสมบตั ิ
เหมือนกบั ฮอร์โมนในพชื ข้นึ ดว้ ยกรรมวธิ ีทางเคมี เพอื่ ใชส้ าหรับควบคุมขบวนการต่างๆในพชื เรียกวา่
ฮอร์โมนสงั เคราะห์ (Synthetic hormone) หรือ สารควบคุมพชื (Plant Regulators) ซ่ึงเป็นสารเคมีที่สามารถ
นามาใชค้ วบคุมพชื ไดผ้ ลดี เช่น เร่งการออกราก บงั คบั การเกิดดอก บงั คบั การติดผลและทาใหผ้ ลไม่มีเมลด็ เพมิ่
ขนาดของผลเร่งและชะลอการสุกของผล ลดการหลุดร่วงของดอกและผล รวมไปถึงการใชก้ าจดั วชั พชื เป็ นตน้
ดงั น้นั คาวา่ “ฮอร์โมน” ท่ใี ชใ้ นปัจจบุ นั ก็คอื ฮอร์โมนสงั เคราะหน์ น่ั เอง
ชนิดของฮอร์โมนสังเคราะห์ที่นามาใช้เร่งการเกิดราก

การใชฮ้ อร์โมนในการเร่งรากกิ่งตดั ชาหรือกิ่งตอนกด็ ี ควรนามาใชก้ บั พชื ทอ่ี อกรากยากหรือออกราก
คอ่ นขา้ งยาก เพราะถา้ ใชก้ บั พชื ท่ีออกรากงา่ ยอยแู่ ลว้ จะเป็ นการส้ินเปลืองคา่ ใชจ้ ่ายโดยไม่จาเป็ น เนื่องจาก
ฮอร์โมนเหล่าน้ีมีราคาแพง อยา่ งไรก็ตาม การใชฮ้ อร์โมนจะเพมิ่ ประสิทธิภาพในการออกรากเพยี งใดน้นั จะตอ้ ง
ควบคูไ่ ปกบั ปัจจยั อ่ืนๆ ทจี่ าเป็นดว้ ย เช่น ความช้ืน อุณหภมู ิและแสงสวา่ งท่ีพอเหมาะแก่การเกิดราก ฮอร์โมนท่ี
ใชใ้ นการเกิดรากไดด้ ีประกอบดว้ ย

1. อินโดลอะซิติค แอซิด (Indoleacetic acid) หรือทนี่ ิยมเรียกโดยทวั่ ไปวา่ ฮอร์โมน IAA
2. อินโดลบวิ ทรี ิค แอซิด (Indolebutyric acid) หรือ IBA
3. แนปทาลีนอะซิติค แอซิด (Napthaleneacetic acid) หรือ NAA
4.ไดคลอโรฟีน๊อกซีอะซีติค แอซิด (2,4 – Dichlorophenoxyacetic acid) หรือ 2,4 – D ฮอร์โมนชนิดน้ี
จะตอ้ งใชใ้ นอตั ราความเขม้ ขน้ ต่ามาก
ฮอร์โมนท่ใี ชเ้ ร่งการเกิดรากดงั กล่าว มีอยใู่ นรูปของกรดและเกลือ แตส่ ่วนใหญ่นิยมใชใ้ นรูปของเกลือ
มากกวา่ กรด เพราะใหผ้ ลดีกวา่ และละลายน้าไดด้ ี ส่วนฮอร์โมนทอี่ ยใู่ นรูปของกรดจะตอ้ งละลายดว้ ย
แอลกอฮอลห์ รือแอมโมเนียมไฮดรอกไซดจ์ นละลายจึงค่อยเติมน้า ทาใหส้ ้ินเปลืองและเสียเวลา แต่ฮอร์โมนท่ี
สามารถกระตุน้ ใหก้ ่ิงตดั ชาหรือก่ิงตอนออกรากไดด้ ี คอื ฮอร์โมน IBA ซ่ึงนิยมใชก้ นั มากทสี่ ุด เน่ืองจากไม่คอ่ ย
เป็นอนั ตรายเม่ือมีความเขม้ ขน้ มากและสามารถกระตุน้ การออกรากไดด้ ี ถึงแมว้ า่ จะมีความเขม้ ขน้ นอ้ ยก็ตาม

12

การใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์
การใชฮ้ อร์โมนในการตดั ชา ใชไ้ ด้ 3 รูปแบบ คอื

1. การใชฮ้ อร์โมนชนิดผง ฮอร์โมนชนิดผงท่ีมีจาหน่ายอยใู่ นตลาด มีท้งั ชนิดทม่ี ีความเขม้ ขน้ สูงและ
ชนิดเจือจาง ในฉลากท่ตี ิดมากบั ภาชนะบรรจฮุ อร์โมน มกั จะแนะนาวธิ ีใชแ้ ละรายช่ือตน้ ไมท้ ีใ่ ชไ้ ดผ้ ลดีติดมา
ดว้ ย วธิ ีการใชฮ้ อร์โมนชนิดผงกบั ก่ิงตดั ชาใหป้ ฏบิ ตั ดิ งั น้ี

1.1 ก่ิงตดั ชาท่ตี ดั มาใหม่ๆใหร้ ีบจุ่มลงในฮอร์โมน
1.2 ถา้ ก่ิงตดั ชาแหง้ เกินไปใหจ้ ่มุ น้าบริเวณโคนกิ่งก่อนนาไปจุ่มลงในฮอร์โมนเพอ่ื ใหผ้ งฮอร์โมนติด
ข้นึ มา
1.3 ฮอร์โมนทีน่ ามาใช้ ควรเทใส่ภาชนะปากกวา้ งพอเหมาะและกะประมาณใหพ้ อดีกบั กิ่งตดั ชา ไม่
ควรจมุ่ ลงในภาชนะท่บี รรจุมาโดยตรงเพราะจะทาใหฮ้ อร์โมนทีเ่ หลือเสียไดง้ ่าย
1.4 ฮอร์โมนทเ่ี หลือใชจ้ ากการจุม่ ก่ิงตดั ชาในแตล่ ะคร้ัง ควรเททิง้ ไม่ควรนามาใชอ้ ีก
1.5 หลงั จากจ่มุ ก่ิงตดั ชาลงในฮอร์โมนแลว้ ใหร้ ีบนาไปปักชาทนั ที และเพอ่ื ป้ องกนั มิใหฮ้ อร์โมนที่
ติดกบั กิ่งหลุดออกในขณะปักชา ควรใชช้ อ้ นปลูกแหวกวสั ดุชาออก แลว้ จงึ ปักก่ิงลงไป
2. การใชฮ้ อร์โมนชนิดสารละลายเจือจาง การใชฮ้ อร์โมนแบบน้ี ใชว้ ธิ ีการจุ่มโคนกิ่งตดั ชาลงใน
สารละลายฮอร์โมนใหล้ ึกประมาณ 1 นิ้วเป็ นเวลานาน 24 ชวั่ โมงก่อนนาไปปักชา สารละลายฮอร์โมนเจอื จางมี
ความเขม้ ขน้ ระหวา่ ง 20 ถึง 200 p.p.m. (part per million) ตามความยากง่ายในการออกรากของก่ิงตดั ชา กล่าวคือ
กิ่งท่อี อกรากง่ายใหใ้ ชค้ วามเขม้ ขน้ ต่า ส่วนกิ่งทอี่ อกรากยากใหใ้ ชค้ วามเขม้ ขน้ สูง
การผสมฮอร์โมนใหม้ ีความเขม้ ขน้ ตามที่ตอ้ งการสามารถทาไดโ้ ดยการเตรียมสารฮอร์โมนสงั เคราะห์
บริสุทธ์ิท่ีตอ้ งการใชแ้ ละตวั ทาละลาย เช่น น้ากลนั่ แอลกอฮอลห์ รือโซเดียมไฮดรอกไซดร์ วมไปถึงเครื่องชงั่
ละเอียด
ตวั อยา่ งเช่น ถา้ ตอ้ งการผสมฮอร์โมน IBA ใหม้ ีความเขม้ ขน้ 20 p.p.m. โดยใชเ้ อทลิ แอลกอฮอล์ ใหไ้ ด้
ปริมาณสารละลายฮอร์โมน 100 ซีซี. ทาไดโ้ ดยการชง่ั สารฮอร์โมน IBA บริสุทธ์ิใหไ้ ดน้ ้าหนกั 20 มิลลิกรมั แลว้
ใช้ เอทิลแอลกอฮอลเ์ ตมิ ลงไป 100 ซีซี. ก็จะไดส้ ารละลายฮอร์โมน IBA เจอื จาง 200 p.p.m.
3. การใชฮ้ อร์โมนชนิดสารละลายเขม้ ขน้ มีหลกั การเดียวกบั การใชฮ้ อร์โมนแบบเจือจาง คอื จุม่ โคนกิ่ง
ตดั ชาลงไปในสารละลายฮอร์โมนนานประมาณ 3-5 วนิ าที หลงั จากน้นั จึงนาไปปักชา ซ่ึงฮอร์โมนชนิดน้ีจะมี
ความเขม้ ขน้ ระหวา่ ง 500-10,000 p.p.m. การใชฮ้ อร์โมนชนิดสารละลายเขม้ ขน้ มีขอ้ ดีคอื ทาไดร้ วดเร็ว ไม่ตอ้ ง
เสียเวลาในการจมุ่ นาน นอกจากน้ี น้ายาในขวดเดียวกนั สามารถจุ่มไดห้ ลายพนั คร้งั โดยทีฮ่ อร์โมนยงั มีคุณภาพ
ครบถว้ นแต่ตอ้ งระวงั ในการเก็บรกั ษาคอื ตอ้ งปิ ดขวดใหแ้ น่นทุกคร้ังหลงั จากใชแ้ ลว้ เพอื่ ป้ องกนั แอลกอฮอล์
ระเหย ซ่ึงจะทาใหค้ วามเขม้ ขน้ ของสารละลายฮอร์โมนเปล่ียนแปลง
ในปัจจบุ นั สารละลายฮอร์โมนสงั เคราะหแ์ บบผสมเสร็จมีจาหน่ายในรูปแบบเครื่องมายการคา้ ตา่ งๆ
มากมายหลายชนิด ท้งั จาพวก IBA, NAA และ IAA ซ่ึงแตล่ ะชนิดจะบอกปริมาณความเขม้ ขน้ ของสารฮอร์โมน
บริสุทธ์ิในรูปของเปอร์เซ็นต์ (Percentage) และ p.p.m. (part per million)

13

การใชส้ ารฮอร์โมนในก่ิงตดั ชา ถา้ ใชป้ ริมาณพอเหมาะ โคนก่ิงตรงรอยแผลที่ตดั จะมีลกั ษณะบวมและ
เกิดรากจานวนมาก แตถ่ า้ ใชฮ้ อร์โมนท่ีมีความเขม้ ขน้ สูงเกินไปอาจทาใหเ้ ป็ นอนั ตรายตอ่ ก่ิงพชื ได้ จะทาให้
ใบเหลือง ร่วงหล่นหรืออาจทาใหโ้ คนกิ่งมีสีดาและแหง้ ตายได้ ในขณะเดียวกนั ถา้ ฮอร์โมนมีความเขม้ ขน้ นอ้ ย
หรือเจอื จางเกินไป จะทาใหพ้ ชื ออกรากไดช้ า้ ในบางคร้ังการใชฮ้ อร์โมนไม่ไดผ้ ลซ่ึงสาเหตสุ าคญั นอกเหนือจาก
ความเขม้ ขน้ ของสารฮอร์โมนไม่เหมาะสมแลว้ อาจมีสาเหตุมาจากการเน่าเสียของออร์โมน ซ่ึงฮอร์โมนชนิด
สารละลายเจอื จางจะเน่าเสียไดง้ า่ ยมากเม่ือมีส่ิงอ่ืนมาเจือปน ส่วนฮอร์โมนชนิดผงจะเกบ็ ไวไ้ ดน้ านประมาณ 2-3
เดือน หลงั จากเปิ ดใชแ้ ลว้ และสารละลายฮอร์โมนชนิดเขม้ ขน้ ท่ีละลายในแอลกอฮอลจ์ ะสามารถเกบ็ ไวไ้ ดน้ าน
ทีส่ ุด ภาชนะทบ่ี รรจแุ ละเกบ็ รักษาฮอร์โมน ควรเป็นภาชนะประเภททึบแสงจะช่วยยดื อายขุ องฮอร์โมนใหน้ าน
ข้นึ
การทดสอบวา่ ฮอร์โมนเสื่อมคุณภาพหรือสามารถใชไ้ ดผ้ ลดีอยหู่ รือไม่น้นั มีวธิ ีการง่ายๆ และสียเวลา
ในการทดสอบนอ้ ยทสี่ ุด คอื ใชใ้ บมะเขอื เทศจมุ่ ลงไปในฮอร์โมนทสี่ งสยั วา่ จะเสีย หรืเสื่อมคุณภาพแลว้ นาไป
ปักชาพร้อมกบั ใบทีไ่ ม่ไดจ้ ุม่ ฮอร์โมน คอยสงั เกตเปรียบเทยี บใน 1 สปั ดาห์ ถา้ ฮอร์โมนยงั ไม่เส่ือมคุณภาพ ใบ
มะเขือเทศทจ่ี ุม่ ฮอร์โมนจะออกราก ท้งั น้ีเน่ืองจากมะเขือเทศเป็ นพชื ทีม่ ีปฏิกิริยาโตต้ อบกบั ฮอร์โมนไดเ้ ร็วกวา่
พชื ชนิดอื่น

หนังสืออ้างองิ

วทิ ยา ไม่ซาผล และคณะ. 2532. หลกั การขยายพนั ธุพ์ ชื . ฟาร์อีสพบั บลิเคชนั่ : กรุงเทพฯ. หนา้ 51-61.

กจิ กรรมท้ายบทที่ 5 14

จงตอบคาถามต่อไปนี้

1. จงบอกความหมายของการตดั ชา

.................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................

2. จงบอกความสาคญั ของการตดั ชา

.................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................

.................................................................................................................................................................................

3. จงอธิบายวธิ ีการตดั ชาแตล่ ะวธิ ีพร้อมยกตวั อยา่ งพชื ที่เหมาะสม

วิธีการตดั ชา วิธีการปฏบิ ัติ พชื ท่ีนิยม

15

4. จงบอกปัจจยั ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกบั การเกิดรากของกิ่งตดั ชา ปัจจยั
ประเภทของปัจจัย คุณสมบัติ
ปัจจยั ที่เกิดจากกิ่ง เช่น อายขุ องตน้ แม่

ตดั ชา
ปัจจยั ท่เี กิดจากวสั ดุชา เช่น สารเคมี

ปัจจยั ท่ีเกิดจาก เช่น ความช้ืน
สภาพแวดลอ้ ม
5. จงบอกวสั ดุท่ีนิยมใชใ้ นการตดั ชา

วสั ดุปักชา

6. จงบอกถึงหนา้ ทขี่ องวสั ดุตดั ชาท่ดี ี
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................
7. ฮอร์โมนท่นี ิยมใชใ้ นการตดั ชาคือ...............................................................

คุณสมบตั ิ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

วธิ ีการใช.้ ............................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................

8. จงเขียน Mind mapping เร่ืองการตดั ชา

บทปฏบิ ตั ิการบทที่ 5 16

จดุ ประสงค์การเรียนรู้

นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั กิ ารขยายพนั ธุพ์ ชื โดยการตดั ชาพชื โดยใชใ้ บ ก่ิง และรากได้

เนือ้ หา

ใหน้ กั เรียนตดั ชาส่วนต่างๆของพชื ดงั ตอ่ ไปน้ีอยา่ งละ 10 ช้ิน

1. ตดั ชาก่ิงแก่ โดยใชเ้ ฟ่ืองฟ้ า บานบรุ ี ชะอม แคฝรงั่ คริสตม์ าส เป็นตน้

2. ตดั ชากิ่งกลางอ่อนกลางแก่ โดยใชช้ มพู่ ชบา สนปฏพิ ทั ธ์ เป็ นตน้

3. ตดั ชาก่ิงอ่อน โดยใชเ้ ขม็ ญ่ีป่ ุน กหุ ลาบ มะลิ ยโี่ ถ ผกากรอง เลบ็ ครุฑ เป็นตน้

4. ตดั ชากิ่งพชื อวบน้า โดยใชเ้ บญจมาศ ฤาษผี สม คาร์เนชนั่ แคคตสั บโี กเนีย แพรเซ่ียงไฮ้

กุหลาบหิน คุณนายตืน่ สาย พลูด่าง เป็นตน้

5. ตดั ชาใบ โดยใชใ้ บล้ินมงั กร ใบเปปเปอร์โรเมีย ใบโกสน กหุ ลาบหิน เป็นตน้

6. ตดั ชาราก โดยใชร้ ากแคแสด สาเก สน เป็นตน้

วัสด-ุ อุปกรณ์

1. มีดคตั เตอร์สะอาดหรือกรรไกรตดั ก่ิง

2. วสั ดุชา เช่น ทราย ข้เี ถา้ แกลบ ทรายผสมข้เี ถา้ แกลบ ดินผสม เป็นตน้

3. ปูนแดงทากนั รา

1. ฮอร์โมนเร่งราก

2. กระบะชาหรือถุงชา

3. พชื ทใี่ ชใ้ นการตดั ชา

4. ป้ ายเขียน วนั เดือน ปี ทต่ี ดั ชา

ลาดบั ข้นั ตอนการปฏิบตั ิ

1. เลือกพชื ท่ีจะตดั ชาวธิ ีและ 1 ชนิดทีเ่ หมาะสมกบั การทารอยแผลแตล่ ะแบบ

2. ตดั ช้ินส่วนของพชื ออกเป็นส่วนหรือท่อน ประมาณ 1 คบื

3. จุม่ ฮอร์โมนทีร่ อยแผลดา้ นล่างรอจนแหง้

4. ทาปนู แดงทร่ี อยแผลท้งั บนและล่างรอจนปนู แหง้

5. เลือกวสั ดุปักชาและนาไปใส่ในกระบะหรือถุงชา

6. นาไปชาในวสั ดุปักชาที่เตรียมไว้

7. ผกู ป้ ายวนั เดือน ปี ทีต่ ดั ชา

8. ดูแลรักษาและสงั เกตการการแตกยอดของกิ่งตดั ชา

9. จดบนั ทึกขอ้ มูลการเจริญเตบิ โต

10. เม่ือส่วนของพชื ทนี่ ามาตดั ชาแตกยอดและมีใบใหม่เกิดข้ึนแสดงวา่ เกิดรากพรอ้ มยา้ ยปลูก

11. ยา้ ยลงปลูกในภาชนะ เช่น กระถาง ถุงดา รดน้าใหช้ ุ่ม เกบ็ ไวใ้ นทรี่ ่มแสงแดดราไรจนกวา่ พชื จะต้งั

ตวั ได้ จงึ นาไปปลูกลงแปลงหรือนาไปไวก้ ลางแจง้

12. สรุปผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมระยะเวลาท่ใี ชใ้ นการตดั ชาแตล่ ะชนิด

17


Click to View FlipBook Version