The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ข้อคิด ประสบการณ์ จากวันวานถึงวันเกษียณ (ปี 2552)

กองฝึกอบรม

Keywords: ด้านทั่วไป

คาํ นํา

หนงั สือเลม่ นีได้รวบรวมเรืองจากประสบการณ์การทํางานของข้าราชการกรมทีดนิ ผ้เู กษียณ
อายรุ าชการ ในปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 ซงึ เรืองจากประสบการณ์การทํางานเหลา่ นีมีคณุ คา่ และ
ยงั ประโยชน์ให้เกิดแกข่ ้าราชการรุ่นหลงั ทงั ในแงค่ วามรู้ ข้อคิด และประสบการณ์ขนึ อยกู่ บั ผ้อู า่ น
จะเลือกเก็บเกียวประเดน็ ใดตามรสนยิ มของแตล่ ะทา่ น

หนงั สือเลม่ นีจงึ เปรียบเสมือนเป็นเวทีแลกเปลียนเรียนรู้อีกรูปแบบหนงึ ทีมงุ่ สง่ เสริมให้เกิด
วฒั นธรรมการถ่ายทอดความรู้ในระดบั บคุ คลขนึ ภายในกรมทีดนิ ของเรา

หวงั เป็นอยา่ งยิงวา่ เวทีแลกเปลียนเรียนรู้เวทีนีจะนํามาซงึ สาระความเพลิดเพลนิ และชว่ ย
จดุ ประกายการแบง่ ปันความรู้ให้ลกุ โชตชิ ว่ งอยา่ งตอ่ เนืองตลอดไป

กองฝึกอบรม กรมทีดิน
กนั ยายน 2552

2

3

สารบัญ

เรือง ผู้ถ่ายทอด หน้า

เรืองที 1 ศาลอายดั แล้วทําไมโอนได้ นายกวี กศุ ลสทิ ธารถ 1
2
เรืองที 2 รอบคอบสกั หนอ่ ย นายขวญั ชยั อมิ ประกฤติ 4
7
เรืองที 3 การอายดั ทีมไิ ด้อายดั นายนพพร เจริญยศ 9
12
เรืองที 4 การรังวดั ทีดนิ ทบั ทางสาธารณประโยชน์ นายนกิ ร สตนั ยสวุ รรณ 14

เรืองที 5 มหศั จรรย์แหง่ เกลือ นายสขุ มุ ทมุ เมืองปัก 17
22
เรืองที 6 แนวเขตไมแ่ นน่ อน นายสดุ ท้าย ดวงเงิน

เรืองที 7 การได้มาโดยการครอบครอง นายสรุ ฉตั ร เจริญวยั

และการเพกิ ถอนโฉนดทีดนิ

เรืองที 8 ธรรมะรอบตวั นายอนนั ต์ เจริญพิทยา

เรืองที 9 บนั ทกึ แหง่ ความทรงจํา นายอําพล ศกั ดพิ นั ธ์พนม

4

เรือง ศาลอายัดแล้วทาํ ไมโอนได้

นายกวี กศุ ลสทิ ธารถ
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั เพชรบรู ณ์
สาขาหลม่ สกั

มีเรืองเกิดขึน คือ ศาลมีคําสังอายัดทีดิน น.ส.3 ก. แปลงหนึงซึงหนังสือศาลมาถึง
สํานกั งานทีดินช่วงบ่ายของวันศกุ ร์ เจ้าพนกั งานทีดินได้มีคําสงั ให้ฝ่ ายทะเบียนดําเนินการอายัด
ตามระเบียบ ฝ่ ายทะเบียนได้สงั การให้เจ้าหน้าทีผู้รับผิดชอบลงบญั ชีอายัด แต่ปรากฏว่า เมือ
เจ้าหน้าทีรับเรืองแล้วยงั ไมด่ ําเนินการทนั ที เพราะงานมากจึงได้เก็บเรืองไว้ในลินซกั ของตวั เองจน
ล่วงเลยมาถึงวนั องั คาร ปรากฏว่าผู้ถูกอายดั ซึงเป็ นบิดาได้มาจดทะเบียนยกให้กบั บุตรโดยชอบ
ด้วยกฎหมาย

เมือผู้ขออายดั ทราบเรืองว่ามีการโอนให้บุตรของผู้ถกู อายดั จึงไปร้องเรียนศาล (ดีทีไม่
ร้องเรียนอธิบดีกรมทีดิน) ในขณะนันในฐานะผู้บงั คบั บญั ชาได้ใช้สติค่อยๆ แก้ไขปัญหา เพราะ
อยา่ งไรเสียพวกเราชาวดนิ ไมไ่ ด้มีสว่ นทจุ ริตหากจะได้รับโทษเพราะด้วยความประมาทหรือหลงลืม
ศาลท่านก็คงไม่ลงโทษหนกั คิดแล้วจึงได้คยุ กบั ผู้อายดั ให้นําเรืองนีเข้าสู่การพิจารณาคดีของศาล
ขณะนนั เป็นทีกลา่ วขานของทนายในอําเภอหล่มสกั ว่า ศาลอายดั แล้วทีดนิ ยงั จดทะเบียนโอนไปได้
อยา่ งไร

โชคดีทีได้พบกบั ผ้พู ิพากษาทีมีคณุ ธรรม ทา่ นเป็ นคนหน่มุ อายไุ ม่เกิน 40 ปี ทา่ นเรียกไปไต่
สวนตามระเบียบ ข้าพเจ้าได้อธิบายถึงสาเหตขุ องการผิดพลาดครังนี คําพดู ของท่านทีประทบั ใจ
ของข้าพเจ้า คือ ท่านพูดว่า “ไม่เป็ นไรเมือจดทะเบียนได้ ก็เพิกถอนได้” หลงั จากนันได้มีคํา
พิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ทีดินแปลงนนั ก็มีการขายทอดตลาดและผู้
ซือได้ คือผ้ขู ออายดั นนั เอง

จะเห็นได้ว่าคนเราเมือทํางานด้วยความตงั ใจสุจริต สิงศกั ดิสิทธิ รวมทงั คนดีจะค้มุ ครอง
ช่วยเหลือเรา เราในฐานะผู้บงั คบั บญั ชาเมือถึงเวลาจะตดั สินใจทําอะไรลงไปต้องใช้หลกั เมตตา
กรุณา มทุ ติ า อเุ บกขา ไมด่ ว่ นลงโทษใครแล้วเรืองร้ายๆ จะกลายเป็นดี

.......................................

5

เรือง รอบคอบสักหน่อย

นายขวญั ชยั อิมประกฤติ
นายชา่ งรังวดั อาวโุ ส
สํานกั งานทีดนิ จงั หวดั ชยั นาท

เมือ พ.ศ. 2529 ข้าพเจ้าดํารงตําแหน่งนายช่างรังวัด 5 ปฏิบตั ิหน้าทีหวั หน้าฝ่ ายรังวัด
สํานกั งานทีดินจงั หวดั ชยั นาท เมือวนั ที 25 พฤศจิกายน 2529 ได้รับคําสงั ให้ออกไปทําการรังวัด
แบ่งแยกในนามเดิม รายนางสํารวย ธนะไพบูลย์ โดยผู้ขอมีความประสงค์แบ่งแยก จํานวน 4
แปลง เมือไปถึงทีดนิ แปลงทีขอรังวดั ได้ดาํ เนินการค้นหาหลกั เขตเกา่ ตามหลกั วิชาการรังวดั โดยพบ
หลกั เขตเก่าทงั หมดอยู่ในตําแหนง่ เดิมตรวจระยะปรากฏว่า ไม่อาจทําการตรวจสอบได้ว่าถกู ต้อง
หรือไม่ เนืองจากไมม่ ีหลกั ฐานการรังวดั เดมิ จงึ ทําการรังวดั ตามทีผ้ขู อและเจ้าของทีดินข้างเคียงนํา
ทําการรังวดั จนแล้วเสร็จ ผ้ขู อและเจ้าของทีดนิ ข้างเคยี งได้ลงชือรับรองแนวเขตครบถ้วน

แต่เมือเดินทางกลับสํานักงานทีดินได้นําผลการรังวดั มาคํานวณและลงทีหมายแผนที
ปรากฏว่า เมือลงทีหมายหลกั เขตหมายเลข ค 5378 ไม่อยใู่ นตําแหนง่ ทีควรจะอย่โู ดยไม่ขนานกบั
หลกั เขตหมายเลข ท 0531 ก็พยายามค้นหาข้อบกพร่องตรวจสอบการคํานวณใหม่ ผลการคํานวณ
ก็ได้เท่าเดิมจึงแน่ใจว่าการคํานวณถูกต้อง แต่ในใจคิดว่าเครืองคํานวณอาจคลาดเคลือน จึง
เปลียนเครืองคํานวณใหม่ ผลการคํานวณได้เทา่ เดมิ ชา่ งรังวดั รุ่นพีในสํานกั งานทีดินได้บอกว่า คา่
ความตา่ งของคา่ พิกดั ฉากของเส้นโครงงานหลกั ฐานแผนทีของเส้น ก.2 กบั ก.31 มีคา่ พิกดั ฉากไม่
สมั พนั ธ์กันไม่อาจนํามาใช้งานร่วมกนั ได้ จงึ ได้ตรวจสอบรายการรังวดั ก็พบว่า ในการรังวดั ครังนี
ดําเนินการยึดโยงจากเส้นโครงงานเพียงเส้น ก.2 เท่านนั ไม่ได้ ทําการโยงยดึ จากเส้น ก.31 ใช้ค่า
พกิ ดั ฉากเดมิ คาํ นวณบนเส้นในการปักหลกั บนแนวเขตเท่านนั ไมเ่ กียวข้องกบั หลกั เขตหมายเลข ค
5378 ก็พยายามทบทวน ช่างรังวดั รุ่นพีรวมทังเพือนร่วมงานในสํานักงานทีดินก็บอกว่า ถูกต้อง
แล้วน่าจะดําเนินการตอ่ ไป แตค่ วามสงสยั คาใจ จึงละทิฐิของตนเองยอมอายไปพบเจ้าของทีดินผู้
ขออนญุ าตตรวจสอบอีกครังโดยนํารายงานการรังวดั สนามไปตรวจสอบ ทกุ ๆ ตําแหน่ง ทกุ หลกั เขต
ทําการตรวจสอบใหม่ ในทีสุดก็มาถึงหลกั เขต ค 5378 หลักหมุดตงั กล้องเพือโยงยึดได้ฝังหมุด
หลักฐานไว้ทุกครัง จึงทําให้การตรวจสอบเป็ นไปด้วยดี ทําการตรวจสอบระยะโยงยึดใหม่ ภาพ
เหตกุ ารณ์ในการรังวดั เมือวนั ที 25 พฤศจิกายน 2529 ก็ปรากฏชดั เจนว่า หลกั เขต ค 5378 อยไู่ ม่

6

ไกลจากหมดุ หลกั ฐานแผนทีทีตงั กล้องพบวา่ จดรายการโยงยดึ ผิดจากระยะ 0.0800 เป็ น 0.1800
เมือนําระยะ 0.0800 มาคํานวณก็ได้ค่าพิกัดฉากใหม่ โดยคา่ พิกัดฉากใหม่ทีทําได้เมือนํามาลงที
หมายแผนทีตําแหน่งของหลกั เขต ค 5378 ขนานกับหลัก ท 0531 ตามข้อเท็จจริงในทีดิน จึงได้
ดําเนนิ การตอ่ ไป นําเลขท้ายของหลกั เขตนนั มาซือฉลากกินแบง่ ปรากฏวา่ ถกู เลขท้าย 3 ตวั ได้คา่
คนงานรังวดั จงึ เป็นเครืองเตอื นใจนา่ จะมีความรอบคอบในการทํางานไมต่ ้องเสียเวลาปวดหวั

…………….

7

เรือง การอายัดทีมิได้อายัด

นายนพพร เจริญยศ
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั จนั ทบรุ ี
สาขาทา่ ใหม่

เมือครังดํารงตําแหน่งนักวิชาการทีดิน 6 หัวหน้างานนิติกรรม สํานักงานทีดินจังหวัด
สกลนคร มีเหตกุ ารณ์ต้องจดจําไว้จนครบวาระเกษียณอายรุ าชการ ก็คือ ถกู ฟ้ องเป็ นจําเลยในคดี
เป็ นครังแรกของชีวิตราชการ และก็เป็ นคดีตอ่ ๆ มาอีกหลายเรืองหลายคดี แต่ก็สามารถหลดุ พ้น
บว่ งกรรมมาได้จนถึง ณ วนั นี

เหตกุ ารณ์ทีเกิดขนึ ในขณะนนั สืบเนืองจากศาลจงั หวดั สกลนครได้มีหนงั สืออายดั ทีดินทีมี
โฉนด ซงึ โฉนดทีดินมีเนือทีประมาณ 20 ไร่เศษ แตป่ รากฏรายละเอียดตามหนงั สือ ศาลมีคําสงั ให้
อายดั ทีดนิ จํานวน 1 ไร่ เมือเจ้าหน้าทีศาลนําหนงั สือมาส่งสํานกั งานทีดนิ จงั หวดั (เหตทุ ีเจ้าหน้าที
ศาลนําหนังสือมาส่งเอง เนืองจากสํานักงานทีดินและศาลจังหวัดอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการ)
เจ้าหน้าทีลงรับหนังสือและนําเสนอเจ้าพนักงานทีดิน (ผู้ลงรับหนงั สือเป็ นนักการภารโรง) เจ้า
พนกั งานทีดนิ ก็ได้พจิ ารณาตามหนงั สือศาลฯ แล้ว มีข้อสงสยั วา่ อายดั ตรงไหน เนืองจากตามโฉนด
มีเนือที 20 ไร่เศษ แตใ่ ห้อายดั ไว้เพียง 1 ไร่ เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั ก็เกษียนหนงั สือกลบั ออกมาว่า
อายดั ตรงไหน เนืองจากตามโฉนดมีเนือที 20 ไร่เศษ แต่ศาลสงั ให้อายดั ไว้เพียง 1 ไร่ ไม่ปรากฏ
รายละเอียด จึงให้แจ้งศาลฯ ทราบ ปรากฏว่าผู้ลงรับหนังสือซึงเป็ นนักการภารโรงเห็นว่า เจ้า
พนกั งานแทงหนงั สือออกมาและมีเหตขุ ดั ข้อง ก็ด้วยความปรารถนาดี รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าทีศาลที
นําหนังสือมาส่งให้มารับหนังสือคืนไป แต่ปรากฏหลักฐานการลงรับในสมุดลงรับหนังสือของ
สํานกั งานทีดนิ เรียบร้อยแล้ว ก็มไิ ด้หมายเหตไุ ว้เป็ นหลกั ฐานวา่ ได้รับหนงั สือคืนไปแล้วแตอ่ ยา่ งใด
ซงึ ประเดน็ ตามกรณีนีถือวา่ เป็นความบกพร่องอยา่ งร้ายแรง เพราะเป็ นหลกั ฐานประการหนงึ ทีเป็ น
สาเหตใุ ห้เกิดประเดน็ ฟ้ องร้องเป็นคดขี นึ มา ซงึ ข้อเทจ็ จริง เจ้าหน้าทีศาลมารับหนงั สือคืนไปตามคํา
บอกของนกั การภารโรงผู้ลงรับหนงั สือแล้วไม่ปรากฏว่า มีการแก้ไขหนังสือของศาลกลับคืนให้
สํานกั งานทีดินแตป่ ระการใด โดยไม่ทราบเหตผุ ล การดําเนินการในขนั ตอนการอายดั จงึ ไม่เกิดขึน
เทา่ กบั วา่ มิได้มีการอายดั โฉนดทีดนิ ตามคาํ สงั ศาลทีให้อายดั แตป่ ระการใด และข้อเท็จจริงนี มีการ

8

ฟ้ องคดกี นั อยใู่ นชนั ศาล ซงึ อยใู่ นขนั ตอนกระบวนการพจิ ารณาของศาล เหตกุ ารณ์ก็ยงั ไม่เกิดขึนใน
ขณะนนั โดยทนั ที จงึ ไม่มีเหตกุ ารณ์ผิดปกติขึนแตป่ ระการใด เนืองจากการพิจารณาของศาลตาม
กระบวนการพจิ ารณาต้องใช้เวลานาน

ตอ่ มาเป็ นเวลาลว่ งเลยมาเป็ นปี เจ้าของโฉนดทีดนิ ก็นําโฉนดแปลงทีมีเหตกุ ารณ์ดงั กลา่ ว
มาขอทํานิติกรรมโอนขาย (ซึงคาดว่าเจ้าของทีดินทราบดีอยู่แล้วว่าทีดินมีปัญหาติดอายัด) แต่
เจ้าของทีดินได้นําโฉนดมาขอตรวจสอบกับเจ้าหน้าทีสํานักงานทีดินแล้ว ได้รับคําตอบจาก
เจ้าหน้าทีว่า สามารถโอนได้ ไม่มีสาเหตขุ ดั ข้อง (ไม่มีอายดั ) เจ้าของโฉนดจึงนําโฉนดมาขอทํานิติ
กรรมโอนขายทีดนิ เจ้าหน้าทีก็รับคาํ ขอ ดําเนินการสอบสวนตามระเบียบและเสนอผา่ นหวั หน้างาน
นิตกิ รรม และเสนอให้หวั หน้าฝ่ ายทะเบียนจดทะเบียน ซึงดําเนินการตามระเบียบและขนั ตอนการ
ทํานิติกรรมทุกประการ หลงั จากจดทะเบียนโอนไปแล้ว ต่อมาไม่นานก็ได้รับหมายศาลตกเป็ น
จําเลยในคดี จําเลยที 1 คือ หวั หน้าฝ่ ายทะเบียน จําเลยที 2 คือ หวั หน้างานนิติกรรม จําเลยที 3
คอื เจ้าหน้าทีผ้สู อบสวน ข้อหาปฏิบตั หิ น้าทีโดยมชิ อบ มาตรา 157 แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา

เมือตกเป็ นผ้ตู ้องหาถกู ฟ้ องดําเนินคดีความรู้สกึ ในขณะนนั ความวิตกกงั วล ไมต่ ้องพดู ถึง
แม้ในใจจะมีความรู้สกึ ทีดีตอ่ ตนเองและพวกว่า เราเป็ นผ้สู จุ ริต ไม่มีเจตนาทจุ ริต เราปฏิบตั ิหน้าที
ตามระเบียบและรอบคอบแล้ว ไม่น่าจะมีความผิด แตเ่ มือถกู ฟ้ องดําเนินคดีย่อมต้องมีความวิตก
กงั วลอยา่ งหลีกเลียงไมไ่ ด้ เพราะคดีนีเป็ นคดีแรกทีถกู ฟ้ องอย่างเป็ นทางการตอ่ ศาลฯ หลงั จากรับ
ราชการมานาน 20 ปี เศษ (อายรุ าชการในขณะนนั ) เมือถกู ฟ้ องจําต้องแก้ตา่ งโดยขอให้พนกั งาน
อยั การเป็ นทนายแก้ตา่ งให้และในทางปฏิบตั ิได้ปรึกษาหารือกันและตกลงกนั ว่า เราต้องไปขอพบ
โจทก์ ผ้ฟู ้ องคดีและเรียนข้อเท็จจริงให้ทราบ เมือไปพบผ้เู สียหายและแจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบ ผ้ฟู ้ อง
คดีก็เข้าใจและยอมรับวา่ ตนเองไมม่ ีเจตนาทีจะฟ้ องร้องเจ้าหน้าทีแตป่ ระการใด แตไ่ ด้แตง่ ตงั ทนาย
ไปให้จดั การดําเนินการในเรืองนี ทนายจงึ ดําเนินการฟ้ องร้องเจ้าหน้าที ผ้เู สียหายเพียงต้องการให้
ได้ทีดนิ จํานวน 1 ไร่ และบ้านทีปลกู อยบู่ นทีดนิ เป็นกรรมสิทธิของตนเท่านนั เนืองจากผ้เู สียหายได้
ตกลงซือทีดินจากเจ้าของทีดิน ทําสญั ญากนั เองแตย่ งั ไม่ได้จดทะเบียนทีสํานกั งานทีดนิ เนืองจาก
ขดั ข้องทีดนิ ตดิ ภาระจํานองและผ้เู สียหายก็ได้ฟ้ องดําเนินคดีกบั เจ้าของทีดินอยทู่ ีศาลแล้ว เรืองอยู่
ระหวา่ งการพจิ ารณาของศาล เป็นประเดน็ ปัญหาหลกั ทีต้องแก้ไข ข้าพเจ้าจึงได้ไปเรียนข้อเท็จจริง
ให้เจ้าของโฉนดทีรับโอนทราบ (ซึงประเด็นนี ผู้รับโอนนา่ จะทราบดีอย่แู ล้ว เพราะเรืองอยรู่ ะหวา่ ง
การพิจารณาคดีของศาล เจตนาอาจจะเป็ นการโอนโดยฉ้อฉล เพือเปลียนแปลงกรรมสิทธิไปยัง
บคุ คลอืน เพือให้ยงุ่ ยากตอ่ การบงั คบั คดี ก็เป็ นได้) ซงึ ผ้โู อน (เจ้าของทีดินตามโฉนด) และผ้รู ับโอน
(ผ้ซู ือ) รับทราบแล้ว และยนิ ยอมทีจะแบง่ โฉนดทีดนิ บางส่วน 1 ไร่ (จากเนือทีทงั หมด 20 ไร่) พร้อม
สิงปลูกสร้างบนเนือที 1 ไร่ ซึงเป็ นของผู้เสียหาย (ผู้ฟ้ องคดี) สร้างขึนเอง พร้อมทงั ให้คํามนั ว่าจะ

9

โอนทีดินตามโฉนด จํานวน 1 ไร่ พร้ อมสิงปลูกสร้างให้แก่ผู้ฟ้ องคดี (ผู้เสียหาย) เมือได้แบ่งแยก
โฉนดทีดนิ แล้ว

เมือข้อเท็จจริงปรากฏเช่นนี แนวทางแก้ไข ขนั ตอ่ ไป คือ ไปพบท่านอยั การเรียนชีแจงให้
ท่านทราบถึงข้อเท็จจริงจากการเจรจาดงั กล่าว และขอให้ท่านเรียกผู้ฟ้ องคดีมาไกล่เกลียและทํา
บนั ทึกข้อตกลงไว้เป็ นหลกั ฐาน และให้เจ้าของทีดินตามโฉนดมายืนคําขอแบง่ แยกเพือโอนทีดิน
ให้แก่ผ้เู สียหาย จํานวน 1 ไร่

สรุป คดีเป็นอนั สินสดุ เมือผ้ฟู ้ องคดยี นิ ยอมถอนฟ้ องคดีให้แก่พวกเราทงั 3 คน แต่
กวา่ คดีจะถงึ ทีสดุ ด้วยการถอนฟ้ องคดี ก็ต้องเป็ นทกุ ข์ เป็ นกงั วลกนั อย่างยิง ซงึ ข้อเท็จจริงบางกรณี
ไม่อาจเปิ ดเผยได้ เพราะเป็ นเรืองภายในองค์กรจึงตัดตอนมาเฉพาะทีจะเปิ ดเผยได้เป็ น
ประสบการณ์และองคค์ วามรู้ตอ่ ไป

กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั ทีเกียวข้อง
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพง่ คําสงั กระทรวงมหาดไทย ที 635/2547 ลงวนั ที

21 ธนั วาคม 2547

ข้อเตอื นสติ
การอายัดเป็ นเรืองสําคญั ต้องปฏิบัติโดยละเอียดรอบคอบและเคร่งครัดในทางปฏิบัติ

บคุ คลทีไมเ่ กียวข้องหรือรู้เทา่ ไมถ่ ึงการณ์ ต้องระวงั อยา่ ให้มามีสว่ นรับผิดชอบเช่นกรณีนี และต้องมี
คําสงั แตง่ ตงั เจ้าหน้าทีรับผิดชอบโดยตรงเพือรับผิดชอบงานสําคญั เพราะถ้าผิดพลาดโดยประการ
ใดๆ ก็ตาม ก็อาจเป็นสาเหตนุ ําไปสกู่ ารถกู ฟ้ องเป็นจําเลยในคดีได้

.......................................

10

เรือง การรังวัดทีดนิ ทบั ทางสาธารณประโยชน์

นายนิกร สตนั ยสวุ รรณ
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั จนั ทบรุ ี

เมือครังดํารงตําแหน่งหวั หน้าฝ่ ายรังวดั สํานกั งานทีดินจงั หวดั ได้มีเจ้าของทีดนิ รายหนึง
มายืนขอสอบเขตโฉนดทีดิน ซึงออกโดยการเดินสํารวจออกโฉนดทีดิน ตามมาตรา 58 ทวิ แห่ง
ประมวลกฎหมายทีดนิ ประมาณ 10 แปลง ออกโดยมีหลกั ฐานเดมิ คือ น.ส.3 ก. เมือช่างรังวดั (คน
เดียว) ได้ทําการรังวดั เสร็จส่งเรืองให้หวั หน้างานตรวจตามระเบียบการรังวดั แล้ว ได้เสนอเรืองให้
ข้าพเจ้าตรวจสอบความถูกต้อง เพือเสนอเจ้าพนกั งานทีดินสงั การและถอนจ่าย เมือข้าพเจ้าได้
ตรวจเรืองปรากฏวา่ ทีดนิ แตล่ ะแปลงเนือทีเกินมาทกุ แปลงๆ ละ 8 – 10 ตารางวา ทงั ทีช่างผ้ทู ําการ
รังวัดรายงานว่า หลักเขตเก่าอยู่ครบและเสนอให้แก้รูปแผนทีเนือที ตามมาตรา 69 ทวิ แห่ง
ประมวลกฎหมายทีดิน ทําให้ข้าพเจ้าสงสัยว่า ทําไมเนือทีทีเกินมาของแต่ละแปลงจึงมีขนาด
ใกล้เคียงกนั จงึ ได้เอารูปแผนทีในกระดาษบาง (ร.ว.9) ครอบดกู บั รูปแผนทีในระวาง ปรากฏว่า ทกุ
แปลงทบั ทางสาธารณประโยชน์ ข้าพเจ้าได้เรียกชา่ งผ้ทู ําการรังวดั มาสอบวา่ ผ้ขู อนํารังวดั ทบั ทาง
หรือไม่ ซงึ ชา่ งก็ยอมรับวา่ นําทบั ทางจริง เนืองจากเมือครังเดนิ สํารวจเจ้าของทีดินไมม่ ีเจตนาจะยก
ให้เป็ นทางสาธารณประโยชน์ ข้าพเจ้าจึงแจ้งให้ช่างรังวดั ทราบว่า ในเมือผ้ขู อรับโฉนดทีดินก็เป็ น
การยอมรับแล้วว่า ทีดนิ ของตนเองจดทางสาธารณประโยชน์และทีดินก็มีสภาพเป็ นทางสญั จร อีก
ทังผู้ปกครองท้องทีก็รับรองแนวเขตทางสาธารณประโยชน์แล้วจึงไม่อาจแก้ไขได้ แต่ผู้ขอก็ยัง
พยายามหาคนมาขอร้องให้ข้าพเจ้าผา่ นเรืองให้ ซึงข้าพเจ้าก็พยายามอธิบายชีแจงให้ทราบว่า ไม่
สามารถดําเนินการให้ได้และให้ชา่ งรังวดั ผ้ทู ําการรังวดั ไปดําเนินการแก้ไขให้ถกู ต้อง

เรืองนีถ้าไม่มีความรอบคอบในการปฏิบตั งิ าน และเสนอความเห็นให้เจ้าพนกั งานทีดนิ สงั
แก้ไขรายละเอียดรูปแผนทีและเนือที อาจจะเกิดความผดิ พลาดและถกู ผ้บู งั คบั บญั ชาตําหนิได้

ทีกล่าวมาแล้วข้างต้นเป็ นประสบการณ์ส่วนหนึงจากการทํางานในชีวิตราชการทีผ่านมา
ของข้าพเจ้า ซงึ ฟังดแู ล้วหลายทา่ นคงคิดว่า เป็ นเรืองเล็กน้อยซงึ ธรรมดามาก แตท่ า่ นทงั หลายคง
เคยได้ยนิ คํากลา่ วทีวา่ “เดด็ ดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” หรือ “ผีเสือขยบั ปี กทําให้เกิดพาย”ุ ซงึ เป็ น
ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ แตส่ ามารถใช้อธิบายถึงพฤติกรรมของมนษุ ย์ได้ การทีใครสกั คนทําอะไร
ย่อมมีผลกระทบกับใครสักคนหรือหลายๆ คน และเมือใครหลายคนไม่ลงมือทําอะไร ย่อมมี

11

ผลกระทบมากมายจนไม่อาจคาดเดาได้ แต่ถ้าหลายๆ คนร่วมกนั ทําอะไรยอ่ มเกิดผลใหญ่หลวง
มากมายในทิศทางเดียวกนั ดงั นนั การจะทําอะไรก็ควรระมดั ระวงั เพราะเพียงสิงเล็กๆ น้อยๆ อาจ
กระทบตอ่ ไปถึงเรืองใหญ่ๆ อยา่ งคาดไมถ่ ึง

.......................................

12

เรือง มหัศจรรย์แห่งเกลือ

นายสขุ มุ ทมุ เมืองปัก
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั นครราชสีมา
สาขาปักธงชยั

เหตแุ ละประสบการณ์ทีจะเล่าตอ่ ไปนี ข้าพเจ้าขออธิฐานว่า อยา่ ให้มนั ได้เกิดขึนกบั ผ้หู นึง
ผ้ใู ดอีกเลย โดยเฉพาะ “ชาวดนิ ” ทีออกปฏิบตั งิ านรังวดั ทีกล่าว ดงั นี....ก็เพียง....รู้สึกว่า.....สิงหรือ
เหตทุ ีเกิดขึนและผ่านมานานกว่า 30 ปี มนั ยงั เกาะติดอยู่ในความทรงจําของผู้เขียนมาโดยตลอด
ดังเหมือนกับว่ามันจะเป็ นแขนทีสามงอกออกมาเป็ นส่วนเกินของร่างกาย...แต่...มันก็มิได้
หมายความวา่ เป็นสว่ นเกินทีไร้ประโยชน์เสียทีเดียว

เรืองของเรือง ในชว่ งปี พ.ศ. 2514-2522 ข้าพเจ้าปฏิบตั ิราชการในตําแหนง่ เจ้าหน้าทีทีดนิ
อยทู่ ีสํานกั งานทีดนิ อําเภอสงู เนิน เช้าตรู่ของวนั หยดุ (ความทีในสมยั นนั เจ้าหน้าทีของสํานกั งาน
ทีดนิ มีน้อย การออกปฏิบตั งิ านในวนั หยดุ เป็ นเรืองปกติ) ในฤดรู ้อน ปี ใด ไมแ่ จ้งชดั ข้าพเจ้าออกทํา
หน้าทีรังวดั เพือออกเอกสารสิทธิตามทีได้นดั หมายไว้กบั คกู่ รณีทีมีข้อพิพาทกันในเรืองแนวเขตที
ติดตอ่ กัน สาเหตนุ ่าจะมาจากสภาพพืนทีซึงเปลียนแปลงไป สภาพพืนทีดงั กล่าว ซึงเราเรียกว่า
“คนั นา” ซงึ เป็นแนวเขตของ “บงิ นา”1

ฝ่ ายหนงึ อ้างวา่ มนั ขยบั เข้ามาในพืนทีของตน
ฝ่ ายหนงึ อ้างวา่ มนั เป็นอยา่ งนีมานานแล้ว
ตา่ งฝ่ ายตา่ งอ้างหลกั ฐาน ซงึ ไมช่ ดั เจนคลมุ เครือทงั สองฝ่ าย
กํานนั ผ้ซู งึ ข้าพเจ้าได้เชญิ และขอให้ร่วมเป็นพยานในการปฏิบตั งิ านของข้าพเจ้า เนืองด้วย
เป็ นบคุ คลทีคกู่ รณีทงั สองฝ่ ายเกรงใจ ได้ทําหน้าทีกํานนั โดยการไกล่เกลียลกู บ้านทงั สองฝ่ ายและ
ปรามไมใ่ ห้มีเหตทุ ะเลาะเบาะแว้งกนั แตค่ กู่ รณีโต้แย้งกนั ไปโต้แย้งกนั มาตงั แตส่ ายกระทงั เทียงวนั
ขอเสริมเกินเลยสกั หน่อยว่า.......ผู้เขียนเคยได้รับการผ่าตดั ลําไส้เมือ 10 ปี มาแล้ว ด้วย
เหตทุ ีรับประทานอาหารไม่ตรงเวลาเป็ นนิจ และเมือมีการต้องดืมตามมารยาท จนกลายเป็ นคน
ชอบดมื (ไมใ่ ช่ “นกั ดมื ” นะครับ) ในช่วง พ.ศ.นนั มีประเพณีการดืมอยอู่ ยา่ งหนงึ คือ ต้องโรยเกลือ
ป่ นเลก็ น้อยลงไปในแก้วเหล้า นยั วา่ แก้อาการ “แฮงค์” ไมใ่ ห้โหยเมือหยดุ ดืมหรือเมือเวลาสร่างเมา
และเชือกนั วา่ ยืดเวลาดมื ได้นานขนึ (แหม...หากเป็นเรืองอืนคงดนี ะ)

1 บิงนา หมายถึง ผนื ทีนาทีแบ่งเป็ นแปลงเลก็ ๆ สาํ หรับปลกู ขา้ ว ชาวโคราชเรียนวา่ “บิงนา”

13

ทา่ นทีหลวมตวั อ่านมาถึงบรรทดั นี ต้องไม่ลืมว่าข้าพเจ้าไมใ่ ชน่ กั ดืมเป็ นเพียงชอบดืมจวบ
จนปัจจบุ นั นี ขอยืนยนั นงั ยนั และนอนยนั เปิ ดยนั ด้วยรอยแผลจากการผ่าตดั ทีหน้าท้องได้ทกุ เมือ
หากวา่ จะมีการพิสจู น์สอบสวน

ดงั นนั ก่อนออกไปทําการรังวดั ทกุ ครัง ข้าพเจ้าจะต้องพกห่อเกลือห่อเล็กๆ ติดตวั ไปด้วย
เสมอเหตกุ ารณ์ในวนั รังวดั ดงั กลา่ ว เมือทงั สองฝ่ ายตกลงกนั ไมไ่ ด้ลว่ งเลยเวลาอาหารกลางวนั และ
หากข้าพเจ้าไม่สามารถยตุ ิปัญหาหรือไม่สามารถรังวัดได้สําเร็จ งานก็ต้องไม่สําเร็จต้องออกมา
รังวดั เรืองเดมิ ใหมอ่ ีก พรุ่งนี...มะรืนนีก็ต้องมาเริมต้นทีแหง่ นีใหม่

เมือเหตกุ ารณ์เป็ นเชน่ นี ในยามนนั ข้าพเจ้าคิดได้เพียงว่าข้าพเจ้าต้องกดั ฟันระงับอาการ
ทงั ปวง และลงมือทําหน้าทีตอ่ ด้วยการให้ผ้ซู งึ ไมเ่ กียวข้องกบั การพิพาทของทงั สองฝ่ าย ชว่ ยดงึ เทป
วดั ระยะออกไปพร้อมกบั พดู อยา่ งมนั ใจวา่ “แนวเขตมนั นา่ จะอย่ใู นแนวนีแหละ” พอเทปวดั ระยะ
ถกู ดงึ ออกไปได้ประมาณ 10 เมตร เหตไุ มค่ าดฝันก็เลยเกิดขนึ เมือคกู่ รณีฝ่ ายหนึงได้ใช้มีดพร้าหวด
ฟันเทปวดั ระยะขาดสะบนั ทนั ที และพดู ด้วยอารมณ์ฉนุ เฉียววา่ “มนั ไม่ใช่แนวนี” และทงั สองฝ่ าย
ตา่ งคมุ เชิงกนั ขยบั มีดพร้าทีถือมาฝ่ ายละเลม่ ทกุ คนทีอยใู่ นเหตกุ ารณ์ตา่ งสงบนงิ

ข้าพเจ้าได้แต่ยืนมองเทปวดั ระยะทีขาดด้วยความรู้สึกทีไม่สามารถบรรยายได้ แตป่ ลอบ
ขวัญตวั เองด้วยการล้วงห่อเกลือออกมา ใช้นิวแตะนําลาย จุ่มลงทีห่อเกลือแล้วเอามาแตะทีลิน
กลืนลงคอด้วยนําลายทีเหนียวหนืดพร้อมกบั นกึ ขอบคณุ ห่อเกลือมหศั จรรห์หอ่ นนั มาจนถึงทกุ วนั นี
(ในเวลานนั เกลือทีข้าพเจ้ากลืนลงไปสดุ แสนจะอร่อย รสชาตเิ ยียมยอดทีสดุ เทา่ ทีเคยชมิ มา)

เมือกํานนั เริมต้นเคลือนไหวด้วยการเดนิ ไปกนั กลางระหว่างคกู่ รณีทงั สองฝ่ าย ข้าพเจ้าจึง
ได้ทําหน้าทีทตู เจรจาด้วยใจระทึก คกู่ รณีนิงแสดงอาการคล้ายกบั ว่า จะเอายงั ไงดีหว่า จนกระทงั
เวลาลว่ งเลยไปจนถึงสีโมงเยน็ (เป็นครังแรกและครังเดียวในชีวิตทีใช้เวลาในการรังวดั ทีแปลงเดียว
ยาวนานทีสดุ )

“เจ้านาย หิวข้าวหรือยงั ครับ” เสียงคกู่ รณีเปรยดงั ๆ
“ผมยงั ไมไ่ ด้กินข้าวเช้าเลยครับ” ข้าพเจ้าตอบไปแบบเหนือยๆ
“วา่ ยงั ไง ก็วา่ ตามกนั ไปเลยครับ” คกู่ รณีอีกฝ่ ายบอก
เหตกุ ารณ์ดําเนินตอ่ ไปด้วยการตอ่ เทปวดั ระยะ สองฝ่ ายช่วยกนั ดงึ เทปวดั ระยะด้วยความ
เงียบงนั ผู้เขียนก็จดบนั ทึกระยะและรายละเอียดลงบนกระดาษให้พยานเซ็นชือรับรองทกุ รายการ
ด้วยความรู้สกึ ขนั ทีคกู่ รณีไมพ่ ดู กนั แตช่ ว่ ยกนั ดงึ เทปวดั ระยะให้ เป็ นการออกรังวดั ทีมีทงั ความทกุ ข์
จากการอดข้าว ทกุ ข์จากการกลวั คกู่ รณีทําร้าย และความสขุ อย่างทีสดุ ทีสามารถทํางานครังนนั ได้
สําเร็จ

14

ณ วนั นี (20 สิงหาคม 2552 เวลา 19.00 น.) วนั ทีข้าพเจ้าต้องนบั ถอยหลงั เหลือเวลาทีจะ
อาลยั ในอาชีพทีข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าได้รับผิดชอบมาด้วยความเต็มใจและเต็มทีตลอดเวลาที
ข้าพเจ้าปฏิบตั ิหน้าทีมา และเหลืออีกไม่กีวนั ทีข้าพเจ้าก็จะเสร็จสินการทําหน้าทีและภาระทีทาง
ราชการมอบหมายให้ทํายิงใกล้วันก็ดูเหมือนว่า เวลามนั เร็วขึนกว่าปกติ เมือกรมทีดินได้จัดทํา
โครงการถ่ายทอดความรู้จากผ้เู กษียณอายรุ าชการ ข้าพเจ้าจงึ คิดจะเล่าประสบการณ์ทีตนเองคิด
ว่า “น่าจะเลา่ -น่าจะเขียน” ให้ชาวดินได้อา่ นเลน่ ๆ ขําๆ เป็ นการคลายความเครียดจากการบริการ
ประชาชนซงึ เป็นงานอนั หนกั หนว่ งซงึ เราชาวดนิ ก็เตม็ ใจบริการมาโดยตลอด

รอเอาไว้ปี หน้า คณะผู้จดั ทําเห็นว่าพอจะเป็ นแนวคิดได้บ้างสําหรับชาวดิน ข้าพเจ้าจะ
เขียนเล่าเรืองขําๆ จากประสบการณ์ให้ได้อารมณ์ขนั ทีบรรเจิดกว่านี เพราะ... เวลานนั ข้าพเจ้าก็
เป็นข้าราชการบํานาญไมม่ ีงานในหน้าทีต้องรับผดิ ชอบ (วา่ งงาน) ครับ

ขุมความรู้ทไี ด้จากเรืองเล่า
- ให้เกียรตเิ ป็ นกลางกบั ทกุ ฝ่ าย รับฟังปัญหา
- อธิบายขนั ตอนการทํางาน ชีให้เหน็ ถงึ ผลได้ผลเสียในด้านเวลาและคา่ ใช้จา่ ย

กลยทุ ธ์ในการทาํ งาน
- ให้ความรู้ ความเข้าใจกบั ราษฎร ทงั 2 ฝ่ าย
- สร้างความเข้าใจทีดแี ก่ทกุ ฝ่ ายเพือให้เกิดการยอมรับ

แก่นความรู้ทีสรุปได้
- พดู จาสภุ าพ วางตวั เป็ นกลาง เข้าใจสถานการณ์ สงิ แวดล้อม
- คนพืนทีเป็นทีพงึ ของเราได้

..........................

15

เรือง แนวเขตไม่แน่นอน

นายสดุ ท้าย ดวงเงิน
นายชา่ งรังวดั ชํานาญงาน
สํานกั งานทีดนิ จงั หวดั ชยั ภมู ิ

หากจะกลา่ วถงึ หน้าทีหลกั ของเจ้าพนกั งานทีดิน คงจะหนีไม่พ้นการออกเอกสารสิทธิ การ
โอนสิทธิหรือกรรมสิทธิให้กบั ประชาชน การดําเนินการในส่วนนีจะต้องอาศยั องค์ความรู้ทางด้าน
กฎหมาย และเทคนคิ ตา่ งๆ เข้ามาประกอบกนั อย่างไรก็ตาม การดําเนินงานของเจ้าพนกั งานทีดิน
นนั เลียงไม่ได้ทีจะต้องพบปะพดู คยุ ทําความเข้าใจกบั ประชาชนผ้ยู ืนคําร้องหรือผ้มู ีส่วนเกียวข้อง
เมือเป็ นเช่นนีย่อมต้องมีปัญหาไม่มากก็น้อย ดังนัน เราจึงต้องอาศัยปฏิภาณไหวพริบ และ
ประสบการณ์มาใช้ในการแก้ไขปัญหาทีเกิดขนึ

เหตกุ ารณ์ทีข้าพเจ้าจะเล่าต่อไปนี เป็ นเพียงเรืองหนงึ ทีข้าพเจ้าจดจําได้ จากหลากหลาย
เหตกุ ารณ์ หลากหลายประสบการณ์ ทีผา่ นนามานบั หลายปี มีทงั เรืองทีนา่ ประทบั ใจ และเรืองทีไม่
นา่ จดจํา โดยเรืองนีเป็ นเรืองทีข้าพเจ้าจะเล่าถ่ายทอดให้แก่ช่างรังวดั รุ่นตอ่ ๆ ไปเพือเป็ นอทุ าหรณ์
กลา่ วคือ ข้าพเจ้าดํารงตําแหน่งนายช่างรังวดั ชํานาญงาน สํานกั งานทีดินจงั หวดั ชยั ภูมิ เหตกุ ารณ์
เกิดขึนเมือปี พ.ศ.2550 เดิมทีดินแปลงนีมีชือเพียงคนเดียวเป็ นเจ้าของทีดิน ต่อมาผู้เป็ นเจ้าของ
ทีดนิ ได้มีการแบง่ แยกโฉนดทีดนิ ให้กบั ลกู ๆ แตล่ ะคนออกเป็นหลายแปลง และลกู แตล่ ะคนก็ได้ขาย
เปลียนมือให้แก่ผ้อู ืนไปเป็นบางแปลง ซงึ ข้าพเจ้าได้รับคําสงั ให้ไปรังวดั สอบเขตทีดนิ ดงั กลา่ ว

ตอ่ มาบคุ คลผ้ซู ือตอ่ จากลกู ได้ยืนคําร้องขอสอบเขตทีดิน เนืองจากไม่ทราบแนวเขตทีดิน
เพราะสภาพทีดินไมม่ ีคนั นา ไม่มีการล้อมรัว เพือแสดงแนวเขต ตามมาตรา 58 ตรี แห่งประมวล
กฎหมายทีดนิ ในขณะทีข้าพเจ้าทําการรังวดั สอบเขตทีดินอย่นู นั ปรากฏวา่ เจ้าของทีดนิ กบั เจ้าของ
ทีดินข้างเคียงไม่สามรถตกลงแนวเขตกันได้ ข้าพเจ้าจงึ ได้นําหลกั ฐานการรังวดั ทีดนิ เมือครังออก
น.ส.3 ก มาชีแจงให้คกู่ รณีแตล่ ะฝ่ ายทราบ กล่าวคือ น.ส.3 ก จะมีระยะความกว้าง ยาว ของทีดิน
แตล่ ะด้านปรากฏอยู่ ทําให้ผ้ขู อและทีดนิ ข้างเคยี งสามารถตกลงแนวเขตกนั ได้

หลงั จากนนั ผ้เู ป็นเจ้าของทีดินข้างเคียงได้มาโวยวายทีสํานกั งานทีดิน 3-4 ครัง ด้วยกิริยา
ทีไมส่ ภุ าพ และกล่าวหาว่า ข้าพเจ้ากบั ภรรยาของเจ้าของทีดนิ ทํางานทีเดียวกนั มีความสนิทสนม
กนั จึงทําให้การรังวดั เกิดความลําเอียงเข้าข้างพวกเดียวกนั และทําการรังวดั สอบเขตทีดินโดยไม่

16

ยุติธรรม โดยในวนั ทําการรังวัดข้าพเจ้าก็ได้พิจารณาจากข้อเท็จจริงตามทีปรากฏ ประกอบกับ
หลกั ฐานการรังวดั ทีดินเมือครังออก น.ส.3 ก และได้ชีแจงวา่ ในวนั ทําการรังวดั ค่กู รณีแตล่ ะฝ่ ายก็
สามารถตกลงกนั ได้ และเข้าใจร่วมกนั แล้ว ผู้ขอและทีดินข้างเคียงจึงได้ร่วมกนั นําทําการปักหลกั
เขตทีดนิ ให้อีกครัง คกู่ รณีทงั สองฝ่ ายก็ได้ลงลายมือชือรับรองแนวเขตทีดนิ นนั แล้ว ภายหลงั จากที
ข้าพเจ้าได้ชีแจงข้อเท็จจริงดงั กล่าวไปแล้ว คู่กรณีก็ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ข้าพเจ้าจึงได้
ตดั สินใจให้นําคณุ ตาซงึ เป็นพอ่ ของเจ้าของทีดนิ ข้างเคียงมาช่วยพดู คยุ เจรจากนั จนสามารถตกลง
กนั ได้

ข้อเทจ็ จริงดงั กลา่ วข้างต้น ข้าพเจ้าได้นําหลกั นิตธิ รรม และจรรยาบรรณของข้าราชการเข้า
มาใช้ประกอบการตดั สินใจในการแก้ไขปัญหา กล่าวคือ หลกั นิติธรรมนีเป็ นหลกั แห่งความเสมอ
ภาค การทํางานใดๆ ก็ตาม หากเราทําด้วยความบริสทุ ธิยตุ ธิ รรม ไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึง ก็
ไม่จําเป็ นทีเราจะต้องไปหวนั ไหวกับคําครหา เพียงแต่เรายึดมนั ในหลกั การของตนเองเท่านันก็
เพียงพอ ข้าพเจ้าหวงั วา่ เรืองเลา่ ดงั กลา่ วคงจะเป็นอทุ าหรณ์ และเป็นประโยชน์แก่นายชา่ งรังวดั รุ่น
ตอ่ ๆ ไปไมม่ ากก็น้อย

.......................................

17

เรือง การได้มาโดยการครอบครองและการเพกิ ถอนโฉนดทีดนิ

นายสรุ ฉตั ร เจริญวยั
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั หนองคาย
สาขาโพนพสิ ยั

นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผ้ถู ือสิทธิ รวม 4 คน ได้ยืนคําขอได้มาโดยการครอบครองตาม
คําขอที 7043/47 ลงวนั ที 9 กรกฎาคม 2547 โดยอ้างว่า ทีดินตามโฉนดทีดินเลขที 13041 ตําบล
จมุ พล อําเภอโพนพสิ ยั จงั หวดั หนองคาย ซงึ มีชือนางสาวนภิ า ระงบั พยญั เป็ นผ้ถู ือกรรมสิทธิโดย
ออกโฉนดทีดินตามมาตรา 58 ตรี แหง่ ประมวลกฎหมายทีดิน จากหลกั ฐาน น.ส.3 ก. เลขที 3976
ตําบลจุมพล อําเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ซึงในขณะออกโฉนดทีดินนัน นางสาวนิภา
ระงับพยญั เป็ นผู้มีชือใน น.ส.3 ก. แต่มิใช่เป็ นผู้มีสิทธิในทีดิน เนืองจากทีดินดงั กล่าว นางสาว
นิภา ระงบั พยญั ได้ฟ้ องขบั ไล่ นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผู้ถือสิทธิ รวม 4 คน และศาลอุทธรณ์
ภาค 4 ได้มีคําสงั คดีหมายเลขแดงที 2771/2544 ลงวนั ที 21 ธันวาคม 2544 ยกฟ้ องคําฟ้ องของ
นางสาวนภิ า ระงบั พยญั โดยศาลวินจิ ฉยั วา่ นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผ้ถู ือสิทธิ รวม 4 คน ได้มา
โดยการครอบครอง ตงั แตป่ ี พ.ศ. 2528 และพิพากษาว่า นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผ้ถู ือสิทธิ รวม
4 คน มีสทิ ธิครอบครองในทีดนิ ตาม น.ส.3 ก. แปลดงั กลา่ ว คดถี งึ ทีสดุ แล้ว

นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผ้ถู ือสิทธิ รวม 4 คน ได้ขอให้ข้าพเจ้าดําเนินการเพิกถอนโฉนด
ทีดินเลขที 13041 ตําบลจุมพล อําเภอโพนพิสยั จงั หวดั หนองคาย เนืองจากออกให้แก่นางสาว
นิภา ระงับพยญั โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และนายสมภาร พรมทะรือ กับผู้ถือสิทธิ รวม 4 คน
ได้มาโดยการครอบครอง น.ส.3 ก. เลขที 3976 ตาํ บลจมุ พล อําเภอโพนพสิ ยั จงั หวดั หนองคาย

ข้าพเจ้าได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า ควรเพิกถอนโฉนดทีดนิ เลขที 13041 ตําบลจมุ พล
อําเภอโพนพิสยั จงั หวดั หนองคาย จึงได้รายงานเรืองไปยงั จงั หวดั เพือขอความเห็นชอบจากอธิบดี
กรมทีดิน ซึงต่อมาอธิบดีกรมทีดินเห็นชอบให้เพิกถอนจึงแต่งตังคณะกรรมการสอบสวนตาม
มาตรา 61 แหง่ ประมวลกฎหมายทีดนิ

คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า โฉนดทีดนิ เลขที 13041 ตําบลจมุ พล อําเภอ
โพนพิสยั จงั หวดั หนองคาย ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนืองจากนางสาวนิภา ระงับพยญั
ไมใ่ ชผ่ ้มู ีสทิ ธิครอบครองทีดนิ น.ส.3 ก. เลขที 3976 ตําบลจมุ พล อําเภอโพนพิสยั จงั หวดั หนองคาย

18

ตามมาตรา 58 ตรี แห่งประมวลกฎหมายทีดนิ สมควรเพิกถอนโฉนดทีดินดงั กล่าวตามมาตรา 61
แหง่ ประมวลกฎหมายทีดนิ

อธิบดีกรมทีดินอาศยั อํานาจตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายทีดนิ และกฎกระทรวง
กําหนดหลกั เกณฑ์ และวธิ ีการแตง่ ตงั คณะกรรมการสอบสวน การสอบสวน การแจ้งผ้มู ีส่วนได้เสีย
เพือให้โอกาสคดั ค้าน และการพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขการออกโฉนดทีดินหรือหนงั สือรับรอง
การทําประโยชน์ การจดทะเบียนสทิ ธิและนติ กิ รรมเกียวกบั อสงั หาริมทรัพย์ หรือการจดแจ้งเอกสาร
รายการจดทะเบียนอสงั หาริมทรัพย์โดยคลาดเคลือนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย พ.ศ.2544 ได้มี
คําสงั ที 2044/2548 ลงวนั ที 19 กรกฎาคม 2548 ให้เพิกถอนโฉนดทีดินแปลงดงั กล่าว ตลอดจน
เอกสารทีเกียวข้องทงั หมด

ข้าพเจ้าได้ดําเนนิ การเพิกถอนโฉนดทีดนิ แปลงดงั กล่าวตามคําสงั อธิบดีกรมทีดิน โดยออก
ใบแทนโฉนดทีดนิ เพราะไม่ได้โฉนดทีดินตามกฎกระทรวงฉบบั ที 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความ
ในพระราชบญั ญตั ิให้ใช้ประมวลกฎหมายทีดิน พ.ศ.2497 จากการเพิกถอนทําให้ น.ส.3 ก. เลขที
3976 ตําบลจุมพล อําเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย กลับคืนสู่ฐานะเดิม ได้ขีดฆ่าการหมาย
เหตกุ ารออกโฉนดทีดนิ ใน น.ส.3 ก. ออก ทําให้ น.ส.3 ก.ชํารุด จงึ ได้จดั ทําขึนใหม่ทงั สองฉบบั ตาม
มาตรา 64 แห่งประมวลกฎหมายทีดิน แล้วจึงพิจารณาดําเนินการจดทะเบียนได้มาโดยการ
ครอบครองตามมาตรา 1367 แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ให้แก่นายสมภาร พรมทะรือ
กับผู้ถือสิทธิ รวม 4 คน โดยถือปฏิบัติ ตามหนังสือกรมทีดิน ที มท 0612/2/15140 ลงวันที 3
กนั ยายน 2517 ตอบข้อหารือจงั หวดั ปราจีนบรุ ี ซงึ ให้ถือปฏิบตั ติ ามหนงั สือกรมทีดิน ที มท 0612/2/
ว 15476 ลงวนั ที 10 กนั ยายน 2517

ตอ่ มาข้าพเจ้าได้ออกโฉนดทีดินและแบง่ กรรมสิทธิรวมให้แก่นายสมภาร พรมทะรือ กบั ผู้
ถือสิทธิ รวม 4 คน จนสําเร็จตามความประสงค์

เรืองนีทําให้ข้าพเจ้ามีความภาคภมู ิใจมาก เนืองจากข้าพเจ้าได้สร้างความประทบั ใจให้แก่
นายสมภาร พรมทะรือ กับผู้ถือสิทธิ รวม 4 คน เพราะในเวลาต่อมาข้าพเจ้าได้สร้ างรัวหน้า
สํานกั งานทีดนิ โดยไมไ่ ด้ใช้งบประมาณของทางราชการ นายสมภารฯ ซึงทราบภายหลงั ว่าเป็ นชา่ ง
รับเหมาก่อสร้างได้มาร่วมกอ่ สร้างรัวสํานกั งานทีดนิ โดยไมค่ ดิ คา่ จ้างแตอ่ ย่างใด เพราะเจตนาสร้าง
ให้เป็นการตอบแทนด้วยความเตม็ ใจ

กฎหมาย ระเบยี บ คาํ สงั ทีเกียวข้อง
1. มาตรา 58 ตรี , 61 ,และ 64 แหง่ ประมวลกฎหมายทีดนิ
2. มาตรา 1367 แหง่ ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์

19

3. กฎกระทรวงฉบบั ที 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความในพระราชบญั ญัติให้ใช้ประมวล
กฎหมายทีดนิ พ.ศ.2497

4. กฎกระทรวงกําหนดหลกั เกณฑ์ และวิธีการแตง่ ตงั คณะกรรมการสอบสวน การ
สอบสวน การแจ้งผ้มู ีสว่ นได้เสีย เพือให้โอกาสคดั ค้าน และการพจิ ารณาเพกิ ถอนหรือแก้ไขการ
ออกโฉนดทีดินหรือหนงั สือรับรองการทําประโยชน์ การจดทะเบยี นสทิ ธิและนิตกิ รรมเกียวกบั
อสงั หาริมทรัพย์ หรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสงั หาริมทรัพย์โดยคลาดเคลือน
หรือไมช่ อบด้วยกฎหมาย พ.ศ.2544

.......................................

20

เรือง ธรรมะรอบตัว

นายอนนั ต์ เจริญพทิ ยา
นายชา่ งรังวดั ชํานาญงาน
สํานกั งานทีดนิ จงั หวดั เชียงราย

สาเหตทุ ีข้าพเจ้าใช้ชือเรืองเชน่ นี เนืองจากวา่ ธรรมะคอื ชีวิต และชีวิตคอื ธรรมะการทํางาน
ประกอบสมั มาอาชีพ คือการปฏิบตั ธิ รรมซงึ จะได้โยงถึงการปฏิบตั ิงานราชการของข้าพเจ้า ปี พ.ศ.
2514 ปลายปี ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเป็ นข้าราชการกรมทีดินด้วยความภาคภมู ิใจ ด้วยความม่งุ มนั ที
จะประกอบภารกิจในชีวิตของการเป็ นข้าราชการอย่างดีทีสุด โดยตงั ใจว่าจะทํางานเพือทีจะให้
มิใช่เพือทีจะรับ โดยทํางานเพืองาน ทําความดีเพือความดี และทํางานอย่างมีความสขุ หรือหา
ความสขุ จากการได้ทํางาน ซึงสิงเหลา่ นีล้วนเป็ นความประทบั ใจมากทีสดุ ในขณะนนั ขณะทีเป็ น
วยั ทีไฟแรงอายกุ ็ประมาณ 20 ปี กว่าๆ แต่เส้นทางเดินของชีวิตนนั มิได้โรยด้วยกลีบกหุ ลาบ จึงมี
อปุ สรรคให้เกิดเรืองราวระทกึ ใจอยมู่ ากมายเป็นเหตอุ ย่างหนงึ ทีทําให้ข้าพเจ้ามิอาจทําในสิงทีตงั ใจ
ไว้ได้เตม็ ความสามารถ สภาพแวดล้อมก็เป็นอีกปัจจยั หนงึ ทีทําให้เราหลงลืมความตงั ใจทีดีของตน
นานๆ เข้าก็ทําให้ไฟทีมีอยคู่ อ่ ยๆ ริบหรีลง แตก่ ็ใชว่ า่ จะดบั ไป หากมีโอกาสจะลกุ โชนขึนมาอีกครัง
เมือข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับฟังธรรมจากพระอาจารย์ผู้รู้และกัลยาณมิตรธรรมทังหลาย หนังสือ
ธรรมะตา่ งๆ ข้าพเจ้ามีโอกาสได้อ่านได้ศึกษามาคอ่ นข้างมาก เมือลงมือปฏิบตั ิจริงๆ ทําให้ชีวิต
คอ่ ยๆ หนั มาสคู่ รรลองแหง่ ความดีได้อีกครังหนงึ

สําหรับธรรมะรอบตวั นันล้วนแต่เป็ นสิงทีดีงามทีข้าพเจ้ายึดถือและนํามาปฏิบตั ิ ดงั จะ
ยกตวั อยา่ งดงั นี กายสามคั คีและจิตสามคั คี แต่ก่อนการทํางานข้าพเจ้ามิได้คดิ ถึงเรืองของความ
สามัคคีของกายและจิตเลย มัวแต่มองออกไปข้างนอกเป็ นเรืองความสามัคคีในหมู่คณะเป็ น
สําคัญ ข้าพเจ้าเองปรารถนาจะผูกมิตรกับทุกคนซึงทําให้มีเพือนฝูงมากมาย และข้าพเจ้าได้
มองเห็นสจั ธรรมะนีว่าความพร้อมเพียงของหมู่คณะนํามาซึงความสําเร็จเมือได้มองเห็นเช่นนัน
แล้ว ลองเอาจิตและกายมารวมกนั ให้เป็ นหนึงเดียว ปรากฏวา่ งานทีทําไม่ค่อยผิดพลาดทกุ ครังที
ได้ทํางาน อา่ นหนงั สือหรือฟังก็จะเกิดปัญญาเกิดความเข้าใจดียิงขึน หรือกลา่ วอีกอย่างหนงึ ก็คือ
ใช้สตคิ วามตงั ใจประกอบทกุ ครังหรือภาษาทางพระวา่ อาตาปี สมั ปชาโน สติมา คือตงั ใจจดจ้อง
นนั เอง สิงนีก็จะไปเกียวเนืองกบั อิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ วิริยะ จิตต วิมงั สา ซึงข้าพเจ้ามีความ
ประทบั ใจในข้อธรรมเหลา่ นีมาก ได้นํามาประพฤตปิ ฏิบตั เิ สมอมา

21

การมองในกายตน เมือได้ลงมือปฏิบตั ธิ รรมอยา่ งจริงจงั ได้รู้ได้เห็นจงึ เกิดความประทบั ใจ
อนั เนืองมาจากเกิดสขุ อยา่ งแท้จริง เมือก่อนข้าพเจ้าจะมองดแู ตบ่ คุ คลอืน คือชอบมองออกไปข้าง
นอกจนลืมมองดตู วั เอง ทําอะไรผดิ มกั จะไมย่ อมรับผิด แตจ่ ะไปโทษสงิ นนั สิงนี โทษดินฟ้ าอากาศ
มารู้ทีหลงั ว่านนั ไม่ถกู ทีจริงแล้วควรจะโทษตนเองมากกว่า ในปัจจบุ นั ข้าพเจ้าจะมองตนเองแล้ว
ผดิ พลาดตรงไหนก็จะปรับปรุงตวั เองอย่เู สมอ เมือเราได้ใช้ความพยายามมองเข้ามาในตวั เรามาก
ขนึ ก็จะพบสงิ ทีดแี ละไมด่ ีอยใู่ นตวั สิงดีก็พยายามรักษาไว้ และปรับปรุงให้ดียิงขึนๆ ไป สว่ นสิงที
ไมด่ กี ็พยายามตดั ทิงไปจากตวั แล้วไมน่ ํามาปรุงแตง่ ใสเ่ ข้ามาในตวั อีก โดยกนั สิงทีไมด่ ีไม่ให้เข้ามา
เสมือนสร้ างกําแพงปราการไว้

การไมห่ ลงลืม ข้าพเจ้ามกั จะได้พบว่าวนั หนงึ ๆ เราจะลืมบอ่ ยคือลืมสิงนนั สิงนีเป็ นประจํา
ในบางวันตอนเช้าออกไปทํางาน ลืมแว่น ต้องกลับมาบ้านอีกทีเพือทีจะมาเอาแว่น ทําให้
เสียเวลา เสียเงินค่านํามันรถ เสียอารมณ์ท่านเคยเป็ นเช่นนีหรือเปล่าครับ ต่อเมือข้าพเจ้าได้
ปฏิบตั ธิ รรมฝึ กฝนตนเองบอ่ ยครังจงึ ทําให้ความหลงลืมนนั คอ่ ยๆ หายไป คือไม่ลืมบอ่ ยเหมือนแต่
ก่อนเคลด็ ลบั งา่ ยๆ คอื เมือจะวางของเชน่ กญุ แจรถเราจะบอกตวั เองว่า “วางหนอ” สกั 5 ครัง หรือ
10 ครังเพราะเป็นการยําจติ ของตนให้มีสตริ ะลกึ ได้ จําได้มนั จะฝังเข้าไปในจิตพอมากเข้าๆ ก็จะจํา
ได้เองโดยอตั โนมตั ิ ท่านทีเป็ นเชน่ ข้าพเจ้าลองนําไปทําดนู ะครับอาจจะได้ผล ซงึ ไม่ใช่เฉพาะวาง
สงิ ของแล้วลืมนะครับ ความคดิ เราเองก็เหมือนกนั เชน่ เรากําลงั คดิ วา่ จะถามปัญหากบั คนๆนีพอ
พบเขาแล้วกลบั ลืมกรณีนีเพียงแต่เราใช้คําว่า “คดิ หนอ” หลายๆ ครัง เช่นนีละครับจะจําได้เองไม่
ต้องเสียเวลาไปจดลงในกระดาษด้วยซําไป ตวั จิตนีมีความสําคญั มากหากเรารู้จกั นํามาใช้เป็ น
ประโยชน์

ประสบการณ์จากการนอนไม่หลบั ข้าพเจ้าได้เคยประสบมากบั ตนเองว่าการนอนไม่หลบั
พยายามค้นหาสาเหตกุ ็พบว่าเป็ นเพราะเราคงเครียดมากกบั เรืองการงาน เรืองชีวิต เรืองธุรกิจ
จิตของเราจินตนาการปรุงแตง่ ไปเรือยๆ ทงั เรืองดีและเรืองร้าย ตอ่ มาข้าพเจ้าจงึ ได้พบว่าเหตทุ ีไม่
หลบั เพราะเกิดจากจิตตวั เราไปรับเอาเรืองราวตา่ งๆ เข้ามาแล้วเก็บไว้ กอดไว้ แบกไว้ไม่รู้จกั วาง
ครังหนึงมีผู้มาถามว่าทําอย่างไรทีจะนอนแล้วหลับเลย ข้าพเจ้าก็ตอบว่า ท่านรู้จักวางเรือง
ความคิดต่างๆ ไว้ ยกอารมณ์ออกแล้วหรือยงั ถ้ายงั ก็ต้องฝึ กการวางลงเสียก่อน เพราะการวาง
ความคิดหรือการวางอารมณ์นนั อาจจะกระทําได้หลายวิธีการแล้วแต่ความถนดั คือการวางจิต
วางอารมณ์อยา่ งวิธีปถุ ชุ น คือ หาสิงทีเอาใจไปวางไว้กับอีกทีหนึงโดยการฟังเพลงทีชอบ ดหู นงั
ดลู ะคร การละเล่นทีชอบ อา่ นหนงั สือทีชอบ สกั พกั ก็จะรู้สึกง่วงนอนแล้วก็หลบั ไป ทําบอ่ ยๆก็จะ
เป็นนสิ ยั ผ้ปู ฏิบตั ธิ รรมทีชอบเจริญจติ พฒั นาจิต หรือเจริญภาวนาวา่ ในแตล่ ะวนั ทีผ่านมาล้วนมี

22

เรืองราวมากมายให้คิด เวลาก่อนนอนอาจจะใช้วิธีสวดมนต์ เจริญภาวนา โดยนงั นอน ยืน เดิน
ฝึกสมาธิ ให้สามารถควบคมุ จติ ให้นิงได้

การทํางานอนั เลิศย่อมได้ผลอนั เลิศ การทํางานอะไรแล้วแตค่ วรนึกถึงวิธีการทํางานทีให้
ประโยชน์สูงสุด ประหยดั เวลาเสียแรงงานน้อยทีสดุ ควรเลือกเอาวิธีการทีดีทีสุดจากการทํางาน
นนั ๆ ข้าพเจ้าได้ทดลองทําเช่นนนั หลายครังก็สามารถสร้างผลงานได้มากแตใ่ ช้เวลาน้อย แตห่ าก
เราหว่ งผลงานอนั เลศิ และลืมวธิ ีการอนั เลศิ เราก็จะไมไ่ ด้ผลงานอนั เลิศ เพราะว่าเรามวั แตเ่ อาใจไป
ผกู ตดิ กบั ผลมากเกินไป ครันพอทําไปนานๆ แล้วผลงานไม่ดีก็เกิดกิเลส ความไมพ่ อใจ ไม่ถกู ใจ
จิตไมผ่ อ่ งใส การทําเชน่ นนั บนั ทอนสขุ ภาพกายและจิตไปเปล่าๆ ข้าพเจ้าคิดวา่ เราควรเลือกสิงทีดี
ทีสุดให้ตนเอง ดงั นนั ในปัจจบุ นั ข้าพเจ้าจึงเลือกวิธีการทีดีทีสดุ ในการทํางานแต่ละอย่าง ไม่ว่าจะ
เป็นงานทีทํางานหรืองานบ้าน เป็นต้น

การบริหารกายและบริหารจิต (ออกกําลงั ) ท่านผู้ใดมีสุขภาพแข็งแรงคือผู้มีบุญวาสนา
“อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็ นลาภอันประเสริฐ ทีข้าพเจ้านําสุภาษิตนีมากล่าว
เพือทีจะชีให้ท่านหมนั เอาใจสุขภาพตนเอง และควรอย่างยิงทีจะดแู ลรักษาตนเอง เพราะใครคน
อืนก็ไม่สามารถรู้ดีเทา่ กบั ตนเองการออกกําลงั กายนบั ว่าเป็ นสิงทีจําเป็ นอย่างยิง ซึงข้าพเจ้านิยม
และปฏิบตั เิ รือยมา ทําให้มีร่างกายแขง็ แรงไมเ่ จ็บป่ วยบอ่ ยเป็ นการประหยดั คา่ รักษาพยาบาลของ
รัฐ ข้าพเจ้าคิดและปฏิบตั ิเช่นนีก็เป็ นการสร้างบญุ กศุ ลให้กับตนเอง นอกจากการออกกําลงั กาย
แล้วควรจะออกกําลงั ใจด้วย การออกกําลงั ใจมิใช่ให้ใจคิดอะไรตอ่ มิอะไรให้มากๆ แต่เป็ นการฝึ ก
ให้ใจมีพลงั คือให้จิตนิง ข้าพเจ้าจึงนํามาลงมือปฏิบตั ิดปู รากฏวา่ มีประโยชน์ ข้าพเจ้าจงึ อยากจะ
ให้พีน้องชาวดนิ ลองปฏิบตั ดิ นู ะครับ

การแก้ ไขปัญหา “ปัญหามีไว้ให้แก้ไขมิใช่มีไว้เพือซุกซ่อน” ในการปฏิบัติงาน การ
ดาํ รงชีวติ อยใู่ นโลกกว้างใบนีล้วนแตม่ ีปัญหา น้อยนกั ทีจะไมม่ ีปัญหา ถามวา่ เมือมีปัญหาแล้วคณุ
จะทําอยา่ งไร บางทา่ นท้อแท้ หากทําใจให้ยอมรับมนั เสียก็จะมีชอ่ งทางแก้ไขปัญหานนั ๆ ได้ การ
แก้ปัญหาอย่างง่ายๆ คือ หากนึกอะไรไม่ออกก็อยู่นิงๆ หรือเปลียนบรรยากาศไปทําอย่างอืน สกั
พกั ปัญญาเกิดแว๊บเข้ามาในจิต โอ้นึกออกแล้ว เป็ นเรืองง่ายมากครับข้าพเจ้ามกั ใช้วิธีนีบ่อยๆ
และพบว่าการแก้ปัญหาทีดีทีสุด และแก้ไขแล้วเป็ นอนั สินสุดโดยไม่ต้องแก้ไขปัญหาบ่อยๆ คือ
ปัญหาทกุ อยา่ งแก้ไขได้ไมม่ ีปัญหาใดแก้ไขไมไ่ ด้ หากท่านมีธรรมมะนนั คือ “ปัญญา” กล่าวกนั ว่า
ปัญญามีอยู่ 3 ระดบั ระดบั แรก คอื ปัญญาเกิดจากการเรียนรู้ การได้ยิน ได้ฟัง ได้จากการอ่าน
เขียนเรียนหนงั สือนนั คือปัญญาระดบั แรก ปัญญาระดบั ทีสอง เกิดจากการนําเอาปัญญาระดบั
แรกมาจนิ ตนาการ มาคดิ มาปรับปรุง มาแตง่ เติม ผ้จู บการศกึ ษาระดบั ปริญญาโท ปริญญาเอก
ก็เกิดจากปัญญาสองระดบั นีทงั นนั ส่วนปัญญาระดบั สามคือ ปัญญาทีเกิดจากจิตของตนเองได้

23

จากการเจริญภาวนา ขอยกตวั อย่างเรืองจริง เมือประมาณปี พ.ศ.2519 มีคนไทยทีทํางาน ณ
องค์การ NASA ได้ใช้ปัญญาระดบั สาม คือ การทําจิตนิงในการผลิตชินส่วนประกอบขายาน
อวกาศไวกิง การใช้ปัญญาระดบั สามนีมีประโยชน์มากสามารถนํามาแก้ไขปัญหาเลียงชีวิตและ
ขจดั ความทกุ ข์ในชีวิตได้ทงั สิน

โลกธรรม 8 โลกธรรม 8 มีดงั นี เมือมียศก็เสือมยศ มีลาภก็เสือมลาภ มีสุขมีทุกข์ มี
สรรเสริญมีนินทา มนั เป็ นของคกู่ นั 4 คู่ 8 อย่าง ท่านลองถามตวั เองดวู า่ เคยพบกับสิงเหลา่ นีบ้าง
หรือไม่แล้วให้ท่านตอบตวั ท่านเอง ในสภาวการณ์ปัจจุบนั นี ข้าพเจ้าและทุกท่านต่างได้รับ
ผลกระทบจากโลกธรรม 8 การเอาจิตไปติดอยู่กบั สิงเหล่านีเป็ นทุกข์ควรศึกษาและเรียนรู้แล้ว
นํามาปฏิบตั ิเท่านนั จึงจะสามารถมีชีวิตอยู่อย่างเป็ นสขุ คือรู้จกั การปล่อยวางเพราะเราแบกไว้ก็
หนกั วางลงแล้วก็เบา และไมพ่ ยายามมาแบกไว้อีก ใหมๆ่ ก็ทํายาก ครันนานไปก็เกิดความเคยชิน
พยายามประคองจิตให้เป็ นกลาง ไม่รับเอาสิงเหลา่ นีเข้ามา แต่เมือรู้วา่ รับเข้ามาแล้วก็รีบวางลง
ทนั ทีอยา่ เผลอไปแบกไว้นาน สภาพการรู้ตวั นนั เรียกวา่ มีสติ ข้าพเจ้าจะพยายามนึกการปล่อยวาง
อยทู่ กุ ๆ วนั แล้วเราก็จะไมท่ กุ ข์ เมือเราไมท่ กุ ข์ความสขุ ก็จะเข้ามาแทนที

บญุ กริยาวตั ถุ 10 เมือก่อนข้าพเจ้ารู้อยวู่ ่าจะทําบญุ ต้องมีเงินซือของไปถวายพระจึงจะได้
บญุ ข้าพเจ้ารู้อยเู่ ทา่ นนั แล้วถ้าไมม่ ีเงินจะทําบญุ ได้อยา่ งไร ก็หาคําตอบไมไ่ ด้เพิงจะมาทราบใน
ภายหลงั ตอ่ มาว่า การไม่มีเงินก็สามารถทําบุญได้ ประโยชน์ทีได้ก็ดีกวา่ มีมากกว่า เราเริมต้น
ตามลําดบั ดงั นี

1. “ทาน” เป็นการให้ แบง่ เป็นวตั ถทุ าน อภยั ทาน และธรรมทาน
2. “ศีล” ในความหมายของมนั คอื ปกตขิ องจิต ปกตเิ ป็นไปอยา่ งธรรมดา
สามญั ขณะเราอยู่เฉย ไม่ดา่ ไม่ว่าใคร ไม่ไปทําร้ ายผู้ใด ไม่ไปหยิบฉวยขโมยของใคร และอีก
หลายอยา่ งนีเป็นข้อห้ามทางศาสนาไว้
3. “ภาวนา” หรืออีกอยา่ งหนึงคือพฒั นามีความหมายเดียวกนั ว่าทําให้ดี ทําให้ดขี นึ
เชน่ คาํ วา่ การทํางานของเราจําเป็นต้องมีการพฒั นาให้ดขี นึ เหมือนประเทศของเรา เราต้องพฒั นา
ให้เจริญมากขึน เพียงแต่ท่านทํางานแล้วพฒั นาการทํางานของท่านให้มีประโยชน์ขึนเท่านนั ก็มี
บญุ ได้บญุ แล้ว คําคํานีมกั จะใช้ในการทํางานทางจติ หรือภาวนาจิต พฒั นาจิตนนั เอง ผลของการ
นําไปปฏิบตั ยิ อ่ มได้ผลจริง มีคําถามว่าได้ผลอยา่ งไร ท่านต้องลองนําไปปฏิบตั เิ องแล้วยอ่ มได้ผล
เองเป็นการรู้ได้เฉพาะตนโดยไมเ่ ลือก เวลา สถานที
4. การออ่ มน้อมถ่อมตน ปกตขิ องคนทวั ไป มกั จะยดึ ในศกั ดศิ รีในพธิ ีมากเกินไป

24

จนลืมมองตนเองวา่ การกระทําของตนเชน่ นีดที ีสดุ แล้วหรือ ลืมเสาะแสวงหาวิธีทีดีทีสดุ เป็ นต้นวา่
การยิมให้ย่อมได้รับการยิมตอบ การให้ย่อมผกู ไมตรีไว้ได้ สิงเล็กๆ น้อยๆ เหล่านีเรามกั หลงลืม
แล้วมองข้ามมนั ไป

5. ข้าพเจ้าจะขวนขวายทําความดตี อ่ ตนเองและผ้อู ืนเมือมีโอกาสเสมอนบั การทําบญุ
ทํากศุ ลอยา่ งหนงึ โดยไมต่ ้องลงทนุ ก็นบั วา่ ได้บญุ เหมือนกนั

6. เมือทําบญุ แล้วอทุ ิศผลบญุ ให้คนอืน บญุ กศุ ลทีเราได้ทําแล้วไมว่ า่ การทํางาน
รักษาศลี เจริญภาวนาและอืนๆ ล้วนเป็ นผลบญุ ทงั นนั คนมีบญุ ยอ่ มแบง่ บญุ อทุ ิศสว่ นบญุ ไปยงั
คนอืนๆ และสตั ว์ตา่ งๆ เปรียบเสมือนเรามีสิทธิ คือทรัพย์ภายในเป็ นการแปลกมาก ยิงให้ก็ยิงมาก
มีไมห่ มด มนั จะเพมิ เป็นเทา่ ทวีคณู

7. เมือคนอืนเขาทําความดีและได้รับความดีตอบสนองก็ขอให้อนโุ มทนากบั เขา
ด้วย สําหรับข้อนีเป็ นการลดมิจฉาทิฐิของตน ลดความอิจฉาริษยา ลดความเห็นแก่ตวั ข้าพเจ้า
ได้กระทําในสงิ นีมาตลอดปรารถนาให้พีน้องชาวดนิ ทงั หลายโปรดพิจารณาด้วย

8. การฟังธรรมตามกาล สําหรับข้อนีจะไปตรงกบั หนงึ ในมงคลสามสิบแปด
ประการทีมีความหมายว่า การฟังธรรมตามกาลเป็ นมงคลอนั สงู สุดเพราะเหตวุ า่ เมือปฏิบตั ิธรรม
มากยอ่ มจะมีธรรมะมากและรู้ธรรมะมากแล้วยงั ได้บญุ อีกด้วย อยา่ งนีแล้วจะไมล่ องดหู รือ

9. การแสวงธรรม ข้อนีมิได้หมายถึงผ้ปู ฏิบตั ธิ รรมเทา่ นนั ทีจะนําข้อนีไปปฏิบตั ไิ ด้
ทกุ ทา่ นสามารถชีแนะสิงทีดซี งึ ถือวา่ เป็นการแสดงธรรมเชน่ กนั นบั วา่ ได้ทําบญุ กศุ ลแล้ว

10. ทําความเหน็ ให้ถกู ต้อง นบั วา่ เป็นเรืองทีแปลกซงึ ข้าพเจ้าก็ยงั มีข้อสงสยั วา่ ทํา
ความเหน็ ให้ถกู ต้องนีจะเป็ นบญุ กศุ ลได้อย่างไร ได้พยายามค้นคว้าหาความรู้พบวา่ หากคนเรามี
ความเหน็ ทีมีสมั มาทิฐิก็จะทําแตส่ งิ ทีถกู ทีดเี ชน่ นนั ก็จะเกิดบญุ เกิดกศุ ล

สําหรับธรรมมะรอบตวั ทีข้าพเจ้าได้เล่ามานี ปรารถนาจะชีแนะชีนําให้พีน้องชาวดินทีรัก
ความดี ทียงั ไม่ใคร่รู้ ได้รู้ ได้ฟัง นําไปพินิจพิจารณาด้วยความเห็นทีถกู ต้องว่าในชีวิตนีท่านจะ
เลือกทางเดินของชีวิตไปทางใด ท่านได้ตระเตรียมตวั ด้วยการสะสมทรัพย์ภายในไว้บ้างแล้วหรือ
ยงั ถ้ายงั ข้าพเจ้าขอแนะนําให้ทกุ ๆ ทา่ นได้เตรียมตวั ไว้อย่าได้ประมาท เพราะชีวิตของทกุ คนนนั มี
คา่ และหนทางชีวติ จะยาวไกลหรือใกล้แคไ่ หนไมม่ ีผ้ใู ดบอกได้

.......................................

25

เรือง บันทกึ แห่งความทรงจาํ (Memory)

นายอําพล ศกั ดพิ นั ธ์พนม
เจ้าพนกั งานทีดนิ จงั หวดั อตุ รดติ ถ์

ก่อนอืนผมขอแสดงความขอบคณุ ผู้บริหารกรมทีดินทกุ ท่านทีได้แสดงความเมตตา และ
ให้โอกาสผ้เู กษียณอายรุ าชการทกุ คนมีโอกาสแสดงความรู้สึก ความคดิ เห็น และถ่ายทอดวิทยา
ยุทธเพือคนรุ่นหลงั อนั จะเป็ นประโยชน์แก่ชาวกรมทีดินโดยรวมสืบไป สําหรับประสบการณ์การ
ทํางานของผมนัน คงจะเหมือนกับทุกท่าน ผมจึงขอถ่ายทอดข้อคิด ความรู้สึก และสิงดีๆ ที
เกิดขนึ อนั เป็นเหตผุ ลหนงึ ทีทําให้ผมทมุ่ เทแรงกาย แรงใจในการทํางานให้กบั กรมทีดนิ ตลอดมา

การทีได้มีโอกาสบรรจเุ ป็ นข้าราชการสงั กัดกรมทีดินนนั ผมถือว่าคือจดุ เริมต้นทีดี ซึงผม
คดิ เสมอวา่ ข้าราชการ คือ “ข้าของแผน่ ดนิ ” เป็นข้าในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั จึงทําให้ผมมี
กิน มีใช้อยู่จนถึงทุกวันนีได้อย่างมีความความสุข ก็เนืองจากสังคมเปิ ดโอกาสให้ผม ฉะนัน
ถึงแม้ผมจะเป็ นเพียงพสกนิกรคนหนึงแต่ก็คิดเสมอว่าจะต้องทํางานทีสามารถสานต่อ พระราช
ปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั และจดุ หมายของราชการ โดยให้บริการแก่ประชาชน
เพือส่งเสริมและพฒั นาคณุ ภาพชีวิตพสกนิกรของพระองค์ท่านเพียงเท่านีก็เพียงพอแล้ว สําหรับ
คนชือ “อําพล ศกั ดพิ นั ธ์พนม” ทีได้เกิดมาเป็ นคนไทย มีโอกาสสนองคณุ เป็ นข้ารับใช้ผืนแผน่ ดิน
ไทยแหง่ นี

แรงบนั ดาลใจจากการเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงงานหนกั เพือประโยชน์สุข
ของปวงชนชาวไทย ทําให้คนไทยทุกคนรวมทังผมด้วยมีความมุ่งมันทีจะร่วมช่วยกันสนอง
พระราชดําริ ด้วยความรําลึกในพระมหากรุณาธิคณุ และคงมีเจตนารมณ์ทีจะรับใช้ใต้เบืองพระ
ยคุ ลบาทของพระองค์ทา่ นตลอดมา และตลอดไป จนกวา่ ชีวิตจะหาไม่

ความภาคภูมิใจสูงสุดของผม คือ การทีเกิดมาเป็ นคนไทย เป็ นประชากรของประเทศ
ไทยทีมีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ผ้ทู รงทศพิธราชธรรมพระองค์นีเป็ นพระประมขุ การได้ทําสิง
ใดสิงหนงึ เพือร่วมเทดิ พระเกียรตจิ งึ นบั เป็นความภาคภมู ิใจอนั ยิงใหญ่ทีสดุ ในชีวติ ของผมเสมอ

ความภาคภมู ใิ จรองลงมา คอื การทีได้มีโอกาสบรรจเุ ข้ารับราชการในสงั กดั กรมทีดินแหง่
นี ผมขอขอบคณุ ผู้บริหารกรมทีดิน และผู้บงั คบั บญั ชาทุกท่าน ตลอดจนข้าราชการ เจ้าหน้าที
ลกู จ้าง สํานกั งานทีดนิ ทกุ คน ทีผมเคยรับราชการมาตลอดระยะเวลา 39 ปี จวบจนถึงปัจจบุ นั ที
มีส่วนทําให้ผมมีโอกาสทํางานให้กับกรมทีดินสําเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีตลอดมา ตังแต่เริมรับ

26

ราชการจนกระทงั เตบิ ใหญ่มาจนถงึ ทกุ วนั นีได้อย่างภาคภูมิใจในทกุ ตําแหน่ง ซึงผมคดิ เสมอว่าทกุ
คน ทกุ ระดบั ตาํ แหนง่ ล้วนเป็นทรัพยากรบคุ คลทีมีคณุ คา่ ยิง และเป็ นส่วนสําคญั ทีทําให้งาน และ
นโยบายกรมทีดินประสบความสําเร็จตามเป้ าหมาย และในโอกาสนีเช่นกันทีผมต้องขออภัยทุก
ท่าน ถ้าหากว่าในการทํางานใดๆ ของผมทีผ่านมาอาจมีการกระทบกระทังกันบ้าง อย่างไรก็ดี
แม้ว่าจะเกษียณอายรุ าชการไปแล้ว แตง่ านทกุ อยา่ งของกรมทีดนิ ทีผมและเพือนร่วมงานได้ทําไว้
ต้องเดนิ หน้าต่อไปในอนาคตได้อย่างมีคณุ ภาพ ต้องอาศยั ความคิด แรงกาย แรงใจจากเพือนๆ
ในรุ่นต่อๆ ไปเป็ นผู้ขบั เคลือน ผมหวังเป็ นอย่างยิงว่า จะได้เห็นความเปลียนแปลงทีดีขึนของ
สํานักงานทีดิน และเพือนผู้เกษียณอายุในปี นี คงจะคาดหวงั เช่นเดียวกับผม และจะคอยให้
กําลังใจน้องๆ ทียงั ต้องทํางานเพือความสุข และคุณภาพชีวิตทีดีของประชาชนคนไทยในทุก
ภมู ิภาค ซึงผมมนั ใจเสมอว่าบุคลากรในสงั กัดกรมทีดินทุกทา่ นเป็ นคนดี คนเก่ง สามารถนําพา
องค์กรกรมทีดนิ ไปสคู่ วามเจริญ ก้าวหน้ายงิ ๆ ขนึ ไปได้อยา่ งแนน่ อน

ในทัศนคติของผมการทีข้ าราชการสามารถดํารงตนอยู่ในชีวิตราชการจนเกษี ยณอายุ
ราชการและขึนฝังอยา่ งปลอดภัยได้นนั เป็ นเรืองทีนา่ ยินดีและเป็ นเกียรติอย่างยิงเพราะเป็ นสิงที
ชีให้เห็นได้อย่างหนึงวา่ เราเป็ นคนดี มีความซือสตั ย์สุจริต และมีความมงุ่ มนั ในการปฏิบตั หิ น้าที
การงานจวบจนอายสุ งู วัย ในการดําเนินชีวิตหลงั เกษียณนันคงต้องภาวนาให้ตนเองมีสุขภาพดี
ทงั ทางกาย จิตใจ และสมองสามารถชว่ ยตนเองได้ดี ไมเ่ ป็นภาระดแู ลของคนใกล้ชิด ทีสําคญั คือ
สามารถอยอู่ ยา่ งมีความสขุ โดยไมต่ ้องรวยก็ได้ ฉะนนั ขอให้พวกเราเหลา่ ชาวดินทกุ คนจงคดิ และ
ทําแตส่ ิงทีดีๆ ถึงแม้ว่าอาจจะเคยทําอะไรทีไม่ดีไปบ้าง จะโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ก็เป็ นธรรมดา
ของมนษุ ย์เดนิ ดินอย่างเราๆ ทกุ คน ทียงั มีรัก โลภ โกรธ หลง แต่ผมคิดเสมอวา่ ทกุ คนต้องการคิด
และทําแต่สิงดีๆ เสมอ ฉะนันเมือเราได้ผู้บริหารมืออาชีพมานําพานาวาลําใหญ่นีไปยังจุดหมาย
ปลายทางทีสามารถตอบสนองความต้ องการของประชาชนได้ อย่างแท้ จริงแล้ วเราก็คงพร้ อมใจกนั
ทมุ่ เทแรงกาย แรงใจให้กบั ภาระหน้าทีของเราอยา่ งเตม็ กําลงั ความสามารถ เพือเกียรติศกั ดศิ รีของ
พวกเราทกุ คน

ชีวิตหลงั เกษียณอายุราชการ ผมคิดว่าการมีงานอดิเรกสกั อยา่ งหรือหลายๆ อย่างจะทํา
ให้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคณุ ค่า ไม่รู้สึกเบือ งานอดิเรกบางอย่างจะเป็ นการออกกําลงั กายไปในตวั
อาทิเช่น ทําสวนปลกู ต้นไม้ เล่นกีฬา ทํางานบ้าน เป็ นต้น ผมขอยกตวั อย่าง งานอดเิ รกทีเป็ น
ทางเลือกได้แก่ การท่องเทียวไปตามสถานทีต่างๆ อ่านหนงั สือ ดูแลลูกหลาน ดแู ลสตั ว์เลียง
สะสมพระเครือง ท่องเทียวเชิงนิเวศน์และศึกษานก พบปะสงั สรรค์กบั ผู้คนอืนๆ โดยไม่เลือกวยั
และสถานะ ศกึ ษาและปฏิบตั ธิ รรมรวมทงั การออกกําลงั กายเพือให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง เช่น
การเดนิ เร็วๆ 30 นาที สปั ดาห์ละ 2-3 ครัง โดยเฉพาะอย่างยิงการออกกําลงั กายในสวนสาธารณะ

27

จะทําให้เราได้มีโอกาสพบปะเพือนฝูงหลากหลายวัยได้แลกเปลียนความคิด ไม่เกิดอารมณ์
ซึมเศร้า (ผมไม่ใช่หมอแตเ่ คยอ่านวารสารบ้างพอสมควร) เหล่านีเป็ นต้น ซึงเป็ นทีทราบกันดีอยู่
แล้ววา่ ผ้สู งู อายหุ ลายทา่ นมีความจําเสือมลง ซงึ เกิดขนึ ได้จากหลายสาเหตุ ผมจงึ คดิ วา่ การทีเรา
ได้บริหารสมองอยเู่ รือยๆ อาจชว่ ยป้ องกนั ได้บ้างไมม่ ากก็น้อย

สุดท้ายนี ผมขออวยพรให้เพือนข้าราชการกรมทีดิน ตลอดจนผู้ทีกําลงั เกษียณอายุทุก
ท่านมีความสุขความเจริญ มีสุขภาพดี อายุยืนนาน ขอให้กรมทีดินคงอยู่คู่กับพวกเราชาวดิน
อยา่ งยงั ยืนและมีคณุ คา่ และเป็นทีชืนชมของประชากรชาวไทยในทกุ ภมู ิภาคตลอดไปครับ

----------------------------------------------


Click to View FlipBook Version