คำนำ
ตามที่กองการเจ้าหน้าที่ได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานเก่ียวกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
เมื่อปี พ.ศ. 2558 เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ และใช้เป็นแนวทางในการเสนอขอเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
และเหรียญจักรพรรดิมาลา ให้แกข่ ้าราชการ ลูกจา้ งประจำ และพนักงานราชการ สังกัดกรมท่ีดิน ซ่ึงปัจจุบัน
ระเบียบท่ีใช้ในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มีการปรับปรุงแก้ไขให้มีความเหมาะสม
และสอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป .กองการเจ้าหน้าท่ีจึงได้รวบรวมกฎหมาย ระเบียบ
หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง โดยจัดทำ “คู่มือการปฏบิ ัติงานเก่ียวกับเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณแ์ ละเหรียญจักรพรรดิมาลา
ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ใช้คู่มือนี้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
ศกึ ษา ค้นคว้า และอา้ งอิงนำไปใชใ้ นการเสนอขอพระราชทานเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ใหเ้ กิดความถูกต้องต่อไป
กองการเจ้าหน้าท่หี วังเป็นอย่างย่ิงวา่ คู่มือนี้ จะเป็นส่วนหนง่ึ ในการเสริมความรูแ้ ละความเข้าใจ
ในการพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลาให้แก่ข้าราชการ
ลูกจ้างประจำ และพนักงานราชการในสังกัดกรมที่ดิน และหากคู่มือน้ี มีข้อบกพร่องประการใด ขอได้แจ้ง
ข้อมูลให้ทราบเพ่ือคณะผู้จัดทำจะไดน้ ำข้อมูลมาปรับปรุงคู่มอื น้ีให้ดยี งิ่ ข้ึนต่อไป
กองการเจ้ าห น้ าท่ี ได้ ดำเนิ น การจั ดท ำองค์ ความ รู้ .เร่ื อง.“คู่ มื อการป ฏิ บั ติ งาน เก่ี ย วกั บ
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลา.ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2565”.ตามมติที่ประชุม
ของคณะกรรมการจดั การความรขู้ องกรมทีด่ นิ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565
กองการเจ้าหน้าที่
กองฝึกอบรม
กรมท่ีดนิ กระทรวงมหาดไทย
สารบญั
บทที่ 1 ประวัตคิ วามเปน็ มา และประเภทของเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ไทย หน้า
1
บทที่ 2 ขนั้ ตอนในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณแ์ ละเหรยี ญจักรพรรดมิ าลา 7
17
บทท่ี 3 การรบั เรยี กคืนและการส่งคนื เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ 23
44
บทท่ี 4 การแตง่ กายประดบั เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์
48
บทท่ี 5 แนวคำวนิ จิ ฉัยของศาลปกครองเก่ียวกับเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์
บทท่ี 6 ตารางเปรียบเทียบ ระเบยี บสำนกั นายกรัฐมนตรีวา่ ดว้ ยการขอพระราชทาน
เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์อันเป็นที่เชดิ ชูย่ิงช้างเผอื กและเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์
อนั มีเกียรตยิ ศย่ิงมงกฎุ ไทย พ.ศ. 2536 และ พ.ศ. 2564
ภาคผนวก
- คำถาม – คำตอบเก่ยี วกบั การเสนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์
- กฎหมายและระเบียบเกยี่ วกับการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์และเหรียญจักรพรรดมิ าลา
บทที่ 1
ประวตั ิความเปน็ มา และประเภทของเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณไ์ ทย
ประวตั ิความเปน็ มา
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์หรือที่เรียกกันเป็นภาษาสามัญว่า ตรา คือส่ิงท่ีเป็นเคร่ืองหมายแสดง
เกียรติยศและบำเหน็จความชอบ เป็นของพระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จ
ความชอบในราชการ ประเทศชาติ ศาสนา ประชาชน หรือส่วนพระองค์ นอกจากน้ันยังหมายความรวมถึง
เหรยี ญที่ระลึกท่ที รงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างในโอกาสสำคญั ตา่ ง ๆ เพ่ือใหบ้ ุคคลท่ัวไปใช้ประดับได้อยา่ ง
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ในปัจจุบันเป็นเครื่องหมายประดับเสื้อซึ่งนิยมกันท่ัวไป
แม้ประเทศซึ่งไม่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขก็นิยมใช้ โดยถือว่าเป็นส่ิงส่งเสริมเกียรติของบุคคล
ผู้มีผลงานดีเด่นต่อส่วนรวม ให้เป็นแบบอย่างท่ีควรยึดถือ มิได้ใช้เป็นเครื่องหมายแบ่งแยกชนช้ันแต่อย่างใด
กล่าวโดยสรุปเครื่องราชอิสริยาภรณ์หมายถึง ของท่ีทรงสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบ
ในพระองคแ์ ละเป็นเคร่ืองหมายแสดงถึงเกียรติยศและบำเหนจ็ ความชอบ
ประเภทของเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณไ์ ทย
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ไทยแบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ดงั น้ี
ประเภทที่ 1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานแก่ประมุขของรัฐต่างประเทศ
มีช้ันเดียวคือ เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคลยิ่งราชมิตราภรณ์ (ร.ม.ภ.) เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาให้สร้างข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2505
เพื่อพระราชทาน..แก่ประมุขของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีสัมพันธไมตรีกับประเทศไทยเป็นการเฉพาะแทน
เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์สกุลอ่นื ๆ ซ่งึ เคยพระราชทานมาแลว้ ในอดตี
ประเภทท่ี 2 เครื่องราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการ
แผน่ ดิน มี 8 ชนดิ คือ
2.1 เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.)
เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ทรงพระกรุณาให้สร้างเม่ือ
พ.ศ. 2425 เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ปฐมกษัตริย์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี ท่ีได้ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครเป็นราชธานีมาเป็นเวลาครบ 100 ปี
สำหรับพระราชทานแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ซ่ึงสืบเน่ืองโดยตรงในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
และผ้ซู ่ึงพระบรมวงศานวุ งศ์ดังกล่าวไดเ้ สกสมรสด้วย
2.2 เค ร่ือ งราช อิ สริย าภ รณ์ อั น เป็ น โบ ราณ ม งค ล น พ รัต น ราช วราภ รณ์ (น .ร.)
เป็นเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาให้สร้าง
ดารานพรัตนข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2401 - 2402 และแหวนนพรัตน สำหรับพระราชทานแก่พระราชวงศ์ฝ่ายหน้า
และฝ่ายใน ตลอดจนขา้ ราชการช้นั ผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นพุทธมามกะ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาให้สร้างดวงตรามหานพรัตน สำหรับห้อยสายสะพาย ข้ึนเป็นคร้ังแรก
ของเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ไทย เมื่อพุทธศักราช 2412 เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์นมี้ ชี ั้นเดียว
2
2.3 เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2416 เน่ืองในโอกาสท่ีพระมหากษัตริย์
ราชวงศ์จักรีได้ปกครองประเทศไทยตดิ ต่อกันมาถึง 90 ปี ด้วยความสงบสุข พระองค์จงึ ทรงพระกรุณาให้สร้าง
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าน้ีข้ึน ซ่ึงเป็นพระนามของพระองค์ และใช้แพรแถบสีชมพูอันเป็นสี
ของวันพระราชสมภพ คือวันอังคาร สำหรับพระราชทานแก่ฝ่ายหน้า (บุรุษ) และฝ่ายใน (สตรี) และ
พระราชทานผู้สืบตระกูลในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 10 ทรงพระกรุณาให้สตรีทุกคนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์จุลจอมเกล้า ช้ันปฐมจุลจอมเกล้า และช้ันทุตยิ จลุ จอมเกล้า
วิเศษ ใช้คำนำหน้านามว่า “ท่านผู้หญิง” และให้สตรีทุกคนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ช้ันทุติยจุลจอมเกล้า ตติย จุลจอมเกล้า
และจตุตถจลุ จอมเกลา้ ใชค้ ำนำหน้านามวา่ “คุณผู้หญิง”
2.4 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีศักด์ิรามาธิบดี เป็นเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ท่ีพระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2461 สำหรับพระราชทานให้แก่
ผ้ซู ง่ึ ทำความชอบพิเศษเป็นประโยชนย์ ง่ิ แก่ราชการทหาร ไม่ว่ายามสงบหรอื ยามสงครามตามท่ที รงพระราชดำริ
เห็นสมควร แบง่ เป็น 6 ชั้น
2.5 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นท่ีเชิดชูย่ิงช้างเผือก เป็นเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
ท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเม่ือ พ.ศ. 2404 แต่มิได้
กำหนดให้มีสายสะพาย ต่อมา พ.ศ. 2412 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงกำหนดชั้น
และสายสะพายประกอบ เครื่องราชอิสรยิ าภรณน์ ้ี มี 8 ชน้ั
ชอื่ เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ รปู ภาพ รปู ภาพ
แพรแถบย่อ เคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์
ช้นั สงู สุด
มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ชนั้ ท่ี 1
ประถมาภรณ์ชา้ งเผอื ก (ป.ช.)
ชน้ั ท่ี 2
ทวีตยิ าภรณช์ า้ งเผอื ก (ท.ช.)
ชน้ั ที่ 3
ตริตาภรณช์ า้ งเผือก (ต.ช.)
ชอ่ื เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ 3 รูปภาพ
เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์
ชน้ั ที่ 4 รปู ภาพ
จัตรุ ถาภรณช์ า้ งเผือก (จ.ช.) แพรแถบยอ่
ชั้นที่ 5
เบญจมาภรณช์ า้ งเผือก (บ.ช.)
ชนั้ ที่ 6
เหรยี ญทองชา้ งเผือก (ร.ท.ช.)
ช้ันท่ี 7
เหรียญเงนิ ช้างเผือก (ร.ง.ช.)
2.6 เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 ทรงพระกรุณาให้สร้างข้ึน เมื่อ พ.ศ. 2412 สำหรับ
พระราชทานแก่ พระบรมวงศานวุ งศ์ ขา้ ราชการ ประชาชนและชาวต่างประเทศ ปจั จุบันมีท้ังหมด 8 ช้นั
ช่อื เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ รูปภาพ รูปภาพ
แพรแถบยอ่ เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์
ช้ันสงู สุด
มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.)
ชนั้ ที่ 1
ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
ช่ือเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ 4 รปู ภาพ
เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์
ชั้นท่ี 2 รปู ภาพ
ทวตี ิยาภรณม์ งกฎุ ไทย (ท.ม.) แพรแถบย่อ
ชน้ั ท่ี 3
ตริตาภรณม์ งกฎุ ไทย (ต.ม.)
ชัน้ ท่ี 4
จัตุรถาภรณม์ งกุฎไทย (จ.ม.)
ช้ันที่ 5
เบญจมาภรณม์ งกฎุ ไทย (บ.ม.)
ชน้ั ที่ 6
เหรยี ญทองมงกฎุ ไทย (ร.ท.ม.)
ชั้นท่ี 7
เหรียญเงินมงกฎุ ไทย (ร.ง.ม.)
5
2.7 เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ เป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาให้สร้างเม่ือ
พ.ศ. 2534 สำหรับพระราชทานแก่ผู้กระทำความดีความชอบอันเป็นประโยชน์ยิ่งแก่ประเทศชาติ ศาสนา
และประชาชนตามท่ีทรงพระราชดำริเห็นสมควร แบ่งเป็น 7 ชั้น เครื่องราชอิสริยาภรณ์ประเภทน้ี มีลำดับ
เกียรติรองจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทยในชั้นตราเดียวกนั ดังน้ัน ในการประดับจะต้องประดับรองจาก
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย อาทิ เม่ือจะประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย กับ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ดิเรกคุณาภรณ์ จะต้องประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดิเรกคุณาภรณ์ ถัดจากเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทย
เปน็ ต้น
2.8 เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเปน็ สริ ิย่ิงรามกรี ติ ลูกเสือสดุดชี ้ันพิเศษ เป็นเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์
ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2530 มีช้ันเดียว
สำหรับพระราชทานแก่ผู้มีอุปการะคุณแก่กิจการลูกเสือ ซ่ึงได้รับพระราชทานเหรียญลูกเสือสดุดีช้ันที่ 1
มาแล้ว และใหก้ ารช่วยเหลอื กิจการลูกเสืออยา่ งตอ่ เน่ืองมาแล้วไมน่ ้อยกว่า 5 ปี
ประเภทท่ี 3 เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์
พระมหากษตั ริย์ พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เจ้าอยู่หวั ทรงพระกรุณาให้สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณส์ ำหรับ
พ ระราช ท าน เป็ น บ ำเห น็ จ ค วาม ช อบ ใน พ ระองค์ พ ระม ห ากษั ต ริย์ ส ำห รับ พ ระราช ท าน ข้ า ราช การท่ี มี
ความจงรักภกั ดี และทรงพระกรุณาใช้สอยใกลช้ ิด ปจั จุบันพ้นสมัยการพระราชทานแล้ว แบ่งเปน็ 3 ชนิด
3.1 เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ตราวชิรมาลา
3.2 เครือ่ งราชอสิ ริยาภรณต์ รารัตนวราภรณ์
3.3 เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์ตราวัลลภาภรณ์
ประเภทที่ 4 เหรียญราชอิสริยาภรณ์ท่ีนับเป็นเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ แบ่งเป็น 4 ประเภท
ในการประดับเหรยี ญตอ้ งเรียงลำดบั ตามเกยี รตขิ องเหรียญ ดังน้ี
4.1 เหรียญที่พระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในความกล้าหาญ ได้แก่ เหรียญกล้าหาญ
เหรยี ญชยั สมรภูมิ และเหรียญพิทักษเ์ สรชี น
4.2 เหรียญท่ีพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน ได้แก่ เหรียญดุษฎีมาลา
หรือเข็มศิลปวิทยา เหรียญจักรพรรดิมาลา เหรียญจักรมาลา เหรียญราชการชายแดนและเหรียญลูกเสือ
สรรเสริญ
4.3 เหรียญที่พระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์พระมหากษัตริย์เป็นเหรียญ
ท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแต่ละรัชกาล ทรงพระกรุณาให้สร้างสำหรับพระราชทานแก่ผู้จงรักภักดี
ตามพระราชอัธยาศัยไม่เก่ียวกับตำแหน่งราชการแต่อย่างใด มี 2 ชนิดท่ีสำคัญ คือ เหรียญรัตนาภรณ์
และเหรียญราชรจุ ิ
6
4.4 เหรียญสำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึก เป็นเหรียญที่ทรงพระกรุณาให้สร้างในโอกาส
สำคัญต่าง ๆ เพื่อพระราชทานให้ประชาชนท่ัวไปสามารถจัดหามาประดับได้ตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้
ได้แก่ เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เหรียญที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกาและ
ทวีปยุโรป เหรียญรัชดาภิเษก เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยาม
มกุฎราชกุมาร เหรียญสนองเสรีชน เหรียญท่ีระลึกพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม
ราชกุมารี..เหรียญท่ีระลึกสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เหรียญเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินนี าถ พระชนมายุครบ 84 พรรษา เหรียญพระราชพธิ บี รมราชาภิเษก รัชการท่ี 10 เป็นต้น
2520
สถาปนาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกมุ ารี
สมเด็จพระนางเจ้าสิรกิ ติ ต์ิ พระบรมราชนิ นี าถ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 9 สมเด็จพระนางเจา้ สิริกติ ต์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัว รัชกาลที่ 9
2555 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกติ ติ์ พระบรมราชนิ นี าถ
เฉลิมพระชนมายุ 5 รอบ
สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ
สยามบรมราชกมุ ารี
บทท่ี 2
ขั้นตอนในการเสนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอิสริยาภรณ์
และเหรยี ญจักรพรรดิมาลา
ในการขอพระราชทานเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์ กรมทีด่ ินได้แตง่ ตง้ั คณะกรรมการพิจารณาเสนอ
ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญจักรพรรดิมาลาของกรมที่ดินเพื่อให้การพิจารณาเสนอขอ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ของบุคลากรในสังกัดของกรมท่ีดินเป็นไปด้วยความเรียบร้อยประกอบด้วย
อธิบดีกรมท่ีดิน เป็นประธาน ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ ที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจ รองอธิบดี ผู้อำนวยการ
สำนักกฎหมาย เปน็ กรรมการ ผอู้ ำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ เป็นกรรมการและเลขานุการ หัวหนา้ ฝ่ายทะเบยี นประวตั ิ
และบำเหน็จความชอบ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เพ่ือให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. 2564 และพระราชบัญญัติเหรียญจักรมาลาและเหรียญจักรพรรดิมาลา
พ.ศ. 2484 และท่แี กไ้ ขเพ่มิ เตมิ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2485 และ(ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2507
การเสน อขอพ ระราชทาน เค รื่องราชอิสริยาภ รณ์ อัน เป็น ท่ี เชิดชูย่ิงช้างเผือก
และเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศย่ิงมงกุฎไทย.ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูย่ิงช้างเผือกและเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ อันมีเกียรติยศยิ่ง
มงกุฎไทย พ.ศ. 2564 มีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
อันเปน็ ที่เชิดชยู ่งิ ชา้ งเผือกและเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อนั มเี กยี รตยิ ศย่ิงมงกุฎไทย ดงั น้ี
1..บุคคลที่พึงได้รับการพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จะต้องมี
คณุ สมบัตแิ ละไมม่ ลี ักษณะต้องหา้ ม ดังนี้
1.1 เปน็ ผู้มสี ัญชาตไิ ทย
1.2 เป็นผู้ประพฤติดี และปฏิบัติงานราชการหรือปฏิบัติงานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
ด้วยความอุตสาหะ ซื่อสตั ย์ และเอาใจใสต่ ่อหน้าท่อี ย่างดีย่ิง
1.3 เป็นผูด้ ำรงตำแหนง่ ตามหลักเกณฑ์ทก่ี ำหนดในบญั ชีทา้ ยระเบียบนี้
1.4 เป็นผู้ไม่เคยมีพระบรมราชโองการหรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
พระราชทานพระบรมราชานุญาตใหเ้ รยี กคนื เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ เวน้ แตไ่ ด้รบั พระราชทานคืนในภายหลงั
1.5 เป็นผู้ไม่เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับ
ความผดิ ทไี่ ด้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
1.6 เปน็ ผู้ทีไ่ มอ่ ยู่ในระหว่างถกู กล่าวหาว่า
(ก) กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและถูกต้ังกรรมการสอบสวน หรืออยู่ระหว่าง
พิจารณาโทษทางวนิ ยั หรืออย่รู ะหวา่ งอทุ ธรณค์ ำสั่งลงโทษทางวินัย
(ข) กระทำความผิดทางอาญาและอยู่ระหว่างสอบสวนของพนักงานสอบสวน
หรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีอาญาในศาล หรือได้มีคำพิพากษาแล้วแต่คดียังไม่ถึงท่ีสุด เว้นแต่พนักงานอัยการ
รับแก้ต่างคดีนั้น หรือเป็นความผิดท่ีได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือความผิดที่มีโทษปรับ
สถานเดียว
8
(ค) กระทำความผิดและอยู่ระหว่างการไต่สวนตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรืออยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
วา่ ด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกนั และปราบปรามการทจุ รติ
1.7 หากเป็นลูกจ้างประจำ ต้องเป็นลูกจ้างประจำของส่วนราชการตามระเบียบ
กระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ แต่ไม่หมายความถึงลูกจ้างเงินทุนหมุนเวียน
แ ล ะ ต้ อ งเป็ น ลู ก จ้ า งป ร ะจ ำ ที่ มี ช่ื อ แ ล ะ ลั ก ษ ณ ะง าน ซ่ึ งเค ย เที ย บ ได้ กั บ ลู ก จ้ า งโด ย ต ร ง ห ม ว ด ฝี มื อ ข้ึ น ไป
หรือลูกจ้างประจำทีม่ ีชอ่ื และลกั ษณะเหมือนข้าราชการ
1.8 .หากเป็นพนักงานราชการ ต้องเป็นพนกั งานราชการตามสัญญาจ้างของส่วนราชการ
ตามระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรีวา่ ด้วยพนักงานราชการ และต้องเป็นพนกั งานราชการท่ีมีชื่อและลักษณะงาน
ท่ีเทียบเท่ากับลูกจ้างประจำซ่ึงเคยเทียบได้กับลูกจ้างโดยตรงหมวดฝีมือข้ึนไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง
วา่ ดว้ ยลกู จา้ งประจำของสว่ นราชการ
1.9..ท้ังน้ี ผู้ได้รับการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ทุกรายต้องเป็นผู้ที่ได้
รับรองตนเอง.ตามแบบเสนอขอพระราชทานและรับรองคุณสมบัติบุคคล (แบบ คส. ๑ หรือแบบ คส. ๒
ตามหนงั สอื สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๕๐๘/ว(ท) ๖๘๑๖ ลงวันท่ี ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๔)
2. หลักเกณฑ์การเสนอขอพระราชทานเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์
2.1 การเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้เร่ิมจากเครื่องราชอิสริยาภรณ์
อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทยและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูย่ิงช้างเผือกสลับกัน เว้นแต่จะได้กำหนดไว้
เป็นอยา่ งอ่นื ในระเบียบนี้ โดยมีช้นั ตราตามลำดบั ดังนี้
ช้ันต่ำกวา่ สายสะพาย
(1) ชนั้ ท่ี 7 เหรยี ญเงนิ มงกฎุ ไทย (ร.ง.ม.)
(2) ชั้นที่ 7 เหรียญเงินช้างเผอื ก (ร.ง.ช.)
(3) ชั้นที่ 6 เหรยี ญทองมงกฎุ ไทย (ร.ท.ม.)
(4) ชั้นที่ 6 เหรียญทองช้างเผือก (ร.ท.ช.)
(5) ชน้ั ท่ี 5 เบญจมาภรณม์ งกุฎไทย (บ.ม.)
(6) ชั้นท่ี 5 เบญจมาภรณ์ชา้ งเผอื ก (บ.ช.)
(7) ช้ันท่ี 4 จัตุรถาภรณม์ งกุฎไทย (จ.ม.)
(8) ช้นั ท่ี 4 จตั ุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
(9) ชั้นที่ 3 ตริตาภรณม์ งกุฎไทย (ต.ม.)
(10)ชัน้ ที่ 3 ตริตาภรณช์ า้ งเผือก (ต.ช.)
(11)ชั้นท่ี 2 ทวีติยาภรณม์ งกฎุ ไทย (ท.ม.)
(12)ชั้นท่ี 2 ทวีตยิ าภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
ชน้ั สายสะพาย
(1) ชน้ั ท่ี 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)
(2) ช้นั ท่ี 1 ประถมาภรณ์ช้างเผอื ก (ป.ช.)
9
(3) ชั้นสูงสุด มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.) และ
(4) ชัน้ สงู สดุ มหาปรมาภรณช์ ้างเผือก (ม.ป.ช.)
2.2 การเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ปีติดกันหรือกรณีอ่ืนใดท่ีไม่เป็นไป
ตามหลกั เกณฑ์ที่กำหนดในระเบยี บนี้ จะกระทำมิได้
2.3 บุคคลผู้มีคุณสมบัติและคุณลักษณะครบถ้วน.และได้รับการเสนอขอพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ประจำปี ต้องดำรงตำแหน่งอยู่ในวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่ขอ
พระราชทาน ยกเว้นกรณดี งั ตอ่ ไปนี้
(1) ผู้ซ่ึงพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เพราะเกษียณอายุ และมีคุณสมบัติที่จะได้รับการ
พจิ ารณา เสนอขอพระราชทานเคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์อยูก่ ่อนการพ้นจากการปฏบิ ัตหิ น้าที่
(2) เป็นผู้เคยมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 1.6 ซ่ึงตอ่ มาปรากฏผลการสอบสวน ไตส่ วน
หรอื มีคำพพิ ากษาถึงทส่ี ุดแล้วว่าไมม่ ีความผดิ
(3) เป็นผู้มีผลงานความดีความชอบอย่างย่ิงเฉพาะท่ีกำหนดในบัญชีท้ายระเบียบน้ี
2.4 หากผู้ขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์กรณีเป็นผู้ถูกลงโทษทางวินัย หรือกรณี
เป็นผู้มีผลการประเมินการปฏิบัติราชการหรือการปฏิบัติงานตามภารกิจท่ีกฎหมายกำหนดต่ำกว่าระดับดี
ใหเ้ พ่มิ กำหนดระยะเวลาการขอพระราชทานอีกกรณีละหน่งึ ปี
2.5 เงอื่ นไขและกำหนดระยะเวลาการเล่อื นชั้นตรา
(1) ข้ า ร า ช ก า ร พ ล เรื อ น ส า มั ญ โด ย ผู้ ข อ ฯ จ ะ เร่ิ ม ข อ พ ร ะ ร า ช ท า น
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ในชั้นตราใด ให้พิจารณาจากการดำรงตำแหน่งและระดับ ท่ีขา้ ราชการผู้น้ันดำรงอยู่ในปี
ทข่ี อพระราชทานฯ ตามเงือ่ นไขและระยะเวลาการเลือ่ นชัน้ ตรา ดังกรณีต่อไปน้ี
1) กรณีเริ่มต้นขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ครั้งแรก ผู้ขอฯ จะต้องมี
ระยะเวลารับราชการตดิ ตอ่ กนั มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันเร่ิมเข้ารับราชการ จนถึงวันก่อนวัน
พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีท่ีจะขอพระราชทานไม่น้อยกว่า 60 วัน (หมายถึงจะต้องได้รับการ
บรรจุเข้ารับราชการก่อนหรือภายในวันท่ี 29 พฤษภาคมของปีที่บรรจุ หากบรรจุหลังวันท่ี 29 พฤษภาคม
จะตอ้ งขอพระราชทานฯ ในปีถัดไป)
(ตัวอย่าง นาย ก. บรรจุเข้ารับราชการวันท่ี 1 พฤษภาคม 2560 ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน
และปั จจุบั น ได้รับ อัตราเงิน เดือน 1 4 ,3 9 0 บ าท ก็จะมีสิท ธิใน การเสน อขอพ ระราชท าน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.) ประจำปี 2565 ตาม บัญชี 15 การขอ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการ ตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน เง่ือนไข 3)
ไดร้ ับเงนิ เดือนไม่ต่ำกวา่ ขน้ั ต่ำของระดับชำนาญงาน (10,190 บาท) ขอ จ.ม.)
10
2) กรณีนับระยะเวลาดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่
วันดำรงตำแหน่ง จนถึงวันก่อนวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของปีที่จะขอพระราชทานไม่น้อยกว่า 90 วัน
(หมายถึงจะต้องได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งก่อนวันที่ 29 เมษายนของปีท่ีได้รับการแต่งต้ัง หากแต่งต้ัง
หลังวันท่ี 29 เมษายน จะต้องขอพระราชทานฯ ในปถี ัดไป)
(ตัวอย่าง นาย ก. ดำรงตำแหน่งเป็นนายช่างรังวัดชำนาญงาน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 ก็จะมีสิทธิ
ในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) ประจำปี 2565
ตามบัญชี 15 การขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการ ตำแหน่งประเภททั่วไป
ระดบั ชำนาญงาน เง่อื นไข 2) ดำรงตำแหนง่ มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 5 ปบี ริบูรณ์ ขอ ต.ช.)
3) กรณีการได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับชำนาญงาน หรือระดับ
ชำนาญการพิเศษ และได้รับเงินเดือนขั้นสูงของระดับชำนาญการพิเศษ ให้ใช้ตามพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรือน (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังน้ี
- ขั้นตำ่ ของระดับชำนาญงาน 10,190 บาท
- ขั้นต่ำของระดบั ชำนาญการพเิ ศษ 22,140 บาท
- ขนั้ สูงของระดับชำนาญการพิเศษ 58,390 บาท
4) กรณีดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ จะเสนอขอ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.) โดยเงื่อนไข กำหนดว่า 3) ต้องได้รับ
เงินเดือนไมต่ ำ่ กวา่ ขัน้ ตำ่ ของระดับชำนาญการพิเศษ มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปี
(ตัวอย่าง นาย ก. ดำรงตำแหน่งนักวิชาการที่ดินชำนาญการ และ ณ วันที่ 1 เมษายน 2560 ได้รบั อัตรา
เงินเดือน 22,140 บาท ก็จะมีสิทธิในการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นทวีติยาภรณ์
ชา้ งเผอื ก (ท.ช.) ประจำปี 2565 ตามเงอ่ื นไขในการเสนอขอข้างต้น)
5) กรณีนับระยะเวลาการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์มาแล้ว
ไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปี หรอื 5 ปี บริบรู ณ์ นบั ตง้ั แตว่ นั ทไี่ ด้รบั พระราชทานเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์วนั ท่ี 28 กรกฎาคม
ของปที ีไ่ ด้รบั พระราชทาน จนถงึ วันท่ี 28 กรกฎาคม ของปีทีเ่ สนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์
(ตัวอย่าง นาย ก. ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ระดับอำนวยการสูง ได้รับพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) ประจำปี 2563 ก็จะมีสิทธิในการเสนอขอ
พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) ประจำปี 2566 ตามบัญชี 15
การขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ข้าราชการ ตำแหน่งประเภทอำนวยการ ระดับสูง
เงื่อนไข 2) ได้ ป.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ป.ช.)
6) กรณีการนับระยะเวลาสำหรับผู้ท่ีได้รับบรรจุกลับเข้ารับราชการภายหลัง
ที่ออกจากราชการเพ่ือไปปฏิบัติงานตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ.ในองค์การระหว่างประเทศหรือหน่วยงานท่ี
มิใช่หน่วยงานของรัฐ.ซ่ึงให้นับเวลาระหว่างน้ันสำหรับการคำนวณบำเหน็จบำนาญ.เหมือนเต็มเวลาราชการ
ให้นบั ระยะเวลาต่อกนั ได้
11
บัญชี ๑๕
การขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ให้แก่ขา้ ราชการ ยกเว้นที่ปรากฏในบัญชอี ่ืน
เครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์ เง่อื นไข
ลำดับ ตำแหน่ง/ระดับ ที่ขอพระราชทาน และระยะเวลาการ หมายเหตุ
เริ่มขอ เลอ่ื นถงึ เลอื่ นชนั้ ตรา
1 ตำแหนง่ ประเภททั่วไป
(1) ระดบั ปฏิบตั งิ าน บ.ม. จ.ช. 1) เริ่มขอพระราชทาน บ.ม. 1. ต้องมรี ะยะ
2) ไดร้ ับเงนิ เดอื นตำ่ กวา่ ขัน้ ตำ่ ของระดบั ชำนาญงาน รับราชการตดิ ต่อ
และดำรงตำแหนง่ มาแลว้ กนั มาแลว้ ไม่น้อย
ไมน่ ้อยกวา่ 10 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ บ.ช. กว่า 5 ปีบริบรู ณ์
3) ไดร้ บั เงนิ เดือนไม่ตำ่ กว่าขัน้ ต่ำของระดบั ชำนาญงาน นบั ตงั้ แต่วันเรมิ่
ขอ จ.ม. เข้ารบั ราชการ
4) ได้รบั เงินเดอื นไมต่ ่ำกว่าข้นั ตำ่ ของระดับชำนาญงาน จนถึงวันก่อนวนั
และดำรงตำแหนง่ มาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 10 ปบี ริบูรณ์ พระราชพธิ เี ฉลมิ
ขอ จ.ช. พระชนมพรรษา
(2) ระดับชำนาญงาน ต.ม. ต.ช. 1) เริ่มขอพระราชทาน ต.ม. ของปที ี่จะขอ
2) ดำรงตำแหน่งมาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปบี ริบูรณ์ ขอ ต.ช. พระราชทานไม่
(3) ระดบั อาวโุ ส ท.ม. ท.ช. 1) เริ่มขอพระราชทาน ท.ม. นอ้ ยกวา่ 60 วนั
2) ดำรงตำแหนง่ มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ท.ช. 2. การนบั ระยะ
(4) ระดบั ทักษะพเิ ศษ ท.ช. ป.ช. 1) เรมิ่ ขอพระราชทาน ท.ช. เวลาสำหรบั ผู้ที่ได้
2) ได้ ท.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปบี ริบรู ณ์ ขอ ป.ม. รับบรรจุกลับ
3) ได้ ป.ม. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ป.ช. เข้ารับราชการ
2 ตำแหน่งประเภทวิชาการ ภายหลังท่ีออก
(1) ระดับปฏบิ ตั กิ าร ต.ม. จากราชการเพอ่ื
ไปปฏบิ ัติงานตาม
ทค่ี ณะรฐั มนตรี
อนมุ ัติ ในองค์การ
(2) ระดบั ชำนาญการ ต.ช. ท.ช. 1) เรม่ิ ขอพระราชทาน ต.ช. ระหวา่ งประเทศ
2) ไดร้ บั เงินเดือนไม่ตำ่ กวา่ ข้ันตำ่ ของระดับชำนาญการพเิ ศษ หรอื หน่วยงานท่ี
ขอ ท.ม. มิใช่หนว่ ยงาน
3) ไดร้ บั เงนิ เดือนไม่ต่ำกวา่ ขัน้ ต่ำของระดับชำนาญการพิเศษ ของรฐั ซง่ึ ใหน้ บั
มาแล้วไม่น้อยกวา่ 5 ปี ขอ ท.ช. เวลาระหวา่ งน้ัน
(3) ระดบั ชำนาญการพิเศษ ท.ช. ป.ม. 1) เริ่มขอพระราชทาน ท.ช. สำหรบั การ
2) ไดร้ บั เงินเดือนขัน้ สูง คำนวณบำเหนจ็
และได้ ท.ช. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ป.ม. บำนาญเหมือน
(4) ระดับเชยี่ วชาญ ท.ช. ป.ช. 1) เร่มิ ขอพระราชทาน ท.ช. เตม็ เวลาราชการ
2) ได้ ท.ช. มาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปบี ริบูรณ์ ขอ ป.ม. ใหน้ บั ระยะเวลา
3) ได้ ป.ม. มาแล้วไมน่ ้อยกว่า 5 ปบี รบิ ูรณ์ ขอ ป.ช. ต่อกันได้
(5) ระดับทรงคุณวฒุ ิ - ม.ป.ช. 1) เลอ่ื นช้นั ตราตามลำดบั ไดท้ ุกปี จนถึง ป.ม.
ที่ไดร้ บั เงินประจำ 2) ได้ ป.ม. มาแล้วไมน่ ้อยกวา่ 3 ปีบริบรู ณ์ ขอ ป.ช.
ตำแหน่ง 13,000 บาท 3) ได้ ป.ช. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
4) ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไมน่ ้อยกว่า 5 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
12
เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ เง่ือนไข
ลำดบั ตำแหนง่ /ระดบั ทขี่ อพระราชทาน และระยะเวลาการ หมายเหตุ
เรม่ิ ขอ เลอ่ื นถงึ เล่อื นชัน้ ตรา
(6) ระดบั ทรงคุณวฒุ ิ - ม.ป.ช. 1) ได้ ป.ม. มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ช.
ทีไ่ ดร้ ับเงนิ ประจำ 2) ได้ ป.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 3 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ม.ว.ม.
ตำแหน่ง 15,600 บาท 3) ได้ ม.ว.ม. มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปบี ริบูรณ์ ขอ ม.ป.ช.
3 ตำแหนง่ ประเภท
อำนวยการ
(1) ระดับต้น ท.ช. ป.ม. 1) เรม่ิ ขอพระราชทาน ท.ช.
2) ไดร้ บั เงนิ เดือนขนั้ สูงของระดบั ชำนาญการพเิ ศษ
และได้ ท.ช. มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 3 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ป.ม.
(2) ระดบั สูง - ม.ว.ม. 1) ได้ ท.ช. มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 3 ปีบริบรู ณ์ ขอ ป.ม.
2) ได้ ป.ม. มาแลว้ ไม่น้อยกว่า 3 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ป.ช.
3) ได้ ป.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปีบริบรู ณ์ ขอ ม.ว.ม.
4 ตำแหนง่ ประเภท
บริหาร
(1) ระดับต้น - ม.ว.ม. 1) ได้ ท.ช. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกวา่ 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ป.ม.
2) ได้ ป.ม. มาแล้วไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปบี ริบูรณ์ ขอ ป.ช.
3) ได้ ป.ช. มาแล้วไมน่ อ้ ยกวา่ 5 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
(2) ระดบั สงู - ม.ป.ช. 1) เลอื่ นชน้ั ตราตามลำดบั ไดท้ กุ ปี จนถงึ ป.ม.
ทีไ่ ดร้ ับเงนิ ประจำ 2) ได้ ป.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 3 ปบี ริบูรณ์ ขอ ป.ช.
ตำแหน่ง 14,500 บาท 3) ได้ ป.ช. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
4) ได้ ม.ว.ม. มาแลว้ ไมน่ ้อยกว่า 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ม.ป.ช.
(3) ระดบั สงู - ม.ป.ช. 1) ได้ ป.ม. มาแลว้ ไม่น้อยกว่า 3 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ ป.ช.
ที่ไดร้ ับเงินประจำ 2) ได้ ป.ช. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 3 ปีบริบูรณ์ ขอ ม.ว.ม.
ตำแหนง่ 21,000 บาท 3) ได้ ม.ว.ม. มาแลว้ ไมน่ อ้ ยกว่า 3 ปบี รบิ รู ณ์ ขอ ม.ป.ช.
(4) ระดบั สงู ป.ม. ม.ป.ช. 1) เรม่ิ ขอพระราชทาน ป.ม.
ทไ่ี ด้รับเงนิ ประจำ 2) ได้ ป.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 2 ปบี ริบูรณ์ ขอ ป.ช.
ตำแหน่ง 21,000 บาท 3) ได้ ป.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปบี รบิ รู ณ์ ขอ ม.ว.ม.
ดำรงตำแหน่ง 4) ได้ ม.ว.ม.มาแลว้ ไม่น้อยกว่า 2 ปีบริบรู ณ์ ขอ ม.ป.ข.
- ปลัดกระทรวง
- หัวหนา้ สว่ นราชการ
ที่มฐี านะเปน็ กรมขึน้ ตรง
ตอ่ นายกรฐั มนตรี
หรอื ตำแหน่งเทียบเทา่
13
(2) ลกู จา้ งประจำ
1) กรณีเร่ิมต้นขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ผู้ขอฯ ต้องมีระยะเวลา
ปฏิบัติงานติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันเร่ิมจ้างจนถึงวันก่อนวันพระราชพิธีเฉลิม
พระชนมพรรษาของปี ที่ จะขอพระราชทานไม่ น้ อยกว่า .60.วัน.(หมายถึงต้ องได้ รับการเริ่มจ้ างก่ อนวั นท่ี .29
พฤษภาคมของปีท่ีจ้าง หากจ้างหลังวันท่ี 29 พฤษภาคม จะต้องขอพระราชทานในปีถัดไป).โดยมีเง่ือนไข
และระยะเวลาการเลื่อนชน้ั ตราในการขอพระราชทานเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ ดงั ต่อไปนี้
บญั ชี ๒๕
การขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใหแ้ กล่ ูกจา้ งประจำของส่วนราชการ
เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ เงื่อนไข
ลำดับ ตำแหนง่ ทขี่ อพระราชทาน และระยะเวลาการ หมายเหตุ
เรม่ิ ขอ เล่ือนถึง เลอ่ื นชั้นตรา ต้องมีระยะเวลา
ปฏิบัตงิ านติดต่อ
1 ลกู จ้างประจำ ซ่ึงไดร้ บั เงนิ คา่ จา้ ง บ.ม. จ.ม. 1) เริ่มขอพระราชทาน บ.ม. กน้ มาแลว้ ไมน่ อ้ ย
กว่า 8 ปีบรบิ รู ณ์
ต้ังแตอ่ ตั ราเงินเดอื นขั้นต่ำของ 2) ได้ บ.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปบี รบิ รู ณ์ ขอ บ.ช. นับต้ังแตว่ นั เร่ิม
จา้ ง จนถึงวนั
ขา้ ราชการพลเรอื น 3) ได้ บ.ช. มาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปบี รบิ ูรณ์ ขอ จ.ม. กอ่ นวันพระ
ราชพิธเี ฉลิม
ระดับปฏบิ ัติการ พระชนมพรรษา
ของปีที่จะขอ
แตไ่ ม่ถงึ ข้ันต่ำ พระราชทาน
ไม่น้อยกวา่
ของอตั ราเงินเดือนข้าราชการ 60 วนั
พลเรอื นระดบั ชำนาญการ
2 ลูกจา้ งประจำ ซง่ึ ได้รบั เงนิ ค่าจ้าง บ.ช. จ.ช. 1) เร่มิ ขอพระราชทาน บ.ช.
ต้งั แตอ่ ตั ราเงินเดอื นขนั้ ต่ำของ 2) ได้ บ.ช. มาแล้วไม่นอ้ ยกว่า 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ จ.ม.
ขา้ ราชการพลเรอื น 3) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปบี รบิ รู ณ์ ขอ จ.ช.
ระดับชำนาญการข้นึ ไป
2) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอนุโลมให้ลูกจ้างประจำตามลักษณะงาน
ท้ัง 4 กลุ่มงาน คือ กลุ่มงานบริการพื้นฐาน กลุ่มงานสนับสนุน กลุ่มงานช่าง และกลุ่มงานเทคนิคพิเศษ ที่เดิม
เคยดำรงตำแหน่งในหมวดฝีมือหรือท่ีมีชื่อและลักษณะเหมือนข้าราชการ (ยกเว้นลูกจ้างประจำหมวดแรงงาน
และหมวดก่ึงฝีมือ ไม่มีสิทธิขอพระราชทานฯ) เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ตามเดิม โดยให้
หมายเหตุด้วยว่าเดิมดำรงตำแหน่งในหมวดใด สำหรับลูกจ้างประจำกรมที่ดินท่ีมีสิทธิขอพระราชทาน
เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์ มีดังนี้
- ลูกจ้างประจำหมวดฝีมือ ได้แก่ ตำแหน่งพนักงานพิมพ์ ส 2..ช่างเขียน
แผนที่ ช 1 พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา ช 1 พนักงานขับรถยนต์ ส 1 พนักงานเขียนโฉนด บ 1
และล่ามภาษาต่างประเทศ ส 1
- ลกู จา้ งประจำหมวดฝีมือพเิ ศษ (ระดับต้น) ไดแ้ ก่ ตำแหนง่ พนักงานพิมพ์ ส 3
- ลูกจ้างประจำหมวดฝีมือพิเศษ (ระดับกลาง) ได้แก่ ตำแหน่งพนักงาน
ขับเครื่องจกั รกลขนาดหนกั ช 1
- ลูกจ้างประจำ ท่ีมีชื่อและลักษณะงานเหมือนข้าราชการ ได้แก่ ตำแหน่ง
ชา่ งเครอื่ งจักรกล ช 1 และพนักงานพิมพอ์ อฟเซท ส 1
14
(3)พนกั งานราชการ
1) กรณีเริ่มต้นขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผู้ขอฯ ต้องมีระยะเวลา
ปฏิบัติงานติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ นับต้ังแต่วันเร่ิมจ้างจนถึงวันก่อนวันพระราชพิธีเฉลิม
พระชนมพรรษาของปี ท่ี จะขอพระราชทานไม่ น้ อยกว่า.60.วัน.(หมายถึ งต้ องได้ รับการเร่ิมจ้างก่ อนวันที่ .29
พฤษภาคมของปีทีจ่ ัดจ้าง หากจดั จ้างหลังวันท่ี 29 พฤษภาคม จะต้องขอพระราชทานในปีถดั ไป) โดยมีเง่ือนไข
และระยะเวลาการเลื่อนชน้ั ตราในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์ ดังต่อไปนี้
บัญชี ๒6
การขอพระราชทานเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ใหแ้ ก่พนักงานราชการ
เครื่องราชอิสรยิ าภรณ์ เงื่อนไข
และระยะเวลาการ
ลำดบั ตำแหนง่ ท่ีขอพระราชทาน หมายเหตุ
เริม่ ขอ เลื่อนถงึ เลอ่ื นชน้ั ตรา
1 พนักงานราชการ บ.ม. จ.ช. 1) เร่มิ ขอพระราชทาน บ.ม. ตอ้ งมีระยะเวลา
- กลมุ่ งานบริการ
- กลมุ่ งานเทคนคิ 2) ได้ บ.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปบี รบิ ูรณ์ ขอ บ.ช. ปฏิบัติงานติดต่อ
3) ได้ บ.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปบี รบิ รู ณ์ ขอ จ.ม. กนั มาแล้วไมน่ ้อย
4) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ จ.ช. กวา่ 5 ปบี ริบรู ณ์
2 พนักงานราชการ บ.ช. ต.ม. 1) เร่ิมขอพระราชทาน บ.ช. นบั ตงั้ แต่วนั เรมิ่
- กล่มุ งานบรหิ ารทั่วไป 2) ได้ บ.ช. มาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 5 ปีบริบูรณ์ ขอ จ.ม. จา้ งจนถึงวนั กอ่ น
3) ได้ จ.ม. มาแล้วไม่น้อยกวา่ 5 ปบี ริบูรณ์ ขอ จ.ช. วนั พระราชพธิ ี
4) ได้ จ.ช. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกวา่ 5 ปบี ริบูรณ์ ขอ ต.ม. เฉลมิ พระชนม
3 พนกั งานราชการ จ.ม. ต.ช. 1) เร่มิ ขอพระราชทาน จ.ม. พรรษาของปีที่จะ
- กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ
2) ได้ จ.ม. มาแลว้ ไม่น้อยกวา่ 5 ปีบรบิ ูรณ์ ขอ จ.ช. ขอพระราชทาน
3) ได้ จ.ช. มาแลว้ ไมน่ ้อยกวา่ 5 ปีบรบิ รู ณ์ ขอ ต.ม. ไม่นอ้ ยกวา่ 60 วนั
4) ได้ ต.ม. มาแลว้ ไม่นอ้ ยกว่า 5 ปีบริบูรณ์ ขอ ต.ช.
2) ผู้ได้รับการเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ต้องเป็นพนักงาน
ราชการตามสัญญาจ้างของส่วนราชการ ตามระเบยี บสำนักนายกรัฐมนตรีว่าดว้ ยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547
และต้องเปน็ พนกั งานราชการที่มีชือ่ และลักษณะงานเปน็ พนักงานท่ีเทียบเท่ากับลูกจ้างประจำหมวดฝีมือข้ึนไป
ตามระเบียบกระทรวงการคลัง.ว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ และตามแนวทางที่สำนักเลขาธิการ
คณะรัฐมนตรีกำหนดให้ปฏิบัติแก่ลูกจ้างประจำฯ สำหรับพนักงานราชการกรมที่ดินที่มีสิทธิขอพระราชทาน
เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ มีดงั น้ี
- พนักงานราชการกลุ่มงานบริการ ได้แก่ ตำแหน่งพนักงานเขียนแผนที่
พนกั งานการพมิ พ์ พนักงานบันทึกขอ้ มูล พนักงานการเงินและบญั ชี และพนักงานสถติ ิ
- พนักงานราชการกลุ่มงานเทคนิค ได้แก่ ตำแหน่งพนักงานขบั เครื่องจกั รกล
ขนาดหนกั พนักงานขบั เครือ่ งจักรกลขนาดเบา พนกั งานเคร่อื งคอมพิวเตอร์ และพนกั งานซ่อมเครอ่ื งจกั รกล
- พนักงานราชการกลุ่มงานบริหารท่ัวไป ได้แก่ ตำแหน่งพนักงานวิเคราะห์
นโยบายและแผน
15
3 การดำเนินการเสนอขอพระราชทานเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์
ให้ตรวจสอบประวัติการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของข้าราชการผู้มีสิทธิ
ได้รับการพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากสมุดประวัติหรือ ก.พ. 7 หรือจากเว็บไซต์
กองการเจ้าหน้าที่ กรมที่ดิน หัวข้อ “ตรวจสอบเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์” และตรวจสอบคุณสมบัติตามระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นท่ีเชิดชูยิ่งช้างเผือก
และเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์อนั มีเกยี รตยิ ศยิง่ มงกฎุ ไทย พ.ศ. 2564 เสร็จแลว้ ใหด้ ำเนินการ ดังนี้
1) พิมพ์รายช่ือลงในแบบบัญชีสรุปรายช่ือผู้ได้รับการเสนอขอพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ของข้าราชการ ลูกจ้างประจำและพนักงานราชการแล้วแต่กรณี โดยแยกบัญชี
ละหนึ่งชั้นตรา ท้ังนี้ หากผู้มีสิทธิเสนอขอพระราชทานฯ มีกรณีถูกดำเนินการทางวินัย หรืออาญา ให้พิมพ์
ลงใน ช่ อ งห ม าย เห ตุ ใน แบ บ บั ญ ชี ส รุป ราย ช่ื อ ผู้ ได้ รับ ก ารเส น อ ข อ พ ร ะราช ท าน เค ร่ือ งราช อิ ส ริยาภ รณ์
ของขา้ ราชการ ลูกจ้างประจำและพนกั งานราชการแล้วแต่กรณดี ว้ ย
2) จัดทำแบบรับรองคุณสมบัติ ประกอบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ประจำปี... (แบบ คส. 2) ท่เี สนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ ประจำปี
3) จดั ทำแบบตรวจสอบและรับรองคณุ สมบัติ ผเู้ สนอขอพระราชทานเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์
ประจำปี
4) จัดทำรายงานข้อมูลระดับการประเมินผลการปฏิบัติราชการบุคคลผู้ได้รับการเสนอ
ขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี ย้อนหลังไป 5 ปี (10 รอบการประเมิน) ต้ังแต่รอบ
การประเมนิ (ตัวอยา่ งเชน่ วันท่ี 1 เมษายน 2560 ถึง 1 ตลุ าคม 2564) พร้อมทัง้ ใหจ้ ดั ส่งท้ังแบบเป็นเอกสาร
และส่งมาทางอเี มล์ในไฟลข์ ้อมลู รปู แบบ Excel
16
การเสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาแก่ขา้ ราชการ
(ตามพระราชบญั ญตั เิ หรียญจกั รมาลาและเหรยี ญจักรพรรดมิ าลา พ.ศ. 2484 และท่ีแก้ไขเพิ่มเตมิ )
หลกั เกณฑใ์ นการเสนอขอพระราชทานเหรียญจกั รพรรดมิ าลา (ร.จ.พ.) แกข่ ้าราชการ
1. คุณสมบตั ิของบคุ คลท่ีอยู่ในหลกั เกณฑก์ ารเสนอขอพระราชทานเหรียญจกั รพรรดิมาลา
(1) เป็นข้าราชการและรบั ราชการเปน็ เวลาไม่นอ้ ยกว่า 25 ปี
(2) เป็นผู้ทร่ี ับราชการมาด้วยความเรยี บรอ้ ยมาโดยตลอด หมายถึง เฉพาะผู้ที่รบั ราชการ
มาโดยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ต้ังแต่เริ่มรับราชการจนถึงปีที่ขอพระราชทาน ทั้งนี้ เพ่ือให้ได้บุคคลที่
ประพฤติตนสมแก่เกียรติในการได้รบั พระราชทาน ดังน้ัน การท่ีข้าราชการผ้ใู ดกระทำความผดิ แตไ่ ด้รับการล้าง
มลทินตามพระราชบัญญัติล้างมลทนิ แสดงวา่ ข้าราชการผูน้ ัน้ ยังมคี วามผิดอยู่เพียงแต่ใหถ้ ือว่าบคุ คลนัน้ มิได้เคย
ถูกลงโทษมาก่อน จึงไม่ถือว่าเป็นบุคคลท่ีรับราชการมาด้วยความเรียบร้อยซง่ึ เป็นเหตุทำให้ไมส่ ามารถเสนอขอ
พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลาได้ และไม่เคยถูกงดเลื่อนเงินเดือนประจำปี ด้วยเหตุที่ลาหรือมาสายเกิน
จำนวนครงั้ ทกี่ ำหนด/ปฏิบัตหิ น้าทีไ่ มไ่ ดผ้ ลตามเป้าหมาย/ขาดราชการโดยไม่มเี หตุผลอันสมควร
(3) การนับเวลาราชการ 25 ปี ให้นับเวลาราชการท้ังหมดของผู้นั้นรวมกันครบ 25 ปี
บริบูรณ์ โดยให้เร่ิมนับจากวันบรรจุเข้ารับราชการจนถึงวันท่ี 28 กรกฎาคม ของปีที่เสนอขอพระราชทานฯ
กรณีที่ลาออกแล้วกลับเข้าปฏิบัติราชการ ให้นับเวลาราชการก่อนลาออกและเวลาท่ีกลับเข้าปฏิบัติราชการ
รวมกนั ใหไ้ ด้ครบเวลา 25 ปบี รบิ ูรณ์
2. การดำเนินการขอพระราชทานเหรยี ญจักรพรรดมิ าลา
2.1 ให้ข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาเสนอขอพระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา
จัดทำประวัติสำหรับการเสนอขอพระราชทานฯ ของตน โดยพิมพ์รายละเอียด วัน เดือน ปี ที่รับราชการ
ต้งั แต่บรรจเุ ขา้ รับราชการเป็นต้นมา โดยกรอกเฉพาะวนั ที่ได้รับการเล่ือนเงนิ เดือนเรียงลำดับต่อเน่ืองตดิ ต่อกัน
ทกุ ปจี นถงึ ปัจจุบัน
หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมในปีใด เช่น โอน ลาศึกษาต่อ เป็นต้นให้กรอกไว้ในช่อง
หมายเหตุ แล้วให้ลงลายมือช่ือด้วยตนเองเป็นเจ้าของประวัติ ทั้งน้ี การกรอกรายละเอียดของผู้ขอฯ จะต้องเป็นจริง
และถูกต้องตรงกับ ก.พ. 7 หรือสมุดประวัติ มิฉะนั้น จะถือว่าเป็นการรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา
หากข้าราชการคนใดที่ไปช่วยราชการ หรือไม่ได้ปฏิบัติหน้าท่ีประจำอยู่ท่ีต้นสังกัดเดิมให้ย่ืนต่อผู้บังคับบัญชา
ของหน่วยงานท่ีปฏบิ ัติหนา้ ท่ีในปีทขี่ อพระราชทานฯ
2.2 ให้หน่วยงานต่าง ๆ ตรวจสอบคุณสมบัติของข้าราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ฯ
แล้วจัดทำแบบบัญชีสรุปรายช่ือผู้ได้รับการเสนอขอพระราชทานฯ โดยให้กรอกรายละเอียดของผู้ขอ
พระราชทานฯ ท้ังหมดให้ถูกต้อง ครบถ้วน และชัดเจน เสร็จแล้วจัดส่งแบบประวัติสำหรับเสนอขอ
พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา และบัญชีสรุปรายชื่อของข้าราชการที่สมควรได้รับพระราชทานเหรียญ
จักรพรรดิมาลา จำนวนอย่างละ 1 ชุด ถึงกรมท่ีดิน ภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อตรวจสอบและดำเนินการ
ได้ทันเวลาตอ่ ไป
บทที่ 3
การรับ เรียกคืนและการส่งคืนเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
การรับเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์ แบง่ เปน็ 2 กรณี คอื
1. การรับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะนําข้ึน
ทูลเกลาฯ ถวาย สําหรับพระราชทานในพิธีพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณช้ันสายสะพาย.แกผูไดรับ
พระราชทานทุกราย หลังพิธีพระราชทานหากมีผูไม่ได้เขาเฝาฯ รับพระราชทาน สํานักเลขาธิการจะมีหนังสือ
แจงหนวยงานตนสังกัดใหมอบหมายผูแทนที่ไดแจงชื่อไวกับสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปรับเคร่ืองราช
อสิ ริยาภรณ เพอ่ื นําไปจายใหแกผูไมไดเขาเฝาฯ รบั พระราชทานตอไป
2. การรับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันต่ำกว่าสายสะพาย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
จะจัดสรรให้ส่วนราชการนำไปมอบให้แก่ผู้ท่ีได้รับพระราชทานหลังจากมีรายช่ือประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว
โดยจัดสรรเป็นอัตราส่วน นอกจากเหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.) จะได้รับเต็มจำนวน และไม่ต้องส่งคืน
โดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะแจ้งกำหนดวันและเวลาใหไ้ ปรับทส่ี ำนักกษาปณ์ หรือตามสถานที่
ที่ สลค. กำหนด
การรับใบประกาศกำกับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
จะมีหนังสือมายังกรมที่ดินเพ่ือแจ้งให้ทราบว่า ได้มีการประกาศรายช่ือผู้มีสิทธิได้รับพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันต่าง ๆ ในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว และผู้มีรายช่ือได้รับพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์.จะได้รับใบประกาศกำกับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ทุกคน และจะทยอยจ่ายให้
เม่ือสำนักอาลักษณแ์ ละเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ดำเนนิ การเสรจ็ เรียบร้อยแล้ว
การส่งคืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ เป็นหน้าท่ีของผู้ได้รับพระราชทานฯ จะต้องกระทำตาม
ทีก่ ฎหมายและระเบียบกำหนด ซึง่ มกี รณีที่ตอ้ งส่งคนื 4 กรณี คอื
1) คืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันรอง ในกรณีท่ีผู้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ได้รับ
พระราชทานเครื่องราชฯ ตระกูลเดียวกันสงู ขนึ้ ผู้มีหน้าที่รับผดิ ชอบเกีย่ วกับเคร่ืองราชฯ ต้องแจ้งให้ข้าราชการ
ผู้นั้นส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันรอง แล้วรวบรวมจัดทำบัญชีรายละเอียดของผู้ท่ีส่งคืน และระบุชั้นตรา
ของเครอ่ื งราชฯ ตามแบบฟอร์ม ทฐ. 3
2) คืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นที่ได้รับ เมื่อผู้ได้รับถึงแก่กรรม ให้ทายาทเป็นผู้ส่งคืน
โดยไม่ต้องคืนใบกำกับเคร่อื งราชฯ
3) คืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกช้ันและทุกประเภทท่ีได้รับเม่ือทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ให้เรียกคืนกรณีเชน่ น้ีตอ้ งคนื ใบกำกบั เครอื่ งราชฯ ดว้ ย
4) สำหรบั เหรยี ญจักรพรรดมิ าลา (ร.จ.พ.) โดยปกตไิ ม่ต้องสง่ คืน เว้นแตจ่ ะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
เรียกคืนตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืน พ.ศ. 2548
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในกรณีที่ไม่อาจหรือไม่สามารถส่งคืนเครื่องราชฯ หรือเหรียญจักรพรรดิมาลาที่ได้รับ
ไปแล้ว ผู้ได้รับพระราชทานไปจะต้องชดใช้ราคาตามราคาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้กำหนดไว้
ซึ่งจะมกี ารปรับราคาทุก 3 ปี
18
การสง่ คืนเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์
เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์เป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติยศ ซ่ึงพระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานเพ่ือเป็นบำเหน็จความชอบและเคร่ืองหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูงย่ิงแก่ผู้ได้รับ พระราชทาน
ดังนั้น เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่บุคคลใดแล้ว บุคคลนั้นย่อมมี
หน้าท่ีในการธำรงไว้ซ่ึงคุณงามความดีและคุณค่าแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นอกจากนั้นยังต้องปฏิบัติตาม
บทบัญญตั ิของกฎหมายทบ่ี ัญญัติให้ผไู้ ดร้ ับพระราชทานเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ตอ้ งส่งคนื เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ในกรณี ต่าง ๆ หากไม่สามารถส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ด้วยประการใด ๆ จะต้องใช้ราคา
เครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ตามที่ทางราชการกำหนด
1. กรณีท่ีตอ้ งส่งคืนเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ตามกฎหมาย
การส่งคืนเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์ตระกูลต่าง ๆ (ยกเว้นเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์อันเป็นมงคล
ย่ิงราชมิตราภรณ์) กฎหมายบัญญัติการท่ีต้องส่งคืนไว้ ซ่ึงสรุปโดยรวมได้เป็น 3 กรณี คือ กรณีวายชนม์
กรณีได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงขึ้น และกรณีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกคืน
เครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
1.1 กรณวี ายชนม์
กฎหมายเครื่องราชอิสริยาภรณ์หลายฉบับ โดยเฉพาะเครื่องราชอิสริยาภรณ์
จุลจอมเกล้า เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูย่ิงช้างเผือก และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศย่ิง
มงกุฎไทย ได้บัญญัติว่าเม่ือผู้ได้รับพระราชทานวายชนม์ให้ผู้รับมรดกจะต้องส่งคืนภายใน 30 วัน นับแต่วันท่ี
ผู้ได้รบั พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์น้ันวายชนม์
กรณีผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์อันเป็นท่ีสรรเสริญย่ิงดิเรกคุณาภรณ์
วายชนม์ หากผู้วายชนม์ได้รับพระราชทานชั้นตราเดียว ทายาทของผู้ได้รับพระราชทานไม่ต้องส่งคืน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดังกล่าว เนื่องจากตามพระราชบัญญัติเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญย่ิงดิเรก
คณุ าภรณ์ พ.ศ. 2534 มไิ ดบ้ ญั ญตั ใิ ห้ต้องสง่ คืน
1.2 กรณไี ดร้ บั พระราชทานเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ชน้ั สงู ข้ึน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ท่ีมีกฎหมายบัญญัติให้ผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
ชั้นสูงข้ึนต้องส่งคืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันรอง เช่น เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อนั เป็นที่เชิดชยู ่ิงช้างเผอื ก เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์อนั มีเกียรตยิ ศย่งิ มงกุฎไทย และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อนั เป็น
ท่ีสรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ หากได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงข้ึนในตระกูลใดต้องส่งคืน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชน้ั รองในตระกลู น้ัน เช่น ผู้ท่ีไดร้ ับพระราชทานเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ชั้น ต.ม. และ ต.ช.
ต่อมาได้รับพระราชทานชั้น ท.ม. บุคคลน้ันมีหน้าท่ีต้องส่งคืนช้ัน ต.ม. ซ่ึงเป็นช้ันรองของช้ัน ท.ม. และเม่ือ
ได้รบั พระราชทานชน้ั ท.ช. บุคคลน้ันต้องส่งคนื ชัน้ ต.ช. ซึง่ เปน็ ชัน้ รองของชั้น ท.ช.
19
1.3 กรณีทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ให้เรียกคืนเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
การเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ หมายความว่า การดำเนินการถอนชื่อผู้ได้รับ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ออกจากรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ตามประกาศ
สำนักนายกรัฐมนตรี และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมท้ังประกาศนียบัตรกำกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
คนื ด้วย
เมื่อปรากฏเหตุตามข้อ 7 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี.ว่าด้วยการขอพระราชทาน
พระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548 เป็นหน้าที่ของส่วนราชการต้นสังกัด
หรือส่วนราชการท่ีเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือหน่วยงานที่เก่ียวข้องท่ีจะต้องดำเนินการ
รวบรวมเอกสารหลักฐานและประวัติการได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ของผู้นั้นส่งเร่ืองไปยัง
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพ่ือเสนอนายกรัฐมนตรี เมื่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบแล้ว
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะส่งเรื่องไปยังสำนักราชเลขาธิการ เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่อไป เม่ือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกคืน
และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ส่วนราชการต้นสังกัด
ของผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสรยิ าภรณห์ รือหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องดำเนินการเรียกเครื่องราชอสิ ริยาภรณ์
คนื โดยพลัน
2. การส่งคืนเครื่องราชอิสรยิ าภรณก์ รณอี ่นื ๆ
ผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีความประสงค์ส่งคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
โดยไม่ใช่กรณีท่ีต้องส่งคืนตามกฎหมาย เช่น กรณีเกษียณอายุราชการ ลาออก หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่
ประสงค์จะเก็บไว้เน่ืองจากไม่ได้ใช้ประดับแล้ว สามารถส่งคืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ได้ ท้ังโดยการส่งคืนผ่าน
หน่วยงานตน้ สังกดั และการสง่ คนื โดยตรงท่สี ำนักเลขาธิการคณะรฐั มนตรี
3. การตรวจสอบเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ท่จี ะรับคนื
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะพิจารณารับคืนเฉพาะเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ท่ีมีสภาพ
ที่สมบูรณ์เท่านั้น หากเป็นกรณีเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชำรุดหรือเสียหายตามสภาพอันเกิดจากการใช้เพียง
เล็กน้อย เช่น ลงยาสีแตกหรอื กะเทาะหรือสึกหรอส่วนหน่ึงส่วนใด สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรอี าจพิจารณา
รับคืนได้ ทั้งนี้ จะไม่รับคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีไม่ครบตามลักษณะหรือองค์ประกอบของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ที่กฎหมายเครอ่ื งราชอิสริยาภรณแ์ ต่ละตระกลู บญั ญัตไิ ว้
กรณีเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ท่ีจะส่งคืนมีองค์ประกอบไม่ครบถ้วน เนื่องจากบางส่วนของ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สูญหาย ผู้ได้รับพระราชทานหรือส่วนราชการต้นสังกัดของผู้นั้นสามารถทำหนังสือ
ถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งความประสงค์ขอให้พิจารณาดำเนินการซ่อม (จัดสร้างส่วนที่สูญหาย)
ได้โดยให้ระบุด้วยว่าผู้ได้รับพระราชทานจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย และเมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งให้
สำนักกษาปณ์ กรมธนารักษ์ หรือ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ดำเนินการซ่อมเรียบร้อยแล้วจะแจ้งให้ผู้ท่ี
ไดร้ บั พระราชทานไปชำระราคาค่าซอ่ มแซมและจะดำเนนิ การรบั คนื ตอ่ ไป
20
กรณีที่ส่วนราชการรับคืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์จากผู้ได้รับพระราชทานหรือทายาท
ของผู้ได้รับพระราชทาน ขอให้ตรวจสอบความแท้จริงของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในเบื้องต้นว่ามีสัญลักษณ์
ของผู้ผลิตเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ท่ีตัวเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรอื ไม่ ทั้งนี้ ในอดตี สำนักเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี
ได้จ้างให้เอกชนที่มีฝีมือในด้านนี้เป็นผู้สร้าง เช่น ร้าน ท.ประดิษฐ์ ไทยนคร ธีระชัยการช่าง ประเสริฐศิลป์
รัตนกาญจน์ สหศิลป์ สัมพันธ์อาภรณ์ แสงมณี เฮงหลี เป็นต้น นอกจากน้ีให้พิจารณาวัสดุท่ีใช้สร้าง น้ำหนัก
สี และขนาดของเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ด้วย ปัจจุบันเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
จัดสร้างจะมีอักษรย่อ “สลค” และเลข พ.ศ. ท่ีผลิตอยู่ท่ีด้านหลังของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อย่างไรก็ตาม
หากส่วนราชการใดมีข้อสงสัยในเรื่องความแท้จริงของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่จะรับคืน ติดต่อสอบถามได้ท่ี
สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และควรติดช่ือของผู้ได้รับ
พระราชทานไว้กับเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ที่สง่ คืนดว้ ย
4. วิธกี ารส่งคืนเครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์
4.1 การส่งคืนเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์หรือชดใช้ราคาแทนเครื่องราชอิสริยาภรณ์โดยผ่าน
สว่ นราชการต้นสงั กดั ให้ดำเนินการ ดงั นี้
(1) ให้ส่วนราชการต้นสังกัดทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยมีบัญชี
แนบท้ายซึ่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับ คำนำหน้าชื่อ ช่ือตัว และชื่อสกุลของผู้ได้รับพระราชทาน ชั้นตรา
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ที่ส่งคืน หรือในกรณีท่ีชดใช้ราคาให้ระบุช้ันตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์และจำนวนเงิน
ชดใชด้ ้วยและนำหนังสือมาพรอ้ มกับเครือ่ งราชอิสริยาภรณ์ที่จะส่งคืนหรอื เงินชดใช้ราคาเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
ไปทสี่ ำนักอาลักษณแ์ ละเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ สำนกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
(2) เมื่อเจ้าหน้าที่ของสำนักอาลักษณ์และเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตรวจสอบชั้นตรา
จำนวน และความแท้จริงของเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือตรวจสอบจำนวนเงินชดใช้กับราคาชดใช้
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วนแล้ว จะออกใบรับคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือใบเสร็จรับเงิน แล้วแต่กรณี
ใหแ้ ก่ส่วนราชการท่ีสง่ คนื เครอื่ งราชอิสรยิ าภรณเ์ พอ่ื เก็บไวเ้ ปน็ หลักฐานในการส่งคนื
4.2 การสง่ คืนหรือชดใช้ราคาเครื่องราชอิสรยิ าภรณด์ ้วยตนเองหรือทายาท ให้ดำเนนิ การ ดงั น้ี
(1) ให้ผู้ได้รับพระราชทานหรือทายาททำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
(กรณีไม่ได้ทำหนังสือ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดเตรียมเอกสารให้กรอกรายละเอียดในการส่งคืน
ในแบบ ทฐ. พร้อมนำเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ท่ีจะต้องส่งคืนหรือชดใช้ราคาเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ไปที่
สำนักอาลักษณแ์ ละเคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ สำนกั เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนยี บรัฐบาล
(2) เมื่อเจ้าหน้าท่ีของสำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตรวจสอบช้ันตรา
จำนวน และความแท้จริงของเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์หรือตรวจสอบจำนวนเงินชดใช้กับราคาชดใช้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ครบถ้วนแล้ว จะออกใบรับคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือใบเสร็จรับเงิน แล้วแต่กรณี
ให้แก่ผไู้ ดร้ ับพระราชทานหรือทายาทเพือ่ เกบ็ ไว้เปน็ หลักฐานในการส่งคืน
21
การสง่ คนื เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์
เมือ่ ไดร้ บั พระราชทาน ชนั้ ตราทีต่ ้องส่งคนื
บ.ม. -
บ.ช. -
จ.ม. บ.ม.
จ.ช. บ.ช.
ต.ม. จ.ม.
ต.ช. จ.ช.
ท.ม. ต.ม.
ท.ช. ต.ช.
ชั้นสายสะพาย
ป.ม. ท.ม.
ป.ช. ท.ช.
ม.ว.ม. ป.ม.
ม.ป.ช. ป.ช.
หนว่ ยงาน / สถานท่ีรบั คืนเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์
1. กลุ่มงานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักอาลักษณ์และเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการ
คณะรัฐมนตรีในทำเนียบรัฐบาล ถนนนครปฐม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300 (อาคารเดิม)
โทร. 0 2280 9000 ตอ่ 1862 - 1863 โทรสาร 0 2280 9072
2. หน่วยงานต้นสังกัดของผู้ได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ โดยเม่ือหน่วยงานได้รับคืน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ จากบคุ คลในสังกัดแล้วต้องรวบรวมนำส่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตาม ข้อ 1
วิธกี ารเก็บรักษา
1. เครื่องราชอิสริยาภรณ์เป็นของสูง ควรเก็บรักษาไว้ในท่ีสูง เหมาะสมควรแก่การเคารพบูชา เป็นการ
แสดงความจงรักภักดี นอ้ มรำลึกในพระมหากรณุ าธิคุณพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ผู้พระราชทาน
จะเป็นมงคลสูงสุด ก่อให้เกิดความสขุ ความเจรญิ แกต่ นเองและครอบครัว
2. ควรเก็บในทป่ี ลอดภยั ป้องกนั การสูญหาย
3. ภายหลังการใช้ประดับแต่ละครั้ง ควรใช้ผ้าสะอาด นุ่ม ทำความสะอาดเบา ๆ และห่อด้วยกระดาษ
แก้วใหม้ ิดชิด นำไปใสก่ ลอ่ ง ปิดฝาใหส้ นิทปอ้ งกนั ฝุ่นละออง และไมใ่ ห้กระทบกบั อากาศ
4. ไม่ควรเก็บในสถานท่ีท่ีมีแดดส่องตลอดเวลา หรือมีไฟร้อนแรง และต้องไม่อับช้ืน ปกติมักจะเก็บไว้ใน
อณุ หภูมิห้อง แต่ถ้าเปน็ หอ้ งปรับอากาศจะดีทส่ี ดุ
22
5 ดวงตรา ดารา และเหรียญราชอิสริยาภรณ์ อาจเส่ือมสภาพได้จากความไม่บริสุทธิ์ของอากาศ
ฝ่นุ ละออง ก๊าซเสียชนิดต่าง ๆ ถ้าเก็บไวใ้ นตู้นิรภัย หรือตูเ้ หลก็ ควรห่อให้มิดชิดตามข้อ 3 เพราะสีที่ใช้
พน่ หรือทาตู้เหลก็ จะทำปฏกิ ริ ยิ ากับโลหะเงนิ จะทำใหเ้ งินดำ
6. ไมค่ วรใชส้ ารกันแมลงชนิดต่าง ๆ เนอื่ งจากเมอ่ื สารระเหยออกมา จะทำปฏิกิรยิ ากับโลหะเงนิ และสว่ น
ทก่ี ะไหลท่ อง ในเครื่องหมายแพรปักด้นิ เงิน ดิ้นทอง ทำให้เปล่ยี นเปน็ สีดำได้
7. สายสะพายและแพรแถบทอด้วยด้ายและใยไหม ควรเก็บในที่ไม่ร้อน ไม่อับช้ืน เพราะความร้อน และ
ความช้ืน จะทำให้เนื้อผ้า ยืดขยาย และหดตัวอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เน้ือผ้าแห้งแข็งกรอบ.ถ้ามี
ความช้นื ทำใหเ้ นือ้ ผา้ ยุ่ยเปี่อย อาจเกิดเช้ือรา และรอยด่าง อายุการใช้งาน จะสัน้
8. แสงสว่างเป็นอันตรายต่อสีของผ้า สายสะพายและแพรแถบ แสงจะทำให้สีของเน้ือผ้าซีดเร็วควรเก็บ
ในตูท้ ี่ทบึ แสง ในห้องปรับอากาศได้ก็จะดี
9. ผ้าสายสะพายควรเก็บโดยวิธีมว้ นเป็นวงกลม ผ้าจะได้ไม่ยับ หรอื เก็บโดยวธิ ีวางไว้ตามยาว การเก็บโดย
วิธพี บั ซอ้ นกนั จะทำให้เกดิ รอยพับ จะเกิดรอยดา่ ง สซี ีดตามแนวของรอยพับน้นั
10. เมือ่ เก็บไวโ้ ดยมิไดน้ ำมาประดับเป็นเวลานาน ควรตรวจสอบบ้างเปน็ คร้ังคราว
ขอ้ ควรระวังในการประดบั เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์
1. ก่อนจับตอ้ งเครือ่ งราชอิสรยิ าภรณ์ ตอ้ งแน่ใจว่ามือของทา่ นสะอาด
2. หลีกเล่ียงการจับต้องตัวเหรียญโดยตรง เพราะน้ิวมือมีคราบเหงื่อจะทำให้เป็นรอยด่าง เกิดคราบ
สกปรกในเวลาตอ่ มา
3. การจับตอ้ งเหรียญ ดวงตรา ดารา ควรจับที่ขอบนอกของเหรียญให้กระชบั และมนั่ คงป้องกนั การตกหล่น
โดยใช้น้ิวหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลางและน้ิวนางประคอง หรือจะจับที่บริเวณหูห้อยของแพรแถบเหรียญก็ได้
ถา้ เปน็ ดวงตรา ดวงดารา ควรจับท่ีขอบนอกดงั กล่าวแล้วยกขึ้นวางบนฝ่ามอื อีกข้างหนงึ่ ป้องกนั การพลัดหลน่
4. ถ้าเปน็ ไปไดค้ วรสวมถุงมอื เพอื่ ปอ้ งกนั คราบเหง่ือท่จี ะทำให้เกดิ รอยคราบสกปรก
5. ระวังการกระทบกระแทกกบั ของแขง็ หรอื ตกหลน่ จะทำใหส้ ว่ นท่ลี งยากะเทาะ เหรยี ญจะบุบ ชำรุด
6. ขณะสวมสายสะพาย ควรระมัดระวงั การนั่ง การยนื เพราะดวงตราห้อยสายสะพายจะกระทบกระแทก
กับของแขง็ หรอื เก่ียวกับสงิ่ ของขา้ งเคียง
7. ควรแน่ใจว่าสปริงขอเกี่ยวดวงตรายังแข็งแรงดี จะได้ไม่เกดิ ปญั หาขณะใช้ประดับ
8. เมอื่ สอดก้านเสียบของดวงดาราเข้ากบั ตัวหนอนแล้ว ควรตรวจดูวา่ ได้สอดสว่ นปลายของก้านเสียบเข้า
“ขอเกย่ี ว” ให้มน่ั คงดแี ล้ว
9. เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์ช้ันสายสะพาย ควรเยบ็ ตรงึ ดวงตราห้อยสายสะพายกับสายสะพาย เพ่ือปอ้ งกัน
การชำรดุ หรอื ตกสญู หาย
10. สายสะพายเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ ควรปรับความยาวใหไ้ ด้พอเหมาะกับความสงู ของแตล่ ะบุคคล
วธิ ที ำความสะอาดเครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์
โดยปกติถ้าได้เก็บรักษาอย่างถูกวิธีแล้ว ดวงตรา และเหรียญต่าง ๆ จะคงสภาพอยู่ได้นาน แต่ถ้าเกิด
เป็นรอยด่างดำ ไม่สวยนิยมใช้ผงขัดเงินกับแปรงขนอ่อนนิ่ม ๆ ไม่ควรใช้ผงขัดหรือผงซักฟอก เพราะจะทำให้
เป็นรอยขีดข่วน บนหน้าเหรียญ ผงขัดทองเหลือง ไม่ควรใช้เพราะจะทำให้ลวดลายลบเลือน ไซยาไนด์ ทำให้
เงินขาวดแี ตจ่ ะเกิดปฏกิ ริ ยิ าแรงเกนิ ไป และเปน็ อนั ตรายแก่ผ้ใู ช้
บทท่ี 4
การแต่งกายประดบั เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์
1. การแต่งกายประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตามหมายกำหนดการหรือกำหนดนัดหมาย
ของทางราชการ
ในหมายกำหนดการ หรือกำหนดนัดหมายของทางราชการในพระราชพิธีหรือรัฐพิธีต่าง ๆ
จะมขี ้อความระบรุ ายละเอยี ดการแต่งกายในแตล่ ะโอกาส เชน่ ใหแ้ ต่งกายเต็มยศ ครึ่งยศ หรอื ปกติขาว แล้วแต่
กรณี ผู้แต่งกายต้องตรวจสอบหมายกำหนดการ หรือข้อความที่ระบุการแต่งกายในกำหนดนัดหมายของทาง
ราชการให้ชัดเจนและแต่งกายและประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้ถูกต้อง ท้ังน้ี การท่ีจะประดับ
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ร่วมกับการแต่งกายดังกล่าวตามที่ระบุไว้ได้อย่างถูกต้องนั้น มีหลักการสำคัญ
ท่คี วรทราบ ดงั น้ี
1.1 กรณใี ห้แต่งกายเต็มยศ (เสอื้ ขาว กางเกงหรอื กระโปรงดำ)
1) ไม่ ระบุ ช่ื อ ส ายส ะพ าย เค ร่ือ งราช อิ ส ริย าภ รณ์ ให้ ส วม ส าย ส ะพ าย
เครื่องราชอิสริยาภ รณ์ ชั้นสูงสุดที่ได้รับพ ระราชทาน เพี ยงสายเดียว โดยให้ ป ระดับดาราของ
เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ชน้ั สงู สดุ ท่ีได้รับพระราชทานแตล่ ะตระกูล ตามลำดับเกียรติ
2) ร ะ บุ ช่ื อ ส า ย ส ะ พ า ย เค ร่ื อ ง ร า ช อิ ส ริ ย า ภ ร ณ์ ให้ ส ว ม ส า ย ส ะ พ า ย
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตามท่ีระบุ ซึ่งแม้ว่าจะได้รับพระราชทานสายสะพาย ที่มีลำดับเกียรติสูงกว่าก็ตาม
เช่น ระบุให้สวมสายสะพายมงกุฎไทย หากได้รับพระราชทานประถมาภรณ์มงกุฎไทย และประถมาภรณ์
ช้างเผือกแล้ว ก็ให้สวมสายสะพายประถมาภรณ์มงกุฎไทย แต่ให้ประดับดาราเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด
ของแต่ละตระกูลท่ีได้รับพระราชทาน ตามลำดับเกียรติ แต่หากมิได้รับพระราชทานสายสะพาย
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตามท่ีระบุช่ือให้สวมสายสะพาย หรือประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ช้ันสูงสุดท่ีได้รับ
พระราชทาน โดยประดับดาราตามลำดับเกียรติ อาทิหากหมายกำหนดการให้แต่งกายเต็มยศ สวมสายสร้อย
จุลจอมเกล้า หรือ ให้แต่งกายเต็มยศสวมสายสะพายช้างเผือก ผู้ท่ีได้รับพระราชทานช้ันสูงสุด
ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย โดยยังไม่ได้รับพระราชทานช้ันประถมาภรณ์ช้างเผือก หรือ ผู้ได้รับพระราชทาน
ปฐมดิเรกคุณาภรณ์เป็นช้ันสูงสุดให้สวมสายสะพายประถมาภรณ์มงกุฎไทย หรือสายสะพายปฐมดิเรกคุณาภรณ์
แลว้ แตก่ รณี
1.2 กรณีใหแ้ ตง่ กายครง่ึ ยศ (เสื้อขาว กางเกงหรอื กระโปรงดำ)
ให้แต่งกายเช่นเดียวกับเต็มยศ โดยประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดท่ีได้รับ
พระราชทาน เว้นแต่ ผู้ท่ีได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย เม่ือประดับดาราช้ันสูงสุด
ที่ได้รับพระราชทานแต่ละตระกูลแล้ว ไม่ต้องสวมสายสะพาย สำหรับผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
มหาจักรีบรมราชวงศ์ (ฝ่ายใน) เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ (ฝ่ายใน)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้า และทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ฝ่ายใน) ให้นำดวงตรา ห้อยกับแพรแถบ
ผกู เป็นรปู แมลงปอ ประดับท่ีหนา้ บ่าเสือ้ เบือ้ งซ้าย โดยไม่ต้องประดับดาราของเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณ์ดังกลา่ ว
24
1.3 กรณใี ห้แต่งกายปกติขาว (เสื้อขาว กางเกงหรือกระโปรงขาว)
ให้ประดับแพรแถบย่อของ เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตามชั้นยศท่ีได้พระราชทาน
แต่หากระบุให้แต่งกายปกติขาวประดับเหรียญ ให้ประดับเฉพาะเหรียญราชอิสริยาภรณ์ที่อกเสื้อเบื้องซ้าย
โดยไม่ประดับดารา หรือสายสะพาย อน่ึง ทั้งสามกรณี หากเป็นการแต่งกายในงานศพซึ่งมีกำหนดการระบุให้
แต่งกายเตม็ ยศ ครึ่งยศ หรือปกติขาวไวท้ ุกข์ ให้สวมปลอกแขนสีดำที่แขนเส้อื ข้างซ้าย
1.4 ในโอกาสพิเศษ (บางพิธี) อาจมีหมายกำหนดการระบุ ให้แต่งกายปกติขาวประดับ
เหรียญ เช่น งานเลี้ยงพระและสมโภชราชกกุธภัณฑ์ หรือในการพระราชพิธีฉัตรมงคลก็ให้แต่งกายปกติขาว
แต่ประดับเหรียญราชอิสริยาภรณ์และเหรียญท่ีระลึก โดยไม่ต้องประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ และไม่ต้อง
สวมสายสะพายหรอื สวมแพรแถบสวมคอแต่อย่างใด
ข้อสังเกต เมื่อแต่งกายชุดสากลจะไม่มีการประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์หรือแพรแถบย่อ
ของเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณเ์ ป็นอันขาด เวน้ แต่จะประดบั ดุมเส้อื เคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์
2. ลำดบั เกียรติของเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทยมีลำดับเกียรติลดหลั่นกัน ซ่ึงโดยหลักการใหญ่การประดับ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์จะต้องเรียงลำดับตามประเภทและในแต่ละประเภทดังกล่าว การเรียงลำดับเกียรติของ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญแต่ละชนิดไว้ เพื่อให้ทราบถึงความสำคัญของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
และเหรียญเหล่านั้น รวมทั้งเพ่ือให้ผู้ท่ีได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ หรือเหรียญมากกว่า 1 ชนิด
จะได้ประดับได้อย่างถูกต้อง ซึ่งกำหนดไว้ในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ลำดับเกียรติของ
เคร่อื งราชอิสริยาภรณ์ ดังนี้
ลำดับ 1. เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์
ลำดบั 2. เหรียญบำเหน็จกลา้ หาญ
ลำดบั 3. เหรยี ญบำเหนจ็ ในราชการ
ลำดับ 4. เหรียญบำเหน็จในพระองค์
ลำดับ 5. เหรียญที่ระลึกต่าง ๆ
3. การประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ผู้ได้รับพระราชทานจะต้องประดับตามลำดับเกียรติ
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เร่ือง ลำดับเกียรติเครื่องราชอิสริยาภ รณ์ ไทยและระเบียบ
สำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2541 โดยเคร่งครัดตลอดจนเมื่อนำ
ออกมาประดับแลว้ จะต้องเก็บรกั ษาและดแู ลอย่างดี เนอ่ื งจากเป็นสง่ิ ทม่ี ีมงคลแก่ผู้ได้รับพระราชทาน และเป็น
ของสูงเห ม าะสม แ ก่ก ารเค ารพ บูช า อีก ทั้งยังเป็น ก ารน้อม รำลึก แล ะแส ด งค วาม จ งรัก ภักดี
ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ทที่ รงพระราชทานใหแ้ ก่ขา้ ราชการ ลูกจ้างประจำและพนกั งานราชการ
25
การประดับเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
การแต่งเคร่ืองแบบและการประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ต้องเป็นไปตามหมายกำหนดการ
ท่ีสำนักพระราชวังระบุ หรือตามกำหนดนัดหมายของทางราชการระบุ โดยพิจารณาความเหมาะสมหลาย
ประการประกอบกัน เช่น ความเหมาะสมด้านสถานท่ี พิธีการ (เป็นการเข้าเฝ้าฯ ตามปกติหรือวาระพิเศษ)
หรอื บคุ คล (เป็นงานพระราชทานเพลิงศพผใู้ ด) เป็นตน้
การประดบั เคร่อื งราชอิสรยิ าภรณ์ ให้ปฏิบตั ิ ดงั น้ี
1. เครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ได้รับพระราชทานเข้าเฝ้าฯ
รบั พระราชทาน มใิ ห้ประดบั เครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ก่อนเวลาที่ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝา้ ฯ รับพระราชทาน
หากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าเฝ้าฯ
รับพระราชทานได้ จะประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์น้ันได้ นับต้ังแต่ผ่านพ้นพิธีพระราชทานแล้ว เว้นแต่ได้รับ
พระมหากรุณาธคิ ณุ โปรดเกลา้ ฯ ใหเ้ ขา้ เฝ้าฯ ในโอกาสต่อไป
ห า ก มี ค ว า ม จ ำ เป็ น ไม่ ส า ม า ร ถ รั บ พ ร ะ ร า ช ท า น เค รื่ อ ง ร า ช อิ ส ริ ย า ภ ร ณ์ ใน วั น พิ ธี
พระราชทานไดใ้ นกรณีใดกต็ าม จะประดบั เคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณน์ ้นั ได้ นับต้งั แตส่ น้ิ สดุ พิธพี ระราชทาน
2. การประดับเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณ์ชนดิ มสี ายสะพาย (บุรษุ และสตร)ี
กรณีหมายกำหนดการหรือกำหนดนัดหมายของทางราชการ ระบุชนิดของสายสะพาย
ให้สวมสายสะพายตามทกี่ ำหนดการระบุ โดยประดับดาราของเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณ์ช้นั สูงสุดของแตล่ ะตระกูล
ที่ได้รับพระราชทานตามลำดับ ผู้ท่ีมิได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ตามท่ีหมายกำหนดการระบุไว้
หรือกำหนดนัดหมายของทางราชการ ให้สวมสายสะพายชั้นสูงสุดหรือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดที่ได้รับ
พระราชทาน
กรณีหมายกำหนดการหรือกำหนดนัดหมายของทางราชการ มิได้ระบุชนิดของ
สายสะพาย ให้สวมสายสะพายทลี่ ำดบั เกียรติสูงสุดที่ไดร้ บั พระราชทาน โดยมวี ิธปี ฏิบัติ ดังนี้
2.1 มหาปรมาภรณช์ ้างเผือก (ม.ป.ช.) – สะพายบ่าซา้ ยเฉยี งลงทางขวา
2.2 มหาวชิรมงกฎุ (ม.ว.ม.) – สะพายบ่าซา้ ยเฉียงลงทางขวา
2.3 ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.) – สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
2.4 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.) – สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย
ทั้งนี้ หากมิได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ให้ประดับ
เครอ่ื งราชอิสริยาภรณ์ทม่ี ลี ำดับเกยี รตสิ งู สุดทีไ่ ดร้ ับพระราชทาน
3. การประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชนิดดวงตราห้อยกับแพรแถบสวมคอ ซึ่งเป็น
เครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณท์ ีพ่ ระราชทานให้แก่บุรษุ ไดแ้ ก่
3.1 ทวตี ิยาภรณ์ช้างเผอื ก (ท.ช.)
3.2 ทวตี ยิ าภรณ์มงกฎุ ไทย (ท.ม.)
3.3 ตริตาภรณช์ า้ งเผือก (ต.ช.)
3.4 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)
26
โดยเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ลำดับท่ี 3.1 และ 3.2 มีดาราประกอบ ส่วนลำดับที่ 3.3
และ 3.4 ไม่มีดาราประกอบ มีวิธีประดับโดยให้คล้องแพรแถบไว้ในปกคอเส้ือ ให้ห่วงและแพรแถบห้อย
ดวงตราลอดออกมานอกเส้ือระหว่างตะขอตัวล่างท่ีขอบคอเสื้อกับดุมเม็ดแรกพองาม และให้ส่วนสูงสุด
ของดวงตราจรดขอบลา่ งของคอเสื้อ หากได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชนิดสวมคอมากกว่า 2 ดวง
เพื่อความเหมาะสมและสวยงามควรประดับเพียง 2 ดวง โดยประดับดวงตราท่ีมีลำดับเกียรติรองลงมาให้
แพรแถบลอดออกมาจากรังดุมเม็ดที่สอง ให้แพรแถบอยู่ใต้ดุม ส่วนวิธีประดับดาราของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ชนดิ น้ี (เฉพาะเครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์ท่ีมดี ารา) ใหป้ ระดบั ท่ีอกเสื้อเบ้อื งซ้าย
4. การประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชนิดดวงตราห้อยกับแพรแถบประดับท่ีอกเส้ือ
ซ่ึงเป็นเคร่ืองราชอสิ รยิ าภรณท์ พี่ ระราชทานใหแ้ ก่บรุ ุษ ไดแ้ ก่
4.1 จตั รุ ถาภรณ์ช้างเผอื ก (จ.ช.)
4.2 จัตรุ ถาภรณม์ งกุฎไทย (จ.ม.)
4.3 เบญจมาภรณช์ า้ งเผือก (บ.ช.)
4.4 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
โดยให้ประดบั ไว้ที่เหนือปกกระเป๋าเส้อื เบ้ืองซ้ายตำ่ กว่าแนวรังดุมเม็ดแรกลงมาให้ดวงตรา
อยู่ระหว่างขอบบนปกกระเป๋าพองาม และหากประดับตั้งแต่สองดวงขึ้นไป ให้เรียงลำดับเกียรติจากด้านรังดุม
ไปปลายบา่ ซ้าย
5. การประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชนิดดวงตราห้อยกับแพรแถบสวมคอ ซึ่งเป็น
เครือ่ งราชอิสรยิ าภรณท์ ่พี ระราชทานใหแ้ ก่สตรี กรณแี ต่งกายเต็มยศ ครึ่งยศ ได้แก่
5.1 ทวตี ิยาภรณ์ช้างเผอื ก (ท.ช.)
5.2 ทวีติยาภรณม์ งกุฎไทย (ท.ม.)
5.3 ตรติ าภรณช์ ้างเผอื ก (ต.ช.)
5.4 ตริตาภรณม์ งกฎุ ไทย (ต.ม.)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชนิดประดับหน้าบ่าเส้ือไม่มีดาราและชนิดประดับหน้าบ่าเสื้อ
มีดารา สำหรับพระราชทานแก่สตรี ให้ประดับดวงตราโดยใช้แพรแถบแบบบุรุษ และประดับ โดยเทียบเคียง
ในตำแหน่งและระดับเดียวกับบุรุษ โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลำดับท่ี 5.1 และ 5.2 มีดาราประกอบ
ส่วนลำดับท่ี 5.3 และ 5.4 ไม่มีดาราประกอบ กรณีการประดับดวงตราโดยคล้องคอแบบบุรุษ ให้แพรแถบ
ลอดออกจากปกเส้ือตวั ใน ดวงตรา ทับผ้าผกู คอ และส่วนสูงสุดของดวงตราจรดเงือ่ นผ้าผูกคอ หากไดร้ ับพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ มากกว่า ๒ ดวง เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม ควรประดับดวงตราของเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ชั้นสูงสุด ที่ได้รับพระราชทานเพียง ๒ ดวง โดยประดับดวงตราของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ท่ีมีลำดับเกียรติสูง
เป็นลำดบั ท่สี องให้อยตู่ ำ่ กว่าดวงตราของเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ทม่ี ีลำดบั เกียรติสูงเป็นลำดับทีห่ น่ึง
6. การประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ชนิดดวงตราห้อยกับแพรแถบประดับที่อกเสื้อ
ซึ่งเป็นเครอ่ื งราชอิสรยิ าภรณท์ ีพ่ ระราชทานให้แก่สตรี ไดแ้ ก่
6.1 จัตรุ ถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
6.2 จตั รุ ถาภรณ์มงกุฎไทย (จ.ม.)
6.3 เบญจมาภรณ์ชา้ งเผอื ก (บ.ช.)
6.4 เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.)
โดยใหป้ ระดับเทียบเคยี งในตำแหน่งและระดบั เดยี วกับบุรุษข้อ 4
7. การประดับเหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ (เหรียญจกั รพรรดิมาลา)
7.1 เหรยี ญราชอิสรยิ าภรณ์สำหรับบรุ ษุ ให้ปฏบิ ัติตามวธิ ปี ระดบั ตามข้อ 4
7.2 เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์สำหรับสตรี ให้ปฏบิ ตั ติ ามวิธีประดบั ตามขอ้ 6
27
8. การประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชนิดดวงตราห้อยกับแพรแถบประดับที่หน้าบ่าเส้ือ
ซ่ึงเปน็ เครื่องราชอสิ ริยาภรณท์ ี่พระราชทานให้แก่สตรี กรณีแต่งชดุ ไทย ไดแ้ ก่
8.1 ทวตี ยิ าภรณ์ชา้ งเผือก (ท.ช.)
8.2 ทวีติยาภรณม์ งกุฎไทย (ท.ม.)
8.3 ตริตาภรณช์ ้างเผือก (ต.ช.)
8.4 ตรติ าภรณ์มงกฎุ ไทย (ต.ม.)
8.5 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
8.6 จัตรุ ถาภรณ์มงกฎุ ไทย (จ.ม.)
8.7 เบญจมาภรณช์ ้างเผอื ก (บ.ช.)
8.8 เบญจมาภรณม์ งกุฎไทย (บ.ม.)
โดยให้ประดับที่หนา้ บ่าเสื้อเบอ้ื งซา้ ยพองาม และหากประดบั ตงั้ แตส่ องดวงข้นึ ไป ให้ประดับ
ดวงตราที่มีลำดับเกียรติรองมาในระดับต่ำกว่าดวงตราที่มีลำดับเกียรติสูงกว่า โดยเรียงลำดับจากด้านรังดุม
ลดหลั่นไปปลายบ่าซ้าย ส่วนการประดับดารา (เฉพาะเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่มีดารา) ให้ประดับที่อกเสื้อ
เบื้องซ้ายพองาม
ทั้งน้ี การประดับเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์และเหรียญราชอิสริยาภรณ์จะยึดแนวรังดุมเป็นหลัก
โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญราชอิสริยาภรณ์ท่ีมีลำดับเกียรติสูงจะเรียงลำดับจากแนวรังดุมออกไป
ปลายบา่ ซ้ายตามลำดับ
9. การประดบั ดาราเครือ่ งราชอสิ ริยาภรณ์
การประดับดาราของเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชนิดที่มีดารา กับเคร่ืองแบบเต็มยศ
หรือคร่ึงยศของบุรุษ จะประดับท่ีอกเสื้อเบื้องซ้ายระดับใต้ชายปกกระเป๋า ส่วนเครื่องแบบเต็มยศ หรือคร่ึงยศ
ของสตรี กรณีผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หลายตระกูลและมีดาราหลายดวง มีวิธีประดับตาม
ความเหมาะสมและสวยงามกับสายสะพายท่ีจะสะพายจากบ่าขวาเฉียงลงทางซ้าย หรือจากบ่าซ้ายเฉียงลง
ทางขวา ไดห้ ลายแบบ ดังนี้
9.1 การประดับดารา 2 ดวง
- แบบท่ี 1
1) ดาราดวงแรก ประดบั ที่อกเส้อื เบือ้ งซ้ายพองาม
2) ดาราดวงท่ีสองที่มีลำดับเกียรติรองลงมา ประดับในระดับต่ำกว่าดาราดวง
แรกเย้ืองไปทางซ้าย
28
- แบบที่ 2
1) ดาราดวงแรก ประดับทอี่ กเส้อื เบอ้ื งซ้ายพองาม
2) ดาราดวงที่สองที่มีลำดับเกียรติรองลงมา ประดับในแนวเดียวกับดวงดารา
เยื้องไปทางซ้าย
- แบบที่ 3
1) ดาราดวงแรก ประดับท่อี กเสื้อเบอ้ื งซา้ ยพองาม
2) ดาราดวงท่ีสองที่มีลำดับเกียรติรองลงมา ประดับในระดับต่ำกว่าดาราดวง
แรกในแนวด่งิ (ดาราดวงท่สี องอยตู่ รงกบั ดาราดวงแรก)
29
9.2 การประดบั ดารา 3 ดวง
- แบบที่ 1
1) ดาราดวงแรกท่ีมลี ำดบั เกยี รติสงู สุดประดบั ทอี่ กเส้อื เบื้องซา้ ยพองาม
2) ดาราดวงท่ีมีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสอง ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
ดวงแรกในแนวดิ่ง (ดาราดวงทส่ี องอยูต่ รงกบั ดาราดวงแรก)
3) ดาราดวงที่มีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสาม ประดับในแนวเดียวกับดารา
ดวงที่สองเยื้องไปทางซา้ ย
- แบบท่ี 2
1) ดาราดวงแรกท่ีมลี ำดับเกียรติสูงสดุ ประดับทีอ่ กเสือ้ เบื้องซา้ ยพองาม
2) ดาราดวงท่ีมีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสอง ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
ดวงแรกเยื้องไปทางซา้ ย
3) ดาราดวงท่ีมีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสาม ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
ดวงทสี่ องเยอ้ื งไปใกล้แนวรังดุม
30
- แบบที่ 3
1) ดาราดวงแรกท่ีมีลำดับเกยี รติสงู สดุ ประดับทีอ่ กเสื้อเบื้องซา้ ยพองาม
2) ดาราดวงที่มีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสอง ประดับในแนวเดียวกับดารา
ดวงแรกเยอ้ื งไปทางซา้ ย
3) ดาราดวงท่ีมีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสาม ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
ท้งั สองดวงขา้ งตน้ โดยให้มรี ะยะหา่ งจากดาราดวงแรกเท่ากับดาราดวงท่ีสอง
ดวงแรกเยือ้ งไปทางซ้าย - แบบที่ 4
ดวงที่สองเยื้องไปทางซ้าย 1) ดาราดวงแรกท่มี ลี ำดับเกยี รติสงู สดุ ประดับทีอ่ กเส้อื เบ้ืองซา้ ยพองาม
2) ดาราดวงท่ีมีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสอง ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
3) ดาราดวงที่มีลำดับเกียรติสูงเป็นลำดับสาม ประดับในระดับต่ำกว่าดารา
นอกจากนี้ ยังสามารถประดับได้ตามรปู แบบอ่ืนท่ีเหมาะสมและสวยงามอกี โดยยึดหลกั ให้
ดาราที่มีลำดับเกียรติสูงสุดอยู่บนสุด กรณีประดับดาราดวงท่ีสองในระดับเดียวกัน ดาราดวงแรกที่มีลำดับ
เกยี รตสิ งู สดุ จะต้องอยใู่ กล้แนวรังดมุ ทั้งนี้ ใหร้ วมถงึ กรณปี ระดับดารามากกวา่ 3 ดวงขนึ้ ไปดว้ ย
31
การประดับเครอื่ งหมายเขม็ พระราชทาน
เคร่อื งหมายเขม็ พระราชทาน เปน็ เครอ่ื งหมายที่ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ พระราชทานเป็น
เข็มที่ระลึกในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลต่าง ๆ ให้แก่ข้าราชการและคณะบุคคลต่าง ๆ เพื่อเป็นการเฉลิม
พระเกยี รติและแสดงความจงรักภักดี เชน่
เขม็ ท่ีระลกึ ตราสญั ลักษณ์พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พุทธศักราช 2562
เขม็ ทรี่ ะลกึ งานเฉลิมพระเกยี รตสิ มเด็จพระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เน่ืองในโอกาสพระราชพธิ ี
มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕
การประดับเครื่องหมายเข็มพระราชทานกับเครื่องแบบ มีวิธีการ ดังน้ี
1. เคร่ืองแบบปฏบิ ตั ิราชการ (สกี าก)ี
- บุรษุ
ให้ประดับเครื่องหมายเข็มพระราชทานท่ีอกเส้ือเบ้ืองขวาเหนือปากกระเป๋าเสื้อ
(เหนอื ปา้ ยชอ่ื )
- สตรี
ใหป้ ระดับเชน่ เดียวกบั บรุ ุษ
2. เครอ่ื งแบบพธิ กี าร (ปกตขิ าว ครึง่ ยศและเต็มยศ)
- บุรษุ
ใหป้ ระดับเครอ่ื งหมายเข็มพระราชทานท่ีอกเสื้อเบื้องขวาเหนอื ปากกระเปา๋ เสื้อ
- สตรี
ให้ประดับเคร่ืองหมายเข็มพระราชทานที่อกเสื้อเบ้ืองขวา โดยอยู่ในระดับ
เทยี บเคยี งกับบุรุษ
32
ตวั อยา่ ง
การแต่งกายในกรณตี ่าง ๆ
ปกตขิ าว
บรุ ุษ
สตรี
33
ปกตขิ าวประดับเหรียญ
บรุ ุษ
สตรี
34
ช้นั สายสะพาย ประกอบด้วย ช้ัน ม.ป.ช., ม.ว.ม., ป.ช., และ ป.ม.
• ม.ป.ช. กบั ม.ว.ม. บุรษุ
เครอื่ งแบบคร่งึ ยศ เคร่ืองแบบเต็มยศ
ดารา ม.ป.ช. ประดับท่อี กเสื้อเบ้อื งซา้ ยใตช้ ายปกกระเปา๋ ดวงตรา ม.ป.ช. หอ้ ยกบั สายสะพาย สะพายบา่ ซ้ายเฉียงลงทางขวา
ดารา ม.ว.ม. ประดบั ในระดบั ตำ่ กวา่ ดารา ม.ป.ช. เยือ้ งไปทางซา้ ย ดารา ม.ป.ช. ประดับท่ีอกเสอื้ เบอ้ื งซา้ ยใต้ชายปกกระเปา๋
เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดับทอี่ กเส้ือเบ้ืองซา้ ยเหนือปกกระเปา๋ ดารา ม.ว.ม. ประดับในระดับต่ำกว่าดารา ม.ป.ช. เย้อื งไปทางซา้ ย
(ไมส่ วมสายสะพาย) เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดบั ที่อกเสือ้ เบอื้ งซา้ ยเหนอื ปกกระเปา๋
• ม.ป.ช. กบั ม.ว.ม. สตรี
เครอ่ื งแบบครงึ่ ยศ เคร่ืองแบบเตม็ ยศ
ดารา ม.ป.ช. ประดับท่อี กเส้ือเบ้ืองซ้าย ดวงตรา ม.ป.ช. หอ้ ยกับสายสะพาย สะพายบา่ ซ้ายเฉียงลงทางขวา
ดารา ม.ว.ม. ประดบั ในระดบั ต่ำกวา่ ดารา ม.ป.ช. เย้ืองไปทางซ้าย ดารา ม.ป.ช. ประดบั ทอี่ กเสอ้ื เบื้องซ้าย
เหรียญราชอิสรยิ าภรณ์ เช่นเหรยี ญจกั รพรรดมิ าลา เหรียญเฉลมิ ดารา ม.ว.ม. ประดับในระดับต่ำกว่าดารา ม.ป.ช. เยอ้ื งไปทางซา้ ย
พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดับโดยใช้แพรแถบแบบบุรุษ (ไม่สวม เหรียญราชอสิ ริยาภรณ์ เช่นเหรียญจักรพรรดิมาลา เหรียญเฉลิม
สายสะพาย) พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดบั โดยใชแ้ พรแถบแบบบุรษุ
35
• ม.ว.ม. กับ ป.ช. บรุ ษุ
เครื่องแบบครงึ่ ยศ เครอ่ื งแบบเตม็ ยศ
ดารา ม.ว.ม. ประดบั ทอี่ กเสื้อเบอื้ งซา้ ยใตช้ ายปกกระเป๋า ดวงตรา ม.ว.ม. ห้อยกบั สายสะพาย สะพายบ่าซา้ ยเฉียงลงทางขวา
ดารา ป.ช. ประดับในระดับต่ำกวา่ ดารา ม.ว.ม. เยอ้ื งไปทางซ้าย ดารา ม.ว.ม. ประดบั ท่อี กเสื้อเบ้อื งซา้ ยใต้ชายปกกระเปา๋
เหรยี ญราชอสิ ริยาภรณ์ ประดบั ทอี่ กเสอ้ื เบอ้ื งซา้ ยเหนอื ปกกระเปา๋ ดารา ป.ช. ประดบั ในระดับต่ำกวา่ ดารา ม.ป.ช. เยื้องไปทางซ้าย
(ไม่สวมสายสะพาย) เหรียญราชอสิ ริยาภรณ์ ประดับทีอ่ กเสื้อเบ้ืองซา้ ยเหนอื ปกกระเป๋า
• ม.ว.ม. กับ ป.ช. สตรี
เคร่ืองแบบครงึ่ ยศ เครอื่ งแบบเตม็ ยศ
ดารา ม.ว.ม. ประดับทอี่ กเสอ้ื เบอื้ งซา้ ย ดวงตรา ม.ว.ม. ห้อยกับสายสะพาย สะพายบ่าซ้ายเฉียงลงทางขวา
ดารา ป.ช. ประดับในระดับตำ่ กวา่ ดารา ม.ว.ม. เยอ้ื งไปทางซ้าย ดารา ม.ว.ม. ประดบั ท่ีอกเส้อื เบือ้ งซา้ ย
เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ เช่นเหรยี ญจกั รพรรดิมาลา เหรียญเฉลิม ดารา ป.ช. ประดบั ในระดับตำ่ กวา่ ดารา ม.ว.ม. เยื้องไปทางซา้ ย
พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดับโดยใช้แพรแถบแบบบุรุษ (ไม่สวม เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ เช่นเหรียญจักรพรรดิมาลา เหรียญเฉลิม
สายสะพาย) พระเกียรตติ ่าง ๆ ใหป้ ระดับโดยใชแ้ พรแถบแบบบุรุษ
36
• ป.ช. กับ ป.ม. บรุ ษุ
เคร่ืองแบบครง่ึ ยศ เครอื่ งแบบเตม็ ยศ
ดารา ป.ช. ประดับทอี่ กเสอื้ เบือ้ งซ้ายใต้ชายปกกระเป๋า ดวงตรา ป.ช. หอ้ ยกบั สายสะพาย สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซา้ ย
ดารา ป.ม. ประดบั ในระดบั ตำ่ กว่าดารา ป.ช. เย้อื งไปทางซา้ ย ดารา ป.ช. ประดับทอ่ี กเสอื้ เบ้อื งซ้ายใตช้ ายปกกระเปา๋
เหรยี ญราชอิสรยิ าภรณ์ ประดบั ทอ่ี กเสอื้ เบอ้ื งซา้ ยเหนอื ปกกระเป๋า ดารา ป.ม. ประดับในระดับต่ำกวา่ ดารา ป.ช. เยอื้ งไปทางซ้าย
(ไมส่ วมสายสะพาย) เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดบั ท่ีอกเส้อื เบื้องซ้ายเหนอื ปกกระเป๋า
• ป.ช. กบั ป.ม. สตรี
เครือ่ งแบบครึง่ ยศ เครอ่ื งแบบเตม็ ยศ
ดารา ป.ช. ประดับท่อี กเสอ้ื เบื้องซ้าย ดวงตรา ป.ช. ห้อยกบั สายสะพาย สะพายบา่ ขวาเฉียงลงทางซ้าย
ดารา ป.ม. ประดบั ในระดบั ต่ำกว่าดารา ป.ช. เยื้องไปทางซา้ ย ดารา ป.ช. ประดบั ทอ่ี กเสอื้ เบ้อื งซ้าย
เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ เชน่ เหรยี ญจักรพรรดิมาลา เหรยี ญเฉลมิ ดารา ป.ม. ประดับในระดับต่ำกว่าดารา ป.ช. เยือ้ งไปทางซา้ ย
พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดับโดยใช้แพรแถบแบบบุรุษ (ไม่สวม เหรยี ญราชอิสรยิ าภรณ์ เช่นเหรียญจักรพรรดิมาลา เหรียญเฉลิม
สายสะพาย) พระเกยี รติตา่ ง ๆ ใหป้ ระดบั โดยใชแ้ พรแถบแบบบรุ ุษ
37
• ป.ม. กับ ท.ช. บุรุษ
เครอ่ื งแบบคร่ึงยศ เครื่องแบบเตม็ ยศ
ดวงตรา ท.ช. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกระหวา่ ง ดวงตรา ป.ม. หอ้ ยกับสายสะพาย สะพายบา่ ขวาเฉียงลงทางซา้ ย
ตะขอตวั ลา่ งกับดมุ เมด็ แรก ดวงตรา ท.ช. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกระหวา่ ง
ดารา ป.ม. ประดบั ทอ่ี กเสื้อเบอื้ งซ้ายใตช้ ายปกกระเป๋า ตะขอตัวลา่ งกบั ดุมเมด็ แรก
ดารา ท.ช. ประดบั ในระดับตำ่ กว่าดารา ป.ม. เยือ้ งไปทางซา้ ย ดารา ป.ม. ประดับท่อี กเสือ้ เบอ้ื งซา้ ยใต้ชายปกกระเปา๋
เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ท่ีอกเสอื้ เบือ้ งซา้ ยเหนอื ปกกระเป๋า ดารา ท.ช. ประดับในระดับตำ่ กว่าดารา ป.ม. เยอ้ื งไปทางซ้าย
(ไม่สวมสายสะพาย) เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ท่อี กเสอ้ื เบ้ืองซ้ายเหนือปกกระเปา๋
• ป.ม. กับ ท.ช. สตรี
เครือ่ งแบบครึง่ ยศ เครื่องแบบเต็มยศ
ดวงตรา ท.ช. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอื้ ตัวใน ดวงตรา ป.ม. หอ้ ยกับสายสะพาย สะพายบ่าขวาเฉียงลงทางซา้ ย
โดยให้ดวงตราทบั ผา้ ผูกคอ และสว่ นสูงของดวงตราจรดเงื่อนผ้าผกู คอ ดวงตรา ท.ช. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเส้ือตัวใน
ดารา ป.ม. ประดบั ทอี่ กเสอ้ื เบื้องซา้ ย โดยให้ดวงตราทับผ้าผูกคอ และส่วนสูงของดวงตราจรดเงื่อนผ้าผกู คอ
ดารา ท.ช. ประดับในระดบั ตำ่ กวา่ ดารา ป.ม. เย้ืองไปทางซ้าย ดารา ป.ม. ประดับที่อกเสอ้ื เบื้องซา้ ย ต่ำกว่าเหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์
เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ เช่นเหรยี ญจกั รพรรดมิ าลา เหรยี ญเฉลมิ ดารา ท.ช. ประดับในระดับตำ่ กว่าดารา ป.ม. เยอื้ งไปทางซ้าย
พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดับโดยใช้แพรแถบแบบบุรุษ (ไม่สวม เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ เช่นเหรียญจักรพรรดิมาลา เหรียญเฉลิม
สายสะพาย) พระเกียรติต่าง ๆ ให้ประดบั โดยใช้แพรแถบแบบบรุ ษุ
38
ชน้ั ตำ่ กว่าสายสะพาย ท.ช. กับ ท.ม. บุรษุ
• ท.ช. กับ ท.ม. บรุ ษุ
เครอื่ งแบบคร่งึ ยศ เคร่อื งแบบเตม็ ยศ
ดวงตรา ท.ช. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกระหว่าง ดวงตรา ท.ช. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
ตะขอตัวลา่ งกบั ดุมเม็ดแรก ออกระหว่างตะขอตัวล่างกบั ดุมเม็ดแรก
ดวงตรา ท.ม. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากรงั ดุม ดวงตรา ท.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
เมด็ ทสี่ องโดยใหอ้ ยใู่ ต้ดมุ ออกจากรังดมุ เม็ดทสี่ อง โดยให้อยู่ใต้ดุม
ดารา ท.ช. ประดบั ท่อี กเสอื้ เบ้อื งซ้ายใต้ชายปกกระเป๋า ดารา ท.ช. ประดับทีอ่ กเสอื้ เบอื้ งซา้ ยใต้ชายปกกระเปา๋
ดารา ท.ม. ประดับในระดบั ตำ่ กว่าดารา ท.ช. เยื้องไปทางซ้าย ดารา ท.ม. ประดบั ในระดับตำ่ กวา่ ดารา ท.ช. เย้ืองไปทางซ้าย
เหรียญราชอิสริยาภรณ์ ประดบั ทอี่ กเสือ้ เบ้ืองซ้ายเหนือปกกระเปา๋ เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดับทอ่ี กเสือ้ เบ้อื งซ้ายเหนือปกกระเป๋า
(เหมือนเตม็ ยศ)
• ท.ช. กบั ท.ม. สตรี
เคร่อื งแบบครึง่ ยศ เคร่อื งแบบเตม็ ยศ
ดวงตรา ท.ช. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอ้ื ตวั ใน ดวงตรา ท.ช. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอ้ื ตวั ใน
โดยใหด้ วงตราทบั ผ้าผกู คอ และสว่ นสงู ของดวงตราจรดเงื่อนผา้ ผกู คอ โดยให้ดวงตราทับผา้ ผกู คอ และสว่ นสงู ของดวงตราจรดเงื่อนผ้าผกู คอ
ดวงตรา ท.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจากใต้ ดวงตรา ท.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจาก
ปกเสอื้ ในโดยให้ดวงตราทับผ้าผูกคอ และอย่ตู ่ำกว่าดวงตรา ท.ช. ใต้ปกเสือ้ ในโดยให้ดวงตราทับผ้าผูกคอ และอยู่ต่ำกว่าดวงตรา ท.ช.
ดารา ท.ช. ประดบั ทอ่ี กเส้ือเบื้องซ้าย ตำ่ กวา่ เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ดารา ท.ช. ประดบั ทีอ่ กเสอื้ เบื้องซา้ ย ต่ำกวา่ เหรยี ญราชอิสรยิ าภรณ์
ดารา ท.ม. ประดับในระดบั ตำ่ กว่าดารา ท.ช. เยื้องไปทางซ้าย ดารา ท.ม. ประดับในระดบั ต่ำกว่าดารา ท.ช. เยือ้ งไปทางซ้าย
เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ทีอ่ กเสอื้ เบื้องซ้าย เหรยี ญราชอิสรยิ าภรณ์ ประดับทีอ่ กเสื้อเบ้อื งซ้าย
(เหมือนเต็มยศ)
39
ชัน้ ตำ่ กว่าสายสะพาย ท.ม. กับ ต.ช. บรุ ุษ
• ท.ม. กบั ต.ช. บรุ ษุ
เครอื่ งแบบครึง่ ยศ เครือ่ งแบบเต็มยศ
ดวงตรา ท.ม. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกระหวา่ ง ดวงตรา ท.ม. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
ตะขอตวั ล่างกับดุมเม็ดแรก ออกระหว่างตะขอตัวล่างกับดุมเม็ดแรก
ดวงตรา ต.ช. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากรังดุม ดวงตรา ต.ช. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
เม็ดท่สี องโดยให้อยใู่ ตด้ มุ ออกจากรงั ดมุ เมด็ ท่สี อง โดยให้อยใู่ ต้ดมุ
ดารา ท.ม. ประดบั ท่ีอกเสือ้ เบือ้ งซ้ายใตช้ ายปกกระเป๋า ดารา ท.ม. ประดับทอี่ กเสื้อเบือ้ งซ้ายใต้ชายปกกระเป๋า
เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ทีอ่ กเส้อื เบอ้ื งซ้ายเหนอื ปกกระเปา๋ เหรียญราชอิสริยาภรณ์ ประดับท่อี กเสื้อเบื้องซ้ายเหนอื ปกกระเปา๋
(เหมือนเตม็ ยศ)
• ท.ม. กับ ต.ช. สตรี
เครอื่ งแบบครงึ่ ยศ เครื่องแบบเต็มยศ
ดวงตรา ท.ม. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสื้อตัวใน ดวงตรา ท.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอื้ ตวั ใน
โดยใหด้ วงตราทับผา้ ผกู คอ และสว่ นสงู ของดวงตราจรดเงื่อนผา้ ผกู คอ
โดยให้ดวงตราทับผา้ ผูกคอ และส่วนสูงของดวงตราจรดเงือ่ นผา้ ผูกคอ ดวงตรา ต.ช. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจาก
ใตป้ กเส้อื ในโดยให้ดวงตราทบั ผา้ ผูกคอ และอยู่ตำ่ กว่าดวงตรา ท.ม.
ดวงตรา ต.ช. ห้อยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจาก ดารา ท.ม. ประดับทอี่ กเส้ือเบอ้ื งซา้ ย ตำ่ กวา่ เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์
ใต้ปกเสื้อในโดยให้ดวงตราทับผ้าผูกคอ และอยู่ตำ่ กว่าดวงตรา ท.ม. เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดับทอ่ี กเส้ือเบื้องซ้าย
ดารา ท.ม. ประดบั ทอี่ กเสื้อเบ้ืองซา้ ย ตำ่ กวา่ เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์
เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ทอ่ี กเสอื้ เบอ้ื งซ้าย
(เหมือนเตม็ ยศ)
40
ช้ันต่ำกว่าสายสะพาย ต.ช. กบั ต.ม. บรุ ษุ
• ต.ช. กบั ต.ม. บุรษุ
เครือ่ งแบบครึง่ ยศ เคร่ืองแบบเตม็ ยศ
ดวงตรา ต.ช. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด ดวงตรา ต.ช. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
ออกระหวา่ งตะขอตวั ลา่ งดุมเมด็ แรก ออกระหว่างตะขอตวั ลา่ งดมุ เม็ดแรก
ดวงตรา ต.ม. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด ดวงตรา ต.ม. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
ออกจากรงั ดมุ เมด็ ท่สี อง โดยใหอ้ ย่ใู ตด้ มุ ออกจากรังดมุ เม็ดทีส่ อง โดยให้อยใู่ ต้ดมุ
เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดับท่อี กเสอ้ื เบื้องซ้ายเหนือปกกระเปา๋ เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดบั ท่อี กเสอื้ เบอื้ งซ้ายเหนอื ปกกระเป๋า
(เหมือนเต็มยศ)
• ต.ช. กบั ต.ม. สตรี
เครอ่ื งแบบครึ่งยศ เครื่องแบบเต็มยศ
ดวงตรา ต.ช. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอื้ ตวั ใน ดวงตรา ต.ช. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสือ้ ตวั ใน
โดยให้ดวงตราทบั ผา้ ผกู คอ และส่วนสงู ของดวงตราจรดเงอื่ นผา้ ผูกคอ โดยให้ดวงตราทบั ผา้ ผกู คอ และสว่ นสงู ของดวงตราจรดเง่อื นผ้าผูกคอ
ดวงตรา ต.ม. หอ้ ยกบั แพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจาก ดวงตรา ต.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกจาก
ปกเสือ้ ตัวในโดยให้ดวงตราทบั ผา้ ผูกคอ และอยู่ตำ่ กว่าดวงตรา ต.ซ. ปกเสื้อตวั ในโดยใหด้ วงตราทับผ้าผูกคอ และอยตู่ ่ำกวา่ ดวงตรา ต.ช.
เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์ ประดับทีอ่ กเสือ้ เบื้องซ้าย เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์ ประดบั ทีอ่ กเสือ้ เบ้อื งซา้ ย
(เหมือนเต็มยศ)
41
ชัน้ ตำ่ กว่าสายสะพาย ต.ม. กบั จ.ช. บรุ ุษ
• ต.ม. กับ จ.ช. บุรุษ
เครอื่ งแบบคร่ึงยศ เคร่อื งแบบเต็มยศ
ดวงตรา ต.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดออกระหวา่ ง ดวงตรา ต.ม. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอด
ตะขอตวั ล่างกบั ดุมเม็ดแรก ออกระหวา่ งตะขอตัวลา่ งกบั ดุมเม็ดแรก
ดวงตรา จ.ช. ห้อยกบั แพรแถบประดบั ท่อี กเสอ้ื เบ้ืองซ้าย ดวงตรา จ.ช. หอ้ ยกับแพรแถบประดับที่อกเสื้อเบอ้ื งซา้ ย
เหนอื ปกกระเปา๋ รว่ มกบั เหรียญราชอสิ รยิ าภรณ์อน่ื ๆ เหนือปกกระเป๋าร่วมกับเหรยี ญราชอิสรยิ าภรณอ์ ่ืน ๆ
(เหมือนเตม็ ยศ)
• ต.ม. กับ จ.ช. สตรี
เครื่องแบบคร่งึ ยศ เคร่อื งแบบเต็มยศ
ดวงตรา ต.ม. หอ้ ยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสอื้ ตวั ใน ดวงตรา ต.ม. ห้อยกับแพรแถบสวมคอ แพรแถบลอดจากปกเสื้อตัวใน
ให้ดวงตราทับผ้าผูกคอ และสว่ นสงู ของดวงตราจรดเงื่อนผ้าผูกคอ ใหด้ วงตราทับผ้าผกู คอ และส่วนสูงของดวงตราจรดเง่อื นผา้ ผูกคอ
ดวงตรา จ.ช. ห้อยกับแพรแถบประดับที่อกเส้ือเบื้องซ้ายร่วมกับ ดวงตรา จ.ช. ห้อยกับแพรแถบประดับที่อกเสื้อเบื้องซ้ายร่วมกับ
เหรยี ญราชอิสริยาภรณ์อ่ืน ๆ เหรียญราชอสิ รยิ าภรณอ์ น่ื ๆ
(เหมอื นเต็มยศ)
42
ชั้นตำ่ กวา่ สายสะพาย จ.ช. กบั จ.ม. บุรษุ
• จ.ช. กบั จ.ม. บุรษุ
เครือ่ งแบบคร่ึงยศ เครอื่ งแบบเต็มยศ
ดวงตรา จ.ช. และดวงตรา จ.ม. หอ้ ยกบั แพรแถบประดบั ทอี่ กเส้อื ดวงตรา จ.ช. และดวงตรา จ.ม. ห้อยกบั แพรแถบประดับทอี่ กเส้ือ
เบอื้ งซา้ ยเหนอื ปกกระเปา๋ ร่วมกบั เหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์อนื่ ๆ เบือ้ งซ้ายเหนอื ปกกระเป๋ารว่ มกับเหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณอ์ ่ืน ๆ
(เหมอื นเตม็ ยศ)
• จ.ช. กบั จ.ม. สตรี
เคร่อื งแบบคร่ึงยศ เคร่ืองแบบเตม็ ยศ
ดวงตรา จ.ช. และดวงตรา จ.ม. ห้อยกับแพรแถบประดับท่ีอกเสือ้ ดวงตรา จ.ช. และดวงตรา จ.ม. ห้อยกับแพรแถบประดับท่อี กเสื้อ
เบ้อื งซ้ายเหนอื ปกกระเปา๋ รว่ มกบั เหรยี ญราชอสิ ริยาภรณ์อ่นื ๆ เบ้ืองซา้ ยเหนอื ปกกระเป๋าร่วมกับเหรยี ญราชอสิ รยิ าภรณ์อ่นื ๆ
(เหมือนเตม็ ยศ)
43
ลกั ษณะแถบจำลองเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์
เครอื่ งราชอสิ รยิ าภรณอ์ นั เป็นเชิดชยู ิง่ ชา้ งเผอื ก
เคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์อันมีเกยี รตยิ ศย่งิ มงกฎุ ไทย
ลำดบั ท่ี ชอ่ื เครือ่ งราชอสิ รยิ าภรณ์ ลักษณะแถบจำลอง คู่ ลักษณะแถบจำลอง เดย่ี ว
1 เบญจมาภรณม์ งกุฏไทย (บ.ม.)
2 เบญจมาภรณ์ชา้ งเผือก (บ.ช.)
เบญจมาภรณม์ งกฏุ ไทย (บ.ม.)
3 จตั ุรถาภรณม์ งกุฏไทย (จ.ม.)
เบญจมาภรณช์ า้ งเผือก (บ.ช.)
4 จตั ุรถาภรณช์ า้ งเผือก (จ.ช.)
จตั รุ ถาภรณ์มงกฏุ ไทย (จ.ม.)
5 ตริตาภรณ์มงกฏุ ไทย (ต.ม.)
จตั รุ ถาภรณช์ า้ งเผอื ก (จ.ช.)
6 ตริตาภรณ์ชา้ งเผือก (ต.ช.)
ตริตาภรณม์ งกฏุ ไทย (ต.ม.)
7 ทวตี ิยาภรณม์ งกฏุ ไทย (ท.ม.)
ตริตาภรณ์ชา้ งเผอื ก (ต.ช.)
8 ทวตี ิยาภรณ์ชา้ งเผอื ก (ท.ช.)
ทวตี ิยาภรณม์ งกฏุ ไทย (ท.ม.)
9 ประถมาภรณ์มงกฏุ ไทย (ป.ม.)
ทวตี ยิ าภรณ์ชา้ งเผอื ก (ท.ช.)
10 ประถมาภรณช์ า้ งเผือก (ป.ช.)
ประถมาภรณม์ งกุฏไทย (ป.ม.)
11 มหาวชิรมงกฏุ (ม.ว.ม.)
ประถมาภรณ์ชา้ งเผอื ก (ป.ช.)
12 มหาปรมาภรณ์ชา้ งเผอื ก (ม.ป.ช.)
มหาวชิรมงกฏุ (ม.ว.ม.)
บทท่ี 5
แนวคำวนิ จิ ฉัยของศาลปกครองเกย่ี วกับเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์
เรอื่ งทหี่ นงึ่ กรณี มาตรา 72 วรรคหน่ึง (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณา
คดีปกครอง พ.ศ. 2542
คำพิพากษาศาลปกครองสงู สดุ คดีหมายเลขแดงท่ี อ. 5/2553 (ยอ่ )
ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ระดับ 8 ได้เสนอผลงานทางวิชาการขอรับการ
ประเมินเพื่อดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2546 ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1
ตลุ าคม 2546 ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ไดม้ ีมติในการประชุมคร้ังที่ 25/2546 เมอื่ วันที่ 2 กรกฎาคม 2546
อนุมัติให้แต่งต้ังคณะกรรมการพิจารณาผลงานทางวิชาการของผู้ฟ้องคดี จำนวน 3 คน ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1
จงึ มีคำสง่ั ที่ 1591/2546 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2546 แต่งต้ังคณะกรรมการพิจารณาผลงานทางวิชาการ
จำนวน 3 คน และได้รับผลการพิจารณาจากคณะกรรมการทั้ง 3 คน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2546 วันท่ี 16
กันยายน 2546 และวันที่ 25 กันยายน 2546 ตามลำดับ โดยกรรมการ 3 คน มีความเห็นแตกต่างกัน
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้พิจารณาเม่ือวันที่ 29 ตุลาคม 2546 แล้วมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการพิจารณาผลงาน
ทางวิชาการของผู้ฟ้องคดีเพิ่มเติมอีก 2 คน ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 จึงมีคำสั่งท่ี 545/2547 ลงวันท่ี 8
มนี าคม 2547 แต่งต้งั กรรมการพิจารณาผลงานทางวิชาการเพิ่มเติมและได้ส่งผลงานทางวิชาการของผฟู้ ้องคดี
ไปยังกรรมการที่แต่งตั้งเพ่ิมเติมดังกล่าวเม่ือวันที่ 16 กรกฎาคม 2547 ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีมติในการ
ประชุมครั้งท่ี 50/2547 เมื่อวันท่ี 22 ธันวาคม 2547 อนุมัติแต่งตั้งผู้ฟ้องคดีให้ดำรงตำแหน่ง
รองศาสตราจารย์และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้มีคำส่ังท่ี 3359/2547 ลงวันที่ 30 ธนั วาคม 2547 แตง่ ต้ังผู้ฟ้อง
คดีให้ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 8 อัตราเงินเดือน 30,850 บาท โดยให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่
วันที่ 21 เมษายน 2546 ก่อนท่ีผู้ฟ้องคดีจะเกษียณอายุราชการ ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1
โดยอนุมัติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะต้องปรับระดับให้ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9
เนือ่ งจากเป็นตำแหน่งท่ีลนื่ ไหลและผู้ฟอ้ งคดีมีอตั ราเงนิ เดือนสงู กว่าอัตราเงนิ เดอื นขั้นตำ่ ของระดับ 9 ผู้ฟอ้ งคดี
จึงมีหนังสือขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 3 พิจารณาเสนอเรื่องการปรับระดับตำแหน่งดังกล่าว และ ขอทราบผล
การพิจารณา แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ก็มิได้มีการดำเนินการใด ๆ ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองชั้นต้น
เม่ือวนั ที่ 12 กรกฎาคม 2548
คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีท้ังสี่เป็นการละเลยต่อหน้าที่
ตามทก่ี ฎหมายกำหนดใหต้ ้องปฏบิ ัตหิ รือไม่
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีท้ังส่ีอุทธรณ์ว่า การมีคำส่ังแต่งต้ัง
ให้ผู้ฟ้องคดีดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 8 ได้กระทำภายหลังที่ผู้ฟ้องคดีเกษียณอายุราชการไปแล้ว
และไม่มีสถานภาพเป็นข้าราชการที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นข้าราชการระดับ 9 และผู้ฟ้องคดีมิได้กรอกแบบ
ประเมินภาระงานเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น เพ่ือประกอบการพิจารณาเล่ือนระดับให้ดำรงตำแหน่งรอง
ศาสตราจารย์ ระดับ 9 นั้น เห็นว่า สิทธิของผู้ฟ้องคดีที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 น้ัน
ได้เกิดข้ึนต้ังแต่วันที่ 22 เมษายน 2546 ถึงวันท่ี 30 กันยายน 2546 ซ่ึงเป็นวันเกษียณอายุราชการ
โดยในช่วง
45
โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวผู้ฟ้องคดียังมีสถานภาพเป็นข้าราชการอยู่และเป็นหน้าท่ีของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3
และผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 4 ซึ่งมีหน้าท่ีดูแลทะเบียนประวัติหรือข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ฟ้องคดี ย่อมทราบว่าผู้ฟ้องคดี
มีเงินเดือนอยู่ในขั้นใดและอันดับใด และมีคุณสมบัติอ่ืน ๆ สมควรได้รับการบรรจุและ แต่งตั้งเป็น
รองศาสตราจารย์ ระดับ 9 ก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2546 หรือไม่ โดยจะต้องเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้ฟ้องคดี
ต่อผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 และส่งแบบประเมินภาระงานให้แก่ผู้ฟ้องคดี เพื่อผู้ฟ้องคดีจะได้กรอกข้อมูลเบ้ืองต้นลงใน
แบบประเมนิ มาประกอบการพิจารณา แต่ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 3 และผถู้ ูกฟ้องคดีท่ี 4 ก็มิได้ส่งแบบประเมินดงั กล่าว
ใหผ้ ู้ฟ้องคดีแตอ่ ย่างใด อุทธรณ์ของผูถ้ กู ฟ้องคดที ัง้ สี่ในประเดน็ นีจ้ ึงฟังไม่ขน้ึ
อนึ่ง ตามมาตรา 72 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ังศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. 2542 กำหนดว่า ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับอย่างหนึ่งอย่างใด
โดยอาจสั่งให้หัวหน้าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐปฏิบัติตามหน้าที่ภายในเวลาท่ีศาลปกครอง
กำหนด ในกรณีท่ีมีการฟ้องว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐละเลยต่อหน้าท่ีหรือปฏิบัติหน้าที่
ล่าช้าเกินสมควร ดังนั้น การท่ีศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีท่ี 1 มีคำสั่งแต่งต้ังให้ผู้ฟ้องคดี
ดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ 9 และปรับให้ได้รับเงินเดือนในระดับ 9 โดยให้มีผลต้ังแต่วันที่ 22
เมษายน 2546 และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เสนอเรื่องขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันสายสะพาย
เป็นกรณีพิเศษให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามข้ันตอนและวิธีการท่ีกฎหมายกำหนด พร้อมทั้งแจ้งกรมบัญชีกลางให้ปรับ
บำนาญให้แก่ผู้ฟอ้ งคดีตามข้ันเงินเดอื นสุดท้ายทผ่ี ู้ฟ้องคดีได้รับ ในวนั เกษียณอายุราชการ ทัง้ น้ี ภายใน 60 วัน
นบั แต่วันที่คำพพิ ากษาถึงท่ีสดุ นั้น ศาลปกครองสงู สดุ เหน็ พอ้ งด้วยบางส่วน
พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ผู้ถูกฟ้องคดีท้ังสี่พิจารณ า
เพื่อดำเนินการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้ันสายสะพายให้แก่ผู้ฟ้องคดีภายใต้ห ลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็น
ทีเ่ ชิดชูยง่ิ ชา้ งเผือกและเคร่ืองราชอิสรยิ าภรณ์อนั มเี กียรติยศย่งิ มงกฎุ ไทย พ.ศ. 2536 และพิจารณาดำเนนิ การ
เกี่ยวกับเงินบำนาญที่ผู้ฟ้องคดีมีสิทธิพึงมีพึงได้ไปยงั หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมาย
กำหนด นอกจากท่ีแกใ้ ห้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองช้นั ต้น
กฎหมายท่ีเก่ยี วขอ้ ง
- พระราชบญั ญตั ิจัดตงั้ ศาลปกครองและวธิ ีพจิ ารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
- ระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรี วา่ ดว้ ยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณอ์ นั เปน็ ทีเ่ ชดิ ชูยง่ิ
ช้างเผือกและเคร่อื งราชอสิ ริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกฎุ ไทย พ.ศ. 2536
- พระราชบัญญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื นในมหาวทิ ยาลัย พ.ศ. 2507
- กฎทบวง ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2549) ซึง่ แก้ไขเพ่ิมเตมิ โดย กฎทบวง ฉบบั ที่ 7 (พ.ศ. 2535)
46
เร่อื งทส่ี อง กรณีมาตรา 9 วรรคหนึ่ง(2) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดี
ปกครอง พ.ศ. 2542 คดีพิพาทเก่ียวกับการท่ีเจ้าหน้าท่ีของรัฐละเลยต่อหน้าท่ีตามท่ีกฎหมายกำหนดให้
ต้องปฏิบตั ิ
คำพพิ ากษาศาลปกครองสูงสดุ คดีหมายเลขแดงท่ี อ.680/2556(ย่อ)
ผ้ฟู ้องคดีเป็นขา้ ราชการรัฐสภาสามัญ ได้รับความเดือดร้อนหรอื เสียหายจากการท่ีผูถ้ กู ฟอ้ งคดี
ได้มีมติในการประชุมครั้งท่ี 14/2549 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2549 สืบเน่ืองจากผู้เช่ียวชาญด้านกฎหมาย
ได้เสนอความเห็นต่อท่ีประชุมว่าผู้ฟ้องคดีได้ฟ้องผู้ถูกฟ้องคดี เป็นคดีต่อศาลปกครองช้ันต้น (ศาลปกครอง
กลาง) จำนวน 4 คดี และเป็นคดีท่ีศาลอาญากรุงเทพใต้อีก 1 คดี สร้างความป่ันป่วนให้แก่องค์กร จึงไม่ควร
เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีจึงมีมติไม่เสนอขอพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2549 ให้แก่ผู้ฟ้องคดี และให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติพิจารณาดำเนินการทางวินัยแก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และเป็นการกล่ันแกล้งผู้ฟ้องคดี จึงยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ถูกฟ้องคดี เมื่อวันที่ 14 และวันที่ 15 ธันวาคม 2549
ตามลำดับ แต่ไม่ได้รับแจ้งผลการพิจารณา ผู้ฟ้องคดีจึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
ให้ผู้ถูกฟ้องคดีเร่งพิจารณาเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามกฎหมายภายใน
ระยะเวลาทศ่ี าลกำหนด
ศาลปกครองช้ันต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การเสนอขอพระราชทานเป็นหน้าที่ของหน่วยงาน
ต้นสังกัดจะต้องพิจารณาเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์เป็นบำเหน็จความชอบให้นอกเหนือ
จากบำเหน็จความชอบอ่ืน ๆ เช่น การได้รับเลื่อนตำแหน่งหรือเล่ือนขั้นเงินเดือน จึงเป็นกรณีท่ีมีกฎหมาย
กำหนดอำนาจหน้าท่ีของผู้บังคับบัญชาให้ต้องปฏิบัติ และเป็นสิทธิที่ข้าราชการจะได้รับการเสนอขอ
พระราชทานฯ หากมีคุณสมบัติครบถ้วน การเสนอขอหรือไม่เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
จึงเป็นการใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าท่ีที่มีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรือหน้าท่ีขอ งข้าราชการ
จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง และต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติเสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ประจำปี
พ.ศ. 2550 ช้ันทวีติยาภรณ์มงกุฎไทยให้แก่ผู้ฟ้องคดีแล้ว แม้จะเป็นการเสนอขอพระราชทานในปีถัดมาและ
ทำให้สิทธิท่ีจะได้รับการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นถัดไปต้องล่าช้าก็ตาม แต่โดยเหตุ
ทีผ่ ู้ฟ้องคดีฟอ้ งขอใหผ้ ู้ถูกฟอ้ งคดีไดเ้ ร่งพิจารณาเสนอขอพระราชทานเครอื่ งราชอิสรยิ าภรณ์ใหแ้ ก่ผู้ฟ้องคดีแล้ว
ศาลจึงไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งกำหนดคำบงั คับใหผ้ ้ถู ูกฟอ้ งคดตี ้องปฏบิ ตั ิตามคำขอของผู้ฟ้องคดีอกี ต่อไป
ศาลปกครองชนั้ ต้นพพิ ากษายกฟ้อง
ผู้ฟ้องคดีอุทธรณ์ โดยขอให้ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีในการประชุม
คร้ังที่ 14/2549 เมื่อวันท่ี 14 กันยายน 2549 ที่ไม่เสนอขอพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่
ผู้ฟ้องคดี และยกคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นท่ีส่ังไม่รับคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีท่ีให้ดำเนินการ
ทางวินยั กับผูฟ้ อ้ งคดแี ละให้ศาลปกครองช้นั ตน้ พิจารณาประเด็นน้ีใหม่และมีคำสั่งใหมต่ อ่ ไป
47
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โดยสภาพแล้วมติในการประชุมครั้งท่ี 14/2549
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2549 ที่ไม่เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี พ.ศ.2549
ให้แก่ผู้ฟ้องคดี เป็นเพียงกระบวนการดำเนินการภายในของหน่วยงานทางปกครอง จึงไม่มีผลทางกฎหมาย
ออกสู่ภายนอกไปกระทบกระเทือนต่อสิทธิ เสรีภาพ หรือประโยชน์อันชอบธรรมอย่างใด ๆ ของผู้ฟ้องคดี
หรือก่อความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายให้แก่ผฟู้ อ้ งคดีหรอื บคุ คลใด ๆ โดยตรง
และเป็นการเฉพาะตัวแต่อย่างใด คงมีแต่เฉพาะประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีท่ีแจ้งรายชื่อผู้ได้รับพระราชทาน
เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ประจำปี พ.ศ. 2549 ท่ีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเท่าน้ัน ท่ีมีผลกระทบ
กระเทือนต่อสิทธิหรือประโยชน์อันชอบธรรมของบุคคล หรือก่อหรืออาจจะก่อความเดือดร้อนหรือเสียหาย
โดยตรงและเป็นการเฉพาะตวั แกผ่ ู้ฟ้องคดีซ่ึงไม่มีรายช่ือเป็นผู้ไดร้ ับพระราชทานเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์ประจำปี
พ.ศ. 2549 การที่ผู้ถูกฟ้องคดมี ีมติไมเ่ สนอขอพระราชทานเครื่องราชฯ ประจำปี พ.ศ. 2549 ให้แก่ผูฟ้ ้องคดี
จึงมิใช่คำสั่งทางปกครองที่กระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่หรือก่อความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือนร้อน
หรือเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้ได้รับความเดือนร้อนหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจ
หลีกเล่ียงได้ อันเน่ืองจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีตามมาตรา 42 วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 อุทธรณ์ในประเด็นน้ีของผู้ฟ้องคดีฟังไม่ข้ึน
ที่ศาลปกครองช้ันต้นวินิจฉัยว่า มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่เสนอขอพระราชทานเครื่องราชฯ ให้แก่ผู้ฟ้องคดี
เป็นคำส่ังทางปกครองที่กระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องแจ้งเหตุผลและให้ผู้ฟ้อง
คดีมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนตามมาตรา 37 ประกอบมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติวิธี
ปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 นั้น ศาลปกครองสูงสุดยังไม่เห็นพ้องด้วย แต่อย่างไรก็ตาม
เมื่อได้วินิจฉัยแลว้ วา่ คดีน้ีเปน็ คดีพิพาทเกี่ยวกบั การท่ีผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่ตามท่ีกฎหมายกำหนดใหต้ ้อง
ปฏิบัติในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสรยิ าภรณ์ให้แก่ผฟู้ ้องคดีหรือไม่ เม่ือปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาใน
ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองช้ันต้นว่า ในภายหลังผู้ถูกฟ้องคดีได้มีมติเสนอขอพระราชทาน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี พ.ศ. 2550 ชั้นทวีติยาภรณ์มงกุฎไทยให้แก่ผู้ฟ้องคดีในปีถัดมาจึงเป็นกรณี
เจ้าหน้าที่ของรัฐได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติแล้ว เหตุแห่งการฟ้องคดีที่ว่าเจ้าหน้าท่ี
ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามท่ีกฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีเร่งพิจารณาเสนอขอ
พระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ให้แก่ผู้ฟ้องคดีจึงหมดสิ้นไป จึงต้องจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
ทศี่ าลปกครองช้นั ตน้ พพิ ากษายกฟอ้ งศาลปกครองสงู สุดไมเ่ หน็ พอ้ งดว้ ย
พิพากษากลบั คำพิพากษาของศาลปกครองชัน้ ตน้ เปน็ ใหจ้ ำหนา่ ยคดอี อกจากสารบบ
กฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ้ ง
- พระราชบญั ญตั จิ ัดตง้ั ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
- ระเบียบสำนักนายกรฐั มนตรี ว่าดว้ ยการขอพระราชทานเครอ่ื งราชอสิ ริยาภรณอ์ ันเปน็ ที่เชิดชูย่ิง
ช้างเผือกและเครอื่ งราชอสิ ริยาภรณ์อันมีเกยี รติยศยงิ่ มงกุฎไทย พ.ศ. 2536
- กฎ ก.ร. ฉบับท่ี 22 (พ.ศ. 2541) ออกตามความในพระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการฝ่ายรัฐสภา
พ.ศ. 2518 ว่าดว้ ยการร้องทกุ ขแ์ ละการพิจารณาเร่ืองร้องทุกข์ขอใหแ้ ก้ไขการปฏบิ ตั ไิ มถ่ กู ต้อง
หรอื การไม่ปฏบิ ัติตามกฎหมาย
- พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542
- พระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. 2518