สรุปความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการ
พจิ ารณาปัญหาข้อกฎหมายของกรมทดี นิ
เกยี วกบั การจดทะเบยี นสิทธแิ ละนติ กิ รรม
สํานักกฎหมาย
กองฝึ กอบรม
กรมทดี นิ กระทรวงมหาดไทย
คาํ นาํ
กรมที่ดินมีภารกิจสําคัญเก่ียวกับการคมุ ครองสิทธิในที่ดินของบุคคลและจัดการท่ีดิน
ของรัฐ โดยการรังวัดและทําแผนท่ี การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน การใหบริการจดทะเบียนสิทธิ
และนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย การสงเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย และการจัดการขอมูล
สารสนเทศท่ีดิน เพ่ือใหบุคคลมีความมั่นคงในการถือครองที่ดินและไดรับบริการท่ีมีประสิทธิภาพ
ตลอดจนการบริหารจัดการท่ีดินของรัฐใหเปนไปอยางมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชนสงู สุด โดยถือ
ปฏิบัติตามหลักเกณฑ วิธีการท่ีบัญญัติไวในประมวลกฎหมายที่ดินอันเปนกฎหมายหลักที่สําคัญ
และกฎหมายท่ีเกีย่ วของตอการปฏิบัติงานของกรมทีด่ ิน
แตอยางไรก็ตามในการปฏิบัติงานก็มีปญหาท่ีแตกตางกันไปและบางคร้ังหาขอยุติ
ไมได จึงตองสงเรื่องให “คณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน” ซ่ึงประกอบดวย
ผูบรหิ ารของกรมท่ีดินรวมถึงที่ปรกึ ษาจากหนวยงานตาง ๆ ซ่ึงลวนแลวแตมีความรูและประสบการณ
เปน อยา งสงู เปนผูพจิ ารณาวินจิ ฉยั ปญหาดังกลาว และยังไดเปนแนวบรรทัดฐานใหพนักงานเจาหนา ท่ี
ใชประกอบการปฏบิ ัติหนา ที่ใหเปนไปโดยถูกตอง รวดเร็ว และเกิดความเปนธรรมแกประโยชนมหาชน
และประโยชนของเอกชนที่เก่ียวของ จึงไดรวบรวมและประมวลความเห็นของคณะกรรมการพิจารณา
ปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดินซง่ึ ผานความเห็นชอบของกรมท่ีดิน ท่ีเก่ียวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิ
ในท่ีดินเปนองคความรู เร่ือง “สรุปความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการพิจารณาปญหา
ขอกฎหมายของกรมที่ดิน เกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม” ซ่ึงเปนการดําเนินการจัดการ
ความรูตามแผนจัดการความรูข องกรมท่ีดิน ประจําปงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ทั้งน้ี เพ่ือความสะดวก
สาํ หรบั ศกึ ษา คนควา และอางองิ ในการปฏบิ ัติงานของพนกั งานเจา หนาท่ีกรมท่ีดิน หรอื ผูสนใจที่จะทํา
ความเขาใจถึงสิทธิและหนาที่ตามท่ีบัญญัติไวในกฎหมาย รวมทั้งเพ่ือประโยชนในการพัฒนา
การบริหารราชการแผน ดนิ ใหเ กดิ ประสทิ ธภิ าพ โปรง ใส และเปนธรรม
กรมท่ีดนิ หวังเปนอยา งยง่ิ วา การรวบรวมและประมวลความเห็นของคณะกรรมการพิจารณา
ปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดินในโอกาสน้ี จะอํานวยประโยชนในการนําไปใชศึกษาคนควาและ
ปฏิบัติงาน ตลอดจนอางอิงในการใหบริการประชาชนไดเปนอยางดี ซ่ึงจะทําใหการปฏิบัติงาน
ตามภารกจิ สาํ เรจ็ ลลุ ว งไปไดอ ยา งมปี ระสทิ ธิภาพสงผลใหเกดิ ประโยชนสูงสดุ ตอประชาชนผูรบั บริการ
สาํ นกั กฎหมาย
กองฝกอบรม
กรมทดี่ ิน กระทรวงมหาดไทย
๒
สารบญั หนา
เรอื่ ง ๑
๒
๑. ต้ังบริษทั จํากดั ขน้ึ รับโอนทีด่ ินไวเพ่ือประโยชนแกคนตา งดาว
๒. การโอนทรัพยส นิ ที่เปน อสงั หาริมทรัพยข องบรษิ ทั เดนิ อากาศไทย จํากดั ๕
๖
ไปเปน ของ บรษิ ัท การบนิ ไทย จํากดั ๘
๓. การอายดั ทีด่ นิ จงั หวดั ภเู กต็
๔. การกาํ หนดราคาทีด่ นิ เพ่ือใชเ ปนทนุ ทรัพยในการจดทะเบยี นสทิ ธิและนติ กิ รรม ๙
๕. ผลดี ผลเสีย ในการเพกิ ถอนรายการจดทะเบยี น กรณี นาย ส. เปน โจทกฟอง ๑๑
๑๒
กรมที่ดินตอศาลแพง ๑๓
๖. การกําหนดสทิ ธใิ นที่ดินของคนตางดา ว ๑๔
๗. จดทะเบียนท่ีดนิ อยรู ะหวา งจํานอง ๑๖
๘. นาย พ. กับพวก และนาง พ. กบั พวกขอรับโอนทีด่ ินจดั สรรตามคําพพิ ากษา ๑๗
๙. หารือการจดทะเบยี นตามคาํ พพิ ากษาตามยอม ๑๘
๑๐. การอายัดทด่ี ิน ๑๙
๑๑. การเพิกถอนการจดทะเบยี นโอนทด่ี ินใหเ ปนทางสาธารณประโยชน ๒๐
๑๒. การแจงราคาซ้อื ขายท่ดี นิ เปน เทจ็ ๒๑
๑๓. การขอไดมาซึ่งที่ดนิ โดยการครอบครอง
๑๔. วิธจี ดแจงครอบจาํ นองและวธิ ีจดทะเบียนปลอดจาํ นอง
๑๕. การจดทะเบยี นประเภทไดมาโดยการครอบครองโดยไมได น.ส. ๓ ก. ฉบับผถู ือมา
๑๖. การเรยี กเก็บคา ธรรมเนียมคาํ ขอแบงแยกทุกประเภท
๓
เรือ่ ง หนา
๑๗. หารือผมู อี ํานาจจดั การหางหุนสวนฯ และบริษทั เปน บุคคลเดียวกัน ๒๒
๑๘. การขอรับมรดกที่ดินตามหลกั ฐาน “นาซาร” ๒๔
๑๙. หารือการขอจดทะเบยี นภาระจํายอม บรษิ ัท แสนสําราญ จํากัด ๒๕
๒๐. ขอใหจดทะเบยี นระงับจาํ นองและโอนกรรมสิทธ์หิ องชุดใหแ กผ ซู อ้ื ๒๖
๒๑. การเพิกถอนการจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรมตามคําพิพากษา ๒๗
๒๒. ผูจดั การมรดก (มีพินยั กรรม) ขายทรพั ยมรดกตามพินัยกรรม ๒๘
๒๓. หารือการแบงกรรมสิทธ์ิรวมทด่ี ินราย นางสาว ศ. กับพวก ๓๐
๒๔. การจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรมประเภทจาํ นอง ๓๒
๒๕. รอ งเรยี นการอายัดท่ดี ิน ๓๓
๒๖. ผูจ ัดการมรดก (มีพินัยกรรม) ขายทรพั ยมรดกตามพนิ ยั กรรม ๓๔
๒๗. การตรวจการจัดเกบ็ คา ธรรมเนียม ภาษีเงินไดและอากรแสตมป ๓๕
๒๘. ขออายดั ทีด่ ินราย นาย จ. ๓๖
๒๙. หารือกรณีการแบงแยกท่ดี ินท่ีมสี ภาพเปนถนนราย บริษัท เครดิตฟองซเิ อร แอล พี เอ็น จํากัด ๓๗
๓๐. ขอใหงดการบันทึกถอยคําผซู ้อื (กรณีที่มีการดําเนนิ คดใี นช้ันศาลเก่ยี วกบั อสงั หาริมทรพั ย ๓๘
ทป่ี ระสงคจ ะจดทะเบยี น)
๓๑. นาย ว. หารอื เกี่ยวกับภาระจํายอมท่ีดิน ๓๙
๓๒. ผจู ดั การมรดกขายท่ีดินของผรู ับพนิ ยั กรรม ๔๐
๓๓. ขอความเปน ธรรมเพราะท่ีดินถูกอายัดโดยไมช อบดวยกฎหมาย ๔๑
๓๔. ปญหาการใหค วามยนิ ยอมของคสู มรสในการรบั มรดกตกทอด ๔๒
๓๕. นาง ค. รอ งเรียนขอความเปน ธรรมเกยี่ วกบั การโอนทดี่ นิ ๔๓
๓๖. หารือการอายดั ๔๔
๔
เรือ่ ง หนา
๓๗. หารือทางปฏิบัตเิ กย่ี วกบั การอายัดทดี่ ิน ๔๕
๓๘. บรษิ ัทจํากดั ที่จดทะเบยี นเสร็จการชําระบัญชีแลว ขอใหท ด่ี ิน ๔๖
๓๙. การขออายดั ทดี่ นิ อางพินยั กรรมปลอม ๔๙
๔๐. คดั คา นคําส่ังยกเลกิ อายัดทด่ี ิน ๕๐
๔๑. ขอแกไ ขการจดทะเบียนแบงกรรมสิทธ์ิรวม ๕๑
๔๒. ขอหารือเกี่ยวกับการอายัดที่ดิน ๕๒
๔๓. ขออายดั ทีด่ นิ ๕๓
๔๔. ขอใหเพิกถอนการอายดั ทด่ี ิน ๕๕
๔๕. การจดั สงโฉนดทด่ี ินและสารบบทีด่ ิน ๕๖
๔๖. ใหเพิกถอนการอายัดทดี่ ิน ๕๗
๔๗. การจดทะเบยี นขยายกาํ หนดเวลาไถจากขายฝาก ๕๘
๔๘. ปญหาการปฏิบัตติ ามพระราชบญั ญัตกิ ารธนาคารพาณชิ ย พ.ศ. ๒๕๐๕ (ทแ่ี กไขเพิ่มเติม) ๖๒
๔๙. รอ งเรยี นขอความเปนธรรม ๖๕
๕๐. การไดมาซ่ึงที่ดนิ ของบุคคลสัญชาติไทยที่มีคูสมรสเปนตา งดา ว ๖๖
๕๑. ผลของนติ กิ รรมตัวแทนกระทําการแทนโดยฝาฝน มาตรา ๘๐๕ แหงประมวลกฎหมาย ๖๘
แพง และพาณชิ ย ๖๙
๕๒. การจาํ นองเพมิ่ หลักทรัพย (ไมเ พ่มิ วงเงิน) ๗๑
๕๓. การออกกฎหรือขอบงั คับทีจ่ าํ กดั สทิ ธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ๗๒
๕๔. ขอใหเ พิกถอนการจดทะเบยี นโอนกรรมสิทธ์ิ ๗๓
๕๕. สทิ ธใิ นการถือครองท่ดี นิ ของคนสญั ชาตไิ ทยท่ีสมรสกบั คนตางดา ว ๗๔
๕๖. การจดทะเบยี นโอนมรดก
๕
เร่อื ง หนา
๕๗. การจดทะเบยี นสิทธิเก็บกนิ ตลอดชวี ิตในหองชุด ๗๕
๕๘. กลา วโทษคูสญั ญากรณีแจงความเท็จใหพนกั งานเจา หนา ที่จดทะเบียนในประเภท “ให” ๗๖
แตตามเจตนาท่ีแทจรงิ ประสงคจ ะ “ขาย” จะแกไขรายการจดทะเบียนใหถูกตอ งไดหรือไม ๗๗
๕๙. คา ธรรมเนยี มการจดทะเบียนโอนมรดกสิทธกิ ารไถจากขายฝาก ๗๘
๖๐. คาํ สง่ั ที่ ๔/๒๕๐๒ ของกรมท่ีดนิ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๐๒ เร่อื ง จดทะเบยี น
๗๙
ประเภท “หามโอน” ขอ (๔) ผดิ พลาด ๘๐
๖๑. ขอใหต รวจสอบ ส.ค. ๑ ๘๒
๖๒. คา ธรรมเนยี มการจดทะเบียนโอนมรดกสทิ ธิการไถจากขายฝาก ๘๔
๖๓. การเรียกเก็บคา ธรรมเนยี มจํานองตามหลักเกณฑท่คี ณะรัฐมนตรีกําหนด ๘๖
๖๔. การเพิกถอนนิตกิ รรม ๘๘
๖๕. การฟองศาลตามมาตรา ๖๐ แหงประมวลกฎหมายทีด่ นิ ๘๙
๖๖. การประเมนิ ราคาสงิ่ ปลูกสรา ง (ทย่ี งั ไมเ สรจ็ ) ๙๑
๖๗. เพิกถอนรายการจดทะเบยี น ๙๒
๖๘. จาํ หนา ยท่ดี นิ ของบคุ คลตา งดาวตามประมวลกฎหมายท่ีดิน ๙๓
๖๙. รองเรียนกลาวหา บรษิ ทั ปารค ดี เวลลอปเมนท จํากดั ๙๔
๗๐. หารือการเพิกถอนรายการจดทะเบยี นตามคาํ พพิ ากษา ๙๕
๗๑. การจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรมใหผูซ ้ือท่ดี ินจัดสรร ๙๖
๗๒. อทุ ธรณคําส่งั ไมร ับคําขอจดทะเบยี นลงชอ่ื ผจู ัดการมรดกตามคําสั่งศาล
๗๓. การเพิกถอนรายการจดทะเบียนตามคาํ สง่ั ศาล
๖
เร่ือง หนา
๗๔. หารอื เรอื่ งการจดทะเบียนแบงไดม าโดยการครอบครอง ๙๘
๗๕. การยกเวน คาธรรมเนยี มและคาใชจ ายในการรงั วัดออกโฉนดท่ีดนิ ตามผลการประชุม ๙๙
เม่อื วันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๔๕ ๑๐๑
๗๖. หารอื การจดทะเบยี นเวนคนื ท่ีดนิ ๑๐๒
๗๗. ขอความรวมมือและอาํ นวยความสะดวกในการคดั ลอกขอมลู ที่ดิน
๑๐๓
เพ่ือจัดทําแผนทภ่ี าษีและทะเบยี นทรัพยส นิ ๑๐๔
๗๘. ต้งั คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายทด่ี ิน ๑๐๕
๗๙. เพกิ ถอนรายการจดทะเบียน ๑๐๖
๘๐. ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา ๖๑ แหง ประมวลกฎหมายที่ดนิ ๑๐๘
๘๑. ตง้ั คณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา ๖๑ แหง ประมวลกฎหมายที่ดิน
๘๒. สภาทนายความขอความรว มมือใหกรมท่ีดนิ ยอมรับการรบั รองลายมอื ชื่อและเอกสาร ๑๑๐
๑๑๑
ทร่ี ับรองโดยทนายความผผู านการอบรมหลักสตู ร “ทนายความผูท าํ คํารบั รอง ๑๑๒
ลายมือชือ่ และเอกสาร” ๑๑๔
๘๓. การปดประกาศของสํานักงานทด่ี นิ สว นแยก ๑๑๕
๘๔. ทบทวนแนวทางปฏบิ ัตติ ามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายทดี่ นิ ๑๑๖
๘๕. เพกิ ถอนรายการจดทะเบียนท่ีดิน ๑๑๘
๘๖. หารือการเรียกเก็บคาธรรมเนียมการรังวดั แบง หักเปนทางสาธารณประโยชน ๑๒๐
๘๗. การจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรมท่ีดินระหวา งการจํานอง
๘๘. สทิ ธิการถือครองทีด่ ิน ตามมาตรา ๙๓ และมาตรา ๙๕ แหงประมวลกฎหมายทด่ี ิน
๘๙. เพกิ ถอนการโอนท่ดี ิน
๙๐. สทิ ธิการถอื ครองที่ดนิ ตามมาตรา ๙๓ และมาตรา ๙๕ แหง ประมวลกฎหมายทดี่ ิน
๗
เร่อื ง หนา
๙๑. มูลนิธิพระหฤทัยอุปถมั ภขอรับโอนท่ดี นิ ๑๒๒
๙๒. มซิ ซงั โรมันคาทอลิกกรุงเทพมหานคร ขอรบั ใหหองชุด ๑๒๔
๙๓. การโอนสง่ิ ปลูกสรา งหรือทดี่ ินพรอมส่ิงปลกู สรา งโดยไมม ีหลักฐานการไดมาของสงิ่ ปลูกสราง ๑๒๕
๙๔. การเพ่ิมสารบญั จดทะเบยี น (ใบตอ) ๑๒๖
๙๕. การระงบั การจดทะเบียนเกี่ยวกบั ทด่ี ินหรือการแจงใหคูก รณีทขี่ อจดทะเบียนทราบวา ๑๒๗
อสงั หารมิ ทรัพยท่ีขอจดทะเบียนมกี ารฟองรองกันอยใู นศาล ๑๒๙
๙๖. การตรวจสอบบคุ คลมพี ฤติการณป ลอมแปลงสัญชาติ ๑๓๑
๙๗. นาย ค. สัญชาตญิ ปี่ นุ ขอใหไดรบั ยกเวน การขายมรดกหองชดุ ๑๓๓
๙๘. หารือการจดทะเบยี นยกเลิกภาระจาํ ยอม ๑๓๕
๙๙. การเรียกเกบ็ คา ธรรมเนยี มในการตรวจสอบหลกั ทรพั ยจ ากส่ือบันทึกขอมลู ดว ยระบบ
๑๓๗
เทคโนโลยสี ารสนเทศหรอื ส่อื อิเลก็ ทรอนกิ สอื่น
๑๐๐. สาํ นักงานประกนั สงั คมขอใหทบทวนการเรยี กเก็บคาธรรมเนยี มในการตรวจ ๑๓๙
หลกั ฐานทะเบียนท่ีดิน การขอคัดขอถา ยสาํ เนาเอกสาร และการตรวจสอบหลกั ทรพั ย
๑๐๑. หารือการแจงการครอบครองท่ีดิน ตามมาตรา ๕ แหงพระราชบญั ญตั ใิ หใ ช
ประมวลกฎหมายท่ดี นิ พ.ศ. ๒๔๙๗
เรือ่ งที่ ๑ ตั้งบรษิ ทั จาํ กัดขึ้นรบั โอนทดี่ ินไวเพ่ือประโยชนแ กค นตา งดา ว
เรือ่ งเสรจ็ ที่ -
เจา ของเรอ่ื ง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนทีด่ นิ (กองทะเบยี นทดี่ ิน)
ประเด็นพิจารณา
ควรแกกฎหมายกรณีต้ังบริษัทจํากัดข้ึนรับโอนที่ดินไวเพื่อประโยชนแกคนตางดาว
หรือไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครั้งท่ี ๒/๒๕๓๑ เม่ือวันท่ี ๙ มีนาคม
๒๕๓๑ (วาระ ๓)
๑. เหน็ ควรแกไขประมวลกฎหมายท่ีดิน ดงั น้ี
๑.๑ ใหมีการนําบทบัญญัติวาดวยการกําหนดสิทธิในท่ีดินมาใช ซึ่งจํากัดการถือสิทธิ
ในทดี่ นิ ของบุคคล
๑.๒ ใหเพิ่มเติม (๕) ลงในมาตรา ๙๗ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน ซ่ึงมีขอความวา
“(๕) นติ ิบคุ คลใดในมาตราน้ีท่ผี จู ัดการ หรอื กรรมการเปนคนตา งดาว”
๒. เห็นชอบดวยกับมาตรการสอบสวนเร่ืองราวขอไดมาซึ่งที่ดินของนิติบุคคล
เพ่อื ประโยชนหรือแทนคนตางดา วซง่ึ กรมที่ดินไดเ สนอกระทรวงมหาดไทยไปแลว (ตามบันทกึ ดว นที่สุด
ท่ี มท ๐๗๐๑/๓๑๘ ลงวันที่ ๑๖ กุมภาพนั ธ ๒๕๓๑)
๓. ใหกําหนดเปนนโยบายของรัฐวาในกรณีที่นิติบุคคลซื้อท่ีดินไปแลว ใหมีมาตรการ
ตดิ ตามผลระยะหลงั โดยใหห นวยงานของทางราชการที่ชํานาญการในดานน้ีดําเนินการ
ความเห็นของกรมท่ีดนิ เห็นชอบ
๒
เรื่องที่ ๒ การโอนทรัพยสินทีเ่ ปน อสงั หารมิ ทรพั ยข องบริษทั เดินอากาศไทย จาํ กดั ไปเปน ของ
บรษิ ัท การบินไทย จํากัด
เรอื่ งเสร็จที่ ๑๖/๒๕๓๑
เจา ของเร่ือง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นที่ดนิ (กองทะเบียนท่ีดิน)
ประเดน็ พจิ ารณา
กรณีการรวมบริษัท เดนิ อากาศไทย จํากัด กับบริษัท การบินไทย จํากัด โดยการโอน
ทรัพยสินและหนี้สินทั้งหมดของบริษัท เดินอากาศไทย จํากัด ตามมูลคาท่ีปรากฏในบัญชี (Book
Value) ไปเปนของบริษัท การบินไทย จํากัด จะเรียกเก็บคาธรรมเนียมอยางไร กลาวคือ จะเรียกเก็บ
คาธรรมเนยี มตามราคาประเมินฯ โดยถอื ราคาประเมินฯ ในวันท่ีไดมีการตกลงราคากัน หรือจะเรียกเก็บ
คาธรรมเนียมตามราคาประเมินฯ โดยถือราคาประเมินฯ ในวันท่ีไดมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
(ราคาประเมินสูงกวา ราคาที่ผขู อจดทะเบยี นแสดง)
มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ดี ิน ครั้งที่ ๔/๒๕๓๑ เมอื่ วนั ท่ี ๒๙ มนี าคม
๒๕๓๑ (วาระ ๓)
การโอนรายนีร้ าคาทรพั ยท ่ีผขู อจดทะเบียนแสดงนั้นตํา่ กวาราคาประเมินทุนทรัพยของ
ทางราชการ ดังน้นั จึงใหถือราคาประเมินทุนทรัพยในวันท่ีไดม ีการตกลงราคาเปนเกณฑในการคํานวณ
ราคาประเมินทุนทรัพยเพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียมเพราะคูกรณีทั้งสองฝายเปนรัฐวิสาหกิจ ทั้งน้ี
โดยปฏิบัตติ ามคําสงั่ กระทรวงมหาดไทย ท่ี ๓๓๔/๒๕๒๖ ลงวนั ท่ี ๑๓ มิถนุ ายน ๒๕๒๖
แตในเร่ืองท่ีจะใหถือวันใดเปนวันที่ไดมีการตกลงราคาเปนเกณฑในการคํานวณราคา
ประเมนิ ทนุ ทรพั ยน น้ั ทป่ี ระชุมมีความเห็นแตกตางกนั เปน ๒ ฝา ย กลา วคือ
ฝา ยเสียงขางมากเห็นวา บริษัท เดินอากาศไทย จํากัด ไดมีการประชุมวิสามัญผูถือหุน
เมื่อวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๐ ซ่ึงที่ประชุมมีมติเห็นชอบดวยตามท่ีหัวหนาฝายบัญชีชี้แจงวา
คณะกรรมการไดตกลงใชมูลคาทรัพยสินสวนที่เปนอสังหาริมทรัพย ณ วันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๓๐
เปน ราคาตกลงที่จะทําการโอนซึ่งกันและกัน และบริษัท การบินไทย จาํ กัด ไดม ีการประชุมใหญผูถ ือหุน
สามัญประจําป ๒๕๓๐ เมื่อวันท่ี ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๐ ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติการดําเนินการตาม
รายงานที่วาใหบรษิ ัท การบินไทย จํากัด รับโอนทรัพยสนิ และหน้ีสินของบริษัท เดินอากาศไทย จํากัด
ตามมูลคา ท่ปี รากฏในบัญชี (Book Value) ของบรษิ ัท เดนิ อากาศไทย จํากัด โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย
๓
ตกลงใหใชมูลคาทรัพยส ิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๐ เปนราคาทีจ่ ะทําการโอนซง่ึ กันและกัน ดังนั้น
ควรถือเอาวันท่ีที่ประชุมใหญผูถือหุนของบริษัทฯ ทั้งสองมีมติใหโอนทรัพยสินดังกลาว คือวันท่ี ๒๙
ธนั วาคม ๒๕๓๐ เปนวันท่ไี ดมีการตกลงราคาเปนเกณฑในการคํานวณราคาประเมนิ ทนุ ทรัพย
ฝายเสียงขางนอยเห็นวา ควรถือเอาวันที่บริษัทฯ ทั้งสองไดตกลงทําสัญญาโอนกิจการกัน
ณ กระทรวงคมนาคม ตามเอกสารท่ีแจกในท่ีประชุม คือ ถือวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๓๑ เปนเกณฑ
ในการคํานวณราคาประเมินทุนทรัพย เพราะคําส่ังกระทรวงมหาดไทย ท่ี ๓๒๔/๒๕๒๖ ลงวันที่ ๑๓
มิถุนายน ๒๕๒๖ ไดกําหนดใหถือราคาประเมินทุนทรัพยในวันท่ีไดมีการตกลงราคาเปนเกณฑในการ
คํานวณฯ ซึ่งเรื่องน้ีบริษัทฯ ท้ังสองไดตกลงทําสัญญาโอนกิจการ ทรัพยสินและหนี้สินระหวางกัน
เม่ือวันที่ ๑ กุมภาพันธ ๒๕๓๑ โดยระบุไวในขอ ๒ วา “บรรดาทรัพยสินของผูโอน สวนท่ีเปน
อสังหาริมทรัพยตามงบดลุ ณ วันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๓๐ มีมูลคารวม ๓๑,๓๖๘,๕๓๓.๕๒ บาท ฯลฯ
ซ่งึ ผูโอนและผูร ับโอนไดต กลงโอนกรรมสทิ ธก์ิ นั ตามมูลคาน้ี ฯลฯ” จึงถือไดวาวันท่ี ๑ กุมภาพันธ ๒๕๓๑
เปนวันที่บริษัทฯ ท้ังสองไดมีการตกลงราคากันเขาหลักเกณฑตามนัยคําส่ังของกระทรวงมหาดไทย
ดังกลาว สวนวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๐ เปนวันที่บริษัท เดินอากาศไทย จํากัด จัดใหมีการประชุม
ผถู อื หุนของตน และวนั ท่ี ๒๙ ธนั วาคม ๒๕๓๐ กเ็ ปนวันทบี่ ริษัท การบินไทย จาํ กดั จัดใหมีการประชุมผูถือหุน
ของตนเทา นน้ั มไิ ดม กี ารตกลงรวมกันแตอ ยางใด ดังน้ัน วันท่ี ๒๙ ธนั วาคม ๒๕๓๐ จึงไมใชว ันทบ่ี ริษัทฯ
ท้ังสองไดมีการตกลงราคาเปนเกณฑในการคํานวณฯ (ตามคําส่ังกระทรวงมหาดไทยที่อางถึง)
เพราะในวนั ดงั กลา วตา งฝา ยตางประชมุ ผถู ือหนุ ของตนเทา น้ัน
หมายเหตุ ฝายขางมากมี ๔ เสียง ฝายขางนอยมี ๓ เสียง และอีก ๒ ทาน งดไมออกเสียง
ความเห็นกองวิชาการ (กองนิติการ) ไดใหนิติกรยืมเอกสารท่ีเก่ียวของกับเรื่องน้ีทั้งหมดมาจาก
กองทะเบียนทด่ี ิน และไดต รวจสอบแลว ปรากฏวา
๑. บรษิ ทั เดินอากาศไทย จํากัด ไดแจงมตทิ ี่ประชุมผูถือหุน เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๐
ซงึ่ ท่ปี ระชุมมีมตเิ หน็ ชอบในหลักการโอนทรัพยส ินและหนี้สินของบริษัทไปใหบริษัท การบินไทย จํากัด ทราบ
และแจงดวยวา หากท่ีประชุมใหญผูถือหุนของบริษัท การบินไทย จํากัด มีมติเห็นชอบแลว ใหแจง
บรษิ ทั เดนิ อากาศไทย จํากัด ทราบดว ย ท้ังนี้ ตามหนังสอื ที่ ฝธ ๖๒๗๙/๑๘๕๒ ลงวันท่ี ๒๘ ธนั วาคม ๒๕๓๐
เห็นวา หนังสือน้ีเปนคําเสนอของบริษัท เดินอากาศไทย จํากัด ท่ีจะทําสัญญากับ
บรษิ ัท การบนิ ไทย จํากัด
๒. บริษทั การบินไทย จํากัด ไดแ จงมติทีป่ ระชุมใหญผูถอื หนุ เมอ่ื วนั ท่ี ๒๙ ธนั วาคม ๒๕๓๐
ซ่ึงที่ประชุมมีมติอนุมัติให บริษัท การบินไทย จํากัด รับโอนทรัพยสินและหน้ีสินของบริษัท เดินอากาศไทย
จาํ กัด ตามมูลคาทป่ี รากฏในบญั ชี (Book Value) โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย ตกลงใหใชมลู คาทรัพยสิน
๔
ณ วนั ที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๓๐ เปนราคาทจี่ ะทําการโอนซง่ึ กันและกัน ไปใหบริษัท เดินอากาศไทย จาํ กัด
ทราบ ตามหนังสือ บริษัท การบินไทย จํากัด ที่ กบ ๐๑/๙๙๔ ลงวันท่ี ๓๐ ธันวาคม ๒๕๓๐ ซ่ึงบรษิ ัท
เดินอากาศไทย จาํ กดั ไดร ับทราบแลว เมอ่ื วนั ที่ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๓๐
เห็นวา การแจงรับโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยดังกลาวของ บริษัท การบินไทย
จํากัด นี้ เปนการแสดงเจตนาทําคําสนองตอบรับ และยอมเกิดเปนสัญญาข้ึนแตเวลาเมื่อคําบอกกลาว
สนองไปถงึ ผเู สนอ (บรษิ ัท เดินอากาศไทย จํากัด) ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๓๖๑
วรรคหนึ่ง ดังน้ัน จึงตองถอื ราคาประเมินทุนทรัพยฯ ในวันที่ ๓๐ ธนั วาคม ๒๕๓๐ เปนเกณฑในการคํานวณ
ราคาประเมินทุนทรัพย เพ่ือเรียกเก็บคาธรรมเนียม ตามคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ ๓๒๔/๒๕๒๖
ลงวันท่ี ๑๓ มิถนุ ายน ๒๕๒๖ หาใชว นั ท่ี ๒๙ ธนั วาคม ๒๕๓๐ ดังท่กี องทะเบยี นท่ดี นิ เสนอไม
ความเห็นของกรมท่ดี ิน เห็นชอบ
๕
เรือ่ งที่ ๓ การอายดั ทด่ี นิ จังหวัดภเู ก็ต
เรอ่ื งเสร็จท่ี ๑๙/๒๕๓๑
เจา ของเร่ือง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนท่ีดิน (กองทะเบยี นที่ดิน)
ประเด็นพิจารณา
จังหวัดภูเก็ตหารือเก่ียวกับเรื่องอายัดทีด่ ิน ๒ ประเดน็ คือ การนับระยะเวลารับอายัด
จะตอ งนบั ระยะเวลาตามมาตรา ๑๕๘ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย คือ มิใหนับวันแรก (วันที่
ขออายัด) รวมเขาดวยหรือตองนับวันท่ีอายัดรวมเขาดวย อีกประเด็นหนึ่ง คือ การที่ผูขออายัด
นําหลกั ฐานสําเนาคาํ ฟองมาแสดงดว ยจะมีผลใหการอายดั สิ้นสดุ ลงหรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดนิ ครั้งที่ ๘/๒๕๓๑ เมื่อวันท่ี ๒๔ ตลุ าคม
๒๕๓๑ (วาระ ๓.๑)
ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๘๓ (กฎหมายเกา) ใหรบั อายัดไวไดมีกําหนด ๖๐ วัน
นบั แตว ันที่ขออายดั ซึ่งทาํ ใหการอายัดน้ันมีผลนับแตวันท่ีเจาพนักงานที่ดินสั่งรับอายัดไว แตในมาตรานี้
มิไดบัญญัติเร่ืองวิธีการคํานวณระยะเวลาเร่ิมตนเกี่ยวกับการรับอายัดไวชัดแจงวาใหนับวันที่ขออายัด
รวมเขา ดวย หรอื ใหเ ร่มิ นับวนั ใดเปน ตน ไป จึงตองนําบทบญั ญตั ิมาตรา ๑๕๘ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณชิ ย มาใชบังคบั โดยอนโุ ลม โดยมิใหน ับวนั แรกแหง ระยะเวลานนั้ รวมเขา ดว ย
คําฟองท่ีไดยื่นตอศาลและศาลไดมีคําสั่งไวในคําฟองแลว ถือไดวาเปนหลักฐานการยื่นฟอง
ตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ความเหน็ ของกรมทดี่ นิ เห็นชอบ
๖
เรอื่ งที่ ๔ การกาํ หนดราคาที่ดนิ เพ่ือใชเ ปนทุนทรัพยใ นการจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิติกรรม
เร่ืองเสรจ็ ท่ี ๖/๒๕๓๒
เจาของเรือ่ ง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นท่ดี นิ (กองทะเบียนท่ีดนิ )
ประเด็นพจิ ารณา
๑. จังหวัดปทมุ ธานีไดห ารือกรมท่ีดนิ วา เมื่อวันท่ี ๒๕ ธันวาคม ๒๕๓๐ คณะกรรมการ
ประเมินทุนทรัพยประจําจังหวัดไดกําหนดจํานวนทุนทรัพยในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
เพ่ือเรยี กเกบ็ คาธรรมเนียมในทอ งท่ีตําบลเชียงรากใหญ ตาํ บลบานปทุม และตําบลเชียงรากนอ ย อําเภอ
สามโคก จังหวัดปทุมธานี ในหนวยท่ี ๑ เปนหนวยที่ดินติดถนนสายบางพูน - ศูนยศิลปาชีพพิเศษบางไทร
(สายใหม) ขางละ ๑๒๐ เมตร ตารางวาละ ๓๗๕ บาท หรือไรละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท โดยปรากฏรูปถนน
ในแผนท่ีประกอบบญั ชดี วย ซ่ึงถนนสายดงั กลาวยังไมมกี ารกอสรา งและจงั หวัดขอคงราคาหนว ยดังกลาว
ไวตามเดิม แมย ังไมป รากฏวา มีถนน สว นในการประเมนิ ทนุ ทรัพยฯ จังหวดั พิจารณาเห็นควรใหพนกั งาน
เจาหนาท่ีถือราคาประเมินในหนวยที่ ๕ ซึ่งเปนหนวยสุดทายของแตละตําบลหรือหนวยอื่น ๆ
ท่เี ก่ียวของ จะเปน การชอบดว ยระเบียบและกฎหมายหรือไมป ระการใด
๒. พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินในบริเวณท่ีที่จะเวนคนื ในทองท่ีอําเภอบางไทร
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอาํ เภอคลองหลวง อาํ เภอสามโคก อาํ เภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
พ.ศ. ๒๕๓๑ ลงประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เลม ๑๐๕ ตอนที่ ๑๘๓ วันท่ี ๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๓๑
๓. สํานักกลางประเมินราคาทรัพยสินเห็นวา การท่ีคณะอนุกรรมการประจําจังหวัด
ประเมินหนวยราคาท่ีดินไวเปนการลวงหนา โดยแสดงรูปถนนปรากฏในแผนที่ประกอบบัญชีกําหนด
จํานวนราคาท่ีดิน และกําหนดหนวยท่ีดินติดถนนสายบางพูน - ศูนยศิลปาชีพพิเศษบางไทร (สายใหม) ข้ึน
โดยขอเท็จจริง ถนนสายดังกลาวยังไมมีการกอสราง นับเปนการไมชอบดวยระเบียบกระทรวงมหาดไทย
วาดวยการกําหนดจํานวนทุนทรัพยฯ พ.ศ. ๒๕๓๐ ขอ ๘ (๒) ซ่ึงวางหลักเกณฑใหคณะอนุกรรมการ
ประจําจังหวัดกําหนดหนวยท่ีดินตามสภาพความเปนจริง เห็นควรแจงใหจังหวัดปทุมธานียกเลิกบัญชี
กําหนดจํานวนราคาท่ีดินฯ เฉพาะหนวยท่ี ๑ ท่ีไมชอบดวยระเบียบกระทรวงมหาดไทย วาดวย
๗
การกําหนดจํานวนทุนทรัพยฯ พ.ศ. ๒๕๓๐ และจัดทําบัญชีกําหนดจํานวนราคาท่ีดินฯ หนวยดังกลาว
เสยี ใหมใ หถ กู ตอ ง
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน คร้ังท่ี ๒/๒๕๓๒ เม่ือวันท่ี ๕ เมษายน
๒๕๓๒ (วาระ ๓.๔)
กองวิชาการไดเสนอคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดินพิจารณาแลว
ในคราวประชุม คร้ังที่ ๒/๒๕๓๒ เมื่อวันท่ี ๕ เมษายน ๒๕๓๒ ซึ่งที่ประชุมมีมติวาเม่ือที่ดินบริเวณ
ดังกลาว (หนวยท่ี ๑) ยังมิไดมีถนนตัดผาน แตตามหลักฐานบัญชีกําหนดจํานวนราคาท่ีดินตามราคาตลาด
เพื่อใชเปนทุนทรัพยสําหรับเรียกเก็บคาธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตั้งแตวันที่ ๑
มกราคม ๒๕๓๑ ถึงวนั ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๔ ตําบลเชียงรากใหญ ตําบลบานปทุม และตําบลเชียงรากนอย
อําเภอสามโคก ไดมีแผนที่แนบทายบัญชีดังกลาวแสดงเขตถนนสายบางพูน - ศูนยศิลปาชีพพิเศษบางไทร
(สายใหม) ไวดว ย จึงเปน การคลาดเคลอื่ นตอ ความเปนจรงิ เห็นควรแนะนาํ ใหจังหวัดปทมุ ธานี พิจารณา
ดําเนินการแกไขใหเ ปนการถูกตอง
ความเหน็ ของกรมที่ดิน เห็นชอบ
๘
เรอื่ งที่ ๕ ผลดี ผลเสยี ในการเพกิ ถอนรายการจดทะเบยี น กรณี นาย ส. เปนโจทกฟองกรมทด่ี ิน
ตอศาลแพง
เรื่องเสรจ็ ท่ี ๓/๒๕๓๒
เจา ของเร่อื ง สํานกั มาตรฐานการทะเบยี นที่ดิน (กองทะเบยี นทดี่ ิน)
ประเด็นพิจารณา
นาย ช. ไดลงลายมือชื่อในหนังสือมอบอํานาจและมอบใหนาย ส. เก็บรักษาไว ไดถูก
ลักขโมยไป โดยยังมิไดมีการเขียนขอความใด ๆ การเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ไมชอบดวยกฎหมาย
โดยอางวามีผูล ักหนังสือมอบอํานาจมากรอกขอความแลวนํามาทํานิติกรรมขายฝาก นิติกรรมขายฝาก
ที่จดทะเบียนไวจะชอบดว ยกฎหมายหรือไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน คร้ังที่ ๓/๒๕๓๒ วันท่ี ๙ มิถุนายน
๒๕๓๒ (วาระ ๓)
กรณีขอเท็จจริงของเร่ืองนี้ถือไมไดวา เปนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตอ
พนักงานเจาหนาท่ีตามกฎหมาย แตกอนท่ีจะขีดฆารายการจดทะเบียนท้ังสองรายการออก
ใหเจาพนักงานที่ดินบันทึกถอยคํายินยอมของธนาคารกรุงไทย จํากัด นาย ช. และนาย ส. ไวเปน
หลกั ฐานดว ย โดยเฉพาะนาย ส. ขอใหบนั ทกึ ไวดว ยวายินยอมเลกิ คดีตอ กรมที่ดนิ
ความเห็นของกรมที่ดิน เหน็ ชอบ
๙
เรื่องที่ ๖ การกาํ หนดสิทธิในทีด่ ินของคนตา งดา ว
เรอื่ งเสรจ็ ที่ -
เจา ของเรอ่ื ง สํานักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน (กองทะเบยี นที่ดิน)
ประเด็นพจิ ารณา
สํานักงานสงเสริมการลงทุนหารือกรณีผูไดรับอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนประเภท
โรงเรียนนานาชาติเปนสมาคม ซ่ึงสมาชิกเปนคนตา งดาวเกินกวากึ่งหน่ึง จะขอถือกรรมสิทธิ์ทีด่ นิ เพื่อใช
ในการจัดต้ังโรงเรยี นดังกลาวไดห รือไม มีขอกําหนดเก่ียวกับจํานวนที่ดินที่จะไดรับอนุญาตใหถือครอง
และขัน้ ตอนขอดาํ เนนิ การอยา งใด
มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมที่ดิน คร้ังท่ี ๒/๒๕๓๓ เม่ือวันที่ ๗ กุมภาพันธ
๒๕๓๓ (วาระ ๓.๑)
ทป่ี ระชมุ มีความเห็นเปน สองฝาย
ฝายท่ีหน่ึงเห็นวา สมาคมที่มีสมาชิกเปนคนตางดาวเกินกวาก่ึงจํานวน เปนนิติบุคคล
ทมี่ สี ิทธิในท่ดี นิ ไดเสมือนคนตา งดาว ตามนัยมาตรา ๙๗ (๓) แหงประมวลกฎหมายที่ดิน และมีสทิ ธิ์ไดมา
ซึ่งทีด่ ินเพือ่ ใชเปน ท่ีสรางโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งเปนการใชเพื่อการกุศลสาธารณะไดไมเกิน ๕ ไร แตการ
จะไดมาซ่ึงสิทธิในท่ีดินตองเปนไปตามเงื่อนไขและวิธีการซึ่งกําหนดโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ. ๒๔๙๗)
และตองไดร ับอนุญาตจากรัฐมนตรี ตามนัยมาตรา ๙๙ ประกอบกับมาตรา ๘๖ วรรคสอง แหงประมวล
กฎหมายท่ดี นิ
ฝายที่สองเห็นวา การจะไดมาซ่ึงสิทธิในที่ดินของนิติบุคคลตามมาตรา ๙๗ แหง
ประมวลกฎหมายทดี่ นิ จะตอ งอยูในบังคบั มาตรา ๘๖ แหง ประมวลกฎหมายท่ีดิน กลาวคือ การจะไดมา
ซ่ึงที่ดินตองอาศัยสนธิสัญญาซ่ึงบัญญัติใหมีกรรมสิทธ์ิในอสังหาริมทรัพยได เม่ือปจจุบันไมมีบท
สนธิสัญญาดังกลาวนิติบุคคลตามความในมาตรา ๙๗ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน จึงไมอาจไดมาซ่ึงท่ีดินได
แมวาจะขออนุญาตรัฐมนตรีตามความในมาตรา ๘๖ วรรคสอง รัฐมนตรีก็ไมมีอํานาจท่ีจะอนุญาต
ซึ่งเร่ืองทํานองน้ีไดมีคําพิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยเปนบรรทัดฐานไวแลวคอื คําพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๘/๒๔๙๒
คําพิพากษาฎีกาท่ี ๔๙๓/๒๕๑๐ และคําพิพากษาฎีกาที่ ๗๓๕/๒๕๑๓ ดังน้ัน จึงเห็นวาสมาคมที่มี
สมาชิกเปนคนตางดาวเกินกวากึ่งจํานวนตามมาตรา ๙๗ (๓) แหงประมวลกฎหมายท่ีดินไมอาจไดมาซ่ึงสิทธิ
ในทด่ี ินเพ่ือใชเปน ท่ีสรา งโรงเรียนนานาชาตไิ ด
๑๐
โดยท่ีเรื่องน้ีจะเปนบรรทัดฐานในการปฏิบัติงานของพนักงานเจาหนาท่ีตอไป เม่ือมี
ความเห็นแตกตางกันเปนสองฝาย จึงมีมติใหสงเร่ืองน้ีไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาไดพิจารณา
วนิ จิ ฉยั กอ น
ความเห็นของกรมทด่ี ิน เหน็ ชอบ (ความเห็นกฤษฎีกา เรื่องเสร็จท่ี ๔๘๔/๒๕๓๓ สรุปไดวา เมื่อใน
ปจจุบันไมมีสนธิสัญญาใดระบุใหคนตางดาวหรือนิติบุคคลตามมาตรา ๙๗ มีกรรมสิทธ์ิใน
อสงั หารมิ ทรัพยในประเทศไทยได สมาคมทมี่ ีสมาชิกเปนคนตางดาวเกินกวากึ่งจํานวนซ่ึงเปน นิติบุคคล
ตามมาตรา ๙๗ จึงไมอ าจไดมาซึ่งสิทธใิ นทดี่ ินตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ )
๑๑
เรอื่ งที่ ๗ จดทะเบยี นที่ดนิ อยูระหวางจํานอง
เรอ่ื งเสรจ็ ที่ ๑/๒๕๓๓
เจาของเรื่อง สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นท่ีดิน (กองทะเบยี นทดี่ ิน)
ประเดน็ พิจารณา
กรณีผูขอไดยื่นคําขอจดทะเบียนขายท่ีดินตราจองท่ีตราวา “ไดทําประโยชนแลว”
เลขที่ ๖๔ ตอสํานกั งานจดทะเบียนที่ดินกลาง ซ่ึงจากการตรวจสอบเอกสารของผขู อแลวเห็นวาอยูใน
หลักเกณฑที่ควรดําเนินการใหได แตตามสารบัญจดทะเบียนปรากฏวาที่ดินแปลงดังกลาวไดมีการ
จดทะเบียนจํานองไว และไมปรากฏรายการจดทะเบียนไถถอนแตอยางใด มีการจดทะเบียนโอนเปล่ียนมือ
มาแลวหลายคร้ัง และผูขายใหถอยคํารับทราบวาทด่ี ินไดจดทะเบียนจํานองไวแลว แตไมส ามารถติดตอ
ผูรบั จํานองหรือทายาทของผูรบั จํานองได เพราะไมทราบวาเปนใคร มภี ูมลิ ําเนาอยทู ่ีใด รวมท้งั ไมทราบ
วามีการชําระหนี้จํานองหรือทําการใด ๆ อันทําใหจํานองระงับไปหรือไม โดยผูขายยืนยันใหพนักงาน
เจาหนาที่จดทะเบียนขายที่ดินแปลงน้ีใหตามความประสงค ซึ่งงานจดทะเบียนท่ีดินกลางมีความเห็นวา
ควรดําเนนิ การใหผ ขู อได แตจะเปนการขัดกบั คําส่งั กรมทดี่ นิ ที่ ๙/๒๕๐๐ ลงวันท่ี ๒๐ กันยายน ๒๕๐๐
หรอื ไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งท่ี ๔/๒๕๓๓ เมื่อวันท่ี ๒๖ มิถุนายน
๒๕๓๓ (วาระ ๓.๒)
ที่ประชุมมีมติวาพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมใหแกผูขอได
แตกอนจดทะเบียนฯ ใหสอบถามที่อยูของผูรับจํานองจากนายทะเบียนทองถิ่นตามที่อยูที่ปรากฏใน
หลักฐานสารบบทีด่ ินกอ น ถาทราบท่ีอยกู ใ็ หม ีหนงั สอื สอบถามผรู บั จํานองวา จะยนิ ยอมใหขายที่ดินรายนี้
หรอื ไม แตถาไมอ าจทราบท่ีอยไู ด ก็ใหดําเนนิ การตอไปได
ความเห็นของกรมท่ดี ิน เห็นชอบ
๑๒
เรื่องท่ี ๘ นาย พ. กบั พวก และนาง พ. กบั พวก ขอรับโอนที่ดนิ จัดสรรตามคําพพิ ากษา
เร่ืองเสรจ็ ท่ี ๓/๒๕๓๓
เจา ของเรอ่ื ง สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี ิน (กองทะเบียนท่ีดิน)
ประเดน็ พจิ ารณา
นาย พ. กับพวก และนาง พ. กับพวก มหี นังสือรอ งเรียนตอกรมทด่ี ินวา บริษัท เอส พี โอ
เอน็ จาํ กดั ทําสัญญารับเงินมัดจําจองซ้ือที่ดินและบานจัดสรร หมูบา นศิริทรัพย แลวไมยอมทําสญั ญาจะซ้ือ
จะขายให บางรายปลูกสรางบานเสร็จแลว แตไมตดิ ตั้งมาตรวัดกระแสไฟฟาและประปา บางรายยังไม
ปลูกสรางบาน ติดตอทวงถามใหปฏิบัติตามสัญญาต้ังแตป พ.ศ. ๒๕๒๘ ก็ผัดผอนเรื่อยมาจนปด
สํานักงาน เม่ือป พ.ศ. ๒๕๓๒ นาย พ. จึงฟองบังคับจนศาลมีคําพิพากษาตามยอมใหโอนได แตเจาพนักงาน
ที่ดนิ ไมจ ดทะเบยี นให เพราะเปนท่ดี นิ จัดสรรโครงการสว นทยี่ งั ไมไดร บั ใบอนญุ าตใหทาํ การจัดสรรทดี่ ิน
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งที่ ๖/๒๕๓๓ เม่ือวันที่ ๑๕
พฤศจิกายน ๒๕๓๓ (วาระ ๓)
1. การไดท่ีดินมาโดยคําพิพากษาตามยอม ถือวาเปนการไดมาโดยนิติกรรม
ตามมาตรา ๑๒๙๙ วรรคหน่งึ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
2. เจตนารมณของประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๑๕ ก็เพื่อที่จะคุมครองผูบริโภคซ่ึงตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกลาวขอ ๑๐ ก็บัญญัติแตเพียงวา
“หา มมใิ หผ ูใดทาํ การจดั สรรท่ีดนิ เวนแตจะไดรับอนญุ าตจากคณะกรรมการ” มิไดมีบทบัญญัติหามผูซื้อ
ที่ดินจัดสรรท่ียังมิไดรับใบอนุญาตแตอยางใด ประกอบกับเรื่องน้ีศาลไดมีคําพิพากษาตามยอมไวแลว
กใ็ หดําเนนิ การจดทะเบยี นได แตก อนดาํ เนินการจดทะเบียนใหบันทึกถอยคําผูรับโอนไวดวยวา ผูรับโอน
ยนิ ยอมที่จะรบั โอนท่ีดนิ ตามสภาพที่เปน อยูแ ละไมต ดิ ใจเกี่ยวกบั การจัดทาํ สาธารณปู โภคในที่ดนิ แปลงน้ี
3. ใหกองนติ ิการประสานงานกบั กองควบคุมธุรกิจทีด่ ินเพื่อดําเนินคดีกับผูจัดสรรท่ีดิน
ตอ ไป
ความเหน็ ของกรมที่ดิน เห็นชอบ
๑๓
เรอื่ งท่ี ๙ หารอื การจดทะเบยี นตามคาํ พิพากษาตามยอม
เร่อื งเสรจ็ ท่ี -
เจา ของเรื่อง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นทด่ี นิ (กองทะเบยี นที่ดิน)
ประเด็นพิจารณา
นางสาว ส. ย่ืนคําขอจดทะเบยี นขายท่ดี ินเฉพาะสว นโฉนดทีด่ นิ เลขที่ ๔๖๔๙ อําเภออนิ ทรบ ุรี
ซึ่งมีผูถือกรรมสิทธร์ิ วม ๔ คน ใหแก นาย ย. ตามคําพิพากษาตามยอม แตจากการสอบสวนปรากฏวา
ท่ดี นิ ตามโฉนดที่ดินดังกลาวศาลไดมีคําพิพากษาใหบุคคลรวม ๑๐ คน ไดมาโดยการครอบครองในที่ดิน
บางสวนและคดีถึงที่สุดแลวรวม ๕ คดี และเนื่องจากผูท่ีไดกรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามคําพิพากษา
ดังกลาวยังไมมาจดทะเบียนการไดมาตอพนักงานเจาหนาท่ี จึงเปนปญหาวาพนักงานเจาหนาท่ีจะรับ
จดทะเบียนใหนางสาว ส. ไดหรือไม และจะเปนการละเมิดสิทธิของผูไดมาโดยการครอบครองปรปกษ
แตย ังมิไดจ ดทะเบยี นหรอื ไม
มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอกฎหมายของกรมที่ดนิ ครั้งท่ี ๔/๒๕๓๔ เม่ือวันที่ ๒๓ เมษายน
๒๕๓๓ (วาระ ๓.๒)
โดยท่ีเร่ืองนี้มีความเห็นแตกตางกันเปนสองฝาย จึงมีมติใหสงเร่ืองนี้ไปหารือ
คณะกรรมการกฤษฎีกาไดพ ิจารณาวนิ ิจฉยั กอน
ความเห็นของกรมท่ีดิน เหน็ ชอบ
หมายเหตุ ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ ๓๘๔/๒๕๓๔ สรุปไดวา
“....พนักงานเจาหนา ทต่ี อ งดาํ เนนิ การจดทะเบียนสทิ ธิและนิติกรรมใหแ กผคู รอบครองปรปกษทง้ั หมดเสียกอน
เพือ่ ใหท ราบจาํ นวนเนอื้ ท่ีทดี่ นิ ทีเ่ หลืออยูท่นี างสาว ส. และเจาของกรรมสิทธิ์รวมผูอ่ืนยังคงมีกรรมสิทธใิ์ น
โฉนดที่ดนิ แปลงดงั กลาว แลวจึงจะรับจดทะเบียนการโอนขายท่ีดินเฉพาะสวนระหวางนางสาว ส. กับนาย ย.
ตามคําพิพากษาตามยอมไดตอไป”
๑๔
เร่อื งที่ ๑๐ การอายัดท่ีดนิ
เร่อื งเสรจ็ ท่ี ๗/๒๕๓๔
เจา ของเร่อื ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทดี่ ิน (กองทะเบยี นทด่ี ิน)
ประเดน็ พิจารณา
นาย ซ. คนตางดาวสัญชาติอินเดีย โดยนางสาว น. ผูรับมอบ ไดย่ืนคําขออายัดท่ีดิน
โฉนดท่ีดินเลขท่ี ๒๑๕๙๑๓ และ ๒๑๕๙๑๘ เขตพระโขนง กรงุ เทพมหานคร ซึ่งมีชื่อบริษัท อ็อกชฟอรด แมนู
แฟคเจอร่ิง จํากัด เปนผูถือกรรมสิทธิ์ โดยอางวาบริษัทฯ ผิดสัญญาไมยอมโอนกรรมสิทธ์ิที่ดินใหแกตน
ตามกําหนด ตามสัญญาจะซื้อจะขายท่ีดิน ซ่ึงเจาพนักงานท่ีดินไดส่ังรับอายัดไว และผูขออายัดไดนําสําเนา
ใบเสรจ็ รับเงนิ คา ธรรมเนยี มศาลแพงและคําฟอ งคดีหมายเลขดาํ ที่ ๒๔๓๙๒/๒๕๓๓ ลงวันท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๓
มาแสดงตอ พนกั งานเจาหนา ท่ีแลว ตอมานาย ส. กรรมการบรษิ ทั ฯ ไดม หี นังสอื ฉบับลงวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๓๔
ขอใหสั่งยกเลกิ การรับอายัดท่ีดินดังกลาว เน่ืองจากผูขออายัดเปนคนตางดาวไมอาจถือกรรมสิทธ์ิในที่ดินได
เพราะขดั ตอ มาตรา ๘๖ แหงประมวลกฎหมายท่ดี นิ จึงเปนการรบั อายัดไวไ มชอบดวยกฎหมาย
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมทดี่ ิน ครั้งที่ ๔/๒๕๓๔ เมอ่ื วันที่ ๒๓ เมษายน
๒๕๓๔ (วาระที่ ๓.๓)
เม่อื ขอ เท็จจรงิ ปรากฏวาสัญญาจะซอ้ื จะขายท่ดี ินพรอมส่งิ ปลกู สรางทผี่ ูขออายัดนํามาแสดง
ระบุวา ผูจะขายยอมใหผูจะซ้ือนําบุคคลหรือนิติบุคคลอ่ืนเปนผูรับโอนกรรมสิทธ์ิแทนตามสัญญาน้ีได
ยอมเปนสัญญาตางตอบแทนผูกพันคูกรณี ผูจะซื้อมีสิทธิที่จะโอนการซ้ือขายท่ีดินใหแกผูรับโอนได
ตามขอสัญญา และสัญญาดังกลาวไมขัดตอกฎหมาย ไมเปนโมฆะ (เทียบคําพิพากษาฎีกาที่ ๑๘๐ /๒๕๐๒
และ ๖๑๗/๒๕๐๒) จึงเห็นวาผูขออายัดยอมเปนผูม ีสวนไดเสียในท่ดี ินอาจจะฟองบังคบั ใหมีการจดทะเบียน
หรือเปล่ียนแปลงทางทะเบียนได ตามนัยมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดนิ การส่ังรบั อายดั ดงั กลาว
จึงเปน การชอบดวยกฎหมาย แตเร่ืองนี้บรษิ ัทฯ อา งวาเปนการรบั อายดั ไวโดยไมชอบดว ยกฎหมาย
การอายดั ที่ดินดังกลา วพิจารณาได ๒ ประเด็น คอื
๑. การอายัดเพื่อจะไปฟองบังคับโอนท่ีดินใหตนเองซึ่งเปนคนตางดาวนั้น รับอายัด
ไมได
๒. การขออายัดเพื่อจะไปฟองบังคับโอนใหบุคคลอ่ืนตามท่ีปรากฏในสัญญานั้น
รบั อายดั ได
๑๕
เมื่อเจาหนาที่ส่ังรับอายัดไวถือวา เปนการรับอายัดในประเดน็ ที่สอง การอายัดจึงชอบ
แตเ ม่ือผูขออายัดไปฟองคดีปรากฏวาเปนการฟองเพ่ือโอนใหแกตนเอง จึงถือวาเปนการฟองไมตรงตาม
ประเดน็ ที่ขออายัดในประเดน็ ท่ีสอง ดงั น้ัน การอายดั จงึ สน้ิ สุดลงตามความเห็นของกองทะเบยี นที่ดิน
ความเหน็ ของกรมทด่ี ิน เหน็ ชอบ
๑๖
เร่อื งที่ ๑๑ การเพิกถอนการจดทะเบยี นโอนท่ดี ินใหเปนทางสาธารณประโยชน
เรื่องเสร็จที่ ๑๙/๒๕๓๔
เจา ของเรื่อง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นทดี่ ิน (กองทะเบียนท่ดี นิ )
ประเดน็ พิจารณา
นาย อ. รองเรียนเก่ียวกับการจดทะเบียนโอนโฉนดที่ดินเลขที่ ๕๑๑๐ ใหเปนทาง
สาธารณประโยชนวา ตามสภาพความเปนจริงแลวโฉนดที่ดินแปลงดังกลาว ซ่ึงขนาดกวาง ๕ เมตร
ยาวประมาณ ๑๕๐ เมตร เปนทางที่ประชาชนใชสัญจรทั่วไปประมาณ ๑๐๐ เมตร สวนระยะตอไป
ประมาณ ๕๐ เมตร ผรู องไดค รอบครองอยูไมมีสภาพเปนทางที่ประชาชนใชสญั จรแตอยา งใด และโฉนดท่ีดิน
ตามโฉนดเลขที่ ๕๑๑๓ ซึ่งผูรองเปนผูถือกรรมสิทธิ์นั้นมีสภาพเปนทางท่ีประชาชนทั่วไปใชสัญจรอยู
จึงขอใหกรมท่ีดินพิจารณาเพิกถอนการจดทะเบียนดังกลาวตามมาตรา ๖๑ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
เพื่อเปนการถกู ตองตามสภาพที่ดนิ
มติคณะกรรมการพิจารณาปญ หาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครัง้ ที่ ๖/๒๕๓๔ เม่อื วันท่ี ๙ กรกฎาคม
๒๕๓๔ (วาระ ๓.๒)
๑. เม่ือโฉนดท่ีดิน เลขท่ี ๕๑๑๓ ในสวนท่ีมีสภาพเปนทางสาธารณะยังปรากฏช่ือของ
นาย อ. เปนผถู ือกรรมสทิ ธิ์ โดยไมปรากฏทางทะเบียนวาเปนทางสาธารณะแตอยางใด จึงยังถือไมไดวา
เปนทางสาธารณะ เนื่องจากนาย อ. ไดรับประโยชนจากขอสันนิษฐานของกฎหมาย และโดยที่
คาํ พพิ ากษาของศาลฎีกาเปนเพียงแนวเทียบเคยี งในการพจิ ารณาเทา น้นั จงึ ไมสามารถบังคบั ไดในกรณนี ี้
๒. ใหกองสํารวจและควบคุมที่ดินของรัฐสอบถามกรุงเทพมหานครวาระยะ ๕๐ เมตร
ของทางสาธารณะตามโฉนดเลขที่ ๕๑๑๐ ประชาชนไดเลิกใชประโยชนแลวหรือไม และหากจะ
ดําเนินการออกพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพเพื่อแลกเปลี่ยนท่ีดินทั้งสองแปลงดังกลาว หากกรุงเทพมหานคร
ตอบยนื ยันชดั เจนวาประชาชนไดเลิกใชประโยชนรว มกันแลว และไมขัดของ ก็ใหกองสํารวจและควบคุม
ทีด่ นิ ของรัฐดาํ เนินการออกพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพและแลกเปลีย่ นทด่ี นิ ดังกลา วตอไปได
ความเห็นของกรมทดี่ ิน เห็นชอบ
๑๗
เรอ่ื งท่ี ๑๒ การแจงราคาซอื้ ขายที่ดนิ เปน เทจ็
เรอ่ื งเสร็จท่ี -
เจาของเรือ่ ง สํานกั มาตรฐานการทะเบียนทดี่ ิน (กองทะเบียนทด่ี ิน)
ประเด็นพิจารณา
แจงพนักงานเจาหนาท่ีวาไมมีสิ่งปลูกสรางแตขอเท็จจริงมีอยู ๑ หลัง และแจงราคา
ซอื้ ขายใหตาํ่ ลงกวา ที่ตกลงซ้อื ขายกันจรงิ เพ่ือจะไดเสียคา ธรรมเนียมและภาษีนอ ยลง
มตคิ ณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมทด่ี ิน ครั้งท่ี ๑/๒๕๓๕ เมือ่ วนั ท่ี ๒๒ มกราคม
๒๕๓๕ (วาระ ๓.๑)
การทํานิติกรรมรายน้ีคูสัญญาไดแจงตอพนักงานเจาหนาท่ีวา “ไมมีสิ่งปลูกสราง”
แตข อ เท็จจรงิ ปรากฏวา มบี านอยู ๑ หลงั บนทีด่ นิ นัน้ อาจตคี วามไดสองนัยคือ
๑. ทแี่ จงวา “ไมมีส่ิงปลกู สราง” หมายความวา ไมไ ดขายส่ิงปลูกสรา งดว ย
๒. ในทด่ี ินนนั้ ไมม ีส่ิงปลกู สรา ง
อยางไรกต็ ามไมวา จะตคี วามตามขอ ๑ หรอื ขอ ๒ แมจะเปน การแจง เท็จเพราะมีส่ิงปลูกสราง
อยูก็ตาม กรมที่ดินก็ไมเกิดความเสียหายเพราะไมมีกรณีที่ตองเรียกเก็บคาธรรมเนียมโอนสิ่งปลูกสราง
เน่ืองจากกรณีนี้คูสัญญายังไมประสงคจะจดทะเบียนขายส่ิงปลูกสรางตามประมวลกฎหมายแพงและ
พาณิชย มาตรา ๔๕๖ แตคูสัญญาตองการจะใหสิ่งปลูกสรางตกเปนของผูซ้ือโดยวิธีใดหรือไม ยังไม
ปรากฏขอเท็จจริงในขณะนี้ ประกอบกับการแจงราคาซ้ือขายตํ่ากวาท่ีตกลงกัน เห็นวา เปนการขอ
จดทะเบียนขายเฉพาะที่ดินเทานั้น กรณีจึงยังไมอาจถือวาเปนการแจงขอความอันเปนเท็จตอ
เจา พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗
ความเห็นของกรมที่ดิน เหน็ ชอบ
๑๘
เร่อื งที่ ๑๓ การขอไดม าซึ่งทด่ี นิ โดยการครอบครอง
เรอ่ื งเสรจ็ ท่ี ๙/๒๕๓๕
เจาของเรื่อง สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นทดี่ นิ (กองทะเบียนที่ดิน)
ประเด็นพิจารณา
๑. การทศ่ี าลอุทธรณ ไดมีคาํ พิพากษาถึงที่สุดยืนตามคาํ พิพากษาศาลช้ันตนวา ใหนาย ช.
จําเลย ไปถอนคําขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน พรอมเอกสารท่ีเก่ียวของทั้งหมด
ตอ นายอาํ เภอแมส าย หากจําเลยไมปฏิบัตติ ามใหถือเอาคาํ พิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจําเลยนั้น
ถอื วา ศาลไดมีคาํ พิพากษาเปนอยางอ่ืนตามนัยมาตรา ๖๓ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน และใบแทน
ไดถกู ยกเลกิ ไปโดยผลของคาํ พิพากษาแลว หรอื ไม
๒. น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๓๗๖๘ ตําบลโปงผา ที่ไดออกใหแก นาย ช. ไปนั้น มีผลตาม
กฎหมายหรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งท่ี ๖/๒๕๓๕ เม่ือวันท่ี ๕ มิถุนายน
๒๕๓๕ (วาระ ๔.๔)
การที่ศาลอุทธรณไดมีคําพิพากษาถึงที่สุดยืนตามคําพิพากษาศาลช้ันตนวา ใหนาย ช.
ไปถอนคําขอออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชน ฉบับที่ ๓๖๑๘/๒๕๒๗ พรอมเอกสารท้ังหมดตอ
นายอําเภอแมสาย หากจําเลยไมปฏิบัตติ ามใหถือเอาคําพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจําเลยถือวา
ศาลไดมีคําพิพากษาหรือคําส่ังเปนอยางอ่ืนตามนัยมาตรา ๖๓ วรรคสอง แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน
ใบแทน น.ส. ๓ เลขท่ี ๓๓๔ จึงถูกยกเลิกตามคําพิพากษาดังกลาว เมื่อใบแทน น.ส. ๓ เลขท่ี ๓๓๔
ถูกยกเลิก น.ส. ๓ ก. เลขท่ี ๓๗๖๘ ตาํ บลโปงผา กถ็ ูกยกเลิกไปโดยปริยาย
ความเหน็ ของกรมท่ีดิน เหน็ ชอบ
๑๙
เร่อื งท่ี ๑๔ วธิ จี ดแจงครอบจํานองและวิธีจดทะเบยี นปลอดจํานอง
เรื่องเสร็จที่ -
เจาของเรื่อง สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนทด่ี นิ (กองทะเบียนทดี่ ิน)
ประเด็นพจิ ารณา
คาํ สั่งท่ี ๑๔/๒๕๐๐ เรื่อง การจดแจง ครอบจํานองและวธิ ีการจดทะเบยี นปลอดจาํ นอง
ลงวันท่ี ๑๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๐๐ ขอ ๙ ชอบดวยกฎหมายหรอื ไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน คร้ังที่ ๖/๒๕๓๕ เม่ือวันท่ี ๕ มถิ ุนายน
๒๕๓๕ (วาระ ๔.๕)
ใหกองทะเบียนทดี่ ินซอมความเขาใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการทําบันทึกขอตกลง
และการเรยี กเก็บคาธรรมเนียม ตามคาํ สง่ั ท่ี ๑๔/๒๕๐๐ เร่ือง วิธีการการจดแจง ครอบจํานองและวิธีการ
จดทะเบียนปลอดจํานอง ลงวนั ท่ี ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๐๐ ขอ ๙ และขอ ๗
ความเหน็ ของกรมที่ดิน เหน็ ชอบ
๒๐
เรอื่ งท่ี ๑๕ การจดทะเบียนประเภทไดมาโดยการครอบครองโดยไมได น.ส. ๓ ก. ฉบบั ผถู อื มา
เรอ่ื งเสร็จที่ ๑/๒๕๓๖
เจาของเร่อื ง สํานกั มาตรฐานการทะเบยี นท่ดี นิ (กองทะเบยี นทด่ี นิ )
ประเด็นพิจารณา
จังหวัดนครราชสีมาหารือกรณีการจดทะเบียนประเภทไดมาโดยการครอบครองโดยไมได
น.ส. ๓ ก. ฉบับผูถือมา เจาหนาที่ดําเนินการรับคําขอออกใบแทนและประกาศออกใบแทนไมมีกรณีคัดคาน
จึงสรางใบแทนและออกใบแทน น.ส. ๓ ก. ไปแลว จังหวัดเห็นควรจดทะเบียนประเภทไดมาโดยการ
ครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหง ประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย จึงนาจะมีสิทธิออกใบแทน น.ส. ๓ ก. ได
โดยอาศัยกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ ขอ ๘ (๔) โดยอนุโลม การออกใบแทนดังกลาวจึงนาจะชอบดวยกฎหมาย
และจดทะเบียนไดมาโดยการครอบครองใหได แตกรณีดังกลาวยังไมมกี ารวางแนวทางปฏิบัติไว จึงหารือวา
กรณีดงั กลาวขางตนจะสามารถออกใบแทนใหแ กผ ขู อไดหรือไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมทด่ี ิน ครง้ั ท่ี ๑/๒๕๓๖ เมอ่ื วนั ท่ี ๘ กมุ ภาพนั ธ
๒๕๓๖ (วาระ ๔.๑)
การทเ่ี จาพนักงานท่ีดินจะดาํ เนินการออกใบแทนหนังสือรับรองการทําประโยชนใหกับ
ผูขอไดน้ัน จะตองไดความตามนัย มาตรา ๖๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน กลาวคือ หนังสือรับรอง
การทาํ ประโยชนจ ะตอ งเปน อนั ตราย ชํารุด หรือสูญหายดว ยประการใด ๆ ดังน้ัน เม่ือขอเทจ็ จริงของเรอื่ งนี้
ไมป รากฏวา น.ส. ๓ ก. เลขที่ ๒๗๙๗ ตาํ บลโนนแดง อาํ เภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา เปนอันตราย
ชํารุด หรือสูญหาย ซ่ึงอยูในหลักเกณฑที่สามารถดําเนินการออกใบแทนตามนัยดังกลาวได การที่
เจาพนักงานที่ดินไดดําเนินการออกใบแทน น.ส. ๓ ก. ดังกลาวจึงไมชอบ เม่ือผูขอจดทะเบียนไดมา
โดยการครอบครองตามมาตรา ๑๓๖๗ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มิไดยื่นคําขอพรอมดวย
หนงั สอื แสดงสิทธิในที่ดนิ เจา พนักงานท่ีดนิ จงึ ไมอ าจจดทะเบียนดังกลาวใหผ ูขอได
ความเห็นของกรมทีด่ ิน เหน็ ชอบ
๒๑
เร่อื งที่ ๑๖ การเรยี กเก็บคาธรรมเนยี มคาํ ขอแบงแยกทุกประเภท
เรื่องเสร็จที่ ๓/๒๕๓๖
เจาของเร่ือง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนทด่ี นิ (กองทะเบยี นทีด่ ิน)
ประเดน็ พจิ ารณา
การเรียกเก็บคาธรรมเนียมคําขอการแบงแยกทุกประเภท เชน แบงแยกในนามเดิม
การแบงขาย และแบงให แบงกรรมสทิ ธริ์ วม ฯลฯ จะตองเรียกเก็บอยา งไร
มตคิ ณะกรรมการพิจารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมที่ดิน ครั้งที่ ๑/๒๕๓๖ เม่ือวันที่ ๘ กุมภาพันธ
๒๕๓๖ (วาระ ๔.๓)
ตามมาตรา ๗๙ แหงประมวลกฎหมายท่ีดิน ระบุวา ผมู ีสิทธิในท่ีดินประสงคจะแบงแยกท่ีดนิ
ออกเปนหลายแปลงใหยื่นคําขอตอพนักงานเจาหนาท่ีตามมาตรา ๗๑ และจะตองจดทะเบียนสิทธแิ ละ
นิติกรรมก็ใหจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเสียกอน แลวจึงออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินฉบับใหมน้ัน
เห็นวา การแบงแยกในประเภทซึ่งไมมีบุคคลอื่นนอกจากที่ปรากฏในหนังสือแสดงสิทธิในท่ีดินไดยื่นคําขอ
แบงแยกไวแลว เชน กรณีแบงในนามเดิม แบงกรรมสิทธ์ิรวม เปนตน ในวันจดทะเบียนพนักงานเจาหนาท่ี
ไมตองเรียกเก็บคาธรรมเนียมคาคําขอจดทะเบียนแบงแยกอีก แตถาการแบงแยกในประเภทที่มีบุคคลอื่น
ซ่ึงมใิ ชผูมีชอื่ ในหนังสือแสดงสิทธิในทด่ี นิ นั้นมาย่ืนคําขอดวย เชน กรณีแบงให แบงขาย แบงโอนมรดก
เปนตน ในวันจดทะเบียนใหพนักงานเจาหนาที่เรียกเก็บคาธรรมเนียม คาคําขอจดทะเบียนแบงแยก
เน่อื งจากมีคูกรณที ่ตี อ งมาขอทาํ สัญญา และจดทะเบียนสทิ ธิและนิตกิ รรมให
ความเหน็ ของกรมท่ีดนิ เห็นชอบ
๒๒
เรอ่ื งที่ ๑๗ หารอื ผูมีอาํ นาจจัดการหางหุนสว นฯ และบริษทั เปน บคุ คลเดยี วกัน
เรอ่ื งเสร็จที่ ๕/๒๕๓๖
เจา ของเร่ือง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบียนท่ดี นิ (กองทะเบียนที่ดนิ )
ประเด็นพิจารณา
นาย ป. ขอทราบความหมายของบทบัญญัติ มาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ซ่ึงแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติใหใชบทบัญญัติบรรพ ๑ แหงประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย ที่ตรวจชําระใหม พ.ศ. ๒๕๓๕ มคี วามหมายวา อยางไร
มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งที่ ๑/๒๕๓๖ เมื่อวันท่ี ๘ กุมภาพันธ
๒๕๓๖ (วาระ ๕)
ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๗๔ ซ่ึงแกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ
ใหใ ชบ ทบญั ญัติบรรพ ๑ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย ที่ตรวจชําระใหม พ.ศ. ๒๕๓๕ บัญญัติ
ถึงกรณที ี่ประโยชนไดเสียของนิติบุคคลขัดกับประโยชนไดเสียของผูแทนนิติบุคคลนน้ั โดยเฉพาะ หาได
บัญญัติถึงกรณีที่มีประโยชนไ ดเสียของนิติบุคคลกับนติ ิบุคคลท่ีมีผูแทนของนิติบุคคลเปนบุคคลเดียวกัน
ขัดกันไม ดังน้ัน การที่นิติบุคคลใดกระทํานิติกรรมใด ๆ กับนิติบุคคลอื่นโดยมีผูแทนของนิติบุคคล
เปนบุคคลเดียวกัน จงึ สามารถกระทําไดไมขดั ตอประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย มาตรา ๗๔ แตอ ยา งใด
ในการพจิ ารณาเร่ืองน้ี ทา นรองอธิบดี (นายนิกร เวชภตู ิ) ไดเ สนอปญ หาท่ีเก่ียวของกับ
มาตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย อีก ๓ ประการ ใหคณะกรรมการฯ พิจารณาหาขอยุติ
เพ่ือไดแจงพนักงานเจาหนาท่ถี อื เปนแนวทางปฏบิ ัตติ อไป คือ
๑. นาย ก. เปนเจาของที่ดินท่ีประสงคจะจํานองที่ดินของตนกับธนาคาร เพ่ือประกันหน้ี
ของบรษิ ัท เอ ซึ่งมี นาย ก. เปนกรรมการผูจัดการบริษัท เอ ดังนี้จะกระทําไดหรือไม ที่ประชุมเห็นวา
นาย ก. สามารถนาํ ท่ดี นิ ของตนไปจํานองกับธนาคารเพ่ือประกันหน้ี บรษิ ัท เอ ได เพราะกรณีน้ีมิใชเปน
เรื่องประโยชนไดเสยี ของบริษัท เอ ขดั กับประโยชนไ ดเสยี ของ นาย ก. ซึ่งเปนผูแทนของบริษัท เอ กรณี
จึงไมต อ งดวยบัญญัตมิ าตรา ๗๔ แหงประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
๒. บริษัท เอ มี นาย ก. เปนกรรมการผูจัดการ ประสงคจะจํานองที่ดนิ ของบริษัทกับ
ธนาคารเพื่อประกันหนี้ของ นาย ก. โดยนาย ก. เปนผูแทนลงนามแทนบริษัท เอ ดังน้ีจะกระทําได
หรือไม ที่ประชมุ เห็นวา กรณีน้ีถือไดวาประโยชนไดเสยี ของนาย ก. ซ่ึงเปนผูแทน ของบริษัท เอ ขัดกับ
๒๓
ประโยชนของบริษัท เอ จึงไมสามารถจดทะเบียนจํานองรายน้ีได ตองหามตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย มาตรา ๗๔
๓. บริษทั เอ ประสงคจ ะจาํ นองท่ีดนิ ของบริษทั กับธนาคารเพ่ือประกันหน้ีของบริษัท บี
โดยทั้งบริษัท เอ และ บริษัท บี มี นาย ก. เปนผูแทน ลงนามแทนบริษัท เอ และบริษัท บี ดังนี้
จะกระทําไดหรือไม ที่ประชุมเห็นวา ประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๗๔ บัญญัติถึงกรณี
ที่ประโยชนไดเสียของนิติบุคคลขัดกับประโยชนไดเสียของผูแทนของนิติบุคคลนั้นโดยเฉพาะ หาได
บัญญัติถึงกรณีประโยชนไดเสียของนิติบุคคลกับนิติบุคคลท่ีมีผูแทนของนิติบุคคลเปนบุคคลเดียวกัน
ขัดกันไม ดังนั้น พนักงานเจาหนาท่ีจึงสามารถจดทะเบียนจํานองรายน้ีได ไมขัดตอประมวลกฎหมาย
แพง และพาณชิ ย มาตรา ๗๔ แตอยางใด
ความเห็นของกรมทด่ี ิน เห็นชอบ
หมายเหตุ เวียน ท่ี มท ๐๖๑๐/ว ๐๘๔๒๙ ลงวันท่ี ๒๖ มีนาคม ๒๕๓๖ เร่ือง การจดทะเบียน
ตามมาตรา ๗๔ แหง ประมวลกฎหมายแพง และพาณชิ ย
๒๔
เร่ืองที่ ๑๘ การขอรับมรดกทด่ี นิ ตามหลักฐาน “นาซาร”
เร่อื งเสร็จท่ี ๑๙/๒๕๓๖
เจา ของเร่อื ง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นท่ีดิน (กองทะเบยี นท่ีดิน)
ประเด็นพจิ ารณา
เมื่อผูขอรับโอนมรดกท่ีดินนําหลักฐานพินัยกรรมตามหลักกฎหมายอิสลามคือ
“นาซาร” มาย่ืนคาํ ขอตอพนักงานเจาหนาที่ พนักงานเจาหนาท่ีจะดําเนินการรบั จดทะเบียนโอนมรดก
ใหเปนไปตาม “นาซาร” ได หรือจะตองใหผูขอไปรองตอศาลเพ่ือใหดะโตะยุติธรรมวินิจฉัยกอน
เปน เรือ่ ง ๆ ไป
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอ กฎหมายของกรมที่ดนิ ครัง้ ท่ี ๙/๒๕๓๖ เมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม
๒๕๓๖ (วาระ ๔.๓)
การดําเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมของพนักงานเจาหนาที่ตองดําเนินการ
ตามกฎหมายแพงและพาณิชย เม่ือ “นาซาร” สมบูรณเปนพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพง
และพาณิชย พนักงานเจาหนาท่ีก็สามารถดําเนินการจดทะเบียนโอนมรดกตามหลักฐาน “นาซาร” ได
โดยไมจ ําเปน ตอ งใหดะโตะ ยตุ ธิ รรมวินจิ ฉยั ช้ขี าดขอกฎหมายกอน
ความเหน็ ของกรมทด่ี ิน เหน็ ชอบ
๒๕
เรื่องท่ี ๑๙ หารือการขอจดทะเบียนภาระจาํ ยอม บรษิ ทั แสนสาํ ราญ จํากัด
เร่อื งเสรจ็ ท่ี ๒/๒๕๓๗
เจาของเรื่อง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นทีด่ นิ (กองทะเบยี นท่ีดนิ )
ประเด็นพจิ ารณา
พนักงานเจาหนาท่ีจะดําเนินการจดทะเบียนภาระจํายอมเรื่องทางเดินบางสวน
เพื่อประโยชนแ กหองชดุ หรอื ที่ดนิ ท่ีต้ังอาคารชดุ ไดหรอื ไมอ ยางไร
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๓๗ เม่ือวันที่ ๔ มีนาคม
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๑)
เมื่อขอเท็จจริงเร่ืองน้ีปรากฏวา นิติบุคคลอาคารชุดบานไขมุกไดมีการจดทะเบียน
เปนอาคารชุดตามกฎหมายและเจาพนักงานท่ีดินไดจดแจงในโฉนดที่ดินตามมาตรา ๙
แหงพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ แลว ตามมาตรา ๑๐ แหงพระราชบัญญัติฉบับดังกลาว
ไดบัญญัติหามมิใหจดทะเบียนสิทธิและนิตกิ รรมเก่ียวกับที่ดินดังกลาวอีกตอไป ดงั นั้น นิติบุคคลอาคารชุด
บานไขมุกจึงไมอาจนําโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๖๓๐๒ ซึ่งเปนท่ีดินท่ีตั้งอาคารชุดมาจดทะเบียนเปน
สามยทรพั ยเรอื่ งทางเดินบางสวนของท่ีดินโฉนดท่ีดินเลขท่ี ๑๕๑๕๑ ได อยา งไรก็ตาม เม่ือหองชุดแตละหอง
ในอาคารชุดเปนอสังหาริมทรัพยและมีหนังสือกรรมสิทธ์ิหองชุดซ่ึงสามารถนํามาจดทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรมทุกประเภทไดเชน เดียวกับโฉนดที่ดนิ แลว พนักงานเจาหนาท่ีจึงชอบท่จี ะจดทะเบียนภาระจํายอม
ใหโฉนดทด่ี นิ เลขท่ี ๑๕๑๕๑ อาํ เภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ ของบรษิ ัท แสนสําราญ จํากัด บางสวน
ตกเปนภารยทรัพยของหองชุดแตละหองของอาคารชุดบานไขมุกไดโดยอนุโลม ปฏิบัติตามคําสั่ง
กรมทีด่ ิน ที่ ๗/๒๕๐๔ ลงวนั ที่ ๒๙ มิถนุ ายน ๒๕๐๔
ความเหน็ ของกรมทีด่ นิ เห็นชอบ
๒๖
เรื่องที่ ๒๐ ขอใหจ ดทะเบยี นระงับจํานองและโอนกรรมสทิ ธ์ิหองชดุ ใหแกผ ซู ื้อ
เรื่องเสร็จที่ ๘/๒๕๓๗
เจา ของเรอ่ื ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี นิ (กองทะเบยี นทด่ี นิ )
ประเดน็ พิจารณา
ผูท่ีซื้อหองชุดจากการขายทอดตลาดตามคําสั่งศาลในคดีแพง มีความประสงค
ขอจดทะเบียนโอนกรรมสิทธ์ิหองชุด แตผูขอมิไดนําหนังสือรับรองหน้ีอันเกิดจากคาใชจายตามมาตรา ๑๘
แหงพระราชบัญญตั อิ าคารชุด พ.ศ. ๒๕๒๒ จากผูจ ดั การนติ ิบคุ คลอาคารชดุ มาแสดง พนักงานเจาหนาที่
จะดําเนินการจดทะเบยี นโอนกรรมสิทธใิ์ นหองชดุ ใหแ กผูขอโดยไมมีหนังสอื รับรองหนด้ี ังกลาวไดห รือไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน คร้ังท่ี ๒/๒๕๓๗ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๓)
เมื่อขอ เทจ็ จริงเรือ่ งน้ปี รากฏวา ศาลแพง ไดม หี นังสือ ที่ ยธ ๐๒๐๘/๓๕๓๘ ลงวันท่ี ๒๗
มกราคม ๒๕๓๖ ถงึ เจาพนักงานท่ดี ินกรุงเทพมหานคร สาขาพระโขนง ยืนยนั ใหพนักงานเจาหนาท่ีจดทะเบียน
ระงับจํานองและโอนกรรมสิทธ์ิหองชุดใหแก นาง อ. ดังน้ัน พนักงานเจาหนาที่จึงตองจดทะเบียนระงับจํานอง
และโอนกรรมสทิ ธ์ิหองชดุ ใหแ ก นาง อ. ผซู ือ้ หอ งชุดจากการขายทอดตลาดตามคําสง่ั ศาลตอไป
ความเหน็ ของกรมท่ดี ิน เห็นชอบ
๒๗
เรอ่ื งท่ี ๒๑ การเพกิ ถอนการจดทะเบียนสิทธิและนติ กิ รรมตามคาํ พิพากษา
เร่ืองเสร็จที่ ๓/๒๕๓๗
เจาของเรอื่ ง สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นท่ีดิน (กองทะเบียนทด่ี ิน)
ประเดน็ พิจารณา
เมื่อศาลมีคําพิพากษาใหเพิกถอนรายการจดทะเบียนขายเฉพาะสวนระหวาง นาง ม.
(ผูจัดการมรดกนาย ล.) ผูขาย กับ นาย ช. ผูซ้ือแลว คําพิพากษาของศาลดังกลาวจะมีผลให
การจดทะเบียนแบงหักเปนทางสาธารณประโยชนและแบงกรรมสิทธิ์รวมระหวาง นาย บ. นาย ช.
และนาง ม. ตองถูกเพิกถอนไปดว ยหรอื ไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอกฎหมายของกรมทด่ี นิ ครั้งท่ี ๓/๒๕๓๗ เม่ือวันท่ี ๔ พฤษภาคม
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๑)
เม่ือศาลอุทธรณไดมีคาํ พิพากษาใหเพิกถอนการซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ ๘๙๒๔ เฉพาะสวน
ระหวา งนาง ม. (ผูจ ดั การมรดกนาย ล.) กบั นาย ช. โดยใหท ี่ดนิ เฉพาะสวนดังกลาวกลับคืนเปนมรดกของ
นาย ล. ตามเดิมแลว คําพิพากษาของศาลดงั กลาวจงึ หามผี ลบังคับไปถึงบคุ คลภายนอกที่มิไดเปนคูความ
ในคดนี ้ีดวยแตอยา งใดไม ประกอบกับขอเท็จจริงเร่ืองน้ีปรากฏวา นาย บ. มิไดซ อื้ ที่ดินสวนท่ีเปนทรัพยม รดก
ของนาย ล.และมิไดเปนคูความในคดีน้ี อีกทั้ง ศาลอุทธรณก็หาไดมีคําพิพากษาใหเพิกถอนรายการ
จดทะเบียนกรรมสิทธิ์รวมเฉพาะสวน ระหวางนาง ม. กับ นาย บ. และรายการอื่น ๆ ดวยแตอยางใดไม
ดังนั้น พนักงานเจาหนาท่ีจึงไมอาจอางเอาคําพิพากษาของศาลอุทธรณมาเพิกถอนรายการจดทะเบียน
อื่น ๆ นอกเหนือจากคําพิพากษาได แตเ พอ่ื ใหกรณขี องเรือ่ งนเี้ ปน ไปตามนัยคําพิพากษาของศาลอุทธรณ
ดังกลาวจึงเห็นควรใหพนักงานเจาหนาที่ดําเนินการแกไขชื่อจาก “นาย ช.” มาเปนช่ือ “นาง ม.
ผจู ดั การมรดกนาย ล.” ทุกรายการ
ความเห็นของกรมทดี่ นิ เหน็ ชอบ
๒๘
เร่อื งที่ ๒๒ ผูจ ัดการมรดก (มีพนิ ัยกรรม) ขายทรัพยมรดกตามพินัยกรรม
เรอ่ื งเสร็จท่ี -
เจา ของเร่ือง สํานักมาตรฐานการทะเบียนทด่ี ิน (กองทะเบยี นที่ดนิ )
ประเดน็ พิจารณา
ในกรณีท่ีเจามรดกตามพินัยกรรมระบุใหผูจัดการมรดกนําทรัพยสินโดยเฉพาะโฉนดที่ดิน
ตามพินัยกรรมมากอต้ังมูลนิธิ ผูจัดการมรดกจะนําโฉนดท่ีดินน้ันมาขายเพื่อนําเงินสวนหน่ึงมาบริจาค
ใหกับมัสยิด โรงเรียนสอนศาสนา และกิจการกุศลอ่ืน ๆ ตามท่ีระบุไวในพินัยกรรม และประนีประนอม
ยอมความกบั ผูค รอบครองปรปกษไดหรือไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครั้งที่ ๕/๒๕๓๗ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๒)
มตทิ ปี่ ระชุมมีความเหน็ เปน ๒ ฝา ย
ฝายท่ีหนึ่ง เห็นวา แมพินัยกรรมของนาย ห. จะระบุใหนําท่ีดินมรดกมาจัดต้ังมูลนิธิ
แตเมอ่ื การจัดการมรดกดังกลาวมีเหตุขัดขอ ง กลา วคอื ผูจัดการมรดกอา งวาท่ดี ินตามพินัยกรรม นาย ม.
นาย ป. ไดร อ งตอศาลขอไดม าโดยการครอบครองปรปกษ ผจู ดั การมรดกก็มีอํานาจท่ีจะขายที่ดินน้นั เพื่อ
นาํ เงนิ ท่ีขายไดไปประนปี ระนอมยอมความกบั ผรู องครอบครองปรปกษ และนําเงนิ สวนที่เหลือมาบริจาค
ใหม สั ยดิ โรงเรยี นสอนศาสนา และกิจการกุศลอื่น ๆ ตามท่ีระบุไวในพินัยกรรมได เพราะถือวา ผูจัดการมรดก
กระทาํ การอันจาํ เปน เพ่ือใหการเปนไปตามคําสงั่ แจงชัด หรอื โดยปริยายแหงพินัยกรรม และเพื่อจัดการ
ทรพั ยม รดกทัว่ ไป ตามมาตรา ๑๗๑๙ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย (ตามนัยคําพิพากษาฎีกา
ท่ี ๑๒๓๖/๒๔๙๑ และฎีกาที่ ๑๗๐๑/๒๕๒๐) สวนผูจัดการมรดกจะนําเงินท่ีขายไดไปดําเนินการดังท่ี
กลาวอางหรือไม เปนเร่ืองที่ผูมีสวนไดเสยี จะตองวา กลาวเอากับผูจัดการมรดก มิใชเร่ืองของพนักงาน
เจา หนาท่จี ะตอ งพจิ ารณา
ฝายท่ีสอง เห็นวา เม่ือนาย ห. เจามรดกไดทําพินัยกรรมระบุไวโดยชัดแจงวา ใหนํา
ท่ีดินมรดกมาจัดตั้งมูลนิธิ ผูจัดการมรดกยอมตองจัดการไปตามคําสั่งตามพินัยกรรม ไมมีอํานาจนําท่ีดินน้ัน
ไปจําหนา ยจายโอนใหแกบุคคลภายนอก เพราะเปนการจัดการนอกเหนือคําส่งั ในพินัยกรรม ซง่ึ ไมอาจ
กระทําได (ตามนัยบันทกึ สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เดือนกันยายน ๒๕๑๕ เร่ือง ผูจัดการมรดก
โอนทรัพยใ นกองมรดกใหบ ุคคลภายนอกพินยั กรรม)
๒๙
เม่ือมีความเห็นเปนสองฝาย ท่ีประชุมจึงมีมติใหนําปญหาเรื่องนี้หารือสํานักงาน
คณะกรรมการกฤษฎีกาตอ ไป
ความเห็นของกรมท่ีดนิ เหน็ ชอบ
ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรอ่ื งเสร็จ ท่ี ๘๔๗/๒๕๓๗ “............เมอื่ ขอเทจ็ จริงในเรอื่ งน้ปี รากฏวา
มีการฟองรองคดีอยูในศาล จึงไมอาจพิจารณาใหความเห็นทางกฎหมายในเร่ืองดังกลาวได เพราะเปน
กรณเี ขาลักษณะตามขอ ๙ (๑) แหงระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกา วาดวยการรับปรึกษาใหความเห็น
ทางกฎหมายของกรรมการรางกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๒๒ ที่กําหนดวา กรรมการรางกฎหมายจะไมพิจารณา
ใหค วามเห็นทางกฎหมายในเรือ่ งท่มี ีการฟองคดีอยใู นศาล”
๓๐
เรอ่ื งที่ ๒๓ หารือการแบงกรรมสิทธิ์รวมทด่ี นิ ราย นางสาว ศ. กับพวก
เรอื่ งเสร็จท่ี ๑๒/๒๕๓๗
เจาของเรือ่ ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทีด่ ิน (กองทะเบยี นที่ดิน)
ประเดน็ พจิ ารณา
การทน่ี าง บ. ไดขายทด่ี ินโฉนดที่ดินเลขที่ ๑๖๗๐๓ ใหแก นางสาว ศ. กับพวกรวม ๒๔ คน
โดยวิธีใหผูซื้อเขาถือกรรมสิทธ์ิรวมในท่ีดินแลวมาขอรังวัดแบงกรรมสิทธิ์รวมเปนแปลงยอย เชนน้ี นาง บ.
จะตองยืน่ คําขออนญุ าตทําการจัดสรรท่ีดนิ กอ นหรือไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอ กฎหมายของกรมที่ดิน คร้ังท่ี ๖/๒๕๓๗ ลงวันท่ี ๑๘ กรกฎาคม
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๑)
การท่ีนาง บ. จัดจําหนายท่ีดิน โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๖๗๐๓ โดยใหผูซ้ือเขาถือกรรมสิทธิ์รวม
หลายครัง้ จนมีชื่อผูถือกรรมสิทธิ์รวมในท่ีดินแปลงดังกลาว คือ นางสาว ศ. กับพวกรวม ๒๔ คน เสร็จแลว
ไดมาย่ืนคําขอรังวดั แบงกรรมสิทธ์ิรวมเปนท่ีดินแปลงยอย ๒๕ แปลง โดยมีการกันพ้ืนท่ีบางสวนใหเปน
ถนนนั้น ถือไดวานาง บ. ดําเนินการจัดจําหนายท่ีดินติดตอกันเปนแปลงยอยมีจํานวนตั้งแตสิบแปลงข้ึนไป
โดยมีการจัดใหมีสาธารณูปโภคซึ่งเขาลักษณะเปนการจัดสรรท่ีดินตามขอ ๑ แหงประกาศของ
คณะปฏิวัติฉบับท่ี ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) เมื่อท่ีดินดังกลาว นาง บ. ผูจัดสรรที่ดินมิไดรับใบอนุญาตจาก
คณะกรรมการควบคุมการจัดสรรที่ดิน นาง บ. ยอมมีความผิดฐานทําการจัดสรรที่ดินโดยมิไดรับ
ใบอนุญาตจากคณะกรรมการตามขอ ๑๐ ประกอบขอ ๓๕ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๒๘๖
(พ.ศ. ๒๕๑๕) นาง บ. จะอางวาท่ีดินแปลงดงั กลาวเปนที่ดินจัดสรรรายเกาซ่ึง นาง น. และนาง บ. ไดแจง
การจัดสรรท่ีดนิ ตามขอ ๓๒ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ไวแลว ตาม จ.ส. ๑
เลขรับท่ี ๑๐๘ ลงวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๖ จึงไมตองขออนุญาตทําการจัดสรรท่ีดินน้ันอีก เพราะการ
รังวัดแบงแยกท่ีดินในคร้ังนี้ไมตรงกับแผนผังและโครงการตามท่ีไดย่ืนแบบแสดงรายการและแสดง
หลักฐานการจัดสรรที่ดนิ ไวตาม จ.ส. ๑ เลขรับที่ ๑๐๘ ลงวันท่ี ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๖ นาง บ. จึงมไิ ดรับ
ประโยชนจากขอ ๓๒ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) (ตามนัยหนังสือ
สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ท่ี นร ๐๕๐๑/๒๘๐ ลงวันท่ี ๓๐ กุมภาพันธ ๒๕๒๗) เห็นควรให
กองนิตกิ ารประสานงานกับกองควบคุมธรุ กิจท่ดี นิ ดาํ เนนิ คดีกับนาง บ. ผจู ัดสรรทดี่ ินตอไป
๓๑
สําหรับประเด็นเรื่องการขอรังวัดแบงกรรมสิทธ์ิรวมโฉนดท่ีดินเลขที่ ๑๖๗๐๓ น้ัน
เมอ่ื ขณะน้โี ฉนดทีด่ นิ มชี ่อื นางสาว ศ. กับพวกรวม ๒๔ คน ผูถอื กรรมสิทธิ์รวมยอมมีสิทธิย่นื คําขอรงั วัด
แบงกรรมสิทธร์ิ วมไดตามมาตรา ๑๓๖๓ แหงประมวลกฎหมายแพงและพาณชิ ย แตกอนที่เจาพนักงานท่ีดิน
จะดําเนินการจดทะเบียนใหบันทึกถอยคําผูขอดวยวา ผูขอยอมรับท่ีดินตามสภาพที่ขอรังวัดแบงแยก
โดยไมต ิดใจเก่ียวกบั การจัดทําสาธารณปู โภคในทดี่ ินแปลงนี้
ความเห็นของกรมทด่ี ิน เห็นชอบ
๓๒
เรือ่ งท่ี ๒๔ การจดทะเบยี นสิทธิและนติ ิกรรมประเภทจาํ นอง
เรือ่ งเสรจ็ ท่ี ๑๑/๒๕๓๗
เจาของเร่อื ง สํานักมาตรฐานการทะเบียนที่ดนิ (กองทะเบียนทดี่ นิ )
ประเดน็ พจิ ารณา
ในการจดทะเบียนจํานองที่คูกรณีไดระบุวงเงินท่ีผูรับจํานองแตละรายรับจํานองไว
แยกจากกันในสัญญาฉบับเดียวกัน ดังนี้ ถือวาเปนการจํานองรายเดียวหรือหลายราย และพนักงาน
เจา หนา ที่จะเรียกเกบ็ คา ธรรมเนียมอยา งไร
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน คร้ังท่ี ๖/๒๕๓๗ เมื่อวันที่ ๑๒
กรกฎาคม ๒๕๓๗ (วาระ ๔.๓)
การที่บริษัท โมเดอรนโฮมดีเวลลอปเมนท จํากัด ย่ืนคําขอจดทะเบียนจํานอง
เปน ประกันรวม ๕ โฉนด กับผูรับจํานอง ๕ ราย โดยกําหนดแยกวงเงินการรับจํานองของผูรบั จํานองแตล ะราย
และอัตราดอกเบี้ยท่ีแตกตางกัน แมจ ะมีผลทําใหผรู ับจํานองแตล ะรายเปนผูรับจํานองในลําดับเดยี วกัน
แตกไ็ มถ ือวาการจํานองดงั กลาวเปนการจํานองเพื่อเปนประกันหน้ีแตเพียงรายหนึ่งรายเดียวและผูรับจํานอง
แตละรายก็มิไดเปนเจาหนี้รวมกัน ดังน้ัน ในการเรียกเก็บคาธรรมเนยี มจํานองในกรณเี ชน นี้จึงตองเรียกเก็บ
คาธรรมเนียมจากวงเงินจํานองท่ีมีตอผูรับจํานองแตละรายโดยเรียกเก็บคาธรรมเนียมรอยละ ๑
แตอยางสูงไมเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๐ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติ
ใหใชประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. ๒๔๙๗ เม่ือขอเท็จจริงในเร่ืองนี้ปรากฏวามีผูรับจํานอง ๕ ราย แตละราย
คดิ คํานวณคาธรรมเนยี มแลวเกิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท จึงตองเรยี กเก็บรายละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท รวมเปนเงนิ
คา ธรรมเนยี มทงั้ สิ้น ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท (หนงึ่ ลานบาทถวน)
ความเหน็ ของกรมที่ดิน เห็นชอบ
๓๓
เรอ่ื งท่ี ๒๕ รองเรียนการอายัดที่ดนิ
เรือ่ งเสรจ็ ท่ี ๑๕/๒๕๓๗
เจา ของเร่อื ง สํานกั มาตรฐานการทะเบยี นทดี่ นิ (กองทะเบยี นทดี่ นิ )
ประเดน็ พิจารณา
กรณีท่ีผูขายที่ดินขออายัดท่ีดินตอเจาพนักงานท่ีดินโดยอางวา ผูซื้อชําระราคาที่ดิน
ไมครบถวนจึงขออายัดท่ีดินเพื่อไปฟองตอศาลใหบังคับผูซ้ือชําระราคาที่ดินกรณีหนึ่ง หรือขออายัด
เพ่ือใหศาลเพิกถอนการจดทะเบียนซื้อขายอีกกรณีหน่ึง เจาพนักงานท่ีดินจะรับอายัดตามมาตรา ๘๓
แหง ประมวลกฎหมายทีด่ ิน ไดหรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครงั้ ที่ ๙/๒๕๓๗ เม่ือวันท่ี ๗ กันยายน
๒๕๓๗ (วาระ ๔.๒)
กรณีท่ีผขู ายท่ีดินขออายัดที่ดินเพ่ือไปฟองศาลใหบังคับผูซ้ือชําระราคาทีด่ ินท่ียังชําระ
ไมครบถวน ไมถือวาผูขายที่ดินประสงคจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนหรือใหมีการเปลี่ยนแปลง
ทางทะเบียนเกี่ยวกับที่ดินที่ขออายัด อีกทั้งการฟองบังคับใหชําระราคาท่ีดินก็เปนการบังคับชําระหนี้
ทั่วไป กรณจี ึงไมอยูในหลกั เกณฑท่ีเจาพนกั งานที่ดนิ จะรับอายัดตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมาย
ท่ีดินได สว นกรณที ผ่ี ูขายที่ดนิ อางวาผซู ้อื ชาํ ระราคาทีด่ นิ ไมค รบถวนจึงไดขออายัดท่ีดนิ เพ่ือฟองบังคับให
เพกิ ถอนการจดทะเบยี นซ้ือขายน้นั แสดงใหเห็นวาผูข ายที่ดินประสงคจ ะฟองบงั คบั ใหม ีการเปลี่ยนแปลง
ทางทะเบียนเก่ียวกับที่ดินที่ขออายัดโดยตรง กรณีเชนน้ีถือไดวาผูขายที่ดินเปนผูมีสวนไดเสียในที่ดิน
อันอาจจะฟองบังคบั ใหมกี ารเปลยี่ นแปลงทางทะเบยี นไดตามนัยมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายท่ดี ิน
เจาพนักงานทีด่ ินจึงตองรบั อายัดท่ีดนิ ในกรณดี ังกลา ว
ความเห็นของกรมท่ีดิน เห็นชอบ
๓๔
เรือ่ งท่ี ๒๖ ผจู ดั การมรดก (มีพินัยกรรม) ขายทรพั ยม รดกตามพินัยกรรม
เร่อื งเสร็จท่ี -
เจาของเร่ือง สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนทดี่ นิ (กองทะเบยี นทด่ี นิ )
ประเดน็ พจิ ารณา
เรื่องสืบเนอ่ื งจากการประชมุ คร้งั ที่ ๕/๒๕๓๗ ลงวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๗ (เรื่องที่ ๒๘)
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งที่ ๑/๒๕๓๘ เมื่อวันท่ี ๑๖ มีนาคม
๒๕๓๘ (วาระ ๕.๑)
คณะกรรมการกฤษฎีกาแจงวา ไมอาจพิจารณาใหความเห็นทางกฎหมายในเรื่อง
ดังกลาวได เพราะเปนกรณีเขาลักษณะตามขอ ๙ (๑) แหงระเบียบคณะกรรมการกฤษฎีกาวาดวยการ
รับปรึกษาใหความเห็นทางกฎหมายของกรรมการรางกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่ีกําหนดวา กรรมการ
รา งกฎหมายจะไมพิจารณาใหความเหน็ ทางกฎหมายในเรื่องท่ีมีการฟอ งรอ งเปนคดอี ยูในศาล ดังนั้น จึงเห็นควร
ใหสํานักงานท่ีดินกรุงเทพมหานคร สาขาบางกะป สอบถามผลคดีที่มีการฟองรองเก่ียวกับท่ีดินแปลงน้ี
จาก นาง อ. กบั พวก ผูข อจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมวา คดถี งึ ท่ีสุดหรือไมอยา งไร และเมื่อคดีเปนท่ยี ุติ
ประการใด ใหห ารอื สาํ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตอไป (ความเหน็ กฤษฎกี าเรื่องเสร็จที่ ๘๔๗/๒๕๓๗)
ความเหน็ ของกรมท่ีดิน เหน็ ชอบ
๓๕
เรอ่ื งท่ี ๒๗ การตรวจการจัดเกบ็ คาธรรมเนียม ภาษเี งินไดแ ละอากรแสตมป
เรือ่ งเสรจ็ ท่ี ๑/๒๕๓๘
เจา ของเรอื่ ง สาํ นกั มาตรฐานการทะเบยี นทีด่ ิน (กองทะเบยี นท่ดี ิน)
ประเดน็ พิจารณา
กรณีจดทะเบียนซื้อขายท่ีดินท่ีไดมีการตกลงกันระหวางคูสัญญา ใหธนาคาร
เพอ่ื การเกษตรและสหกรณการเกษตร ผูซื้อ เปน ผูเสียเงินคาธรรมเนียม ธนาคารฯ จะไดรับการยกเวนไมตอง
เสียเงินคาธรรมเนียม ตามมาตรา ๔๑ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติธนาคารเพ่ือการเกษตรและ
สหกรณการเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารเพ่ือการเกษตรและ
สหกรณก ารเกษตร (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ หรือไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน คร้ังที่ ๑/๒๕๓๘ เม่ือวันที่ ๑๖ มีนาคม
๒๕๓๘ (วาระ ๔.๑)
เม่ือขอเท็จจริงเร่ืองนี้ปรากฏวา การจดทะเบียนซื้อขายที่ดินโฉนดเลขท่ี ๓๖๖ ตําบล
กระบีใ่ หญ อําเภอเมอื ง จังหวัดกระบ่ี ไดมีการตกลงกนั ระหวางคสู ัญญาตามสัญญาจะซื้อจะขาย ฉบับลงวันที่ ๘
เมษายน ๒๕๓๕ ใหธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณการเกษตร ผูซ้ือ เปนผูเสียเงินคา ธรรมเนียมแลว
ขอตกลงดังกลาวยอมมีผลผูกพันธนาคารฯ ที่จะตองปฏิบัติตามขอตกลงเชนวาน้ัน อยางไรก็ตาม
เมื่อบทบัญญัติในมาตรา ๔๑ วรรคสอง แหงพระราชบัญญัติธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ
การเกษตร พ.ศ. ๒๕๐๙ ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ
การเกษตร (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๒๕ ไดบัญญัติใหธนาคารฯ ท่ีเขาเกี่ยวของกับกิจการใดท่ีกฎหมาย
กําหนดใหมีการจดทะเบียนสิทธแิ ละนิติกรรมไดรับยกเวนไมตอ งเสียคาธรรมเนยี มแลว การจดทะเบียน
ซอ้ื ขายทด่ี นิ รายน้ธี นาคารฯ ก็ยอ มไดประโยชนจากบทบัญญัติดังกลา วในอันที่จะไดรบั ยกเวนไมตองเสีย
คา ธรรมเนยี ม ทาํ นองเดียวกบั เรอ่ื งการแกไขทุนทรพั ยในสญั ญาซอ้ื ขายที่ดิน (ระหวาง นาย ช. ผูขาย กับ
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร ผูซ้ือ) ตอบขอหารือจังหวัดพิษณุโลก ตามหนังสือ
กรมที่ดนิ ที่ มท ๐๗๐๘/๒๔๘๐๖ ลงวันท่ี ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๓๑
ความเห็นของกรมท่ดี ิน เหน็ ชอบ
๓๖
เรอ่ื งท่ี ๒๘ ขออายดั ท่ดี นิ ราย นาย จ.
เรื่องเสรจ็ ที่ ๘/๒๕๓๘
เจาของเรอ่ื ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นที่ดนิ (กองทะเบยี นที่ดิน)
ประเดน็ พิจารณา
กรณที น่ี าย พ. ผูจะซื้อที่ดินโฉนดเลขท่ี ๕๘๖๓ และ ๑๐๓๘๖ ตาํ บลปากน้ําโพ อําเภอ
เมืองนครสวรรค จังหวัดนครสวรรค จากนาย ว. กับนาง ห. ผูถือกรรมสิทธ์ิที่ดินตามสัญญาจะซ้ือจะขาย
ฉบับลงวันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๓๖ ไดทําสัญญาจะซ้ือจะขายท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวใหแกนาย จ.
อีกทอดหนึ่งตามสัญญาจะซ้ือจะขาย ฉบับลงวันท่ี ๒๗ มกราคม ๒๕๓๗ นั้น ถือไดหรือไมวานาย จ.
เปนผูมีสวนไดเสียในที่ดินที่ขออายัดอันอาจจะฟองบังคับใหมกี ารจดทะเบียนหรอื ใหมีการเปล่ียนแปลง
ทางทะเบยี นซ่งึ เจาพนักงานทด่ี ินจะรับอายัดตามมาตรา ๘๓ แหง ประมวลกฎหมายทีด่ นิ ได
มตคิ ณะกรรมการพจิ ารณาปญ หาขอกฎหมายของกรมที่ดนิ ครั้งที่ ๒/๒๕๓๘ เมื่อวนั ท่ี ๑๑ เมษายน
๒๕๓๘ (วาระ ๔.๒)
การท่ีนาย จ. ขออายัดที่ดินโฉนดเลขท่ี ๕๘๖๓ และ ๑๐๓๘๖ ตําบลปากนํ้าโพ
อําเภอเมืองนครสวรรค จังหวัดนครสวรรค โดยอางวาเดิมนาย พ. ไดทําสัญญาจะซ้ือจะขายท่ีดินกับนาย ว.
และนาง ห. ผถู ือกรรมสทิ ธทิ์ ีด่ นิ ตามสญั ญาจะซอื้ จะขาย ฉบับลงวันท่ี ๑ มิถุนายน ๒๕๓๖ ตอมานาง พ.
ไดทําสัญญาจะขายท่ีดินท้ังสองแปลงดังกลาวใหแกตนอีกทอดหนึ่งตามสัญญาจะซ้ือจะขาย ฉบับลงวันท่ี ๒๗
มกราคม ๒๕๓๗ จึงขออายัดทีด่ ินเพอ่ื ไปดําเนินการฟองรอ งตอศาลขอใหบังคับจดทะเบียนโอนท่ีดนิ พรอม
สิ่งปลูกสรางใหแกตนน้ัน แมนาย จ. จะมิไดทําสัญญาจะซ้ือจะขายท่ีดินกับนาย ว. และนาง ห. ผูถือ
กรรมสทิ ธ์ทิ ่ีดิน แตตามประมวลกฎหมายทด่ี นิ มาตรา ๘๓ ก็มิไดบังคับถึงขนาดวา ผูขออายัดตองมีนิติสัมพันธ
กับเจาของท่ีดินโดยตรง กฎหมายเพียงแตบัญญัติวาผูขออายัดท่ีดินตองเปนผูมีสวนไดเสียในท่ีดิน
อนั อาจจะฟอ งบงั คบั ใหมกี ารจดทะเบยี นหรือใหม กี ารเปลีย่ นแปลงทางทะเบียนไดเทาน้ัน ดังน้ัน เมื่อเหตผุ ล
ท่ีนาย จ. ผูขออายัดกลาวอางมีมูลท่ีอาจจะฟองบังคับใหมีการจดทะเบียนหรือใหมีการเปลี่ยนแปลง
ทางทะเบียนไดแลว กรณีเชนนี้ยอมถือไดวา นาย จ. เปนผูมีสวนไดเสียในที่ดินตามนัยมาตรา ๘๓
แหงประมวลกฎหมายทดี่ ิน เจาพนักงานทดี่ นิ จึงตอ งรับอายัดท่ดี ินในกรณดี งั กลาว
ความเห็นของกรมทด่ี ิน เหน็ ชอบ
๓๗
เรอ่ื งท่ี ๒๙ หารือกรณีการแบงแยกท่ีดินที่มีสภาพเปนถนนราย บริษัท เครดิตฟองซิเอร แอล พี
เอ็น จํากัด
เรื่องเสร็จที่ ๔/๒๕๓๘
เจา ของเรอื่ ง สํานกั มาตรฐานการทะเบียนทด่ี นิ (กองทะเบยี นที่ดนิ )
ประเดน็ พจิ ารณา
ที่ดินสวนท่ีกันพ้ืนท่ีไวเปนสาธารณูปโภคประเภทถนน จะนํามาแบงแยกเพื่อรวมกับ
ท่ีดนิ แปลงขางเคียงหรอื เพอื่ นาํ ไปจาํ หนายจะกระทาํ ไดหรือไม
มตคิ ณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๓๘ เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน
๒๕๓๘ (วาระ ๔.๓)
โฉนดที่ดินเลขท่ี ๒๘๘๘ ตําบลชองนนทรี (บางโพงพาง) อําเภอยานนาวา (เมือง)
กรุงเทพมหานคร และโฉนดท่ีดินเลขที่ ๕๓๒๖ ตําบลชองนนทรี (บางโพงพาง) อําเภอพระโขนง
(พระโขนง) กรุงเทพมหานคร เปนที่ดินท่ีผูจัดสรรท่ีดินไดกันพื้นท่ีไวเปนสาธารณูปโภคประเภทถนน
ซงึ่ จะตอ งตกอยูในภาระจํายอมเพือ่ ประโยชนแกที่ดินที่จัดสรร ตามขอ ๓๐ แหงประกาศของคณะปฏิวตั ิ
ฉบับที่ ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕) แลว การท่ีจะพิจารณาอนุญาตให บริษัท เครดิตฟองซิเอร แอล พี เอ็น
จํากัด แกไขเปล่ียนแปลงผังเมือง โครงการ โดยการนําที่ดินทั้งสองแปลงดังกลาวมาขอแบงแยกใหผิดแผก
แตกตางไปจากแผนผงั โครงการท่ี บรษิ ัท นครไทยการลงทุน จํากัด ผูจัดสรรทีด่ ิน (รายเกา) ไดย่ืนไวตาม
แบบรายการและหลักฐานการจัดสรรท่ีดินตามขอ ๓๒ แหงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับท่ี ๒๘๖
ลงวนั ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๕ (จ.ส. ๑) เลขที่ ๘๕ ลงวนั ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๑๖ ไดห รือไมน้ัน ยอมอยู
ในอํานาจหนาที่ของคณะกรรมการควบคุมการจัดสรรท่ีดินท่ีจะพิจารณาอนุญาต อยางไรก็ตาม
การพิจารณาอนุญาตใหบริษัทฯ ดาํ เนินการตามนัยดังกลาวจะตองไมเปนเหตุใหประโยชนแหงภาระจํายอม
ลดไปหรอื เสื่อมความสะดวก ตามขอ ๓๐ แหงประกาศของคณะปฏวิ ตั ิฉบบั ดงั กลาวดว ย
ความเหน็ ของกรมทดี่ ิน เห็นชอบ
๓๘
เรือ่ งที่ ๓๐ ขอใหงดการบันทึกถอยคําผูซ้ือ (กรณีท่ีมีการดําเนินคดีในช้ันศาลเก่ียวกับ
อสงั หาริมทรพั ยทปี่ ระสงคจะจดทะเบยี น)
เรือ่ งเสรจ็ ท่ี ๑๕/๒๕๓๘
เจาของเร่ือง สาํ นักมาตรฐานการทะเบยี นท่ีดนิ (กองทะเบียนทด่ี นิ )
ประเด็นพิจารณา
พนกั งานเจาหนา ที่จะงดการบันทึกถอยคําคกู รณที ่ีมาขอจดทะเบียนสิทธิและนติ ิกรรม
เพื่อใหรับทราบถึงกรณีท่ีมีการดําเนินคดีในช้ันศาลเก่ียวกับอสังหาริมทรัพยท่ีคูกรณีดังกลาวประสงค
จะจดทะเบียนสทิ ธแิ ละนิตกิ รรมไดห รอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน คร้ังท่ี ๕/๒๕๓๘ เม่ือวันที่ ๓ ตุลาคม
๒๕๓๘ (วาระ ๔)
ทป่ี ระชมุ มีความเหน็ เปน ๒ ฝาย ดงั น้ี
ฝายที่ ๑ (๙ เสยี ง) เห็นวา โดยท่ีกรมที่ดินถูกฟองเปนจําเลยในคดีรวมอยูดว ย เมื่อเปน
การปองกันความเสียหายท่ีผูรับโอนจะกลาวอางวาไดรับโอนโดยพนักงานเจาหนาที่ปกปดขอเท็จจริง
ถึงเรอื่ งฟองรองดาํ เนนิ คดีเก่ยี วกบั อสังหารมิ ทรพั ยนน้ั ในศาล จึงเห็นควรแจงใหผูรับโอนทราบถึงกรณที ี่มี
เรื่องฟองรองดําเนินคดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยนั้นในศาล และบันทึกไวเปนหลักฐาน แตห ากพนักงาน
เจาหนาท่ีไดแจงใหผูรับโอนทราบแลวแตผูรับโอนไมยอมลงช่ือรับทราบการแจง ก็ควรใหพนักงาน
เจาหนาท่ีบันทึกการแจงไวเปนหลักฐาน โดยมีเจาหนาท่ีลงชื่อเปนพยานดว ย ๒ คน แลวจึงจดทะเบียน
ใหผูข อตอไป
ฝายท่ี ๒ (๒ เสียง) เห็นวา ไมควรแจงใหผูรับโอนทราบ ตามนัยความเห็นฝายท่ีหน่ึง
เนอื่ งจากไมม กี ฎหมายสนับสนุนใหพ นักงานเจาหนา ทม่ี ีอาํ นาจดาํ เนินการเชน นั้นได
ความเห็นของกรมทดี่ ิน เหน็ ชอบกับความเหน็ ท่ี ๑
หมายเหตุ ถูกกลับหลักโดย เร่ืองท่ี ๑๐๖ เร่ือง การระงับการจดทะเบียนเกี่ยวกับท่ีดินหรือการแจงให
คกู รณีทีข่ อจดทะเบียนทราบวาอสงั หาริมทรัพยท ่ีขอจดทะเบยี นมีการฟอ งรองกันอยใู นศาล
๓๙
เร่ืองท่ี ๓๑ นาย ว. หารอื เกย่ี วกบั ภาระจํายอมทีด่ นิ
เร่อื งเสรจ็ ที่ ๑๔/๒๕๓๘
เจา ของเรื่อง สํานกั มาตรฐานการทะเบียนที่ดนิ (กองทะเบียนท่ีดนิ )
ประเดน็ พิจารณา
การแบงกรรมสิทธ์ิรวม ออกเปนแปลงยอยจํานวน ๖๖ แปลง (รวมแปลงคง) แลว
แยกกันถือกรรมสิทธิ์ท่ีดินคนละ ๑ - ๕ แปลง จากน้ันผูถือกรรมสิทธ์ิรวมแปลงแบงแยกบางแปลง
ไดแบงแยกในนามเดมิ ออกเปนแปลงยอยตอเนื่องออกไปอีก ๑-๒ แปลง รวมเปนท่ดี ินแปลงยอยทั้งหมด
๗๓ แปลง (รวมแปลงคง) แลวจําหนาย และมีการกันพื้นท่ีเปนถนนผานที่ดินแปลงยอยทุกแปลงอันเปน
การแสดงออกโดยปริยายวาจะจัดใหมีสาธารณูปโภคภายในโครงการ การแบงกรรมสิทธิ์รวมที่ดิน
ดังกลาว จึงมิใชการแบงกรรมสิทธิ์รวมธรรมดา แตเปนการแบงกรรมสิทธิ์รวมในลักษณะเปนการ
โอนขายที่ดนิ บางแปลง บางแปลงเปน การโอนใหทายาท และบางแปลงไมไ ดมีการโอนจําหนาย จะถือวา
เปน การจัดสรรทดี่ นิ ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบบั ท่ี ๒๘๖ ลงวนั ที่ ๒๔ พฤศจกิ ายน ๒๕๑๕ หรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งท่ี ๗/๒๕๓๘ เม่ือวันท่ี ๒๒
พฤศจิกายน ๒๕๓๘ (วาระ ๔.๓)
การที่จะพิจารณาวาพฤติการณอยางไร เปนการจัดสรรที่ดินหรือไมเปนปญหา
ขอเท็จจริง หากขอเท็จจริงเปนท่ียุติวาพฤติการณดังกลาวเขาลักษณะเปนการจัดสรรท่ีดิน ก็จะตอง
ถือปฏิบัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายในคราวประชุม ครั้งที่ ๖/๒๕๓๖
เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๓๖ กลาวคอื สาธารณูปโภคที่เกิดจากการจัดสรรที่ดินท่ีผูดาํ เนนิ การไดจัด
ใหมขี ึ้น ตองตกอยูภายในภาระจํายอมเพื่อประโยชนแกที่ดินจัดสรร ซึ่งผูจัดสรรหรือผูรับโอนกรรมสิทธิ์
คนตอ ไปตองบํารุงรกั ษากิจการดังกลาว และจะกระทําการใด ๆ อันเปนเหตุใหประโยชนแหงภาระจํายอม
ลดไปหรือเสอ่ื มความสะดวกมิได ตามขอ ๓๐ แหงประกาศของคณะปฏวิ ตั ิ ฉบับท่ี ๒๘๖ (พ.ศ. ๒๕๑๕)
ความเหน็ ของกรมทดี่ นิ เหน็ ชอบ
๔๐
เรอื่ งท่ี ๓๒ ผูจดั การมรดกขายที่ดินของผรู บั พินัยกรรม
เร่อื งเสร็จที่ ๙/๒๕๓๘
เจาของเรือ่ ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี นิ (กองทะเบยี นท่ดี นิ )
ประเดน็ พจิ ารณา
เมอ่ื เจา มรดกทาํ พนิ ยั กรรมมีขอกาํ หนดยกทดี่ ิน (เพยี งบางสวนของโฉนดทด่ี ิน) ใหแกวัด
ผจู ดั การมรดกจะนาํ ทดี่ ินนนั้ (ทั้งแปลง) ไปขายใหแกบุคคลภายนอกโดยอางวา เพื่อนาํ เงนิ มาแบงปนกัน
ตามสวน เพราะไมสามารถตกลงกันไดวาสวนใดเปนของทายาทและสวนใดเปนของวัด เชนน้ีจะกระทําได
หรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ีดิน ครั้งที่ ๗/๒๕๓๘ เมื่อวันท่ี ๒๒
พฤศจิกายน ๒๘๓๘ (วาระ ๔.๔)
เหน็ ชอบตามความเห็นของกองทะเบยี นทดี่ นิ กลาวคือเมื่อที่ดินแปลงนี้ตกเปนที่ของวดั
ตามขอกําหนดพินัยกรรม ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๕๙๙ และมาตรา ๑๖๗๓ แลว
เจาอาวาสวัดหลักสยี่ อมไมอ าจตกลงหรอื ยนิ ยอมใหผจู ัดการมรดกขายที่ดินสวนของวดั ใหแกบุคคลอ่ืนได
เน่ืองจากขดั ตอมาตรา ๓๔ แหงพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. ๒๕๐๕ แกไ ขเพิ่มเตมิ โดยพระราชบัญญัติ
คณะสงฆ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕
ความเหน็ ของกรมท่ดี นิ เห็นชอบ
๔๑
เรอื่ งท่ี ๓๓ ขอความเปน ธรรมเพราะที่ดนิ ถูกอายัดโดยไมชอบดวยกฎหมาย
เรื่องเสร็จท่ี -
เจาของเร่อื ง สาํ นักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน (กองทะเบยี นทีด่ ิน)
ประเดน็ พิจารณา
๑. ผูขออายัดไดขออายัดในนามผูถือหุน (ในฐานะสวนตัว) แตในการฟองคดีไดฟอง
ในนามบรษิ ัทฯ เมอื่ ผขู ออายัดนําคําฟองดังกลาวมาแสดงตอพนกั งานเจาหนา ทภ่ี ายในกําหนด
๒. บริษทั ฯ มีผูชําระบญั ชีแลว ผูข ออายดั จะฟองบรษิ ัทฯ ไดหรอื ไม
มติคณะกรรมการพิจารณาปญหาขอกฎหมายของกรมที่ดิน ครั้งที่ ๒/๒๕๓๙ เมื่อวันท่ี ๑๕
กุมภาพนั ธ ๒๕๓๙ (วาระ ๒.๑)
แมในคําฟองระบุวา บริษัท ซิลเวอรเลคเอนเตอรไพรส จํากัด เปนโจทกฟองก็ตาม
แตนาย ซ. ผูขออายัดก็เปนผูไปดําเนินการทางศาลแทนบริษัทฯ การดําเนินการนี้จะไปดําเนินการ
โดยอาศัยอํานาจอะไรก็ได และคําขอทายฟองก็เปนการขอเพ่ือใหทรัพยส ินกลับคืนมาเปนของบริษัทฯ
มิใชเพ่ือประโยชนของตนเองถือไดว าการกระทําดังกลาวของนาย ซ. เปนการกระทําแทนบริษัทฯ จึงเขา
หลักเกณฑตามมาตรา ๘๓ แหงประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อนาย ซ. นําคําฟองตามประเด็นท่ีขออายัด
มาแสดงตอ พนักงานเจาหนาที่ภายในกําหนดเวลาท่ีขออายัด การอายัดยอ มมีผลตอไปจนกวาศาลจะสั่ง
ใหถ อนการอายดั หรอื มีคําพิพากษาหรือคําสั่งถงึ ทีส่ ุด (กฎหมายเกา )
ความเหน็ ของกรมทด่ี นิ เห็นชอบ
๔๒
เรอื่ งท่ี ๓๔ ปญ หาการใหความยินยอมของคูสมรสในการรับมรดกตกทอด
เรอ่ื งเสร็จท่ี ๒/๒๕๓๙
เจา ของเร่อื ง สํานักมาตรฐานการทะเบยี นทด่ี ิน (กองทะเบยี นที่ดนิ )
ประเดน็ พิจารณา
กรณีคูสมรสฝายใดฝายหนึ่งนพเงินสินสมรสมาซ้ือท่ีดิน คูสมรสอีกฝายหนึ่งตองให
ความยนิ ยอมหรอื ไม
มติคณะกรรมการพจิ ารณาปญหาขอกฎหมายของกรมท่ดี นิ คร้งั ที่ ๓/๒๕๓๙ เน่อื งวันที่ ๒๖ เมษายน
๒๕๓๙ (วาระ ๔.๒)
ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย มาตรา ๑๔๗๖ แกไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติ
แกไขเพ่ิมเติมโดยประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย (ฉบับที่ ๑๐) พ.ศ. ๒๕๓๓ มิไดบัญญัติบังคับวาการซื้อ
อสังหาริมทรัพย สามรและภรรยาจะตองจัดการรวมกันหรือไดรับความยินยอมจากอีกฝายหนึ่ง ดังนั้น
คูสมรสฝายใดฝายหนึ่งจึงสามารถนําเงินสินสมรสซื้ออสังหาริมทรัพยโดยไมจําตองไดรับความยินยอมจาก
คสู มรสอีกฝา ยหนงึ่ ได และเพื่อใหก ารปฏบิ ตั งิ านของพนักงานเจาหนา ท่ีเก่ียวกับเร่อื งน้ีเปนไปในแนวทาง
เดียวกนั ใหก องทะเบียนทด่ี นิ แจงความเห็นตามนัยดงั กลา วใหพ นกั งานเจาหนาทท่ี ราบและถือปฏบิ ตั ิตอไป
ความเหน็ ของกรมทด่ี นิ เห็นชอบ