- ๔๘ -
(8.) ผู้ช่วยช่างเขยี นแผนท่ี ไดร้ ับมอบแบบพิมพ์โฉนดท่ีดิน จานวน 4 คู่ฉบับ เพื่อทาการเขียน
รปู แผนท่ี ปรากฏวา่ แบบพมิ พ์โฉนดท่ีดนิ จานวน 1 ค่ฉู บับ ได้สูญหายไประหว่างการเก็บรกั ษาของตน
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามข้อ 31 และข้อ 32 วรรคแรก แห่ง
ระเบยี บกระทรวงการคลัง ว่าดว้ ยลกู จ้างประจาของสว่ นราชการ พ.ศ. 2537
โทษ ตดั ค่าจ้างในอัตราร้อยละ 5 เปน็ เวลาสองเดือน
(9.) เจา้ พนกั งานธุรการปฏบิ ตั ิงาน ไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ปน็ ผู้มหี นา้ ที่ดูแลรกั ษาและควบคุมการ
เบิกจ่ายแบบพิมพ์โฉนดที่ดิน ได้นาแบบพิมพ์โฉนดท่ีดินท่ีเบิกจ่ายมาจากกรมท่ีดินไปเก็บรักษาไว้ในตู้เหล็ก
สาหรับเก็บแบบพิมพ์โฉนดที่ดิน ซ่ึงวางอยู่ในห้องพัสดุท่ีมีเครื่องถ่ายเอกสารวางรวมอยู่ด้วยและบุคคลอ่ืน
สามารถเข้าออกได้ ซึ่งไม่ใช่สถานท่ีที่ปลอดภัยในการเก็บรักษาแบบพิมพ์โฉนดที่ดินอย่างเพียงพอ เป็นเหตุให้
แบบพิมพ์โฉนดทด่ี ินจานวน 1 คูฉ่ บับ สญู หาย
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงนิ เดือนในอตั รารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(10.) เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้แบบ
พิมพ์โฉนดทดี่ นิ ฉบับสานักงานที่ดินสูญหายไปในขณะอยูใ่ นความรับผดิ ชอบจานวน 1 คูฉ่ บบั
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 83 (4) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงนิ เดอื นในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(11.) เจ้าพนักงานที่ดินชานาญงาน เมื่อคร้ังปฏิบัติงานในฝ่ายทะเบียน ทาแบบพิมพ์ใบแทน
โฉนดทีด่ นิ และสารบบที่ดนิ สญู หาย
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 83 (4) และมาตรา 82 (3)
ประกอบกับมาตรา 84 แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงินเดือนในอตั ราร้อยละ 4 เปน็ เวลาสองเดือน
- ๔๙ -
(12.) นักวชิ าการทีด่ นิ ชานาญการ ได้ทาแบบพมิ พ์โฉนดทดี่ ินสูญหายไปในระหว่างอยู่ในความ
รับผิดชอบโดยไม่มีเจตนาทุจริตจานวน 1 คู่ฉบับ ซึ่งแบบพิมพ์โฉนดท่ีดินดังกล่าวได้มีการเบิกจ่าย
เพือ่ ดาเนินการตามคาขอรังวัดแบง่ แยกในนามเดิม แตผ่ ูข้ อไม่มาดาเนินการภายในกาหนด จึงเสนอยกเลิกคาขอ
และแจ้งสิทธิอุทธรณ์ และเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดได้มีคาสั่งยกเลิกคาขอและแจ้งสิทธิอุทธรณ์ แต่ปรากฏว่า
มไิ ด้มกี ารเสนอทาลายแบบพิมพโ์ ฉนดแต่อยา่ งใด จนภายหลังแบบพมิ พ์โฉนดที่ดนิ ดงั กลา่ วไดส้ ญู หายไป
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงนิ เดอื นในอัตราร้อยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(13.) พนักงานราชการตาแหน่งพนักงานเขียนแผนที่ เม่ือครั้งปฏิบัติหน้าท่ีลูกจ้างประจา
บกพร่องในหนา้ ท่ีราชการโดยเปน็ ผลู้ งลายมอื ชื่อรบั มอบแบบพิมพ์โฉนดทีด่ นิ จานวน 156 คู่ฉบับ แต่ปรากฏว่า
แบบพมิ พท์ ่รี บั มอบดงั กลา่ วสญู หายจานวน 1 คูฉ่ บบั โดยไมท่ ราบสาเหตุ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามข้อ 26 ของระเบียบสานัก
นายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพนักงานราชการ พ.ศ. 2547 ประกอบข้อ 8 ของประกาศกรมท่ีดิน เรื่อง การบริหาร
พนกั งานราชการ ลงวนั ที่ 17 กุมภาพนั ธ์ 2548 และข้อ 32 วรรคหนึ่ง ของระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วย
ลกู จา้ งประจา 83 (4) ประกอบกบั มาตรา 84 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงนิ เดอื นในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสองเดือน
(14.) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) (ผู้อานวยการ) ระดับต้น กรณีเมื่อคร้ังดารงตาแหน่ง
นายช่างรงั วัด ระดับอาวโุ ส เปน็ ช่างรังวดั ผู้ทาการรงั วดั ไดเ้ บกิ แบบพิมพห์ นงั สอื รบั รองการทาประโยชน์ (น.ส. 3 ก.)
จานวน 1 คู่ฉบับ และลงลายมือชื่อรับแบบพิมพ์ น.ส. 3 ก. จานวน 1 คู่ฉบับ โดยเก็บแบบพิมพ์ที่เบิกไว้
ในลิ้นชักโต๊ะทางาน ต่อมากรมท่ีดินมีคาสั่งแต่งต้ังให้ดารงตาแหน่งเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด สาขา ได้เดินทาง
ไปดารงตาแหน่งโดยมไิ ดเ้ กบ็ เอกสารที่ทางาน เนื่องจากมีงานรังวดั คา้ งดาเนนิ การไม่เสรจ็ เม่ือกลับมาสะสางงาน
พบว่าโต๊ะทางานมรี อ่ งรอยร้อื คน้ แบบพมิ พ์ น.ส. 3 ก. สูญหายไป โดยไมท่ ราบสาเหตุ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงินเดอื นในอัตราร้อยละ 4 เป็นเวลาสองเดอื น
- ๕๐ -
(15.) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) ได้เบิกแบบพิมพ์โฉนดท่ีดิน จานวน 100 คู่ฉบับ
และได้ลงลายมือช่ือรับแบบพิมพ์โฉนดที่ดินท้ัง 100 คู่ฉบับ จากสานักงานที่ดินจังหวัดโดยมิได้ตรวจนับ
เมื่อเดินทางกลับสานักงานที่ดินจังหวัด ผู้รับผิดชอบในการรักษาแบบพิมพ์ ได้รับซองแบบพิมพ์โฉนดที่ดิน
และตรวจนับทันที ปรากฏว่าแบบพิมพ์โฉนดที่ดินจานวน 1 คู่ฉบับได้สูญหายไป ถือได้ว่าแบบพิมพ์โฉนดที่ดิน
สญู หายไปขณะอยู่ในความรบั ผดิ ชอบ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) และ (3) ประกอบ
มาตรา 84 แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงินเดือนในอัตราร้อยละ 4 เป็นเวลาสองเดอื น
(16.) เจ้าพนักงานที่ดินชานาญงาน เม่ือครั้งปฏิบัติหน้าท่ีผู้กากับการเดินสารวจ ศูนย์อานวยการ
เดินสารวจออกโฉนดที่ดิน ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ควบคุมกากับดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของลูกจ้างชั่วคราว
โดยให้ลูกจ้างชั่วคราวจัดเก็บแบบพิมพ์โฉนดท่ีดินของศูนย์ฯ จานวน 61 คู่ฉบับ ต่อมาพบว่าแบบพิมพ์
โฉนดทดี่ นิ สญู หายไป 1 ฉบบั
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบญั ญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(17.) นักจัดการงานท่ัวไปชานาญการ ปฏิบัติงานโครงการรังวัดออกโฉนดท่ีดินให้ครอบคลุม
ทั่วประเทศ ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ไม่ได้ปฏิบัติหน้าท่ีควบคุมดูแลรักษาแบบพิมพ์โฉนดท่ีดิน
เปน็ เหตใุ หแ้ บบพิมพโ์ ฉนดที่ดิน จานวน 1 คู่ฉบบั ของศนู ย์อานวยการเดินสารวจออกโฉนดทด่ี ินสูญหาย
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบกับ
มาตรา 84 แหง่ พระราชบญั ญัติระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(18.) เจ้าพนักงานท่ีดินชานาญงาน เมื่อครั้งดารงตาแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานท่ีดิน 6
ปฏิบัติหน้าที่โครงการเดินสารวจออกโฉนดท่ีดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ทาหน้าท่ีผู้กากับการเดินสารวจ
มีหน้าที่ควบคุมกากับดูแลการปฏิบัติหน้าท่ีของลูกจ้างชั่วคราวกองกลางทะเบียน ปรากฏข้อเท็จจริงว่า
แบบพิมพ์โฉนดที่ดินจานวน 20 คู่ฉบับ ของศูนย์อานวยการเดินสารวจฯ สูญหายขณะอยู่ในความรับผิดชอบ
ของลูกจ้างชวั่ คราวปฏิบตั หิ นา้ ที่กองกลางทะเบยี น
- ๕๑ -
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ประกอบมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2535
โทษ ภาคทัณฑ์
(19.) เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชานาญงาน และนักวิชาการที่ดินชานาญการ เมื่อครั้ง
ปฏิบัติงานทางสานักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ควบคุมเบิก – จ่าย
แบบพิมพ์ร่วมกัน แต่ต่อมาปรากฏว่าแบบพิมพ์โฉนดท่ีดิน (น.ส. 4 จ.) จานวน 1 คู่ฉบับ ของสานักงานที่ดิน
สูญหายไปโดยไมท่ ราบสาเหตุ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงินเดือนในอัตราร้อยละ 4 เปน็ เวลาสองเดือน
- ๕๒ -
ไม่ปฏิบตั ิหนา้ ท่ีราชการ
ตามกฎหมาย
- ๕๓ -
10. ไมป่ ฏบิ ตั หิ นา้ ท่รี าชการตามกฎหมาย
(1.) นักวิชาการที่ดินชานาญการ เมื่อคร้ังปฏิบัติงานตามโครงการพัฒนามาตรฐานแผนท่ีรูป
แปลงโฉนดที่ดินและเรง่ รดั การออกโฉนดท่ีดินให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วยเทคโนโลยีการรังวัดระบบดาวเทียม
RTK ให้แล้วเสรจ็ ภายใน 10 ปี (พ.ศ. 2558 – 2567) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายงานกรณีแบบ
พิมพ์โฉนดที่ดินสูญหายล่าช้าเกินสมควร และไม่เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติราชการตามที่กรมท่ีดินได้มีหนังสือ
ซ้อมความเข้าใจอันเป็นระเบียบปฏิบตั ิของทางราชการ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบกับมาตรา
84 แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(2.) อดตี เจ้าพนักงานท่ีดนิ จังหวัด (สาขา) มีหน้าที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบการเก็บรักษา
เงนิ และนาเงนิ รายได้ส่งคลังของสานกั งานทีด่ นิ จังหวัด แต่มไิ ด้ควบคุมตรวจสอบหรอื กากับดูแลการปฏิบตั ิหน้าที่
ด้านการเงนิ และบญั ชอี ย่างเขม้ งวด จนเป็นเหตุทาใหม้ กี ารนาเงินรายได้แผ่นดินและเงินนอกงบประมาณส่งคลัง
ขาดและสญู หายไป
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามนัยมาตรา 82 (2), (3) มาตรา 83
(4) ประกอบมาตรา 84 แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงินเดอื นในอตั ราร้อยละ 4 เป็นเวลาสามเดือน
(3.) เจ้าพนักงานที่ดินชานาญงาน ได้รับฝากเงินค่าธรรมเนียมจากคู่สัญญาซ้ือขาย จานวน
200,000 บาท แล้วนาไปชาระใหแ้ ก่เจา้ หน้าท่กี ารเงินแทนคู่สัญญา จานวน 76,886 บาท โดยนาเงินท่ีเหลือ
จานวน 123,114 บาท พร้อมใบเสร็จรับเงินและใบรับค่าพยานเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทางาน เพื่อคืนให้กับ
คู่สัญญาภายหลัง การกระทาเข้าลักษณะฝ่าฝืนทางปฏิบัติท่ีกรมที่ดินวางไว้ตามหนังสือ มท 0515.3/
ว 25025 ลงวนั ท่ี 12 ธนั วาคม 2557 และข้อบังคบั กรมทีด่ ินวา่ ด้วยจรรยาข้าราชการกรมทีด่ นิ พ.ศ. 2552
แม้ทางการสอบสวนจะไม่ปรากฏพฤติการณ์ทุจริต แต่การที่ไม่อธิบายให้คู่สัญญาซ้ือขายเข้าใจ จึงเกิด
การเข้าใจผดิ กนั ข้ึน
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) และมาตรา 84 แห่ง
พระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ลดเงนิ เดอื นในอตั รารอ้ ยละ 4
- ๕๔ -
(4.) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) เมื่อคร้ังดารงตาแหน่งนายช่างรังวัดอาวุโส กรมท่ีดินมี
คาส่ังแตง่ ตงั้ ให้ดารงตาแหนง่ เจา้ พนักงานท่ดี นิ จังหวัด สาขา ไม่ดาเนินการมอบหมายการงานในหน้าที่ตาแหน่ง
หัวหนา้ ฝา่ ยรงั วดั ใหเ้ ปน็ การถกู ตอ้ ง แต่กลับมอบงานให้กับผู้ซึ่งมิใช่ผู้มีอานาจหน้าท่ีในการรับมอบงานในหน้าท่ี
ตาแหน่งหัวหน้าฝ่ายรังวัด และบัญชีมอบงาน มิได้แสดงรายละเอียดเก่ียวกับงานรังวัดท่ีอยู่ในความรับผิดชอบ
ซ่ึงยังค้างดาเนินการอยู่ว่าเป็นเรื่องใดบ้างและอยู่ในขั้นตอนใด และต่อมาเมื่อผู้ดารงตาแหน่งหัวหน้าฝ่ายรังวัด
เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่จึงได้ตรวจสอบเร่ืองราวการรังวัดท่ีเป็นงานในความรับผิดชอบจาดบัญชีรับเรื่องรังวัด
(ร.ว. 12) ไมพ่ บเร่ืองราวตามคาขอ จานวน 134 คาขอ ภายหลังได้มีการประสานงานเพื่อติดตามเร่ือง พบว่า
บางเร่ืองส่งให้ฝ่ายทะเบียนแล้ว บางเรื่องเก็บอยู่ตู้เก็บเอกสารและห้องเก็บเครื่องมือช่างและนามาส่งมอบคืน
เป็นการส่วนตัวให้กับหัวหน้างานบริหารรังวัดบางเรื่อง แต่มีคาขอรังวัดจานวน 3 คาขอ สูญหายไป ตาม
ทางการสอบสวนเช่ือว่าสูญหายไปในความรบั ผดิ ชอบ
พฤตกิ ารณ์ เปน็ ความผดิ ทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบกับมาตรา 84
แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(5.) เจ้าพนักงานที่ดินชานาญงาน เมื่อครั้งดารงตาแหน่งเจ้าหน้าท่ีท่ีดิน 4 เป็นเจ้าหน้าที่ผู้
รับคาขอแจ้งความประสงค์เปลีย่ นแปลงกรรมการผูม้ ีอานาจลงนามของบรษิ ัท และเปลีย่ นแปลงตราประทับของ
บริษัท แต่ไม่ได้จัดเก็บคาขอและเอกสารดังกล่าวไว้ในสารบบที่ดินและไม่ปรากฏว่าได้มีการบันทึกรายการ
เกย่ี วกบั เอกสารท่ดี นิ ตามคาขอลงในกระดาษปกเหลือง (ท.ด. 29) เป็นเหตุให้ภายหลังผู้มีอานาจลงนามเดิมได้
ขอใหไ้ ถ่ถอนและขายท่ีดินไป
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 84 วรรคหนึ่ง และมาตรา 85 วรรคหน่ึง แห่ง
พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นกฎหมายทใี่ ชบ้ งั คบั ขณะกระทาผิด
โทษ ภาคทัณฑ์
(6.) นายชา่ งรงั วดั ชานาญงาน
1. เบกิ ความเปน็ พยานจาเลยตอ่ ศาล เร่อื ง ความผิดต่อพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
โดยไม่ไดร้ ับอนญุ าตจากผบู้ ังคับบญั ชา
2. จัดทาแผนที่แสดงบริเวณบ่อทรายเทียบเคียงจากระวางแผนท่ีของกรมท่ีดิน เพื่อให้
ญาติซึ่งเป็นกรรมการหรือผู้จัดการใช้เป็นหลักฐานประกอบการขออนุญาตขุดดิน นอกจากนั้นยังลงลายมือช่ือ
พร้อมตาแหน่งลงในเอกสารดังกล่าว ซ่ึงทาให้องค์การบริหารส่วนตาบลเชื่อถือเอกสารและได้ออกใบรับแจ้งขุดดิน
ให้ไป
- ๕๕ -
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) และกรณีท่ี 2 ตาม
มาตรา 83 (3) แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงินเดือนในอตั รารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสามเดอื น
(7.) นายช่างรังวัดชานาญงาน ได้รับมอบหมายให้ทาการรังวัดแบ่งแยกในนามเดิมตามคาขอ
โดยได้รับฝากเงนิ เพ่อื จา่ ยคา่ รังวัดแทนผู้ขอ และได้นาเงินไปวางเป็นค่ามัดจารังวัดหลังวันรังวัดถึงเจ็ดเดือน อัน
เป็นไม่ปฏิบัติตามหนังสือกรมท่ีดิน ที่ มท 0606/ว 31736 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2539 เร่ือง ซ้อมความ
เขา้ ใจหา้ มรบั เงนิ เปน็ ส่วนตัวและเงนิ อ่นื ของสานักงานทีด่ นิ ประกอบกับการรังวัดที่ดินท้ังสองแปลงนี้ ได้ทาการ
รังวัดต้ังแต่วันที่ 30 มกราคม 2551 แต่รายงานการรังวัดเม่ือเดือนกันยายน 2551 และส่งเร่ือง
ให้ฝ่ายทะเบียนดาเนินการได้เม่ือเดือนตุลาคม 2551 และเดือนพฤศจิกายน 2551 อันเป็นไปโดยล่าช้าและ
ไมถ่ อื ปฏิบัตติ ามข้อสง่ั การของกรมทีด่ นิ จนเป็นเหตใุ ห้มีการรอ้ งเรียน
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 85 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
โทษ ภาคทณั ฑ์
(8.) เจ้าพนักงานท่ีดินอาเภอ มีหน้าที่รับผิดชอบเก่ียวกับการจัดเก็บและนาส่งเงินรายได้
แผ่นดินและเงินมัดจารังวัด มีพฤติกรรมไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงิน และ
นาเงินส่งคลังได้จัดเก็บเงินรายได้แผ่นดินเกินกว่า 40,000 บาท และไม่นาส่งเงินภายใน 3 วันทาการหรือ
อย่างช้าภายใน 7 วันทาการ เป็นระยะเวลาติดต่อกันเกินกว่า 6 เดือน อีกท้ังจากการตรวจสอบ เรื่องการจด
ทะเบยี นสิทธแิ ละนิตกิ รรมยังพบว่า มีพฤตกิ รรมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมไปก่อน โดยไม่ออกใบเสร็จรับเงิน
ค่าธรรมเนียมภายในวันที่ทาการจดทะเบียน ซ่ึงเป็นการไม่ปฏิบัติราชการให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนของ
ทางราชการ
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
(9.) นายช่างรังวัดอาวุโส ได้รับแต่งต้ังเป็นผู้ควบคุมงานในการก่อสร้างรางระบายน้า
พร้อมบ่อพกั คสล. บริเวณสถานที่ก่อสร้างอาคารสานักงานที่ดินจังหวัด ไม่ตรวจและควบคุมงานให้เป็นไปตาม
รูปรายการและข้อกาหนดในสัญญา แต่กลับรายงานผลการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างให้คณะกรรมการตรวจการจ้าง
ว่าตรวจสอบแล้วผู้รับจ้างดาเนินการเรียบร้อย ตรงตามแบบแปลน ท้ังที่การก่อสร้างไม่เป็นไปตามรูปรายการ
และข้อกาหนดในสญั ญา
- ๕๖ -
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงินเดอื นในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาหน่ึงเดอื น
(10.) นักวิชาการท่ีดินชานาญการ ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังในการตรวจเอกสารหนังสือ
มอบอานาจเกี่ยวกับการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย ที่ผู้ขอได้นามาแสดงว่าถูกต้องและชอบ
ด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นเหตุให้มีการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของที่ดินจนกระทั่ง
มีการฟอ้ งตอ่ ศาล และมกี ารรอ้ งเรยี น ยอ่ มส่งผลตอ่ ภาพลกั ษณข์ องหนว่ ยงานราชการ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) (3) มาตรา 83 (4)
ประกอบกับมาตรา 84 แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงนิ เดอื นในอัตราร้อยละ 2 เปน็ เวลาสองเดือน
(11.) นักจัดการงานทั่วไปชานาญการ เม่ือครั้งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายอานวยการ มีหน้าที่
ควบคุม ดูแล เร่งรัด และตรวจสอบการปฏิบัติงานในหน้าท่ีของฝ่ายอานวยการทุกประเภท และมีหน้าท่ี
ตรวจสอบยอดเงนิ ค่าธรรมเนยี มทกุ ประเภท ตลอดจนการจัดทาบัญชีของงานการเงินเป็นประจาทุกวัน แต่ไม่มี
ความตั้งใจในการปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การเงินอาศัยโอกาสดังกล่าวกระทาการทุจริตนาเงินรายได้
คา่ ธรรมเนียม ภาษอี ากร ไปหมุนใช้เพอื่ ประโยชน์สว่ นตวั
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) (3) ประกอบกับ
มาตรา 84 แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงนิ เดือนในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(12.) เจ้าพนกั งานท่ดี ินอาเภอ (เจา้ พนักงานท่ีดิน) ระดับอาวุโส มีหนา้ ท่ีตรวจหนังสือมอบอานาจ
ตามระเบียบกรมที่ดิน ว่าด้วยการมอบอานาจให้ทาการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือทาการอื่นเกี่ยวกับ
อสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2547 ได้รับคาขอออกใบแทน น.ส. 3 จากผู้รับมอบอานาจจากเจ้าของที่ดิน
ให้ดาเนินการตามหนังสือมอบอานาจ ปรากฏว่าลายมือชื่อของผู้มอบอานาจท่ีปรากฏในหนังสือมอบอานาจ
ฉบบั ดังกล่าวเปน็ ลายมือช่ือปลอม เนอื่ งจากลายมอื ชอื่ ของผูม้ อบอานาจทเ่ี ก็บอยูใ่ นสารบบเปรียบเทียบกับลายมือช่ือ
ในหนังสือมอบอานาจดังกล่าว ซ่ึงเห็นได้ชัดเจนว่าไม่คล้ายคลึงกันอย่างมาก แม้จะไม่ใช่ผู้มีความเช่ียวชาญ
ในการตรวจสอบลายมอื บุคคลโดยเฉพาะ ถอื ไดว้ ่าเจ้าหน้าทีท่ ่ดี นิ มิไดป้ ฏิบตั ติ ามท่ีระเบยี บฯ กาหนด
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) (3) ประกอบกับ
มาตรา 84 แห่งพระราชบญั ญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ลดเงนิ เดอื นในอตั รารอ้ ยละ 4
- ๕๗ -
(13.) นักวชิ าการทดี่ ินชานาญการ เมอ่ื ครงั้ ดารงตาแหน่งเจ้าพนกั งานที่ดินอาเภอ มีหน้าที่เก็บ
รกั ษาเงินรายได้แผ่นดินและนาส่งเงินรายไดแ้ ผน่ ดิน ไดเ้ ก็บรกั ษาเงนิ รายได้ไวเ้ กินวงเงนิ และนาส่งคลังลา่ ชา้
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85
แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ลดเงนิ เดือนในอตั รารอ้ ยละ 4
(14.) เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด (สาขา) ถูกราษฎรผู้ขอยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
นครศรีธรรมราช กรณีการออกโฉนดท่ีดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) แต่ได้ส่ังยกเลิก
เร่ืองรังวัดออกโฉนดท่ีดินของผู้ขอ ศาลได้พิพากษาให้ดาเนินการออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดี แต่มีหมายเหตุ
ความเห็นตลุ าการเสยี งขา้ งน้อยเหน้ วา่ การด้าเนินการของพนกั งานเจาหนาท่ีถูกตองแลวเหนควรใหยกฟ้อง้มิได
มีการรายงานใหกรมท่ีดินทราบ้และควรท่ีจะอุทธรณ์คัดคานค้าพิพากษาเพื่อประโยชน์ของทางราชการ้ตาม
แนวทางปฏบิ ตั ขิ องกรมทด่ี นิ ้แตก่ ลับไมไ่ ดยืน่ อทุ ธรณ์คดั คานจนหมดระยะเวลาอุทธรณ์และคดถี ึงที่สดุ
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) (3) ประกอบมาตรา
84 แห่งพระราชบัญญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
- ๕๘ -
ไม่ปฏบิ ัติราชการ
ใหเ้ กิดผลดี
หรือความกา้ วหนา้
- ๕๙ -
11. ไม่ปฏบิ ัตริ าชการใหเ้ กดิ ผลดหี รอื ความก้าวหน้า
(1.) นายช่างรังวัดอาวุโส เม่ือคร้ังดารงตาแหน่งนายช่างรังวัด 5 ปฏิบัติหน้าท่ีโครงการ
เดินสารวจออกโฉนดที่ดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2538 ทาหน้าท่ีผู้ช่วยผู้กากับการเดินสารวจฝ่ายรังวัด
ไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ละเอียดรอบคอบในการดาเนินการออกโฉนดที่ดิน จนกระทั่งมีการออกโฉนดที่ดิน
ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากหลักฐาน ส.ค. 1 เป็นหลักฐานของท่ีดินแปลงอ่ืน ที่มิได้อยู่ในตาแหน่ง
ที่ดินเดยี วกนั เปน็ เหตใุ หอ้ ธิบดกี รมทีด่ ินเพกิ ถอนโฉนดทด่ี ิน
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการ
พลเรอื น พ.ศ. 2535 อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับขณะกระทาความผดิ
โทษ ตัดเงนิ เดอื นในอตั ราร้อยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(2) เจา้ พนักงานท่ีดินชานาญงาน มไิ ดด้ าเนนิ การลงบัญชีอายัดให้ครบถ้วนตามที่ได้รับมอบหมาย
เป็นเหตุให้มีการจดทะเบียนประเภทโอนตามมาตรา 76 แห่งพระราชกาหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
ไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ภายหลังศาลได้มีคาสั่งให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ดังกล่าว และอธิบดีกรมท่ีดินได้มีคาส่ังให้แก้ไขรายการจดทะเบียนในโฉนดที่ดินซ่ึงจดทะเบียน
ไปโดยคลาดเคลือ่ น
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 83 และมาตรา 85 วรรคหนึ่ง
แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 อนั เป็นกฎหมายทีใ่ ชบ้ ังคับขณะกระทาความผิด
โทษ ตดั เงนิ เดอื นในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสองเดอื น
(3.) นายช่างรังวัดชานาญงาน กรณีเมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงานรังวัด
หมุดหลักฐานแผนที่ตามแผนงบประมาณ พ.ศ. 2552 ได้รับแต่งตั้งให้มีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าท่ีพัสดุ จัดซ้ือ
วัสดุอุปกรณ์ครั้งหนึ่งไม่เกิน 10,000 บาท ปรากฏว่าได้นาใบเสร็จปลอมมาเป็นหลักฐานการจ่าย
เพื่อส่งใช้คืนเงินยืม แต่จากพยานหลักฐานการปรากฏว่าได้มีการจัดซื้อวัสดุเพ่ือใช้ปฏิบัติงานตามโครงการจริง
โดยสามารถปฏิบัติงานได้สาเร็จลุล่วงตามโครงการ และทางการสอบสวนไม่อาจรับฟังได้ว่าร่วมกันปลอมใบเสร็จฯ
ดังกล่าว เพ่ือนาเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว อีกทั้งเมื่อหน่วยตรวจสอบภายในตรวจพบว่าใบเสร็จฯ ท่ีนามาเป็น
หลักฐานนาสง่ ใบสาคญั เพื่อใชค้ ืนเงนิ ยมื ไม่อาจนามาใช้เปน็ หลกั ฐานได้นาเงินคืนให้แก่ทางราชการแลว้
- ๖๐ -
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ตดั เงินเดือนในอตั ราร้อยละ 4 เป็นเวลาสองเดือน
(4.) นายช่างรังวัดชานาญงาน เมื่อครั้งดารงตาแหน่งนายช่างรังวัด 4 ได้รับคาสั่งให้ปฏิบัติ
หน้าท่ีโครงการเดินสารวจออกโฉนดท่ีดิน โดยทาหน้าท่ีเจ้าหน้าที่เดินสารวจปักหลักเขต เป็นผู้ทาการรังวัด
ออกโฉนดท่ดี ิน แต่ไม่ได้ตรวจสอบขอ้ เทจ็ จรงิ ให้ละเอยี ดรอบคอบวา่ หลักฐานแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1)
มิใช่แปลงท่ีขอออกโฉนดที่ดินแต่เป็นหลักฐานของท่ีดินแปลงอื่น เน่ืองจากผลการรังวัดเนื้อท่ีแปลงข้างเคียง
เปลี่ยนแปลงจากแบบแจ้งการครอบครอง (ส.ค. 1) อย่างเห็นได้ชัดเจน ทาให้ต่อมาออกเป็นโฉนดที่ดินไป
โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เปน็ เหตใุ ห้ภายหลงั อธิบดีกรมทดี่ นิ มีคาสง่ั เพิกถอนโฉนดทด่ี นิ ดงั กลา่ ว
พฤตกิ ารณ์ กระทาผดิ ทางวนิ ัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2535 อนั เปน็ กฎหมายท่ใี ชบ้ ังคับขณะกระทาความผดิ
โทษ ตัดเงนิ เดอื นในอัตราร้อยละ 4 เป็นเวลาสองเดือน
(5.) เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด (สาขา) เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าท่ีหัวหน้าฝ่ายทะเบียน
ได้รับมอบหมายให้เป็นคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน ไม่มีความตั้งใจตรวจสอบหลักฐานทางการเงินโดยเข้มงวด
และต่อเน่อื งอย่างเพยี งพอ เป็นเหตุให้เจ้าหนา้ ทีก่ ารเงินอาศยั โอกาสกระทาการทจุ รติ นาเงนิ รายไดค้ า่ ธรรมเนียม
ภาษอี ากรไปหมุนใช้เพือ่ ประโยชน์สว่ นตัว
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
(6.) นายช่างรังวัดชานาญงาน ได้รับมอบหมายให้เป็นคณะกรรมการนาเงินส่งคลังมีหน้าท่ี
ร่วมกันนาเงินสดหรือเช็คไปฝาก/ส่ง ณ ธนาคาร ไม่มีความต้ังใจติดตามในการนะเงินส่งคลังอย่างเข้มงวด
และต่อเน่ือง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่การเงินอาศัยโอกาสดังกล่าวกระทาการทุจริต นาเงินรายได้ค่าธรรมเนียม
ภาษอี ากร ไปหมนุ ใชเ้ พื่อประโยชน์สว่ นตัว
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
- ๖๑ -
(7.) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) ได้รับทราบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ ณ สานักงานท่ีดิน
ท่ีตนปฏิบัติราชการ แต่กลับละเลยต่อหน้าที่ ไม่ไปร่วมตรวจสอบเหตุการณ์ร่วมกับผู้บังคับบัญชาและ
ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชา ตลอดจนมไิ ดส้ ่งั การหรือมอบหมายแนวทางในการตัดสินใจแก้ปัญหาที่เกิดข้ึน ทั้งยังปรากฏว่า
การติดตามสถานการณ์ผ่านทางระบบไลน์กลุ่ม ตนได้ส่งข้อความว่า “พวกจังหวัดมาแล้วทาอะไรได้ ???
ใครรู้ช่วยตอบที” อนั เปน็ การบน่ั ทอนกาลังใจ และสร้างความแตกสามัคคี
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) (4) ประกอบกับ
มาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(8.) นายช่างรังวัดชานาญงาน เมื่อเดือนตุลาคม 2557 มีงานค้างในมือจานวน 44 เร่ือง
ผู้บังคับบัญชาเร่งรัดให้สะสางงานพร้อมรายงานปัญหาอุปสรรค ครั้งถึงเดือนธันวาคม 2557 ยังไม่สามารถ
สะสางงานให้แล้วเสร็จ และไม่รายงานปญั หาอุปสรรคให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งงดรังวัดตั้งแต่
มกราคม 2558 และติดตามเร่งรัดเป็นระยะ แต่เม่ือเดือนกุมภาพันธ์ 2558 มีงานคา้ งจานวน 13 เร่ือง แต่ละ
เร่ืองคา้ งเกิน 20 วนั ทาการ โดยงานคา้ งท้ังหมดเป็นงานรงั วัดปกตมิ ิใช่งานรังวัดทม่ี ีปญั หาอุปสรรคแตอ่ ย่างใด
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงินเดอื นในอัตราร้อยละ 4 เป็นเวลาสองเดือน
(9.) นักจัดการงานท่ัวไปชานาญการ เมื่อคร้ังปฏิบัติหน้าท่ีหัวหน้างานทะเบียนสิทธิและ
นิติกรรม 2 ได้รับคาขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทให้ ตึกแถวสองชั้น หลังจากพนักงานเจ้าหน้าท่ี
ได้ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและดาเนนิ การเรยี บรอ้ ยแล้ว ไมด่ าเนนิ การจดทะเบียนให้ผู้ขอ โดยอ้างว่า
ไม่ปรากฏช่ือผู้ขอในทะเบียนบ้านที่จะโอน ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง และแนะนาให้ผู้ขอ
ไปขอหนังสือรับรองจากเทศบาล ต่อมาทางเทศบาลแจ้งว่าไม่สามารถตรวจสอบและออกใบรับรองได้เพราะ
เวลาผ่านมานาน จึงไดแ้ จ้งผ้ขู อว่าไม่อาจใชด้ ลุ พินิจจดทะเบียนให้ได้ นอกจากน้ีมิได้ยกเลิกใบสั่ง/ใบเสร็จรับเงิน
และไมพ่ ยายามหาทางแก้ไขปญั หาหรือรายงานเหตุขัดข้องให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จนกระท่ังมีหนังสือร้องเรียน
จึงดาเนนิ การจดทะเบยี นให้
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (3) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญัตริ ะเบียบข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
- ๖๒ -
ประพฤติช่วั
- ๖๓ -
12. ประพฤตชิ ่ัว
(1.) นายช่างรังวัดชานาญงาน มีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว แต่ได้คบหาไปมาหาสู่
กับหญิงอ่ืน จนเพ่ือนร่วมงานเข้าใจว่าท้ังสองคบหากันในฐานะคนรัก และยังได้เข้าไปในบ้านพักข้าราชการ
ของหญิงนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนจนพนักงานอัยการมีคาส่ังฟ้อง
แม้ภายหลังต่อมาจะได้มกี ารไปถอนคารอ้ งทกุ ขแ์ ลว้ กต็ าม
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบมาตรา 98 วรรคหน่ึง แห่งพระราชบัญญัติ ระเบียบ
ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ซึง่ เป็นกฎหมายท่ใี ชบ้ ังคบั ขณะกระทาความผิด
โทษ ภาคทัณฑ์
(2.) เจ้าพนักงานธุรการชานาญงาน กรณีเมื่อคร้ังดารงตาแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ
รักษาราชการแทนเจ้าพนักงานท่ีดินอาเภอ อาศัยโอกาสท่ีมีหน้าที่เป็นผู้เตรียมและเสนอเร่ืองราวให้ผู้มีอานาจ
จดทะเบียน ปฏบิ ตั หิ นา้ ทีร่ าชการโดยทุจรติ จัดทาหลักฐานการรับเงินเป็นเท็จ เพื่อให้จานวนเงินท่ีจะต้องนาส่ง
เป็นรายได้ของทางราชการลดต่าลง แล้วนาส่วนต่างของเงินซึ่งเป็นจานวนที่มากกว่าส่วนท่ีนาส่งไป
เป็นประโยชนส์ ่วนตัว ตอ่ เน่ืองมาโดยตลอดนบั แตป่ ีงบประมาณ พ.ศ. 2548 นอกจากนั้นยงั ดาเนนิ การเก่ยี วกับ
เรื่องเงินมัดจารังวัดไม่ถูกต้องตามระเบียบ ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 – 2553 กล่าวคือ
ไม่มีใบเสร็จรับเงินและใบสาคัญจ่าย ซึ่งเป็นหลักฐานการรับเงินและจ่ายเงินมัดจารังวัดให้ตรวจสอบ บางราย
ไม่มีบนั ทึกในทะเบียนคมุ เงนิ มดั จารงั วัดและบญั ชรี ายละเอียดเงินมดั จารังวัด
พฤติการณ์ เป็นการกระทาผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติ
ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบมาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง และมาตรา 98
วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ซ่ึงเป็นกฎหมายท่ีใช้บังคับ
ขณะกระทาความผิด สาหรับกรณีความผิดที่กระทาก่อนวันที่ 11 ธันวาคม 2551 และ มาตรา 82 (2)
มาตรา 85 (1) (4) และ (7) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 สาหรับความผิด
ทไี่ ดก้ ระทาตง้ั แตว่ ันท่ี 11 ธันวาคม 2551
โทษ ไลอ่ อกจากราชการ
(3.) นายชา่ งรังวัดชานาญงาน กรณีเมื่อครั้งปฏิบัติหน้าท่ีทางฝ่ายรังวัด สานักงานท่ีดินจังหวัด
สาขา แจ้งผู้ขอรังวัดออกโฉนดท่ีดินรายหนึ่งว่าในการรังวัดออกโฉนดมีค่าใช้จ่ายจานวน 5,000 บาท และ
เม่ือได้รับโฉนดแล้วมีค่าใช้จ่ายอีก 5,000 บาท พร้อมแจ้งผู้ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินรายน้ีว่าหากมีผู้ประสงค์
ออกโฉนดทดี่ นิ อีกให้มาดาเนินการพร้อมกัน ปรากฏมีผู้ประสงค์ออกโฉนดท่ีดินไปพร้อมกับผู้ขอออกโฉนดที่ดิน
- ๖๔ -
รวมจานวน 38 ราย และนายช่างรังวัดคนดังกล่าวได้เรียกค่าใช้จ่ายในการรังวัดแปลงละ 5,000 บาท
รวม 39 แปลง โดยออกหลักฐานการรับเงินให้กับผู้ขอโฉนดที่ดิน ส่วนผู้ขอออกโฉนดที่ดินรายอื่นแจ้งว่า
จะออกให้ในภายหลังและมอบสาเนาบัตรประจาตัวข้าราชการท้ังท่ีท่ีดินของผู้ขอออกโฉนดที่ดินกับพวก
ไม่มีหลักฐานที่ดิน และไม่สามารถยื่นคาขอออกโฉนดท่ีดินเป็นการเฉพาะรายตามประมวลกฎหมายที่ดินได้
ต่อมาผู้ขอออกโฉนดที่ดินท้ังหมดขอรับคืนเงินนายช่างรังวัดรับว่าจะคืนให้ แต่ไม่คืน ผู้ขอออกโฉนดที่ดิน
จึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อสานักงานสอบสวน นายช่างรังวัดคืนเงินให้บางส่วน ผู้ขอออกโฉนดท่ีดิน
จงึ ไปแจง้ ความดาเนนิ คดี จนมีการออกหมายจับ จงึ ตกลงยอมความโดยญาติของนายช่างรังวัดยินยอมชดใช้เงิน
แทนให้ ผู้ขอออกโฉนดทด่ี ินจึงถอนฟอ้ งไป
พฤตกิ ารณ์ เปน็ การกระทาผิดวนิ ยั อยา่ งร้ายแรงตามมาตรา 83 (3) มาตรา 85 (4) และ (7)
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ไล่ออกจากราชการ
(4.) เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชานาญงาน กรณีเมื่อคร้ังปฏิบัติหน้าที่ทางสานักงานท่ีดิน
จังหวัดสาขารับผิดชอบงานการเงินและบัญชี รวมท้ังปฏิบัติหน้าท่ีหัวหน้าฝ่ายอานวยการได้ทาเงินรายได้
ของทางราชการไปหมุนใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2552
โดยวิธีการทาเงินรายได้รับฝากประจาวันแตกต่างจากจานวนเงินท่ีจัดเก็บตามใบเสร็จรับเงินประจาวันและ
จานวนเงนิ ตามงบหลักใบเสรจ็ รับเงินประจาวัน อีกทั้งปรากฏว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ถึงวันท่ี 25
มิถุนายน 2552 ได้ถอนเงินมัดจารังวัดแต่บันทึกรายการถอนในทะเบียนคุมเงินนอกงบประมาณ
(เงินมัดจารังวัด) ล่าช้ากว่าวันท่ีถอนจริง และในระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม 2548 ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2552
ได้เก็บรักษาเงินมัดจารังวัดเกินวงเงินท่ีระเบียบกาหนด และไม่ได้นาส่งเม่ือวงเงินเก็บรักษาเกินเวลาที่กาหนด
เป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง
พฤติการณ์ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 133 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ประกอบมาตรา 82 วรรคสาม มาตรา 85 วรรคสอง มาตรา 90 วรรคสอง
และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 อันเป็นกฎหมาย
ท่ีใชบ้ งั คับขณะกระทาความผดิ สาหรับความผดิ ทีไ่ ด้กระทากอ่ นวนั ท่ี 11 ธันวาคม 2551 และมาตรา 82 (2)
มาตรา 83 (1) ประกอบมาตรา 85 (7) และมาตรา 85 (1) (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. 2551 สาหรบั ความผดิ ทีก่ ระทาตัง้ แต่วันท่ี 11 ธนั วาคม 2551
โทษ ไลอ่ อกจากราชการ
- ๖๕ -
(5.) นักจัดการงานท่ัวไปชานาญการ เมื่อครั้งดารงตาแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินอาเภอ มีหน้าท่ี
ในการออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินตามหลักฐานโฉนดท่ีดินและหนังสือรับรองการทาประโยชน์
(น.ส. 3 ก.) ในช่วงระยะเวลาต้ังแต่ พ.ศ. 2551 – 2553 มีผู้ขอออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดิน
ตามหลักฐานโฉนดท่ีดิน จานวน 228 แปลง และขอออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินตามหลักฐาน
หนังสือรับรองการทาประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) จานวน 28 แปลง นักจัดการงานท่ัวไปคนดังกล่าวรับดาเนินการ
ให้โดยละเว้นไม่ตรวจสอบผู้ย่ืนคาขอว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่ผู้มีอานาจดาเนินการหรือไม่ ท้ังกรณีคาขอ
รบั รองราคาประเมินซึ่งมีหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินทั้ง 228 แปลง ตั้งอยู่ต่างท้องที่ก็มิได้ให้สานักงานท่ีดินท้องที่
ตรวจสอบก่อน แต่กลับลงนามออกหนังสือรับรองราคาประเมินที่สูงกว่าราคาประเมินท่ีแท้จริง ครั้นเมื่อ
มีการนาหนังสือรับรองราคาประเมินที่ดินดังกล่าวไปใช้ประกอบเป็นหลักประกันยื่นต่อศาลในคดีอาญา
ในการปล่อยตวั จาเลยชัว่ คราว และมีการผดิ สัญญาประกัน ได้มีการตรวจสอบหลักประกัน พบว่าราคาประเมิน
ตามหนังสือรับรองราคาประเมินสูงกว่าราคาประเมินที่ดินท่ีแท้จริงมาก ก่อให้เกิดความเสียหายกับศาล
ทีร่ บั หลกั ประกนั
พฤติการณ์ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 (2) มาตรา 83 (3) มาตรา 85
(1) (4) และ (7) แหง่ พระราชบัญญตั ิระเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ไลอ่ อกจากราชการ
- ๖๖ -
ไม่รกั ษาความสามคั คี
และช่วยเหลือกนั
- ๖๗ -
13. ไม่รักษาความสามัคคีและชว่ ยเหลือกัน
(1.) เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด (สาขา) ในการพิจารณางานที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอตาม
สายการบังคับบัญชา หากงานใดที่เห็นว่ามีความบกพร่องหรือไม่ถูกต้องเจ้าพนักงานที่ดินดังกล่าวมักจะเรียก
เจา้ หนา้ ที่ไปต่อว่าในห้องทางานโดยใชถ้ อ้ ยคาไมส่ ุภาพ ไม่ใหโ้ อกาสช้ีแจง ทาใหผ้ ู้ใต้บังคับบัญชาอึดอัดลาบากใจ
ในการทางานและขาดขวัญกาลังใจในการทางาน อันเป็นพฤติกรรมท่ีไม่สมควรต่อตาแหน่งหน้าท่ีราชการ
ในฐานะผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ยังเคยถูกว่ากล่าวตักเตือนให้พึงระวังพฤติกรรมในการแสดงออก
ต่อผู้บังคับบัญชาและเคยสัญญาว่าจะประพฤติและปฏิบัติตามคาว่ากล่าวตักเตือนอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืน
คาวา่ กล่าวตกั เตือนขอใหผ้ บู้ ังคับบญั ชาลงโทษสถานหนกั
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวนิ ยั อย่างไม่รา้ ยแรงตามมาตรา 82 (7) ประกอบกับมาตรา 84
แห่งพระราชบญั ญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
(2.) นักวิชาการที่ดินชานาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ได้แสดงความประพฤติ
ในฐานะผ้บู ังคบั บัญชาที่ไม่เหมาะสมโดยชกั ชวนผู้ใตบ้ ังคับบัญชาร่วมแตง่ ชุดสดี ามาปฏิบตั ริ าชการเพอื่ แสดงออก
ถึงความไม่พอใจเจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัด และลงลายมือชื่อในแบบคาร้องขอย้ายไปดารงตาแหน่งท่ีอ่ืน
แล้วจัดให้มีการถ่ายภาพเจ้าหน้าท่ีฝ่ายทะเบียนแต่งกายชุดสีดายืนถือคาร้องขอย้ายส่งผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์
อ้างวา่ เพอ่ื ใหห้ น่วยงานสว่ นกลางไดร้ บั รู้ แทนที่จะใช้วิธีการร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชา อันเป็นแนวทางท่ีถูกต้อง
ซึ่งภาพถ่ายดังกล่าวอาจถูกส่งต่อไปยังบุคคลภายนอกให้รับทราบถึงปัญหาความขัดแย้ง ขาดความสามัคคี
ในสานักงานท่ีดนิ
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (7) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทณั ฑ์
(3.) เจ้าพนักงานท่ีดินจังหวัดได้ให้เจ้าหน้าท่ีฝ่ายทะเบียนผู้ใต้บังคับบัญชาออกเงินค่าอาหาร
ประจาวัน สร้างความเดือดร้อนและไม่พอใจให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อได้รับทราบเรื่องได้จัดให้มีการประชุม
ภายในกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนโดยให้หัวหน้าฝ่ายอานวยการ เป็นผู้จดรายงานประชุมระบุเหตุผลท่ีจะย้าย
หัวหน้าฝ่ายทะเบียน แล้วได้ส่งภาพถ่ายรายงานการประชุมดังกล่าวผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์เพื่อให้บุคคลอื่น
รับทราบ โดยท่ียงั ไมม่ ีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นท่ียุติวา่ มีมลู ความจริงหรือไม่ ซ่ึงอาจทาให้บุคคลภายนอก
และประชาชนมองภาพพจน์ตอ่ หนว่ ยงานกรมท่ดี ินไปในทางเสื่อมเสียและขาดความสามัคคี
- ๖๘ -
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (7) (10) ประกอบ
มาตรา 84 แห่งพระราชบัญญัติระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ตัดเงนิ เดือนในอัตราร้อยละ 4 เปน็ เวลาสองเดือน
(4.) นักวิชาการท่ีดินชานาญการ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายทะเบียน ได้ทาการ
จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทขาย โฉนดท่ีดินพร้อมตึกแถวสามช้ัน ในราคาทุนทรัพย์ จานวน
900,000 บาท ต่อมาในวันเดียวกัน ได้ตรวจสอบพบว่า ทุนทรัพย์ที่แท้จริงสูงถึง 3,200,000 บาท
มีผลให้การจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ถูกต้อง จึงได้เรียกเจ้าหน้าท่ีสอบสวนสิทธิมาช้ีแจง ในขณะชี้แจง
เกิดการโต้เถียงกันข้ึนและบันดาลโทสะลุกข้ึนจากเก้าอี้และตบไปยังบริเวณใบหน้าเจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิ
หน่งึ ครงั้ ระหวา่ งทม่ี ีประชาชนมาติดต่อราชการ
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (7) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
- ๖๙ -
ไมร่ กั ษาช่อื เสยี ง
และรักษาเกยี รตศิ ักด์ิ
ของตาแหนง่ หน้าที่
ราชการ
- ๗๐ -
14. ไม่รักษาชื่อเสียงและรกั ษาเกยี รติศกั ด์ิของตาแหนง่ หน้าทรี่ าชการ
(1.) เจ้าพนักงานที่ดินชานาญงาน นาโฉนดท่ีดินและหนังสือมอบอานาจของบุคคลอ่ืน
ท่ีลงลายมือชื่อแล้ว แต่ยังไม่กรอกข้อความไปทาการจดทะเบียนจานอง จากการสอบสวนพิจารณาแล้วว่า
เป็นเพียงการสอบสวน จัดเตรียมเอกสารเพ่ือประกอบการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ในส่วนที่ได้ร่วมกับ
ผู้จานอง ดาเนินการเพื่อจานองที่ดินกับผู้รับจานอง เป็นการกระทาในฐานะผู้ซ้ือในที่ดินดังกล่าว ถือว่า
เป็นการดาเนินการและยนิ ยอมให้ผอู้ ื่นดาเนินการหาผลประโยชน์อันทาให้เส่ือมเสียต่อเกียรติศักด์ิของตาแหน่ง
หน้าที่ราชการ
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (10) มาตรา 83 (4) และ
มาตรา 88 แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บข้าราชการพลเรอื น พ.ศ. 2551 ประกอบมาตรา 84 และมาตรา 98
แหง่ พระราชบัญญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. 2535
โทษ ตดั เงินเดือนในอัตรารอ้ ยละ 4 เปน็ เวลาสามเดือน
(2.) นายช่างรังวัดชานาญงาน ได้แก้ไขเอกสารหลักฐานแสดงรายละเอียดการจ่ายเงินเดือน
ค่าจ้างประจา และเงินอ่ืน เพ่ือใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นคาขอกู้เงินสามัญจากสหกรณ์ออมทรัพย์
กรมทดี่ นิ จากัด ตอ่ มามกี ารตรวจพบ คณะกรรมการเงินกจู้ ึงมมี ติไม่อนุมตั ิคาขอกูเ้ งนิ
พฤติการณ์ เป็นความผิดทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามมาตรา 82 (10) ประกอบมาตรา 84
แหง่ พระราชบญั ญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551
โทษ ภาคทัณฑ์
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔๓ ก หน้า ๑ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานเุ บกษา
พระราชบัญญตั ิ
ระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒
สมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู
ใหไ้ ว้ ณ วนั ที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เปน็ ปที ่ี ๔ ในรชั กาลปจั จบุ นั
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ใหป้ ระกาศวา่
โดยท่ีเป็นการสมควรแกไ้ ขเพ่มิ เติมกฎหมายว่าดว้ ยระเบยี บขา้ ราชการพลเรอื น
พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้
โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจาเปน็ ในการจากัดสิทธแิ ละเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญตั นิ ้ี เพื่อเปน็
การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการพลเรือนสามัญ ซ่ึงการตรา
พระราชบญั ญตั นิ ส้ี อดคลอ้ งกับเง่ือนไขทบี่ ญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้ว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ
สภานิติบัญญัตแิ ห่งชาติทาหนา้ ทีร่ ัฐสภา ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ินี้เรียกว่า “พระราชบญั ญตั ริ ะเบียบขา้ ราชการพลเรอื น (ฉบบั ที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๖๒”
เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๒ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นตน้ ไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๑๐๐ แห่งพระราชบัญญัตริ ะเบยี บข้าราชการพลเรือน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนแี้ ทน
“มาตรา ๑๐๐ ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดซึ่งออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตุตาย
มีกรณีถูกกล่าวหาเป็นหนังสือก่อนออกจากราชการว่า ขณะรับราชการได้กระทาหรือละเว้นกระทาการใด
อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถ้าเป็นการกล่าวหาต่อผู้บังคับบัญชาของผู้น้ันหรือต่อผู้มีหน้าที่
สืบสวนสอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาของ
ผู้บังคับบัญชาของผู้น้ัน หรือมีกรณีถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญาก่อนออกจากราชการว่า
ในขณะรับราชการได้กระทาความผิดอาญาอันมิใช่เป็นความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาทที่ไม่เก่ียวกับ
ราชการหรือความผิดลหุโทษ ผู้มีอานาจดาเนินการทางวินัยมีอานาจดาเนินการสืบสวนหรือพิจารณา
ดาเนินการทางวินัย และส่ังลงโทษตามท่ีบัญญัติไว้ในหมวดน้ีต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ
แต่ต้องสง่ั ลงโทษภายในสามปนี บั แต่วนั ท่ผี ูน้ ั้นออกจากราชการ
กรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกล่าวหา หรือฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญา หลังจากที่
ข้าราชการพลเรอื นสามัญผู้ใดออกจากราชการแล้ว ให้ผู้มีอานาจดาเนนิ การทางวินัยมีอานาจดาเนนิ การ
สืบสวนหรือพิจารณา ดาเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่า
ผู้น้ันยังมิได้ออกจากราชการ โดยต้องเร่ิมดาเนินการสอบสวนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ
และต้องสั่งลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้น้ันออกจากราชการ สาหรับกรณีท่ีเป็นความผิดที่ปรากฏ
ชดั แจ้งตามมาตรา ๙๕ วรรคสอง จะตอ้ งสง่ั ลงโทษภายในสามปนี ับแตว่ ันที่ผูน้ ั้นออกจากราชการ
ในกรณีท่ีศาลปกครองมีคาพิพากษาถึงที่สุดให้เพิกถอนคาส่ังลงโทษ หรือองค์กรพิจารณาอุทธรณ์
คาส่ังลงโทษทางวินัยหรือองค์กรตรวจสอบรายงานการดาเนินการทางวินัยมีคาวินิจฉั ยถึงท่ีสุดหรือ
มีมติให้เพิกถอนคาสั่งลงโทษตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการดาเนินการทางวินัย
ไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย ใหผ้ ู้มอี านาจดาเนินการทางวนิ ัยดาเนินการทางวินัยให้แลว้ เสรจ็ ภายในสองปนี ับแต่
วันทีม่ ีคาพพิ ากษาถึงทส่ี ดุ หรือมคี าวนิ จิ ฉยั ถึงทส่ี ดุ หรือมีมติ แล้วแต่กรณี
การดาเนนิ การทางวินยั ตามวรรคหน่ึง วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าผลการสอบสวนพิจารณา
ปรากฏว่าผู้นน้ั กระทาผดิ วินยั อย่างไม่ร้ายแรงก็ให้งดโทษ
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔๓ ก หน้า ๓ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา
ความในมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับแก่ข้าราชการพลเรือนสามัญซ่ึงถูกส่ังให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ตามมาตรา ๑๐๑”
มาตรา ๔ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๑๐๐/๑ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ
ขา้ ราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
“มาตรา ๑๐๐/๑ ในกรณีท่ีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ
คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ ริตในภาครัฐมมี ติชี้มูลความผิดขา้ ราชการพลเรอื นสามัญผใู้ ด
ซง่ึ ออกจากราชการแลว้ การดาเนินการทางวนิ ยั และสั่งลงโทษแกข่ ้าราชการพลเรอื นสามญั ผ้นู น้ั ใหเ้ ปน็ ไป
ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กาหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม
การทจุ รติ หรือกฎหมายว่าดว้ ยมาตรการของฝา่ ยบรหิ ารในการป้องกันและปราบปรามการทจุ รติ แลว้ แต่กรณี
การดาเนนิ การทางวนิ ยั ตามวรรคหนึ่ง หากปรากฏว่าผนู้ ั้นกระทาผดิ วินยั อย่างไมร่ า้ ยแรงก็ใหง้ ดโทษ”
ผรู้ ับสนองพระราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จันทรโ์ อชา
นายกรฐั มนตรี
เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๔๓ ก หน้า ๔ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานุเบกษา
หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญตั ฉิ บับนี้ คอื โดยที่ปจั จบุ ันปรากฏปญั หาความไม่สอดคล้องกัน
ระหว่างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการดาเนินการทางวินัยของข้าราชการฝ่ายพลเรือนประเภทต่าง ๆ ส่งผล
ให้เกิดความไม่เป็นธรรม และไม่เสมอภาคในการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการซึ่งออกจากราชการไปแล้ว
นอกจากน้ี ยังมปี ญั หาความแตกต่างระหวา่ งกฎหมายว่าด้วยการดาเนินการทางวินัยของข้าราชการฝ่ายพลเรือน
กับกฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทุจริต ซ่ึงทาให้การดาเนินการทางวินัยเพ่ือพิจารณาลงโทษแก่ขา้ ราชการ
ทถี่ กู องค์กรตรวจสอบการทุจริตชม้ี ูลความผิดหลังออกจากราชการไปแลว้ ในบางกรณีไม่อาจดาเนินการตามฐาน
ความผิดทช่ี ้ีมลู ได้ ดังน้นั สมควรให้การดาเนินการทางวนิ ัยแกผ่ ู้ซึ่งออกจากราชการเป็นมาตรฐานเดยี วกันและ
สอดคล้องกับกฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทุจรติ อันจะเป็นกลไกหน่ึงที่ทาให้การป้องกันและปราบปราม
การทุจริตสมั ฤทธ์ผิ ลมากย่ิงข้นึ จึงจาเปน็ ตอ้ งตราพระราชบัญญัตินี้
สาระสําคัญของมาตรา 100 และมาตรา 100/1 แหงพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการพลเรือน
(ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2562
1. กรณที ่หี นว ยงานตนสงั กดั ดาํ เนนิ การทางวินยั (มาตรา 100)
ตองเกิดข้ึนระหวางท่ผี นู ้ันมสี ภาพขาราชการ
จะกระทํากอนหรือหลังจากทผ่ี นู ้นั ออกจากราชการกไ็ ด
แตว ันทผี่ ูน ั้นออกจากราชการ ใหดําเนินการทางวินัยและส่ังลงโทษใหแลวเสร็จภายใน 3 ป นับ
ตองกลาวหาหรือฟองคดีอาญาหรือตองหาคดีอาญา
และมีการเร่ิมดําเนินการสอบสวนทางวินัย ภายใน 1 ป นับแตวันที่ผูน้ันออกจากราชการ (ยกเวนกรณี
ความผิดปรากฏชัดแจง จะไมตั้งคณะกรรมการสอบสวนก็ได) และตองส่ังลงโทษใหแลวเสร็จภายใน 3 ป
นับแตวันที่ผูน้นั ออกจากราชการ
ใหดําเนินการทางวินัยและ
ส่ังลงโทษใหมภายใน 2 ป นับแตวันทม่ี คี าํ พพิ ากษาถึงที่สุด หรือมีคาํ วนิ จิ ฉยั ถงึ ทีส่ ุด หรอื มีมติ แลวแตกรณี
ใหอ อกจากราชการไวก อนตามมาตรา 101 มิใหใชบังคับแกขาราชการพลเรือนสามัญซ่ึงถูกสั่ง
2. กรณีการดําเนินการทางวินัยตามท่ีคณะกรรมการ ป.ป.ช. หรือคณะกรรมการ ป.ป.ท.
มมี ตชิ ้มี ลู ความผดิ (มาตรา 100/1)
และไมนํา
เงื่อนไขและหลักเกณฑวาดวยการดําเนินการทางวินัยแกผูที่ออกจากราชการตามท่ีกําหนดในกฎหมาย
วา ดว ยการบรหิ ารงานบุคคลของผูถูกกลาวหามาใชบ งั คบั
คณะผูจัดทาํ