The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

​​เอกสารประกอบการบรรยายในหัวข้อวิชา การได้มาซึ่งสิทธิในที่ดินและการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์

นายจักรพันธ์ จันทรภูมิ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน

Keywords: ด้านบริหารงานที่ดิน

การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำ เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ ต่อ ต่ เมื่อ มื่ ได้ทำ ด้ ทำเป็นหนัง นั สือ สื และจดทะเบีย บี นต่อ ต่ พนัก นั งานเจ้า จ้ หน้า น้ ที่ ในกรณีเ ณี ช่น ช่ นี้ การให้ย่ ห้ อ ย่ มเป็นอัน อั สมบูร บู ณ์โณ์ ดยมิพั มิ ก พั ต้อ ต้ งส่ง ส่ มอบ 5. อุ อุทิทิศ ทิ ศ ทิ ที่ที่ดิ ที่ ดิ ที่ น ดิ น ดิให้ห้แ ห้ แ ห้ ก่ก่วั ก่ วั ก่ ด วั ด วั ป.พ.พ. มาตรา 525 ที่วัดและที่ซึ่งขึ้นต่อวัด มีดังนี้ (๑) ที่วัด คือที่ซึ่งตั้งวัดตลอดจนเขตของวัดนั้น (๒) ที่ธรณีสงฆ์ คือที่ซึ่งเป็นสมบัติของวัด (๓) ที่กัลปนา คือที่ซึ่งมีผู้อุทิศแต่ผลประโยชน์ให้วัดหรือพระศาสนา พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 33 การโอนกรรมสิท สิ ธิ์ที่ ธิ์ วั ที่ ด วั ที่ธ ที่ รณีส ณี งฆ์ หรือ รื ที่ศ ที่ าสนสมบัติบั กลางให้ก ห้ ระทำ ได้ก็แ ก็ต่โดยพระราชบัญ บั ญัติญั เว้น ว้ แต่เป็นกรณีต ณี ามวรรคสอง การโอนกรรมสิทธิ์ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ เมื่อมหาเถรสมาคมไม่ขัดข้องและได้รับค่าผาติกรรมจากส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานนั้นแล้ว ให้กระทำ โดย พระราชกฤษฎีกา ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดหรือสำ นักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแล้วแต่กรณี ในเรื่องทรัพย์สิน อันเป็นที่วัด ที่ธ ที่ รณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง พระราชบัญ บั ญัติ ญั ค ติ ณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34


ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินได้อุทิศที่ดินให้แก่วัด เพื่อใช้เป็นที่สร้างวัด ที่ดิที่ นดังกล่า ล่ วย่อ ย่ มตกเป็นของแผ่น ผ่ ดิน ดิ สำ หรับ รัใช้เ ช้ป็นที่ส ที่ ร้า ร้ งวัด วั ตามเจตนาของผู้อุผู้ ทิ อุ ศ ทิ ทัน ทั ที โดยไม่จำ ต้องทำ เป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามประมวล กฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิช ณิ ย์ มาตรา 525 เมื่อ มื่ ต่อมากระทรวงศึก ศึ ษาธิก ธิ ารประกาศตั้ง ตั้ วัด วั และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว วัดจึงมีสถานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย ทำ ให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของวัด ตัตัว ตั ว ตั อย่ย่า ย่ ง อุทิ อุ ศ ทิ ที่ดิ ที่ น ดิ ให้แ ห้ ก่วั ก่ ด วั จำ ต้อ ต้ งทำ เป็นหนัง นั สือ สื และจดทะเบีย บี นต่อ ต่ พนัก นั งานเจ้า จ้ หน้า น้ ที่ หรือ รืไม่?ม่ า ย่ ง อุทิ อุ ศ ทิ ที่ดิ ที่ น ดิ ให้แ ห้ ก่วั ก่ ด วั จำ ต้อ ต้ งทำ เป็นหนัง นั สือ สื และจดทะเบีย บี นต่อ ต่ พนัก นั งานเจ้า จ้ หน้า น้ ที่ หรือ รืไม่?ม่ เมื่อ มื่ ที่ดิที่ นดังกล่า ล่ วตกเป็นที่วั ที่ ด วั และที่ธ ที่ รณีส ณี งฆ์ ตามมาตรา 33 แห่ง ห่ พระราชบัญ บั ญัติญั คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แล้ว ล้ การโอนกรรมสิท สิ ธิ์ที่ ธิ์ วั ที่ ด วั ที่ธ ที่ รณีส ณี งฆ์ หรือ รื ที่ศ ที่ าสนสมบัติบั กลาง จะกระทำ ได้ก็แต่โดยตามมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ดังนั้น นั้ เมื่อ มื่ การจดทะเบีย บี นให้ก ห้ ระทรวงการคลัง ลั เข้า ข้ ถือ ถื กรรมสิท สิ ธิ์ร ธิ์ วม และการจดทะเบีย บี น ขายฝาก ไม่ไม่ ด้ดำ เนิน นิ การตามมาตรา 34 แห่ง ห่ พระราชบัญ บั ญัติญั คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แล้ว ล้ จึง จึ เป็นการจดทะเบีย บี นไปโดยไม่ช ม่ อบด้วยกฎหมาย ต้องเพิก พิ ถอนการจดทะเบีย บี นดังกล่า ล่ ว ตามมาตรา 61 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายที่ดิน


นิติกรรมใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์ดังต่อไปนี้ ผู้ใช้อำ นาจปกครองจะกระทำ มิได้ เว้นแต่ศาลจะอนุญาต (1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำ นอง ปลดจำ นอง หรือโอนสิทธิจำ นอง ซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือ สัง สั หาริม ริ ทรัพ รั ย์ที่อ ที่ าจจำ นองได้ ฯ ล ฯ ดังนั้น การทำ นิติกรรมขายที่ดินของผู้เยาว์จะต้องขออนุญาต จากศาลก่อนตามนัย นั มาตรา1574(1)แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิช ณิ ย์ เมื่อ มื่ มิไมิ ด้ข ด้ ออนุญนุ าตจากศาลก่อ ก่ น นิตินิ กรรมดัง ดั กล่า ล่ วจึง จึ ตกเป็นโมฆะ ตามนัย นั มาตรา 150 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิช ณิ ย์ 6. ผู้ผู้เผู้ผู้ยาว์ว์ข ว์ ข ว์ ายที่ที่ดิ ที่ ดิ ที่ น ดิ น ดิโดยไม่ม่ไม่ม่ ด้ด้รั ด้ รั ด้ บ รั บ รั อนุนุญนุนุ าตจากศาล ผู้เยาว์จะทำ นิติกรรมใดๆ ต้องได้รับความ ยิน ยิ ยอมของผู้แทนโดยชอบธรรมก่อก่น ถ้า ถ้ ผู้เผู้ยาว์ ได้ทำ ด้ ทำลงโดยไม่ไม่ด้รั ด้ บ รั ความยิน ยิ ยอม นิติ นิ ก ติ รรมนั้น นั้ เป็นโมฆีย ฆี ะ นิติกรรมที่ผู้เยาว์ทำ ได้ โดยต้องขออนุญาตศาลก่อน (ตามมาตรา 1574 แห่ง ป.พ.พ.) หากฝ่าฝืนกระทำ ไป โดยไม่ไม่ด้รั ด้ บ รั อนุญนุ าตจากศาล นิติ นิ ก ติ รรมย่อย่มตกเป็นโมฆะ การทำ นิติ นิ ก ติ รรมของผู้เผู้ยาว์ มาตรา 1574 แห่ง ห่ ป.พ.พ. ผู้เยาว์ คือ บุคคลซึ่งมีอายุไม่ถึง 20 ปีบริบูรณ์ โดยจะพ้นจากภาวะผู้เยาว์และบรรลุนิติภาวะ เมื่อมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ หรือเมื่อทำ การสมรส อายุ 17 ปีบริบูรณ์แล้ว เว้นแต่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจอนุญาตให้ทำ การสมรสก่อนนั้นได้


7. ผู้ ผู้ขอรัรับ รั บ รั มรดกปิปิปิปิ ดบับัง บั ง บั ทายาทและรัรับ รั บ รั มรดกเกิกิน กิ น กิ สิสิท สิ ท สิ ธิธิข ธิ ข ธิ องตน มาตรา 1629 แห่งห่ ป.พ.พ. ทายาทโดยธรรมมีห มี กลำ ดับ ดั เท่าท่นั้น นั้ และภายใต้บังคับแห่งมาตรา 1630 วรรค 2 แต่ละลำ ดับมีสิทธิได้รับ มรดกก่อนหลังดังต่อไปนี้ คือ (1) ผู้สืบ สื สัน สั ดาน (2) บิด บิ ามารดา (3) พี่น้ พี่ องร่วร่มบิด บิ ามารดาเดีย ดี วกัน กั (4) พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วม มารดาเดียวกัน (5) ปู่ ย่าย่ตา ยาย (6) ลุง ลุ ป้า น้า น้ อา คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นก็เป็น ทายาทโดยธรรม ภายใต้บังคับของ บทบัญญัติพิเศษแห่งมาตรา 1635 มาตรา 1633 แห่ง ห่ ป.พ.พ. ทายาทโดยธรรมในลำ ดับ ดั เดีย ดี วกัน กั ในลำ ดับ ดั หนึ่ง นึ่ ๆ ที่ร ที่ ะบุไ บุ ว้ใว้ นมาตรา1629 นั้น นั้ ชอบที่จ ที่ ะได้รั ด้ บ รั ส่ว ส่ นแบ่ง บ่ เท่า ท่ กัน กั ถ้าในลำ ดับหนึ่งมีทายาทโดยธรรม คนเดีย ดี ว ทายาทโดยธรรมคนนั้น นั้ มีสิ มี ท สิ ธิ ได้รั ด้ บ รั ส่ว ส่ นแบ่ง บ่ ทั้ง ทั้ หมด


ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง ผู้ ผู้ขอรัรับ รั บ รั มรดกปิปิปิปิ ดบับัง บั ง บั ทายาทและรัรับ รั บ รั มรดกเกิกิน กิ น กิสิสิท สิ ท สิ ธิธิข ธิ ข ธิ องตน มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร ? ผู้ขผู้อรับ รั มรดกให้ถ้ ห้ อ ถ้ ยคำ ต่อพนัก นั งานเจ้า จ้ หน้า น้ ที่ว่ ที่ า ว่ ทายาทผู้มีผู้ สิ มี ท สิ ธิรั ธิ บ รั มรดกของเจ้า จ้ มรดก มีเพียงตนเองและนาย ส. (ไม่ขอรับมรดก) เท่านั้น โดยที่ยังมีทายาทโดยธรรมอื่น ที่มีสิทธิรับมรดกอยู่อีก กรณีจึงเป็นการปิดบังทายาทผู้มีสิทธิรับมรดก เป็นการ จดทะเบียนที่ไม่ถูกต้องตามความจริง เนื่องจากเป็นการจดทะเบียนโอนมรดก ไปทั้งหมดเกินกว่าสิทธิที่ผู้ขอรับมรดกจะได้รับ ตามมาตรา 1629 และ 1633 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาท โดยธรรมอื่นทุกคน แต่สิทธิของผู้ขอรับมรดกที่ได้รับมรดกไปแล้วยังคงชอบอยู่ คงไม่ชอบเฉพาะส่วนของทายาทอื่นที่ยังไม่ได้ขอรับมรดกเท่านั้น กรณีจึงเป็นการ จดทะเบียนไปโดยคลาดเคลื่อนสามารถแก้ไขให้เป็นการถูกต้องได้ตามมาตรา 61 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายที่ดิ ที่ ดิ น โดยแก้ประเภทการจดทะเบียนจากประเภท “โอนมรดก” เป็น “โอนมรดกบางส่วน”


ป.พ.พ. มาตรา 1719 “ผู้จัดการมรดกมีสิทธิและหน้าที่ที่จะทำ การอันจำ เป็น เพื่อให้การ เป็นไปตามคำ สั่งแจ้งชัดหรือโดยปริยายแห่งพินัยกรรม และเพื่อ จัดการมรดกโดยทั่วไป หรือเพื่อแบ่งปันทรัพย์มรดก” ป.พ.พ. มาตรา 1722 “ผู้จัดการมรดกจะทำ นิติกรรมใด ๆ ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ ต่อกองมรดกหาได้ไม่ เว้นแต่พินัยกรรมจะได้อนุญาตไว้ หรือได้รับ อนุญาตจากศาล” 8. ผู้ ผู้จัจัด จั ด จั การมรดกขายทรัรัพ รั พ รั ย์ย์ม ย์ ม ย์ รดกให้ห้ต ห้ ต ห้ นเอง


ผู้จัผู้ ด จั การมรดกมีสิ มี ท สิ ธิแ ธิ ละหน้า น้ ที่ที่ ที่ จ ที่ ะทำ การอัน อั จำ เป็นเพื่อ พื่ จัด จั การมรดกโดยทั่ว ทั่ไป หรือ รื เพื่อ พื่ แบ่ง บ่ ปันทรัพ รั ย์ม ย์ รดก ตามมาตรา 1719 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิช ณิ ย์ การที่ผู้จัดการมรดกขายที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก โดยไม่มี พินัยกรรมอนุญาตไว้หรือได้รับอนุญาตจากศาล จึงเป็นการทำ นิติกรรม ซึ่งตนมีส่วนได้เสียเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดกของเจ้ามรดก อันเป็นการต้องห้าม โดยชัดแจ้งตามปร ะมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตร า 1722 ตกเป็นโมฆะตามมาตรา 150 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตัตัว ตั ว ตั อย่ ย่าง ผู้ผู้จัผู้จัผู้ ด จั ด จั การมรดกขายทรัรัพ รั พ รั ย์ย์ม ย์ ม ย์ รดกให้ห้ต ห้ ต ห้ นเอง ได้ด้ห ด้ ห ด้ รืรือ รื อ รืไม่ม่ ม่ม่ ?


ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง ผู้ ผู้จัจัด จั ด จั การมรดกนำนำนำนำทรัรัพ รั พ รั ย์ย์ม ย์ ม ย์ รดกไปจำจำจำจำนองเพื่พื่อ พื่ อ พื่ ประกักัน กั น กั หนี้นี้ส่ นี้ ส่ นี้ ว ส่ ว ส่ นตัตัว ตั ว ตั ได้ด้ห ด้ ห ด้ รืรือ รื อ รืไม่ม่ ม่ม่ ? ผู้จัดการมรดกได้นำ โฉนดที่ดินของเจ้ามรดก ไปจดทะเบียนจำ นองไว้กับธนาคาร เพื่อเป็นประกันหนี้เงินกู้ของตนเอง กรณีจึงเป็นการจำ นองที่ดินในฐานะส่วนตัว เมื่อผู้จัดการมรดกมิใช่เจ้าของที่ดินจึงไม่มีอำ นาจนำ ที่ดินมรดกแปลงดังกล่าวไป จำ นองเป็นประกันไว้กับธนาคารได้ดังนั้น การจดทะเบียนจำ นองดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อมาตรา 705 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ประมวลกฎหมายแพ่พ่ พ่ ง พ่ และพาณิณิ ณิ ชณิ ชย์ย์ ย์ย์ มาตรา 705 บับั บั ญ บั ญญัญั ญัติญัติว่ว่ ว่ า ว่ า “การจำจำ จำจำ นองทรัรั รั พ รั พย์ย์ ย์ สิย์ สิ สิ น สิ นนั้นั้ นั้ น นั้ น นอกจากผู้ผู้ผู้เผู้ป็ป็ป็ป็ นเจ้จ้ จ้ า จ้ าของในขณะนั้นั้ นั้ น นั้ นแล้ล้ ล้ ว ล้ ว ท่ท่ ท่ า ท่ านว่ว่ ว่ า ว่ าใครอื่อื่ อื่ น อื่ น จะจำจำจำจำนองหาได้ ด้ไม่ม่ ม่”ม่


ศาลมีคำ พิพากษาถึงที่สุดแล้ว ว่า หนังสือมอบอำ นาจที่ผู้รับมอบอำ นาจ นำ ไปจดทะเบียนขายแทนเจ้าของที่ดินเป็นเอกสารปลอม โดยที่เจ้าของที่ดิน มิได้มีเจตนาทำ นิติกรรมขายที่ดินดังกล่าว จึง จึไม่มีผลผูก ผู พันตามกฎหมาย เมื่อผู้รับมอบอำ นาจตามหนังสือมอบอำนาจปลอมดังกล่าวมาขอจดทะเบียน ขายที่ดิน ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การที่พนักงานเจ้าหน้าที่หลงเชื่อว่าเอกสาร ฉบับ บั ดัง ดั กล่า ล่ วเป็นจริง ริ และถูก ถู ต้อง จึง จึ ดำ เนิน นิ การจดทะเบีย บี นขายให้ไห้ป จึง จึ เป็นการ จดทะเบียนไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องเพิกถอนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง นำ นำนำนำหนันัง นั ง นัสืสือ สื อ สื มอบอำอำอำอำนาจปลอมมาจดทะเบีบีย บี ย บี น มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร ?


ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง จดทะเบีบีย บี ย บี นขายในขณะที่ที่ผู้ ที่ ผู้ ที่ ขผู้ผู้ายไม่ม่มี ม่ มี ม่ ส มี ส มี ภาพบุบุค บุค บุ คล ได้ด้ห ด้ ห ด้ รืรือ รื อ รืไม่ม่ ม่ม่ ? สำ นักงานที่ดินจังหวัดกำ แพงเพชร รับคำ ขอจดทะเบียนขาย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2556 และส่ง ส่ เอกสารการจดทะเบีย บี นดัง ดั กล่าวให้สำ ห้ สำนัก นั งานที่ดิ ที่ น ดิ จัง จั หวัด วั ปราจีน จี บุรี บุ รี เมื่อ มื่ วัน วั ที่ 14 พฤษภาคม 2556 ซึ่ง ซึ่ สำ นัก นั งานที่ดิ ที่ น ดิ จัง จั หวัด วัปราจีน จี บุรี บุ รีได้ดำ ด้ ดำเนิน นิ การจดทะเบีย บี นขายเสร็จ ร็ เรีย รี บร้อ ร้ ยแล้ว ล้ เมื่อ มื่ วัน วั ที่ 28 พฤษภาคม 2556 และได้ส่งโฉนดที่ดินและเอกสารต่างๆ คืนสำ นักงานที่ดินจังหวัดกำ แพงเพชร เพื่อดำ เนินการในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป ต่อมาภายหลังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ขายได้ถืงแก่กรรมไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 แม้พนักงานเจ้าหน้าที่สำ นักงานที่ดินจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นสำ นักงานที่ดินท้องที่จะได้จดทะเบียน แล้วก็ตาม การขายที่ดินดังกล่าวก็ไม่มีผลตามกฎหมาย เนื่องจากตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่า “สภาพบุคคลสิ้นสุดลงเมื่อตาย” ดังนั้น เมื่อคู่สัญญาฝ่ายผู้ขายตาย จึงไม่มีสภาพบุคคล ไม่สามารถทำ นิติกรรมขายที่ดินได้


ตัตัว ตั ว ตั อย่ย่า ย่ า ย่ ง ศาลมีมีคำ มี คำ มี คำคำพิพิพ พิ พ พิ ากษาให้ห้นิ ห้ นิ ห้ ติ นิ ติ นิ ก ติ ก ติ รรมเป็ป็ป็ป็ นโมฆะ มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร ? ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงได้ว่า ผู้จำ นองถูกหลอกลวงให้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและ หนังสือสัญญาจำ นองที่ดินโฉนดที่ดิน โดยสำ คัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำ คัญแห่งนิติกรรม นิติกรรมย่อมตกเป็นโมฆะ ฉะนั้น เมื่อการจำ นองดังกล่าวเป็นโมฆะ ผู้รับจำ นองจึงไม่มีสิทธิ เรียกร้องในหนี้ที่จำ นองเป็นประกันไว้ และไม่มีสิทธิที่จะโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่บริษัท พ. เข้าเป็นเจ้าหนี้แทนได้เมื่อบริษัท พ. มิได้เป็นเจ้าหนี้และไม่มีสิทธิเรียกร้องในหนี้จำ นองได้ ย่อ ย่ มไม่ส ม่ ามารถโอนสิทธิเรียกร้อง ร้ ให้แก่บ ก่ ริษัท ส. เข้าเป็นเจ้าหนี้แทนได้เช่นกัน การจดทะเบียน โอนสิท สิ ธิการรับ รั จำ นอง จึง จึ เป็นการจดทะเบียนไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เ ต่ นื่อ นื่ งจากศาลมิไมิด้มีคำ มีคำพิพ พิ ากษาว่า ว่ รายการจดทะเบีย บี นโอนสิท สิ ธิก ธิ ารรับ รั จำ นองนี้ต นี้ กเป็นโมฆะ ประกอบกับบริษัท ส. มิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีด้วย ผลของคำ พิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพันบริษัท ส. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีตามนัยมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่สามารถเพิกถอนรายการจดทะเบียนดังกล่าว โดยอาศัยคำ พิพากษาศาลฎีกา ตามนัยมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ได้ กรณีจึงต้องเพิกถอนตามมาตรา 61 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน


ศาลมีคำ พิพากษาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว ว่า การที่ผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ ในโฉนดที่ดินได้ทำ สัญญาขายฝากที่ดินและจดทะเบียนขายฝากไว้กับ ผู้รัผู้บ รัซื้อฝาก เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กัรู้ น กั ระหว่า ว่ งคู่กคู่ รณี จึง จึ ตกเป็นโมฆะ ตามมาตรา 155 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผลของคำ พิพากษา ศาลดังกล่าว จึงเท่ากับว่านิติกรรมขายฝากนั้นสูญเปล่า ที่ดินดังกล่าว จึงไม่ตกเป็นของผู้รับซื้อฝาก ดังนั้น ผู้รับซื้อฝากจึงไม่มีสิทธินำ ที่ดินไป จดทะเบียนขายได้ประกอบกับผู้ซื้อไม่ใช่บุคคลภายนอกผู้กระทำ การ โดยสุจริตและต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงที่ศาลมีคำ พิพาษา ถึงที่สุดว่าเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการซื้อที่ดินภายหลังจากที่ศาล มีคำ พิพากษาแล้ว และเป็นกา รซื้อที่ดินจากผู้ไม่มีสิทธิในที่ดิน จึงไม่ได้สิทธิในที่ดิน ด้วยหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน ตัตัว ตั ว ตั อย่ ย่าง จดทะเบีบีย บี ย บี นภายหลัลัง ลั ง ลัศาลมีมีคำ มี คำ มี คำคำพิพิพ พิ พ พิ ากษา มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร?


พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ครอบครองและทำ ประโยชน์ ในที่ดินภายหลังวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และไม่มีใบจอง ใบเหยียบย่ำ หรือไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้มีสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการจัด ที่ดินเพื่อการครองชีพ โดยการเดินสำ รวจออกโฉนดที่ดิน ตามมาตรา 58 และมาตรา 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และอยู่ในบังคับห้ามโอน ภายในสิบปี ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคห้า แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น นั้ การที่ผู้ ที่ ถืผู้ อ ถื กรรมสิท สิ ธิ์ที่ ธิ์ ดิที่ นนำ ที่ดิที่ นแปลงดังกล่า ล่ วไปจดทะเบีย บี นขายฝาก ที่ดิน และยังอยู่ในระหว่างระยะเวลาห้ามโอน เมื่อสัญญาขายฝาก เป็นสัญญาที่กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตกเป็นของผู้ซื้อทันทีที่จดทะเบียน การจดทะเบียนขายฝาก จึงเป็นการจดทะเบียนไปโดยฝ่าฝืนข้อห้ามชัดแจ้ง โดยกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ตามมาตรา 150 แห่ง ห่ ประมวลกฎหมายแพ่ง พ่ และพาณิช ณิ ย์ ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง จดทะเบีบีย บี ย บี นโอนในระหว่ว่า ว่ า ว่ งระยะเวลาห้ห้า ห้ า ห้ มโอน มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร ?


การแบ่บ่ บ่ ง บ่ งเป็ป็ป็ป็ นทาง มีมี มีมี2 กรณีณี ณีณี ทางส่ส่ว ส่ ว ส่ นบุบุค บุค บุ คล ทางสาธารณประโยชน์น์ น์น์ การแบ่งบ่เป็นทางสาธารณประโยชน์นั้ น์ น นั้ ที่ดิที่ นส่วส่นที่ แบ่งบ่ ให้เ ห้ป็นทางสาธารณประโยชน์ ผู้ขผู้อแบ่งบ่ ให้เ ห้ป็น ทางสาธารณประโยชน์นั้ น์ น นั้ไม่ไม่ ด้เป็นเจ้า จ้ ของต่อต่ ไปแล้ว ล้ โดยที่ดินส่วนนั้นจะกลายเป็นสาธารณสมบัติ ของแผ่นดินสำ หรับปรระชาชนใช้ร่วมกัน ตาม มาตรา 1304 (2) แห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ โดยการอุทิศและเจ้าของที่ดินจะ ถอนคืนการอุทิศไม่ได้ บุคคลโดยทั่วไปสามารถ เข้าไปใช้ไช้ด้โดยพลการ เจ้าของที่ดินเดิมไม่มีสิทธิ ที่จ ที่ ะหวงห้าม การแบ่งเป็นทางส่วนบุคคลนั้น ที่ดินส่วนที่เป็น ทางยังคงมีชื่อบุคคลที่ขอแบ่งเป็นเจ้าของ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่จะออกหนังสือแสดงสิทธิ ในที่ดินให้กับผู้ขอแบ่ง และทางนั้นใช้ได้เฉพาะ บุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือบุคคลที่เจ้าของ ประสงค์จะให้ใช้ เจ้าของมีสิทธิที่จะห้ามบุคคล โดยทั่วไปไม่ให้ใช้ทางนั้นได้


ตัตัวอย่ย่า ย่ า ย่ ง จดทะเบีบีย บี ย บี นแบ่บ่ง บ่ ง บ่ หัหัก หั ก หั เป็ป็ป็ป็ นทางสาธารณประโยชน์ น์ไปโดยสำสำสำสำคัคัญ คั ญ คั ผิผิด ผิ ด ผิ มีมีผ มี ผ มี ลอย่ย่า ย่ า ย่ งไร ? เจ้าของที่ดินมีความประสงค์ที่จะรังวัดแบ่งแยกที่ดินให้เป็นทางส่วนบุคคล เพื่อใช้ประโยชน์แต่เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น ประชาชนทั่วไปไม่ สามารถใช้สัญจรเป็นทางเข้า - ออกไปสู่ถนนสาธารณประโยชน์ได้ การที่เจ้าของที่ดินจดทะเบียนแบ่งหักที่ดินให้เป็นทางสาธารณประโยชน์นั้น เป็นไปโดยสำ คัญผิด เนื่องจากไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างทางส่วนบุคคล กับทางสาธารณประโยชน์ อีกทั้งสภาพการใช้ประโยชน์ในที่ดินเจ้าของที่ดิน ได้สงวนไว้ใช้เอง ประชาชนทั่วไปไม่อาจเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินเพื่อใช้เป็น ทางสัญจนได้จึงเป็นการจดทะเบียนไปโดยคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามเจตนา ของเจ้าของที่ดินที่ต้องการแบ่งแยกที่ดินให้เป็นทางส่วนบุคคลเพื่อใช้ เฉพาะคนในครอบครัวเท่านั้น จึงไม่ทำ ให้ที่ดินดังกล่าวตกเป็นที่ สาธารณประโยชน์แต่อย่างใด จึงต้องเแก้ไขรายการจดทะเบียนประเภท “แบ่งหักเป็นที่สาธารณประโยชน์” เป็นประเภท “แบ่งแยกในนามเดิม” ตามนัยมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน


ขอบคุณ คุ thank you นายจัจักรพัพัน พั น พั ธ์ธ์ ธ์ธ์จัจันทรภูภูมิ ภูมิ ภู มิมิ ผู้ผู้อำผู้อำผู้ อำอำนวยการสำสำสำสำนันัก นั ก นั มาตรฐานการทะเบีบีย บี ย บี นที่ที่ดิ ที่ ดิ ที่ น ดิ น ดิ สำสำสำสำนันัก นั ก นั มาตรฐานการทะเบีบีย บี ย บี นที่ที่ดิ ที่ ดิ ที่ น ดิ น ดิ กรมที่ที่ดิ ที่ ดิ ที่ น ดิ น ดิ


Click to View FlipBook Version