รายงาน
เร่อื ง การวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบเครอื ขา่ ย
จัดทาโดย
นางสาว ทัตพิชา พลเย่ยี ม ปวส.2/1 64309010002
นางสาว พรศิตา พรมคาน้อย ปวส.2/2 64309010011
นาย รัฐพล สุขรกั ษ์ ปวส. 2/2 64309010023
นาย พงศธร อิงสา ปวส.2/2 64309010025
เสนอ
อาจารย์ จนั ทรว์ ลัย สนั ตะเลขวงศ์
รายงานเล่มนเี้ ป็นสว่ นหนึง่ ของรายวชิ า การวิเคราะหแ์ ละออกแบบระบบเครอื ข่าย
ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
วยิ าลัยเทคนคิ บึงกาฬ
คานา
การกาหนดรายไดป้ ระชาชาตใิ นระบบเศรฐกจิ ต่างๆ มีความจาเป็นอยา่ งย่ิงใน
การศึกษาความก้าวหนา้ ในด้านของ รายได้ ความตอ้ งการบรโิ ภค ความตอ้ งการลงทนุ
เพอ่ื ให้ทราบรายได้ประชาชาติทีแทจ้ รงิ และอตั ตราการเจริญเติบโตทางเศรษกจิ ท่จี ะใช้
เปน็ ขอ้ มูลพนื้ ฐานท่ีสาคญั ในการวเิ คาระหส์ ถานการณท์ างเศรษฐกิจของประเทศ
สง่ ผลทจี่ ะเป็นตวั กาหนดระดับของรายได้ การผลิตและการว่าจ้างทางาน
คณะผจู้ ัดทาหวังเป็นอย่างย่งิ ว่าหนังส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์ (e-book) เล่มนจี้ ะเป็น
ประโยชน์ ท่ีคนสนใจในการพฒั นาส่สิ ารคค้นคคว้า เป็นหนังสอื อิเลก็ กทรอนิกเพ่อื สรา้ ง
สงั คมกการเรียนรูอ้ ยา่ งตอ่ เนือ่ งและสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กิดผลสัมฤทธิต์ ามคาดหวัง
คณะผจู้ ดั ทา
นางสาว ทัตพชิ า พเยยี่ ม
นางสาว พรศติ า พรมคานอ้ ย
นาย พงศธร องิ สา
นาย รฐั พล สุขรักษ์
สารบญั หนา้
เรอื่ ง 1
5
การออกแบบระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ 6
ระบบเครือขา่ ย Peer-to-Peer 7
ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Client/Server 8
เทคโนโลยรี ะบบเครอื ขา่ ย LAN 9
โทเกน็ รงิ (Token Ring) 12
การรับสง่ โดยใช้คล่นื วทิ ยนุ นั้ มี 2 ประเภท 13
เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรแ์ ละการสื่อสาร 14
ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย 16
รูปแบบการเชอ่ื มตอ่ ของระบบเครอื ขา่ ย LAN Topology 21
อปุ กรณท์ ่ีใช้ในการส่อื สารขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ 23
ระบบเครือขา่ ยไร้สาย
ประโยชน์ของอนิ เทอรเ์ น็ต
1
การออกแบบระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
การออกแบบระบบ
เมือ่ ออกแบบระบบเครือ ขา่ ยมขี อ้ มลู ครบถว้ นสมบูรณแ์ ล้วน้นั ก็สามารถลงมอื ทา การ
ออกแบบระบบเครือข่ายไดโ้ ดยในการออกแบบเครือข่ายนนั้ อาจทาโดยใชโปรแกรม คอมพวิ เตอรช์ ว่ ยในการวาด
และออกแบบได้เช่น Microsoft Visio
รปู แสดงตัวอยา่ งการออกแบบระบบเครือข่าย
การติดต้งั และพฒั นาระบบ
ในข้นั ตอนนี้ผอู้ อกแบบระบบเครือข่ายอาจมอบหมายให้ช่างผู้ชานาญการ ทาการ ติดตง้ั ไดห้ รอมอบหมาย
ใหบ้ ริษทั ท่มี ีความเชย่ี วชาญเขามาดาเนนิ การ โดยจะตอ้ งเขาควบคมุ ตรวจสอบให้การติดตง้ั เป็นไปดวยความ
เรยี บรอ้ ยและใชง้ านได้อย่างดตี ามทไ่ี ด้ออกแบบไว้
การวิเคราะห์ความตอ้ งการของระบบเครือข่าย
1. การศกึ ษาระบบเครือข่ายเดิม คือในการออกแบบระบบเครือข่ายนั้น ผู้ออกแบบจาเป็นต้องร้ถู งึ
ข้อมตู า่ งๆ ขององค์กร อาทเิ ช่น ลกษณะโปรแกรมท่ีใช้งานอย่ลู ักษณะการทาางาน เป็นตน้
2. การวเิ คราะหค์ วามตองการจากผใู้ ช้งาน เพื่อเก็บข้อมลเกย่ี วกบั การใชง้ านหรอื ความตอ้ งการ
ส่วนบคุ คล
3. การวเิ คราะหค์ วามตองการขององค์กรจากผบู้ รหิ าร เพอื่ เก็บขอมูลวา่ องคก์ รมความต้องการใช้
งานระบบเครอื ขา่ ยอย่างไร
2
4. การวเิ คราะหค์ วามต้องการด้านเทคโนโลยเี พือ่ เกบ็ ข้อมูลความตอ้ งการใช้งานใน
เทคโนโลยอี ยา่ งไร มี ความทันสมยั มากน้อยเพยี งใด
ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ของการออกแบบระบบ
หลงั จากเกบ็ ขอ้ มูลความต้องการของระบบเครอื ขา่ ยได้แลว้ นั้น ก็จาเป็นตอ้ ง ศึกษาถงึ
ความเป็นไปได้ สาหรบั การออกแบบระบบเครือขา่ ยตามความตอ้ งการท่ไี ด้รบั เน่ืองดว้ ย
ความต้องการท่ีไดเ้ ก็บรวบรวมมาอาจทาได้ ไมค่ รบหรือไดไ้ ม่ครบถว้ นสมบรณู ์
เลือกประเภทของเครอื ข่าย
LAN (Local Area Network ระบบเครอื ขา่ ยระดบั ท้องถน่ิ )
3
เป็นระบบเครอื ข่ายที่ใชง้ านอยใู่ นบริเวณท่ีไม่กวา้ งนักอาจใช้อย่ภู ายในอาคารเดียวกันหรือออาคารทท่ีอย่ใู กลก้ ันเช่น
ภายในมหาวทิ ยาลัยอาคารสานกั งานคลังสนิ คา้ หรอื โรงงานเป็นต้นการสง่ ขอ้ มูลสามารถทาไดด้ ว้ ยความเร็วสงู และ
มีขอ้ ผดิ พลาดน้อย
MAN (Metropolitan Area Network) : ระบบเครอื ขา่ ยระดับเมอื ง
เป็นระบบเครือขา่ ยที่มีขนาดอยรู่ ะหวา่ ง Lan และ Wan เป็นระบบเครือขา่ ยท่ีใชภ้ ายในเมืองหรือจงั หวดั เทา่ น้นั
การเชื่อมโยงจะตอ้ งอาศยั ระบบบริการเครือข่ายสาธารณะ จึงเป็นเครือข่ายที่ใชก้ บั องคก์ ารที่มีสาขาห่างไกลและ
ตอ้ งการเชื่อมสาขา เหล่าน้นั เขา้ ดว้ ยกนั เช่น ธนาคาร
WAN (Wide Area Network) : ระบบเครือข่ายระดบั ประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
4
เปน็ ระบบเครือข่ายทตี่ ดิ ตง้ั ใช้งานอยูใ่ นบริเวณกวา้ ง เช่น ระบบเครอื ข่ายท่ตี ดิ ตั้งใชง้ านทว่ั โลก
เป็นเครอื ข่ายท่ีเชอ่ื มตอ่ คอมพิวเตอร์หรืออปุ กรณ์ท่ีอย่หู า่ งไกลกนั เขา้ ด้วย กนั อาจจะต้องเปน็ การติดต่อสือ่ สารใน
ระดบั ประเทศ ขา้ มทวปี หรือทว่ั โลกก็ได้
แบง่ ตามลกั ษณะการไหลของขอ้ มูล มดี งั น้ี
โครงขา่ ยแบบรวมอานาจ (Centralized Networks)
โครงขา่ ยแบบรวมอานาจประกอบดว้ ยรูปแบบย่อย 3 รปู แบบดว้ ยกนั คอื
- โครงขา่ ยแบบลอ้ (Wheel Network) เปน็ รปู แบบทีร่ วมอานาจมากททสี่ ุด ขา่ วสารทุกอยา่ งจะต้อง
ไหลผ่านบุคคลทเ่ี ป็นศนู ยก์ ลางของลอ้
- โครงขา่ ยแบบลกู โซ่ (Chain Network) เป็นรูปแบบท่สี มาชิกบางคนสามารถติดตอ่ สือ่ สารกบั
สมาชิกคนอน่ื ๆไดม้ ากกวา่ 1 คน อยา่ งไรกต็ ามบคุ คลทเี่ ปน็ ศูนย์กลางของลกู โซ่ยงั คงเป็นผ้คู วบคุมข่าวสารทง้ั หมด
- โครงข่ายแบบ Y (Y Network) เปน็ รปู แบบผสมระหว่างแบบล้อกบั แบบลูกโซ่
โครงข่ายแบบกระจายอานาจ (Decentralized Network)
โครงข่ายแบบวงกลม (Circle Network) เป็นรปู แบบทอ่ี นญุ าตใหส้ มาชิกแตล่ ะคนสามารถ
ตดิ ต่อสื่อสารกับบคุ คลอนื่ ทอ่ี ยู่ติดกันได้ทัง้ 2 ข้าง
- โครงข่ายแบบดาว (Star Network) เป็นรปู แบบทม่ี ีการกระจายอานาจมากทส่ี ดุ รูปแบบนีจ้ ะเปดิ
โอกาสให้สมาชิกแต่ละคนทจี่ ะติดตอ่ สื่อสารกับสมาชกิ คนใดก็ได้โดยไม่จากัดเสรภี าพ
5
แบ่งตามลักษณะหนา้ ท่ีการทางานของคอมพวิ เตอร์มี ดงั นี้
ระบบเครือข่าย Peer-to-Peer
งานบนระบบเครือข่าย Peer-to-Peer จะมีความเทา่ เทยี มกันสามารถทจ่ี ะแบ่งปนั ทรัพยากรให้แกก่ นั และกันได้
เชน่ การใช้เครื่องพิมพห์ รือแฟม้ ข้อมลู ร่วมกันในเครือข่ายในขณะเดียวกนั เครือขา่ ยแตล่ ะสถานงี านกจ็ ะมีขดี
ความสามารถในการทางานไดด้ ้วยตวั เอง (Stand Alone)
ขอ้ ดแี ละขอ้ ด้อยของระบบเครือขา่ ย Peer-to-Peer
Ò ข้อดขี องระบบนค้ี ือ ความง่ายในการจดั ตัง้ ระบบมีราคาถกู และสะดวกต่อการบรหิ ารจดั การ ดังนั้นระบบน้จี งึ
เหมาะสมสาหรับสานักงานขนาดเล็ก ทม่ี ีสถานงี านประมาณ 5-10 เครอ่ื งท่วี างอยใู่ นพื้นทีเ่ ดียวกัน
Ò ขอ้ ดอยของระบบนี้คือ เรอ่ื งการรักษาความปลอดภยั ของข้อมูล เนือ่ งจากไมม่ ีระบบการป้องกนั ในรูปแบบของ
บญั ชผี ูกใชแ้ ละรหสั ผา่ น ในการเขา้ ถึงทรพั ยากรตา่ งๆ ของระบบ
6
ระบบเครอื ข่ายแบบ Client/Server
รปู แสดงตัวอยา่ งโครงสรา้ งระบบเครือข่ายแบบClient/Server
เป็นระบบเครือข่ายทีม่ ีประสทิ ธภิ าพสูง และมีการใช้งานกันอยูก่ วา้ งขวางมากกวา่ ระบบเครอื ขา่ ยแบบ
อืน่ ทม่ี ใี น
ปจั จุบัน ระบบ Client/Server สามารถสนับสนุนให้มเี ครอื่ งลกู ข่ายไดเ้ ป็นจานวนมาก และสามารถเชืม่ ต่อกับ
เครอ่ื งคอมพิวเตอรไ์ ด้หลายแพลตฟอร์ม ระบบน้ีจะทางานโดยมเี คร่ือง Server ทใ่ี หบ้ ริการ เปน็ ศูนย์กลางอย่าง
นอ้ ย 1 เคร่ือง
เลือกเทคโนโลยีท่ีใช้ในระบบเครอื ขา่ ย
7
เทคโนโลยรี ะบบเครือขา่ ย LAN
LAN (Local Area Network) คอื เครอื ข่ายขอ้ มลความเรว็ สูงและทนทานต่อการเกดิ ข้อผิดพลาดระหวา่ งการรบั สง่
ข้อมลู เครอื ขา่ ย LAN นัน้ จะครอบคลมุ พน้ื ท่ีขนาดเลก็ โดยปกติจะเป็นการเชอ่ื มตอ่ คอมพิวเตอรเ์ ครอื่ งพิมพ์และ
อปุ กรณ์อนื่ ๆท่ีอยู่ไม่หา่ งกันมากนัก
อีเทอร์เนต็ (Ethernet)
อีเทอรเ์ นต็ เปน็ เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์ท่ีพัฒนามาจากโครงสรา้ งการเชอื่ มต่อแบบสายสัญญาณร่วมที่
เรยี กว่า บสั (Bus) โดยใช้สายสัญญาณแบบแกนร่วม คอื สายโคแอกเชยี ล (Coaxial Cable)เป็นตัวเชือ่ ม สาหรับ
ระบบบัส เปน็ ระบบเทคโนโลยีทีค่ อมพิวเตอร์ทกุ เครื่องเช่ือมโยงเข้ากับสายสัญญาณ เส้นเดียวกัน คือ เมอ่ื มผี ู้
ตอ้ งการส่งขอ้ มูล ก็ ส่งข้อมูลไดเ้ ลย แต่เน่อื งจากไม่มีวิธีการคน้ หาเสน้ ทางทส่ี ่งว่างหรือเปล่า จงึ ไม่ทราบวา่ มีอุปกรณ์
ใดหรือคอมพวิ เตอรเ์ ครือ่ งใดที่ส่งข้อมูลมาในชว่ งเวลาเดยี วกนั จะทาให้เกิดการชนกันขนและเกดิ การสูญหายของ
ข้อมูล จึงมีการพฒั นาระบบการรับส่งข้อมลู ผ่านอุปกรณก์ ลางทเ่ี รียกว่า ฮบั (Hub)
วิธีการเชอ่ื มแบบนจ้ี ะมจี ุดศนู ยกลางอยทู่ ่ฮี ับใชส้ ายสัญญาณไปยังอปุ กรณห์ รือคอมพิวเตอรอ่นื ๆ จุดเดน่
ของดาวตัวนีจ้ ะอยทู่ ่ี เมื่อมีการส่งขอ้ มลู จะมีการตรวจสอบความผดิ พลาดวา่ อุปกรณใ์ ดจะสง่ ข้อมูลมาบา้ งและจะ
มีการสบั สวติ ซ์ใหส้ ่ง ไดห้ รือไม่แต่เมื่อฮบั เปน็ ตวั แบกภาระทงั้ หมด ก็ มจี ุดอ่อนได้ ถ้าฮบั เกดิ เปน็ อะไรขน้ึ มา
อุปกรณต์ พว่ งอนื่ ๆ หรอื คอมพวิ เตอรก์ ไ็ ม่สามารถเชอ่ื มต่อกันได้อีก
ภายในฮับมลี ักษณะเปน็ บัสที่เช่ือมสายทุกเส้นเขา้ ด้วยกัน ดงั นั้นการใช้ฮับและบัสจะมรี ะบบการส่งข้อมลู
แบบ เดียวกนั และความเร็วในการสง่ กาหนดไว้ท่ี 10 ลา้ นบิตตอ่ วินาทแี ละกาลงั มมี าตรฐานใหมใ่ ห้ สามารถรบั สง่
สัญญาณไดถ้ งึ 100 ล้านบติ ต่อวินาที
8
โทเกน็ รงิ (Token Ring)
โทเก็นริง เป็นเครือข่ายท่บี รษิ ทั ไอบเี อม็ พฒั นาขึน้ รูปแบบการเชือ่ มโยงจะเป็น วงแหวน โดยด้านหนึง่ เป็น
ตวั รบั
สญั ญาณและอีกดา้ นหน่ึงเปน็ ตัวส่งสัญญาณ การเช่อื มตอ่ แบบนี้ทาให้คอมพิวเตอร์ทุกเคร่ืองสามารถส่งข้อมลู ถึงกนั
ไดโ้ ดยผ่านเส้นทางวงแหวนนี้การติดต่อสอื่ สารแบบน้ีจะมีการจัดลาดบั ให้ผลดั กนั ส่งเพ่ือวา่ จะไดไ้ ม่เกิดการสญู
หายของขอ้ มูล
ระบบเครอื ข่ายไร้สาย (Wireless LAN : WLAN)
การส่งข้อมูลผา่ นระบบเครือขา่ ยแบบไร้สาย น้นั มอี ยู่ 2 เทคโนโลยคี ือแบบใช้คล่นื ความถว่ี ิทยุ (Radio
frequency) และแบบใช้สญั ญาณอินฟราเรด (Infrared) ซง่ึ แบบใช้คลื่นความวทิ ยยุ งั แบ่งการสง่ ออก
เป็น 2 ประเภท คอื Narrowband และ Spread-Spectrum ซงึ่ มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี
แบบคลืน่ ความถ่วี ทิ ยุ (Radio frequency) ใชล้ กั ษณะการแปลงขอ้ มูลไปเป็นคลื่นทาให้สามารถส่งไปได้
ระยะทางทไี่ กล สามารถผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีร่วมทง้ั เป็นการสง่ แบบทุกทิศทาง
9
การรับสง่ โดยใชค้ ลน่ื วทิ ยนุ ั้นมี 2 ประเภท
1.แบบคลนื่ ความถแ่ี คบ (narrowband) จะรับสง่ ขอ้ มลู โดยแปลงเปน็ บางช่วงสเปกตรัมของคลนื่
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ เรยี กว่า ISM ( Industrial / Scientific / Medical ) ที่มีความถ่แี บ่งเปน็ 3 ชว่ ง ได้แก่ 902-928
MHz, 2.14 - 2.484 MHz และ 5.725 - 5.850 MHz โดยการใช้งานตอ้ งมีการขออนุญาตกอ่ นจาก FCC (Federal
Communication Committee)
2. คลื่นความถว่ี ิทยุแบบ Spread-Spectrum เปน็ การวธิ กี ารเปล่ียนแปลงสญั ญาณขอ้ มลู เพือ่ ให้
ครอบคลุมพนื้ ท่คี วามถี่วทิ ยุ มากกวา่ ความตอ้ งการเพ่อื ปอ้ งกนั คล่นื รบกวนและการดักฟัง ที่มคี วามถีแ่ บ่งเปน็ 2 ช่วง
ไดแ้ ก่ 902 - 928 MHz และ 2.4 - 2.484 MHz ซ่งึ ไมต่ อ้ งไดร้ บั อนุญาตจาก FCC
แบบสญั ญาณอนิ ฟราเรด (Infrared)
โดยอนิ ฟราเรดเป็นสว่ นหนง่ึ ของสเปกตรัมแม่เหลก็ ไฟฟ้าท่ีอยู่เหนือวทิ ยแุ ละตา่ กวา่ แสงทมี่ องเห็น โดยแสง
อินฟราเรดสามารถใชส้ ง่ ขอ้ มูลไดถ้ งึ แม้ว่าการสง่ จะถูกจากัดให้เปน็ แนว เสน้ ตรง และท่ีจะตอ่ เคร่ืองพีซีเข้ากบั
เครอ่ื งพมิ พ์หรือคอมพวิ เตอร์เคร่ืองอ่ืนเพื่อ แลกเปลย่ี นขอ้ มูลไดโ้ ดยไรส้ าย
รปู แสดงการสง่ สญญาณเครอื ขา่ ยไร้สาย
รูปแสดงการสง่ สัญญาณเครอื ขา่ ยไร้สาย
10
เลือกระบบปฏบิ ัตกิ ารทีใ่ ชใ้ นระบบเครือข่าย
ระบบปฏิบตั กิ ารเครือขา่ ยในปัจจุบัน
ระบบปฏิบัติการเครือข่ายในปัจจุบันมอี ยู่หลายตัวให้เลือกใช้ทั้งท่ีสามารถใชง้ านได้ฟรีและต้องเสีย
ค่าใชจ้ ่าย จาเป็นทผี่ ู้ออกแบบต้องพจิ ารณาเลือกใหม้ คี วามเหมาะสมมากทส่ี ดุ กับระบบเครือข่ายท่ี
ออกแบบไว้
- Window NT, Windows 2000 Server เปน็ ระบบปฏิบัตกิ ารท่พี ฒั นาโดยบริษัท
ไมโครซอฟต์จากดั ประมาณปลายปี 1995 สามารถนาไปประยกุ ต์ใชง้ านได้หลากหลายรปู แบบ เริม่ ต้น
ไมโครซอฟตต์ อ้ งการพฒั นาเป็นแอปปลิเคชน่ั เซอร์ฟเวอร์แตป่ จั จุบนั สามารถประยกุ ตไ์ ด้เปน็
ดาตา้ เบสเซอรฟเ์ วอรแ์ ละอนิ เทอรเ์ นต็ เซอรฟเ์ วอร์
11
- Linux เป็นระบบปฏบิ ตั ิการสาหรับระบบเครือข่ายท่อี ยู่ในกลุ่มของ FreeWare ท่มี ีคุณภาพ และ
ประสทิ ธภิ าพสูง Linux พฒั นาขึน้ โดยนายไลนัส ทอรว์ ัลด์ (Linus Torvalds) ขณะทีย่ ังเป็นนักศึกษาของ
มหาวทิ ยาลยั เฮซงิ กิประเทศฟินแลนดเ์ ขาได้สง่ ซอรสโคด้ (Source Code) ใหน้ กั พัฒนาท่ัวโลกรว่ มกันพฒั นา โดย
ข้อดขี อง Linux สามารถทางานไดพ้ รอ้ มกัน (Multitasking) และใช้งานไดพ้ รอ้ มกันหลายคน(MultiUser) ทาให้
เป็นทน่ี ยิ มแพร่หลายบางคนกลา่ ววา่ "Linux กค็ ือน้องของ Unix" แต่จริงๆ แล้วลีนกุ ซม์ ีขอ้ ดกี ว่ายนู กิ ซ์(Unix) คอื
สามารถทางาน ไดบ้ นเคร่อื งคอมพิวเตอร์ส่วนบคุ คล (PC) ท่ีใช้งานอยทู่ ว่ั ๆไป
- NetBUEI พฒั นาโดย IBM ในปคี . ศ .1985 เปน็ โปรโตคอลทีม่ ขี นาดเล็กกะทัดรัดทางานได้
รวดเรว็ เหมาะสมกบั ระบบเครือขา่ ยท่ขี นาดเลก็ ไมเ่ หมาะกบั เครือข่ายขนาดใหญ่เน่ืองจากไม่สามารถค้นหา
เสน้ ทางได้
- OS/2 Warp เป็นระบบปฏิบัติการเครือขา่ ย ที่บรษิ ัทไอบเี อ็ม พัฒนาขนึ้ เพ่อื นาเสนอสาหรบั
การคา้ ขายในยคุ ดิจติ อลซึ่งไมค่ ่อยประสบความสาเรจ็ นักตอ่ มาจึงเพม่ิ ในส่วนของ e-Business คือดา้ นพาณิชย์
อเิ ล็กทรอนกิ สม์ ีการออกแบบเวอร์ช่นั ใหมๆ่ เชน่ OS/2 Server เช่อื มต่ออนิ เตอรเ์ น็ต
12
เครอื ข่ายคอมพิวเตอร์และการสื่อสาร
ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์
ระบบเครือข่ายคอมพวิ เตอร์ หรือระบบเน็ตเวริ ์ก คอื กลมุ่ ของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีถูกนามาเช่ือมต่อ
กันเพอ่ื ใหผ้ ใู้ ชใ้ นเครือข่ายสามารถติดตอ่ สื่อสาร แลกเปล่ียนขอ้ มลู และใช้อุปกรณ์ตา่ งๆ ในเครอื ข่ายร่วมกนั ได้"
เครือข่ายนัน้ มีหลายขนาด ตัง้ แต่ขนาดเล็กทีเ่ ช่ือมต่อกันดว้ ยคอมพวิ เตอรเ์ พยี งสองสามเคร่ือง เพื่อใชง้ านในบา้ น
หรือในบริษทั เลก็ ๆ ไปจนถงึ เครือข่ายขนาดใหญ่ทเี่ ชื่อมต่อกันทว่ั โลก ส่วน Home Network หรือเครือข่าย
ภายในบ้าน ซ่งึ เปน็ ระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอรข์ นาดเลก็ ๆ หมายถึง
การนาเครือ่ งคอมพวิ เตอร์และอุปกรณ์ มาเชอื่ มตอ่ กันในบ้าน สิง่ ทีเ่ กดิ ตามมากค็ อื ประโยชน์ในการใช้
คอมพิวเตอรด์ า้ นต่างๆ เชน่
1. การใช้ทรัพยากรร่วมกนั หมายถึง การใช้อปุ กรณ์ตา่ งๆ เชน่ เครอื่ งพมิ พ์ร่วมกัน กล่าวคือ มีเคร่อื งพมิ พ์
เพยี งเครอื่ งเดยี ว ทุกคนในเครอื ขา่ ยสามารถใชเ้ ครื่องพมิ พ์นี้ได้ ทาให้สะดวกและประหยดั คา่ ใช้จ่าย เพราะ
ไม่ตอ้ งลงทนุ ซือ้ เคร่ืองพมิ พห์ ลายเคร่ือง (นอกจากจะเป็นเคร่อื งพิมพค์ นละประเภท)
2. การแชรไ์ ฟล์ เมือ่ คอมพิวเตอร์ถกู ติดต้งั เป็นระบบเน็ตเวริ ก์ แลว้ การใชไ้ ฟล์ขอ้ มูลรว่ มกนั หรอื การ
แลกเปลี่ยนไฟลท์ าได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไมต่ ้องอปุ กรณเ์ ก็บข้อมูลใดๆ ทงั้ สน้ิ ในการโอนยา้ ยข้อมลู ตดั
ปัญหาเรอื่ งความจุของสอ่ื บันทกึ ยกเวน้ อุปกรณใ์ นการจดั เก็บขอ้ มลู หลักอย่างฮาร์ดดสิ ก์ หากพ้ืนท่ีเต็มก็
คงตอ้ งหามาเพ่ิม
3. การตดิ ตอ่ ส่ือสาร โดยคอมพิวเตอร์ทีเ่ ชื่อมตอ่ เป็นระบบเน็ตเวริ ์ก สามารถตดิ ต่อพดู คยุ กับเคร่อื ง
คอมพวิ เตอร์อ่ืน โดยอาศยั โปรแกรมส่อื สารที่มคี วามสามารถใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอรไ์ ดเ้ ชน่ เดยี วกัน
หรือการใช้อเี มลภ์ ายในก่อให้เครอื ขา่ ย Home Network หรอื Home Office จะเกดิ ประโยชนน์ อี้ กี
มากมาย
4. การใช้อินเทอร์เนต็ รว่ มกัน คอมพิวเตอรท์ กุ เครอื่ งที่เชื่อมต่อในระบบเนต็ เวริ ์กสามารถใชง้ านอนิ เทอร์เนต็
ไดท้ กุ เครอื่ ง โดยมโี มเดม็ ตวั เดยี ว ไมว่ ่าจะเปน็ แบบอนาล็อกหรือแบบดจิ ิตอลอย่าง ADSL ยอดฮิตใน
ปจั จุบนั
13
2. ประเภทของระบบเครือข่าย
1.Peer To Peer
เปน็ ระบบท่เี คร่อื งคอมพวิ เตอรท์ กุ เคร่อื งบนระบบเครือขา่ ยมีฐานเท่าเทยี มกนั คือทกุ เครอ่ื งสามารถจะใชไ้ ฟลใ์ นเคร่ือง
อืน่ ได้ และสามารถใหเ้ คร่อื งอื่นมาใชไ้ ฟลข์ องตนเองได้เช่นกัน ระบบ Peer To Peerมีการทางานแบบดสิ ทรบิ ิวท์
(Distributed System) โดยจะกระจายทรพั ยากรตา่ งๆ ไปสู่เวิรก์ สเตชน่ั อ่ืนๆ แต่จะมปี ัญหาเร่อื งการรักษาความ
ปลอดภยั เนื่องจากข้อมูลทเี่ ป้นความลบั จะถูกส่งออกไปสคู่ อมพวิ เตอรอ์ ืน่ เชน่ กนั โปรแกรมทที่ างานแบบ Peer To
Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware
2. Client / Server
เปน็ ระบบการทางานแบบ Distributed Processing หรอื การประมวลผลแบบกระจาย โดยจะแบง่ การประมวลผลระหว่าง
เครอ่ื งเซิรฟ์ เวอรก์ ับเคร่ืองไคลเอน็ ต์ แทนทีแ่ อพพลเิ คชน่ั จะทางานอยูเ่ ฉพาะบนเครอื่ งเซริ ฟ์ เวอร์ กแ็ บ่งการคานวณของ
โปรแกรมแอพพลเิ คชน่ั มาทางานบนเครือ่ งไคลเอน็ ตด์ ว้ ย และเมือ่ ใดทเ่ี ครื่องไคลเอน็ ต์ต้องการผลลพั ธ์ของข้อมูลบางส่วน
จะมีการเรยี กใช้ไปยงั เคร่อื งเซริ ฟ์ เวอร์ใหน้ าเฉพาะข้อมลู บางสว่ นเทา่ นน้ั สง่ กลับ มาใหเ้ คร่อื งไคลเอน็ ตเ์ พ่อื ทาการคานวณ
ขอ้ มูลนั้นต่อไป
14
3.รูปแบบการเช่ือมต่อของระบบเครือข่าย LAN Topology
1.แบบBus
การเช่ือมต่อแบบบัสจะมสี ายหลกั 1 เส้น เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ทั้งเซริ ฟ์ เวอร์ และไคลเอน็ ต์ทกุ เครอ่ื งจะต้อง
เช่อื มต่อสายเคเบ้ิลหลักเสน้ นี้ โดยเครื่องคอมพวิ เตอร์จะถกู มองเป็น Node เมอื่ เคร่ืองไคลเอน็ ตเ์ ครือ่ งท่ีหนงึ่ (Node
A) ตอ้ งการสง่ ข้อมูลให้กบั เคร่อื งท่ีสอง (Node C) จะตอ้ งส่งขอ้ มลู และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสาย
เคเบล้ิ น้ี เม่อื เครอ่ื งที่ Node C ได้รบั ขอ้ มูลแลว้ จะนาข้อมูล ไปทางานต่อทนั ที
2. แบบ Ring
การเชื่อมตอ่ แบบวงแหวน เป็นการเชื่อมตอ่ จากเครอ่ื งหนึ่งไปยงั อีกเครอ่ื งหน่ึง จนครบวงจร ในการส่งข้อมลู จะ
ส่งออกที่สายสัญญาณวงแหวน โดยจะเป็นการสง่ ผ่านจากเครื่องหนึ่ง ไปสเู่ ครอ่ื งหนง่ึ จนกวา่ จะถงึ เครื่องปลายทาง
ปัญหาของโครงสรา้ งแบบน้คี อื ถา้ หากมีสายขาดในส่วนใดจะทา ใหไ้ มส่ ามารถสง่ ข้อมลู ได้ ระบบ Ring มกี ารใชง้ าน
บนเคร่ืองตระกูล IBM กนั มาก เป็นเครอ่ื งข่าย Token Ring ซ่ึงจะใช้รับส่งขอ้ มลู ระหวา่ งเครื่องมินิหรือเมนเฟรมของ
IBM กับเครอ่ื งลกู ขา่ ยบนระบบ
15
3. แบบ Star
การเชือ่ มต่อแบบสตาร์นจ้ี ะใชอ้ ปุ กรณ์ Hub เปน็ ศนู ยก์ ลางในการเชือ่ มตอ่ โดยทท่ี ุก
เคร่อื งจะตอ้ งผ่าน Hub สายเคเบิล้ ทใ่ี ช้ส่วนมากจะเป็น UTP และ Fiber Optic ในการสง่ ขอ้ มลู
Hub จะเป็นเสมอื นตวั ทวนสญั ญาณ (Repeater) ปจั จบุ นั มกี ารใช้ Switch เป็นอุปกรณใ์ นการ
เชื่อมตอ่ ซง่ึ มปี ระสิทธภิ าพการทางานสงู กวา่
4. แบบ Hybrid
เปน็ การเชอ่ื มต่อทีผ่ สมผสานเครือข่ายยอ่ ยๆ หลายสว่ นมารวมเขา้ ดว้ ยกัน เชน่ นาเอา
เครือขา่ ยระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มาเชื่อมตอ่ เข้าดว้ ยกนั เหมาะสาหรบั บางหนว่ ยงานที่
มเี ครือข่ายเกา่ และใหมใ่ ห้สามารถทางานรว่ มกนั ได้ ซง่ึ ระบบ Hybrid Network นี้จะมโี ครงสรา้ งแบบ
Hierarchical หรอื Tre ท่มี ลี าดบั ชั้นในการทางาน
16
4. อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ในการสือ่ สารข้อมูลคอมพวิ เตอร์
1.โมเดม็ (Modem)
ท่มี ารูปภาพ: http://www.buycoms.com/buyers-guide/modem/index.asp
โมเด็มเป็นฮารด์ แวรท์ ี่ทาหน้าทแ่ี ปลงสญั ญาณแอนะล็อกให้เป็นสญั ญาณดิจติ ลั เมื่อข้อมลู ถกู สง่ มายังผรู้ ับ
ละแปลงสัญญาณดิจิตลั ใหเ้ ปน็ แอนะล็อก เมอ่ื ต้องการสง่ ขอ้ มูลไปบนช่องสื่อสาร กระบวนการท่ีโมเด็มแปลง
สญั ญาณดิจติ ัลให้เปน็ สญั ญาณแอนะล็อก เรียกวา่ มอดเู ลชัน (Modulation) โมเด็มทาหน้าที่ มอดเู ลเตอร์
(Modulator) กระบวนการทโี่ มเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก ใหเ้ ปน็ สญั ญาณแอนะล็อก ใหเ้ ปน็ สัญญาณดจิ ิตลั
เรยี กว่า ดมี อดูเลชนั (Demodulation) โมเด็มหน้าที่ ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator)โมเด็มทใ่ี ชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย
ในปัจจุบันมี 2 ประเภทโมเดก็ ในปจั จุบันทางานเป็นทง้ั โมเดม็ และ เคร่ืองโทรสาร เราเรยี กว่า Faxmodem
17
2.การด์ เครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN
ท่ีมารูปภาพ: http://www.itdestination.com/articles/lancard1000base/
เปน็ อปุ กรณท์ าหน้าท่ีสอ่ื สารระหวา่ งเคร่ืองตา่ งกันได้ไม่จาเปน็ ต้องเป็นรุน่ หรือยีห่ ้อเดียวกัน
แต่หากซอื้ พรอ้ มๆกนั ก็แนะนาให้ซื้อรุ่นและยีห้อเดียวกันจะดกี ว่า
และควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถสง่ ขอ้ มลู ได้เรว็ กวา่ แบบ ISAและเมนบอรด์ ร่นุ ใหม่ๆ
มกั จะไม่มี Slot ISA ควรเปน็ การด์ ท่มี ีความเร็วเปน็ 100 Mbpsซง่ึ จะมรี าคามากกว่าการด์ แบบ 10
Mbps ไมม่ ากนัก แต่ส่งขอมูลไดเ้ ร็วกว่า นอกจากนคี้ ณุ ควรคาหนงึ ถึงขัว้ ตอ่ หรือคอนเน็กเตอรข์ อง
การด์ ด้วยโดยทั่วไปคอนเน็กเตอร์ ของการด์ LAN จะมีหลายแบบ เชน่ BNC , RJ-45 เปน็ ต้น ซง่ึ
คอนเน็กเตอร์แตล่ ะแบบกจ็ ะใชส้ ายทแี่ ตกตา่ งกนั
3. เกตเวย์ (Gateway)
ที่มารปู ภาพ:
http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/computer(10)/network/net_wan9.htm
เกตเวย์ เป็นอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนกิ ส์อีกอย่างหน่ึงทชี่ ่วยในการสื่อสารขอ้ มูลคอมพิวเตอร์หน้าทหี่ ลักคือชว่ ยให้
เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ 2 เครือขา่ ยหรอื มากกว่า ซง่ึ มลี กั ษณะไม่เหมอื นกันสามารถตดิ ต่อสื่อสารกันได้เหมือนเป็น
เครือข่ายเดยี วกัน
18
4. เราเตอร์ (Router)
ท่มี ารปู ภาพ: http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=417552
เราเตอร์เปน็ อปุ กรณ์ในระบบเครือขา่ ยที่ทาหนา้ ที่เปน็ ตวั เชื่อมโยงให้เครือขา่ ยท่ีมขี นาดหรือมาตรฐานใน
การสง่ ขอ้ มลู ตา่ งกนั สามารถติดต่อแลกเปลี่ยนขอ้ มูลระหว่างกนั ได้ เราเตอรจ์ ะทางานอยู่ชัน้ Network หนา้ ที่
ของเราเตอร์กค็ อื ปรบั โปรโตคอล (Protocol) (โปรโตคอลเป็นมาตรฐานในการส่อื สารข้อมลู บนเครอื ขา่ ย
คอมพวิ เตอร์) ทตี่ า่ งกันให้สามารถสอ่ื สารกนั ได้
5. บรดิ จ์ (Bridge)
บริดจ์มลี กั ษณะคลา้ ยเครือ่ งขยายสัญญาณ บรดิ จ์จะทางานอยู่ในช้นั Data Link บริดจท์ างานคลา้ ย
เคร่ืองตรวจตาแหนง่ ของข้อมูล โดยบริดจ์จะรบั ข้อมลู จากต้นทางและส่งให้กบั ปลายทาง โดยทีบ่ รดิ จ์จะไม่มีการ
แก้ไขหรอื เปลยี่ นแปลงใดๆแกข่ ้อมูลบริดจ์ทาใหก้ ารเช่ือมต่อระหวา่ งเครือขา่ ยมีประสทิ ธภิ าพลดการชนกัน ของ
ข้อมลู ลง บรดิ จ์จงึ เปน็ สะพานสาหรบั ขอ้ มูลสองเครือข่าย
19
6. รีพีตเตอร์ (Repeater)
รีพีตเตอร์ เปน็ เครื่องทบทวนสัญญาณข้อมูลในการส่งสญั ญาณข้อมลู ในระยะทางไกลๆ
สาหรบั สญั ญาณแอนะล็อกจะต้องมีการขยายสญั ญาณข้อมลู ที่เริม่ เบาบางลงเน่อื งจาก
ระยะทาง และสาหรบั สัญญาณดจิ ิตัลก็จะตอ้ งมีการทบทวนสัญญาณเพือ่ ป้องกนั การขาด
หายของสัญญาณเน่ืองจากการสง่ ระยะทางไกลๆเช่นกนั รีพีตเตอร์จะทางานอยใู่ นชนั้
Physical
7.สายสญั ญาณ
เปน็ สายสาหรบั เชอ่ื มต่อเครือ่ งคอมพิวเตอรต์ ่างๆในระบบเขา้ ดว้ ยกัน หากเปน็ ระบบที่มจี านวนเครอ่ื ง
มากกวา่ 2 เครือ่ งก็จะตอ้ งต่อผ่านฮบั อกี ทหี น่ึง โดยสายสญั ญาณสาหรับเชอ่ื มตอ่ เครอื่ งในระบบเครือข่าย จะมอี ยู่ 2
ประเภท คือ สาย Coax มีลักษณะเป็นสายกลม คลา้ ยสายโทรทศั น์ สว่ นมากจะเปน็ สดี าสายชนดิ นจ้ี ะใช้กับ
การ์ด LAN ทใ่ี ช้คอนเน็กเตอรแ์ บบ BNC สามารถส่งสญั ญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้จะตอ้ งใชต้ ัว
T Connector สาหรับเชอ่ื มต่อสายสญั ญาณกับการด์ LAN ต่างๆในระบบ และต้องใช้ตัว Terminator ขนาด 50
โอห์ม สาหรับปิดหวั และทา้ ยของสาย
สาย UTP (Unshied Twisted Pair)
เป็นสายสาหรับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเนก็ เตอรแ์ บบ RJ-45 สามารถส่งสญั ญาณไดไ้ กล
ประมาณ 100 เมตร หากคณุ ใข้สายแบบน้จี ะตอ้ งเลือกประเภทของสายอกี โดยทว่ั ไปนยิ มใชก้ ัน 2 รุน่ คอื CAT 3
กบั CAT5 ซง่ึ แบบ CAT3 จะมีความเรว็ ในการสง่ สญั ญาณ10 Mbps และแบบ CAT 5 จะมคี วามเรว็ ในการสง่ ขอ้ มูล
ที่ 100 Mbps แนะนาว่าควรเลอื กแบบ CAT 5 เพอ่ื การอัพเกรดในภายหลังจะได้ไม่ตอ้ งเดนิ สายใหม่ ในการใช้งาน
สายนี้ สาย 1 เส้นจะตอ้ งใชต้ วั RJ - 45 Connector จานวน 2 ตวั เพื่อเป็นตัวเชื่อมต่อระหวา่ งสายสัญญาณจาก
การ์ด LAN ไปยงั ฮบั หรอื เครือ่ งอื่น เชน่ เดียวกับสายโทรศัพท์ ในกรณเี ป็นการเชื่อมตอ่ เครอื่ ง 2 เคร่อื งสามารถใชต้ อ่
ผ่านสายเพียงเส้นเดียไดแ้ ตถ่ า้ มากกวา่ 2 เครือ่ ง ก็จาเป็นต้องต่อผ่านฮับ
20
8. ฮบั (HUB)
ทมี่ ารปู ภาพ: http://it.stoulaws.com/2008/12/hub/
เป็นอปุ กรณช์ ว่ ยกระจา่ ยสญั ญาณไปยังเครอ่ื งตา่ งๆที่อยู่ในระบบ หากเป็นระบบเครอื ขา่ ยที่มี 2
เคร่อื งกไ็ มจ่ าเปน็ ตอ้ งใชฮ้ ับสามารถใช้สายสญั ญาณเชือ่ มต่อ ถึงกันได้โดยตรง แต่หากเป็นระบบทมี่ ี
มากกว่า 2 เครอ่ื งจาเปน็ ต้องมีฮับเพ่ือทาหนา้ ท่ีเปน็ ตัวกลาง ในการเลอื กซือ้ ฮับควรเลือกฮบั ท่มี คี วามเร็ว
เทา่ กบั ความเร็ว ของการด์ เช่น การ์ดมคี วามเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใชฮ้ ับที่มีความเร็วเปน็ 100
Mbps ดว้ ย ควรเปน็ ฮับท่ีมีจานวนพอรต์ สาหรบั ต่อสายทเ่ี พยี งพอกบั เครอ่ื งใช้ในระบบ หากจานวนพอรต์
ตอ่ สายไม่เพียงพอก็สามารถต่อพว่ งได้ แนะนาวา่ ควรเลอื กซ้อื ฮบั ทีส่ ามารถตอ่ พ่วงได้ เพ่ือรองรับการ
ขยายตัวในอนาคต
21
5.ระบบเครอื ข่ายไรส้ าย
ระบบเครอื ข่ายไรส้ าย หรือ ระบบเครอื ขา่ ยแบบ Wireless LAN หรอื WLAN เปน็ การเช่ือมตอ่
คอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สาย (ไม่จาเปน็ ต้องเดินสายเคเบล้ิ ) เหมาะสาหรับการตดิ ตั้งในสถานท่ที ไ่ี ม่สะดวก
ในการเดนิ สาย หรอื ในสถานทท่ี ่ีต้องการความสวยงาม เรยี บรอ้ ย และเปน็ ระเบยี บ เชน่ สนามบิน โรงแรม
ร้านอาหาร เปน็ ต้นหลักการทางานของระบบ Wireless LAN การทางานจะมอี ุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และ
กระจายสัญญาณ หรอื ทเ่ี ราเรียกวา่ Access Point และมี PC Card ทเ่ี ป็น LAN card สาหรบั ในการเชื่อมกับ
access point โดยเฉพาะ การทางานจะใชค้ ล่นื วทิ ยุเป็นการรบั ส่งสัญญาณ โดยมีให้เลอื กใชต้ ง้ั แต่ 2.4 to 2.4897
Ghzและสามารถเลอื ก configใน Wireless Lan (ภายในระบบเครือข่าย Wireless Lanควรเลือกชอ่ งสัญญาณ
เดยี วกัน)
ระยะทางการเชอ่ื มต่อของระบบ Wireless LANภายในอาคาร
1.ระยะ 50 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps
2.ระยะ 80 เมตร ไดค้ วามเรว็ ประมาณ 5.5 Mbps
3.ระยะ 120 เมตร ได้ความเรว็ ประมาณ 2 Mbps
4.ระยะ150 เมตร ได้ความเรว็ ประมาณ 1 Mbps
ภายนอกอาคาร
1.ระยะ 250 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 11 Mbps
2.ระยะ 350 เมตร ไดค้ วามเรว็ ประมาณ 5.5 Mbps
3.ระยะ 400 เมตร ได้ความเร็วประมาณ 2 Mbps
4.ระยะ 500 เมตร ไดค้ วามเรว็ ประมาณ 1 Mbps
22
การเช่ือมต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี 2 ลกั ษณะ ดงั นี้
1.การเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc (Peer to Peer)
โครงสร้างการเช่ือมโยงระบบแบบ Ad-hoc หรือ Peer to Peer เป็นการส่ือสารขอ้ มูลระหวา่ งเคร่ือง
คอมพวิ เตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ตา่ ง ๆ ต้งั แตส่ องเครื่องข้ึนไป โดยที่ไมม่ ีศูนยก์ ลางควบคุมอุปกรณ์ทุก
เคร่ืองสามารถสื่อสารขอ้ มูลถึงกนั ไดเ้ อง ตวั ส่งจะใชว้ ธิ ีการแพร่กระจายคล่ืนออกไปในทุกทิศทุกทางโดย
ไม่ทราบจุดหมายปลายทางของตวั รับวา่ อยทู่ ี่ใด ซ่ึงตวั รับจะตอ้ งอยใู่ นขอบเขตพ้นื ท่ีใหบ้ ริการท่ีคลื่น
สามารถเดินทางมาถึงแลว้ คอยเช็คขอ้ มูลวา่ ใช่ของตน หรือไม่ ดว้ ยการตรวจสอบคา่ Mac Address ผรู้ ับ
ปลายทางในเฟรมขอ้ มูลท่ีแพร่กระจายออกมา ถา้ ใช่ขอ้ มูลของตนกจ็ ะนาขอ้ มูลเหล่าน้นั ไปประมวลผล
ตอ่ ไปการเชื่อมโยงเครือขา่ ยไวร์เลสแลนท่ีใชโ้ ครงสร้างการเช่ือมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถเช่ือมโยง
เขา้ สู่ระบบเครือขา่ ยอีเธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบนระบบไม่มีการใชส้ ญั ญาณเลย
2. การเช่ือมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server)
โครงสร้างการเช่ือมโยงระบบแบบ Infrastructure หรือ Client / Server มีขอ้ พเิ ศษกวา่ ระบบแบบ
Ad-hoc ตรงท่ีมีแอก็ เซสพอยนเ์ ป็นศูนยก์ ลางการเชื่อมโยง (ทาหนา้ ท่ีคลา้ ยฮบั ) และเป็นสะพานเชื่อม
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ไวร์เลสแลนเขา้ สู่เคลือขา่ ยอีเธอร์เน็ตแลนหลกั (Ethernet Backbone)
รวมถึงการควบคุมการส่ือสารขอ้ มูลอุปกรณ์ไวร์เลสแลน
6.ประโยชนข์ องอนิ เทอรเ์ นต็ 23
ปจั จุบนั อินเทอร์เน็ต มคี วามสาคัญต่อชวี ติ ประจาวนั ของคนเรา หลายๆ ดา้ น ทั้งการศกึ ษา พาณชิ ย์
ธุรกรรม วรรณกรรม และอนื่ ๆ ดงั นี้
ดา้ นธุรกจิ และการพาณชิ ย์
ปจั จบุ ันอินเทอร์เน็ต มคี วามสาคญั ต่อชวี ิตประจาวนั ของคนเรา หลายๆ ดา้ น ท้ังการศึกษา พาณิชย์
ธุรกรรม วรรณกรรม และอ่นื ๆ ดงั นี้
-ดา้ นธุรกิจและการพาณชิ ย์
-ค้นหาข้อมลู ต่าง ๆ เพอื่ ชว่ ยในการตัดสนิ ใจทางธรุ กิจ
-สามารถซอ้ื ขายสนิ คา้ ผา่ นระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็
-ผู้ใช้ที่เปน็ บรษิ ัท หรือองค์กรตา่ ง ๆ ก็สามารถเปดิ ใหบ้ รกิ าร และสนับสนนุ ลูกค้าของตน
ผ่านระบบเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ ได้ เช่น การให้คาแนะนา สอบถามปัญหาต่าง ๆ ใหแ้ ก่ลูกคา้
แจกจา่ ยตวั โปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรอื โปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เปน็ ต้น
ดา้ นการบันเทงิ
-การพักผ่อนหยอ่ นใจ สันทนาการ เชน่ การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครอื ข่ายอนิ เทอร์เนต็ ที่เรยี กวา่ Magazine
online รวมทั้งหนงั สอื พมิ พแ์ ละข่าวสารอน่ื ๆ โดยมภี าพประกอบ ทีจ่ อคอมพวิ เตอรเ์ หมือนกับวารสาร ตามรา้ นหนังสอื
ทั่วๆ ไป
-สามารถฟังวิทยผุ ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เนต็ ได้
-สามารถดงึ ขอ้ มลู (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทงั้ ภาพยนตรใ์ หม่ และเกา่ มาดไู ด้
23
ดา้ นสนับสนุนการศึกษา
การใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตเพ่อื การติดตอ่ สื่อสาร เปน็ การใช้อนิ เตอร์เนต็ ในการตดิ ต่อสอื่ สาร ระหว่าง
คณาจารยแ์ ละนกั ศึกษาสถาบนั การศึกษาระดบั อุดมศกึ ษา ไมว่ า่ จะเป็นการสง่ การบา้ น นัดหมาย
อภิปราย แลกเปลย่ี นความคิดเหน็ ตา่ งๆ รวมทั้งการแจกจา่ ยทีอ่ ยู่ทางไปรษณยี อ์ เิ ลคทรอนิคส์ หรอื ที่
อยู่บนเวิลดไ์ วด์เว็บ เนื่องจากมีความสะดวก คอื ใช้เวลาเพยี งไม่กน่ี าทเี ทา่ น้ัน ผู้รับไม่จาเปน็ ต้องรอรับ
ขอ้ มูลอย่เู หมอื นการใช้โทรศพั ท์
นอกจากน้ี ยงั มบี ริการทางอินเตอรเ์ นต็ ซึ่งเป็นทน่ี ิยมในหมู่นักการศกึ ษาอกี ประเภท
คอื LISTSERV ซ่งึ เป็นบริการทีอ่ นุญาตให้นักการศึกษาสามารถสมคั รเป็นสมาชิก ของกลุ่มสนทนา
(Discussion Group) ทมี่ คี วามสนใจในเรือ่ งเดยี วกนั โดยผสู้ นใจจะต้องสง่ อีเมล์ไปยงั ที่อยู่ของกลมุ่
สนทนา ซง่ึ จะนาท่ีอยอู่ ีเมลข์ องผสู้ นใจไปใส่ไว้ใน ลิสต์รายชือ่ สมาชกิ (Mailing list) เมอื่ มีผ้สู ่งข้อความ
มายังกลุ่ม เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ ก็จะทาการคัดลอกและจดั สง่ ข้อมลู นี้ไปตามลสิ ตร์ ายชื่อสมาชกิ ที่มีอยู่
จะทาใหเ้ รารับทราบขอ้ มูลที่ทนั สมยั ตลอดเวลา
การเรยี นการสอนเกี่ยวกบั อินเตอรเ์ น็ต
ในประเทศไทยการเรียนการสอนเกยี่ วกับอินเตอรเ์ นต็ ส่วนใหญ่เป็นในลักษณะของการเปิด
อบรมหลักสตู รระยะสน้ั ให้แก่สมาชิกเครือข่าย หรือประชาชนผู้สนใจท่วั ไป แตอ่ ยา่ งไรก็ตามมี
สถาบันการศกึ ษาหลายแหง่ ได้จัดให้มีการเรยี นการสอนเก่ยี ว กับอินเตอร์เนต็ โดยจัดใหเ้ ป็นส่วนหนึง่
ของการศกึ ษารายวิชาต่างๆ ใหแ้ กน่ กั ศึกษา ทั้งนกี้ ็เพอื่ เป็นการเตรียมใหม้ ีความพร้อมในการที่จะนา
ความรูไ้ ปประยุกตใ์ น การคน้ ควา้ วิจัย หรือทารายงาน ในรายวชิ าตา่ ง ๆและท่ีสาคัญ เปน็ การเรียนรู้
ด้วยตนเอง