The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Keaw Chiro, 2022-06-09 00:22:56

งานสายตรวจ

งานสายตรวจ

คำนำ

ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ีตารวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ตารวจสายตรวจมีโอกาสท่ีจะต้อง
เผชิญกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าต่างๆ ตลอดเวลา การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตารวจสายตรวจและผู้ที่เข้าไป
เผชิญเหตุเป็นคนแรก จึงมีความสาคัญเป็นอย่างมาก และส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ท้ังต่อตัวเจ้าหน้าท่ีตารวจเองและประชาชน รวมถึงประสิทธิภาพในการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ
เพ่อื ประกอบการสืบสวนสอบสวนดาเนินคดตี ามกฎหมายอีกด้วย

สานักงานตารวจแห่งชาติ เล็งเห็นและตระหนักถึงความสาคัญดังกล่าว จึงได้มีคาสั่งท่ี 676/2558
ลงวันท่ี 20 พฤศจิกายน 2558 แต่งตั้งคณะทางานพัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติมาตรฐานสาหรับเจ้าหน้าที่
สายตรวจและเจ้าหน้าที่ผู้ประสบเหตุข้ึน เพ่ือทาการศึกษารายละเอียด รูปแบบ ข้ันตอนการปฏิบัติที่เป็น
มาตรฐานของเจ้าหน้าท่ีตารวจสายตรวจ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตารวจผู้ที่เข้าไปเผชิญเหตุในสถานการณ์ต่างๆ เป็น
คนแรก และระดับการใช้กาลังของเจ้าหน้าท่ีตารวจเพ่ือควบคุม คล่ีคลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ภายใต้ปฏิญญา
สากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แลว้ รวบรวมจัดทาเป็น "ค่มู ือการปฏิบตั ิมาตรฐานสาหรับเจ้าหน้าท่ีตารวจสายตรวจ
และเจ้าหน้าที่ตารวจผู้ประสบเหตุ 2559" เพ่ือให้สะดวกต่อการศึกษาทาความเข้าใจ และใช้เป็นแนวทาง
ในการปฏบิ ตั งิ านให้เป็นอยา่ งถูกตอ้ งตามหลกั กฎหมายและยุทธวิธกี ารปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานสากล

ทา้ ยที่สุดน้ี ขอขอบคุณ พลตารวจโท ปิยะ สอนตระกูล ผูช้ ่วยผู้บญั ชาการตารวจแห่งชาติ คณะทางาน
และเจ้าหน้าทผี่ เู้ ก่ียวข้องทุกฝ่าย ท่ไี ดร้ ่วมกนั จัดทา "คู่มือการปฏบิ ัตมิ าตรฐานสาหรับเจา้ หนา้ ท่ีตารวจสายตรวจ
และเจ้าหน้าที่ตารวจผู้ประสบเหตุ 2559" เล่มน้ี จนสาเร็จลุล่วงเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้
และหวังเป็นอย่างยิ่งวา่ คู่มือเล่มนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อหน่วยงานและข้าราชการตารวจผู้ปฏิบัติงาน และทาให้
การปฏิบัติหน้าที่เกดิ ประสิทธภิ าพสูงสดุ ต่อไป

พลตำรวจเอก
(จักรทิพย์ ชัยจนิ ดำ)

ผู้บัญชำกำรตำรวจแหง่ ชำติ

สารบัญ

หนา้

คานา

สารบัญ

บทที่ 1 อานาจและหนา้ ท่ีของตารวจสายตรวจ 1
- สายตรวจกับการสบื สวน 2
- สายตรวจกับการสอบสวน 3
- สายตรวจกับการปอ้ งกันอาชญากรรม 3
- สายตรวจกับการปราบปราม 4
- สายตรวจกับการใหบ้ รกิ าร 4
- คุณสมบตั ิของตารวจสายตรวจ 5
- ภารกิจอานาจหนา้ ที่ของสายตรวจ

บทท่ี 2 การเผชิญเหตุ 14
- การปฏิบัตมิ าตรฐานสาหรับเจ้าหนา้ ที่ตารวจผเู้ ผชญิ เหตุคนแรก 14
- ขั้นตอนการปฏบิ ตั ขิ องเจา้ หน้าท่ีตารวจผ้เู ผชญิ เหตคุ นแรก 19
- อาวุธและอปุ กรณส์ าหรบั เจ้าหนา้ ที่ตารวจผู้เผชญิ เหตุคนแรก

บทที่ 3 แนวทางการปฏบิ ตั ิท่ีจาเปน็ สาหรับเจา้ หนา้ ที่ตารวจผู้เผชญิ เหตุหรือไปถึงทีเ่ กิดเหตุคนแรก 22
- กรณเี หตุไมว่ กิ ฤติ
- กรณเี หตุวิกฤติ 23
เหตุลักทรัพย์ 25
เหตุชิงทรพั ย์ ธนาคาร รา้ นทอง รา้ นสะดวกซอ้ื 26
เหตุจับตัวประกนั ในเหตุต่าง ๆ 27
เหตุเพลงิ ไหม้ 28
เหตุพบวัตถตุ ้องสงสัย

บทที่ 4 ระดบั การใช้กาลังของเจา้ หน้าท่ตี ารวจเพ่ือแกไ้ ขสถานการณ์ (USE OF FORCE) 29
- ท่มี าและความสาคัญของระดับการใชก้ าลังของเจ้าหน้าท่ีตารวจ 29
- การศกึ ษาแบบระดับการใช้กาลงั ของเจา้ หน้าทต่ี ารวจ 33
- คาอธบิ ายทั่วไปเกีย่ วกบั การกระทาของผู้ต้องสงสัย/ผูก้ ระทาผิด 38
- คาอธบิ ายท่วั ไปเกี่ยวกับการปฏิบตั ขิ องเจา้ หนา้ ทีต่ ารวจ

สารบัญ (ต่อ) หนา้

ภาคผนวก
ผนวก ก หลักสทิ ธิมนุษยชนท่ีต้องคานึงถึงในการปฏบิ ตั ิหน้าทีข่ องเจ้าหนา้ ทตี่ ารวจ
ผนวก ข ตวั อย่างบนั ทึกการจับกมุ
ผนวก ค ตวั อยา่ งบนั ทึกการตรวจคน้
ผนวก ง ตัวอยา่ งบันทกึ การแจง้ สทิ ธิ
ผนวก จ ภาพแสดงตาหนริ ปู พรรณบุคคล
ผนวก ฉ คาสัง่ สานกั งานตารวจแห่งชาติ ท่ี 676/2558 แต่งตงั้ คณะทางานพัฒนาข้ันตอน
การปฏิบัตมิ าตรฐานสาหรับเจ้าหนา้ ท่ีสายตรวจและเจ้าหน้าทผ่ี ู้ประสบเหตุ
ผนวก ช คาส่งั คณะทางานฯ ที่ 1/2559 แต่งตัง้ คณะทางานยอ่ ยพัฒนาข้นั ตอนการปฏิบัติ
มาตรฐานสาหรับเจา้ หนา้ ที่สายตรวจและเจ้าหนา้ ที่ผ้ปู ระสบเหตุ

บรรณานุกรม

สารบญั รูปภาพ

หนา้

รปู ที่ 1 ปล่อยแถวสายตรวจ 1

รูปท่ี 2 เจา้ หน้าท่ีตารวจสายตรวจเขา้ ตรวจสอบทเ่ี กดิ เหตุรว่ มกับพนักงานสอบสวน 2

รปู ที่ 3 เจา้ หน้าทต่ี ารวจสายตรวจทาการออกตรวจโดยรถจกั รยานยนต์ 3

รปู ที่ 4 เจ้าหน้าทตี่ ารวจสายตรวจทาการตรวจคน้ จบั กุมคนรา้ ย ในฐานะผู้เผชิญเหตคุ นแรก 4

รปู ที่ 5 เจา้ หนา้ ท่ตี ารวจสายตรวจเดนิ เทา้ ออกตรวจพ้ืนทเี่ พื่อสอดส่องดูและความเรียบร้อย

และใหค้ วามมน่ั ใจกับนักท่องเทย่ี ว 4

รปู ท่ี 6 งานสายตรวจประเภทตา่ ง ๆ 5

รปู ท่ี 7 กอ่ นออกปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ที ุกคร้งั ผู้บังคับบัญชาตอ้ งตรวจสอบอุปกรณป์ ระจาตัวสายตรวจ

และฝึกทบทวนยุทธวิธตี ่าง ๆ เพอื่ สร้างความม่นั ใจในการปฏิบัติหนา้ ที่ 5

รปู ที่ 8 เจ้าหนา้ ทตี่ ารวจสายตรวจทาการตรวจค้นจบั กุมคนร้าย 6

รปู ท่ี 9 เจา้ หนา้ ทีต่ ารวจสายตรวจทาการตรวจค้นบคุ คล 9

รูปที่ 10 เจ้าหนา้ ที่ตารวจสายตรวจทาการตรวจค้นรถยนต์ 10

รูปที่ 11 เจ้าหน้าท่ีตารวจสายตรวจทาการตรวจค้นบา้ น 11

รูปที่ 12 สง่ิ ของทีต่ รวจยึดได้จากการกระทาความผดิ ต้องแยกให้ถูกวธิ ี 13

รูปท่ี 13 ภารกิจต่าง ๆ ของเจา้ หนา้ ท่ีตารวจสายตรวจด้านมวลชนสมั พนั ธ์ เพ่ือสร้างความมน่ั ใจใหท้ ้องถิ่น 13

รปู ท่ี 14 เจ้าหนา้ ทต่ี ารวจสายตรวจทาการสอบถามเหตุการณเ์ บ้ืองต้นจากเจ้าหนา้ ทธ่ี นาคาร

ในเหตคุ นรา้ ยปลน้ ธนาคาร 14

รปู ที่ 15 เจ้าพนักงานวทิ ยุเม่ือได้รบั แจง้ เหตุ จงึ ได้รายงานผบู้ ังคับบัญชาและหน่วยงานท่ีเกย่ี วข้อง 15

รูปที่ 16 หนว่ ยสนับสนุนรับทราบสถานการณ์จากหัวหนา้ ชุดกอ่ นเขา้ ไปปฏิบตั หิ นา้ ท่ี 16

รปู ท่ี 17 หวั หน้าเหตุการณป์ ระชุมวางแผนก่อนออกปฏิบัติหนา้ ที่ 16

รูปท่ี 18 เจา้ หนา้ ที่ตารวจสายตรวจให้การชว่ ยเหลือผูป้ ระสบอุบัติเหตุทางถนน 17

รูปท่ี 19 เจ้าหน้าที่ตารวจสายตรวจเขา้ จบั กุมผู้กระทาผดิ ตามหลักยุทธวธิ ี 17

รูปที่ 20 เจา้ หนา้ ที่ตารวจสายตรวจปิดก้นั สถานท่ีเกิดเหตุ 18

รูปท่ี 21 ระดบั การใชก้ าลังของเจ้าหน้าท่ตี ารวจเพ่อื แก้ไขสถานการณ์ (Use of Force) 30

บทท่ี 1

อำนำจและหน้ำท่ขี องตำรวจสำยตรวจ

ตำรวจ หมายถึง “เจ้าหน้าที่ของรฐั ที่มีหน้าที่ตรวจตรารักษาความสงบ จบั กุม และปราบปรามผกู้ ระทา
ผิดกฎหมาย”

เจ้ำหน้ำท่ีตำรวจสำยตรวจ หมายถึง ข้าราชการตารวจที่ได้รับคาส่ังจากทางราชการให้ทาหน้าท่ีออก
ตรวจตราดแู ลความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพอ่ื ปอ้ งกันปราบปรามอาชญากรรม

อำนำจ หมายถึง ความชอบท่ีจะกระทาได้ตามบทบัญญัติของกฎหมาย
หน้ำที่ หมายถึง ภาระที่จักต้องกระทาตามหนา้ ทีจ่ ากบทบัญญตั ิของกฎหมายและจารีตประเพณี
การดาเนินการในการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้แก่ การสืบสวน การสอบสวน การป้องกัน การ
ปราบปรามและการใหบ้ ริการแก่ประชาชน ระดบั ของความสงบเรยี บร้อยน้นั คอื การไม่ละเมดิ ต่อบทบญั ญัติของ
กฎหมาย
สาหรับตารวจน้ัน การปฏิบัติหน้าท่ีในการรักษาความสงบเรียบร้อยหรือการบังคับใช้กฎหมาย โดยหลัก
ตารวจจะกระทาการอันเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนไม่ได้ เว้นแต่ว่าจะมีกฎหมายบัญญัติ และ
ตารวจ จะตอ้ งกระทาการไปตามเงื่อนไขตามกฎหมายที่กาหนด

รูปภำพท่ี 1 ปลอ่ ยแถวสำยตรวจ
สำยตรวจกับกำรสืบสวน ตารวจสายตรวจ กฎหมายให้อานาจในการสืบสวนคดีอาญาและเหตุการณ์
ทั้งหลายที่เส่ียงแก่ความสงบเรียบร้อยได้ทั่วราชอาณาจักร โดยท่ัวไปสายตรวจของสถานีตารวจแห่งหนึ่งจะไม่ไป
ทาการสืบสวนคดีอาญาของอีกท้องที่หนึ่ง เพราะเป็นเร่ืองของการมีอานาจแต่ไม่มีหน้าท่ีรับผิดชอบโดยตรง
เจ้าหน้าที่ตารวจสายตรวจท่ีกาลังตรวจอยู่ในท้องท่ีสถานีตารวจของตนนอกจากจะปฏิบัติหน้าท่ีในการรักษา
ความสงบเรียบร้อย แล้วตอ้ งมีหน้าท่ใี นการสืบสวนคดอี าญาในท้องท่ขี องตนดว้ ย

2

วิธีการสืบสวน มีได้ 2 กรณี กล่าวคือ การสืบสวนท่ีเป็นการละเมิดสิทธิและหรือเสรีภาพของประชาชน
ดังนั้นจะต้องพิจารณาว่ามีกฎหมายให้อานาจในการกระทาได้หรือไม่ หากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อานาจไว้ก็ทาไม่ได้
การสืบสวนอีกประเภทหน่ึง คือ การสืบสวนท่ีมิได้มีผลไปในทางละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ใด กรณีน้ีสาย
ตรวจสามารถกระทาการได้ เช่น การจอดรถ สงั เกตการณ์ การเขา้ ไปพดู คยุ สอบถามเรอื่ งราวกับบุคคลต่าง ๆ

กำรสืบสวน หมายความถึง การแสวงหาข้อเท็จจริงและหลักฐานซ่ึงตารวจได้ปฏิบัติไปตามอานาจและ
หน้าท่ีเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน เพื่อท่ีจะทราบรายละเอียดแห่งความผิดดังท่ีกล่าวไว้ใน
ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา

ดังนั้น การสืบสวนจงึ มีได้ทง้ั การสบื สวนกอ่ นเกิดเหตุ ขณะเกดิ เหตุ และหลังเกดิ เหตุ
สาหรับข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ได้มาจากการสืบสวนหลังเกิดเหตุนาส่งพนักงานสอบสวนทาการ
สอบสวนข้อเท็จจริงและหลักฐานเหล่านี้จะเป็นพยานหลักฐานในสานวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ต่อไป ตารวจสายตรวจในขณะทาหนา้ ทีส่ ืบสวนจะต้องมกี ารทาบนั ทึกไว้เสมอ
บันทึก หมายถึง หนังสือท่ีตารวจจดไว้เป็นหลักฐานในการสืบสวนคดีอาญา การจัดทาบันทึกอาจจะ
กระทาได้หลายวิธี ตวั อย่างเช่น การจดบันทึกในกระดาษ หรอื สมุดพก หรือบนั ทกึ ดว้ ยกลอ้ งถา่ ยรูป เป็นต้น
สำยตรวจกับกำรสอบสวน การสอบสวน หมายถึง การรวบรวมพยานหลักฐานและการดาเนินการ
ทั้งหลายอ่ืนตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายน้ีซ่ึงของพนักงานสอบสวนได้ทาไปเกี่ยวกับความผิดท่ีกล่าวหา
เพื่อที่จะทราบขอ้ เท็จจริง ในการพิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ ของผู้ถูกกล่าวหา เพื่อจะเอาตัวผู้กระทาผิดท่ีแท้จริง
มาฟ้องลงโทษ ดังน้ันสายตรวจจึงไม่ใช่พนักงานสอบสวนแต่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ทาการสืบสวนและอยู่ในฐานะ
ผชู้ ว่ ยเหลอื พนักงานสอบสวน

รูปภำพที่ 2 เจำ้ หน้ำทีต่ ำรวจสำยตรวจเข้ำตรวจสอบทเ่ี กิดเหตรุ ่วมกับพนักงำนสอบสวน

3

สำยตรวจกับกำรปอ้ งกนั อำชญำกรรม หลกั การของการปอ้ งกัน คือ
1. ป้องกันมิให้มอี าชญากรรมเกิดขน้ึ ในท้องท่ที ีร่ ับผดิ ชอบ
2. หากมีเหตุเกิดขึ้นจะต้องไม่ก่อให้เกิดความรุนแรง โดยวัดได้จากการสูญเสียชีวิต การบาดเจ็บ

ความเสียหายต่อทรัพย์สิน การกระทบกระเทือนต่อจิตใจของประชาชน กล่าวคือจะต้องยับย้ังไม่ให้เกิดความ
รุนแรง อันได้แก่ การมาถึงจุดท่ีเกิดเหตุในระยะเวลาอันรวดเร็ว มีความรู้ทางยุทธวิธีในการยับย้ังเพ่ือไม่ให้เกิด
ความรนุ แรง

3. กระทาการมิใหเ้ กดิ การลุกลามขยายวงของความเสียหายออกไป
4. สามารถแกไ้ ขและควบคุมสถานการณ์ให้สู่ความปกติได้
5. สามารถเยยี วยาแกไ้ ขใหก้ ลบั มาส่สู ภาพเดิม หรือใกลเ้ คียงกับสภาพเดมิ

รปู ภำพท่ี 3 เจำ้ หน้ำที่ตำรวจสำยตรวจทำกำรออกตรวจโดยรถจกั รยำนยนต์

หลักกำรและเทคนิคของกำรป้องกันอำชญำกรรม ได้แก่ กำรแสดงตัว กำรปรำกฏตัว กำรตรวจค้น
กำรแสวงหำควำมร่วมมอื จำกประชำชน กำรสรำ้ งแหล่งขอ้ มลู กำรนำข้อมลู มำใช้ กำรวำงแผน เปน็ ตน้

สำยตรวจกับกำรปรำบปรำม ในความหมายนี้ หมายถึง เมื่อมีอาชญากรรมหรือมีเหตุเกิดข้ึนเจ้าหน้าที่
ตารวจสายตรวจจะต้องเป็นผู้ใช้อานาจและหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ยังมีอานาจค้นตัว
บุคคล ยานพาหนะ จับกุม การควบคุมตัวผู้ถูกจับและส่งไปยังที่ทาการของพนักงานสอบสวน การยึดไว้ซ่ึงทรพั ย์
ที่มีไว้ ได้ใช้หรือได้มาจากการกระทาผิดหรือสิ่งของต่างๆ ท่ีอาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ การรับแจ้งเหตุ
การรบั คารอ้ งทุกข์

4

รูปภำพท่ี 4 เจำ้ หนำ้ ท่ีตำรวจสำยตรวจทำกำรตรวจคน้ จบั กุมคนร้ำย ในฐำนะผเู้ ผชิญเหตุคนแรก
สำยตรวจกับกำรให้บริกำร การให้บริการกับประชาชนเป็นส่วนหน่ึงของการรักษาความสงบเรียบร้อย
สายตรวจจะต้องคานึงเสมอว่าการให้บริการต่อประชาชนนั้นจะต้องไม่กระทบต่อภารกิจหลัก คือ ปฏิบัติหน้าที่
สายตรวจเพื่อการรกั ษาความสงบเรียบรอ้ ย

รปู ภำพท่ี 5 เจ้ำหนำ้ ที่ตำรวจสำยตรวจเดนิ เทำ้ ออกตรวจพ้นื ทเ่ี พ่อื สอดสอ่ งดแู ลควำมเรียบรอ้ ย
และให้ควำมมนั่ ใจกับนักท่องเท่ียว

คุณสมบัตขิ องตำรวจสำยตรวจ ไดแ้ ก่
1. มอี ายรุ ะหว่าง 22 - 45 ปี
2. มีสมรรถภาพทางรา่ งกายอยใู่ นเกณฑ์ดี
3. มคี วามซอื่ สัตยส์ จุ ริตและมีจติ อาสา
4. มีมนุษยส์ มั พันธ์ดี เข้ากับประชาชนในท้องที่ได้
5. ตอ้ งเปน็ ผมู้ คี วามรู้ในตัวบทกฎหมายและยุทธวิธีตารวจสาหรับการปฏบิ ัตหิ น้าท่ี
6. ต้องเปน็ ผมู้ ีระเบยี บวนิ ัย และมคี วามเสยี สละเพ่ือสว่ นรวม
7. ผ่านการฝกึ อบรมหลักสตู รการปฏิบัติหน้าทีส่ ายตรวจ
8. มคี ณุ สมบัติครบตามคุณสมบัติเฉพาะตาแหน่งสายตรวจท่ี ก.ตร. กาหนดไว้

5

รูปภำพที่ 6 งำนสำยตรวจประเภทต่ำง ๆ
ภำรกิจอำนำจหนำ้ ที่ของสำยตรวจ

1. กำรปฏบิ ัตติ ำมคำสั่งของผู้บังคบั บญั ชำ การปฏบิ ตั ติ ามแผนการตรวจ

รปู ภำพท่ี 7 กอ่ นกำรออกปฏิบตั ิหน้ำที่ทกุ คร้ังผู้บงั คบั บญั ชำต้องตรวจควำมพร้อมทั้งดำ้ นรำ่ งกำยและ
อุปกรณ์ประจำตวั สำยตรวจ และฝึกทบทวนยุทธวธิ ีตำ่ งๆ
2. กำรรับแจ้งเหตุ ไม่ว่าจากปากคาของประชาชน จากโทรศัพท์มือถือ จากเคร่ืองมือส่ือสาร

จากวิทยุ กระจายเสียง จากโทรทัศน์ จากน้ันควรจะต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ได้รับ และ
รายละเอยี ดที่สาคัญ เชน่ สภาพสถานการณท์ เี่ กิดขน้ึ มีผไู้ ด้รับบาดเจบ็ หรือไม่ คนร้ายมอี าวธุ หรือไม่ เป็นต้น และ
จะต้องไปยังท่ีเกดิ เหตุโดยรวดเรว็

6

3. กำรจัดกำรกับคำร้องทุกข์ ผู้เสียหายจะร้องทกุ ขก์ ับตารวจสายตรวจกไ็ ด้
- ผู้ร้องทกุ ขม์ หี นงั สือร้องทกุ ข์ สายตรวจจะต้องรบี จดั การนาสง่ พนกั งานสอบสวน
- ผเู้ สียหายร้องทุกขด์ ้วยปาก ให้สายตรวจรีบจดั การใหผ้ ู้เสยี หายไปพบพนักงานสอบสวนหรือ

สายตรวจอาจจะจดบนั ทกึ แล้วรีบส่งใหพ้ นักงานสอบสวน
4. อำนำจในกำรจบั
4.1 สำยตรวจมอี ำนำจจับได้ ดงั น้ี
4.1.1 จบั บคุ คลตามหมายจับ นอกจากหมายจับตน้ ฉบบั แล้ว เอกสารหรือหลกั ฐาน

ดังตอ่ ไปน้ี กส็ ามารถดาเนินการจับได้
1) สาเนาหมายจบั ท่ีได้รบั รองวา่ ถูกตอ้ งแล้ว
2) สาเนาหมายจับที่ส่งทางโทรสาร ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่ือเทคโนโลยี

สารสนเทศประเภทอืน่
4.1.2 จับบุคคลที่ได้กระทาผิดซ่ึงหน้าสายตรวจ (เห็นกาลังกระทาหรือพบในอาการใด

ซ่ึงแทบจะไม่มีความสงสยั เลยว่าเขาไดก้ ระทาผดิ มาแล้วสดๆ)
4.1.3 จับบุคคล เมื่อสายตรวจเห็นหรือพบบุคคลนั้นถูกไล่จับด่ังผู้กระทาโดยมี

เสียงรอ้ งเอะอะ
4.1.4 จับบุคคล เมื่อสายตรวจพบบุคคลน้ันแทบจะทันทีทันใดหลังจำกกำรกระทำผิด

ในถิ่นแถวใกล้เคียงกับท่ีเกิดเหตนุ ้ันและมีส่ิงของท่ีได้มาจากกระทาผิด หรือมีเคร่ืองมือ อาวุธหรือวัตถุอยา่ งอ่ืนอัน
สันนิษฐานไดว้ า่ ได้ใช้ในการกระทาผิดหรอื มีรอ่ งรอยพิรธุ เห็นประจักษท์ ่เี สื้อผา้ หรือเนื้อตวั ของผนู้ ้ัน

หมายเหตุ ตามข้อ 4.1.3 และ 4.1.4 ต้องเป็นความผิดอาญาดั่งที่ระบุไว้ในบัญชีท้าย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เช่น ลักทรัพย์ ว่ิงราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ กรรโชกทรัพย์
ประทษุ ร้ายแกช่ ีวติ รา่ งกาย ขม่ ขนื กระทาชาเรา

4.1.5 การจับนั้นไม่ว่าจะมีหมายจับหรือไม่ก็ตาม หากจะจับในที่รโหฐานจะต้องปฏิบัติ
ตามในเรื่องการค้นในทรี่ โหฐานด้วย

รปู ภำพที่ 8 เจ้ำหนำ้ ท่ีตำรวจสำยตรวจทำกำรตรวจค้นจับกมุ คนรำ้ ย

7

4.2 วิธกี ำรจบั สายตรวจต้องดาเนนิ การดงั นี้
4.2.1 แจ้งผู้ที่จะถูกจับว่าเขำต้องถูกจับและส่ังให้ผู้ถกู จับไปยงั ที่ทำกำรของพนักงำน

สอบสวนแห่งท้องที่ที่ถูกจับ เว้นแต่ถ้ำสำมำรถนำตัวไปยังที่ทำกำรของพนักงำนสอบสวนผู้รับผิดชอบได้ใน
ขณะนั้นก็ให้นำไป แต่ถ้ำจำเป็นก็ให้จับตัวไป ถ้าเป็นการจับตามหมายจับผู้จับจะขอความช่วยเหลือจากบุคคล
ใกลเ้ คียงเพ่อื ทาการจบั กไ็ ด้ แตจ่ ะบงั คบั ใหบ้ ุคคลนัน้ ช่วยโดยอาจเกดิ อันตรายแก่เขาไม่ได้

4.2.2 แจ้งขอ้ กล่าวหาให้ผู้ถกู จบั ทราบ หากมีหมายจบั ให้แสดงตอ่ ผ้ถู กู จับ
4.2.3 แจง้ สทิ ธผิ ู้ถกู จับให้ทราบวา่

1) ผู้ถูกจับมีสิทธิท่ีจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ หากให้การถ้อยคานั้นอาจใช้เป็น
พยานหลักฐานในการพจิ ารณาคดีในชนั้ ศาลได้

2) ผู้ถกู จับมสี ทิ ธิท่ีจะพบและปรึกษาทนายความหรือผ้ซู ่งึ จะเป็นทนายความได้
โดยเจ้าหน้าทส่ี ายตรวจตอ้ งพดู ข้อความในลักษณะต่อไปน้ี

(1) กรณเี ปน็ กำรจบั โดยไม่มีหมำยจบั
"คุณถูกจบั แลว้ ในข้อหา.....................................คุณมสี ทิ ธทิ ่จี ะให้การหรือ

ไม่ให้การก็ได้ ถ้าคุณให้การถ้อยคานั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ และคุณมีสิทธิท่จี ะพบและ
ปรึกษาทนาย หรือผู้ซงึ่ จะเป็นทนายความได้"

(2) กรณีเป็นการจบั โดยมหี มายจบั หรือคาส่งั ศาล
"คุณถูกจับตามหมายจับของศาล...........ท่ี......./25........ลงวันที่...........ใน

ข้อหา...........................คณุ มีสทิ ธิท่ีจะให้การหรือไม่ให้การกไ็ ด้ ถา้ คุณให้การถ้อยคาน้ันอาจใชเ้ ปน็ พยานหลักฐาน
ในการพจิ ารณาคดไี ด้ คุณมสี ทิ ธิท่จี ะพบและปรึกษาทนาย หรอื ผซู้ ่ึงจะเปน็ ทนายความได"้

นอกจากน้ี ให้สายตรวจผู้จับบันทึกเก่ียวกับกำรแจ้งสิทธิ (ตามผนวกท่ีแนบ)
ดังกล่าวขา้ งต้นไว้ในบันทึกการจับกุมด้วย โดยให้ปรากฏข้อความว่า "ผู้จับได้แจ้งให้ผู้ถูกจับทราบแล้ววา่ เขาต้อง
ถกู จับในข้อหาดังกล่าวและมีสิทธิท่ีจะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ถ้าให้การถ้อยคาน้ันอาจใช้เป็นพยานหลักฐานใน
การพิจารณาคดีได้ และมีสิทธิที่จะพบหรือปรึกษาทนายความ หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความได้" จากนั้นจึงบันทึก
คาใหก้ ารของผู้ถกู จบั ลงในบกั ทกึ การจบั

3) ถ้าผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้งให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจทราบถึงการจับกุม
หากสามารถดาเนินการได้โดยสะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับหรือการควบคุม หรือทาให้เกิดคว าม
ไมป่ ลอดภยั แก่บุคคลหน่ึงบคุ คลใด สายตรวจผู้จบั สามารถอนุญาตใหผ้ ถู้ ูกจับดาเนินการได้ตามสมควร

4.2.4 บันทึกการจับไว้ (ต้นฉบับ 1 สาเนาอย่างน้อย 2) สาหรับถ้อยคาที่ผู้ถูกจับให้กับ
ผู้จับน้ันหากเป็นถ้อยคำรับสำรภำพว่ำเป็นผู้กระทำผิด กฎหมายห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐาน แต่ถ้ำเป็น
ถ้อยคำ อ่ืนจะรับฟังเป็นพยำนหลักฐำนในกำรพิสูจน์ควำมผิดของผู้ถูกจับได้ต่อเมื่อได้มีกำรแจ้งสิทธิตำมข้อ
4.2.3 แก่ผูถ้ ูกจบั แลว้

8

4.2.5 ส่งั ให้ผถู้ ูกจับไปยังทีท่ าการของพนกั งานสอบสวนพรอ้ มผ้จู ับ ดงั น้ี
1) ไปยงั ที่ทาการของพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ท่ีถกู จบั
2) หากสามารถนาผู้ถูกจบั ไปยงั ที่ทาการของพนักงานสอบสวนผรู้ บั ผิดชอบได้ใน

ขณะท่จี ับนน้ั ให้ไปยงั ทที่ าการของพนกั งานสอบสวนผรู้ ับผดิ ชอบ
4.2.6 ถ้ามคี วามจาเป็นกใ็ ห้จับตัวผู้กระทาผดิ ไปได้ โดยใหถ้ ูกตอ้ งตามท่ีรัฐธรรมนูญและ

กฎหมายใหอ้ านาจไว้
4.2.7 ถ้าบุคคลซึ่งจะถูกจับขัดขวำงหรือจะขัดขวางการจับ หรือหลบหนีหรือพยายาม

จะหลบหนี สายตรวจผูจ้ บั มอี ำนำจใชว้ ิธีหรือกำรปอ้ งกันเท่ำท่ีเหมำะแกพ่ ฤตกิ ำรณ์แห่งเร่ืองในการจับผูถ้ ูกจับน้ัน
4.2.8 สายตรวจผู้จับมีอานาจค้นตัวผู้ต้องหาและยึดส่ิงของต่าง ๆ ท่ีอาจใช้เป็น

พยานหลกั ฐานได้ การคน้ ตอ้ งทาโดยสภุ าพ คน้ ผู้หญิงตอ้ งใหผ้ หู้ ญิงเป็นผู้ตรวจคน้
4.2.9 สายตรวจผู้จับมีอานาจในการใช้วิธีควบคุมผู้ถูกจับเท่าที่จาเป็นเพื่อป้องกันมิให้

เขาหลบหนีเทา่ นน้ั
4.2.10 สายตรวจผู้จับต้องนาตัวผู้ถูกจับไปยังท่ีทาการพนักงานสอบสวนตามข้อ 4.2.5

โดยทันที และส่งตัวผู้ถูกจับให้กับตารวจของท่ีทาการดังกล่าว (พร้อมบันทึกการจับต้นฉบับ และสิ่งของท่ียึดไว้)
ในกรณจี าเป็นผู้จับจะจดั การพยาบาลผู้ถูกจับเสยี ก่อนท่ีจะนาตวั ไปสง่ กไ็ ด้

4.2.11 ณ ที่ทาการของพนักงานสอบสวนที่นาผู้ถูกจับไปส่ง ให้สายตรวจผู้จับแจ้งข้อ
กล่าวหาและรายละเอียดเกย่ี วกบั เหตุแห่งการถกู จับใหผ้ ู้ถูกจับทราบ ถ้ามหี มายจับให้แจ้งให้ผ้ถู กู จบั ทราบและ
อ่านใหผ้ ถู้ กู จบั ฟัง และมอบสาเนาบันทกึ การจบั แก่ผ้ถู ูกจบั

5. อำนำจในกำรคน้ บคุ คลในท่สี ำธำรณะ
5.1 การค้นบุคคลใดในทสี่ าธารณสถานจะกระทาไดต้ อ่ เมอ่ื พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจ

เป็นผู้ค้นในเม่ือมีเหตุอันควรสงสัยว่ำบุคคลที่จะถูกค้นน้ันมีส่ิงของในควำมครอบครองเพ่ือจะใช้ในกำร
กระทำควำมผดิ หรอื ซึ่งไดม้ ำโดยกำรกระทำควำมผดิ หรือซ่งึ มีไว้เป็นควำมผิด ดงั น้นั สายตรวจจงึ มีอานาจทจี่ ะ
คน้ ตัวบุคคลในทีส่ าธารณะได้ โดยบุคคลท่ีจะถกู คน้ น้ันตอ้ งมีเหตุ อันควรตอ้ งสงสัยวา่ มสี ง่ิ ของในความครอบครอง

1) เพอ่ื จะใชใ้ นการกระทาความผิด หรือ
2) ซงึ่ ไดม้ าโดยการกระทาความผิด หรอื
3) ซึ่งมีไว้เป็นความผิด (สายตรวจผู้ค้นต้องสามารถตอบได้ว่าท่ีค้นตัวบุคคลนั้นเพ่ืออะไร
มใิ ช่ค้นบคุ คลใดกไ็ ดโ้ ดยไม่มเี หตุผลอันเปน็ การไม่ปฏบิ ัตติ ามกฎหมาย)

9

รูปภำพที่ 9 เจ้ำหน้ำทีต่ ำรวจสำยตรวจทำกำรตรวจค้นบุคคล
5.2 ก่อนลงมือค้นสายตรวจต้องแสดงตวั และความบรสิ ุทธิ์ต่อผู้ถูกคน้ เสยี ก่อน
5.3 การค้นต้องทาโดยสุภาพ การค้นผู้หญิงต้องให้หญิงอื่นเป็นผู้ค้น และถ้าเป็นไปได้ควรมี
พยานในการคน้ ด้วย
5.4 หากมีสง่ิ ของท่ยี ดึ จากการคน้ ให้บรรจหุ บี ห่อตตี รำไวห้ รือทำเคร่ืองหมำยไวเ้ ปน็ สำคัญ
5.5 เมื่อเสร็จส้ินการค้น หากต้องยึดส่ิงของที่ได้จากการค้นต้องทำบันทึกกำรค้นและบัญชี
สิ่งของไว้ อ่ำนให้ผู้ถูกค้นฟังและให้ผู้ถูกค้นลงลำยมือช่ือรับรองไว้ (รวมท้ังพยาน ถ้ามี) และรีบนาบันทึกบัญชี
และสง่ิ ของ สง่ พนักงานสอบสวน หากตอ้ งจับผ้ถู กู ค้นให้ดาเนินการตามวิธีการจับในข้อ 4
5.6 ถ้าเป็นไปได้ควรทำบันทึกกำรค้นไว้ทุกครั้ง (ตามผนวกที่แนบ) และให้ผู้ถูกค้น
ลงลายมือช่ือไว้ด้วย แม้ว่าค้นแล้วไม่พบส่ิงของตามที่สงสัยก็ตาม เพื่อเป็นหลักฐานในการปฏิบัติหน้าท่ีของ
สายตรวจหากมกี ารรอ้ งเรียนหรอื กลา่ วหา
6. อำนำจในกำรค้นยำนพำหนะ ยานพาหนะท่ีผู้ครอบครองใช้ตามปกติและใช้ในที่สาธารณะ
หากสายตรวจจะค้นต้องมีเหตุท่ีสามารถค้นบุคคลท่ีครอบครองในขณะน้ันได้ตามที่กฎหมา ยกาหนดในเรื่อง
การค้นบุคคลในที่สาธารณะโดยไม่ต้องใช้หมายค้น เว้นแต่ยานพาหนะนั้นจะใช้เป็นที่พักอาศัย และสามารถค้น
ภายในยานพาหนะได้เสมือนว่าเป็นสิ่งของติดตัวของผู้ถูกค้นนั้น และปฏิบัติเช่นเดียวกับการค้นบุคคลในที่
สาธารณะโดยอนโุ ลม

10

รูปภำพที่ 10 เจ้ำหนำ้ ท่ีตำรวจสำยตรวจต้ังจุดตรวจคน้ ยำนพำหนะ
7. อำนำจในกำรคน้ ท่รี โหฐำน

7.1 เหตุ ขอบเขต และเวลาในการคน้
7.1.1 โดยปกติการค้นท่ีรโหฐานต้องมีหมายค้นหรือคาส่ังศาล และต้องมีเจ้าพนักงานผู้มี

ช่ือในหมายคน้ หรอื ผรู้ ักษาการแทนซงึ่ หากเป็นตารวจตอ้ งมียศตั้งแต่ร้อยตารวจตรีข้นึ ไปเป็นหัวหน้าในการจัดการ
ตามหมาย สายตรวจจงึ จะเขา้ รว่ มการคน้ ไดโ้ ดยชอบ

7.1.2 สายตรวจสามารถค้นที่รโหฐานได้โดยไมม่ หี มายคน้ หรอื คาสั่งศาลไดใ้ นกรณี
ดงั ต่อไปนี้

1) เมื่อมีเสียงร้องให้ช่วยมาจากข้างในท่ีรโหฐานหรือมีเสียงหรือพฤติการณ์อ่ืนใด
อันแสดงได้วา่ มีเหตุร้ายเกดิ ขน้ึ ในทรี่ โหฐานน้นั

2) เมื่อปรากฏความผดิ ซึ่งหน้ากาลังกระทาลงในท่ีรโหฐาน
3) เม่ือบุคคลที่ได้กระทาความผิดซ่ึงหน้าขณะท่ีถูกไล่จับหนีเข้าไปหรือมีเหตุอัน
ควรสงสัยวา่ ไดเ้ ข้าไปซกุ ซ่อนตวั อยใู่ นทรี่ โหฐานนน้ั
4) เมื่อมีพยานหลักฐานตามสมควรว่าสิ่งของท่ีมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการ
กระทาความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อจะใช้ในการกระทาความผิดหรืออาจเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทา
ความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้นประกอบทั้งต้องมีเหตุอันควรเช่ือว่าเน่ืองจากการเน่ินช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้
ส่งิ ของน้นั จะถกู โยกยา้ ยหรอื ทาลายเสียก่อน

11

รูปภำพที่ 11 เจำ้ หน้ำท่ีตำรวจสำยตรวจทำกำรตรวจค้นบ้ำน
ในกรณีนี้สายตรวจผู้ค้นจะต้องทำบันทึกกำรตรวจค้น บัญชีทรัพย์ที่ได้จำกกำร

ตรวจค้น และบนั ทึกแสดงเหตุผลที่ทำให้สำมำรถเขำ้ ค้นได้ และส่งมอบสาเนาให้ไว้แกผ่ คู้ รอบครองสถานท่ีท่ีถูก
ตรวจค้น แต่ถ้าไม่มีผู้ครอบครองอยู่ ณ ท่ีน้ัน ให้ส่งมอบหนังสือดังกล่าวแก่บุคคลเช่นว่าน้ันในทันทีท่ีกระทาได้
และรีบรายงานเหตุผลและผลการตรวจคน้ เปน็ หนังสอื ตอ่ ผบู้ ังคบั บัญชาเหนือขึน้ ไป

5) เมือ่ ทร่ี โหฐานนัน้ ผูจ้ ะตอ้ งถูกจับเป็นเจ้ำบ้ำนและการจบั นัน้ มีหมำยจับ
7.1.3 โดยปกติการค้นในท่ีรโหฐานนั้นจะค้นได้แต่เฉพาะเพ่ือหาตัวคนหรือสิ่งของท่ี
ต้องการคน้ เท่านัน้ ยกเว้นกรณตี ่อไปน้ี

1) ในกรณีที่ค้นหาส่ิงของโดยไม่จากัดสิ่งผู้ค้นมีอานาจยึดส่ิงของใด ๆ ซ่ึงน่าจะใช้
เปน็ พยานหลกั ฐาน เพอื่ เปน็ ประโยชน์หรือยันผูต้ ้องหาหรือจาเลย

2) เมื่อมีหมายจับบุคคลอน่ื ที่อยู่ในที่ค้นน้ัน หรือมกี ารกระทาผิดซึ่งหนา้ ในท่คี ้นน้ัน
ผคู้ น้ มีอานาจจบั บคุ คลนน้ั ได้

7.1.4 การค้นในท่ีรโหฐานต้องกระทาระหว่างพระอำทิตย์ขึ้นและตก (เวลากลางวัน)
เว้นแตเ่ มอื่ ลงมอื คน้ แตใ่ นเวลากลางวันถา้ ยงั ไมเ่ สรจ็ จะคน้ ต่อไปในเวลากลางคืนก็ได้

ในกรณีฉุกเฉินอย่างย่ิงหรือซ่ึงมีกฎหมายอื่นบัญญัติให้ค้นได้เป็นพิเศษ จะทาการ
ค้นในเวลากลางคืนก็ได้ หรือการค้นเพ่อื จับผู้ดรุ า้ ยหรอื ผูร้ า้ ยสาคัญจะทาในเวลากลางคืนกไ็ ดแ้ ต่ต้องได้รับอนุญำต
พิเศษจำกศำลตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีกาหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และ
วิธีการท่ีเกี่ยวกับการออกคาสั่งหรือหมายอาญา พ.ศ.2548 ข้อ 36 กล่าวว่า "ในการร้องขอให้ออกหมายค้นเพื่อ
จับผู้ดรุ ้ายหรือผรู้ า้ ยสาคญั ในเวลากลางคืน ผูร้ ้องขอต้องเสนอพยานหลักฐานท่ีน่าเชื่อว่า ผูน้ ้นั เป็นผู้ดุรา้ ยหรือเป็น
ผู้ร้ายสาคัญ หรือมีเหตุจาเป็นเร่งด่วนท่ีต้องทาในเวลากลางคืน มิฉะนั้นผู้นั้นจะหลบหนีหรือก่อให้เกิดภยันตราย
อยา่ งรา้ ยแรง"

12

7.2 วิธกี ำรค้นในทรี่ โหฐำน
7.2.1 กรณีมีหมายค้นหรือคาส่ังศาลให้แสดงหมายหรือคาสั่งนั้น ( ตามผนวกท่ีแนบ )

ต่อเจ้าของหรือคนอยู่ในน้ันหรือผู้รักษาสถานที่ซ่ึงจะค้น กรณีเป็นการค้นได้โดยไม่มีหมายค้นให้แสดงนามและ
ตาแหนง่ ของผู้คน้ ตอ่ เจ้าของหรอื คนอย่ใู นนั้นหรือผูร้ ักษาสถานท่ซี ึ่งจะคน้

7.2.2 ตารวจผู้ค้นมีอานาจสั่งเจ้าของหรือคนอยู่ในน้ันหรือผู้รักษาสถานท่ีซึ่งจะค้น
ให้ยอมให้เข้าไปโดยมิหวงห้ามอีกท้ังให้ความสะดวกตามสมควรทุกประการในการค้น หากมิยอมให้เข้าไปตารวจ
ผู้ค้นมีอานาจใช้กาลังเพื่อเข้าไปในท่ีจะค้นได้ในกรณีจาเป็นจะเปิดหรือทาลายประตูบ้านประตูเรือนหน้าต่างรั้ว
หรือสิ่งกีดขวางอย่างอื่นทานองเดียวกันนั้นก็ได้ (เปิดหรือทาลายได้เฉพาะเท่าท่ีจาเป็นเพื่อให้สามารถเข้าไปในท่ี
ทที่ าการค้นได้เทา่ นั้น)

7.2.3 ในกรณีค้นหำสิ่งของท่ีหำยถ้าพอทาได้จะให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองส่ิงของน้ัน
หรือผู้แทนของเขาไปกับเจ้าพนักงานในการค้นน้ันด้วยก็ได้

7.2.4 ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลซึ่งอยู่ในท่ีซึ่งค้นหรือจะถูกค้นจะขัดขวำงถึงกับ
ทำให้กำรค้นไร้ผล ตำรวจผู้คน้ มีอำนำจเอำตัวผนู้ ้ันควบคมุ ไว้หรอื ใหอ้ ยู่ในควำมดูแล ในขณะทท่ี าการค้นเทา่ ท่ี
จาเป็นเพอ่ื มใิ ห้ขดั ขวางถงึ กับทาใหก้ ารคน้ นั้นไรผ้ ล

7.2.5 ถ้ามีเหตุอันควรสงสัยว่าบุคคลซ่ึงอยู่ในท่ีซึ่งค้นหรือจะถูกค้น ได้เอำส่ิงของท่ี
ต้องกำรพบซุกซ่อนในร่ำงกำย ตารวจผู้ค้นมีอานาจค้นตัวผู้น้ันได้ โดยการค้นต้องทาโดยสุภาพ การค้นผู้หญิง
ตอ้ งใหห้ ญงิ อนื่ เป็นผูค้ น้

7.2.6 ก่อนลงมือค้นให้ตารวจผู้ค้นแสดงความบริสุทธิ์เสียก่อนและเท่าท่ีสามารถจะ
ทาได้ให้ค้นต่อหน้ำผู้ครอบครองสถำนท่ีหรือบุคคลในครอบครัวของผู้น้ัน หรือถ้าหาบุคคลเช่นกล่าวนั้นไม่ได้
กใ็ หค้ น้ ต่อหน้ำบุคคลอน่ื อยำ่ งน้อยสองคนซงึ่ ผูค้ น้ ไดข้ อร้องมาเปน็ พยาน

7.2.7 ในการค้นน้ันตารวจผู้ค้นต้องพยายามมิให้มีการเสียหายและกระจัดกระจาย
เท่าที่จะทาได้

7.2.8 สิ่งของซึ่งยึดได้ในการค้นให้ห่อหรือบรรจุหีบห่อตีตรำไว้หรือให้ทำเคร่อื งหมำย
ไว้เป็นสำคัญ และต้องให้ผู้ครอบครองสถานท่ีบุคคลในครอบครัวผู้ต้องหา จาเลย ผู้แทนหรือพยานดูเพ่ือให้
รับรองวา่ ถูกต้องถา้ บุคคลเชน่ กลา่ วนนั้ รบั รองหรือไมย่ อมรับรองก็ใหบ้ นั ทึกไว้

7.2.9 เม่ือเสร็จสน้ิ การค้น ให้ทำบันทึกกำรค้นและบัญชีสิ่งของที่ค้นได้ และให้อ่านให้
ผู้ครอบครองสถานท่ีบุคคลในครอบครัวผู้ต้องหาจาเลยผู้แทนหรือพยานฟังแล้วแต่กรณีแล้วให้ผู้น้ันลงลายมือช่ือ
รบั รองไว้

7.2.10 กรณีค้นโดยมีหมาย ให้รีบส่งบันทึกการค้นและบัญชีสิ่งของที่ค้นได้พร้อมทั้ง
สิ่งของท่ียึดมา ไปยังผู้ออกหมายหรือเจ้าพนักงานตามท่ีกาหนดในหมายน้ัน กรณีเป็นการค้นโดยไม่มีหมายให้ส่ง
บันทกึ การค้น และบญั ชีส่ิงของที่ค้นได้พร้อมท้งั สิ่งของทีย่ ึดมา ไปยงั พนกั งานสอบสวน

13

รูปภำพท่ี 12 สง่ิ ของท่ีตรวจยึดได้จำกกำรกระทำควำมผิดต้องแยกให้ถูกวิธี
8. อำนำจอื่น ๆ
ในขณะปฏิบัติหน้าท่ี สายตรวจมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ซ่ึงในเร่ืองการจับและการค้น
กฎหมายได้ให้อานาจไว้ในการปฏิบตั ิไว้ส่วนหนึ่งแล้ว นอกจากนั้นกฎหมายอาญายังให้อานาจเพ่ือการปฏิบัติงาน
แก่สายตรวจอีก คือ ถามช่ือที่อยู่ของบุคคล เพื่อปฏิบัติการตามกฎหมายได้ โดยหากบุคคลน้ันไม่ยอมบอกหรือ
แกล้งบอกชอ่ื ที่อย่อู นั เป็นเทจ็ บุคคลนน้ั ย่อมมีความผิด ตาม ป.อาญา มาตรา 367

รปู ภำพท่ี 13 ภำรกิจต่ำงๆ ของเจ้ำหน้ำท่ีตำรวจสำยตรวจด้ำนมวลชนสัมพนั ธ์
เพ่ือสร้ำงควำมมั่นใจใหท้ ้องถิ่น

14

บทท่ี 2

การเผชิญเหตุ

1. การปฏิบตั มิ าตรฐานสาหรับเจ้าหน้าที่ตารวจผ้เู ผชญิ เหตุคนแรก
จุดประสงค์
เพ่ือนำไปใช้เปน็ มำตรฐำนกำรปฏบิ ัติของเจำ้ หนำ้ ท่ีตำรวจในกำรปฏิบัติหนำ้ ทีเ่ ม่ือเผชญิ เหตุ
นโยบาย
สำนักงำนตำรวจแห่งชำติมีนโยบำยที่จะให้เจ้ำหน้ำท่ีตำรวจผู้เผชิญเหตุสำมำรถดำเนินกำรด้วย

ควำมถูกต้อง รวดเร็ว ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่เก่ียวข้องในเหตุกำรณ์ภำยใต้กรอบของกฎหมำย
โดยคำนึงถึงหลักสิทธมิ นษุ ยชน

ขอ้ มูลพน้ื ฐาน
เม่ือได้รับกำรมอบหมำยงำน เจ้ำหน้ำท่ีตำรวจผู้เผชิญเหตุจะต้องรีบไปยังสถำนที่ท่ีได้รับ

มอบหมำยในทนั ที เวน้ แต่ว่ำผู้บังคบั บญั ชำจะส่งั กำรให้ศูนย์วทิ ยุมอบหมำยภำรกิจน้ันๆ ให้กับหน่วยอน่ื แทน (โดย
เนน้ กำรปฏิบัติหนำ้ ที่ตำมลำดับควำมสำคญั โดยพจิ ำรณำตำมควำมเหมำะสมกับสถำนกำรณ์ ดังน้ี

1. กำรชว่ ยเหลือผบู้ ำดเจ็บ
2. กำรดแู ลทรัพย์สนิ ต่ำง ๆ
3. กำรบงั คบั ใชก้ ฎหมำย
2. ขน้ั ตอนการปฏิบตั ิของเจ้าหน้าท่ตี ารวจผเู้ ผชญิ เหตคุ นแรก
2.1 ก่อนเข้าเผชิญเหตุ
(1) กำรวเิ ครำะห์ข้อมูลทไี่ ดร้ ับ
กำรวเิ ครำะห์ข้อมูลเบ้อื งตน้ ตำมหลกั 5W1H ได้แก่ ใคร (Who) ทำอะไร (What) ท่ีไหน
(Where) เมอื่ ไร (When) ทำไม (Why) และอย่ำงไร (How)

รปู ภาพที่ 14 เจ้าหนา้ ท่ีตารวจสายตรวจทาการสอบถามเหตกุ ารณเ์ บื้องต้นจากเจา้ หนา้ ทธ่ี นาคาร
ในเหตุคนร้ายปลน้ ธนาคาร

15

(2) รำยงำนศูนย์วิทยุ หรือผบู้ ังคบั บญั ชำทรำบ
กำรยืนยนั สถำนกำรณท์ เี่ กิดขึ้น และรำยงำนถึงสภำพแวดล้อมในท่ีเกดิ เหตโุ ดยทันที

รูปภาพที่ 15 เจ้าพนกั งานวิทยเุ มื่อได้รบั แจง้ เหตุ จึงไดร้ ายงานผู้บังคับบัญชาและหน่วยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งทราบ
(3) ขอกำลงั สนับสนนุ
กำรขอกำลังสนบั สนุน หรือขอควำมชว่ ยเหลอื ในกรณีจำเปน็ เช่น คนรำ้ ยมจี ำนวนมำกกว่ำ

เจำ้ หนำ้ ทต่ี ำรวจ หรอื มผี ไู้ ดร้ ับบำดเจบ็ จำนวนมำกอยู่ในบรเิ วณท่ีเกิดเหตุ เปน็ ตน้

16

รูปภาพที่ 16 หนว่ ยสนับสนุนรับทราบสถานการณ์จากหวั หนา้ ชุดกอ่ นเข้าไปปฏิบัติหน้าที่
2.2 ขณะเข้าเผชิญเหตุ

(1) ให้ประเมินสถำนกำรณ์และควำมเสย่ี ง
กำรประเมนิ จำกบรเิ วณที่เกดิ เหตุ ในมุมมองของสถำนกำรณ์ขณะน้ัน และเตรียมแผนสำรอง

หำกเหตุกำรณย์ กระดบั ควำมรนุ แรง (อย่ำรบี เร่งเขำ้ สถำนท่ีเกดิ เหตุหรอื แสดงตัวทนั ที เมื่อถึงทเ่ี กิดเหตุ ซ่ึงอำจ
ก่อใหเ้ กิดควำมเสยี หำยได้)

รูปภาพที่ 17 หวั หนา้ เหตกุ ารณ์ประชมุ วางแผนกอ่ นออกปฏบิ ัติหนา้ ที่

17

(2) ชว่ ยเหลือผู้ทีไ่ ด้รับบำดเจ็บ
กำรให้กำรช่วยเหลือทำงกำรแพทยแ์ กผ่ ู้ท่ไี ด้รบั บำดเจ็บทกุ คนในบริเวณทเี่ กดิ เหตุ

รปู ภาพท่ี 18 เจ้าหนา้ ท่ีตารวจสายตรวจให้การชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบอุบัติเหตุทางถนน
(3) ปฏิบตั ิกำรตำมยทุ ธวิธี

กรณจี ำเป็นเรง่ ดว่ น ใหเ้ ข้ำระงบั เหตุตำมระดับกำรใช้กำลงั โดยพิจำรณำควำมเหมำะสมตำม
สัดสว่ น ตำมสถำนกำรณ์ และพฤติกำรณข์ องคนรำ้ ย และสภำพแวดล้อม

รูปภาพท่ี 19 เจา้ หนา้ ท่ีตารวจสายตรวจเข้าจบั กมุ ผูก้ ระทาผดิ ตามหลักยุทธวธิ ี

18

(4) ปิดกัน้ พ้ืนท่ี และรกั ษำสถำนที่เกดิ เหตุ
กำรปิดก้ันพื้นที่บริเวณท่ีเกิดเหตุ ไม่ว่ำจะเป็นกำรอพยพบุคคลท่ีไม่เก่ียวข้องออกจำกที่เกิดเหตุ

กำรป้องกันไม่ให้บุคคลเข้ำและออกจำกพื้นที่น้ัน กำรปิดกั้นพื้นท่ีไว้ไม่ให้บุคคลหรือประชำชนเข้ำมำ ตลอดจน
กำรรักษำสถำนที่เกิดเหตุให้คงสภำพเดิมไว้ให้มำกที่สุดเท่ำที่จะทำได้ เพ่ือป้องกันมิให้เกิดกำรสูญหำยหรือของ
พยำนหลักฐำนต่ำง ๆ ในท่ีเกิดเหตุถูกทำลำย อำจดำเนินกำรโดยใช้บุคคล เชือก แผงกั้น เครื่องหมำยหรือแผ่น
ปำ้ ยแสดงกำรหำ้ มเข้ำบริเวณท่ีเกดิ เหตุ

รปู ภาพท่ี 20 เจ้าหนา้ ที่ตารวจสายตรวจปิดกัน้ สถานที่เกิดเหตุ

2.3 หลังเข้าเผชิญเหตุ
(1) สรุปข้อมูลเบ้อื งตน้
กำรรำยงำนสรุปขอ้ มลู เบ้ืองตน้ กำรจดั ทำรำยงำนหรือเอกสำรทีเ่ ก่ียวข้องเสนอผู้บังคับบัญชำ

หรอื ผเู้ กยี่ วขอ้ งอยำ่ งถูกต้อง ครบถ้วน
ตัวอย่ำงข้อมูลท่เี จำ้ หนำ้ ที่ตำรวจผ้เู ผชิญเหตคุ นแรกตอ้ งสรปุ ขอ้ มูลเบื้องตน้ ให้ได้มำกที่สดุ เท่ำท่ี

จะรำยงำนได้ในเบื้องตน้ ได้แก่
1) ขอ้ มลู เบอ้ื งต้นจำกเหตุกำรณท์ ่ีเกิดขึน้ (ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่ำงไร เมื่อใด ทำไม)
- ช่อื คนรำ้ ย จำนวนคนรำ้ ย พฤติกรรมของคนร้ำย ตำหนริ ูปพรรณ (ตำมผนวกท่ี

แนบ) ของคนรำ้ ย อำวุธของคนร้ำย ข้อเรยี กร้องของคนร้ำย สำเหตุกำรกระทำควำมผดิ
- เส้นทำงและยำนพำหนะท่ีคนร้ำยใช้กระทำผดิ หรือหลบหนี
- ชือ่ ผู้เสียหำย ควำมเสียหำยทเ่ี กิดขึน้ ขอ้ มลู เบื้องตน้ หรือสำเหตุท่จี ะฆำ่ ตัวตำย
- ตัวประกนั เป็นใคร เกย่ี วขอ้ งกบั คนรำ้ ยหรือไม่ จำนวนเทำ่ ใด สภำพของตวั ประกนั

เป็นอยำ่ งไร สภำพของสถำนท่ี เส้นทำงเขำ้ ออกของอำคำรท่ีตวั ประกนั ถูกควบคุม
- กลุ่มผชู้ มุ นุมเปน็ กลมุ่ ใด จำนวนผชู้ มุ นุม ขอ้ เรยี กร้องและแกนนำกลมุ่
- สภำพของภัยพบิ ตั ทิ ่ีเกิดข้นึ ควำมเสยี หำยที่ประชำชนได้รับ จำนวนผู้บำดเจ็บ

ผสู้ ญู หำย ศพ

19

2) กจิ กรรมท่ีได้ดำเนนิ กำรแล้ว เชน่
- กำรปิดกัน้ สถำนทเี่ กดิ เหตุ กำรจัดทำพนื้ ท่วี งใน พนื้ ที่วงนอก
- กำรปดิ ก้ันกำรจรำจร มิให้มีผ้สู ญั จรเข้ำ-ออก บริเวณท่ีเกิดเหตุ
- กำรประสำนงำนเบ้ืองต้นกับหน่วยงำนท่เี กี่ยวขอ้ ง เชน่ ดบั เพลิง สถำนพยำบำล เป็นตน้
- กำรอพยพผบู้ ำดเจบ็ และประชำชนไปยงั ที่ปลอดภัย (ท่ีใด และใครเปน็ ผู้รบั ผดิ ชอบ

ดำเนนิ กำรนำไป)
3) เสนอแนะสถำนท่ีทีเ่ หน็ วำ่ มีควำมเหมำะสมที่จะเปน็ พื้นทป่ี ฏิบตั กิ ำรหรือจุดรวมพล
4) ส่งมอบรำยงำนสรปุ พร้อมรำยชื่อของบุคคลทไี่ ดเ้ ขำ้ ไปสอบถำมรำยละเอียดของ

เหตกุ ำรณ์ เพ่ือฝำ่ ยสบื สวนหรือพนักงำนสอบสวนจะได้นำไปดำเนินกำรต่อ ในกรณีทม่ี ีวตั ถุพยำน หรอื ภำพถ่ำย
เกี่ยวกบั เหตทุ ีเ่ กดิ สภำพผู้บำดเจบ็ หรือยำนพำหนะ ภำพถ่ำยกลุม่ ผชู้ มุ นมุ ให้สง่ มอบแก่ผู้บัญชำกำรเหตุกำรณ์
โดยเรว็

(2) เมื่อเสรจ็ ส้ินภำรกิจ ต้องกลบั สูส่ ถำนะ มีควำมตน่ื ตัวและเตรียมควำมพร้อมสำหรับกำรปฏบิ ัติ
หนำ้ ทแ่ี ละกำรใหค้ วำมช่วยเหลือในกรณีตอ่ ไปโดยทนั ที

3. อาวุธและอปุ กรณ์เครื่องมือทางยุทธวธิ ีสาหรับเจ้าหนา้ ทีต่ ารวจผู้เผชิญเหตคุ นแรก
อำวธุ และอุปกรณ์ เครือ่ งมือทำงยทุ ธวิธสี ำหรบั เจำ้ หน้ำทต่ี ำรวจผเู้ ผชญิ เหตคุ นแรก ไดแ้ ก่
3.1 อาวุธประจาตวั ไดแ้ ก่
(1) ปืนพกพร้อมกระสุนปนื และซองปนื
(2) แม็กกำซนี พร้อมซอง
(3) กระบอง/ด้ิวพร้อมซอง
3.2 อปุ กรณป์ ระจาตัว ไดแ้ ก่
(1) สเปรยพ์ รกิ ไทยพร้อมซอง
(2) เข็มขัดสนำม
(3) กุญแจมือพร้อมซอง
(4) ไฟฉำยกำลงั ไฟแรงสงู
(5) วทิ ยสุ ่ือสำรพร้อมซอง
(6) เสอ้ื เกรำะกนั กระสุน
(7) หมวกสำยตรวจ
(8) สมดุ บันทึกประจำตวั
(9) นกหวดี
(10) ถุงมือยำง
(11) เสื้อสะท้อนแสง
3.3 อปุ กรณป์ ระจารถจกั รยานยนตส์ ายตรวจ
(1) กล้องติดตวั เจำ้ หน้ำท่ี (Body Camera)
(2) สสี เปรย์ฉดี พ่นเวลำรถชนกนั
(3) เสือ้ กนั ฝนสีแสด
(4) มีดพบั พร้อมซอง
(5) ตลบั เมตร

20

(6) สำยรดั ขอ้ มอื

3.4 อุปกรณ์ประจารถยนต์สายตรวจ
(1) วทิ ยุส่อื สำร
(2) คอมพวิ เตอร์ (Note Book)
(3) เทปก้นั สถำนที่เกิดเหตุ (Police line)
(4) ชุดปฐมพยำบำล
(5) กล้องตดิ รถยนต์ (Dashboard Camera)
(6) เคร่อื งมือกำรเก็บรักษำวตั ถุพยำนทำงนติ ิวทิ ยำศำสตรเ์ บือ้ งตน้
(7) เคร่ืองขยำยเสยี งแบบมือถือ
(8) ไฟฉำยสปอรต์ ไลท/์ กระบอกไฟเรืองแสง
(9) ปืนยงิ แห/ตำขำ่ ยพรอ้ มอุปกรณ์
(10) เคร่ืองดบั เพลงิ
(11) สำยพว่ งแบตเตอรี่
(12) สำยพำนสำหรับลำกรถ (ชนิดแบน)
(13) รองเทำ้ ยำงกันนำ้
(14) กล้องส่องทำงไกล สำมำรถใชง้ ำนกลำงคนื ได้
(15) เข็มทิศ
(16) แผงไฟหยุดตรวจชนิดพกพำ

3.5 อุปกรณป์ ระจาหน่วย
(1) เชือกพร้อมขอลำก
(2) เคร่ืองตรวจโลหะแบบมือถือ
(3) ไมง้ ำ่ ม ขอเกยี่ ว
(4) กรวยยำงสะท้อนแสง

(5) แผงไฟหยุดตรวจ
(6) ป้ำยหยุดตรวจและปำ้ ยขออภัยในควำมไมส่ ะดวก

(7) ชะแลง และขวำนหงอน
3.6 อาวุธประจาหน่วย

(1) ปนื ยิงกระสุนยำง (ปืนยำว) พรอ้ มกระสนุ ยำง
(2) ปืนยำว ปลย.11, ปชด.02

21

สาหรับอาวุธและอุปกรณ์สาหรับหน่วยปฏบิ ตั กิ ารพเิ ศษ ประกอบดว้ ย
1. ปืนยิงกระสนุ ยำง (ปืนพกส้นั ) พร้อมกระสนุ ยำง
2. โล่กันกระสุน/หมวกกันกระสุน
3. ตวั สกดั รถยนต์ ควำมเร็วสงู (ขวำก)/อุปกรณห์ ยุดรถประเภทขวำกหนำมตะปูชนิดเคล่อื นย้ำยไดส้ ะดวก
4. แว่นตำเซฟต/้ี กันสะเก็ดต่ำง ๆ
5. เครื่องมือหยดุ รถฉกุ เฉิน
6. เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอลท์ ี่มคี ณุ ภำพสูง
7. เครือ่ งโดรน (Drone) บงั คบั พร้อมตดิ กลอ้ ง
8. ชุดป้องกนั ตวั (สนบั ศอก, สนบั เขำ่ )
9. ปืนช็อตไฟฟำ้ พร้อมซอง*
ฯลฯ

หมายเหตุ
1. อำวุธ/อปุ กรณ์ทกุ ชนดิ ตอ้ งกำหนดคุณสมบัตเิ ฉพำะใหเ้ หมำะสมและเปน็ มำตรฐำนสำกล

2. สเปรย์พริกไทย ผลิตข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์ ในกำรใช้ฉีดพ่นเพ่ือยับย้ังบุคคลหรือสัตว์ร้ำยมิให้เข้ำใกล้
หรือทำอันตรำยผู้อื่น ผู้ที่ถูกฉีดพ่นสำรในกระป๋องสเปรย์ใส่ จะมีอำกำรสำลัก จำม ระคำยเคือง หรือแสบตำ
หลังจำกน้ันไม่นำนก็สำมำรถหำยเป็นปกติได้ เห็นได้ว่ำ กำรผลิตสเปรย์พริกไทยดังกล่ำว มิได้ผลิตข้ึนเพื่อทำร้ำย
ผู้ใด จึงไม่เป็นอำวุธโดยสภำพ ท้ังไม่อำจใช้ประทุษร้ำยร่ำงกำยถึงอันตรำยสำหัสอย่ำงอำวุธ สเปรย์พริกไทยจึง
ไมเ่ ป็นอำวุธตำมควำมหมำยของ ป.อำญำ มำตรำ 1 (5) ตำมคำพพิ ำกษำศำลฎกี ำ ที่ 2031/2554

3. *ปืนช็อตไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการใช้เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้สาหรับบุคคลที่

กอ่ เหตคุ วามรนุ แรง อาจมีลักษณะต้องการทารา้ ยตนเองหรอื ผู้อื่น โดยปนื ชอ็ ตไฟฟ้าจะทาให้เกิดการชะงัก
หมดแรงในการตอบโต้ ล้มลง และยินยอมให้ควบคุมตัว โดยไม่มีแรงในการต่อสู้ ขัดขืน ผู้ปฏิบัติจะต้อง
ได้รับการฝึกให้เกิดทักษะ แต่ในบางครั้งอาจทาให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยด้านระบบหัวใจ จึงต้องใช้ความ
ระมัดระวงั ในการใช้ปนื ซ๊อตไฟฟา้ โดยให้ใช้ดลุ ยพินจิ ในการตัดสนิ ใจอย่างรอบคอบเปน็ กรณพี เิ ศษ

22

บทท่ี 3

แนวทางการปฏิบัตทิ ี่จาเป็ น
สาหรับเจ้าหน้าทตี่ ารวจผู้เผชิญเหตุหรือไปถงึ ท่เี กดิ เหตุคนแรก

แนวทางการปฏบิ ัติทจ่ี าเป็นสาหรับเจา้ หนา้ ทตี่ ารวจผเู้ ผชิญเหตุหรือไปถึงที่เกิดเหตคุ นแรก (กรณีไมว่ ิกฤติ)

ขนั้ ตอนหลักในการปฏบิ ัติ ข้อสงั เกต
1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ท่ีเกิดเหตุ 1. พบผู้บาดเจ็บ ตอ้ งปฐมพยาบาลเบ้อื งต้นตามความ
เหมาะสมและดาเนินการเพ่ือนาส่งสถานพยาบาล
2. ประเมนิ สถานการณ์ พจิ ารณาแก้ไขปญั หา ขอรบั
การสนบั สนุนหรอื ประสานงานกบั หนว่ ยงานท่ี 2. พบผเู้ สียชวี ติ ห้ามผไู้ ม่เกี่ยวขอ้ งเขา้ ไปแตะต้องและ
เกย่ี วข้อง บันทึกภาพสถานที่เกิดเหตุ และรายงาน เคล่ือนย้ายโดยเด็ดขาด
เหตุการณ์เบ้ืองต้น

3. ปิดก้ันและรกั ษาสถานท่ีเกิดเหตเุ บ้อื งตน้ ไมแ่ ตะต้อง
และเคลอ่ื นย้ายวตั ถพุ ยานโดยเดด็ ขาด รวมทั้งหา้ มผู้ไม่
เกีย่ วข้องเขา้ ไปในท่ีเกิดเหตุ

4. ประชาสัมพนั ธ์
- สอบถามพยานในที่เกิดเหตุ หรอื ผู้เห็นเหตกุ ารณ์
พรอ้ มจดช่ือ-สกลุ หมายเลขโทรศัพท์
- หา้ มผไู้ ม่เกยี่ วขอ้ งเขา้ ไปในบริเวณท่เี กดิ เหตุ
- เตรียมเส้นทางเข้าออกสาหรับเจา้ หนา้ ที่ท่ี
เก่ียวข้องและผบู้ ังคับบญั ชา
- หากพบวัตถุพยานให้แจ้งเจา้ หนา้ ที่ตารวจหรือ
ผมู้ หี นา้ ทเี่ ก่ยี วข้องทราบ
- แจง้ เตอื นใหผ้ ู้อยู่ในบรเิ วณท่เี กดิ เหตเุ พิม่ ความ

ระมดั ระวังอนั ตรายต่างๆท่ีอาจจะเกิดขึน้ ในแตล่ ะ
เหตุการณ์

5. รายงานเหตุการณโ์ ดยสังเขปใหผ้ ูบ้ งั คบั บัญชาหรอื
พนักงานสอบสวนทมี่ าถึงท่เี กิดเหตทุ ราบ

6. หากไม่ใชพ่ ื้นท่ีรับผิดชอบใหด้ าเนินการตาม ข้อ 1-4
แลว้ รีบแจ้งใหเ้ จา้ ของพ้ืนทรี่ ับผิดชอบทราบ

23

แนวทางการปฏบิ ัติทีจ่ าเป็นสาหรับเจ้าหนา้ ที่ตารวจผเู้ ผชิญเหตุหรือไปถึงทเี่ กดิ เหตุคนแรก (กรณีวิกฤติ)
เหตุลักทรพั ย์

ขัน้ ตอนหลกั ในการปฏิบัติ รายละเอยี ดการปฏบิ ตั ิ ข้อสงั เกต

1. รบี ว.25 และแจง้ ว.10 ท่เี กิดเหตุ 1. รีบ ว.25 และแจง้ ว.10 ที่เกิดเหตุ 1. พบผู้บาดเจ็บต้องปฐมพยาบาล

2. ประเมนิ สถานการณ์ พจิ ารณา 2. สอบถามผู้แจ้งหรือพยานในท่ี เบื้องต้นตามความเหมาะสมและ
แกไ้ ขปญั หา ขอรบั การสนบั สนนุ เกิดเหตุเบื้องต้น หากมีเหตุจริงให้ ดาเนินการเพอ่ื นาสง่ สถานพยาบาล

หรอื ประสานงานกับหน่วยงานที่ แจ้งศูนย์วิทยุทราบ พร้อมขอกาลัง 2. พบผู้เสียชีวิต ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้อง

เกย่ี วขอ้ ง บนั ทึกภาพสถานที่เกิด สนับสนุน จากน้ันให้สอบถาม เข้าไปแตะต้องและเคลื่อนย้ายโดย

เหตุและรายงานเหตุการณ์เบื้องต้น รายละเอยี ดเพ่มิ เติม ดงั นี้ เดด็ ขาด

3. ปดิ ก้ันและรกั ษาสถานที่เกิดเหตุ 1) จานวนคนร้าย เพศ ท้ังที่อยู่
เบ้ืองตน้ ไมแ่ ตะต้องและเคลือ่ น และหลบหนีไปแลว้
ย้ายวัตถุพยานโดยเดด็ ขาด รวมทงั้
หา้ มผ้ไู ม่เกยี่ วข้องเข้าไปในท่ีเกดิ เหตุ 2) อาวุธ
3) มีผอู้ าศยั ยงั อยใู่ นบา้ นและมี
ผูไ้ ด้รบั อันตรายอย่างไรหรือไม่

4. ประชาสมั พนั ธ์ 4) ตาหนิรูปพรรณ การแตง่

- สอบถามพยานในท่ีเกิดเหตุ กาย และตาแหน่งทอี่ ยู่ของคนรา้ ย

หรือผู้เหน็ เหตุการณ์ พรอ้ มจดชอ่ื - 5) จานวนและประเภทของ

สกุลหมายเลขโทรศัพท์ ทรพั ยส์ นิ ทถี่ กู ประทุษร้าย

- ห้ามผู้ไมเ่ กย่ี วขอ้ งเข้าไปใน 6) ยานพาหนะของคนรา้ ย

บรเิ วณท่เี กดิ เหตุ 7) เสน้ ทางท่ีสามารถใช้ในการ

- เตรียมเสน้ ทางเขา้ ออกสาหรับ หลบหนี

เจา้ หน้าที่ทเี่ กย่ี วข้องและ 8) สภาพพื้นที่โดยรอบท่ีเกิด

ผู้บงั คับบัญชา เหตุ

- หากพบวตั ถุพยานให้แจ้ง 3. กรณีมคี นร้ายหลบหนี ใหร้ ีบแจ้ง
เจา้ หนา้ ที่ตารวจหรือผูม้ ีหนา้ ท่ี สกัดจบั
เก่ยี วข้องทราบ

- แจ้งเตอื นให้ผู้อยใู่ นบริเวณที่ 4. ประชาสัมพันธ์โดยใช้เคร่ือง

เกดิ เหตเุ พิ่มความระมัดระวัง ขยายเสียงหรือวิธีการอ่ืนใดเพื่อขอ

อันตรายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นใน ความร่วมมือให้ประชาชนที่พัก

แต่ละเหตุการณ์ อาศัยหรืออยู่บรเิ วณใกลท้ เ่ี กดิ เหตุ

5. รายงานเหตุการณ์โดยสงั เขปให้ 1) รบั รู้สถานการณ์
ผู้บังคับบญั ชาหรือพนักงาสอบสวน 2) ให้ใช้ความระมดั ระวงั
ที่มาถึงที่เกิดเหตุทราบ 3) ชว่ ยสงั เกตการณแ์ ละแจ้ง
เบาะแส

24

ขนั้ ตอนหลักในการปฏบิ ัติ รายละเอียดการปฏิบัติ ข้อสงั เกต

6. หากไมใ่ ช่พ้นื ทร่ี ับผดิ ชอบให้ 5. พิจารณาหาจุดท่ีเหมาะสม ว.10

ดาเนินการตามขอ้ 1-4 แลว้ รบี แจ้ง เพือ่ บรหิ ารเหตุการณ์ และดาเนิน

ให้เจา้ ของพ้ืนที่รับผดิ ชอบทราบ การจับกมุ คนร้ายตามความเหมาะสม

6. เมือ่ ผบู้ งั คับบญั ชาหรือพนักงาน
สอบสวนมาถึงให้รายงานเหตุการณ์ให้
ทราบ

25

เหตุชิงทรัพย์ ธนาคาร ร้านทอง รา้ นสะดวกซื้อ

ข้นั ตอนหลักในการปฏิบัติ รายละเอยี ดการปฏิบตั ิ ข้อสังเกต

1. รบี ว.25 และแจ้ง ว.10 ทเี่ กดิ เหตุ 1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ท่ีเกิดเหตุ 1. พบผบู้ าดเจ็บต้องปฐมพยาบาล

2. ประเมนิ สถานการณ์ พจิ ารณา 2. สอบถามผแู้ จ้งหรือพยานในท่ี เบ้ืองตน้ ตามความเหมาะสมและ
แก้ไขปญั หา ขอรับการสนับสนุน เกิดเหตุเบือ้ งตน้ หากมเี หตุจริงให้ ดาเนนิ การเพ่ือนาส่งสถานพยาบาล

หรือประสานงานกับหน่วยงานที่ แจ้งศูนยว์ ิทยุทราบ พร้อมขอกาลงั 2. พบผ้เู สยี ชวี ติ ห้ามผู้ไม่เกย่ี วขอ้ ง
เกยี่ วขอ้ ง บันทกึ ภาพสถานท่เี กิด สนับสนุนพิจารณาหาจุดท่ีเหมาะ เขา้ ไปแตะต้องและเคล่ือนย้ายโดย
เหตุและรายงานเหตุการณเ์ บ้ืองตน้ สม ว.10 เพ่ือบริหารเหตุการณ์ เดด็ ขาด
และดาเนินการจบั กุมคนรา้ ยตาม
3. ปิดกั้นและรักษาสถานที่เกิดเหตุ ความเหมาะสม และใหส้ อบถาม
เบ้อื งตน้ ไม่แตะต้องและ รายละเอยี ดเพิ่มเติม ดังนี้
เคลื่อนยา้ ยวตั ถุพยานโดยเดด็ ขาด
1) จานวนคนร้าย เพศ ท้ังท่ีอยู่
รวมทง้ั ห้ามผู้ไมเ่ กย่ี วข้องเข้าไปใน และหลบหนีไปแล้ว
ทีเ่ กดิ เหตุ 2) อาวุธ
3) มผี ู้ใดอยหู่ รือไดร้ ับอนั ตรายใน
4. ประชาสัมพันธ์ ทเี่ กดิ เหตุหรือไม่ อยา่ งไร
- สอบถามพยานในที่เกิดเหตุ 4) ตาหนิรปู พรรณ สาเนียงภาษา
หรือผูเ้ หน็ เหตกุ ารณ์ พรอ้ มจดช่อื - การแต่งกาย และตาแหนง่ ท่ีอยู่
สกุลหมายเลขโทรศัพท์ ของคนรา้ ย
- หา้ มผู้ไม่เก่ียวข้องเข้าไปใน 5) จานวนและประเภทของ
บริเวณที่เกดิ เหตุ
- เตรยี มเส้นทางเข้าออกสาหรับ ทรัพย์สินท่ถี ูกประทุษร้าย
เจา้ หนา้ ทที่ เ่ี กย่ี วข้องและ 6) ยานพาหนะทคี่ นรา้ ยใช้
ผู้บังคบั บญั ชา 7) ชอ่ งทางและเส้นทางทค่ี นร้าย
- หากพบวัตถุพยานให้แจง้ สามารถใชใ้ นการหลบหนี
เจ้าหน้าท่ีตารวจหรอื ผู้มหี นา้ ที่ 8) สภาพพ้ืนทีโ่ ดยรอบทีเ่ กดิ เหตุ
เกยี่ วข้องทราบ
- แจง้ เตอื นใหผ้ ู้อยใู่ นบรเิ วณท่ี 3. กรณีมีคนร้ายหลบหนี ให้รบี แจง้
เกดิ เหตเุ พิ่มความระมดั ระวัง สกัดจับ

อันตรายต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นใน 4. ประชาสมั พนั ธโ์ ดยใช้เครอ่ื ง
แตล่ ะเหตุการณ์ ขยายเสียงหรือวิธกี ารอนื่ ใดเพอ่ื

5. รายงานเหตุการณ์โดยสังเขป ขอความร่วมมือให้ประชาชนท่พี ัก
ให้ผู้บังคบั บญั ชาหรอื พนักงาน อาศยั หรืออยู่บริเวณใกล้ท่เี กิดเหตุ
สอบสวนท่มี าถงึ ทเ่ี กดิ เหตุทราบ 1) รบั รู้สถานการณ์

6. หากไม่ใช่พน้ื ทรี่ บั ผดิ ชอบให้ 2) ใหใ้ ชค้ วามระมัดระวัง
ดาเนนิ การตามข้อ 1-4 แลว้ รีบแจ้ง 3) ชว่ ยสงั เกตการณ์และแจง้
ใหเ้ จา้ ของพ้ืนทร่ี ับผิดชอบทราบ เบาะแส

26

เหตุจบั ตัวประกันในเหตตุ า่ ง ๆ

ขน้ั ตอนหลกั ในการปฏิบัติ รายละเอยี ดการปฏบิ ัติ ข้อสงั เกต

1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ที่เกิดเหตุ 1. รีบ ว. 25 และแจ้ง ว.10 ที่เกดิ เหตุ 1. พบผูบ้ าดเจบ็ ตอ้ งปฐมพยาบาล

2. ประเมินสถานการณ์ พิจารณา 2. สอบถามผู้แจ้งหรือพยานในท่ี เบอื้ งต้นตามความเหมาะสมและ
แกไ้ ขปญั หา ขอรับการสนับสนุน เกดิ เหตเุ บื้องต้นหากมีเหตจุ ริงแจง้ ดาเนินการเพ่ือนาสง่ สถานพยาบาล

หรือประสานงานกับหน่วยงานที่ ศูนยว์ ทิ ยทุ ราบพร้อมขอกาลัง 2. พบผู้เสียชวี ติ หา้ มผไู้ ม่เกยี่ วขอ้ ง
เกีย่ วขอ้ ง บนั ทึกภาพสถานทเ่ี กดิ สนับสนนุ รถพยาบาล จากน้ันให้ เข้าไปแตะต้องและเคล่ือนยา้ ยโดย
เหตแุ ละรายงานเหตุการณ์เบ้ืองตน้ สอบถามรายละเอยี ดเพ่ิมเตมิ ดงั น้ี เด็ดขาด
1) ข้อมูลของคนร้ายเชิงลึก (เท่า
3. ปดิ กน้ั และรักษาสถานทเ่ี กิดเหตุ ทส่ี ามารถดาเนนิ การไดใ้ นเบื้องตน้ )
เบ้อื งต้น ไมแ่ ตะต้องและเคลื่อนยา้ ย เพ่อื เป็นขอ้ มลู ให้ชดุ เจรจาต่อรอง
วตั ถุพยานโดยเด็ดขาด รวมท้ังหา้ ม
ผไู้ ม่เกยี่ วข้องเขา้ ไปในทเ่ี กิดเหตุ 2) อาวธุ
3) ข้อมูลของตวั ประกนั และ

4. ประชาสมั พันธ์ บุคคลอา้ งอิง

- สอบถามพยานในทเ่ี กิดเหตุ 4) ข้อเรียกรอ้ งของคนรา้ ย

หรือผู้เหน็ เหตุการณ์ พรอ้ มจดช่ือ- 5) ประเมนิ อาการและสภาพ

สกลุ หมายเลขโทรศัพท์ จิตใจของคนรา้ ย

- ห้ามผู้ไมเ่ ก่ยี วข้องเขา้ ไปใน 3. ประชาสัมพนั ธโ์ ดยใช้เคร่อื ง
บรเิ วณทเี่ กดิ เหตุ
ขยายเสียงหรือวิธกี ารอนื่ ใดเพื่อขอ
- เตรียมเส้นทางเขา้ ออกสาหรบั ความรว่ มมอื ให้ประชาชนทพ่ี ัก
เจ้าหนา้ ทที่ ีเ่ ก่ยี วข้องและผบู้ งั คับ อาศัยหรอื อยบู่ รเิ วณใกลท้ เี่ กิดเหตุ
บญั ชา 1) รบั รสู้ ถานการณ์
- หากพบวัตถุพยานให้แจ้ง
2) ให้ใชค้ วามระมัดระวงั
เจ้าหนา้ ทตี่ ารวจหรือผู้มีหน้าที่
เกย่ี วขอ้ งทราบ 4. พจิ ารณาจดุ ทเี่ หมาะสม ว.10
เพอื่ บรหิ ารเหตุการณแ์ ละเจรจา
- แจง้ เตอื นใหผ้ ู้อยใู่ นบรเิ วณท่ี เบือ้ งต้นเพ่อื ป้องกนั การทารา้ ย
เกดิ เหตเุ พ่ิมความระมัดระวงั ตัวประกนั
อันตรายตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นใน
แตล่ ะเหตกุ ารณ์ 1) รับรู้สถานการณ์
2) ให้ใช้ความระมดั ระวงั และ

5. รายงานเหตกุ ารณโ์ ดยสงั เขปให้ ออกหา่ งจากท่ีเกดิ เหตุเพ่ือความ

ผูบ้ ังคับบัญชาหรอื พนกั งาน ปลอดภยั

สอบสวนท่มี าถงึ ท่ีเกิดเหตุทราบ 5. เม่อื ผู้บงั คับบัญชาหรือพนักงาน

6. หากไมใ่ ช่พน้ื ที่รบั ผิดชอบให้ สอบสวนมาถงึ ให้รายงานเหตุการณ์
ดาเนินการตามข้อ 1-4 แลว้ รีบแจง้ ให้ทราบ

ให้เจ้าของพื้นทีร่ ับผิดชอบทราบ

27

เหตุเพลงิ ไหม้

ขั้นตอนหลกั ในการปฏบิ ัติ รายละเอียดการปฏิบัติ ข้อสังเกต

1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ที่เกิดเหตุ 1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ท่ีเกิด 1. พบผบู้ าดเจ็บต้องปฐมพยาบาล

2. ประเมินสถานการณ์ พจิ ารณา เหตหุ ากมีเหตจุ ริง ให้แจ้งศนู ย์วทิ ยุ เบอื้ งตน้ ตามความเหมาะสมและ
แก้ไขปญั หา ขอรบั การสนับสนุน
หรือประสานงานกับหน่วยงานท่ี ทราบพร้อมขอกาลงั สนบั สนนุ ดาเนนิ การเพ่อื นาส่งสถานพยาบาล
เก่ียวข้อง บนั ทกึ ภาพสถานทเี่ กดิ
รวมถึงแจ้งรถดับเพลิงให้มายังที่ 2. พบผู้เสยี ชีวิต ห้ามผูไ้ ม่เก่ียวขอ้ ง
เกิดเหตุ เขา้ ไปแตะต้องและเคลื่อนย้ายโดย

เหตุและรายงานเหตุการณ์เบื้องตน้ 2. ตรวจสอบสถานที่ที่ถูกเพลิงไหม้ เด็ดขาด

3. ปิดก้ันและรักษาสถานท่ีเกิดเหตุ ว่ามีลักษณะเป็นอยา่ งไร เช่น เป็น
เบื้องต้น ไม่แตะต้องและเคลื่อนย้าย อาคารสูงกี่ช้นั เพลงิ ไหมช้ นั้ ไหน มี
วตั ถุพยานโดยเด็ดขาด รวมทั้งห้ามผู้ ผ้ตู ดิ อยใู่ นทเ่ี กิดเหตหุ รือไม่ รวมถึง
ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในที่เกิดเหตุ มคี วามจาเปน็ ต้องให้การไฟฟ้า
ตัดกระแสไฟฟ้าหรือไม่ และ

4. ประชาสมั พนั ธ์ ประเมนิ สถานการณว์ า่ เพลงิ ไหม้มี

- สอบถามพยานในทเี่ กิดเหตุ ทา่ ทจี ะลุกลามหรอื ไม่ อย่างไร
หรอื ผู้เหน็ เหตกุ ารณ์ พรอ้ มจดชอ่ื - แจง้ ใหศ้ นู ยว์ ิทยุทราบเป็นระยะ
สกลุ หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อประสานหนว่ ยทีเ่ กีย่ วข้องเข้า
- ห้ามผู้ไม่เก่ยี วข้องเขา้ ไปใน มายงั ท่ีเกดิ เหตุ
บรเิ วณทเ่ี กิดเหตุ
- เตรียมเส้นทางเขา้ ออกสาหรบั 3. ปดิ ก้ันและรกั ษาสถานท่ีเกิดเหตุ
เจ้าหนา้ ทีท่ ี่เกีย่ วข้องและ และห้ามผู้ท่ีไม่มีสว่ นเก่ยี วข้องเขา้
ผู้บงั คับบัญชา ไปในสถานทีเ่ กดิ เหตุ

- หากพบวตั ถุพยานใหแ้ จ้ง 4. ตรวจหาเจา้ ของบ้านตน้ เพลิง
เจา้ หนา้ ท่ีตารวจหรือผู้มีหนา้ ท่ี และพยาน พร้อมจดชอื่ นามสกุล
เกยี่ วขอ้ งทราบ หมายเลขโทรศัพท์ไว้ และแจ้งให้

- แจง้ เตือนให้ผู้อยู่ในบรเิ วณท่ี อยูร่ อพบพนักงานสอบสวน
เกิดเหตเุ พ่ิมความระมดั ระวงั
อันตรายตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกดิ ขึ้นใน 5. แจง้ ศูนย์วทิ ยใุ หท้ ราบเสน้ ทาง
แต่ละเหตุการณ์ เพอ่ื ให้รถดบั เพลิงและผู้บงั คับ
บญั ชาสามารถเข้ามายงั ท่ีเกิดเหตุ

5. รายงานเหตุการณ์โดยสังเขปให้ ให้งา่ ยทส่ี ดุ
ผู้บังคับบญั ชาหรือพนักงาน
สอบสวนที่มาถึงทเ่ี กดิ เหตุทราบ

6. หากไมใ่ ช่พืน้ ท่ีรับผดิ ชอบให้
ดาเนนิ การตามข้อ 1-4 แลว้ รบี แจ้ง
ให้เจา้ ของพ้ืนทรี่ ับผิดชอบทราบ

28

เหตุพบวัตถุต้องสงสัย

ขนั้ ตอนหลกั ในการปฏิบัติ รายละเอียดการปฏบิ ตั ิ ข้อสงั เกต

1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ท่ีเกิดเหตุ 1. รีบ ว.25 และแจ้ง ว.10 ที่เกิดเหตุ 1. พบผู้บาดเจบ็ ตอ้ งปฐมพยาบาล
เบื้องต้นตามความเหมาะสมและ
2. ประเมินสถานการณ์ พจิ ารณา 2.สอบถามหาเจา้ ของวัตถตุ ้อง ดาเนนิ การเพอ่ื นาสง่ สถานพยาบาล

แกไ้ ขปญั หา ขอรับการสนับสนนุ สงสยั หากไมม่ ีผูใ้ ดแสดงตนเป็น 2. พบผเู้ สยี ชวี ติ หา้ มผู้ไม่เกี่ยวข้อง.
เข้าไปแตะต้องและเคล่ือนย้ายโดย
หรอื ประสานงานกับหนว่ ยงานที่ เจ้าของ ให้สันนฐิ านไวก้ ่อนวา่ วตั ถุ เดด็ ขาด

เกีย่ วข้อง บันทึกภาพสถานท่ีเกิด ต้องสงสยั น้ัน อาจเปน็ วตั ถุระเบิด

เหตุและรายงานเหตุการณเ์ บ้ืองต้น 3.แจ้งศูนยว์ ิทยุให้แจ้งผบู้ งั คบั

3. ปิดก้ันและรักษาสถานที่เกิดเหตุ บัญชาทราบ พร้อมขอกาลงั สนบั

เบ้ืองต้น ไม่แตะต้องและเคล่ือนย้าย สนุน และให้ศนู ย์วทิ ยปุ ระสาน

วตั ถุพยานโดยเด็ดขาด รวมท้ังหา้ มผู้ หนว่ ยเกบ็ กวู้ ัตถุระเบดิ (EOD)มายัง

ไม่เก่ียวข้องเข้าไปในท่ีเกิดเหตุ ทเ่ี กดิ เหตโุ ดยแจ้งรายละเอียดของ

4. ประชาสัมพนั ธ์ วตั ถุต้องสงสัยดังกลา่ วใหท้ ราบ
- สอบถามพยานในที่เกิดเหตุ ด้วยเช่นขนาดรปู รา่ ง หรือมีเสียง
หรอื ผ้เู หน็ เหตกุ ารณ์ พร้อมจดชือ่ - การทางานของนาฬิกา หรือมีสาย
สกุลหมายเลขโทรศัพท์ ไฟฟ้า ฯลฯ

- ห้ามผูไ้ มเ่ ก่ยี วข้องเข้าไปใน 4.ปิดกน้ั และอพยพคน ให้ออกห่าง

บริเวณทีเ่ กดิ เหตุ จากวตั ถุต้องสงสยั หากสามารถหา

- เตรียมเสน้ ทางเขา้ ออกสาหรับ ยางรถยนต์ได้ กใ็ ห้นายางรถยนต์

เจา้ หน้าท่ีท่ีเกย่ี วข้องและผ้บู งั คบั มาวางครอบวตั ถุตอ้ งสงสยั ไว้

บัญชา

- หากพบวัตถพุ ยานใหแ้ จ้ง

เจา้ หนา้ ทีต่ ารวจหรอื ผู้มีหนา้ ที่

เก่ยี วข้องทราบ

- แจ้งเตือนให้ผู้อยู่ในบริเวณที่

เกิด เหตุเพม่ิ ความระมดั ระวงั

อนั ตราย ตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกิดข้นึ ใน

แต่ละเหตกุ ารณ์

5. รายงานเหตกุ ารณ์โดยสงั เขปให้
ผบู้ ังคับบัญชาหรือพนักงานสอบ
สวนทม่ี าถงึ ทเ่ี กิดเหตุทราบ

6. หากไม่ใช่พื้นท่ีรบั ผดิ ชอบให้
ดาเนินการตามข้อ 1-4 แลว้ รบี แจง้
ให้เจ้าของพ้นื ท่รี ับผิดชอบทราบ

29

บทท่ี 4

ระดบั การใช้กาลงั ของเจ้าหน้าทต่ี ารวจเพื่อแก้ไขสถานการณ์ (Use of Force)

ในส่วนต่อไปนจี้ ะกล่าวถึงตัวแบบระดบั การใชก้ าลงั ของเจา้ หนา้ ที่ตารวจในการตอบโตส้ ถานการณ์
ขอให้เจ้าหนา้ ท่ตี ารวจทุกนายทบทวนหลักปฏิบตั ิเก่ยี วกับปฏญิ ญาสากลว่าดว้ ยสิทธมิ นุษยชน รัฐธรรมนูญ
ข้อกฎหมาย และหลักยุทธวธิ ตี ารวจทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั ความปลอดภัยของเครื่องมอื ทีใ่ ชใ้ นการตอบโต้ กอ่ นการ
เร่มิ ศกึ ษาในส่วนนี้

1. ท่ีมาและความสาคญั ของระดับการใช้กาลังของเจา้ หนา้ ทีต่ ารวจ
ตัวแบบน้ีพัฒนาขึ้นจากการศึกษาทางวิชาการร่วมกันของหลายภาคส่วน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ

สูงสุดในการรักษาไว้ซ่ึงความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าท่ีตารวจที่ปฏิบัติงาน
ซึ่งในประเทศท่ีเจริญแล้ว ระดับการใช้กาลังของเจ้าหน้าที่ตารวจถือเป็นส่วนสาคัญในการแสดงออก
ถึงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยเป็นภาระหน้าท่ีหลักของรัฐที่จะต้องจัดให้มีข้ึนเพ่ือรองรับ
การอนวุ ัตรปฏิญญาทร่ี ัฐไดล้ งนามใหส้ ตั ยาบรรณในการจะนาไปปฏบิ ัติให้เกิดผลในทางกฎหมาย

ทั้งน้ี Code of Conduct for Law Enforcement Officials ของสหประชาชาติ ได้รับการ
รับรองโดยมติที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติท่ี 34/169 เม่ือวันที่ 17 ธันวาคม 2522 มาตรา 35 กาหนด
กรอบการใช้กาลัง (use of force) ของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าให้กระทาได้เพียงเฉพาะกรณีท่ีจาเป็นอย่างย่ิง
และเพ่ือประโยชน์ในการปฏิบัตหิ น้าที่เท่านั้น การใช้กาลงั ของเจ้าหนา้ ท่รี ัฐจึงต้องมีดุลพินจิ ในการนาไปใช้
ท่ีไมเ่ กนิ กว่าเหตุหรอื ไดส้ ัดส่วนกบั พฤติการณ์

ซึ่งต่อมา UN Congress ในการประชุมเรื่อง Prevention of Crime and the Treatment of
Offenders ครั้งที่ 8 ท่ีกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม ถึงวันท่ี 7 กันยายน 2533
ได้มีการรับรอง Basic Principles of the Use of Force and Firearms by Law Enforcement
Officials ทมี่ รี ายละเอยี ดมากขึน้

ตัวแบบน้ีจึงใช้ฐานคติในการสร้างแบบต่อยอดองค์ความรู้เพ่ืออธิบายถึงกระบวนการตัดสินใจ
ท่ีเหมาะสมแบบฉับพลันทันทีของเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกับเจ้าหน้าที่ตารวจ โดยยึดหลักสากลที่ได้รับ
การยอมรบั จาก UN

ดังนั้น เจ้าหน้าท่ีตารวจทุกนายจึงต้องมีการฝึกปฏิบัติจนเกิดทักษะอัตโนมัติแบบกล้ามเน้ือจดจา
อยา่ งเขม้ ข้น การฝึกทักษะการตดั สินใจในภาวะวิกฤติในสถานการณ์จาลองเสมือนจริง ซ่ึงจะต้องพิจารณา
การใช้เคร่ืองมือทางยุทธวิธีท่ีถูกต้อง เหมาะสม ได้สัดส่วนกับพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด
และในการออกปฏิบตั หิ นา้ ที่ทกุ คร้งั ตอ้ งมกี ารทบทวนการปฏบิ ัตติ ามตัวแบบน้ีเสมอ

2. การศึกษาแบบระดับการใชก้ าลังของเจ้าหนา้ ทต่ี ารวจ
วิธีในการศึกษาตัวแบบขอให้จดจาภาพรวมของทั้งตวั แบบใหไ้ ดก้ ่อน จากน้นั จงึ เร่มิ ศึกษาแบบแยก

ส่วน ซง่ึ จะมีคาอธิบายโดยละเอียด เพอื่ เสริมความเขา้ ใจ ตวั แบบท่ปี รากฏด้านล่างนี้ จึงขอให้เรม่ิ ต้นศึกษา
แนวทางการปฏิบัติโดยดูจากลักษณะการกระทาของผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด (Action) ก่อน

30
ซึ่งในสว่ นนีจ้ ะอธบิ ายถึงการแสดงออกถึงพฤตกิ ารณ์ของผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทาความผดิ แล้วจงึ มาศึกษา
เร่ืองของการตอบโต้สถานการณ์ของเจ้าหน้าที่ตารวจ (Reaction) โดยภาพท่ีปรากฏด้านล่างนี้เป็น
ภาพรวมทั้งหมดของตัวแบบ ขอให้ทุกท่านสงั เกตจดจาหมายเลขท่ีปรากฏบนพื้นที่ส่วนต่างๆ ของตัวแบบ
ซงึ่ เป็นส่วนสาคัญที่จะทาให้การอธิบายในสว่ นต่อๆไปไดง้ ่ายขึ้น ในกรณีท่ีการศกึ ษาในส่วนตอ่ ไปเกดิ ความ
ไมแ่ น่ใจ ขอให้ท่านกลับมาทบทวนหมายเลขทป่ี รากฏในภาพด้านล่างอีกครงั้ หน่งึ

After Action Report)

*
**
/

รปู ภาพท่ี 21 ระดับการใชก้ าลงั ของเจา้ หนา้ ทีต่ ารวจเพอื่ แกไ้ ขสถานการณ์ (Use of Force)

31

2.1 คาอธิบายพนื้ ทีส่ ว่ นต่างๆ ของตัวแบบเรียงตามลาดับหมายเลข
ลักษณะของวิธีการใช้งานตัวแบบให้เริ่มต้นศึกษา ตามพ้ืนท่ีส่วนต่าง ๆ ที่มีหมายเลขกาหนด
ในภาพ ดังนี้
พื้นที่ส่วนที่ 1 แถบสีเขียว เหลือง แดง ในฝ่ังท่ีเขียนว่าผู้ต้องสงสัย/ผู้กระทาความผิด จะมีแถบสี
ท่ีลากมาจนสุดฝ่ังของการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตารวจ สังเกตจากลูกศรแนวนอนในตัวแบบ จะแสดงถึง
ระดับข้ันสูงสุดของการใช้เครอ่ื งมือทางยุทธวิธีท่ีเจ้าหน้าที่ตารวจจะใช้ตอบโต้ได้ โดยลูกศรแนวต้ังจะลาก
ขึ้นไปหาเครื่องมือทางยุทธวิธีท่ีเหมาะสมด้านบน ซ่ึงในบางช่วงสีอาจมีเครื่องมือทางยุทธวิธี มากกว่า 1 อย่าง
โดยปัจจยั ทเี่ ขา้ มาเกี่ยวขอ้ งจะขึ้นกบั พฤติการณแ์ วดล้อมของเหตกุ ารณน์ ั้น ๆ ซ่ึงจะอธบิ ายในชว่ งทา้ ย
พ้ืนท่ีส่วนที่ 2 แถบสีเทาไล่สีจากอ่อนไปหาเข้มที่เขียนข้อความอาจจะเกินความจาเป็น เขียนไว้
เพื่อเตือนว่าหากเจ้าหน้าท่ีตารวจปฏิบัติงานแล้ว การกระทาของผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิด มีการใช้
เคร่ืองมือทางยุทธวิธีด้านบนมาอยู่ในพ้ืนท่ีสีเทา แสดงว่าเจ้าหน้าท่ีตารวจกาลังปฏิบัติหน้าท่ีโดย
ใช้เครอื่ งมอื ทางยทุ ธวิธเี กนิ ความจาเป็นแกเ่ หตุ
พ้ืนที่ส่วนท่ี 3 แถบสเี ขียว เหลอื ง แดง ที่ไล่สีจากอ่อนไปหาเข้มที่เขียนข้อความอาจจะไม่ปลอดภัย
เขียนไว้เพ่ือเตือนว่าหากเจ้าหน้าที่ตารวจปฏิบัติงานแล้ว การกระทาของผู้ต้องหาหรือผู้กระทาความผิด
มีการใชเ้ ครอื่ งมอื ทางยทุ ธวธิ ีดา้ นบนมาอย่ใู นพ้ืนทีส่ อี ่อน แสดงว่าเจ้าหนา้ ทีต่ ารวจกาลงั ปฏบิ ตั หิ น้าท่ีโดยใช้
เครื่องมอื ทางยทุ ธวิธีไมเ่ หมาะสมกบั พฤติการณ์ของผู้ต้องหาหรอื ผกู้ ระทาความผิด ซ่ึงอาจสง่ ผลใหเ้ จา้ หน้าที่
ตารวจไมป่ ลอดภยั
พ้ืนท่ีส่วนที่ 4 แถบสีเขียว เหลือง และแดง ที่อยู่ด้านบน เป็นอุปกรณ์ทางยุทธวิธีท่ีเหมาะสม
ทีเ่ จา้ หน้าทตี่ ารวจจะใชต้ อบโต้ได้ โดยมสี ดั สว่ นการกระทาพอสมควรแกเ่ หตุ ทั้งนี้ หากสังเกตลกู ศรแนวต้งั
ในบางการกระทาของผู้ต้องหาท่ีลากขึ้นมาจากลูกศรแนวนอน จะมีลูกศรแนวตั้งผ่านขึ้นไปได้หลายจุด
แสดงว่าเจ้าหน้าท่ีตารวจสามารถใช้เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้สถานการณ์ได้หลายประเภท
โดยขนึ้ อยกู่ ับปัจจยั ทีเ่ ข้ามาเกยี่ วขอ้ งกับพฤตกิ ารณแ์ วดล้อมของเหตุการณ์นัน้ ๆ ซึ่งจะอธบิ ายในช่วงท้าย
สาหรับปีกกาท่ีเขียนอยู่ด้านนอกครอบคลุมพื้นที่สีเขียวอ่อนและเขียวเข้ม ซ่ึงมีข้อความว่าใช้
เบ้ืองต้นในทุกสถานการณ์ หมายถึงการกระทาการใดๆ ก็แล้วแต่ในตัวแบบนี้ให้เริ่มต้นจากการแสดงตัว
ของเจ้าหน้าท่ี และการสั่งการด้วยวาจาหรือท่าทางก่อนเสมอ ซ่ึงเป็นหลักนิยมสากลท่ีทั่วโลกใช้ปฏิบัติ
อันมีท่ีมาจากการให้ความสาคัญในสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยหลักสิทธิ
มนษุ ยชน

32

33

2.2 หลกั นยิ มในการสรา้ งตวั แบบระดับการใชก้ าลัง
ในประเทศที่มีการบังคับใช้กฎการใช้กาลังสาหรับเจ้าหน้าที่ตารวจ นิยมนาสัญลักษณ์ของ

แถบสีมาเป็นเคร่ืองมือในการอธิบายเพื่อแบ่งระดับของการกระทาของผู้ต้องสงสัย /กระทาความผิด
โดยส่ือถึงความหนักเบาของพฤติการณ์ ทุกประเทศจะให้ความสาคัญกับการกระทาของผู้ต้องสงสัย/
ผู้กระทาความผิด (Action) อันมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะเป็นความผิดตามกฎหมาย เป็นตัวเริ่มในการ
อธบิ ายตัวแบบโดยสเี ขยี วจะแสดงถึงระดับข้ันการใชท้ ่ีเบาทสี่ ดุ สสี ้มเป็นระดบั ข้ันการใช้กาลังทม่ี ีความแรง
มากข้นึ และสีแดงเป็นระดบั ขน้ั การใชก้ าลงั ท่ีต้องมีการตระหนักสูงสุด

เพื่อให้งา่ ยต่อการทาความเข้าใจ จึงตดั ส่วนต่าง ๆ ของตัวแบบมาเพ่ือใช้ในการอธิบายเป็น 3
สว่ นสาคัญ คือ

1. การกระทาความผิดของผตู้ ้องสงสยั /กระทาความผดิ
2. การตอบโต้ของเจ้าหน้าท่ี (ตามความหนักเบาของการกระทาของผู้ต้องสงสัย/กระทา

ความผดิ )
3. เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิดท่ีเหมาะสม ทั้งนี้หลักใน

การปฏิบัติทางทฤษฎีนั้นจะเป็นส่วนสาคัญในการพัฒนาการฝกึ ภาคปฏิบัติที่ต้องมีการฝึก
ทกั ษะทางยทุ ธวิธีตามท่ีไดม้ ีการออกแบบไว้โดยเฉพาะ

3. คาอธบิ ายทว่ั ไปเก่ียวกับการกระทาของผตู้ ้องสงสัย/กระทาความผดิ

34

จากภาพ จะพบว่าแถบสีเขียวด้านล่างจะเป็นลักษณะของการกระทาท่ีผู้ต้องสงสัย/กระทา
ความผิดปฏบิ ัตติ ามกรอบของกฎหมายและเชอื่ ฟงั เจ้าหนา้ ที่ตารวจ ไล่รายละเอียดข้ึนไปเปน็ แถบสีเหลือง
ที่เริ่มไม่ปฏิบัติตามหรือมีท่าทีขัดขืน ไปจนถึงแถบสีแดงท่ีเริ่มมีแนวโน้มที่การกระทารุนแรงในการตอบโต้
เจ้าหน้าที่ตารวจซึ่งในแต่ละแถบสีจะมีการกระทาท่ีมีระดับความเข้มข้นแตกต่างกันออกไปอีก ดังนั้น
จึงควรจดจาแถบสีให้ได้ก่อนจะศึกษาในหัวข้อถัดไป ซึ่งจะกาหนดแยกย่อยลงไปอีกว่า มีพฤติการณ์
ตอบสนองต่อเจ้าหน้าทีต่ ารวจอย่างไร

คาอธบิ ายอยา่ งละเอยี ดของการกระทาของผตู้ ้องสงสยั หรือผกู้ ระทาความผดิ
3.1 การแบ่งระดบั อยา่ งละเอยี ดของบุคคลท่ีให้ความร่วมมอื (แถบสเี ขยี ว) แบง่ ออกเปน็ 2 ระดบั
ไดแ้ ก่

ระดับท่ี 1 ให้ความรว่ มมอื โดยไม่ต้องออกคาส่ัง (แถบสีเขียวอ่อน):ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด
ที่ให้ความร่วมมือโดยไม่ต้องออกคาส่ัง ให้เจ้าหน้าท่ีตารวจรักษาระยะห่างที่เหมาะสม ทั้งนี้ ต้องไม่ลด
ระดับการระมัดระวังตัวลง จนกว่าจะมีการควบคุมตัวอย่างถูกต้องทางยุทธวิธี และมีการตรวจค้นอย่าง
ละเอยี ดจนแนใ่ จวา่ มีความปลอดภัย

ระดับที่ 2 ให้ความร่วมมือตามการออกคาส่ัง (แถบสีเขียวเข้ม): ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด
ใหค้ วามรว่ มมือเฉพาะทเ่ี ปน็ การตอบสนองต่อคาสงั่ เท่านั้น ให้เจา้ หน้าทเ่ี รียงลาดับในการสั่งการใหถ้ กู ต้อง
ตามหลักทางยุทธวิธี การสั่งการด้วยวาจา การแสดงออกด้วยท่าทางต้องมีความเหมาะสม พอสมควร
แก่เหตุ ได้สัดส่วนกับการกระทา ทั้งน้ี ต้องไม่ลดระดับการระมัดระวังตัวลง และประเมินความเสี่ยง
ในสถานการณ์ให้สูงอยู่เสมอ จนกว่าจะมีการควบคุมตัวอย่างถูกต้องทางยุทธวิธี และมีการตรวจค้นอย่าง
ละเอียดจนแน่ใจว่ามคี วามปลอดภัย

35

3.2 การแบ่งระดับอยา่ งละเอยี ดของบคุ คลทข่ี ดั ขืน (แถบสเี หลือง) แบง่ ออกเปน็ 2 ระดับ

ระดับที่ 1ขัดขืนด้วยการน่ิงเฉยไม่ปฏิบัติตามคาสั่ง (แถบสีเหลืองอ่อน): ผู้ต้องสงสัย/กระทา
ความผิดที่มีท่าทีขัดขนื ด้วยการน่ิงเฉยไม่ปฏิบัตติ ามคาสง่ั ทางวาจาหรอื ท่าทางของเจ้าหน้าที่ตารวจ แม้ว่า
การนง่ิ เฉยนน้ั จะเป็นการน่งิ เฉยด้วยสนั ติ ไมม่ ีท่าทางจะตอบโตก้ ับเจ้าหนา้ ที่ตารวจ แตก่ ารนิ่งเฉยไม่ปฏิบัติ
ตามเป็นอุปสรรคในการเข้าไปเผชิญเหตุ หรือทาให้เจ้าหน้าท่ีตารวจต้องเข้าใกล้เกินกว่าระยะปลอดภัย
ทั้งน้ี เจ้าหน้าที่ตารวจที่ต้องดาเนินการกับบุคคลดังกล่าว ต้องระมัดระวังพฤติการณ์ หรือท่าทีท่ีอาจ
เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยต้องไม่ลดระดับการระมัดระวังตัวลง การส่ังการด้วยวาจา การแสดงออก
ด้วยท่าทางต้องมีความเหมาะสม พอสมควรแก่เหตุ ได้สัดส่วนกับการกระทาจนกว่าจะมีการควบคุม
ตัวอย่างถกู ตอ้ งทางยทุ ธวธิ ี และมีการตรวจค้นอย่างละเอียดจนแน่ใจว่ามีความปลอดภยั

ระดับท่ี 2 ขัดขืนด้วยการเคล่ือนไหวเพ่ือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตาม (แถบสีเหลืองเข้ม): ผู้ต้อง
สงสัย/กระทาความผิดท่ีมีท่าทีขัดขืนด้วยการเคล่ือนไหว ไม่ปฏิบัติตามคาส่ังทางวาจาหรือท่าทางของ
เจ้าหน้าท่ีตารวจ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือหลีกเลี่ยงการปฏิบัติ แม้ว่าการเคล่ือนไหวนั้นจะเป็นไปด้วยสันติ
หรือพยายามจะหลบหนี ซึ่งเป็นอุปสรรคในการเข้าไปเผชิญเหตุ หรือทาให้เจ้าหน้าที่ตารวจต้องเข้าใกล้
เกินกว่าระยะปลอดภัย ท้ังน้ี เจ้าหน้าที่ตารวจท่ีต้องดาเนินการกับบุคคลดังกล่าว ต้องระมัดระวัง
พฤติการณ์หรือท่าทีที่อาจพลิกผันอย่างรวดเร็ว โดยต้องไม่ลดระดับการระมัดระวังตัวลง การส่ังการ
ด้วยวาจา การแสดงออกด้วยท่าทางต้องมีความเหมาะสม พอสมควรแก่เหตุ ได้สัดส่วนกับการกระทา
จนกว่าจะมีการควบคุมตัวอย่างถูกต้องทางยุทธวิธี และมีการตรวจค้นอย่างละเอียดจนแน่ใจว่ามีความ
ปลอดภยั

กรณีมีท่าทีหลบหนีให้พึงระมัดระวังอย่างย่ิงในการใช้เคร่ืองมือทางยุทธวิธีเพื่อตอบโต้หรือยับย้ั ง
พฤติการณ์ และถือเป็นเร่ืองละเอียดอ่อนในการตัดสินใจในการใช้กาลัง ต้องพึงสังเกตถึงแนวโน้มหรือ
โอกาสในการใช้อาวุธเพ่ิมเติมประกอบด้วย ซึ่งในส่วนน้ีจะอยู่ในการฝึกทักษะเพื่อพัฒนาการตัดสินใจที่มี
ประสทิ ธิภาพจากการจาลองสถานการณ์เสมอื นจริง

36

3.3 การแบ่งระดับอย่างละเอียดของบุคคลท่ีทาร้าย(แถบสีแดง) แบ่งการกระทาออกเป็น
3 ระดับความรุนแรง

ระดับท่ี 1 การกระทาโดยปราศจากอาวุธ (แสดงกริยา/ท่าทางว่าจะทาร้ายเจ้าหน้าที่หรือผู้อ่ืน):
ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิดไม่ให้ความร่วมมือหรือปฏิบัติตามคาสั่ง เม่ือเจ้าหน้าที่เข้าใกล้เกินกว่า
ระยะปลอดภัย ทั้งยังแสดงกริยาหรือท่าทางว่าจะทาร้ายเจ้าหน้าที่ตารวจ หรือผู้อื่น ซ่ึงการกระทานั้น
อาจส่งผลต่อความปลอดภยั ของการปฏบิ ัตงิ านของเจา้ หน้าทตี่ ารวจท่ีเขา้ เผชิญเหตุ ทง้ั น้ี เจ้าหน้าท่ตี ารวจ
ที่ต้องดาเนินการกับบุคคลดังกล่าวต้องพึงระมัดระวังการซุกซ่อนอาวุธ หรือส่ิงท่ีอาจใช้แทนอาวุธได้
ขณะเข้าทาการตอบโต้กับสถานการณ์ต้องพึงระลึกเสมอถึงกฎของความปลอดภัย และต้องมีความ
เหมาะสมพอสมควรแก่เหตุ ได้สัดส่วนกับการกระทา จนกว่าทาการควบคุมตัวอย่างถูกต้องทางยุทธวิธี
และมีการตรวจค้นอย่างละเอยี ดจนแน่ใจว่ามีความปลอดภยั

ระดับท่ี 2 การกระทาโดยเชื่อว่าจะเกิดอันตรายต่อกายจนได้รับบาดเจ็บ (แถบสีแดงอ่อน):
ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด ไม่ให้ความร่วมมือหรือปฏิบัติตามคาส่ัง เมื่อเจ้าหน้าท่ีเข้าใกล้เกินกว่าระยะ
ปลอดภัย มีพฤติการณ์ตอบโต้โดยมีลักษณะการกระทาที่เชื่อว่าจะมีการทาอันตรายต่อกายจนได้รับ
บาดเจ็บโดยอาจใช้อาวุธ หรือใช้วัสดุท่ีไม่ได้เป็นอาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทา ทั้งน้ี พึงระมัดระวัง
และสังเกตวัตถุท่ีผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทาความผิดใช้ในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ ขณะเข้าทาการตอบโต้
กับสถานการณ์ต้องพึงระลึกเสมอถึงกฎของความปลอดภัย และต้องมีความเหมาะสม พอสมควรแก่เหตุ
ได้สัดส่วนกับการกระทา จนกว่าทาการควบคุมตัวอย่างถูกต้องทางยุทธวิธี และมีการตรวจค้น
อย่างละเอยี ดจนแนใ่ จวา่ มคี วามปลอดภัย

ระดับท่ี 3 การกระทาท่ีเชื่อว่าจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิต (แถบสีแดงเข้ม):
ผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด ไม่ให้ความร่วมมือหรือปฏิบัติตามคาสั่ง มีพฤติการณ์ตอบโต้โดยมีลักษณะ
การกระทาที่เชื่อว่าจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตโดยอาจใช้อาวุธ หรือใช้วัสดุที่ไม่ได้เป็น
อาวุธโดยสภาพ ประกอบการกระทา ท้ังน้ี พึงระมัดระวังและสังเกตวัตถุท่ีผู้ต้องสงสัยหรือผู้กระทา
ความผิดใช้ในการตอบโต้เจ้าหน้าที่ขณะเข้าทาการตอบโต้กับสถานการณ์ต้องพึงระลึกเสมอถึง
กฎของความปลอดภัย และต้องมีความเหมาะสม พอสมควรแก่เหตุ ได้สัดส่วนกับการกระทาจนกว่า
ทาการควบคมุ ตวั อยา่ งถูกตอ้ งทางยทุ ธวิธี และมีการตรวจคน้ อย่างละเอยี ดจนแนใ่ จว่ามีความปลอดภัย

37

4. คาอธบิ ายทั่วไปเกย่ี วกบั การปฏบิ ัตขิ องเจ้าหนา้ ทีต่ ารวจ
คาอธิบายในส่วนนี้จะเป็นเรื่องของเครื่องมือทางยุทธวิธีท่ีใช้ในการตอบโต้ที่เหมาะสม โดย

ต้องทาความเข้าใจว่าการกระทาของผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด จาแนกอยู่ในสีใด และมีระดับความ
รุนแรงเพียงใดเพ่ือจะได้เลือกใช้เครื่องมือทางยุทธวิธีสาหรับการตอบโต้ได้อย่างเหมาะสม และจากภาพ
ด้านล่างจะพบว่าในบางกลุ่มสีมีการใช้เคร่ืองมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้ได้หลายอย่าง ทั้งน้ี หลักในการ
พิจารณา ที่ละเอียดรอบคอบเกิดจากการฝึกทักษะในการตอบโต้ โดยต้องคานึงถึงหลักสัดส่วน พอสมควร
แกเ่ หตุ และเปน็ การปอ้ งกนั โดยชอบดว้ ยกฎหมาย

38
4.1 คาอธิบายโดยละเอียดทั่วไปเกีย่ วกบั การปฏิบตั ขิ องเจา้ หน้าที่ตารวจ

การแสดงตัวของเจ้าหน้าท่ีท่ีเหมาะสมมีผลต่อการตัดสินใจในการตอบโต้จากผู้ต้องสงสัย/กระทา
ความผิด ดังน้ันการให้ความสาคัญในการแสดงตัวด้วยเคร่ืองแบบ การแสดงบัตรประจาตัวของเจ้าหน้าท่ี
และการออกคาส่ังควบคุมผ่านท่าทาง วาจา เป็นทางเลือกระดับแรกท่ีเจ้าหน้าท่ีตารวจทุกนายต้องใช้
ก่อนที่จะมีการพัฒนาระดับการเลือกใช้เครื่องมือตอบโต้ทางยุทธวิธีชนิดอื่นๆ เพราะในส่วนนี้จะช่วยลด
โอกาสและระดับความรุนแรงในการกระทาของผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิดได้ในระดับหนงึ่ วิธีการปฏิบัติ
ในระดบั นเี้ หมาะสมทีส่ ดุ กับผตู้ อ้ งสงสัย/กระทาความผดิ ที่ใหค้ วามรว่ มมอื (สีเขียว)

ในส่วนนีจ้ ะเรม่ิ อธบิ ายถึงการตอบโต้ทางยทุ ธวธิ ที เ่ี หมาะสมของเจา้ หน้าท่ีตารวจ ในระดบั ของ
การกระทาความผิดของผตู้ อ้ งสงสยั /กระทาความผดิ สาหรบั บุคคลที่ขดั ขนื (สีเหลอื ง)

ก. การจับหรอื การกดใหเ้ จบ็ เพ่อื ยินยอม หรอื การควบคมุ ดว้ ยมือเปลา่
ในสว่ นนตี้ อ้ งมกี ารฝึกทักษะเฉพาะในการกดจดุ เพอ่ื ทาให้หยดุ ชะงกั หรอื การจับหักตามข้อ

ต่อตา่ งๆของรา่ งกาย เพอ่ื ทาให้หมดแรงขัดขนื และยนิ ยอมปฏิบตั ติ ามทเี่ จ้าหน้าทดี่ าเนนิ การ
ข. การใชส้ เปรยพ์ รกิ ไทย
ในสว่ นนี้ต้องมขี อ้ พจิ ารณาถงึ การฝกึ ทกั ษะของการวางตาแหนง่ ระยะปลอดภัยระหว่าง

เจา้ หนา้ ท่ตี ารวจ กบั ท่าทีในการตอบโต้ และโอกาสในการตดั สนิ ใจเข้าโจมตขี องระหว่างผู้ต้องสงสยั /
กระทาความผิด

39

*

ในสว่ นนี้จะเร่มิ อธิบายถงึ การตอบโต้ทางยุทธวธิ ที เ่ี หมาะสมของเจา้ หนา้ ทตี่ ารวจ ในระดบั ของการ
กระทาความผิดของผตู้ อ้ งสงสัย/กระทาความผิด สาหรับบคุ คลทขี่ ัดขนื (สีแดง)

ก. การใช้กาลงั ต่อร่างกายเพ่ือควบคุม ถือเป็นแนวทางในการใช้กาลังต่อบุคคลที่ขัดขืนในระดับ
ต่าสุด ซงึ่ ตอ้ งมีการฝกึ ทักษะเฉพาะทางเพ่อื ให้การใชก้ าลังนนั้ เป็นไปข้อกาหนดตามกฎหมาย

ข. อาวุธไม่ถงึ ตาย ดิว้ กระบองเปน็ ทางเลอื กในการใชเ้ ครอ่ื งมอื ทางยุทธวธิ ีในการตอบโตส้ าหรับ
บคุ คลท่ีขัดขืน โดยไม่ทาให้บาดเจ็บสาหัสหรือถึงตาย ซ่ึงต้องมีการฝึกทกั ษะเฉพาะทางในการ
เลือกจดุ ตกกระทบทจ่ี ะไมก่ อ่ ให้เกิดความเสยี หายอย่างถาวรตอ่ รา่ งกายผ้ขู ดั ขืน

ค. สเปรย์พริกไทย เป็นทางเลือกในการใช้เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้สาหรับบุคคลท่ี
ขัดขืน โดยก่อให้เกิดอาการระคายเคืองแสบร้อนท่ีผิวหนัง ใบหน้า หรือดวงตา เพ่ือลดโอกาส
ในการโจมตี บดบังทัศนวิสัยในการตอบโต้กับเจ้าหน้าท่ีซ่ึงต้องมีการฝึกทักษะเฉพาะในการ
ปฐมพยาบาลหลังการใช้สเปรย์พรกิ ไทย

ง. กระสุนยางเปน็ ทางเลอื กในการใช้เคร่ืองมือทางยทุ ธวธิ ีในการตอบโตส้ าหรับบคุ คลทขี่ ดั ขนื
โดยทาใหเ้ กดิ การชะงกั หยดุ ย้ังพฤตกิ ารณ์ ล่าถอย ซงึ่ ตอ้ งมีการฝกึ ทกั ษะเฉพาะในการเลอื กจุด
เล็งยงิ เพอ่ื ไม่ใหเ้ กดิ การบาดเจ็บสาหสั หรอื ถงึ ตาย

จ. ปนื ไฟฟ้า เปน็ ทางเลือกในการใช้เคร่ืองมอื ทางยทุ ธวิธใี นการตอบโต้สาหรบั บุคคลที่ขัดขืน โดย
ทาให้เกิดการชะงกั หมดแรงในการตอบโต้ ลม้ ลง และยนิ ยอมใหค้ วบคุมตัวโดยไมม่ ีแรงในการ
ตอ่ สู้ขัดขืน ซ่ึงต้องมีการฝึกทักษะเฉพาะในการเลือกจุดเล็งยิง ระยะเวลาในการช็อต และการ
ปฐมพยาบาลหลังการใช้ ในกรณที ีอ่ าจเป็นผู้ปว่ ยที่ใสเ่ ครื่องกระตนุ้ หัวใจไฟฟ้า

40

ฉ. อาวุธปืน เป็นทางเลอื กในการใช้เครื่องมือทางยุทธวิธีในการตอบโต้สาหรบั บุคคลที่ขัดขืน โดย
ทาให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ในหลายระดับ ตั้งแต่บาดเจ็บไม่ถึงตายในกรณีถูกอวัยวะไม่สาคัญ
ไปจนกระท่ังการบาดเจ็บท่ีอาจถึงตายหากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลอย่างทั นท่วงที
และบาดเจ็บถึงตายในทนั ทีเม่ือโดนอวัยวะท่ีสาคญั ซงึ่ ต้องมีการฝึกทักษะเฉพาะ ความแมน่ ยา
ในการเลง็ การตัดสนิ ใจยิงในภาวะวกิ ฤตแิ ละการฝึกปฐมพยาบาลทางยุทธวิธีเพือ่ รกั ษาชีวติ ของ
ผู้ตอ้ งสังสัย/กระทาความผดิ

จากตวั แบบท้งั หมดจะพบวา่ ระดบั การใชก้ าลงั ของเจา้ หน้าทีใ่ ห้ความสาคัญกับการรักษาชีวิตของผู้
ต้องสงสัย/กระทาความผิด โดยคานึงถึงความปลอดภัยในการปฏิบัติท่ีเหมาะสมควบคู่ไปกับการให้ความ
เคารพในศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์อย่างเทา่ เทียมและเสมอภาค

การปรับระดับการใช้กาลังแบบก้าวกระโดด อาจมีการปรับระดับความเข้มของการใช้เคร่ืองมือ
ตอบโต้ทางยุทธวิธีให้สูงขึ้นหรือลดลง ท้ังน้ี ต้องไม่หลุดจากกรอบพฤติการณ์ของผู้ต้องสงสัย/กระทา
ความผิด โดยต้องพิจารณาถึงเหตุและผลอันอาจเกิดจากการใช้เคร่ืองมือตอบโต้ทางยุทธวิธี ท่ีมีสัดส่วน
เหมาะสมกับการกระทาของผู้ต้องสงสัย/กระทาความผิด มาประกอบดุลพินิจในการใช้เครื่องมือตอบโต้
ทางยทุ ธวิธีของเจ้าหน้าท่ตี ารวจดว้ ย

ท้ังนี้ ต้องมีการฝึกทักษะหลายอย่างควบคู่กันไป ต้ังแต่การพัฒนาทักษะในการตัดสินใจ การ
เลอื กใชเ้ ครื่องมือตอบโต้ทางยุทธวิธีที่เหมาะสม การปฐมพยาบาลหลงั การใช้เคร่อื งมือทางยุทธวิธเี หล่านั้น
กับผตู้ อ้ งสงสยั /กระทาความผิด และต้องให้ความสาคัญกบั เครื่องมอื ตอบโต้ทางยุทธวิธตี ารวจ ด้วยการฝึก
ทักษะจากอปุ กรณม์ าตรฐานที่ได้รบั การจดั หาจากสานกั งานตารวจแห่งชาติ

41

ภาคผนวก

42

ผนวก ก

หลักสิทธิมนุษยชนทตี่ ้องคานึงถงึ ในการปฏิบัตหิ น้าทขี่ องเจ้าหนา้ ทตี่ ารวจ

สิทธิมนุษยชน (Human Rights) หมายถึง สิทธิที่มีตามธรรมชาติซึ่งติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่เกิด โดยมี
ความเป็นสากลและมีการรองรับไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน หรือกติกา อนุสัญญา ข้อตกลงตา่ งๆ
ระหวา่ งประเทศด้านสทิ ธิมนุษยชน ท่ีท่วั โลกให้การยอมรบั

สิทธิมนุษยชน ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมายถึง
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลท่ีได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือตามกฎหมายไทยหรือตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่
จะตอ้ งปฏิบตั ิตาม

ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนท่ีตารวจต้องรู้และพึงปฏิบัติ (จากคู่มือการปฏิบัติงาน
เจา้ หน้าทีต่ ารวจตามหลกั สิทธมิ นษุ ยชน)

1. ตารวจต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายอยู่ตลอดเวลาเพื่อปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีแห่งความ
เปน็ มนุษย์

2. ต้องคุ้มครอง รักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ภายใต้ข้อจากัดตาม
บทบัญญัติแห่งกฎหมาย

3. ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิในการบังคบั ใช้กฎหมาย
4. ต้องให้ความสาคัญกับสิทธิของพยาน เหย่ือ หรือผู้ต้องสงสัย การปฏิบัติต้องชอบด้วยกฎหมาย
อยา่ งมเี มตตา ปราศจากอคติ
5. เมอ่ื มกี ารจับกุมตอ้ งแจง้ สิทธใิ หท้ ราบทนั ที และจะตอ้ งแจง้ ให้ครอบครวั ผู้ต้องหาทราบโดยทนั ที
6. ใช้อาวุธปืน และกาลังได้เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันสุดขีดเท่านั้น และต้องใช้เพื่อปกป้อง
ตนเอง หรือผู้อื่นเมอ่ื ภัยกาลงั จะมาถงึ และต้องแสดงตวั ให้ทราบวา่ เป็นเจ้าหน้าทตี่ ารวจ แลว้ ให้คาสง่ั ทีช่ ัดเจน
7. เมื่อมีการชุมนุมหรือการประท้วง ให้ใช้ความอดกลั้นต่อการชุมนุม ให้มีการเจรจาต่อรองกับ
ตัวแทนผูช้ มุ นมุ หากจาเปน็ ต้องสลายการชมุ นุม ให้เริ่มจากมาตรการเบาไปหาหนกั
8. การจบั กมุ

8.1 จับกุมโดยไม่มีหมาย ทาไดโ้ ดย
1) ตาม ป.ว.ิ อาญา ม.80 กระทาผดิ ซึ่งหนา้
2) เม่อื พบบคุ คลมพี ฤตกิ รรมอนั ควรสงสัยวา่ น่าจะเป็นผู้กอ่ เหตรุ ้าย
3) มีเหตุออกหมายจับบุคคลเร่งด่วน ตาม ป.วิ.อาญา ม. 66 (2) คือน่าจะกระทา

ความผดิ อาญา เช่ือว่าจะหลบหนี เขา้ กรณีจาเปน็ เรง่ ด่วน
4) จับผู้ต้องหาหรือจาเลยหนีประกันในระหว่างถูกปล่อยตัวชั่วคราวโดยจะจับได้

ตอ่ เม่อื จะหลบหนี ในกรณีมบี ุคคลประกนั (นายประกนั ) ขอใหท้ าการจับกุมตัวไว้
5) ราษฎรจับได้โดยไม่มีหมาย ได้แก่ เจ้าพนักงานขอให้ช่วย หรือจับเม่ือกระทา

ความผดิ ซึง่ หน้าท่ีระบุไว้ตาม ป.วิ.อาญา
8.2 จับแล้วต้องแจ้งให้เขาทราบว่า เขาต้องถูกจับ ถ้ามีหมายให้หมายดู แจ้งข้อหาให้ทราบ

แจ้งสิทธิ จากนนั้ จดั ทาบนั ทกึ การจบั กุมแลว้ มอบสาเนาบันทกึ การจับกุมใหผ้ ตู้ อ้ งหา (หากไมม่ อบผดิ ม.157)

43

8.3 การจบั กมุ พระ/เณร
1) จับได้เมอ่ื ผิดทางอาญา
2) จบั ได้เม่อื ละเมิดพระพุทธบญั ญัตปิ ระถมปาราชกิ แล้วสง่ ไปมอบให้กรมการศาสนา/

ไปส่งให้เจ้าคณะท้องถิ่น เมื่อปรากฏความผิด 9 ประการ คือ เท่ียวเตร่ไม่มีหลักแหล่ง ฉันยาหรือสุราเมรัย
ดูการละเล่นปะปนกับประชาชนไปในท่ีอโคจร ฉันนมสดในเวลาวิกาล ฉันน้ามะพร้าวหลังเที่ยงวัน ขอเงิน
ชาวบ้าน ซ้ือสลากกนิ แบง่ รัฐบาล

8.4 การจับกุมเดก็ หรือเยาวชน
1) แจง้ ข้อหา แจ้งสทิ ธิ แจง้ หมายจบั (หากม)ี
2) แจง้ ให้ผปู้ กครองทราบในโอกาสแรก
3) ห้ามควบคุมเด็กหรือเยาวชนเกนิ กว่าเทา่ ทีจ่ าเป็น

9. การค้น
9.1 โดยไมม่ ีหมายค้น เปน็ ไปตาม ป.ว.ิ อาญา ม.92
9.2 ค้นโดยมหี มายค้น ตาม ป.วิ.อาญา ม.92
9.3 การคน้ แบง่ ตามสถานทไี่ ด้ 2 ประเภท
1) ค้นในท่ีสาธารณะ ค้นได้ตาม ป.วิ.อาญา ม.93 เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย คือ บุคคล

นัน้ มีสิง่ ของไว้เพื่อใชใ้ นการกระทาความผิด/เชื่อว่าได้ส่งิ ของมาโดยการกระทาความผิด มีสงิ่ ของไว้เป็นความผิด
2) ค้นในที่รโหฐานหรือค้นบ้านหรือตาม ป.วิ.อาญา ม.92 ท่ีให้ทาการตรวจค้นได้ คือ

มีเสียงร้องให้ช่วย หรือมีเสียงที่เชื่อว่ามีเหตุร้าย/การกระทาผิดซ่ึงหน้าในที่รโหฐานนั้น (ตารวจต้องเห็นด้วยตา
ตนเอง)

3) ค้นตวั บคุ คล กระทาได้ 3 กรณคี ือ
- ในพ้ืนทีส่ าธารณะ
- ในพนื้ ท่ีรโหฐาน
- คน้ ตัวผตู้ ้องหา

10. การใชเ้ ครื่องมือพันธนาการ
10.1 ใชไ้ ด้เท่าที่จาเปน็ และตามความผิดหรอื พฤตกิ ารณ์
10.2 หา้ มใชก้ ับเดก็ ไมว่ า่ กรณีใดๆ

11. การตัง้ จดุ ตรวจ จุดสกดั
11.1 ใช้เมื่อมเี หตุกรณจี าเปน็ หรือเหตกุ ารณฉ์ ุกเฉนิ เรง่ ดว่ น
11.2 ต้องมนี ายตารวจสัญญาบตั รเป็นหวั หนา้ ควบคุม
11.3 ต้องแต่งเครอ่ื งแบบ
11.4 ต้องประสานกบั หน่วยใกลเ้ คียง
11.5 ตอ้ งปฏบิ ัติตามกฎหมาย ระเบียบ คาสง่ั
11.6 มีแผงก้ันแสดงเครื่องหมาย “จุดตรวจ”
11.7 ต้องมไี ฟส่องสว่างใหเ้ ห็นชดั เจนไมน่ ้อยกว่า ๑๕ เมตร ก่อนถงึ
11.8 กาหนดเขตพ้นื ที่ปลอดภยั ไว้สาหรับตรวจค้น
11.9 ควรจัดกาลังส่วนหน่งึ ไว้ก่อนถงึ จุดกลับรถก่อนถงึ จดุ ตรวจเพอ่ื สกดั กน้ั หรือไล่ตาม
11.10 ให้มีข้ันตอนการปฏบิ ัติการควบคุมและการตรวจสอบการปฏิบตั ิ เช่น การปล่อยแถว
อบรมชแ้ี จง กาหนดตัวผปู้ ฏิบัตปิ ระจาจุด การรายงาน การขยายผล เมือ่ เสร็จสิ้นการ
ปฏิบัติเปน็ ลายลกั ษณอ์ กั ษรให้มีระดบั สว. ข้นึ ไปหมุนเวยี นควบคมุ การปฏิบตั ิ

43 ผนวก ข

ตวั อย่างบนั ทึกการจับกุม

ป.จ.ว.ขอ้ เวลา น.

คดอี าญาท่ี

บญั ชขี องกลางลาดับที่

สถานทีท่ าการบันทึก บันทึกการจับกุม หมู่
วัน / เดือน / ปี ทบี่ นั ทกึ เขต / อาเภอ
วัน / เดอื น / ปี ทีจ่ ับกุม บ้านเลขท่ี
สถานทจี่ ับกมุ ท่ี แขวง / ตาบล
ตรอก / ซอย นามเจ้าพนักงานจบั กมุ
จงั หวัด

ได้ร่วมกนั จบั กุมตวั

พร้อมดว้ ยของกลางมี

ค. ๑๘๔ – ต. ๗๖

44

(๒)

ตาแหน่งที่พบของกลาง (ระบุให้ชดั เจน )

โดยกล่าวหาวา่
พฤติการณ์กล่าวคือ

ขณะจับกมุ ผู้ต้องหาได้ทราบข้อกล่าวหาแล้วให้การ

เหตุเกิดท่ี

เมื่อวนั ท่ี เดือน พ.ศ. เวลา น.

อนึ่งในการจับกุมครั้งนี้ เจา้ พนักงานตารวจมไิ ด้ทาให้ทรพั ย์สินของผใู้ ดเสียหาย สญู หาย หรอื

เสื่อมค่าแต่ประการใด และมิไดท้ าใหผ้ ใู้ ดได้รบั อนั ตรายแก่กายหรือจิตใจแต่อย่างใด

ได้อา่ นบนั ทึกน้ีใหผ้ ตู้ อ้ งหาน้ีฟังแล้ว รบั รองวา่ ถูกต้อง จึงให้ลงลายมอื ชอ่ื ไว้เป็นหลกั ฐาน

( ลงชื่อ ) ผตู้ ้องหา

( ลงชอ่ื ) ผู้ต้องหา

( ลงชอ่ื ) ผู้ตอ้ งหา

( ลงชอ่ื ) ผจู้ บั กุม

( ลงชื่อ ) ผู้จบั กมุ / บันทึก / อา่ น

ตาแหน่ง

( ลงช่อื ) พยาน

( ลงชอ่ื ) พยาน


Click to View FlipBook Version