The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวหนึ่งฤทัย แสนใจบาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by nu_ice05, 2021-12-01 20:49:02

นางสาวหนึ่งฤทัย แสนใจบาน

นางสาวหนึ่งฤทัย แสนใจบาน

บทที่ 2

การจัดการศึ กษาแบบเรียนรวม

!

!

นางสาวหนึ่ งฤทัย แสนใจบาน
รหัสนั กศึ กษา 62121561
SEC.52

สาขาวิชาการประถมศึ กษา

ความหมายของการศึ กษาแบบเรียนรวม

ยูเนสโก (UNESCO)

ได้ให้ความหมายไว้ว่า การศึ กษาแบบเรียนรวม หมายถึง ระบบ
การศึ กษาปกติซึ่งในโรงเรียนนั้ นมีทั้งนั กเรียนปกติและนั กเรียนที่มี
ความต้องการพิเศษอยู่ในชั้นเรียนเดียวกัน ดำเนิ นกิจกรรมได้โดย
ไม่คำนึ งถึงความยากลำบากหรืออุปสรรคของผู้เรียน

เบญจา ชลธารานนท์

ได้ให้ความหมายไว้ว่า การศึ กษาแบบเรียนรวม หมายถึง การ
จัดการศึ กษาให้กับเด็กทุกคนในระดับการศึ กษาเดียว โดยไม่
แยกว่าเด็กพิการต้องไปเรียนในสถานศึ กษาเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้
เด็กทุกคนได้เรียนรวมในการศึ กษาเดียวกัน

ผดุง อารยะวิญญูและวาสนา เลิศศิ ลป์

ได้ให้ความหมายไว้ว่า การศึ กษาแบบเรียนรวม หมายถึง การ
จัดให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสเรียนด้วยกันตลอดเวลาที่อยู่โรงเรียน
ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน

องค์การอนามัยโลก

ได้ให้ความหมายไว้ว่า การศึ กษาแบบเรียนรวม หมายถึง
กระบวนการจัดการศึ กษาที่ตอบสนองต่อความต้องการที่หลายหลาย
ของผู้เรียนทุกคน ตลอดจนการแบ่งแยกกลุ่มต่างๆ ไม่ให้มีส่วนร่วม
ในการศึ กษา

สรุ ปความหมาย

การศึ กษาแบบเรียนรวม หมายถึง การศึ กษาที่เปิ ดโอกาสให้
เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดย
ให้ได้รับการศึ กษาที่เหมาะสมกับความสามารถ ปฏิบัติต่อ
นั กเรียนทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มีการแบ่งแยก

หลักการและแนวทาง
การจัดการศึ กษาแบบเรียนรวม

กระทรวงศึ กษาธิการถือว่าเป็ นหน่ วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับ
การดำเนิ นการจัดการศึ กษาแบบเรียนรวมมากที่สุด

1. หลักการจัดโรงเรียนแบบเรียนรวม

คือ เด็กทุกคนควรได้เรียนรู้ร่วมกันเท่าที่เป็ นไปได้โดยไม่
คำนึ งถึงอุปสรรคและความยุ่งยาก โดยโรงเรียนต้องยอมรับ
ความหลากหลายของนั กเรียน โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม
ในการจัดการศึ กษา

2. แนวทางการจัดการศึ กษาของโรงเรียนแบบเรียนรวม

ลักษณะเด่นของโรงเรียน
แบบเรียนรวม มีดังนี้

(1)โรงเรียนจะต้องรับเด็กทุกคนให้สามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนโดยไม่มี
การปิ ดกั้น
(2)จัดให้นั กเรียนทุกคนได้เรียนในชั้นเรียนที่เหมาะสมกับอายุและระดับ
ความสามารถ
(3)จัดการศึ กษาให้เหมาะสมกับสภาพที่เป็ นจริงตามความต้องการที่แตกต่าง
ของผู้เรียน
(4)สร้างชุมชนการเรียนรู้ร่วมกันและจิตสำนึ กของการยอมรับและอยู่ร่วมกัน
ในชุ มชนทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน

(5)ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือพึ่งพากันในการจัดการศึ กษา
(6)ปรับเปลี่ยนบทบาทและหน้ ที่ความรับผิดชอบของครู และคณะทำงานให้
เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ
(7)จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และมีความยืดหยุ่น
(8)เน้ นกระบวนการกลุ่มในการทำงานและการทำงานเป็ นทีม
(9)พัฒนานั กเรียนทั้งทักษะทางสังคมและทักษะทางวิชาการ
(10)มีกฎระเบียบที่สะท้อนถึงความยุติธรรมและความเท่าเทียมกัน
(11)จัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการจำเป็ นของนั กเรียนแต่ละคน
(12)การวัดและประเมินตามสภาพที่แท้จริงโดยวิธีการที่หลากหลายและ
ลดการใช้แบบทดสอบมาตรฐาน
(13)มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้มีความยืดหยุ่นและสามารถทำงานได้
(14)จัดให้มีการฝึ กอบรมประชุมสัมมนาศึ กษาดูงานเพื่อการพัฒนาวิชาชีพ
อย่างต่อเนื่ อง
(15)สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างพ่อแม่ ผู้ปกครอง องค์กร และ
สมาชิกอื่นๆ ในชุมชน
(16)นั กเรียนทุกคนสามารถเรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน

จากการศึ กษาหลักการและแนวทาง
การจัดการศึ กษาแบบเรียนรวมแล้วพบว่า
ประเด็นสำคัญ คือ การเปิ ดโอกาสให้นั กเรียนทุกคน
ได้เรียนอย่างเสมอภาคกันรวมถึงการจัดหาสิ่ งอำนวย
ความสะดวกเพื่อให้การเรียนประสบความสำเร็จ

รู ปแบบการจัดการศึ กษา

แบบเรียนรวม

สำนั กงานคณะกรรมการการศึ กษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
มีนโยบายให้บริการทางการศึ กษาให้แก่เด็กที่มีความ
ต้องการพิเศษ เพื่อเปิ ดโอกาสทางการศึ กษาให้แก่
เด็กที่มีความต้องการพิเศษเรียนร่วมกับเด็กปกติ

รู ปแบบการจัดการศึ กษาแบบเรียนรวมนั้ นมี
การศึ กษาและพัฒนามาอย่างต่อเนื่ อง แต่ละรู ปแบบ
แตกต่างกันไป

จากการศึ กษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
พบว่ามีรู ปแบบการศึ กษาแบบเรียนรวมที่ได้มีการ
ศึ กษาวิจัยและนิ ยมใช้อย่างแพร่หลายในโรงเรียน
แกนนำจัดการเรียนร่วมและโรงเรียนต้นแบบเรียน

ดังต่อไปนี้

1. รู ปแบบการบริหารจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท
(SEAT Framework)

เบญจา ชลธาร์นนท์ ได้พัฒนาโครงสร้างการบริหารการจัดการเรียน
ร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท เพื่อให้ผู้บริหารสถานศึ กษานำไปบูรณาการ
ใชเ้ป็ นแนวทางในการบริหารสถานศึ กษา ให้เป็ นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

แนวทางการบริหารจัดการเรียนร่วมโดยใช้โครงสร้างซีท มีดังนี้

1) นั กเรียน (S : Student) 2) สภาพแวดล้อม
( E: Environment)

เตรียมความพร้อมเด็กที่มี ควรจัดให้เด็กมีความต้องการ

ความต้องการพิเศษหรือ พิเศษหรือความบกพร่อง
เรียนในสภาพแวดล้อมที่มีขีด
มีความบกพร่อง จำกัดน้ อยที่สุด พยายามให้
เรียนในชั้ นปกติทั้วไปมากที่ สุ ด
ช่วยเหลือหรือเตรียมความ
พร้อมทันทีที่พบความพิการ
เพื่อพัฒนาศั กยภาพทุกด้าน

3) กิจกรรมการเรียนการสอน 4) เครื่องมือ (T : Tool)
(A : Activies)

คือกิจกรรมภายในและ หมายถึงสิ่ งที่นำมาเป็ นเครื่องมือ
ในการบริหารจัดการเรียนร่วม
ภายนอกห้องเรียนช่วยให้ ช่วยใหนั กเรียนที่มีความต้อง
นั กเรียนทุกคนทั้งเด็กปกติและ การพิเศษเกิดการเรียนรู้และ
เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้
รับการพัฒนาทั้งในด้านร่างกาย ดำรงชีวิตได้อย่างมี
ประสิ ทธิภาพสู งสุ ด
จิตใจ อารมณ์ และสังคม

2. รู ปแบบการเรียนรวมตามความต้องการและความเหมาะสม

ผดุง อารยะวิญญู และคณะ ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาโรงเรียน
ต้นแบบในการเรียนรวมระหว่างเด็กปกติกับเด็กที่มีความ
ต้องการพิเศษ โดยได้จัดรู ปแบบการให้บริการ 3รู ปแบบคือ

1) การเรียนรวมเต็มเวลา (Full Inclusion )

โดยจัดให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ระดับเล็กน้ อย
เรียนโดยจัดให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ระดับเล็กน้ อย

เรียนกับเด็กปกติ ห้องละไม่เกิน1คน

2) การเรียนรวมบางเวลา (Partial Inclusion)

เด็กที่มีความต้องการพิเศษจะได้รับการจัดตารางเวลาให้เรียน
ในห้องเสริมวิชาการเฉพาะในวิชาภาษาไทยและคณิตศาสตร์

วิชาอื่นเรียนกับเด็กปกติ

3) การเรียนรวมเต็มเวลา มีครู ผู้ช่วย

การเรียนรวมเต็มเวลาและมีครู ผู้ช่วยคอยให้ความช่วยเหลือเด็ก
เรียกว่า Teacher Assistant Program
ใช้กับเด็กที่มีความบกพร่องรุ นแรง

3.การจัดการเรียนรวมแบบคละชั้น
(Multilevel Inclusion Education)

กิ่งเพชร ส่งเสริม ได้ศึ กษาการพัฒนารู ปแบบการจัดการเรียนรวมแบบ
คละชั้นที่มีเด็กที่มีความต้องการพิเศษในโรงเรียนประถมศึ กษา
ประกอบด้วยหลักการ จุดมุ่งหมาย เนื้ อหา กิจกรรมการเรียนการสอน
สื่ อและแหล่งการเรียนรู้ การวัดและการประเมินผล โดยเป็ นการ
จัดการเรียนการสอนที่นั กเรียนระดับชั้นอายุ ความสามารถแตกต่างกัน
มาเรียนด้วยกันในชั้นเรียน ดังนั้ นในห้องเรียนจึงไม่ใช่ห้องเรียนที่มี
ลักษณะเดียวเพื่อตอบสนองลักษณะใดลักษณะหนึ่ งโดยเฉพาะ

การจัดชั้นเรียนรวมแบบคละชั้นจึงมีแนวทางดังนี้

1)โรงเรียนมีบทบาทในการพัฒนาผู้เรียนให้สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง

2)ผู้เรียนแต่ละคนมีขั้นตอนการเรียนที่ก้าวหน้ าอย่างต่อเนื่ อง เด็กเรียนช้า
และเด็กเก่งไม่ได้รับความกดดันในการเรียน

3)ปรับหลักสูตรและวิธีสอนที่ยืดหยุ่นนั กเรียนสามารถเรียนรู้ได้จาก
สถานการณ์

4)จัดแผนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับความแตกต่างของแต่ละบุคคล

5)มีวิธีการสอนที่เหมาะสมกับลักษณะการเรียนรู้ของนั กเรียนแต่ละบุคคล

6)นั กเรียนสามารถเรียนรู้ร่วมกัน วิธีสอนที่เหมาะสมคือ วิธีการสอนแบบ
เพื่อนช่วยเพื่อน การเรียนแบบร่วมมือและการทำโครงงานเป็ นกลุ่ม

7)ผู้เรียนได้รับการประเมินตามศั กยภาพไม่เน้ นวิธีการตัดเกรด เนื่ องจาก
ความสำเร็จของนั กเรียนเกิดจากความพยายามและความอุตสาหะ

8)มีการวางแผนหลักสู ตรการประเมินผลและการบันทึกผลสอบตามสภาพ
จริง

9)ผู้ปกครอง นั กเรียน และผู้สอนมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบการเรียน
การสอน

4. Daeck
(อ้างใน ผดุง อารยะวิญญู และวาสนา เลิศศิ ลป์ )

ได้เสนอรู ปแบบการเรียนรวมเต็มเวลาไว้ 3 รู ปแบบ
ดังนี้

1 รู ปแบบครู ที่ปรึกษา 2 รู ปแบบการร่วมทีม
(Consultant Model) (Teaming Model)

รู ปแบบนี้ ครู การศึ กษาพิเศษจะได้ รู ปแบบนี้ ครู การศึ กษาพิเศษจะ
รับมอบหมายให้ดูแลหรือสอนเนื้ อหา
ที่ยาก ครู การศึ กษาพิเศษต้องสอน ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบใน
ทักษะเดิมซ้ำอีก จนกระทั่งเด็กมี การสอนร่วมทีมกับครู ที่สอนชั้น
ทักษะนั้ นๆ หรือเข้าใจเนื้ อหาเช่น ปกติ ครู การศึ กษาพิเศษมีหน้ าที่
เดียวกับเพื่อนในชั้นเรียน ให้ข้อมูลแก่ครู ที่สอนในชั้นเรียน
รวมเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการ
รู ปแบบนี้ ครู การศึ กษาพิเศษจะต้อง พิเศษในชั้นเรียนรวม ตลอดจนให้

รับผิดชอบเด็กจำนวนไม่มาก เพราะ คำแนะนำ และมีการวางแผนร่วม
จะได้ดูแลได้อย่างทั่วถึง
กันอย่างสม่ำเสมอ
รู ปแบบนี้ เหมาะกับโรงเรียนขนาด
เล็กที่มีจำนวนเด็กที่มีความต้องการ

พิเศษไม่มากนั ก

3 รู ปแบบการร่วมมือ, การร่วมสอน
(Collaborative, Co-Teaching Model)

รู ปแบบนี้ ทั้งครู การศึ กษาพิเศษและครู ปกติร่วมมือกันในหลายลักษณะใน
การสอนเด็กทุกคนทั้งเด็กที่มีความต้องการพิเศษและเด็กปกติในชั้นเรียนรวม
ร่วมมือกันรับผิดชอบ การดูแลเด็กทุกคนในชั้นเรียนรวม เพื่อให้ผู้เรียนได้รับ
บริการด้านการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับวัย

รู ปแบบนี้ ครู ผู้รับผิดชอบจะต้องประชุมกันเพื่อวางแผนเพื่อความร่วมมือ
ให้การศึ กษาแบบเรียนรวมดำเนิ นไปได้ด้วยดี

จากการศึ กษารู ปแบบการจัดการศึ กษาแบบเรียน

รวม สามารถสรุ ปได้ว่า รู ปแบบการจัดการศึ กษาแบบ
เรียนรวมนั้ นมีหลากหลาย ทั้งนี้ การจะดึงรู ปแบบการ
จัดการศึ กษาแบบเรียนรวม รู ปแบบใดรู ปแบบหนึ่ งไป
ใช้ หรือนำหลายรู ปแบบไปใช้ร่วมกันก็ตาม สิ่ งสำคัญที่
ควรคำนึ งถึงคือ ความเหมาะสมและความพร้อมของ
โรงเรียน บุคลากร และลักษณะความบกพร่องของผู้

เรียน
ทั้งนี้ ควรต้องมีการทบทวนอย่างรอบด้านเพื่อให้

สามารถจัดการศึ กษาแบบเรียนรวมได้อย่างมี
ประสิ ทธิภาพสู งสุ ด

ขอบคุณค่ะ
THANK YOU


Click to View FlipBook Version