ประวัติความเปน็ มาของประเพณีการแข่งเรือ
หลายท่านคงจะคุ้นเคยกบั ประเพณตี ่างๆ กนั มากมาย เช่น ประเพณกี ารแต่งงาน
ประเพณกี ารบรรพชาอุปสมบท ประเพณกี ารทอดกฐิน-ผ้าปา่ ฯลฯ เปน็ ต้น ซง่ึ ล้วนแต่เป็น
ส่งิ ที่ดีงาม เชดิ หน้าชตู าของบ้านเมืองมาตราบนานแสนนาน โดยมีบรรพบุรุษแต่ละยคุ
แต่ละสมัยร่วมแรงร่วมใจกนั พัฒนาปรบั ปรุงแก้ไข บารงุ รกั ษา สืบมาจนถึงปัจจบุ ัน
แต่มปี ระเพณอี กี อย่างหนึง่ ที่พวกเราส่วนมากยังไมค่ ่อยรู้จักถึงความเปน็ มาของ
ประเพณี ที่จะกล่าวคือ "ประเพณกี ารแข่งขันเรือยาว" ฉะน้ัน จึงขอนาเสนอไวเ้ ป็น
ประโยชน์แก่ผสู้ นใจในหวั เรื่อง ว่า "ประวตั คิ วามเป็นมาของประเพณีการแขง่ เรอื ”
ในการสร้างบ้านเมืองสมัยโบราณของไทยเรานั้นมกั จะยดึ อาศยั ลาน้าเปน็ สาคญั
เพือ่ จะได้ อาศัยในการเพาะปลกู พืชพนั ธ์ุ น้าดื่มน้าใช้ และการสัญจรไปมา เมือ่ ชาวบ้าน
เสร็จจากการปกั ดาข้าวเรียบร้อยแลว้ และวา่ งจากการทางาน โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในระยะ
เทศกาลทอดกฐิน ชาวบ้านทีอ่ ยรู่ ิมน้า กจ็ ะตกแต่งเรือต้ังองค์กฐินไปทอดตามวัดต่าง ๆ
ทีต่ นเองศรทั ธา ซึ่งวัดต่าง ๆ เหล่านั้นมักจะตั้งอยู่ริมฝั่ง ลาน้าท่ัวไป เมื่อเสร็จจากการ
ทอดกฐินแล้วก็จะมีการร้องเพลงเรือ ลงท้ายดว้ ยการแข่งเรือยาวเป็นที่สนุกสนานย่งิ
ประเดิมคงจะเป็นการแข่งขันกันภายในหมบู่ ้าน ต่อมาภายหลงั จึงขยายวงกว้างออกมาเป็น
การแข่งขนั ระหว่างหมู่บ้าน ต่างอาเภอ ต่างจงั หวดั แต่เป็นทีน่ ่าสังเกตอยู่อยา่ งหนึง่ ว่า
มกั จะอาศยั ชื่อวัด เป็นชือ่ คณะ ทีส่ ่งเข้าแข่งขนั เพือ่ เป็นมงคลนามและจุดรวมน้าใจของ
ชาวบ้านและลูกเทือก (ฝีพาย)
การขดุ เรือยาว
เรอื ยาวเปน็ เรือท่ีขดุ มาจากต้นไม้ต้นเดียวตลอดท้งั ลาเรียกวา่ "ลาเรือ" มีท้งั
ลักษณะ "ท้องขุน(แบน) และทอ้ งรูปกระทะ” สว่ นหวั เรอื เรียกว่า "โขนเรือ" และ
ท้ายเรือเรียกว่า "หางเรือ
ไมท้ น่ี ยิ มในการขดุ เรือสว่ นมากจะเป็นไม้ตะเคียน ซึง่ ไม้ตะเคียนในเมืองไทย
มี 4 ชนดิ คอื
1. ไม้ตะเคียนทอง
2. ไม้ตะเคียนหนิ
3. ไม้ตะเคียนหนู:
4. ไมต้ ะเคียนหยวก :
สาเหตทุ ีน่ ิยมใชไ้ มต้ ะเคยี นขุดเรือยาวนนั้ เพราะไม้ตะเคยี นมคี ุณสมบัตเิ น้ือ
เหนยี ว ลอยนา้ น้าหนกั พอประมาณ สามารถแช่อยู่ในน้าไวน้ านไมผ่ งุ ่าย มลี าตน้
สงู ใหญ่ (มคี วามยาวตง้ั แต่ 5 วาขึน้ ไป จนถึง 20 วา) ไม่ค่อยพบเหน็ ในที่ราบ ไม้
ตะเคียนชาวบ้านไม่นยิ มนามาสรา้ งบา้ นเรือน แมแ้ ต่เครื่องใช้ไมส้ อยภายในบ้าน
ดว้ ย แตก่ ลบั นยิ มนามาสรา้ งสถานที่ราชการและวดั วาอาราม โรงเรยี น เป็นต้น
คนโบราณเชือ่ กันว่าในไม้ตะเคียนมนี างไม้ คือ นางตะเคียนสิงสู่อยู่ทกุ ตน้
โดยเฉพาะไมต้ ะเคียนทอง นางไม้หรือนางตะเคยี นมวี ญิ ญาณทแี่ กร่งกล้า(เฮ้ยี น
มาก) ซง่ึ ชาวบา้ นนยิ มนามาขุดทาเรือยาว
นางไมห้ รอื นางตะเคยี น
นางไม้หรือนางตะเคยี นถอื วา่ เป็นแมย่ ่านางเรอื ท่ีจะนาโชคชัย
และความสาเรจ็ ความสมบูรณท์ ูลสขุ มาสหู่ มูค่ ณะ ลักษณะของไม้
ต้องตรง ไมม่ ีปมุ่ ไสไ้ มก่ ลวง (สังเกตลักษณะของใบตอ้ งเขียวเป็นมนั
ขอบ ไมเ่ กรียม ใบไมเ่ หลอื ง) ผิวเปลอื กอิ่มเป็นมันไม่แตกระแหงเป็น
สะเกด็ โคนต้นจะตอ้ งไมม่ ีเหด็ ราข้ึน ไม่มีแมลงบนิ เขา้ ออก จึงจะถอื
เปน็ ไมท้ มี่ ีลกั ษณะสมบูรณ์เต็มที่
ขนาดของไม้ตอ้ งมคี วามยาวและความใหญ่ (ความกวา้ งของ
เส้นผ่าศูนย์กลางของลาตน้ ) เพยี งพอทีจ่ ะขดุ เรอื แตล่ ะประเภท เชน่
เรือใหญ่ จะตอ้ งยาวตัง้ แต่ 13 - 15 วาขน้ึ ไป
เรอื กลาง จะตอ้ งยาวประมาณ 12 - 13 วา
เรือจ๋ิว จะตอ้ งยาวประมาณ 10 วา
ขนาดของลาตน้ วดั รอบลาต้นตรงโคน 3.5 เมตร ปลายลาตน้
2.5 เมตร เปน็ ขนาดท่ี เหมาะสมท่สี ดุ ในการใชข้ ดุ เรือ
เม่อื ได้ไมต้ อ้ งการนามายงั สถานทีจ่ ะขุดเรอื แล้ว ช่างผชู้ านาญใน
การขุดเรอื จะพจิ ารณาดูว่าจะเอาสว่ นไหนทาห้องเรือ หวั เรอื หาง
เรอื แต่เดิมมาจะใชข้ วานชุดเป็นรูปส่เี หลี่ยมซึ่งจะทาให้ไม้เสยี ไม่
สามารถนาสว่ นท่เี หลอื มาใช้ประโยชน์ ดังนนั้ ปัจจุบนั จึงใช้เลือ่ ย
เปดิ ปกี ออกเปน็ รปู สเี่ หล่ยี มหวั ทา้ ยงอน ในการพจิ ารณารปู ทรงนั้น
ชา่ งทว่ั ๆ ไป มกั จะใช้โคนตน้ ไม้เป็นหวั เรอื และใช้ปลายไม้เปน็
ท้ายเรือ เรือลักษณะน้จี ะมีรูปลักษณะหัวกวา้ ง ท้ายเรยี ว เป็นรูป
ปลาชอ่ น ชา่ งบางคนนยิ มใชป้ ลายไม้เป็นหัวเรอื และโคนต้นไมเ้ ป็น
ท้ายเรอื เรือลักษณะนจี้ ะมีรูปลกั ษณะหวั เรยี วทา้ ยใหญ่ กอ่ นจะลง
มอื ขดุ เรือจะต้องตงั้ ศาลเพียงตา อัญเชิญแม่ย่านางขนึ้ บนศาล
ต่อเมอื่ ขดุ เรือเรยี บรอ้ ยแลว้ จึงจะอัญเชญิ แม่ยา่ นางประทับบนเรอื
ขนาดความกวา้ งของปากเรือ อาจจะไมเ่ ท่ากนั ตลอดลาเรือ
สว่ นกว้างที่สุดอาจกว้างกวา่ 1 เมตร เฉลีย่ แลว้ ประมาณ 1 เมตร
การตง้ั ชื่อเรอื
ไมว่ ่าภาคไหนของประเทศท้ังปัจจุบันและโบราณ นยิ มตง้ั ช่อื
เรือมอี ยู่ 2 คาคอื เจ้าแม่ กับเทพนาหนา้ ซง่ึ เราจะพบเห็นเปน็
ประจา เหตทุ ่เี รียกเจา้ แมเ่ พราะแม่ย่านางเรือเป็นหญงิ สว่ นท่ี
เรียกเทพเพราะนางไม้ถอื ว่าเปน็ เทวดาประเภทหน่งึ ตามหลกั
พระพุทธศาสนาเรียกวา่ รุกขเทวา คอื เทวดาประจาต้นไม้
และบางแห่งอาจจะเอาชือ่ แม่นา้ หม่บู ้าน รวมเขา้ ไปด้วย เช่น
เจ้าแมต่ าปี เทพธนูทอง เทพวษิ ณุ นา่ นนที
วิธเี อาเรือลงนา้
ก่อนที่จะนาเรอื ลงน้าจะต้องมีการเซ่นไหว้ บอกกลา่ วแม่
ย่านางทกุ คร้งั แตเ่ วลาเก็บจะไมน่ ยิ ม
เซน่ ไหว้
เซ่นไหว้ บางแห่งจะตอ้ งจุดธปู เทียน จดุ ประทบั ดว้ ย
การเอาเรือลงนา้ ภาคกลางนิยมให้เอาหวั เรือ แตะน้า
กอ่ นสว่ นอนื่ ๆ ลกู เทอื ก (ฝพี าย) ก่อนขึน้ เรอื จะต้อง
ทาความเคารพแมย่ า่ นางก่อนหน่ึงครั้ง
การเตรยี มตวั ลูกเทอื ก (ฝีพาย)
เจา้ ของเรอื จะตอ้ งเป็นคนที่มีมนษุ ย์สมั พนั ธท์ ี่ดี เพราะจะต้อง
ปกครองลูกเทือกประมาณ 1 ลาละ 30-70 คน การฝกึ ซ้อม
อยา่ งนอ้ ย 2 สปั ดาห์ สาหรับลูกเทอื กเกา่ แตถ่ า้ ลูกเทือกใหม่
ตอ้ งซ้อม เป็นเดือนถงึ จะพายเรอื ไดด้ ี ส่วนลกู เทือกจะต้องมี
ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ การฝกึ ซ้อมลกู เทือก ต้องให้กงั ลงั อยู่
ตวั และมคี วามพรอ้ มอยู่เสมอ ทสี่ าคญั ลกู เทอื กจะตอ้ งมคี วาม
สมานสามัคคกี ัน และผ้ใู ห้สญั ญาณแกล่ กู เทอื กควรเปน็ ผู้มี
ความเชื่อมั่น ซ่ึงจะแพห้ รือชนะอยู่ทผ่ี ้ใู ห้สญั ญาณ
สาหรับสนามการแขง่ เรอื ลานา้ น่าน หน้าวดั พระศรี
รตั นมหาธาตุวรมหาวิหาร จงั หวัดพิษณุโลก เร่มิ มขี ้นึ
เมอื่ ประมาณ 50-60 ปีมาแล้ว โดยครงั้ น้นั เป็นการ
สบื เนอ่ื งมาจากชาวบา้ นในละแวกวัดตา่ งจดั องคก์ ฐนิ
ผา้ ปา่ แหก่ ันมาทางน้าซึง่ เรอื แตล่ ะลาจะถกู ตบแต่ง
ประดบั ประดาอย่างสวยงาม และหลังจากเสรจ็ สิน้
การทอดกฐนิ ทอดผา้ ป่า ชาวบ้านทม่ี ารว่ มงานจะ
ชกั ชวนทดสอบประลองฝมี อื การแขง่ เรือ เพอื่ เปน็ การ
สรา้ ง ความสนกุ สนานและเช่ือมความสามคั คี
ต่อมาทางวดั พระศรีรตั นมหาธาตวุ รมหาวหิ าร (วัดใหญ่)
จึงจดั การแขง่ เรือเปน็ เทศกาลประจาปีคราวออกพรรษา
หรอื เก่ยี วกับเทศกาลสาคญั ๆ เรอื ทีใ่ ช้แข่งเขาจะตอ่ หรอื
ขดุ เปน็ พิเศษ เช่น ใชไ้ ม้ซงุ ทัง้ ทอ่ นมาขดุ แบบเรอื ชลา
แต่ใหม้ รี ปู เพรียวเหมาะแกก่ ารแขง่ เรือลาหนงึ่ ๆ บรรจุ
ฝีพายไม่ นอ้ ยกวา่ 30-40 คนนงั่ คกู่ ัน หัวหางเป็นรูป
พญานาคหรืองูติดภหู่ ้อย การแตง่ เรือวิจิตรพิสดาร
แบบอยา่ ง คลา้ ยเรือสพุ รรณหงส์ กอ่ นจะแขง่ มีการโชว์
เรือ โชวฝ์ ีพาย โชวเ์ คร่ืองดีดสตี ีเปา (บางลาจะมปี ่ชี วา
ฆ้องกลอง ฉิ่งฉาบ อกี อย่างหนง่ึ เรยี กวา่ "พับพาง" ทา
ด้วยทองเหลอื งทรงกลม) รวมทงั้ โชวน์ กั รา รางวัล ท่ี
ได้รับจะเปน็ พวกผา้ ขาวมา้ นา้ มันกา๊ ด นาฬกิ า ส่วนทาง
วดั นั้นจะเกณฑ์ชาวบา้ นร่วมแรงรว่ มใจกันนา " ผกั ปลา
หมู ไก่ ที่พอหาไดม้ าจัดหุงหาอาหารเล้ียงพวกเรือทีน่ า
เรือมารว่ มแข่ง ลูกเทือกหรือฝีพายกจ็ ะ . เปน็ ชาวบ้าน
ของหมบู่ า้ นน้ัน ๆ ค่าเบยี้ เลย้ี ง ค่าลากจูงไมม่ ีทั้งสนิ้
ระยะหลังจากนัน้ มากม็ ีการพฒั นากันย่ิง ๆ ขน้ึ จนกระทง่ั ในปี
พ.ศ. 2521 เป็นปที ย่ี ่งิ ใหญ่ กวา่ ปกี อ่ น ๆ ท่ผี า่ นมา เพราะปีน้ี
การแขง่ เรอื เปน็ การชงิ ถว้ ยพระราชทาน โดยเทศบาลเมอื ง
พิษณุโลก ร่วมกับวทิ ยาลยั ครูพบิ ลู สงครามพิษณุโลก ไดท้ ูลถวาย
ขอพระราชทานถว้ ยรางวลั ถงึ 3 ถว้ ย คือ
ของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชสยามมงกุฎราชกุมาร
สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าสยามบรมราชกมุ ารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟา้ หญงิ จฬุ าภรณวลยั ลักษณ์
ทั้งน้ีมนี ายจานง ภักดีโต นายกเทศมนตรี เมืองพิษณโุ ลก กับ
นายมังกร ทองสุขดี อธิการวิทยาลัยครูพิบลู สงครามพิษณโุ ลก
เป็นผนู้ าในการดาเนนิ งานโดยตลอด ซึ่งเจา้ ของเรือหรอื ตวั แทน
เรอื ทีช่ นะเลิศได้รบั ถ้วยพระราชทานจะต้องทาสัญญารกั ษาด้วย
พระราชทาน สญั ญาฉบับนีเ้ รียกวา่ "ผู้รบั มอบ" อีกฝา่ ยหนง่ึ ตกลง
ทาสญั ญากัน
สญั ญาฉบบั นเ้ี รียกวา่ "ผรู้ ับมอบ" อีกฝา่ ยหนง่ึ ตกลงทาสัญญากัน มขี อ้ ความ
ดังตอ่ ไปน้ี
1. ผู้รับมอบได้รบั ถ้วยพระราชทานจากผู้มอบไปแล้วในวนั น้ี ผรู้ บั มอบสัญญา
ว่าจะนา ถว้ ยพระราชทานน้ีไว้ ณ ท่อี ันควรแกพระเกียรติ และจะดแู ลรกั ษาถ้วย
พระราชทานนี้ให้อยู่ในสภาพดี เรียบรอ้ ย มีให้ชารุดสูญเสียแต่อยา่ งใด
2. ผ้รู ับมอบสญั ญาวา่ จะนาถ้วยพระราชทานนีม้ าคนื แกผ่ มู้ อบหรอื ตวั แทน
ก่อนวันแขง่ ขนั เรอื ยาวประเพณชี งิ ถ้วยพระราชทานประจาปขี องจังหวัด
พษิ ณโุ ลก ก่อนงานไม่นอ้ ยกวา่ 15 วนั หรอื ภายใน วัน เวลา และสถานที่ตามท่ี
ผมู้ อบหรอื ตัวแทนจะแจง้ ใหท้ ราบแล้วแต่กรณี ..
3. ผู้รบั มอบยินยอมใหผ้ ู้มอบหรือตัวแทนแนะนาตกั เตอื นในการเกบ็ ดแู ลรักษา
ถว้ ยพระราชทาน ไมว่ า่ ในเวลาใด ๆ ท้งั ส้ิน
4. ถา้ ผู้รับมอบผิดสัญญาข้อใดข้อหนึง่ ขา้ งต้น ผรู้ ับมอบยนิ ดชี ดใช้คา่ เสยี หาย
แก่ผ้มู อบ หรือตัวแทน และถ้าผูร้ บั มอบไม่สามารถคนื ถ้วยพระราชทานแก่ผมู้ อบ
ไมว่ ่ากรณใี ด ๆ แม้แตเ่ หตสุ ุดวิสยั กต็ าม หรอื ถว้ ยพระราชทานทจ่ี ะคืนอยู่ใน
สภาพท่ไี มอ่ าจใชเ้ ป็นถว้ ยพระราชทานในคราวตอ่ ไปแลว้ ผรู้ บั มอบตกลงยินยอม
ชดใชค้ า่ เสียหายเปน็ เงินหนึ่งหมืน่ บาทถ้วนแกผ่ ู้มอบหรือตวั แทนทนั ที
คู่สญั ญาทัง้ สองฝ่ายไดอ้ ่านข้อความขา้ งต้นในสญั ญาน้โี ดย
ละเอียดตลอดจนเป็นที่เข้าใจและ พอเข้าใจแล้วจึงลงลายมอื ชือ่ ไว้เปน็
หลกั ฐานตอ่ ไป
การแขง่ ขันเรือยาวชงิ ถ้วยพระราชทาน
เรม่ิ เมือ่ ปี พ.ศ. 2521 ซงึ่ มเี รือท่ีไดร้ บั รางวัลดงั น้ี
- เรอื พญาอินทรีย์ จังหวัดพษิ ณุโลก
ได้รบั ถว้ ยพระราชทานของสมเดจ็ พระบรมโอรสาธิราช
สยามมกฎุ ราชกมุ าร
- เรอื สิงหน์ ทีทอง จังหวดั พจิ ติ ร ไดร้ ับถ้วยพระราชทาน
ของสมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า สยามบรมราชกุมารี
- เรอื เจ้าพระยา จงั หวัดพษิ ณโุ ลก ได้รับถว้ ยพระราชทาน
ของสมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ หญงิ จฬุ าภรณวลยั
ลักษณ์