The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ริ้วขบวนเชิญโกศเวียนเมรุ พิธีพระราชทานเพลิงกรณีศพโกศโถและโกศแปดเหลี่ยม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by jouchaieak, 2021-09-15 03:58:57

ริ้วขบวนเชิญโกศเวียนเมรุ พิธีพระราชทานเพลิงกรณีศพโกศโถและโกศแปดเหลี่ยม

ริ้วขบวนเชิญโกศเวียนเมรุ พิธีพระราชทานเพลิงกรณีศพโกศโถและโกศแปดเหลี่ยม

ร้วิ ขบวนเชิญโกศเวียนเมรุ พิธพี ระราชทานเพลงิ ศพ
(กรณีโกศโถและโกศแปดเหล่ียม)

จัดทาโดย
นายเอกสทิ ธิ์ จนั ชว่ ย นกั วชิ าการวฒั นธรรม

กลุ่มอำนวยกำรพธิ ีกำรศพท่ีไดร้ ับพระรำชทำนที่ ๑๔ พงั งำ

ร้ิวขบวนเชญิ โกศเวยี นเมรุ พธิ พี ระราชทานเพลงิ ศพ (กรณโี กศโถและโกศแปดเหล่ียม)

ประเพณไี ทยตงั้ แต่โบราณ หากมบี ุคคลใดบุคคลหนง่ึ ซ่ึงนับถือพระพุทธศาสนาเสียชีวิตลง ผู้ที่เปน็ ญาติ
มิตรและผู้คุ้นเคยก็จะจัดให้มีพิธีการศพขึ้น เพ่ือเป็นเกียรติและระลึกถึงผู้ตาย เป็นการสร้างบาเพ็ญกุศลและ
อุทิศผลบุญนั้นไปให้แก่ผู้ท่ีล่วงลับ ซ่ึงจะมีการต้ังศพสวดบาเพ็ญกุศลและกาหนดทาพิธีเผา ซ่ึงลูกหลาน ก็จะ
ช่วยกันหามโลงเวียนรอบเมรุ ๓ รอบ แล้วจึงนาขึ้นไปตั้งไว้บนเมรุ บางแห่งมีการนาโลงกระแทกเมรุก่อน ๓
คร้ัง จึงนาข้ึนไปตั้ง นิยมหันหัวศพไปทางทิศตะวันตก การเวียนศพต้องเวียนซ้าย ต่างกับการเวียนเทียนหรือ
การแหน่ าคซงี่ เป็นงานมงคล จะทาการเวยี นขวาเรยี กว่า ทกั ษณิ าวรรต การเวียนศพ ๓ รอบ เปน็ การเวียนเพื่อ
ไวอ้ าลัยแก่ผู้ตาย และเปน็ ปรศิ นาธรรมเกี่ยวกบั พระไตรลักษณ์ คอื อนิจจงั ทุกขงั อนตั ตา พระไตรลกั ษณ์ เดิม
ทีนั้น แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็เรียกกันโดยทั่วไปว่าธรรมนิยาม (ธมฺมนิยามตา) ที่แปลว่า นิยามของธรรม (หรือ
ธรรมชาติ) ทมี่ คี วามหมายว่า ขอ้ กาหนดหรือความกาหนดท่ีแน่นอนแห่งธรรม หรือกค็ อื ธรรมชาตินัน่ เอง สว่ น
คาว่าพระไตรลักษณ์ และคาว่าสามัญลักษณะหรือสามัญญลักษณะ ที่มีความหมายเดียวกันกับธรรมนิยามนั้น
เปน็ คาทเี่ กิดขน้ึ ในภายหลังในยุคอรรถกถา พระไตรลกั ษณ์หรือธรรมนิยามเป็นข้อธรรมทีแ่ สดงถึงลกั ษณะ หรอื
กฎ หรือข้อกาหนดของธรรม หรือก็คือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่และลี้ลับ แต่ด้วยพระปรีชาญาณของ
พระพุทธเจ้า ธรรมของพระองค์ท่านได้หงายของท่ีคว่าอยู่ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตาม
ประทีปไว้ในที่มืด ด้วยพระประสงค์ว่าผู้มีจักษุคือปัญญาจะได้แลเห็น กล่าวคือทรงแสดงสภาวธรรม
(ธรรมชาติ) อันลี้ลับท่ีไม่มีผู้ใดล่วงรูอ้ ย่างถูกต้องแจม่ แจง้ แท้จริงมาก่อน นับเนื่องมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะ
พระองค์ท่าน ทรงสอนแตใ่ นเร่ืองธรรมชาติของความทุกข์ ท่ีหมายถงึ เน้นสอนในเร่ืองสภาวธรรมหรือธรรมชาติ
ของการเกดิ ข้ึนแห่งทุกข์เป็นสาคญั ซ่ึงกเ็ พื่อยงั ประโยชน์อนั ยิง่ ใหญโ่ ดยการนาเอาความรู้ความเข้าใจอนั ยิ่งใหญ่
เกยี่ วกับความทุกข์นั้น ไปใช้ในการเพ่อื การดบั ทุกขอ์ นั เปน็ สุขย่งิ เปน็ ทส่ี ดุ น่นั เอง

ไตรลักษณ์ แปลว่า "ลักษณะ ๓ อย่าง" หมายถึงสามัญลักษณะ หรือลักษณะที่เสมอกัน หรือ
ข้อกาหนด หรือสง่ิ ทมี่ ปี ระจาอย่ใู นตัวของสังขารทง้ั ปวงเป็นธรรมท่ีพระพทุ ธเจา้ ได้ตรัสรู้ ๓ อย่าง ไดแ้ ก่

1. อนิจจตา (อนิจจัง) - ความไม่เท่ียง ความไม่คงที่ ความไม่ยั่งยืน ภาวะที่เกิดข้ึนแล้วเส่ือมสลายไป
2. ทกุ ขตา (ทกุ ขงั ) - ความเป็นทุกข์ ภาวะทถี่ ูกบีบคัน้ ดว้ ยการเกิดขึน้ และสลายตวั ภาวะท่ีกดดัน ฝนื
และขัดแย้งอยู่ในตัว เพราะปัจจัยที่ปรุงแต่งให้มีสภาพเป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะทาให้คงอยู่ในสภาพน้ัน
ไม่ได้ ภาวะทีไ่ มส่ มบรู ณม์ คี วามบกพรอ่ งอยู่ในตวั
3. อนัตตตา (อนัตตา) - ความเป็นอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน ความไม่มีตัวตนท่ีแท้จริงของมันเอง
ไมใ่ ช่ของใคร ไมอ่ ยใู่ นอานาจควบคมุ ของใคร
ลักษณะ ๓ อย่างนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สามัญลักษณะ คือ ลักษณะท่ีมีเสมอกันแก่สังขารทั้งปวง
และเรียกอีกอย่างหนึง่ ว่า ธรรมนิกาย คือกฎธรรมดาหรือข้อกาหนดทีแ่ นน่ อนของสังขาร การเวียนซ้าย 3 รอบ
จึงหมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม อันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอานาจกิเลสตัณหา
อุปทานก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสน้ิ ฉะนั้นต้องทวนกระแสกเิ ลส เป็นการสอน ธรรมช้ันสูง จึงได้พาศพเวยี นซา้ ยเป็น
ปริศนาธรรมที่แฝงอยู่ในประเพณีไทยท่ีสืบทอดกันมาเป็นธรรมเนียมปฏบิ ัติของราษฎรบุคคลท่ัวไป สาหรับพิธี
หลวงทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ทรงพระราชทานให้กบั บุคคลผู้ประกอบคุณงามความดีที่เปน็ ประโยชน์แก่
ประเทศชาติ ตามหลักเกณฑ์ของสานักพระราชวัง และได้รับเครื่องเกียรติยศประกอบศพโกศโถ โกศแปด
เหลี่ยม ก็จะได้รับพระราชทานริ้วขบวนประโคมเวลาเวียนเมรุและเวลารับพระราชทานเพลิงในวันฌาปนกิจ
อันแสดงถึงเกยี รติยศสงู สดุ ท่ีผวู้ ายชนม์ไดร้ บั พระราชทาน

กลุ่มอำนวยกำรพธิ ีกำรศพที่ไดร้ ับพระรำชทำนท่ี ๑๔ พงั งำ

ริว้ ขบวนเชิญโกศเวยี นเมรุ

เจ้าหน้าทส่ี ัปทน เจ้าหน้าทนี่ าริ้ว
ขบวน

เจ้าหน้าทเี่ ชิญโกศ จ่าปี่

เจ้าหน้าที่หามเสลย่ี ง เจ้าหน้าทเี่ ชิญฉัตรเบญจา เจ้าหน้าทก่ี ลองชนะ
ชนะ

กลุ่มอำนวยกำรพธิ ีกำรศพที่ไดร้ ับพระรำชทำนท่ี ๑๔ พงั งำ

รปู แบบการจดั รวิ้ ขบวนเชิญโกศเวยี นเมรุ

กล่มุ อำนวยกำรพธิ ีกำรศพท่ีไดร้ ับพระรำชทำนที่ ๑๔ พงั งำ

สาหรับญาติและผูร้ ่วมงานที่มาร่วมในร้ิวขบวนเชิญโกศเวียนเมรุ ในพิธีพระราชทานเพลงิ ศพนนั้
จะต้องแตง่ กายดว้ ยชดุ สุภาพเรยี บร้อย ขา้ ราชการแต่งกายชดุ ปกตขิ าว แขนทุกข์

หา้ ม สวมใส่เสือ้ ยืดคอกลม กางเกงขาส้นั หรอื กางเกงยนี ส์ หรือผหู้ ญิงสวมใส่กระโปรงสัน้ เหนือหวั เขา่
- ญาติ/ทายาทผ้วู ายชนมแ์ ละข้าราชการแต่งกายชดุ ปกติขาว แขนทกุ ข์

หา้ ม ไมส่ วมรองเท้าแตะ หรือถือกระเปา๋ หรือสะพายกระเป๋าแต่อยา่ งใด
ในการเวียนเมรุ เมื่อร้ิวขบวนต้ังแถวเรียบร้อยแล้ว ผู้นาริ้วก็จะเป็นผู้สั่งแถวให้พร้อม โดยการสั่งให้
กลองสะพายกลอง คนถือฉัตรนาฉัตรใสก่ ระบอก เสลี่ยงพระเสลีย่ งโกศแบกเสลี่ยง เมือ่ เริ่มเดินก็จะเร่มิ ประโคม
โดยจ่าปี่ก็จะเริ่มเป่าป่ีไฉน เพลงทีใ่ ช้จะใช้แค่เพลงเดยี ว แต่เรียกได้หลายชื่อ เช่น พญาโศกลอยลม, นางรอ้ งไห้,
ลอยดอก, เพลงพญาโศก ซึ่งมีทานองโหยหวนคล้ายเสียงคนกาลังร้องไห้สะอึกสะอื้น บ้างว่าเลียนเสียงมาจาก
นางร้องไห้ ในงานพระราชพิธีพระบรมศพ ซึ่งมีมาแต่โบราณเป็นการสืบทอดเฉพาะจากรุ่นสู่รุ่นไม่มีตัวโน๊ต
ดนตรีบันทึกไว้ การสอนจะสอนโดยใช้การบอกและให้จ่าป่ีจา ส่วนทานองและจังหวะก็จะใหจ้ ่าปี่แต่ละคนเปน็
ผู้เลือกเองว่าจะให้ช้าหรอื เร็ว จึงเป็นเพลงท่ีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของจ่าปี่แต่ละคน ส่วนกลองชนะ ๑๐ ผู้เป็น
จ่ากลองก็จะตีนาเป็นต้นเสียง ตามจังหวะท่ีตี “สามไม้หนี สี่ไม้ไล่” ผู้เป็นจ่ากลอง ตีกลอง ๓ ครั้ง แล้วส่วนท่ี
เหลือก็จะตีพร้อมกัน ๔ ครั้ง นับเป็นหน่ึงจังหวะ ตีไปโดยตลอดจนเวียนเมรุครบ ๓ รอบ ริ้วขบวนกลองชนะ
และฉัตรเบญจาก็จะตั้งแถวด้านหน้าเมรุและจะประโคมไปจนกวา่ เจา้ หน้าท่ีเชิญโกศลองในขึ้นต้ังบนจิตกาธาน
เรียบรอ้ ย ผนู้ ารวิ้ จึงส่งั หยุดประโคมและเลิกแถวร้ิวขบวน เพอ่ื รอพิธีพระราชทานเพลงิ ศพ

กลุ่มอำนวยกำรพธิ ีกำรศพท่ีไดร้ ับพระรำชทำนที่ ๑๔ พงั งำ

ผู้มีสิทธิ์ขอรับพระราชทาน ตามหลักเกณฑ์สานักพระราชวัง ท่ีมีฐานันดรศักดิ์ ช้ันยศ

เครื่องราชอสิ รยิ าภรณ์ดังต่อไปนี้

กรณโี กศโถ

ฐานันดรศกั ด์ิ ช้นั ยศ เครอื่ งราช เครื่องราชอิสรยิ าภรณ/์ พัดยศ

ประถมาภรณ์มงกฎุ ไทย (ป.ม.)

ปฐมดเิ รกคุณาภรณ์(ป.ภ.)

ทตุ ยิ จุลจอมเกล้า (ท.จ.)

พระราชาคณะ ชัน้ ธรรม

กลุ่มอำนวยกำรพธิ ีกำรศพที่ไดร้ ับพระรำชทำนท่ี ๑๔ พงั งำ

กรณโี กศแปดเหลย่ี ม

ฐานนั ดรศกั ด์ิ ช้ันยศ เครอื่ งราช เครื่องราชอิสรยิ าภรณ์/พัดยศ

มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)

มหาวชริ มงกฎุ (ม.ว.ม.)

ประถมาภรณช์ ้างเผอื ก (ป.ช.)

ทุตยิ จุลจอมเกลา้ วิเศษ (ท.จ.ว.)

พระราชาคณะชัน้ เจา้ คณะรอง (หิรญั บัฏ)

กล่มุ อำนวยกำรพิธีกำรศพท่ีไดร้ ับพระรำชทำนท่ี ๑๔ พงั งำ

บุคคลทไี่ ม่สามารถขอรับพระราชทานได้

1. บุคคลผูท้ าลายอาชีพตนเอง

2. ผตู้ ้องอาญาแผน่ ดิน

วันทีไ่ ม่ประกอบพธิ ีพระราชทานเพลงิ

1. วันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. วนั เฉลมิ พระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ี
3. วนั เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี

หลวง
4. วันฉตั รมงคล
5. ตามประเพณีนิยม จะไม่พระราชทานเพลงิ ศพในวันศุกร์

เอกสารหลักฐานการขอพระราชทาน

1. หนงั สอื ขอพระราชทาน (เรียน เลขาธกิ ารพระราชวงั ) จานวน 1 ฉบับ
2. ใบมรณบัตรของผู้วายชนม์ (ตัวจริงพร้อมสาเนา) จานวน 1 ฉบับ
3. สาเนาบัตรข้าราชการของผู้วายชนม์ จานวน 1 ฉบับ
4. สาเนาทะเบียนบ้านของผ้วู ายชนม์ จานวน 1 ฉบับ
5. สาเนาบตั รประจาตัวประชาชนของทายาทหรือผู้ขอ จานวน 1 ฉบับ
6. สาเนาทะเบียนบา้ นของทายาทหรอื ผู้ขอ จานวน 1 ฉบับ
7. สาเนาใบกากับเคร่ืองราชอสิ ริยาภรณ์ (ถา้ มี) จานวน 1 ฉบบั
8. ประวตั โิ ดยยอ่ ของผู้วายชนม์ พร้อมรูปถา่ ย ขนาด 1-2 นิ้ว

สถานที่ขอพระราชทาน

สามารถติดต่อขอพระราชทานได้ทุกวันไมเ่ วน้ วนั หยุดราชการ ต้งั แต่เวลา 08.30 – 16.30 ได้ที่
หอ้ งงานประสานขอรับพระราชทานเพลิง
ศนู ย์ราชการจังหวดั พังงา ศาลากลางจังหวัดพงั งา(หลงั ใหม)่
ถนนพงั งา - ทบั ปดุ ตาบลถ้าน้าผดุ อาเภอเมอื ง จังหวัดพังงา 82000
โทร.080 004 3693
กลมุ่ อานวยการพธิ ีการศพทีไ่ ดร้ ับพระราชทานที่ ๑๔ พงั งา โทร. 0 7667 9586

ไม่มคี ่าใช้จ่ายใดๆ

กลุม่ อำนวยกำรพธิ ีกำรศพท่ีไดร้ ับพระรำชทำนท่ี ๑๔ พงั งำ


Click to View FlipBook Version