ไรแดงแอฟรกิ นั
Common name African red mite
ช่ือสามัญ/ชื่อพื้นเมือง ไรแดงแอฟรกิ นั
ชอ่ื วทิ ยาศาสตร์ Eutetranychus africanus (Tucker)
วงศ์ Tetranychidae
อนั ดบั Prostigmata
ชว่ งการระบาดของไรแดงแอฟรกิ ัน : ทุกระยะพชื
มม..คค.. ก.พ. มี.ค. เม.ย. พ.ค. มิ.ย. ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. พ.ย. ธ.ค.
ความส�าคัญและลกั ษณะการทา� ลาย
ไ ร แ ด ง แ อ ฟ ริ กั น เ ป ็ น ศั ต รู ท่ี สำ า คั ญ ช นิ ด ห น่ึ ง ข อ ง ทุ เ รี ย น ดู ด กิ น น้ำ า เ ลี้ ย ง อ ยู ่ บ ริ เ ว ณ ห น ้ า ใ บ
พบระบาดความเสียหายแก่ทุเรียนอย่างรุนแรงเป็นประจำาทุกปี โดยเฉพาะอย่างย่ิงในช่วงท่ีสภาพอากาศมีความ
แหง้ แลง้ และลมแรง ใบทเุ รยี นทถี่ กู ไรทาำ ลายมลี กั ษณะเปน็ จดุ ประสขี าว ทห่ี นา้ ใบมคี ราบไรคลา้ ยผงหรอื ฝนุ่ ละออง
สขี าวเกาะอยู่ สขี องใบจะซดี ไมเ่ ขยี วเปน็ มนั เหมอื นใบปกติ ถา้ การทาำ ลายเปน็ ไปอยา่ งรนุ แรงและตอ่ เนอื่ งเปน็ เวลา
นาน อาจมีผลทาำ ใหท้ เุ รียนใบร่วง การเจรญิ เติบโตหยดุ ชะงกั และมผี ลกระทบต่อการตดิ ดอกและผลของทุเรยี นได้
พบทำาลายทุเรียน ทุกจังหวัดท่ีทำาการสำารวจ ทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศไทย
แต่พบระบาดทำาความเสียหายอย่างรุนแรงในแหล่งปลูกทุเรียนที่ จ.จันทบุรี และมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นศัตรู
สำาคญั ทเี่ กษตรกรผปู้ ลกู ทุเรียนในท้องทอี่ น่ื ๆ ควรระมดั ระวัง และจับตามองอย่างใกลช้ ิด เพราะการแพร่กระจาย
ของไรชนิดนี้ นอกจากเกิดขนึ้ ได้โดยลม ติดไปกบั แข้งขาของแมลงหรือนกท่มี าเกาะแลว้ ยังอาจติดไปกับต้นหรือ
กิ่งพันธุ์ท่ีมีผู้นำาไปปลูกด้วย จากการศึกษาปริมาณประชากรของไรแดงแอฟริกันในสวนทุเรียนในช่วงระยะเวลา
ตา่ งๆ ในรอบปี พบวา่ ไรชนดิ นร้ี ะบาดทาำ ความเสยี หายอยา่ งรนุ แรงแกท่ เุ รยี น ในชว่ งทสี่ ภาพอากาศคอ่ นขา้ งแหง้ แลง้
และลมแรง ประมาณเดือนพฤศจิกายน - มกราคม และพบวา่ อุณหภมู ิไมม่ สี ว่ นช่วยใหป้ รมิ าณประชากรของไร
เปลยี่ นแปลงแตอ่ ยา่ งใด แต่ปรมิ าณนา้ำ ฝนทส่ี งู สามารถทำาใหป้ ริมาณประชากรของไรลดลงได้
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
รปู ร่างลักษณะและชีวประวัติ
เพศเมยี ความยาวของลาำ ตวั โดยเฉลยี่ 393.33 ไมโครเมตร (µm) กวา้ งโดยเฉลย่ี 320.67 ไมโครเมตร(µm)
ตวั มลี กั ษณะอ้วนกลม ค่อนข้างแบน มสี นี ้าำ ตาลเข้ม
เพศผู้ มีสีน้ำาตาลอ่อน ขนาดเล็กกว่าตัวเมีย ด้านหน้าของลำาตัวกว้างและค่อยๆ เรียวแคบเล็กลง
ทางด้านท้าย ก้นแหลม ขายาว อวัยวะเพศผู้ (aedeagus) มีลักษณะปลายโค้งงอข้ึน ส่วนปลาย
ของ aedeagus ท่ีโคง้ งอข้นึ จะสน้ั กว่าความยาวของแกน (shaft)
จากการเลี้ยงและศึกษาระยะชีพจักรของ E. africanus บนใบทุเรียนพบว่าไรชนิดนี้ เพศผู้จะ
เจริญเติบโตนับจากไข่-ตัวเต็มวัย ภายในระยะเวลา 9.17 วันบนใบทุเรียน โดยมีระยะไข่ 4.8 วัน ตัวอ่อนเม่ือ
ฟักออกจากไข่จะเจรญิ เติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง ตวั ออ่ นระยะท่ี 1 ใช้เวลาในการเจรญิ เติบโตนาน 1.6 วนั
ตัวออ่ นระยะท่ี 2 ใช้เวลาเจริญนาน 1.3 วัน ตวั อ่อนระยะท่ี 3 เจรญิ นาน 1.6 วัน ตัวเตม็ วัย เพศผู้มีชีวิตอยไู่ ด้นาน
โดยเฉลีย่ 6.4 วนั ส่วน E. africanus เพศเมีย สามารถเจรญิ เตบิ โตนบั จากไข่-ตัวเตม็ วยั ได้ภายในเวลา 9.32 วัน
โดยมีระยะไข่เฉล่ีย 4.5 วัน ตัวอ่อนเมื่อฟักออกจากไข่จะเจริญเติบโตโดยมีการลอกคราบ 3 ครั้ง เช่นเดียวกัน
ตวั ออ่ นระยะที่ 1 (larva) ใชเ้ วลาเจริญนาน 1.8 วัน ตวั ออ่ นระยะที่ 2 ใชเ้ วลาในการเจริญนาน 1.3 วนั ตัวออ่ น
ระยะท่ี 3 ใช้เวลาเจริญนาน 1.7 วัน ตวั เต็มวัยเพศเมียมชี วี ิตอยไู่ ด้นาน 8.0 วนั โดยมชี ่วงระยะเวลาในการวางไข่
ยาวนาน 4.8 วัน ตัวเมีย 1 ตัวสามารถวางไข่ได้ตลอดชวั่ อายขุ ัยโดยเฉล่ีย 14.1 ฟอง โดยสามารถวางไขไ่ ด้เฉลี่ย
วนั ละ 3.38 ฟอง
การตดิ ตามสถานการณ์การระบาดไรแดงแอฟรกิ นั และศตั รูธรรมชาติ
• สาำ รวจ 10% ของต้นท้งั หมด ทุก 7 วัน
• ตรวจนับไรแดง โดยใชแ้ ว่นขยาย กำาลังขยาย 10 เท่า ส่องดา้ นบนใบทเุ รียน 2 จดุ ต่อใบ 5 ใบต่อต้น
พบไรแดงแอฟริกนั มากกว่า 5 ตวั ตอ่ ใบ ถอื ว่าถกู ทำาลาย
• ประเมนิ ประสิทธภิ าพของศัตรูธรรมชาติในการควบคมุ ไรแดงและปรมิ าณของใบทีถ่ ูกไรแดงแอฟริกัน
ทาำ ลาย
• ไรจะเร่ิมเขา้ ทำาลายบริเวณขอบแปลงดา้ นต้นลม
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ระดบั เศรษฐกิจ
พบใบถูกทาำ ลาย มากกว่า 25% ต่อตน้
พชื อาหาร
ในประเทศไทยนอกจากทุเรียนแล้วไรแดงแอฟริกันยังเป็นศัตรูท่ีสำาคัญของพืชเศรษฐกิจอีกหลายชนิด
เชน่ มะละกอ สม้ เขยี วหวาน สม้ โอ มะนาว มะกรดู สม้ จนี ขนนุ สาเก ทอ้ มะกอกฝรง่ั ขเ้ี หลก็ แคฝรง่ั มะรมุ ฝา้ ยคาำ
มันสาำ ปะหลงั ฝ้าย ถ่วั เหลือง ถว่ั พู ถัว่ ฝักยาว ละหงุ่ แตงโม ถ่วั ลนั เตา ตาำ ลึง ผักบุ้ง ล่นั ทม บานชืน่ ชบา
ศตั รูธรรมชาติ
ศัตรูธรรมชาติของไรแดงแอฟริกันที่พบบนทุเรียนมีหลายชนิด ได้แก่ ไรตัวห้ำาในวงศ์ Phytoseiidae
Stigmaeidae และ Cunaxidae เพลีย้ ไฟตัวหำา้ สกลุ Scolothrips ด้วงตัวห้ำาสกลุ Stethorus แมลงวนั ตัวหำา้ วงศ์
Cecidomyiidae แมลงวันขายาววงศ์ Dolichopodidae แมลงช้างปีกใสวงศ์ Chrysopidae และแมงมุมสกุล
Menemerus แตป่ รมิ าณท่ีพบคอ่ นข้างนอ้ ยโดยเฉพาะในสวนทเุ รียนทมี่ ีการใชส้ ารฆ่าเเมลงและไรบอ่ ยครง้ั
การปอ้ งกันก�าจัด
1. หมั่นตรวจดูใบทเุ รยี น โดยใชแ้ วน่ ขยาย กำาลังขยาย 10 เทา่ ส่องดูใบเพสลาดและใบแก่ด้านหน้าใบ
ในช่วงเดอื นตุลาคม – มกราคม โดยเฉพาะอย่างย่งิ เวลาที่มลี มพัดแรง และฝนทง้ิ ช่วง
2. เมอ่ื พบการระบาดใหใ้ ชส้ ารกาำ จดั ไรพน่ สารกาำ จดั ไรทใี่ ชไ้ ดผ้ ลในการปอ้ งกนั กาำ จดั ไรแดงแอฟรกิ นั ใน
ทุเรียน ได้แก่ โพรพาร์ไกต์ (propargite) 30% WP อัตรา 30 กรัม ต่อน้ำา 20 ลิตร หรือ อะมิทราซ (amitraz)
20% EC อตั รา 30 มลิ ลลิ ติ ร ตอ่ นำ้า 20 ลติ ร การใชส้ ารกาำ จดั ไรไมค่ วรพน่ สารชนดิ เดยี วกนั ตดิ ตอ่ กนั เปน็ เวลานาน
ควรใชส้ ลับชนิดกนั เพือ่ ปอ้ งกนั ไรสรา้ งความตา้ นทานตอ่ สารกาำ จัดไร และใช้เมอื่ จำาเปน็ เท่าน้ัน
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ไรแดงแอฟรกิ นั ตัวเตม็ วยั เพศเมยี ไรแดงแอฟรกิ ันตวั เต็มวัยเพศผู้
ลักษณะการท�าลายบนใบทุเรียน
ลักษณะการทา� ลายรุนเเรงทา� ให้ทเุ รียนใบร่วง
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
วิธกี ารตดิ ตามสถานการณแ์ มลง-ไร ศัตรูทุเรยี นทส่ี ำาคญั และศัตรูธรรมชาติ
ศตั รูทเุ รยี น ส่วนของตน้ ทุเรยี น ชว่ งการส�ารวจ ความถี่ วธิ กี ารสา� รวจ ระดบั เศรษฐกจิ ศัตรูธรรมชาติ
เอกสารวิชาการ การสา� รวจ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
หนอนเจาะเมล็ด ผล ผลออ่ น–ผลแก่ 2–3 คร้งั /สัปดาห์ - ตรวจดูตัวเต็มวัยในกบั ดักแสงไฟ ตวั เตม็ วัย 1 ตัวในกบั ดกั แสง ไม่มี
ทุเรียน (ม.ี ค. – ม.ิ ย.) (ก.พ., พ.ค. - ม.ิ ย.) - 2 – 3 คร้งั /สปั ดาห์ ในเดอื นก.พ. และ พ.ค.- ไฟ
เพล้ียไก่แจ้ทุเรยี น ใบออ่ น ทกุ วนั ม.ิ ย.
แตกใบอ่อนคร้ังที่ 1 (ม.ี ค. – เม.ย.)
(ม.ิ ย. – ก.ค.) - ทกุ วัน ในเดือน (มี.ค. – เม.ย.)
แตกใบอ่อนครั้งท่ี 2 7 วนั /ครัง้
(ส.ค. – ก.ย.) - หลงั ฝนตกหนกั
- สาำ รวจ 10% ของตน้ ท้งั หมด - ยอดถูกทำาลายมากกว่า บันทกึ ปริมาณ
50% ตอ่ ตน้ หรือ
- ตรวจนบั 5 ยอดตอ่ ต้น - ด้วงเตา่
- ยอดทพ่ี บไข่ มากกวา่ 20%
- พบเพลี้ยไกแ่ จ้ มากกวา่ 5 ตวั ต่อยอด ถือว่า ต่อตน้ - แมลงชา้ งปีกใส
ถกู ทำาลาย - แตนเบียนเอนเซอร์ติด
- ตรวจดูไข่ของเพล้ยี ไก่แจ้ด้วย - แมงมุม
หนอนเจาะผล ผล ผลอ่อน-ผลแก่ 7 วนั /ครง้ั - สาำ รวจ 10% ของต้นท้ังหมด ผลถูกทำาลายมากกว่า 20% บนั ทกึ ปริมาณ
(ก.พ. - ม.ิ ย.) - ตรวจนบั 5 ผลตอ่ ต้น ตอ่ ตน้ หลงั การตดั แตง่ ผลครง้ั
ท่ี 3 - แตนเบียนโคทีเซยี
- ตัวห้าำ
- เชอ้ื รา
เพล้ียแปง้ ผล ผลอ่อน – ผลแก่ 7 วนั /ครั้ง - สำารวจ 10% ของต้นทั้งหมด ผลถูกทำาลายมากกว่า20% บนั ทกึ ปรมิ าณ
(ก.พ. – ม.ิ ย.) - ตรวจนับ 5 ผลต่อตน้ ตอ่ ตน้ หลงั การตดั แตง่ ผลครงั้
ท่ี 3 - ด้วงเต่า
- แมลงช้างปกี ใส
เพลยี้ ไฟ ผล ดอก ใบอ่อน ใบอ่อน 7 วัน/คร้ัง - สาำ รวจ 10% ของตน้ ทั้งหมด - แตนเบยี น
(ม.ิ ย. – ก.ย.) - ยอดถูกทำาลายมากกว่า บันทกึ ปรมิ าณ
- ตรวจนับโดยเคาะยอดหรือช่อดอก ลงบน 20% ตอ่ ต้น
ดอก ผลออ่ น แผ่นพลาสตกิ 5 ยอด หรือ ช่อดอกต่อต้น - เพลยี้ ไฟตวั หาำ้
(ธ.ค. – พ.ค.)
- พบเพลีย้ ไฟ มากกวา่ 5 ตัวตอ่ ยอด หรือ ช่อ - แมลงช้างปกี ใส
ดอก ถือว่าถกู ทำาลาย
- แมงมมุ
- กบั ดกั กาวเหนยี วสีเหลอื ง
ศตั รทู เุ รยี น สว่ นของตน้ ทุเรียน ชว่ งการสา� รวจ ความถี่ วิธีการส�ารวจ ระดบั เศรษฐกิจ ศัตรูธรรมชาติ
มอดเจาะลาำ ต้น ลำาตน้ และ กิ่ง ตลอดปี การสา� รวจ
7 วัน/คร้งั - สำารวจรอยรูเจาะของมอดบนก่ิง และลำาต้น ไมม่ ี ไม่มี
ทุเรยี น
7 วัน/คร้ัง
หนอนด้วงหนวดยาว ลำาตน้ และ กิ่ง ตลอดปี - กับดักกาวเหนียวพร้อมด้วยขวดบรรจุน้ำาส้ม บนั ทกึ ปรมิ าณ
เจาะลาำ ตน้ ทเุ รียน ตลอดปี 7 วนั /คร้งั สายชูดกั จบั ตวั เต็มวัย
เพล้ียหอยเกลด็ ทเุ รยี น ใบแก่ - สาำ รวจรอยขุยไมห้ รอื รอยชำา้ บนลำาต้นหรอื กิ่ง ไมม่ ี
- เศษข้ีไม้ตามบริเวณคบไม้และบนพื้นดิน - แตนเบยี น
บรเิ วณโคนต้น
- สาำ รวจ 10% ของต้นท้ังหมด ใบถูกทำาลายมากกว่า ไมม่ ี
- ตรวจนับ 5 ใบ/ต้น 20% ต่อตน้
ไรแดงแอฟริกนั ใบแก่ เดือนพ.ย.-ม.ค. 7 วัน/ครัง้ - สำารวจ 10% ของต้นทัง้ หมด - ใ บ แ ก ่ ถู ก ทำ า ล า ย บันทกึ ปรมิ าณ
- ตรวจนับ 5 ใบต่อตน้ โดยส่องตรวจ 2 จุดตอ่ ใบ มากกว่า 25% ตอ่ ต้น - ไรตัวหำ้าในวงศ์ Phytoseiidae,
(ใช้แวน่ ขยาย 10x) Stigmaeidae, Cunaxidae
- พบไรแดง มากกวา่ 5 ตวั ตอ่ ใบ ถอื วา่ ถกู ทาำ ลาย - เพล้ียไฟตัวหำ้า Scolothrips
- ดว้ งตวั ห้าำ สกลุ Stethorus
- แมลงวนั ตวั หาำ้ วงศ์ Cecidomyiidae
- แมลงวนั ขายาววงศ์ Dolichopodidae
- แมลงชา้ งปกี ใสวงศ์ Chrysoidae
เอกสารวิชาการ - และแมงมุมสกุล Menemerus
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
หมายเหตุ ระดบั เศรษฐกจิ = ความหนาแน่นของประชากรศัตรพู ชื ในระดบั ทีต่ อ้ งทำาการควบคมุ เพอ่ื ไมใ่ หม้ ีการเพมิ่ ปรมิ าณสงู ขน้ึ ถึงระดบั ทท่ี าำ ให้เกิดความเสียหายกบั พชื ทางเศรษฐกจิ ซึ่งจะใหผ้ ลตอบแทนทีค่ มุ้ ค่าตอ่ การลงทุนควบคมุ
แเทมคลนงิค-กไรารศใัชต้สรใูานรทปเุ้อรงยี กนนั กาำ จดั
ทุเรียนเป็นพืชชนิดหน่ึงท่ีมีศัตรูพืชสำาคัญหลายชนิดเข้าทำาลายในทุกระยะการเจริญเติบโต ดังนั้น
เกษตรกรส่วนใหญ่จำาเป็นต้องหาวิธีการป้องกันความเสียหายของผลผลิตที่เกิดจากศัตรูพืชเหล่าน้ี สำาหรับ
วิธีการซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของเกษตรกร คือวิธีการใช้สารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืช เนื่องจากเป็นวิธีการท่ี
มปี ระสทิ ธภิ าพ สะดวก รวดเร็วและง่ายตอ่ การปฏบิ ัติ เม่อื เทียบกับวิธกี ารปอ้ งกนั กาำ จัดแบบอน่ื ๆ อยา่ งไรกต็ าม
เกษตรกรส่วนใหญ่คิดว่าปัจจัยท่ีมีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันกำาจัดศัตรูพืชคือตัวสารฆ่าแมลงและไรศัตรู
พืชแต่เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วความสำาเร็จหรือความล้มเหลวในการป้องกันกำาจัดศัตรูพืชนั้น
นอกจากจะเกิดจากประสิทธิภาพของตวั สารฆ่าแมลงและไรศัตรพู ชื ทใ่ี ช้แลว้ ยังมีปจั จัยสาำ คญั 5 ปัจจัย ทจ่ี าำ เปน็
ต้องรูแ้ ละนำามาพิจารณาประกอบเพื่อให้การปอ้ งกันกำาจัดเกิดประสิทธภิ าพและปลอดภัยดังน้ี
ปัจจยั ที่ 1 รจู้ ักศตั รูพืช
ก่อนการตัดสินใจหรือพิจารณาเลือกวิธีการใดๆ ในการป้องกันกำาจัดศัตรูพืช ปัจจัยแรกที่จำาเป็นต้อง
ทราบเพ่ือใหก้ ารป้องกนั กำาจดั มีประสทิ ธิภาพคือจะต้องทราบชนิดและประเภทของศตั รพู ืชที่เราจะป้องกนั กาำ จัด
กอ่ นเปน็ ลาำ ดบั แรก รวมทงั้ จาำ เปน็ ตอ้ งทราบถงึ พฤตกิ รรม ลกั ษณะการเขา้ ทาำ ลาย ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการเจรญิ
เตบิ โตของทเุ รยี นและการระบาดของศตั รูพชื แตล่ ะชนิด ตลอดจนความสูญเสียทีเ่ กดิ จากการทำาลายของศัตรพู ชื
นั้นๆ เน่ืองจากข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว เป็นข้อมูลท่ีใช้ในการตัดสินใจเลือกสารป้องกันกำาจัดศัตรูพืชหรือวิธี
การปอ้ งกนั กาำ จัดทเ่ี หมาะสมได้
ปจั จัยที่ 2 ร้จู กั ผลติ ภณั ฑ์
ในการป้องกันกำาจัดศัตรูพืชให้มีประสิทธิภาพ จำาเป็นต้องทราบอัตราการใช้ท่ีเหมาะสม (กรัมหรือ
มิลลิกรัมต่อปริมาณนำ้า) และต้องสอดคล้องกับการระบาด รวมท้ังต้องทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่เรานำามาใช้จัดอยู่ใน
กลมุ่ สารใด ตามการจดั กลมุ่ สารปอ้ งกนั กาำ จดั ศตั รพู ชื ตามกลไกการออกฤทธิ์ (mode of action) ซงึ่ ขอ้ มลู ดงั กลา่ ว
จะเป็นปัจจัยที่จะนำามาใช้ประกอบการพิจารณาในการเลือกสารป้องกันกำาจัดศัตรูพืชเพ่ือให้การพ่นสารมี
ประสิทธิภาพ อีกท้ังยังเป็นการช่วยชะลอไม่ให้ศัตรูพืชสร้างความต้านทานอย่างรวดเร็ว ดังน้ันในการเลือกใช้
สารป้องกันกำาจัดศัตรูพืช จึงไม่ควรใช้สารกลุ่มใดกลุ่มหน่ึงติดต่อกัน เพราะจะทำาให้ศัตรูพืชชนิดน้ันสร้างความ
ตา้ นทานและอาจเกดิ การระบาดของศตั รพู ชื อน่ื ขน้ึ มาได้ สาำ หรบั ขอ้ มลู ศตั รพู ชื และสารปอ้ งกนั กาำ จดั ศตั รพู ชื แนะนาำ
แบง่ กลมุ่ สารตามกลไกการออกฤทธ์ไิ ดแ้ สดงไว้ในตารางท่ี 3
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ตารางท่ี 3 ศตั รพู ืชและสารป้องกันกา� จดั ศัตรพู ชื แนะน�าแบง่ กลุม่ สารตามกลไกลการออกฤทธิ์
ศตั รพู ชื สารป้องกันก�าจัดศัตรพู ชื กลมุ่ สาร
แมลงศัตรูพชื 1. ฟโิ พรนิล (fipronil) 5% SC 2B1
2. อมิ ดิ าโคลพริด (imidacloprid) 10% SL 4A
1. เพล้ียไฟพรกิ 3. คารโ์ บซัลแฟน (carbosulfan) 20% EC 1A
(Scirtothrips dorsalis)
2. เพลยี้ แป้งแปซฟิ คิ 1. คลอรไ์ พริฟอส (chlorpyrifos) 40% EC 1B
(Planococcus minor)
1A
3. เพลย้ี ไกแ่ จ้ทุเรยี น 1. คารบ์ าริล (carbaryl) 85% WP 1A
(Allocarsidara malayensis) 2. คารโ์ บซัลแฟน (carbosulfan) 20% EC 3A
3. แลมบ์ดา-ไซฮาโลทรนิ (lambda- cyhalothrin) 2.5% EC 1A
3A
4. หนอนผเี สอื้ 1. คารบ์ าริล (carbaryl) 85% WP 3A
1B
4.1 หนอนเจาะเมล็ดทเุ รยี น 2. แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda- cyhalothrin) 2.5% EC 3A
1B
(Mudaria luteileprosa) 3. เดลทาเมทรนิ (deltamethrin) 3% EC 1A
4A+3A
4. ไดอะซินอน (diazinon) 60% EC
4A
4.2 หนอนเจาะผล 1. แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 2.5% EC 4A
4A
(Conogethes punctiferalis) 2. คลอรไ์ พริฟอส (chlorpyrifos) 40% EC
19
3. คารโ์ บซัลแฟน (carbosulfan) 20% EC 12C
10A
5. ด้วงหนวดยาวเจาะล�าต้น 1. ไทอะมที อกแซม (thiamethoxam)/
(Batocera rufomaculata) แลมบด์ า-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 14.1%/10.6% ZC
2. โคลไทอะนิดิน (clothianidin) 16% SG
3. อิมดิ าโคลพริด (imidacloprid) 10% SL
4. อะซีทามพิ ริด (acetamiprid) 20% SP
ไรศัตรูพชื
1. ไรแดงแอฟริกนั 1. อะมทิ ราซ (amitraz) 20% EC
(Eutetranychus africanus) 2. โพรพาร์ไกต์ (propargite) 30% WP
3. เฮกซีไทอะซอกซ์ (hexythiazox) 2% EC
1 จัดกลุม่ ตาม IRAC (Insecticide Resistance Action Committee)
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ปญั หาการระบาดของศตั รพู ืชในทุเรยี น มกั พบการระบาดมากกว่าหน่งึ ชนิดในช่วงเวลาเดียวกัน ดังน้นั
เกษตรกรสว่ นใหญ่นิยมใช้สารป้องกันกาำ จัดศตั รพู ืชแบบผสมอยา่ งน้อย 2 ถึง 3 ชนิดเขา้ ด้วยกัน (tank mixtures)
การพ่นสารแบบผสมน้ีข้อดี คอื สะดวกและสามารถช่วยลดตน้ ทุนดา้ นแรงงาน และสามารถป้องกนั กำาจัดศัตรพู ืช
ได้หลายชนิดในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ตามการผสมสารดังกล่าวโดยปราศจากข้อมูลทางวิชาการ
อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา ได้แก่ ความเป็นพิษต่อพืช การแยกช้ันหรือการตกตะกอนหรือการเกิด
ปฏกิ ริ ยิ าการต้านฤทธิ์กันของสารหลังการผสม ดังน้ันเมอื่ ตอ้ งการผสมสารปอ้ งกนั กาำ จดั ศัตรพู ชื มากกว่า 1 ชนดิ
จำาเป็นต้องทราบข้อมูลก่อนว่าสารท่ีต้องการผสมนั้นสามารถผสมกันได้หรือไม่ โดยต้องไม่เป็นพิษต่อพืช
รวมท้ังไม่เกิดการตกตะกอนจากการผสมสาร ซ่ึงจะมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของสาร (ภาพท่ี 1)
และอาจมีผลต่อการสึกกร่อน หรือการอุดตันในระบบของเคร่ืองพ่นสาร ดังนั้นสูตรของสาร (formulation)
จงึ เปน็ อกี ปัจจัยหน่งึ ทตี่ ้องคำานึงถึง ดังน้ันเมื่อตดั สนิ ใจผสม สารมากกวา่ 1 ชนิด ควรจะผสมตามลาำ ดบั ดังน้ี
1. Wettable Powder (WP) ควรนำามาละลายน้าำ ก่อนจะเทลงในถงั ผสมสาร
2. Suspension Concentrates (SC) หรือ Flowable Suspension (FS)
3. Water Dispersable Granule (WDG)
4. Suspo – Emulsion (SE)
5. Soluble Powders (SP)
6. Emulsifiable Concentrates (EC) และ Emulsion Oil in Water (EW)
7. Soluble Concentrates (SL)
8. สารจบั ใบ
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ภาพที่ 1 ผงั การผสมสารปอ้ งกนั กาำ จดั ศตั รพู ชื บางชนดิ
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ท่มี า :
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
แต่ หา้ มผสมกบั บอรโ์ ดมกิ เจอร์ หรอื สารทมี่ ฤี ทธเ์ิ ปน็ ดา่ งมาก พระจอมเกลา้ เจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั . 34 หนา้ .
โดยเฉพาะสารที่มีประสิทธิภาพ
ในการทำาลายไข่ เช่น คลอร์ไดมฟี อร์ม และเมโทมลิ เปน็ ต้น
ไทแรม
แนฟทาลนี แอชทิ กิ , แนฟทาลนี แอซชทิ ามนี และPhenoxy
สว่ นใหญ่ เช่น NAA สามารถเขา้ กบั สารฆา่
ปจั จยั ท่ี 3 รจู้ ักเลอื กเทคนคิ การพน่ ทีเ่ หมาะสม
3.1 พน่ ดว้ ยเครื่องยนตพ์ ่นสารแบบแรงดันนา�้ สูง (ปมั๊ สามสูบ)
เคร่ืองยนต์พ่นสารแบบแรงดนั นา�้ สงู ชนิดลากสาย
เทคนคิ การพ่นสารฆ่าเเมลงและไรศตั รูพืช
สำาหรับทุเรยี นที่สูงไม่เกนิ 8 เมตร ควรเลือกใชก้ า้ นพน่ สารแบบปรบั มมุ ดา้ นทา้ ยประกอบหัวฉดี แบบ
กรวยกลวงขนาดผา่ นศนู ยก์ ลางรฉู ีด 1.0 - 1.6 มลิ ลเิ มตร พ่นท่ีแรงดันอย่างนอ้ ย 35 บาร์ และพยายาม
ปรับหัวฉีดให้มีมุมพ่นกว้างและให้ละอองเป็นฝอย สำาหรับทุเรียนที่สูงเกิน 8 เมตร ควรเลือกใช้
ก้านพ่นสารแบบปรบั มุมดา้ นทา้ ยประกอบหัวฉดี แบบกรวยกลวงขนาดเส้นผ่านศูนยก์ ลางรูฉดี 1.0 - 1.6
มิลลิเมตร แล้วผูกก้านพ่นสารด้วยไม้ไผ่ยาว 3.5 - 4.0 เมตร พ่นท่ีแรงดันอย่างน้อย 35 บาร์ หรือใช้
กา้ นพน่ สารแบบไกปนื ควรใช้รูฉีดท่มี ีขนาดผา่ นศูนยก์ ลาง ขนาดโตกว่า 1.6 มิลลิเมตร และพน่ โดยใช้
แรงดันอย่างน้อย 40 บาร์
การพ่นใหเ้ รม่ิ พน่ จากสว่ นยอดลงมา พน่ จากด้านซ้ายไปขวาหรือขวาไปซ้าย และไมพ่ น่ ซา้ำ ท่ีเดมิ
อัตราพ่นตอ่ ต้นขึ้นอย่กู ับขนาดของทรงพุม่ และความสูงของต้นซ่งึ ไดแ้ สดงไว้ในตารางที่ 4
ก่อนพ่นควรตรวจเช็คข้อต่อทุกส่วนต้องไม่รั่วซึม ควรมีวาล์วปิดเปิดน้ำายาและเคร่ืองวัดแรงดันตรง
มอื ถือ
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
กา้ นพน่ สารแบบปรบั มมุ ดา้ นทา้ ย
หวั ฉีดแบบกรวยกลวง
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
การตอ่ กา้ นพน่ สารด้วยไมไ้ ผ่
ก้านพน่ สารแบบไกปืน
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
เทคนคิ การพน่ สารในไมผ้ ล (บนลงลา่ ง)
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ตารางที่ 4 อตั ราพน่ ทเ่ี หมาะสมกบั ขนาดของทเุ รยี น เมอ่ื พน่ ดว้ ยเครอื่ งยนตพ์ น่ สารแบบแรงดนั นา�้ สงู
ความสงู ของทุเรียน (เมตร)
4 – 6 6 - 7 8 - 10
อตั ราการพน่ (ลิตรตอ่ ต้น) 5-8 10 - 12 15 - 20
ขนาดรฉู ดี (มลิ ลเิ มตร)
ความดัน (บาร์) 1.2 1.6 มากกว่า 1.6
30 35 - 40 40 - 50
3.2 พน่ ดว้ ยเครอ่ื งยนต์พน่ สารแบบใชแ้ รงลมขนาดใหญ่ (เครือ่ งแอรบ์ ลาสท์)
เครอ่ื งยนตพ์ น่ สารแบบใชแ้ รงลมชนาดใหญ่ (เคร่อื งแอรบ์ ลาสท)์
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
เทคนิคการพน่ สารฆา่ เเมลงและไรศตั รพู ืช
1. วธิ ีการปรับแตง่ ลมให้เหมาะสมกับขนาดของทเุ รยี น
จอดรถแทรกเตอร์ ใหอ้ ยรู่ ะหวา่ งกลางแถวทเุ รยี น
เร่งเครือ่ งยนต์ให้รอบของ p.t.o ไม่นอ้ ยกว่า 500 รอบตอ่ นาที หรอื รอบเครอื่ งยนต์จะหมนุ ประมาณ
1,800 - 2,200 รอบตอ่ นาที
ในกรณีทตี่ น้ ทบึ ใหป้ รบั เกียร์บอ๊ กไปที่ตาำ แหนง่ high หรือในกรณที ท่ี รงพมุ่ โปร่งกป็ รบั ไปท่ตี าำ แหนง่ low
คอ่ ยๆ ปล่อยรบิ บน้ิ ตรงบริเวณทบี่ ังคบั ลมดา้ นบนให้ริบบนิ้ ลอยอยูบ่ ริเวณยอดของต้นทุเรียน โดยปรบั
มุมของแผ่นบังคับลม (รูปตัว V) ส่วนด้านล่างก็ปรับแผ่นบังคับลมให้เข้าสู่ต้นทุเรียน ในบางสวนที่
ระยะระหว่างแถวกว้างมาก ควรเปลี่ยนท่บี งั คบั ลม ดา้ นล่างใหย้ าวข้ึนจากเดิมเล็กนอ้ ย เพอื่ ส่งกระแส
ลมให้เข้าทรงพุ่มได้มากท่ีสุดทำาการเปิดหัวฉีดที่อยู่ในตำาแหน่งที่ปรับลมในข้อก่อนหน้า หัวฉีดที่
อยู่นอกตาำ แหนง่ ดงั กลา่ วให้ปิด
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
วธิ กี ารปรบั เเต่งลมให้เหมาะสมกับขนาดของตน้ ทุเรยี น
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
2. วิธีการวดั ความเรว็ ของการพ่น
โดยทวั่ ไปการพ่นสารทเ่ี หมาะสมจะอย่รู ะหวา่ งความเร็ว 2.0 - 4.0 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง ในกรณที ่ีทรง
พุ่มทึบน่าจะใช้ความเรว็ 2.0 - 2.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถา้ หากทรงพุม่ โปรง่ อาจใช้ความเรว็ 3.0 - 4.0 กโิ ลเมตรต่อ
ชว่ั โมงได้ อย่างไรกต็ ามพบวา่ ความเรว็ ทเ่ี หมาะสมน่าจะอยรู่ ะหว่าง 2.0 - 2.5 กิโลเมตรต่อช่วั โมง วธิ ีวดั ความเรว็
ของการพ่น ปฏิบตั ิได้ดงั นี้
ทาำ การวัดระยะวิง่ ในสวนทจี่ ะพ่น 100 เมตร
เร่งเครือ่ งให้รอบของ p.t.o เท่ากับทไ่ี ด้ปรับไว้คือ ระหวา่ ง 500 - 540 รอบต่อนาที
เลอื กใชเ้ กียร์ที่จะวงิ่ แลว้ จบั เวลาทีใ่ ชว้ ่ิง ในระยะทาง 100 เมตร (คดิ เปน็ วนิ าท)ี
คาำ นวณความเรว็ จากสูตร 360
ความเร็ว (กโิ ลเมตรตอ่ ชว่ั โมง) = เวลาท่ใี ช้ว่งิ (วนิ าที)
สมมุติในระยะทาง 100 เมตร ใชเ้ วลาวิง่ 200 วินาที ดังนัน้ ความเรว็ = 360/200 = 1.8 กิโลเมตรต่อ
ชว่ั โมง
ในกรณีท่ีวิ่งเร็วหรือช้าเกินไป ทำาการปรับความเร็ว โดยเปล่ียนเกียร์ท่ีใช้ว่ิงใหม่ เพ่ือให้ได้ความเร็วท่ี
เหมาะสมตามวธิ กี ารท่ีไดอ้ ธบิ ายไว้ขา้ งต้น
3. วธิ ีการเลอื กใชห้ ัวฉีด
เน่ืองจากการเลอื กใช้หัวฉดี ข้ึนอยู่กบั องคป์ ระกอบหลายประการ คอื อัตราการพน่ ระยะปลูก ขนาดทรงพมุ่
ชนิดของแมลงศัตรูพืช ความเรว็ ของการพน่ และจำานวนหัวฉดี ทีต่ ดิ ตง้ั บนเครื่องพ่น
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ตวั อยา่ งหวั ฉีดท่ีใชก้ ับเครือ่ งแอรบ์ ลาสท์
การติดตั้งหวั ฉีดบนเครอ่ื งแอร์บลาสท์
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
สมมุติการปลูกทุเรียน ซึ่งปลูกระยะระหว่างต้น 9 เมตร ระหว่างแถว 9 เมตร ทรงพุ่มค่อนข้างทึบ
ต้องการกำาจดั เพลี้ยไฟ
จากการปรบั แต่งลม พบวา่ ปรับรอบ p.t.o ได้ 513 รอบ จาำ นวนหัวฉีดที่เปิดในตาำ แหน่งของทีบ่ งั คบั
ลมมีทัง้ หมด 10 หัว ทาำ การตรวจสอบความเร็วของรถแทรกเตอรท์ เี่ กยี ร์ 2 ตำาแหนง่ slow พบวา่ ว่งิ ได้ 2 กโิ ลเมตร
ตอ่ ชั่วโมง เน่อื งจากทรงพุ่มค่อนข้างทึบ ต้นทุเรียนสูงประมาณ 7 เมตร จึงใชอ้ ัตราพน่ 5 ลติ รตอ่ ต้น
จากสตู ร F= ATS
96
F = อัตราการไหลของหวั ฉดี (ลิตรตอ่ นาที)
A = อตั ราการพน่ (ลิตรตอ่ ไร)่
T = ความเรว็ ของการพน่ (กโิ ลเมตรต่อชั่วโมง)
S = ความกวา้ งของแนวพ่น (เมตร)
วิธีหาคา่ A เน่ืองจากปลูกระยะ 9x9 เมตร
ใน 1 ไร่ จึงมีต้นทุเรยี น = 1,600/81 หรือประมาณ 20 ตน้
เมือ่ ตอ้ งการพน่ 5 ลิตรต่อต้น
ดังน้นั จึงคาำ นวณหาค่า A ได้ 5x20 = 100 ลติ รตอ่ ไร่
คา่ T = 2 กโิ ลเมตรตอ่ ชว่ั โมง
คา่ S = ระยะระหวา่ งแถว หรอื 9 เมตร
วิธหี าค่า F F= ATS
96
F = 100×2.0×9.0
96
F = 8.75 ลิตรตอ่ นาที
หัวฉดี ทใ่ี ชท้ งั้ หมดมขี า้ งละ 5 หวั หรอื ใชท้ งั้ หมด 10 หัว
ดงั น้นั หวั ฉดี แตล่ ะหัวจะมอี ตั ราการไหล 18.75 = 1.87 ลิตรตอ่ นาที
10
ทำาการตรวจสอบอัตราการไหลของหัวฉีดที่ให้อัตราการไหล 1.87 ลิตรต่อนาที หรือค่าที่ใกล้เคียงมากที่สุดจาก
แผ่นชารท์ แคตตาลอ็ กของบรษิ ทั ตา่ งๆ หรือเอกสารท่ีมอี ยู่
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
4. อตั ราพน่ ที่เหมาะสม
การพ่นด้วยเครื่องแอร์บลาสท์ เป็นการพ่นแบบนำ้าน้อย อัตราพ่นจึงน้อยกว่าการพ่นด้วยเครื่อง
พน่ สารแบบแรงดนั นาำ้ สงู ประมาณ 2-3 เทา่ ดงั นน้ั ในพน้ื ทที่ มี่ นี า้ำ คอ่ นขา้ งจาำ กดั หรอื ขาดแคลนนาำ้ การใชเ้ ครอ่ื งพน่
ชนดิ นจ้ี งึ สามารถชว่ ยแกไ้ ขปญั หาดงั กลา่ วได้ สาำ หรบั อตั ราพน่ ทเี่ หมาะสมตอ่ ตน้ ของเครอื่ งชนดิ นจ้ี ะขน้ึ อยกู่ บั ขนาด
ของทรงพมุ่ และความสงู ของตน้ ซง่ึ ไดแ้ สดงไวใ้ นตารางที่ 5 อยา่ งไรกต็ ามการพน่ ดว้ ยเครอ่ื งชนดิ นปี้ ระสทิ ธภิ าพมกั
ไมเ่ ปน็ ทพี่ อใจของเกษตรกร เนอ่ื งจากเกษตรกรมคี วามเขา้ ใจผดิ ในเรอ่ื งการคาำ นวณสารฆา่ แมลง ซง่ึ จะไดก้ ลา่ วถงึ
วิธกี ารคาำ นวณสารฆา่ แมลงทถี่ ูกต้องในหัวขอ้ ถดั ไป
ตารางที่ 5 อัตราพน่ ที่เหมาะสมกับขนาดของทเุ รียน เมอ่ื พ่นดว้ ยเคร่อื งยนตพ์ น่ สารแบบใชแ้ รงลม
ขนาดใหญ่
ความสงู ของทุเรยี น (เมตร) อัตราการพน่ (ลิตรต่อตน้ )
3-4 2-3
5-7 4-5
8 - 10 6-8
5. ขอ้ แนะน�าทว่ั ๆ ไป
เนอ่ื งจากการพน่ ดว้ ยเครอ่ื งแอรบ์ ลาสท์ เปน็ การพน่ แบบนา้ำ นอ้ ย จาำ เปน็ ตอ้ งควบคมุ องคป์ ระกอบตา่ งๆ
ให้เหมาะสม เพอ่ื ให้การพ่นสารมีประสทิ ธภิ าพสูง จงึ ควรมวี ัสดตุ า่ งๆ เหล่านไ้ี ว้
- หวั ฉดี ควรมีสำารองไว้หลาย ๆ หวั
- เกจวดั แรงดนั (pressure gauge) จำาเป็นต้องมีไวแ้ ละควรมสี ำารองไวห้ ลาย ๆ ตวั
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
เกจวัดแรงดนั (pressure gauge)
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
- ท่ีวดั รอบ ควรมไี ว้เพ่ือวัดรอบ p.t.o ใหไ้ ดป้ ระมาณ 500 - 540 รอบต่อนาที
- ริบบิน้ เพ่ือใช้ตรวจทศิ ทางของลม
- เทปวัดระยะทาง และนาฬกิ าจับเวลา เพ่ือใช้สำาหรบั วัดความเรว็ ของรถแทรกเตอร์
- ทีก่ รองนา้ำ เนอื่ งจากเมอ่ื มีเศษหินหรอื กรวดทรายขนาดเลก็ ตดิ เขา้ ไปในระบบพ่น ทาำ ใหป้ ๊ัมเสียหาย
และหัวฉดี สึกกร่อนงา่ ย
6. วิธกี ารค�านวณสารฆ่าแมลงทีถ่ กู ตอ้ งส�าหรบั การพ่นดว้ ยเคร่ืองแอร์บลาสท์
สมมติเกษตรกรตอ้ งการผสมสารเพื่อป้องกนั กำาจัดเพล้ยี ไฟดว้ ยเครอ่ื งแอรบ์ ลาสท์ ในพ้นื ท่ี 10 ไร่ โดย
ตน้ ทเุ รียนของเกษตรกรมคี วามสงู ประมาณ 7 เมตร เกษตรกรเลือกทจ่ี ะใชส้ ารฆ่าแมลงฟิโพรนลิ (fipronil) 5%
SC ดังนน้ั เกษตรกรต้องคาำ นวณปริมาณสารฆา่ แมลงและปรมิ าณนา้ำ ทีจ่ ะใสใ่ นถงั พน่ ยาตามข้นั ตอนดังน้ี
ดูข้อมูลอตั ราการพ่นทเี่ หมาะสมจากตารางที่ 4 และ 5 จะเหน็ ไดว้ า่ การพน่ สารดว้ ยเคร่อื งพน่ สารแบบ
แรงดันนาำ้ สูงนน้ั จะใชอ้ ัตราพน่ ประมาณ 10 ลติ รต่อต้น ทีค่ วามสูงของต้นทุเรียน 7 เมตร และการพน่ ดว้ ยเคร่ือง
แอรบ์ ลาสท์ทีค่ วามสงู เดียวกันจะใช้อัตราพน่ ประมาณ 5 ลติ รตอ่ ต้น ดอู ตั ราการใช้ ฟโิ พรนิล (fipronil) 5% SC
ท่ีแนะนำาใหใ้ ช้ในอตั รา 10 มลิ ลลิ ิตร ตอ่ นำ้า 20 ลติ ร
คาำ นวณจาำ นวนต้นทเุ รียนในแปลงที่เราจะพน่ ในกรณีนี้ต้องการพน่ ในพื้นที่ 10 ไร่ ซึ่งจาก ระยะปลูก
ระยะระหว่างต้น 9 เมตร ระหวา่ งแถว 9 เมตร จะทำาให้ไดจ้ าำ นวนต้นทุเรียนท่เี ราจะพ่นประมาณ 200 ต้น
จากข้อมูลเหล่าน้นี ำามาคาำ นวณหาปริมาณสารฆา่ แมลงและปริมาณนำ้าดังน้ี
การพ่นดว้ ยเครื่องพ่นสารแบบแรงดนั น้าำ สงู จะใช้นำา้ = จาำ นวนต้น x ปริมาณนำา้ ต่อตน้ (ลิตร)
= 200 x 10 = 2,000 ลติ ร
ดังนัน้ จะใชส้ ารฟิโพรนิล (fipronil) 5% SC = 2000 x 10/20= 1,000 มิลลิลิตร
แต่ถา้ ต้องการพน่ ดว้ ยเครอื่ งแอรบ์ ลาสท์จะใช้นำา้ = จำานวนตน้ x ปรมิ าณนา้ำ ตอ่ ตน้ (ลิตร)
ดังนน้ั จะใชส้ ารฟิโพรนิล (fipronil) 5% SC = 200 x 5 = 1,000 ลิตร
= 1000 x 10/20 = 500 มิลลลิ ติ ร X
การพน่ แบบนา้� นอ้ ยดว้ ยเครอ่ื งชนดิ นเี้ ปน็ การพน่ ทลี่ ดปรมิ าณนา�้ เทา่ นนั้ ไมไ่ ดเ้ ปน็ การพน่ ทลี่ ดปรมิ าณ
สารฆ่าแมลงลง ดังนน้ั ปริมาณสารฆ่าแมลงยงั คงต้องใช้เทา่ กบั การพ่นแบบแรงดนั นา�้ สูงคอื
ปจั จยั ท่ี 4 รูจ้ ักสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสม = 1,000 มลิ ลิลติ ร
4.1 ความเปน็ กรด - ด่างของน�้า
เน่อื งจากน้ำาเปน็ ตวั นำาพาสารฆ่าแมลงและไรศัตรูพชื ไปสู่ตน้ พืชเปา้ หมาย จงึ เป็นอกี ปจั จัยหน่ึงทส่ี าำ คญั
ไมน่ อ้ ยไปกว่าปจั จยั อ่นื ๆ ทีใ่ ชใ้ นการพ่นสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปน็ กรด - ด่าง เป็นตวั แปรสาำ คญั ท่สี ามารถ
ทำาให้ประสทิ ธิภาพของสารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชลดลงได้ จนบางคร้งั สง่ ผลใหก้ ารปอ้ งกันกำาจัดศตั รพู ืชนนั้ ไม่ได้
ผลตามทตี่ ้องการ จากการท่ีเกษตรกรส่วนใหญใ่ ช้นาำ้ โดยตรงจากแหลง่ นา้ำ ธรรมชาติ โดยทีไ่ มม่ ีการปรับสภาพนำ้า
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
หรือพักนำ้าเพ่ือให้ตะกอนแยกชั้นแล้วเอานำ้าท่ีสะอาดมาใช้ผสมสาร อาจก่อให้เกิดการสึกกร่อนของหัวฉีดอย่าง
รวดเร็ว มีผลใหร้ ปู แบบการกระจายตวั ของสารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ที่ผลิตมาจากหวั ฉีดผดิ รูปแบบ อันจะมผี ล
โดยตรงต่อการตกของละอองสารบนเปา้ หมาย ทำาใหป้ ระสทิ ธภิ าพของสารฆ่าแมลงและไรศตั รูพืชลดลง สาำ หรับ
ขอ้ มูลความเปน็ กรด - ด่างของนำา้ ทีเ่ หมาะสมกบั สารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชแนะนาำ ไดแ้ สดงไว้ในตารางท่ี 6
ตารางที่ 6 ความเป็นกรด - ดา่ งของน้า� ทเ่ี หมาะสมกับสารฆา่ แมลงและไรศัตรูพืชแนะนา�
สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ืช ความเปน็ กรด-ด่างของน้า� หมายเหตุ
ทเ่ี หมาะสม
สารฆา่ แมลง
1. ฟิโพรนิล (fipronil) 5% SC 5-7 เริม่ สลายตวั เมอ่ื นำา้ เป็นดา่ ง
2. อิมิดาโคลพริด (imidacloprid) 10% SL 7.5 -
3. คารโ์ บซัลแฟน (carbosulfan) 20% EC 7
4. คลอร์ไพรฟิ อส (chlorpyrifos) 7 เริ่มสลายตัวเมื่อนา้ำ เปน็ ด่าง
5. คารบ์ ารลิ (carbaryl) 7 -
6. ไดอะซนิ อน (diazinon) 5-7 -
7. แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 5-7 -
8. ไทอะมีทอกแซม (thiamethoxam)/ 5-7 -
-
แลมบด์ า-ไซฮาโลทรนิ (lambda-cyhalothrin) 5-7
9. โคลไทอะนดิ นิ (clothianidin) 5-6 -
10. อะซที ามพิ รดิ (acetamiprid)
สารฆา่ ไร 5 เรม่ิ สลายตัวเม่อื น้ำาเป็นดา่ ง
1. อะมทิ ราซ (amitraz) 20% EC 7
2. โพรพาร์ไกต์ (propargite) 30% WP 5-7 -
3. เฮกซีไทอะซอกซ์ (hexythiazox) 2% EC -
-
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
4.2 ช่วงปลอดฝน
ชว่ งปลอดฝนคอื ชว่ งเวลาทตี่ อ้ งการหลงั พน่ สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื กอ่ นทฝ่ี นตกเพอื่ ทจี่ ะใหส้ ารทพี่ น่
แสดงประสทิ ธภิ าพ จากทไ่ี ดก้ ลา่ วมาแลว้ ในขา้ งตน้ ถงึ สภาพอากาศและความเหมาะสมใหเ้ กดิ การระบาดของศตั รู
พชื ในประเทศไทยในทกุ ฤดกู าล ทาำ ใหต้ อ้ งมกี ารพน่ สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ในทกุ ฤดไู มเ่ วน้ แมแ้ ตฤ่ ดฝู น ซง่ึ เสยี่ ง
ต่อการถูกชะล้างของสารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชจากฝน อย่างไรก็ตามจากปัญหาศัตรูพืชที่มีในทุกช่วง ดังน้ันจึง
หลีกเล่ียงไม่ได้ที่จะต้องทำาความเข้าใจในปัจจัยนี้เพื่อให้การพ่นสารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชในช่วงดังกล่าว
มปี ระสทิ ธภิ าพและลดการสญู เสยี โดยไมจ่ าำ เปน็ โดยทวั่ ไปแลว้ การพน่ สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ไมค่ วรจะพน่ เมอื่
ไดร้ บั ฟงั การพยากรณอ์ ากาศวา่ ในชว่ งอกี 24 ชวั่ โมงจะมฝี นตก อยา่ งไรกต็ ามในกรณที พี่ น่ สารไปแลว้ และมฝี นตก
หนกั มากๆ กม็ คี วามจาำ เปน็ ทตี่ อ้ งทาำ การพน่ ซาำ้ เนอ่ื งจากสารบางสว่ นอาจถกู ชะลา้ งไปกบั นา้ำ ฝน ซง่ึ จะมผี ลโดยตรง
กับประสทิ ธิภาพของสารกาำ จัดศัตรูพืช นอกจากนย้ี ังมขี อ้ มลู อ่นื ๆ เพ่อื ใช้พิจารณาประกอบการตดั สินใจดงั นี้
สตู รของสาร (formulations) จากงานวิจยั พบว่าสตู รสารฆ่าแมลงและไรศัตรพู ชื ที่เป็นผง เช่น สูตร D
หรอื WP จะถกู ชะลา้ งไดง้ า่ ยกวา่ สตู รของสารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ทเ่ี ปน็ นาำ้ หรอื นา้ำ มนั เชน่ SL หรอื EC นอกจาก
น้กี ารผสมสารเสริมประสิทธิภาพ (adjuvants) ก็เป็นอกี วิธีการหนง่ึ ซึ่งชว่ ยลดการชะลา้ งจากฝนได้
กลมุ่ ของสาร (insecticide classes) จากงานวจิ ยั พบว่าสารฆ่าแมลงท่ีแนะนำามคี วามคงทนปานกลาง
ตอ่ การชะล้างของฝน (moderately rainfast) คอื เมอ่ื ถกู ฝนจะถูกชะล้างไปน้อยกวา่ ร้อยละ 50
4.3 ปัจจยั อน่ื ๆ
นอกจากปัจจัยที่ได้กล่าวข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ท่ีสำาคัญ ได้แก่ อุณหภูมิและแสงแดด ความ
เร็วลมในขณะพ่นสาร และคณุ ลักษณะของดนิ ซึง่ สามารถสรุปสาระสาำ คัญไดด้ ังน้ี
การพ่นสารฆา่ แมลงและไรศตั รูพชื ไมค่ วรพน่ ในช่วงทอ่ี ณุ หภูมิสูงมากๆ หรือชว่ งทมี่ แี ดดจัด เนอื่ งจาก
จะทาำ ใหเ้ กดิ การสลายตัวของสารท่เี กิดจากแสงแดด ดังน้ันจงึ ควรพ่นสารในชว่ งเช้าหรอื เย็นกอ่ นพลบคา่ำ
ไม่พ่นเม่ือมีลมพัดแรงตลอดเวลา เน่ืองจากจะทำาให้ละอองสารท่ีผลิตออกมาจากหัวฉีดปลิวออกจาก
เปา้ หมาย ในบางกรณลี ะอองสารทป่ี ลวิ อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ผพู้ น่ ได้ นอกจากนก้ี ารพน่ ในขณะทล่ี มแรง อาจ
ทาำ ใหล้ ะอองสารปลวิ ส่พู ชื หลกั จนทำาใหเ้ กดิ ความเสยี หายได้ หรือในบางพ้ืนที่ทีม่ พี ้ืนทป่ี ลกู ติดกัน ละอองสารอาจ
ปลวิ ไปสพู่ ชื ปลกู ในพน้ื ทที่ ต่ี ดิ กนั ได้ จงึ ควรระมดั ระวงั หรอื ปลกู พชื กน้ั เปน็ แนว (guard row) เชน่ การปลกู ไผ่ หรอื
สน เปน็ แนวก้ันเพื่อปอ้ งกนั ปญั หาดงั กล่าว
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ปจั จัยท่ี 5 ร้เู รอื่ งความปลอดภัยในการใช้สาร
โดยทว่ั ไปการใชส้ ารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ผปู้ ฏบิ ตั งิ านสว่ นใหญย่ งั ขาดความรแู้ ละความเขา้ ใจในเรอื่ ง
การใชส้ ารอยา่ งถกู ตอ้ งและปลอดภยั ตามหลกั วชิ าการ จงึ เปน็ ผลใหไ้ ดร้ บั อนั ตรายจากการพน่ สารทงั้ พษิ เฉยี บพลนั
และสะสมจนเป็นผลกระทบในระยะยาว ดังน้นั เพื่อความปลอดภัยในการใช้สารฆ่าแมลงและไรศตั รูพชื ผปู้ ฏิบัติ
งานจำาเปน็ ตอ้ งใชส้ ารฆา่ แมลงและไรศตั รูพืชด้วยความระมดั ระวงั และปฏิบัตติ ามคาำ แนะนำาดงั น้ี
5.1 ข้อแนะนา� กอ่ นพน่ สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื
สวมใสเ่ ส้อื ผา้ ปอ้ งกันอนั ตรายตามคาำ แนะนำา เชน่ ถุงมือ เครอ่ื งป้องกันสารพิษ เป็นต้น
กอ่ นใช้ อา่ นฉลากขา้ งภาชนะบรรจสุ ารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื ทกุ ครง้ั สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ชื บาง
ชนดิ ต้องใชด้ ว้ ยความระมดั ระวังและปฏบิ ัตติ ามคำาแนะนาำ โดยเครง่ ครัด
ในการผสมสารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ืช หา้ มใชป้ ากเปดิ ภาชนะบรรจสุ าร ขณะผสมสารห้ามใชม้ ือกวน
ใหใ้ ชไ้ ม้สะอาดกวน
ตรวจสอบเคร่ืองพน่ สารใหอ้ ย่ใู นสภาพใช้งาน โดยต้องไม่มรี อยร่วั หรือชำารดุ
การแต่งกายท่เี หมาะสมในการพ่นสาร
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
5.2 ข้อแนะนา� ขณะพน่ สารฆา่ แมลงและไรศัตรูพืช
ขณะทำาการพน่ สารผพู้ ่นสารต้องอย่เู หนือลมเสมอ และหนั หัวฉีดไปดา้ นใตล้ ม หากลมแรงมากหรอื
เปลีย่ นทิศทางเข้าตัวผู้พน่ ใหป้ ิดก๊อก หยดุ พน่ สารจนกว่าทศิ ทางลมกลบั สูป่ กติแลว้ จงึ เรม่ิ พน่ สารต่อไป
ไม่ควรทำาการพ่นสารในขณะอากาศรอ้ นจดั
ถ้าหัวฉดี ตนั หา้ มใช้ปากเปา่ ไม่ควรใช้ลวด หรือโลหะแข็งๆ เขยี่ ใหใ้ ช้เศษไมเ้ ลก็ ๆ หรือแปรงสฟี นั เข่ยี
สง่ิ อุดตนั ออก
หา้ มสบู บหุ ร่ี และดมื่ นาำ้ ในขณะพน่ สารฆา่ แมลงและไรศัตรูพชื
5.3 ขอ้ แนะน�าหลงั การพ่นสารฆ่าแมลงและไรศตั รูพชื
ให้ทำาความสะอาดเครื่องพน่ สาร ทัง้ นี้ห้ามลา้ งอุปกรณพ์ น่ สารลงในบอ่ สระน้าำ หรือลำาคลอง
เกบ็ สารฆา่ แมลงและไรศตั รพู ืชและเครือ่ งพ่นสารในทีป่ ลอดภัยหา่ งจากเดก็ และสัตว์เลีย้ ง
อาบนำ้า ทำาความสะอาดรา่ งกายและเส้อื ผา้ เสร็จแลว้ พกั ผ่อน
นอกจากน้ีหลังพ่นสารผู้พ่นควรได้มีการบอกกล่าว ติดป้ายหรือทำาสัญลักษณ์บอกถึงระยะเวลาอย่าง
น้อยท่ีสุดท่ีสามารถกลับเข้าไปในแปลงที่ได้มีการพ่นสารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชได้โดยไม่ต้องใส่ชุดหรืออุปกรณ์
ปอ้ งกันอันตราย [Re-entry interval, (REI)] ให้กบั ผเู้ กีย่ วข้องหรอื ผู้ท่จี ะเข้าไปทำางานทราบเพือ่ ปอ้ งกนั อันตราย
ทจี่ ะเกดิ จากสารฆ่าแมลงและไรศตั รพู ืช ซ่ึงคา่ นจี้ ะบอกเป็นหนว่ ยของเวลาซ่งึ ไดแ้ สดงไว้ในตารางท่ี 7
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ตารางท่ี 7 ระยะเวลาอยา่ งน้อยทสี่ ดุ ทส่ี ามารถกลับเขา้ ไปในแปลงท่ไี ดม้ กี ารพน่ สารฆ่าแมลงและไร
ศัตรูพืชไดโ้ ดยไมต่ ้องใส่ชดุ หรอื อุปกรณป์ ้องกนั อนั ตราย [Re-entry intervals, (REI)]
สารฆ่าแมลงและไรศัตรูพืชแนะนา� Re-entry interval หมายเหตุ
(REI)
สารฆา่ แมลง
1. ฟิโพรนลิ (fipronil) - เข้าส่แู ปลงท่ีพ่นสารได้หลังสารที่พน่ แหง้
แตต่ อ้ งใสช่ ุดป้องกันเมอื่ เขา้ แปลง
2. อมิ ดิ าโคลพรดิ (imidacloprid) 24 ชั่วโมง
3. คารโ์ บซลั แฟน (carbosulfan) 48 ชวั่ โมง -
4. คลอร์ไพรฟิ อส (chlorpyrifos) 48 ชว่ั โมง -
5. คารบ์ ารลิ (carbaryl) 12 ชั่วโมง -
6. ไดอะซนิ อน (diazinon) 24 ชั่วโมง -
7. แลมบด์ า-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 24 ชั่วโมง -
8. ไทอะมีทอกแซม (thiamethoxam)/ 24 ชว่ั โมง -
แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) -
9. โคลไทอะนิดนิ (clothianidin)
10. อะซีทามพิ ริด (acetamiprid) 12 ชว่ั โมง -
12 ชว่ั โมง -
สารฆา่ ไร - เข้าส่แู ปลงท่ีพ่นสารไดห้ ลงั สารท่พี น่ แหง้
1. อะมทิ ราซ (amitraz) แตต่ อ้ งใสช่ ุดป้องกันเมือ่ เขา้ แปลง
48 ชว่ั โมง
2. โพรพาร์ไกต์ (propargite) 12 ชัว่ โมง -
3. เฮกซไี ทอะซอกซ์ (hexythiazox) -
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
บรรณานุกรม
กรมส่งเสริมการเกษตร. 2545. ทุเรียน. น. 78-92. ใน สถิติการปลูกไม้ผลไม้ยืนต้นปี 2543. ฝ่ายข้อมูลส่งเสริม
การเกษตร กองแผนงาน กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. กรุงเทพฯ.
กองกีฏและสัตววิทยา. 2553. คำาแนะนำาการปอ้ งกนั กาำ จดั แมลงและสตั ว์ศตั รพู ืช ปี 2553. เอกสารวชิ าการเกษตร
กองกฏี และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร. กรุงเทพฯ. 303 น.
เกรียงไกร จำาเริญมา. 2542. แมลงศัตรูมังคุด. น. 18-30. ใน แมลงศัตรูไม้ผล. เอกสารวิชาการ กลุ่มงาน
วจิ ยั แมลงศัตรูไมผ้ ล สมนุ ไพรและเครอ่ื งเทศ กองกฏี และสตั ววทิ ยา กรมวิชาการเกษตร.
ชลิดา อณุ หวุฒิ. 2532. แมลงศตั รูทุเรียน.น. 63-69. ใน โรคแมลงและการบาำ รุงรักษาไมผ้ ล (เงาะ มังคุด ทุเรยี น
และลองกอง). โครงการพัฒนาและฟ้ืนฟพู ื้นที่ประสบอุทกภัย. กรมวิชาการเกษตร.
ชาญชยั บญุ ยงค์ พนมกร เพมิ่ พูล มนตรี จริ สุรตั น์ ชลิดา สังขท์ อง ยวุ ดี เทวสกลุ ทอง และ ฉตั รไชย ระเบียบโลก.
2536.การศึกษาคุณภาพของทุเรียนพันธุ์ชะนี เนื่องจากการทำาลายของเพล้ียหอย เพลี้ยแป้ง และ
หนอนเจาะผล. น. 1-5. ใน รายงานผลการค้นคว้าวิจัยปี 2536. กลุ่มงานไม้ผลและพืชสวนอ่ืนๆ
กองกีฏและสตั ววิทยา กรมวิชาการเกษตร.
นริ นาม. 2537. ทเุ รยี น. บนั ทึกชาวสวนผลไม้ 2537. สำานกั งานเกษตรจังหวดั . ระยอง. 137 น.
พิชัย สราญรมย์. 2537. การศึกษามังคุดฉัตรละ 3 กิ่ง (มังคุดนางพญา) ในจังหวัดจันทบุรี. ภาควิชา
เกษตรศาสตร์ คณะวชิ าเกษตรและอตุ สาหกรรม วิทยาลยั รำาไพพรรณี จันทบุร.ี 121 น.
พศิ วาท บัวรา. 2535. การจดั การและการพยากรณ์การระบาดของหนอนเจาะเมลด็ ทุเรียนในปี 2535. เอกสาร
ประกอบการสัมมนา เร่ือง หนอนเจาะเมล็ด ภัยมืดของชาวสวนทุเรียน. วันท่ี 29 มกราคม 2535
ณ ศนู ยว์ จิ ัยพชื สวนจันทบรุ .ี
วฒั นา จารณศรี มานิตา คงชื่นสิน เทวนิ ทร์ กลุ ปยิ ะวฒั น์ และพิเชฐ เชาวน์วฒั นวงศ.์ 2544. ไรศตั รพู ืชและการ
ป้องกนั กำาจัด. เอกสารวิชาการ กล่มุ งานวิจัยไรและแมงมมุ กองกีฏและสตั ววทิ ยา กรมวชิ าการเกษตร.
โรงพมิ พ์ชุมนมุ สหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย. กรงุ เทพ. 192 น.
ศรุต สทุ ธิอารมณ.์ 2542. แมลงศตั รูทเุ รยี น. น. 1-17. ใน แมลงศตั รไู มผ้ ล เอกสารวิชาการ กล่มุ งานวจิ ัยแมลงศตั รู
ไมผ้ ล สมนุ ไพรและเคร่อื งเทศ กองกีฏและสัตววิทยา กรมวชิ าการเกษตร.
ศรุต สทุ ธอิ ารมณ์ เกรียงไกร จาำ เริญมา และ อรุณี วงษก์ อบรัษฎ์. 2546. เทคโนโลยกี ารป้องกนั กาำ จัดแมลงโดย
วธิ ผี สมผสานเพื่อแกไ้ ขปัญหาหนอนเจาะเมลด็ ทุเรียนสง่ ออก. หนึ่งทศวรรษแห่งการอารกั ขาพืชใน
ประเทศไทย น. 103 ใน เอกสารประกอบการประชมุ วชิ าการอารักขาพชื แหง่ ชาติ ครัง้ ที่ 6, 24–27
พฤศจิกายน 2546 ณ โรงแรมโซฟเิ ทล ราชาออคิด จ.ขอนแกน่ .
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ศิริณี พูนไชยศรี. 2535. ชนิดของเพลี้ยไฟท่ีพบในไม้ผล. น. 386–434. ใน เอกสารประกอบการประชุมสัมมนา
ทางวิชาการ แมลงและสตั ว์ศตั รพู ชื 2535. ครัง้ ท่ี 8, 23–26 มิถุนายน 2535. กองกฏี และสตั ววทิ ยา
กรมวชิ าการเกษตร.
สาทร สิริสิงห์. 2538. แมลง-ไรศตั รูทุเรยี น. น. 41-55. ใน แมลงศัตรไู มผ้ ล. เคหะการเกษตร. เจรญิ รฐั การพิมพ.์
กรุงเทพฯ.
สาทร สิริสงิ ห์ ชลดิ า อุณหวุฒิ ชาญชัย บญุ ยงค์ และ วทิ ย์ นามเรืองศร.ี 2533. ฤดกู ารระบาดของแมลงศัตรูที่
สาำ คญั ของทุเรียน. น. 163-171. ใน รายงานผลการคน้ ควา้ วิจยั ปี 2533. กลุ่มงานไมผ้ ลและพืชสวนอืน่ ๆ
กองกฏี และสตั ววทิ ยา กรมวิชาการเกษตร.
สาทร สริ ิสิงห์ วทิ ย์ นามเรืองศรี และ สธุ รี าภรณ์ สริ ิสงิ ห์. 2534. การศกึ ษาชวี ประวตั ิและการเข้าทำาลายของ
หนอนเจาะเมล็ดทุเรยี น. น. 160-168. ใน รายงานผลการค้นควา้ วจิ ยั ปี 2534. กลุ่มงานไมผ้ ลและพชื สวนอ่นื ๆ
กองกฏี และสัตววิทยา กรมวิชาการเกษตร.
สาทร สิริสิงห์ มานิตา คงชื่นสิน และ วัฒนา จารณศรี. 2535. แมลงศัตรูทุเรียนและการป้องกัน
กาำ จดั . น. 226-238. ใน แมลงและสตั วศ์ ตั รทู สี่ าำ คญั ของพชื เศรษฐกจิ และการบรหิ าร. กองกฏี และสตั ววทิ ยา
กรมวิชาการเกษตร.
สำานกั งานเศรษฐกิจการเกษตร. 2560. สถติ ิการเกษตร ของประเทศไทย 2560. สาำ นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ 195 น.
สำานกั วจิ ยั พฒั นาการอารกั ขาพชื . 2559. บัญชีรายชอื่ แมลง ไร และสัตว์ศตั รขู องพชื เศรษฐกิจในประเทศไทย.
กรมวชิ าการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ.์ โรงพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั กรงุ เทพฯ.208 น.
สุอาภา ดสิ ถาพร ชัยวัฒน์ กระตฤุ กษ์ และศรตุ สทุ ธอิ ารมณ.์ 2537. คมู่ อื บรหิ ารศัตรทู ุเรยี น. โครงการป้องกนั และ
กาำ จัดศัตรไู ม้ผลโดยวธิ ผี สมผสานไทย-เยอรมนั . กรมสง่ เสริมการเกษตร และ กรมวชิ าการเกษตร. 97 น.
แสวง ภู่ศริ ิ. 2515. โรคและแมลงศตั รทู ุเรียน. วารสารพชื สวน. 7(4) : 21-24.
แสวง ภู่ศิร.ิ 2527. แมลงศตั รทู เุ รยี น. น. 176-181. ใน ทุเรียน. วิทยาลยั เกษตรกรรมตรัง.
อจั ฉราภรณ์ ประเสริฐผล และ พิเชฐ เชาวน์วฒั นวงศ.์ 2562. การบริหารจัดการไรศตั รพู ชื โดยวธิ ผี สมผสาน น.
191-207. ใน เอกสารประกอบการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ไรศัตรูพืชและการป้องกันกำาจัด
คร้ังท่ี 4, 8-10 มกราคม 2562. สาำ นกั วจิ ยั พฒั นาการอารกั ขาพชื . กรมวิชาการเกษตร.
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
AQIS. 1999. Final Import Risk Analysis on the Importation of Fresh Durian Fruit (Durio zibethinus
Murray) from the Kingdom of Thailand. Australian Quarantine and Inspection Service.
Canberra. Australia. 36 pp.
Duffy, EAJ. 1968. A monograph of the immature stages of Oriental timber beetles (Cerambycidae).
London. UK: British Museum (Natural History).
Nanthachai, S. 1994. Durian Fruit Development, Postharvest Physiology, Handling and Marketing
in ASEAN. ASEAN Food Handling Bureau. Kuala Lumpur, Malaysia. 156 pp.
Stebing, E.P. 1914. Indian forest insects of economic importance Coleoptera. Eyre & Spottiswoode,
Ltd. London. 648 pp.
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ดัชนี
กลไกการออกฤทธิ์ 50 ปิน่ 6 แมลงศตั รทู ี่ส�าคญั 24
กบั ดักแสงไฟ 14, 15, 48 ปั๊มสามสบู 55 ไมก้ ลดั 6
การหอ่ ผล 14, 15, 22, 23 ผลแก่ 4, 11, 24, 48 ไรแดงชมพู่ 9
ไขป่ ลา 5 ผลออ่ น 6, 8, 24, 25, 26, 28, 29, 30, 48 ไรแดงแอฟริกัน 7, 8, 44, 45, 46,
เคร่ืองยนต์พ่นสารแบบใช้แรงลม 59, ผเี สอ้ื ตาลคู่หางไหม้ 9 47, 49, 52
65 ผเี สื้อหนอนวนุ้ 9 ไรตวั หา้ำ 46, 49
เครอื่ งยนตพ์ น่ สารแบบแรงดนั นา�้ สงู 55 ผีเสอื้ หนอนเจาะผล 9 ไรแมงมุมฟิจิ 9
เครอื่ งแอรบ์ ลาสท์ 59, 65, 67 เพลี้ยไฟดอกถั่ว 8 หนอนกินใบ 9
เพลี้ยไก่แจ้ทุเรียน 7, 8, 16, 17, 18, เพลย้ี ไฟดอกไม้ 8 หนอนคบื กนิ ใบ 9
19, 48, 51 เพลี้ยไฟดอกไม้ฮาวาย 8, 28, 30 หนอนเจาะผล 7, 8, 9, 14, 20, 21,
เพล้ยี ไกฟ่ า้ 16, 17 เพล้ียไฟตวั ห�า้ 22, 48, 51
เพลย้ี จกั จั่นฝอยทเุ รยี น 8 เพลย้ี ไฟฝ้าย 8 หนอนเจาะผลละหุง่ 20
เพล้ยี แปง้ กาแฟ 8, 24 เพลีย้ ไฟพรกิ 8, 28, 29, 30, 51 หนอนเจาะเมลด็ ทเุ รียน 3, 7, 8, 10,
เพลีย้ แปง้ แปซิฟิค 8, 24 เพลย้ี ไฟหลากสี 8 11, 12, 13, 14, 48, 51
ดว้ งงวง 8 เพลี้ยหอยเกล็ดทุเรยี น 7, 8, 40, 41, 42, หนอนเจาะสมอฝ้าย 9
ดอกตูม 5 43, 49 หนอนใต้ 10
ดอกบาน 4, 6, 28, 30 เพลี้ยหอยเกลด็ มะพรา้ ว 8 หนอนบงุ้ กนิ ใบ 9
ดว้ งบา่ หนามจุดนูนดา� 34 เพลย้ี หอยเกลด็ มะมว่ ง 40 หนอนบงุ้ ปกเหลือง 9
ดว้ งหนวดยาวเจาะล�าตน้ ทุเรียน 38 เพลย้ี อ่อนด�าสม้ 8 หนอนมว้ นใบ 9
ดว้ งกินใบ 8 เพลย้ี ออ่ นฝา้ ย 8 หนอนมาเลย์ 10
แตกใบอ่อน 4, 7, 16, 17, 18, มอดเจาะล�าต้น 31, 32, 33 หนอนรา่ นสเ่ี ขา 9
19, 28, 48 มูลหวาน 24 หนอนรู 10
ถุงพลาสตกิ สีขาวข่นุ 14, 15, 22 แมงมุม 9, 30, 46, 48, 49 หัวกำาไล 5
ทเุ รียนสด 3, 10 แมลงค่อมทอง 8 หางแย้ไหม้ 6, 25
ทเุ รียนแช่แข็ง 1 แมลงชา้ งปกี ใส 18, 46, 48, 49
แทงชอ่ ดอก 4 แมลงวันขายาว 46
นกกะปูด 38 เพลย้ี หอยเกล็ด 8, 40, 41, 42, 43, 49
นกหวั ขวาน 38 แมลงวันตวั หา้� 49
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
index
aedeagus 45 Callimomoides ovivorus 38
African red mite 44 carbaryl 13, 14, 19, 27, 51, 68, 72
Allocarsidara malayensis (Crawford) 8, 16 Cerambycidae 34
amitraz 52, 68, 72 Chalcocelis albiguttatus (Snellen) 9
Amrasca durianae Hongsaprug 8 chili thrips 28
Ankylopteryx octopunctata 18 chlorpyrifos 14, 22, 27, 33, 39, 42, 51, 68, 72
Apanteles sp. 22 Chrysopa sp. 18
Aphis gossypii Glover 8 Coccinella transversalis Fabricius 18
Aprosterna pallida Fabricius 8 Coccinellidae 18, 27
Archips machlopis Meyrick 9 Coleoptera 31, 34
Arctornis cygna (Moore) 9 Conogethes punctiferalis (Guenee) 8
armored scale 40 Crambidae 20
Aspidiotus destructor Signoret 8 crawler 40, 41
Athisma scissuralis Moore 9 Cryptolaemus montrouzieri 27
Aulacaspis vitis Green 8, 40 Cunaxidae 46, 49
Autoba versicolor Walker 9 Daphnusa ocellaris Walker 9
Avetianella batocerae 38 deltamethrin 14, 51
Batocera davidis 38 Diaspididae 40
Batocera rufomaculata De Geer 8, 34 dinotefuran 19
beta-cyfluthrin 14 durian psyllid 16
black light 14 durian seed borer 10
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
index
durian stem borer 34 lambda-cyhalothrin 14, 19, 22, 39, 51, 68, 72
Durio zibethinus L. 1 Lepidoptera 10, 20
Emulsifiable Concentrates (EC) 52 Leucopholis sp. 8
Emulsion Oil in Water (EW) 52 Lymantria marginata Walker 9
Encyrtidae 18 malathion 13, 27
Erizada lichenaria Walker 9 Mealybugs 24
Eutetranychus africanus (Tucker) 8, 44 Megalurothrips sjostedti Trybom 8
fipronil 30, 51, 67, 68 Menochilus sexmaculatus (Fabricius) 18
Flowable Suspension (FS) 52 Micraspis discolor (Fabicius) 18
formulations 69 mode of action 50
Frankiniella sp. 8 moderately rainfast 69
glyphosate 69 Mudaria luteileprosa Holloway 8, 10
guard row 69 Nephus sp. 27
Helicoverpa armigera Hübner 9 Noctuidae 10
Hemerobius sp. 18 Olene inclusa Walker 9
Hemiptera 16, 24, 40 Olene mendosa (Hübner) 9
Homona difficilis (Meyrick) 9 Oligonychus biharensis (Hirst) 9
honeydew 24 Orgyia postica (Walker) 9
Horaga onyx onyx Moore 9 p.t.o 62, 64, 67
Hypomeces squamosua (Fabricius) 8 Phytoseiidae 46, 49
Imidacloprid 19, 30, 39, 51, 68, 72 Planococcus lilacinus (Cockerell) 8, 24
insecticide classes 69 Planococcus minor (Maskell) 8, 24, 51
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
index
Platytrachelus psittacinus Faust. 8 Suspension Concentrates (SC) 52
Pressure gauge 65, 66 Suspo-Emulsion (SE) 52
Propargite 52, 68, 72 tank mixtures 52
Prostigmata 44 Tetranychidae 44
Pseudococcidae 24 Tetranychus fijiensis Hirst 9
Psyllidae 16 thiamethoxam 19, 39, 51, 68, 72
Rapala dieneces dieneces (Hewitson) 9 Thrips coloratus Schmutz 8
Re-entry interval, (REI) 71 Thrips hawaiiensis Morgan 8
Remelana jangala ravata (Moore) 9 Thrips palmi Karny 8
Scirtothrips dorsalis Hood 8, 29 Thysanoptera 28
Scolytidae 31 Tirathaba ruptilinea Walker 9
Scymnus sp. 27 Tiruvaca subcostalis Walker 9
Setora fletcheri Holloway 9 Toxoptera aurantii (Boyer de Fonscolombe) 8
shot hole borer 31 Water Dispersable Granule (WDG) 52
Soluble Concentrates (SL) 52 Wettable Powder (WP) 52
Soluble Powders (SP) 52 Xyleborus fornicatus (Eichhoff) 8
SPS Agreement 3 yellow peach moth 20
Stigmaeidae 46, 49
Suana concolor (Walker) 9
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
ท�ำ เนียบผูท้ รงคว�มร้แู ละผูเ้ ชี่ยวช�ญด�้ นแมลง-ไร ศตั รูทเุ รียน
ส�ำ นกั วิจัยพัฒน�ก�รอ�รักข�พืช
1. ชอ่ื -สกุ ล นายเกรยี งไกร จำาเริญมา
ตำาแหนง่ ท่ปี รกึ ษากรมวชิ าการเกษตรดา้ นกฏี วทิ ยาและอารกั ขาพชื
ที่อยู่ 25 หมู่ 2 ตำาบลบางไผ่ อาำ เภอเมือง จงั หวัดนนทบรุ ี
E-mail [email protected]
โทรศัพท์ 089-2047568
ความเชี่ยวชาญ ดา้ นแมลงศตั รูพชื และการป้องกนั กาำ จดั
นางสาวมานติ า คงช่นื สนิ
2. ชื่อ-สุกล ท่ปี รึกษากรมวิชาการเกษตรด้านกฏี วทิ ยา
ตำาแหน่ง 168 ถนนฉมิ พลี แขวงฉิมพลี เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ 10170
ทอี่ ยู่ [email protected]
E-mail 081-4250889
โทรศัพท์ การปอ้ งกันกาำ จดั ไรศัตรพู ชื
ความเชย่ี วชาญ นางชลิดา อณุ หวุฒิ
ขา้ ราชการบาำ นาญ
3. ชื่อ-สุกล 52/075 หมบู่ า้ นเมอื งเอก ถนนพหลโยธนิ ตาำ บลหลกั หก อาำ เภอเมอื ง จงั หวดั ปทมุ ธานี 12000
ตาำ แหนง่ [email protected]
ท่ีอยู่ 081-9277290
E-mail ด้านศัตรไู มผ้ ลและอนกุ รมวิธานแมลง
โทรศพั ท์ นายดำารง เวชกจิ
ความเชย่ี วชาญ ขา้ ราชการบำานาญ
12/41 ซอยงามวงศว์ าน 59 ถนนงามวงศง์ าน แขวงลาดยาว เขตจตจุ กั ร กทม. 10900
4. ชอ่ื -สกุ ล [email protected]
ตำาแหนง่ 089-9835761
ทอ่ี ยู่ เทคนคิ การพ่นสารป้องกันกำาจดั ศตั รพู ืช
E-mail นายพเิ ชฐ เชาวนว์ ฒั นวงศ์
โทรศพั ท์ รักษาการผ้เู ช่ยี วชาญด้านศัตรูพืช
ความเชี่ยวชาญ สำานักวิจยั พฒั นาการอารักขาพืช
[email protected]
5. ชือ่ -สกุ ล 097-2318581
ตาำ แหน่ง ดา้ นศัตรูพืช
ทอ่ี ยู่
E-mail
โทรศพั ท์
ความเชีย่ วชาญ
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน
คณะท�ำ ง�นก�รจดั ก�รองค์คว�มรู้
“แมลง-ไร ศตั รูทุเรยี น”
1. นายศรตุ สุทธอิ ารมณ์ นักกีฏวทิ ยาชา� นาญการพิเศษ ประธานคณะทา� งาน
2. นางสาวสราญจติ ไกรฤกษ์ นกั กฏี วิทยาชา� นาญการพเิ ศษ รองประธานคณะท�างาน
3. นายพฤทธิชาติ ปุญวฒั โท นักกีฏวิทยาชา� นาญการพเิ ศษ คณะท�างาน
4. นางบุญทิวา วาทริ อยรัมย์ นักวชิ าการเกษตรช�านาญการพิเศษ คณะท�างาน
5. นางสาววิภาดา ปลอดครบรุ ี นกั กฏี วทิ ยาชา� นาญการ คณะท�างาน
6. นางสาวบุษบง มนัสมั่นคง นักกฏี วทิ ยาช�านาญการ คณะทา� งาน
7. นางนลนิ า ไชยสิงห์ นกั กฏี วิทยาชา� นาญการ คณะทา� งาน
8. นายณพชรกร ธไภษชั ย์ นักกีฏวทิ ยาปฏิบตั ิการ คณะทา� งาน
9. นางสาวชมัยพร บัวมาศ นักกีฏวิทยาชา� นาญการ คณะทา� งานและเลขานกุ าร
10. นายสรุ ศักด์ิ แสนโคตร นักวิชาการเกษตรปฏบิ ตั กิ าร คณะทา� งานและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร
11. นางสาวอจั ฉราภรณ์ ประเสริฐผล นกั กฏี วิทยาชา� นาญการ คณะทา� งานและผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร
เอกสารวิชาการ
แมลง-ไร ศัตรูทุเรียน