แบบประเมินต าแหน่งในสายงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีลักษณะงานวิจัยและพัฒนา ของ ต าแหน่ง พยาบาลวิชาชีพ ระดับช านาญการ ต าแหน่งเลขที่ ๑๔๖๐๙๔ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการพยาบาล กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ขอปรับปรุงก าหนดต าแหน่งเป็น ต าแหน่งพยาบาลวิชาชีพ ระดับ ปฏิบัติการ/ช านาญการ/ช านาญการพิเศษ กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการพยาบาล กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ส านักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เอกสารหมายเลข 2 หลักเกณฑ์การพิจารณากลั่นกรองต าแหน่งในสายงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เกณฑ์ ๑๐ ข้อค าถาม) องค์ประกอบของข้อค าถาม ข้อ ค าถาม คะแนน ๑ อ านาจหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานที่สังกัด ไม่มีคะแนน ๒ วัตถุประสงค์หลักของงานของต าแหน่ง ๓ ๓ ลักษณะงานที่ปฏิบัติของต าแหน่ง ๑๐ ๔ ผลกระทบจากการปฏิบัติงาน ๔ ๕ ลักษณะของผลงานที่ได้จากการวิจัยและพัฒนา ๔ ๖ การวางแผน ๕ ๗ การวิเคราะห์ข้อมูล ๔ ๘ ความท้าทายในงาน ๓ ๙ อิสระในการคิด ๔ ๑๐ อิสระในการท างาน 4 รวม ๔1 - คะแนนเต็ม ๕๐ คะแนน - จะผ่านการประเมินรวมต้องมากกว่าหรือเท่ากับ ร้อยละ ๘๐
๒ 1 .อ านาจหน้าที่และภารกิจของหน่วยงานที่สังกัด ค าตอบ เลือก 1. กรมต้นสังกัด มีอ านาจหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัย และพัฒนาหรืองานลักษณะอื่นที่มีคุณค่า เทียบได้กับลักษณะงานวิจัยและพัฒนาตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ √ 2. ส านัก/กองที่ต าแหน่งสังกัดอยู่ มีอ านาจหน้าที่เกี่ยวกับการวิจัย และพัฒนาหรืองาน ลักษณะอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยและพัฒนาตามกฎกระทรวงแบ่งส่วน ราชการ √ 3. หน่วยงานระดับต่ ากว่าส านัก/กองที่ต าแหน่งสังกัดอยู่ มีภารกิจหลักด้านการวิจัยและ พัฒนาหรืองานลักษณะอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยและพัฒนา √ 4. ไม่มีข้อใดถูก เหตุผล : กรมต้นสังกัด คือ สังกัดส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอ านาจหน้าที่ของส านักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข มีภารกิจหลักด้านการวิจัยและการพัฒนา แปลงนโยบายของกระทรวงเป็นแผนการปฏิบัติราชการ ตลอดจน จัดสรรทรัพยากร และบริหารราชการประจ าทั่วไปของกระทรวง เพื่อให้บรรลุเปูาหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ ตามภารกิจ ของกระทรวง โดยมีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ก าหนดนโยบาย เปูาหมาย และผลสัมฤทธิ์ของกระทรวง เพื่อให้ สอดคล้องตาม แนวทางพระราชด าริ นโยบายรัฐบาล สภาพปัญหาของพื้นที่ สถานการณ์ของประเทศ และขับเคลื่อน นโยบายตามแนวทางและแผนการปฏิบัติราชการ(2) พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารของกระทรวงและการบูรณาการด้าน สุขภาพระหว่าง องค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการจัดการสาธารณสุขในภาวะปกติ ฉุกเฉิน วิกฤติ การคุ้มครองผู้บริโภค และการมีส่วนร่วมของภาครัฐและภาคเอกชน (3) จัดสรรและพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรของ กระทรวง เพื่อให้เกิดการประหยัด คุ้มค่า และสมประโยชน์ (4) ก ากับ เร่งรัด ติดตาม และประเมินผล รวมทั้งประสาน การปฏิบัติราชการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข(5) ด าเนินการและให้บริการด้านการแพทย์และการสาธารณสุข (6) พัฒนาระบบการเงินการคลัง และระบบบริการด้านสุขภาพให้เหมาะสมและได้มาตรฐาน (7) พัฒนาระบบฐานข้อมูล ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สารนิเทศและการสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ เพื่อใช้ในการบริหารงานและการบริการของ หน่วยงานในสังกัดกระทรวง (8) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (9) ด าเนินงานและ พัฒนาความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างประเทศ (10) ด าเนินการเกี่ยวกับกฎหมายและพัฒนากฎหมายที่เกี่ยวกับ การแพทย์และการสาธารณสุขให้ทันสมัยและเหมาะสมยิ่งขึ้น (11) ผลิตและพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพ รวมทั้งศึกษา วิเคราะห์ วิจัย พัฒนา และถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านระบบบริการสุขภาพและด้านการพยาบาลแก่องค์กร ภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (12) ปฏิบัติการอื่นใดตามที่กฎหมายก าหนดให้เป็นอ านาจหน้าที่ ของส านักงานปลัดกระทรวง หรือตามที่รัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย(กฎกระทรวง, 2560) โรงพยาบาลพระปกเกล้า เป็นโรงพยาบาลศูนย์ ระดับ A เป็นส่วนราชการระดับกอง มีบทบาทหน้าที่ ให้บริการตามภารกิจกระทรวงสาธารณสุข โดยให้บริการผสมผสาน (Integrated Service) ในด้านการส่งเสริม ปูองกัน รักษา ฟื้นฟูสภาพและเป็นศูนย์การรักษาเฉพาะโรคที่ต้องใช้ทรัพยากรระดับสูง (Excellent Center) ให้บริการทางการแพทย์ครบทุกสาขาวิชา เป็นสถานบริการที่จะรับ-ส่งต่อผู้ปุวยเพื่อวินิจฉัยหรือรักษาพยาบาล เป็น ศูนย์เชี่ยวชาญระดับสูง 4 สาขา ได้แก่ สาขาอุบัติเหตุ สาขามะเร็ง สาขาหัวใจ และสาขาทารกแรกเกิด นอกจากนี้ ยังเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และเป็นสถาบันฝึกอบรมแพทย์หลังปริญญา 13 หลักสูตร โรงพยาบาลพระปกเกล้าเป็นสถาน บริการที่มุ่งการบริการและส่งเสริมสุขภาวะที่ดีขึ้น อาศัยประเด็นยุทธศาสตร์เพื่อให้การด าเนินงานไปสู่
๓ เปูาหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นยุทธศาสตร์มีดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 เร่งรัดพัฒนาระบบบริการและ เครือข่ายสุขภาพโดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาระบบบริหารและการบริการของโรงพยาบาลเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม โดยมี กลยุทธ์ที่ 11 ส่งเสริมการสร้างงานวิจัย/นวัตกรรม และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการให้บริการ และยุทธศาสตร์ ที่ 4 สร้างความมั่นคงทางการเงินของโรงพยาบาลและบุคลากรมีความมั่นคงในชีวิต (แผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาล พระปกเกล้า ปี 2562-2565) กลุ่มภารกิจด้านการพยาบาลโรงพยาบาลพระปกเกล้า เป็นกลุ่มงานที่มีบทบาทในการพัฒนาคุณภาพ งาน เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและด าเนินงานไปอย่างต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์และเข็ม มุ่งของโรงพยาบาล โดยมีเปูาประสงค์เพื่อให้บริการพยาบาลได้ตามมาตรฐานการพยาบาลครอบคลุมมิติต่างๆ ดังนี้ ด้านประสิทธิผล ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีและเหมาะสม และพยาบาลให้บริการได้ตามมาตรฐาน ตติยภูมิระดับสูง ด้านลูกค้าและคุณภาพการให้บริการ ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาคุณภาพบริการพยาบาลและ เครือข่ายบริการสุขภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบริการรายโรคและเครือข่าย พัฒนาศักยภาพบุคลากร ทางการพยาบาลตาม Service Plan ด้านประสิทธิภาพกระบวนการภายใน ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มศักยภาพ บุคลากรพยาบาล เป็น Smart Nurse และยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาระบบบริหาร บริการให้มีประสิทธิภาพ โดยการ เพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการความเสี่ยง การเพิ่มศักยภาพบุคลากรด้านจริยธรรมทางการพยาบาล และด้านการ เรียนรู้และพัฒนา ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 4 เสริมสร้างคุณภาพชีวิตและแรงจูงใจในการท างาน เสริมสร้างคุณภาพ ชีวิตของบุคลากรทางการพยาบาล และสนับสนุนการพัฒนางานนวัตกรรมและงานวิจัย (แผนยุทธศาสตร์กลุ่มการ พยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปี 2562-2565) กลุ่มงานวิจัยและพัฒนาการพยาบาลเป็นกลุ่มงานที่มีบทบาทในการสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย นวัตกรรมทางการพยาบาล พัฒนาคุณภาพการพยาบาลตามมาตรฐานการพยาบาล โดยมีการจัดท าเป็นค าสั่งแต่งตั้ง คณะท างานกลุ่มงานวิจัยและพัฒนาของโรงพยาบาลพระปกเกล้า (ตามเอกสารภาคผนวก ก หน้า 27 - 28) ซึ่งมีหน้าที่ ความรับผิดชอบ ดังนี้ 1) พัฒนางานประจ าด้วยงานวิจัย Routine To Research วิเคราะห์ สังเคราะห์ความเสี่ยง ส าคัญที่ส่งผลกระทบระดับรุนแรง โดยใช้กระบวนการค้นหาสาเหตุรากของปัญหา (Root cause analysis) เพื่อออกแบบระบบกระบวนการดูแลผู้ปุวย/ กระบวนการท างาน โดยใช้แนวคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม ประยุกต์ใช้ หลักฐานทางวิชาการ และหลักฐานเชิงประจักษ์ ประสานงาน ขอความร่วมมือของทีมสหสาชาวิชาชีพ/ ทีมน าระบบที่ เกี่ยวข้องและมาตรการแก้ไขและปูองกันการเกิดปัญหาซ้ า ประชุมชี้แจงระบบ และมาตรการแก้ไขให้ผู้เกี่ยวข้อง รับทราบ น าระบบ และมาตรการแก้ไขลงสู่การปฏิบัติ ติดตามประเมินผล โดยใช้วงล้อคุณภาพ Plan Do Check Act บันทึกเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุปผลวิจัย ท าวิจัยทางคลินิก เพื่อพัฒนาระบบงาน ๒) รับนโยบายจากหัวหน้า พยาบาล ๓) จัดท าแผนพัฒนางานวิจัยทางการพยาบาล โดยน าข้อมูล/ปัญหาจากการปฏิบัติงานมาใช้กระบวนการวิจัย และพัฒนาเพื่อปรับปรุงงานทางด้านการพยาบาล ๔) เป็นที่ปรึกษา ในการจัดหาแหล่งเงินทุนในการศึกษาวิจัยของทีม วิจัย ๕) จัดการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับระเบียบวิธีวิจัยทางหารพยาบาลร่วมกับทีมวิชาการ ๖) เป็นแกนน าการวิจัยและ เข้าร่วมเป็นทีมวิจัยกับสหสาขาวิชาชีพของโรงพยาบาล พร้อมสนับสนุนให้พยาบาลมีบทบาทในการท าวิจัยเพิ่มขึ้นใน โรงพยาบาลตามนโยบายของกลุ่มการพยาบาล ๗) น างานวิจัยทางการพยาบาลมาเผยแพร่ และสนับสนุนให้บุคลากร พยาบาลน าผลงานวิจัยไปใช้ในการพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง ๘) ให้ค าปรึกษา/เป็นพี่เลี้ยงในการท างานวิจัยทางการ พยาบาล ๙) รวบรวมผลลัพธ์ตามเกณฑ์ตัวชี้วัด เพื่อน าส่งให้กับงานแผนงาน/โครงการ ทุกไตรมาส ๑๐) ประเมินผล คุณภาพการพยาบาลจากการปรับปรุงกระบวนงานด้วยการวิจัยและสรุปรายงานผลการด าเนินงาน ต่อคณะกรรมการ บริหารกลุ่มการพยาบาล ทุก 6 เดือน และ 1 ปี
๔ 2. วัตถุประสงค์หลักของงานของต าแหน่ง ค าตอบ เลือก คะแนน 1.รวบรวมหรือวิเคราะห์ข้อมูล เกี่ยวกับปรากฏการณ์ ปัจจัยหรือประเด็นต่าง ๆ เพื่อ ประโยชน์ในการก าหนดแนวทางหรือกระบวนการ 1 2. ศึกษาค้นคว้า สังเกตการณ์ ทดสอบ ตรวจสอบ จ าแนก ค้นหาสร้างแบบจ าลองหรือ พยากรณ์แนวโน้ม 2 3. พัฒนาต่อยอดหลักเกณฑ์ ระบบ คู่มือ หรือแนวทาง √ 3 4. พัฒนา ออกแบบสร้าง อุปกรณ์ วัตถุ โปรแกรม หรือเครื่องมือต่าง ๆ 4 5. วิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยี นวัตกรรม หรือองค์ความรู้ใหม่ ๆ 5 เหตุผล : (ข้อค าตอบ 3 และ 4 คือ การพัฒนาต่อยอดเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ผลผลิต) วัตถุประสงค์หลักของงานของต าแหน่ง เป็นงานวิจัยและพัฒนาเพื่อออกแบบ สร้างสรรค์อุปกรณ์ วัตถุ โปรแกรม/ เครื่องมือต่าง ๆ หรือสิ่งประดิษฐ์ รวมทั้งพัฒนากระบวนการ ระบบ หรือวิธีการท างานเพื่อให้ได้สิ่ง ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ผู้ปุวยโรคเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากสามารถจัดการสุขภาพของตนเองได้ดี ขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ าตาลสะสมในเลือดได้ดีขึ้น ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และลดการเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล จึงได้ศึกษาวิจัยเรื่อง “ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวย เบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง” ซึ่งเป็นการวิจัยและพัฒนาเพื่อพัฒนาต่อยอดจาก เรื่อง การพัฒนาแนวทางการปูองกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ปุวยเบาหวานที่มารับบริการงานผู้ปุวยนอก โรงพยาบาล พระปกเกล้า ผลลัพธ์จากการด าเนินการวิจัย ท าให้ได้แนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวย เบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง และคู่มือการการดูแลตนเองส าหรับผู้ปุวยเบาหวาน ใน NCD DM& HT Clinic ส่งผลให้ผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากสามารถสังเกต ติดตามอาการ ของตนเอง และสามารถจัดการดูแลตนเองได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากต าแหน่งนี้เป็นงานที่ต้องให้บริการผู้ปุวยโรคเรื้อรังอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2559–2562 โรงพยาบาลพระปกเกล้า มีผู้ปุวยโรคเบาหวานที่มารับบริการใน NCD DM& HT Clinic จ านวนทั้งสิ้น 418 คน มีผู้ปุวย จ านวน 174 คน ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีผู้ปุวยที่มีจ านวนครั้งของการเข้ารับ การรักษาซ้ าในโรงพยาบาลบ่อยที่สุด 18 ครั้ง มีภาวะแทรกซ้อนทางตา จ านวน 94 คน มีภาวะแทรกซ้อนทาง ไต 143 คน มีแผลเบาหวาน จ านวน 18 คน และมีผู้ปุวยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นเบาหวานชนิด ควบคุมยาก (Brittle diabetes mellitus) จ านวน 15 คน ซึ่งมีจ านวน 13 คน ที่ต้องเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล และมีจ านวนครั้งการเข้ารักษาซ้ าในโรงพยาบาลบ่อยที่สุด 8 ครั้ง มีภาวะแทรกซ้อนทางตา จ านวน 5 คน มีภาวะแทรกซ้อนทางไต 8 คน มีแผลเบาหวาน จ านวน 1 คน นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ปุวย โรคเบาหวานอีกจ านวนมากที่ควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดไม่ได้ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วย ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน และเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง จากปัญหาและความส าคัญดังกล่าว พยาบาลวิชาชีพ ต าแหน่งนี้จึงมีการก าหนดแนวทางให้การดูแลผู้ปุวยกลุ่มนี้โดยค้นหาปัญหาและแนวทางแก้ไขเป็นรายบุคคลตาม ปัญหาของผู้ปุวยแต่ละราย และได้พัฒนาโปรแกรมการการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้พัฒนาต่อยอดจาก CQI เรื่องการพัฒนา แนวทางการปูองกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ปุวยเบาหวานที่มารับบริการงานผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า แต่ ยังพบว่า ผู้ปุวยโรคเบาหวานได้รับการคัดกรองภาวะแทรกซ้อนต่ ากว่าเกณฑ์เปูาหมาย คือ ร้อยละ ๖๐ และพบ ภาวะแทรกซ้อนทั้งเรื้อรังและเฉียบพลัน ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงได้ด าเนินการวิจัยเรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรม
๕ การสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรังขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์การวิจัยเพื่อ ๑) เพื่อพัฒนาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวาน ชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง ห้องตรวจอายุรกรรม กลุ่มงานการพยาบาลผู้ปุวยนอก ๒) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโปรมแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุม ระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง ห้องตรวจอายุรกรรม กลุ่มงานการพยาบาลผู้ปุวยนอก กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ปุวยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นเบาหวานชนิดควบคุมยาก (Brittle diabetes mellitus) จ านวน 1๕ คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) ผลการวิจัยพบว่า ผู้ปุวยมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ เพิ่มขึ้น 17.27 คิดเป็นร้อยละ 95.94 ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น 36.13 คิดเป็น ร้อยละ 66.91 สามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 100 สรุปผลลัพธ์การด าเนินการวิจัยบรรลุวัตถุประสงค์หลักของต าแหน่งคือ ได้วิจัยและพัฒนา ออกแบบ สร้างสรรค์ โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ใน คลินิกโรคเรื้อรัง ส่งผลให้ผู้ปุวยโรคเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากสามารถจัดการสุขภาพของตนเองได้ ดีขึ้น สามารถควบคุมระดับน้ าตาลสะสมในเลือดได้ดีขึ้น ไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และลดการเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล ผลลัพธ์จากการด าเนินการวิจัย ท าให้ได้แนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวย เบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง และคู่มือการการดูแลตนเองส าหรับผู้ปุวยเบาหวาน ซึ่งน าไปใช้ใน NCD DM& HT Clinic ของโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี
๖ 3. ลักษณะงานที่ปฏิบัติของต าแหน่ง ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้ กับลักษณะงานวิจัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเวลาปฏิบัติงานทั้งหมด 2 2. เป็นงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้ กับลักษณะงานวิจัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของเวลาปฏิบัติงานทั้งหมด 4 3. เป็นงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้ กับลักษณะงานวิจัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของเวลาปฏิบัติงานทั้งหมด 6 4. เป็นงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้ กับลักษณะงานวิจัยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของเวลาปฏิบัติงานทั้งหมด 8 5. เป็นงานที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะอื่นที่มีคุณค่าเทียบ ได้กับลักษณะงานวิจัยและพัฒนาไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของเวลาปฏิบัติงาน ทั้งหมด √ 10 หมายเหตุ : (ข้อ 1-5 ยกตัวอย่างงานวิจัยและพัฒนาที่ส าคัญ) งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนาโดยใช้ระยะเวลาในการวิจัยและพัฒนาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 60 ของ เวลาปฏิบัติงานทั้งหมดใน 1 ปี ซึ่งเป็นระยะเวลา 190 วัน คิดเป็นร้อยละ 82.61 ซึ่งเป็นการวิจัย เรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง เป็นการศึกษาวิจัยแบบกึ่งทดลอง แบบกลุ่มเดียววัดก่อนและหลังการทดลอง (The one group pretest – posttest design) ด าเนินการระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๖๒ ถึง เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ พื้นที่ใน การศึกษาคือคลินิกโรคเรื้อรัง (NCD DM& HT Clinic)แผนกผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งเป็น ผู้ปุวยที่ได้รับการ วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ควบคุมยาก (Brittle diabetes mellitus) ทั้งเพศหญิงและเพศชายที่เข้ารับ บริการใน NCD DM & HT Clinic โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี จ านวน 15 คน ในช่วงเดือน กันยายน พ.ศ. 2562 ถึงเดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เครื่องมือที่ ใช้ในการคัดกรองกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลโดย การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติPaired t-test กรณีข้อมูลมีการแจกแจงแบบปกติ และ สถิติ Wilcoxon signed rank test กรณีข้อมูลมีการแจงแจงแบบไม่ ปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เครื่องมือที่ใช้ในการคัดกรองกลุ่มตัวอย่าง แบบประเมินสภาพจิตจุฬา (Chula mental test [CMT]) (Jitapunkul et al., 1996) ส่วนที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวย เบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ส่วนที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล มีดังนี้ 3.1 แบบสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วยข้อค าถามเกี่ยวกับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ สามารถระบุไปถึงตัวบุคคลนั้น ได้แก่ อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ รายได้ โรคประจ าตัว ระยะเวลาการเป็นโรคเบาหวาน เป็นต้น
๗ 3.2 แบบสัมภาษณ์ข้อมูลความรู้ จ านวน 18 ข้อ ลักษณะของข้อค าถามเป็นค าถามเป็นแบบให้ เลือกตอบถูก-ผิด ๓.๓ แบบสัมภาษณ์การปฏิบัติการดูแลตนเองของผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ซึ่ง เป็นข้อค าถามเกี่ยวกับ การควบคุมอาหาร การใช้ยาเบาหวาน การออกกก าลังกาย การจัดการความเครียด และการ ปูองกันภาวะแทรกซ้อน จ านวน 18 ข้อ ลักษณะของข้อค าถามเป็น rating scale 4 ระดับ 3.๔ แบบสัมภาษณ์ข้อมูลความพึงพอใจของผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมยากต่อโปรแกรมการดูแล ตนเอง จ านวน ๗ ข้อ ลักษณะของข้อค าถามเป็น rating scale ๓ ระดับ รวมเวลาที่ใช้ในการวิจัยจ านวน 190 วัน ใน 230 วันของเวลาปฏิบัติงานทั้งหมดใน 1 ปี คิดเป็น ร้อยละ 82.61 โดยมีขั้นตอนและระยะเวลาในการวิจัยดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นศึกษาสภาพปัญหา สถานการณ์ของผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ใน ระหว่างเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2561 1) ศึกษาสภาพปัญหาและสถานการณ์ของผู้ปุวย ระยะเวลา 20 วัน 2) ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลา 20 วัน ขั้นตอนที่ 2 ขั้นการพัฒนาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองตั้งแต่ เดือน เมษายน – มิถุนายน 2562 1) การออกแบบและวางแผนการพัฒนาโปรแกรม เขียนโครงร่างการวิจัยและการขออนุมัติท าวิจัย ระยะเวลา 30 วัน 2) การทดสอบประสิทธิภาพของโปรแกรม ระยะเวลา 30 วัน ขั้นตอนที่ 3 ขั้นประเมินผลการพัฒนาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเอง ในระหว่างเดือน กันยายน พ.ศ. 2562 ถึง ตุลาคม พ.ศ. 2563 1) น าโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นไปทดลองใช้จริงในคลินิกโรคเรื้อรัง ระยะเวลา 60 วัน 2) สรุปผลการด าเนินงาน ระยะเวลา 30 วัน/ วิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการวิจัย อภิปรายผล จัดพิมพ์ ต้นฉบับ จัดท ารูปเล่ม ผลงานวิจัยและพัฒนาอื่นๆ ย้อนหลัง 3 ปี นอกจากผลงานที่น าเสนอข้างต้น ต าแหน่งนี้ยังมีผลงานที่ที่แสดงให้เห็นว่ามีลักษณะงานที่ปฏิบัติของ ต าแหน่งเกี่ยวกับงานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แสดงได้จากการท าผลงานวิชาการ/วิจัยเชิงประจักษ์ ย้อนหลัง ๓ ปี (ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๒) ดังนี้ ปี 2558: การพัฒนาแนวทางการปูองกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ปุวยเบาหวานที่มารับบริการงานผู้ปุวย นอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า (เป็นผู้วิจัยหลัก) ปี 2560: การพัฒนาแบบบันทึกการดูแลผู้ปุวยรายกรณี (Nurse Case Manager Counseling Profile) งานผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า (เป็นผู้วิจัยหลัก) ปี 2562: ๑) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความกลัวการหกล้มของผู้ปุวยสูงอายุที่เข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล (เป็นผู้วิจัยหลัก) ๒) การพัฒนาขั้นตอนการลดระยะเวลารอคอยเจาะเลือดในผู้ปุวยเบาหวานที่มีภาวะ น้ าตาลในเลือดต่ า งานผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า (เป็นผู้วิจัยหลัก) หมายเหตุ: เอกสารประกอบผลงานวิจัยและพัฒนาอื่นๆ หน้า 43 – 45
๘ งานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาอื่น ที่นอกเหนือจากการท าวิจัย ได้แก่ ๑. เป็นผู้จัดการรายกรณีโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ท าหน้าที่ ดูแล/ คัดกรองผู้ปุวยเบาหวาน ให้ได้รับการเข้าถึงบริการที่เหมาะสม ให้ความรู้และค าแนะน าในการดูแลตนเอง ๒. ครูพี่เลี้ยงสอน/ ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงาน ในการดูแลผู้ปุวยผู้ปุวยเบาหวานที่มารับ บริการห้องตรวจอายุรกรรม ๓. ครูพี่เลี้ยงสอน/ ให้ความรู้แก่นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ชั้นปีที่ 2 วิทยาลัยพยาบาล พระปกเกล้า จันทบุรี เรื่อง การจัดการความเจ็บปุวยโรคเรื้อรัง หมายเหตุ: เอกสารประกอบงานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาอื่น ที่นอกเหนือจากการ ท าวิจัย หน้า 78 - 51
๙ 4. ผลกระทบจากการปฏิบัติงาน ค าตอบ เลือก คะแ นน 1. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่ได้ส่งผลกระทบต่อการด าเนินงานหรือภารกิจหลักในงานประจ า 1 2. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่ส่งผลกระทบต่อการด าเนินงานหรือภารกิจหลักของกลุ่มงาน/ แผนก/ฝุาย 2 3. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่ส่งผลกระทบต่อการด าเนินงานหรือภารกิจหลักของกอง/ส านัก/ โรงพยาบาล 3 4. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่ส่งผลกระทบต่อการด าเนินงานหรือภารกิจหลักของเขต √ 4 5. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่ส่งผลกระทบต่อการด าเนินงานหรือภารกิจหลักของกรมหรือ กระทรวง 5 เหตุผล : ผลกระทบจากการปฏิบัติงาน โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิก โรคเรื้อรังที่พัฒนาขึ้นนี้ สามารถขยายผลโดยน าเสนอโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองระดับจังหวัด ในงานประชุมวิชาการประจ าปี กลุ่มการพยาบาลโรงพยาบาลพระปกเกล้า ครั้งที่ 1 ปีงบประมาณ 2564 เรื่อง “การพัฒนาคุณภาพการพยาบาล ในสถานการณ์โควิด-19” ในวันที่ 13 กันยายน 2564 และน าเสนอ ระดับประเทศในเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาล “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาการทางการ พยาบาล ” ระหว่างวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2564 ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) และ ผลงานวิจัยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาล “การแลกเปลี่ยน เรียนรู้วิชาการทางการพยาบาล ” กองการพยาบาล ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และวารสารศูนย์ การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปีที่ 38 ฉบับที่ 3 เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2564 โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิก โรคเรื้อรังที่พัฒนาขึ้นนี้ แบบประเมินภาวะสมองเสื่อม สามารถขยายผลโดยพยาบาลวิชาชีพในคลินิกโรคเรื้อรัง ของโรงพยาบาลพระปกเกล้าน าไปใช้อย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์ที่เกิดจากการน าโปแรกมไปใช้๓ เดือน พบว่า ผู้ปุวยมี ค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้เพิ่มขึ้น 17.27 คิดเป็นร้อยละ 95.94 ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น 36.13 คิดเป็นร้อยละ 66.91 สามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาลร้อยละ 100 ติดตามผลในระยะ 6 เดือน พบว่า กลุ่มตัวอย่างสามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลร้อยละ 100 ติดตามผลในระยะ 1 ปี ผู้ปุวยมีระดับน้ าตาล สะสมลดลง ร้อยละ 73.33 และมีผู้ปุวยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 ราย 3 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 20 สะท้อนให้เห็นถึงจ านวนผู้ปุวยที่ re-admit ที่ลดลงส่งผลให้ผู้ปุวยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ขาดงาน ไม่เสียเวลามา โรงพยาบาล และลดค่าใช้จ่ายในการเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ละครั้ง
๑๐ ขยายผลไปโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดจันทบุรี 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลมะขาม โรงพยาบาลโปุงน้ า ร้อน โรงพยาบาลท่าใหม่ โรงพยาบาลสองพี่น้อง โรงพยาบาลนายายอาม โรงพยาบาลแก่งหางแมว และ โรงพยาบาลเขาสุกิม พบว่าหลังน าโปรแกรมสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองไปใช้ในคลินิกเบาหวาน มี 4 โรงพยาบาลที่ผู้ปุวยสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ดีได้แก่ โรงพยาบาลเขาสุกิม โรงพยาบาลมะขาม โรงพยาบาล โปุงน้ าร้อน และโรงพยาบาลนายายอาม ซึ่งโรงพยาบาลนายายอามมีผู้ปุวยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาล ได้ดีสูงสุด ร้อยละ 66.95 และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 100 ยกเว้นโรงพยาบาลท่าใหม่ มีอัตราผู้ปุวยเข้ารับการรักษาพยาบาล ร้อยละ 0.06 ของผู้ปุวยที่มารับบริการคลินิกเบาหวาน และยังขยายผลไปยังโรงพยาบาลในระดับเขตบริการสุขภาพที่ 6 ได้แก่ โรงพยาบาลบางละมุง จังหวัด ชลบุรีโรงพยาบาลตราด และโรงพยาบาลสมุทรปราการ พบว่า หลังน าโปรแกรมสนับสนุนการจัดการดูแลตนเอง ไปใช้ในคลินิกเบาหวาน มีโรงพยาบาลบางละมุง ที่ผู้ปุวยยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ดี ซึ่งอัตราผู้ปุวย เบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ดี คิดเป็นร้อยละ 39.47 ทั้งนี้เนื่องจากโปรแกรมการสนับสนุนการ จัดการดูแลตนเองของผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมยากที่พัฒนาขึ้น ท าให้ผู้ปุวยสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของ ตนเอง โดยบุคลากรด้านสาธารณสุขมีหน้าที่ในการกระตุ้นให้ผู้ปุวยเกิดแรงจูงใจน าไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ การ ติดตามตนเอง การประเมินตนเอง และการเสริมแรง (Kanfer, 1991) ส่งผลให้กระบวนการดูแลมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ระดับน้ าตาลสะสมลดลง และไม่เข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาล ซึ่งหากใน ระดับประเทศสามารถให้การดูแลผู้ปุวยในกลุ่มนี้ให้สามารถจัดการภาวะสุขภาพของตนเองได้ดีและมี ประสิทธิภาพ จะส่งผลให้ผู้ปุวยสามารถลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล และลด ค่าใช้จ่ายของประเทศในการดูแลผู้ปุวยได้เช่นกัน สอดคล้องกับ ตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข (พ.ศ.2561 – 2575) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านบริการเป็นเลิศ (Service Excellence) แผนงานที่ 6 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) โครงการที่ 14 พัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตัวชี้วัดย่อย ร้อยละผู้ปุวยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ และสอดคล้องกับ แผนปฏิบัติการพัฒนาสุขภาพโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ระยะยาว ปี 2562-2566 ยุทธศาสตร์ที่ 4 Excellence โครงการควบคุมโรคและภัยสุขภาพ กิจกรรมพัฒนาคลินิก NCDs และเพิ่ม ศักยภาพของเครือข่ายให้มีความพร้อมและท างานร่วมกันเป็นเครือข่ายมากขึ้น หมายเหตุ: เอกสารประกอบหน่วยงานที่น าแนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองไปใช้ หน้า 30 – 39)
๑๑ 5. ลักษณะของผลงานที่ได้จากการวิจัยและพัฒนา ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยที่ เกิดจากการส ารวจ สอบถาม สัมภาษณ์ พยากรณ์ 1 2. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยที่ เกิดจากการศึกษาวิเคราะห์ วิจัย ค้นคว้าจากเอกสารต ารา หนังสือ บทความวิชาการ งานวิจัย ผลงานทางวิชาการในลักษณะอื่น 2 3. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยที่ เกิดจากการสังเกต บันทึก รวบรวม วิเคราะห์ ประเมินผล หรือประมวลผล และสรุป 3 4. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยที่ เกิดจากการทดสอบ ทดลอง หรือท างานในพื้นที่งานปกติ (พื้นที่ที่ไม่ใช่ห้อง Lab) √ 4 5. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยที่ เกิดจากการทดลองในห้อง/ศูนย์/พื้นที่ ส าหรับการท างานวิจัยโดยเฉพาะ 5 เหตุผล : ลักษณะของผลงานที่ได้จากการวิจัยและพัฒนา การวิจัย เรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุม ระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาที่ด าเนินการในพื้นท างานปกติ (พื้นที่ที่ไม่ใช่ห้อง Lab) พื้นที่วิจัยคือ คลินิกโรคเรื้อรัง (NCD DM& HT Clinic)แผนกผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัด จันทบุรี เป็นการวิจัยแบบกึ่งทดลอง แบบกลุ่มเดียววัดก่อน-หลัง กลุ่มตัวอย่าง ได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง (Purposive sampling) ซึ่งเป็น ผู้ปุวยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานชนิดที่ควบคุมยาก (Brittle diabetes mellitus) ทั้งเพศหญิงและเพศชายที่เข้ารับบริการใน NCD DM & HT Clinic โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัด จันทบุรีคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจงจ านวน 15 ราย มีการก าหนดคุณสมบัติ including & excluding criteria อย่าง ชัดเจน ภายใต้การวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทางสาขาอายุรกรรม ปัญหาพบว่าตั้งแต่ปี 2559–2562 มีผู้ปุวย จ านวนทั้งสิ้น 418 คน ที่มารับบริการที่ NCD DM& HT Clinicและมีจ านวน 174 คนที่ต้องเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล ซึ่งผู้ปุวยที่มีจ านวนครั้งการเข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาลบ่อยที่สุด 18 ครั้ง มีภาวะแทรกซ้อนทาง ตา จ านวน 94 คน มีภาวะแทรกซ้อนทางไต 143 คน มีแผลเบาหวาน จ านวน 18 คน ผู้ปุวยกลุ่มนี้เป็นผู้ปุวยที่มี ความยุ่งยาก และซับซ้อนในการดูแลผู้วิจัยจึงวางแผนท าการวิจัย ก าหนดผู้ร่วมวิจัย และปรึกษากับสหสาขาวิชาชีพ การศึกษาวิจัยครั้งนี้เป็นผลงานวิจัยที่เกิดจากการส ารวจข้อมูลเชิงคุณภาพ มีการทดสอบ ทดลอง ประเมินผลการน าไปใช้ ในการศึกษาครั้งนี้เป็นการหมุนวงล้อบริหารงานคุณภาพ (PDCA) ของการศึกษาการ วิจัยและพัฒนา (Research and development ) จากการพัฒนาต่อยอดแนวทางการปูองกัน ภาวะแทรกซ้อนในผู้ปุวยเบาหวานที่มารับบริการงานผู้ปุวยนอก โรงพยาบาลพระปกเกล้า ร่วมกับน ากรอบ แนวคิดของ Kanfer (1991) มาบูรณาการพัฒนาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวย เบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากโดยมีรายละเอียด ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 การวางแผนการพัฒนา โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเอง โดย 1)วิเคราะห์ ปัญหาสภาพปัญหาของผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก 2) ทบทวนวรรณกรรม ศึกษาแนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2 ขั้นพัฒนากระบวนการดูแลผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก โดย 1) น าผล จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง และผลการวิเคราะห์ปัญหาผู้ปุวยมาก าหนดร่างโปรแกรมการสนับสนุน
๑๒ การจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก 2) น าโปรแกรมที่สร้างขึ้นน าเสนอที่ ประชุมทีมวิจัย R2R ของโรงพยาบาลพระปกเกล้าและปรับแก้ตามข้อเสนอแนะ และน าเครื่องมือที่สร้างขึ้นไป ให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 5 คนตรวจสอบความถูกต้อง ครอบคลุมของเนื้อหา (Content Validity) และปรับแก้ ตามข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิ ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติตามแผนการด าเนินงาน โดย 1) ประชุมชี้แจงท าความเข้าใจกับทีมสุขภาพที่ เกี่ยวข้อง 2) ทดลองใช้โปรแกรมการสนับสนุนจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยากกับ ผู้ปุวยที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างจ านวน 10 ราย และน าข้อมูลที่ได้มาค านวณหาความเที่ยงของ เครื่องมือ 3) น าโปรแกรมการจัดการดูแลตนเองมาใช้กับผู้ปุวยที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ที่เข้ารับบริการใน NCD DM & HT Clinic หลังจากนั้นท าการประเมินผลของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น พบว่า ภายหลังน าโปรแกรมไปใช้ ผู้ปุวยมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้เพิ่มขึ้น 17.27 คิดเป็นร้อยละ 95.94 ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ เพิ่มขึ้น 36.13 คิดเป็นร้อยละ 66.91 สามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาลร้อยละ 100 จากผลการศึกษาโปรแกรมฯ ส่งผลให้กระบวนการดูแลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดการเกิด ภาวะแทรกซ้อน ระดับน้ าตาลสะสมลดลง และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ผลผลิตที่ได้จากการวิจัยครั้งนี้คือ โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากมีการจัดการตนเอง ตามแนวคิดการจัดการตนเอง (Self- management ) ของ Kanfer (๑๙๙๑) โดย โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการ ตนเองนี้มีวิธีการ ๔ ขั้นตอน๑) การรวบรวมข้อมูลปัญหา เพื่อวางแผนให้การช่วยเหลือ ๒) ช่วยเหลือให้บุคคลสร้าง เงื่อนไขของการเปลี่ยนแปลง ๓) การช่วยให้บุคคลหาเทคนิคในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และ ๔) การเสริมแรง โดยมี การท ากิจกรรมกลุ่ม ๖ ครั้ง ในสัปดาห์ที่ ๑, ๓, ๙,และ ๑๒ โทรศัพท์ติดตาม ๒ ครั้งในสัปดาห์ที่ ๕ และ๑๑ ซึ่งกิจกรรม กลุ่ม ๔ ครั้งประกอบด้วย ๑) การเลือก รับประทานอาหาร ๒) การใช้ยา ๓) การออกก าลังกาย ๔) การจัดการ ความเครียด 5) การจัดการ ภาวะแทรกซ้อน และ ๖) การตรวจระดับน้ าตาลด้วยตนเอง (Self monitoring blood glucose [SMBG])
๑๓ 6. การวางแผน ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะอื่นที่มี คุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยเพื่อพัฒนาปรับปรุงงานประจ าให้ดียิ่งขึ้น 1 2. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะอื่นที่มี คุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายจนเกิดผล สัมฤทธิ์ขึ้นบรรลุเปูาหมายที่ก าหนดของกลุ่มงาน/ฝุาย/แผนก 2 3. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะอื่นที่มี คุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายจนเกิดผล สัมฤทธิ์ขึ้นบรรลุเปูาหมายที่ก าหนดของส านัก/กอง/โรงพยาบาล 3 4. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะอื่นที่มี คุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายจนเกิดผล สัมฤทธิ์ขึ้นบรรลุเปูาหมายที่ก าหนดของเขต 4 5. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะอื่นที่มี คุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายจนเกิดผล สัมฤทธิ์ขึ้นบรรลุเปูาหมายที่ก าหนดของกรม √ 5 เหตุผล : จากสถิติผู้ปุวยในคลินิกโรคเรื้อรัง NCD DM& HT Clinic ตั้งแต่ปี 2559–2562 มีจ านวนทั้งสิ้น 418 คน มีผู้ปุวยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จ านวน 174 คน ซึ่งมีจ านวนครั้งการเข้ารับการรักษาซ้ าใน โรงพยาบาลบ่อยที่สุดมากถึง 18 ครั้ง มีภาวะแทรกซ้อนทางตา จ านวน 94 คน มีภาวะแทรกซ้อนทางไต 143 คน และมีแผลเบาหวาน จ านวน 18 คน ซึ่งผู้ปุวยกลุ่มนี้เป็นผู้ปุวยที่มีความยุ่งยาก และซับซ้อนในการดูแล นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ปุวยโรคเบาหวานจ านวนมากที่ยังไม่สามารถควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดได้ต้องเข้ารับ การรักษาในโรงพยาบาลด้วยภาวะแทรกซ้อน ทั้งภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน และภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง พยาบาลวิชาชีพต าแหน่งงานนี้จึงต้องมีการวางแผนงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับ ลักษณะอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะงานวิจัยให้สอดคล้องกับทิศทางและนโยบายของโรงพยาบาล พระปกเกล้า และเขตบริการสุขภาพ จนเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นบรรลุเปูาหมายที่ก าหนด การวิจัย เรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง เป็นผลงานวิจัยและพัฒนาที่ต้องวางแผนเพื่อจัดบริการการพยาบาล ให้กับผู้ปุวยโรคเรื้อรัง ซึ่งต้องมีการวิเคราะห์ วิจัย วางแผนในระยะยาวเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการ พัฒนางานในคลินิกโรคเรื้อรัง เพื่อตอบสนองกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ให้สอดคล้องตัวชี้วัดกระทรวง สาธารณสุข ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านสาธารณสุข (พ.ศ.2561 – 2575) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านบริการเป็นเลิศ (Service Excellence) แผนงานที่ 6 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) โครงการที่ 14 พัฒนาระบบ บริการสุขภาพ สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตัวชี้วัดย่อย ร้อยละผู้ปุวยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ สอดคล้องกับการขับเคลื่อนงานควบคุมโรคไม่ติดต่อจังหวัดจันทบุรี ปีงบประมาณ 2561 ตัวชี้วัดร้อยละการ ติดตามกลุ่มสงสัยปุวยเบาหวานและ/หรือโรคความดันโลหิตสูง และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการพัฒนาสุขภาพ โรงพยาบาลพระปกเกล้าระยะยาว ปี 2562-2566 ยุทธศาสตร์ที่ 4 Excellence โครงการควบคุมโรคและภัย สุขภาพ กิจกรรมพัฒนาคลินิก NCDs และเพิ่มศักยภาพของเครือข่ายให้มีความพร้อมและท างานร่วมกันเป็น
๑๔ เครือข่ายมากขึ้น ผู้วิจัยมีการด าเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากทีมวิจัยของโรงพยาบาล เป็นจ านวน เงิน 18,525 บาท เปูาหมายและตัวชี้วัด ความส าเร็จของโครงการ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และตัวชี้วัดการท างาน ในคลินิกโรคเรื้อรัง ผลลัพธ์ด้านประสิทธิภาพการดูแล ภายหลังน าโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแล ตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรังไปใช้ ผู้ปุวยมีค่าคะแนนเฉลี่ยความรู้ เพิ่มขึ้น 17.27 คิดเป็นร้อยละ 95.94 ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น 36.13 คิดเป็น ร้อยละ 66.91 สามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ร้อยละ 100 ผลการน าโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง ส่งผลให้กระบวนการดูแลมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ระดับน้ าตาล สะสมลดลง และไม่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพแม้พบว่าเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ได้ตามเปูาหมายที่ร้อยละ 80 ซึ่งปัญหาด้านพฤติกรรมมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายปัจจัย แต่หากได้รับ การประเมินที่ครอบคลุมจะช่วยให้ผู้ปุวยได้รับการดูแลที่เหมาะสม ภายหลังเสร็จสิ้นโครงการมีการวางแผนการ ดูแลโดยเน้นให้บุคคลในครอบครัว หรือผู้ดูแลมีส่วนในการดูแลผู้ปุวย โดยการสังเกตพฤติกรรม และกระตุ้น เตือนเมื่อมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ปุวยสามารถจัดการภาวะสุขภาพของตนเองได้ ผลผลิตที่ได้รับจากการวิจัย คือ โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย 1) การเลือกรับประทานอาหาร 2) การใช้ยา 3) การออก ก าลังกาย 4) การจัดการความเครียด 5) การจัดการภาวะแทรกซ้อน และ 6) การตรวจระดับน้ าตาลด้วย ตนเอง (Self-monitoring blood glucose [SMBG]) และคู่มือการดูแลตนเองส าหรับผู้ปุวยเบาหวาน เพื่อ ตอบสนองต่อองค์ประกอบของกระบวนการด้านระบบการตัดสินใจ ในการพัฒนาการด าเนินงาน NCD Clinic ของโรงพยาบาลพระปกเกล้า ปี 2562 ปัญหาและอุปสรรคในการด าเนินการวิจัย กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ปุวยที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็น ผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก (Brittle diabetes mellitus) พบมีจ านวนน้อย ผู้ปุวยบางรายมี ข้อจ ากัดอื่น เช่น มีโรคร่วม มีภาวะแทรกซ้อนระหว่างเข้าโปรแกรม จึงต้องคัดออกจากกลุ่มตัวอย่าง ท าให้ เหลือกลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมโครงการเพียง 15 คน
๑๕ 7. การวิเคราะห์ข้อมูล ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการรวบรวม แยกแยะ จัดเก็บหรือ จัดท า ข้อมูลเพื่อประกอบการด าเนินงานอย่างอื่นๆ ต่อไป 1 2. เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยวิธีการทางสถิติหรือ วิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากหลายแหล่ง 2 3. เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลส าหรับจัดท าข้อเสนอแนะ คู่มือ หรือรายงานรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนภารกิจของส านัก/กอง/โรงพยาบาล 3 4. เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อ ก าหนด หลักการหรือแนวทาง ออกแบบกระบวนการระบบ สร้างแบบจ าลอง แนวทาง ปฏิบัติใหม่ ๆ หรือนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนภารกิจของเขต √ 4 5. เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อ ก าหนด หลักการหรือแนวทาง ออกแบบกระบวนการระบบ สร้างแบบจ าลอง แนวทาง ปฏิบัติใหม่ ๆ หรือนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนภารกิจของกรม 5 เหตุผล : การวิจัย เรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อก าหนด หลักการหรือแนวทาง ออกแบบกระบวนการระบบ สร้างแบบจ าลอง แนวทางปฏิบัติใหม่ ๆ หรือนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนภารกิจของเขต ผลผลิตที่ได้จากการวิจัย คือ โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ซึ่งเป็นแนวทาง ที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก มีความรู้และสามารถจัดการภาวะสุขภาพ ของตนเองได้ ส่งผลให้ผู้ปุวยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน ลดระดับน้ าตาลสะสม และลดอัตราการเข้ารับการรักษาซ้ า ในโรงพยาบาล ตลอดจนพัฒนาศักยภาพและสมรรถนะของบุคลากร สอดคล้องกับแผนพัฒนาบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังระดับประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนได้รับการตรวจคัด กรอง วินิจฉัย ดูแลรักษาตามเกณฑ์ที่ก าหนด เข้าถึงบริการได้ครอบคลุมด้วยความรวดเร็ว เพื่อลดเสี่ยง ลดโรค ลดภาวะแทรกซ้อน ลดความพิการ ลดค่าใช้จ่าย และเข้าถึงบริการได้ตามสถานะสุขภาพ สนับสนุนให้ผู้ปุวย และครอบครัวมีความมั่นใจในการจัดการดูแลความเจ็บปุวย สนับสนุนอุปกรณ์ในการท า SMBG ให้คู่มือที่ใช้ใน การดูแลตนเองของผู้ปุวยเบาหวาน โทรติดตามอาการและ สอบถามปัญหาอุปสรรค/ เสริมแรง เป็นระยะๆ อย่างสม่ าเสมอ และสอดคล้องหรือตอบสนองนโยบายหรือกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุข (พ.ศ. 2561 – 2579) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านบริการเป็นเลิศ (Service Excellence) แผนงานที่ 6 การพัฒนา ระบบบริการสุขภาพ โครงการที่ 14 พัฒนาระบบบริการสุขภาพ สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ตัวชี้วัดย่อย ร้อยละ ผู้ปุวยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้เปูาหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพของระบบบริการสุขภาพสาขาโรค ไม่ติดต่อเรื้อรัง ส่งผลให้ผู้ปุวยโรคเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ าตาลได้ดีสามารถลดการเกิดโรคแทรกซ้อน ของหลอดเลือดได้ การให้การพยาบาลผู้ปุวยโรคเบาหวาน ความรู้เฉพาะทางการดูแลผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับ น้ าตาลยาก (Brittle Diabetes Mellitus) ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติสังเคราะห์รูปแบบ และน าข้อมูลมาออกแบบโปรแกรมในการให้บริการผู้ปุวยในคลินิกโรคเรื้อรัง เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงภารกิจ ของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
๑๖ จากสถิติตั้งแต่ ปี 2559–2562 มีผู้ปุวยมีจ านวนทั้งสิ้น 418 คน ที่มารับบริการในคลินิกโรคเรื้อรัง NCD DM& HT Clinic และมีจ านวน 174 คน ที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และมีจ านวนครั้งของ การเข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาลบ่อยที่สุดมากถึง 18 ครั้ง มีภาวะแทรกซ้อนทางตา จ านวน 94 คน มี ภาวะแทรกซ้อนทางไต 143 คน และมีแผลเบาหวาน จ านวน 18 คน ผู้ปุวยกลุ่มนี้เป็นผู้ปุวยที่มีความยุ่งยาก และซับซ้อนในการดูแล นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ปุวยโรคเบาหวานจ านวนมากที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ าตาล ในเลือดได้ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยภาวะแทรกซ้อน ทั้งภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน และ ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ปุวย ครอบครัวและชุมชน พยาบาลผู้จัดการราย กรณีและทีมสหสาขาวิชาชีพ จึงมีแนวคิดในการจัดท าโครงการวิจัยและพัฒนากระบวนการดูแลผู้ปุวยเบาหวาน ชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก โดยการมีส่วนร่วมของสหสาขาวิชาชีพ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากทีม วิจัยทางการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า โดยมีระยะเวลาด าเนินการ 12 สัปดาห์ จากการประเมินผล พบว่า โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองช่วยให้ผู้ปุวยสามารถจัดการภาวะสุขภาพของตนเองได้ดี ขึ้น แต่ยังพบปัญหาด้านพฤติกรรมการดูแลสุขภาพต่ ากว่าเกณฑ์เปูาหมาย ร้อยละ 80 ซึ่งปัญหาด้าน พฤติกรรมมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายปัจจัย แต่หากได้รับการประเมินที่ครอบคลุมจะช่วยให้ผู้ปุวยได้รับการดูแลที่ เหมาะสม ลดพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกระบวนการวิจัยและพัฒนาตาม ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ขั้นศึกษาข้อมูล ปัญหา และความต้องการ โดยผู้วิจัยศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสารงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง ขั้นตอนที่ 2 ขั้นพัฒนากระบวนการดูแลผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก โดย 1) น าผล จากการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง และผลการวิเคราะห์ปัญหาผู้ปุวยมาก าหนดร่างโปรแกรมการสนับสนุน การจัดการดูแลผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก 2) น าโปรแกรมที่สร้างขึ้นน าเสนอที่ประชุมทีมวิจัย R2R ของโรงพยาบาลพระปกเกล้าและปรับแก้ตามข้อเสนอแนะ และน าเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 5 คนตรวจสอบความถูกต้อง ครอบคลุมของเนื้อหา (Content Validity) และปรับแก้ตามข้อเสนอ ของผู้ทรงคุณวุฒิ ขั้นตอนที่ 3 การปฏิบัติตามแผนการด าเนินงาน โดย 1) ประชุมชี้แจงท าความเข้าใจกับทีมสุขภาพที่ เกี่ยวข้อง 2) ทดลองใช้โปรแกรมการจัดการดูแลผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยากกับผู้ปุวยที่มีลักษณะ คล้ายคลึงกับกลุ่มตัวอย่างจ านวน 10 ราย และน าข้อมูลที่ได้มาค านวณหาความเที่ยงของเครื่องมือ 3) น าโปรแกรม การสนับสนุนจัดการดูแลตนเองไปใช้กับผู้ปุวยที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ที่เข้ารับบริการใน NCD DM & HT Clinic หลังจากนั้นท าการประเมินผลของโปรแกรมที่พัฒนาขึ้น พบว่า ภายหลังน าโปรแกรมไปใช้ ผู้ปุวยมีค่าคะแนนเฉลี่ย ความรู้เพิ่มขึ้น 17.27 คิดเป็นร้อยละ 95.94 ค่าคะแนนเฉลี่ยพฤติกรรมการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น 36.13 คิดเป็น ร้อยละ 66.91 สามารถลดระดับน้ าตาลสะสมลงได้ร้อยละ 80 และไม่เข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาลร้อยละ 100 จากผลการศึกษาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองส่งผลให้กระบวนการดูแลผู้ปุวยมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ผู้ปุวยสามารถจัดการกับภาวะสุขภาพของตนเองได้ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ระดับน้ าตาลสะสมลดลง และไม่เข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาล ผลผลิตที่ได้จากการวิจัยคือโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยากในคลินิกโรคเรื้อรัง มีการน าไปใช้ประโยชน์ตั้งแต่ระดับหน่วยงานของโรงพยาบาล ชุมชน และโรงพยาบาลทั่วไป ส่งผลกระทบต่อการด าเนินภารกิจหลักของเขต ดังนี้ 1) ผลกระทบที่เกิดจากการน าไปใช้ในระดับหน่วยงาน ระดับโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลศูนย์ ได้แก่ การน าโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองหรือคู่มือการดูแลตนเอง
๑๗ ส าหรับผู้ปุวยเบาหวาน ไปใช้ในคลินิกเบาหวาน/ คลินิกโรคเรื้อรัง ส่งผลกระทบต่อหน่วยงาน 4 ด้าน คือ ๑) ด้านระบบบริการผู้ปุวยเบาหวาน ผู้ปุวยเบาหวานที่มีความแปรปรวนของค่าระดับน้ าตาล หรือกลุ่มผู้ปุวยที่ ควบคุมระดับน้ าตาลยากสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่เหมาะสม ๒) ด้านผลลัพธ์การบริการ ท าให้ผู้ปุวย เบาหวานสามารถดูแลตนเอง และจัดการกับตนเองได้ ไม่เกิดภาวะแรกซ้อน ไม่ต้องนอนพักรักษาใน โรงพยาบาล ๓) ด้านคุณภาพการให้บริการ ผู้ให้บริการมีแนวทางการดูแลผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับ น้ าตาลยากในคลินิกโรคเรื้อรัง ท าให้สามารถดูแลผู้ปุวยได้อย่างมีคุณภาพ ๔) ด้านความต่อเนื่องในการ ให้บริการ ผู้ให้บริการเป็นผู้ให้ค าปรึกษา ให้การสนับสนุน และกระตุ้นให้ผู้ปุวยเห็นถึงความส าคัญในการจัดการ ภาวะสุขภาพของตนเอง และสามารถจัดการแก้ไขภาวะสุขภาพของตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
๑๘ 8. ความท้าทายในงาน ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่สามารถไปเป็นแนวทางปฏิบัติในระดับแผนก/ฝุาย 1 2. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่สามารถไปเป็นแนวทางปฏิบัติในระดับ ส านัก/กอง / 2 3. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่สามารถไปเป็นแนวทางปฏิบัติในระดับเขต √ 3 4. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่สามารถไปเป็นแนวทางปฏิบัติในระดับกรม 4 5. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรือลักษณะอื่น ที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่สามารถไปเป็นแนวทางปฏิบัติในระดับกระทรวง 5 เหตุผล : ลักษณะงานวิจัยและพัฒนานี้มีความยาก และมีความท้าทายเนื่องจากผู้ปุวยที่ศึกษาเป็นผู้ปุวยวัยผู้ใหญ่ ตอนปลายและผู้สูงอายุตอนต้น ร้อยละ 93.30 เป็นเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก และมีโรคร่วม รวมทั้ง มีระยะเวลาการเป็นเบาหวานนาน 30 ปีขึ้นไป ร้อยละ 26.70 ท าให้ยากในการควบคุมโรค ซึ่งมีความท้าทายใน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การสื่อสารและการดูแลต่อเนื่อง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ปุวยให้สามารถจัดการ ดูแลสุขภาพของตนเองได้ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ลดระดับน้ าตาลสะสมในเลือด และลดการเข้ารับการรักษา ในโรงพยาบาล ในทุก ๆ ขั้นตอนของการวิจัยมีความท้าทายความสามารถของผู้วิจัย โดยในขั้นตอนของการ ทบทวนวรรณกรรม ต้องมีการสืบค้นข้อมูลจากฐานข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ พบว่ายังไม่มีแนวทางปฏิบัติใน การดูแลผู้ปุวยในกลุ่มควบคุมระดับน้ าตาลยาก (Brittle Diabetes mellitus) มาก่อน ผู้วิจัยจึงได้พัฒนางานซึ่ง เป็นงานประจ า น าปัญหามาสู่งานวิจัย เพื่อให้ได้ผลการวิจัยที่สามารถน าไปใช้อ้างอิงในการพัฒนางานได้ผู้วิจัยได้ ทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลวิชาการของสถาบันวิจัย และประเมินเทคโนโลยีทางการพยาบาล ของส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผลการวิจัยมาบูรณาการเพื่อให้สามารถน าไปปรับใช้ในหน่วยงาน ในขั้นตอนของการสร้างโปรแกรม เนื่องจากยังไม่เคยมีใครสร้างโปรแกรมนี้มาก่อน พยาบาลวิชาชีพต าแหน่งนี้ จึงออกแบบพัฒนาโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาล ยาก ในคลินิกโรคเรื้อรังขึ้น เพื่อใช้เป็นแนวทางให้ผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากประเมินตนเอง และจัดการกับตนเองได้ ส่งผลให้ผู้ปุวยโรคเบาหวานไม่มีภาวะแทรกซ้อน และลดการเข้ารับการรักษาใน โรงพยาบาล ดังนั้นการวิจัยครั้งนี้จึงต้องใช้ความท้าทายอย่างมากในการสืบค้น ความท้าทายในการวิเคราะห์และ สังเคราะห์องค์ความรู้ใหม่เพื่อสร้างโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุม ระดับน้ าตาลยาก อีกทั้งกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการวินิจฉัย Brittle Diabetes mellitus ในคลินิกมีจ านวนน้อย ร่วมกับบางส่วนมีภาวะแทรกซ้อนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ กลุ่มตัวอย่างบางส่วนเมื่อคัดกรองแล้ว พบว่ามีภาวะสมองเสื่อม บางรายขณะเข้าร่วมโครงการประสบอุบัติเหตุรถจักรยานชน และมีความคิดฆ่าตัว ตาย ในขั้นตอนการน าโปแกรมไปทดลองใช้ มีปัญหาผู้ปุวยมีภาวะสมองเสื่อม 1 ราย พยาบาลวิชาชีพใน ต าแหน่งนี้จึงได้ประสานแพทย์เจ้าของไข้และส่งต่อแพทย์เฉพาะทางด้านอายุรกรรมประสาทให้รับการรักษา ต่อเนื่อง มีผู้ปุวย 4 รายต้องนอนโรงพยาบาลด้วยการเจ็บปุวยเฉียบพลัน และเสีย ชีวิต 2 รายด้วยโรคมะเร็ง กล่องเสียง และมะเร็งช่องปากและลิ้น ผู้ปุวย 1 รายที่มีความคิดฆ่าตัวตาย พยาบาลวิชาชีพในต าแหน่งนี้จึงได้
๑๙ ประสานแพทย์เจ้าของไข้และส่งต่อแพทย์เฉพาะทางให้ได้พบจิตแพทย์และรักษาต่อเนื่องตามระบบ จึงท าให้ได้ กลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมโครงการเพียง 15 คน ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง ผลการวิจัยนี้ได้รับการคัดเลือกให้น าเสนอในเวทีการประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาล “การ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาการทางการพยาบาล ” ระหว่างวันที่ 21 – 22 กรกฎาคม 2564 ผ่านระบบวีดิทัศน์ ทางไกล (Video Conference) และได้คัดเลือกน าเสนอในงานประชุมวิชาการประจ าปี กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า ครั้งที่ 1 ปีงบประมาณ 2564 เรื่อง “การพัฒนาคุณภาพการพยาบาล ใน สถานการณ์โควิด-19” ในวันที่ 13 กันยายน 2564 ผลการวิจัยได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ รางวัลศรีสังวาล “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิชาการทางการพยาบาล ” กองการพยาบาล ส านักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข และวารสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปีที่ 38 ฉบับที่ 3 เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2564 หน่วยงานที่น าแนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ไปใช้ในคลินิกเบาหวาน คือ ระดับจังหวัด ในจังหวัดจันทบุรีมีโรงพยาบาลชุมชน 7 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาล มะขาม โรงพยาบาลโปุงน้ าร้อน โรงพยาบาลท่าใหม่ โรงพยาบาลสองพี่น้อง โรงพยาบาลนายายอาม โรงพยาบาล แก่งหางแมว และโรงพยาบาลเขาสุกิม ระดับเขตบริการสุขภาพที่ 6 มี 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลบางละมุง จังหวัดชลบุรี โรงพยาบาลตราด อ.เมือง จ.ตราด และโรงพยาบาลสมุทรปราการ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หมายเหตุ: เอกสารประกอบหน่วยงานที่น าแนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองไปใช้ หน้า 30 – 39)
๒๐ 9. อิสระในการคิด ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานที่ต้องคิด หรือพิจารณาด าเนินการตามกระบวนการที่ก าหนดไว้เป็น มาตรฐานในการปฏิบัติงาน 1 2. เป็นงานที่ต้องคิด หรือพิจารณาปรับปรุงตามกระบวนการท างานเพื่อลดความ ผิดพลาดในการท างาน ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็ว หรือเพิ่มคุณภาพของงานให้ มากขึ้น 2 3. เป็นงานที่ต้องคิด หรือพิจารณาปรับปรุงระบบ แนวทาง นโยบายหรือทิศทางการ ท างานในสายอาชีพได้ 3 4. เป็นงานที่ต้องคิดค้นองค์ความรู้ แนวคิด หรือทฤษฎีใหม่ ๆ น าไปสู่การพัฒนา ยกระดับ ปรับปรุงกระบวนการท างาน √ 4 5. เป็นงานที่คิดนอกกรอบ ที่พิจารณาสิ่งต่าง ๆ ด้วยมุมมองที่แตกต่าง อันน าไปสู่การ วิจัย การประดิษฐ์คิดค้น หรือการสร้างสรรค์ เพื่อน าเสนอต้นแบบ สูตร รูปแบบ วิธีการ ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน 5 เหตุผล : ต าแหน่งงานนี้เป็นงานวิชาชีพเฉพาะที่มีความอิสระในการคิดค้นองค์ความรู้ แนวคิด หรือทฤษฎีใหม่ ๆ น าไปสู่การพัฒนา ยกระดับ ปรับปรุงกระบวนการท างาน หรือเลือกวิธีการในการรักษาผู้ปุวยซึ่งมีหลากหลายวิธี ให้ ได้ผลดีที่สุด มีอิสระในการบริหารจัดการงานทางวิชาการหรือโครงการที่มีความหลากหลายซับซ้อนของเนื้อ งาน เทคนิค และกระบวนการท างาน การค้นคว้า วิจัย ประดิษฐ์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อน ามา ประยุกต์ใช้ในการประเมิน ตรวจวินิจฉัย รักษาพยาบาลผู้ปุวยให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว หรือไม่เกิด ภาวะแทรกซ้อน เป็นไปตามแผนการรักษาที่ก าหนดภายใต้ทิศทางนโยบายและยุทธศาสตร์ของโรงพยาบาล งานวิจัยเรื่อง โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยาก ใน คลินิกโรคเรื้อรังนี้ เป็นงานที่ต้องคิดนอกกรอบ น าไปสู่การวิจัย การประดิษฐ์คิดค้นหรือการสร้างสรรค์เพื่อ น าเสนอรูปแบบ วิธีการ ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้วิจัยจึงน าแนวคิดการสนับสนุนการ จัดการดูแลตนเอง (Self-management) ของ Kanfer (1991) ที่เชื่อว่าไม่มีใครที่สามารถปรับพฤติกรรมของ คนอื่นได้นอกจากตัวเอง นอกจากการให้ความรู้ทั่วไปของทีมสุขภาพแล้ว แนวคิดดังกล่าวยังเน้นให้ผู้ปุวยและ เจ้าหน้าที่ทีมสุขภาพมีการตั้งข้อก าหนดและเปูาหมายสุขภาพร่วมกัน เพื่อให้ผู้ปุวยปฏิบัติตามข้อก าหนดที่ ตนเองตั้งไว้ โดยบุคลากรทีมสุขภาพมีส่วนคอยกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจและเสริมแรงในการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมสุขภาพ จากการทบทวนเอกสารและงานวิจัยรอบด้านที่ผ่านมา พบว่ายังไม่มีแนวทางปฏิบัติในการดูแลผู้ปุวย ในกลุ่มควบคุมระดับน้ าตาลในเลือดยาก (Brittle Diabetes mellitus) มาก่อน เพื่อให้สอดคล้องหรือ ตอบสนองนโยบายหรือกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้านสาธารณสุข (พ.ศ. 2561 – 2579) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านบริการเป็นเลิศ (Service Excellence) แผนงานที่ 6 การพัฒนาระบบบริการสุขภาพ โครงการที่ 14 พัฒนาระบบบริการสุขภาพสาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง สอดคล้องกับการขับเคลื่อนงานควบคุมโรคไม่ติดต่อจังหวัด จันทบุรี ปีงบประมาณ 2561 ตัวชี้วัดร้อยละการติดตามกลุ่มสงสัยปุวยเบาหวาน และ/หรือโรคความดันโลหิต สูง และสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการพัฒนาสุขภาพ โรงพยาบาลพระปกเกล้าระยะยาว ปี 2562-2566 ยุทธศาสตร์ที่ 4 Excellence โครงการควบคุมโรคและภัยสุขภาพ กิจกรรมพัฒนาคลินิก NCDs ผู้วิจัยเป็นผู้คิด
๒๑ จึง พิจารณาเลือกตัดสินใจ ก าหนดแนวทาง เปูาหมายของการบริการพยาบาลของหน่วยงาน โดยการเลือกใช้ แนวคิด ทฤษฎี องค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการวางระบบบริการพยาบาล ตามแผนพัฒนาบริการสุขภาพ (Service Plan) โดยการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์อย่างเป็นระบบ และตัดสินใจวางแผน วิเคราะห์ วิจัย ตาม หลักวิชาการทางการพยาบาลและแนวคิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลมาใช้สนับสนุนการให้ค าปรึกษา/ ชี้แนะ วางระบบหรือพัฒนาระบบบริการการพยาบาลของหน่วยงาน ความส าเร็จ ความยุ่งยาก หรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้นในระหว่างการวิจัยมีดังนี้ ขั้นเตรียมการ เป็นการค้นหาปัญหา วิเคราะห์ปัญหา ในหน่วยงานจากการประชุมประจ าเดือน ซึ่ง ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ท าให้ได้ปัญหาที่น าไปสู่การค้นหาทางออก โดยกระบวนการท าวิจัย ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรม มีการทบทวนวรรณกรรม ศึกษาแนวคิดทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่ายังมีการศึกษาในผู้ปุวยกลุ่มนี้น้อย และยังไม่มีผู้วิจัยเรื่องนี้ในกลุ่มผู้ปุวย ดังกล่าว ผู้วิจัยจึงน าผลการวิเคราะห์ปัญหาจากหน้างาน มาก าหนดร่างโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแล ผู้ปุวยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ าตาลยาก และน าเสนอที่ประชุมทีมวิจัย R2R ของโรงพยาบาลพระปกเกล้า และปรับแก้และน าเครื่องมือที่สร้างขึ้นไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 5 คนตรวจสอบความถูกต้อง ครอบคลุม ของเนื้อหา (Content Validity) และปรับแก้ตามข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิและประสานทีมสหสาขาวิชาชีพ ได้แก่ นักโภชนาการ เภสัชกร นักกายภาพบ าบัด และพยาบาลจิตเวช เพื่อขอความร่วมมือในการให้ความรู้แก่ ผู้ปุวยซึ่งได้รับค าแนะน าจากผู้ทรงคุณวุฒิในการปรับแก้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและแนวทางปฏิบัติ รวมถึงคู่มือการดูแลผู้ปุวย รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากทีมสหสาขาวิชาชีพเป็นอย่างดี ท าให้โปรแกรมการ สนับสนุนการจัดการดูแลตนเอง สร้างได้ส าเร็จในระยะเวลา 30 วัน ขั้นตอนการน าโปแกรมไปทดลองใช้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับการวินิจฉัย Brittle Diabetes mellitus ในคลินิกมีจ านวนน้อย ร่วมกับบางส่วนมีภาวะแทรกซ้อนไม่สามารถเข้าร่วมโครงการวิจัยได้ กลุ่ม ตัวอย่างบางส่วนเมื่อคัดกรองแล้วพบว่ามีภาวะสมองเสื่อม บางรายขณะเข้าร่วมโครงการประสบอุบัติเหตุ รถจักรยานชน และมีความคิดฆ่าตัวตาย ท าให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่เข้าร่วมโครงการมีเพียง 15 คน โดยได้มาจาก การสุ่มแบบเจาะจง ผลผลิตของงานวิจัยคือคือ โปรแกรม/แนวทาง จากการด าเนินงาน พบว่า ผลงานที่ได้สามารถส่งผลต่อการท างาน ช่วยพัฒนาสมรรถนะบุคลากรด้าน ความรู้และทักษะในการดูแลผู้ปุวย ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม ลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงาน สอดคล้อง กับแผนพัฒนาบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังระดับประเทศ ส่งผลให้กระบวนการ ดูแลและคุณภาพการให้บริการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บุคลากรในหน่วยงานมีคู่มือ/ แนวปฏิบัติที่สามารถใช้เป็น แนวทางในการดูแลผู้ปุวยให้ได้ตามมาตรฐานที่ก าหนด ท าให้ผู้ปุวยหรือผู้รับบริการมีความรู้ มีทักษะการจัดการ ดูแลตนเอง สามารถเจาะระดับน้ าตาลในเลือดด้วยตนเอง และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นด้วยตนเองเมื่อมีภาวะ ผิดปกติ โดยบุคลากรด้านสาธารณสุขมีบทบาทในการกระตุ้นให้ผู้ปุวยเกิดแรงจูงใจน าไปสู่การปฏิบัติ ได้แก่ การ ติดตามตนเอง การประเมินตนเอง และการเสริมแรง (Kanfer, 1991) เน้นการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่องร่วมกับ ทีมสหสาขาวิชาชีพ ผู้ปุวยและครอบครัว ส่งผลให้สามารถลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน มีระดับน้ าตาลสะสม ลดลง และไม่ต้องเข้ารับการรักษาซ้ าในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่าย ส่งผลให้คุณภาพชีวิตของผู้ปุวยและ ครอบครัวดีขึ้น
๒๒ 10. อิสระในการท างาน ค าตอบ เลือก คะแนน 1. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะงานอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่มีอิสระในปฏิบัติงานภายใต้การแนะน าก ากับ และตรวจสอบของ ผู้บังคับบัญชาที่ต่ ากว่าระดับส านัก/กอง 1 2. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะงานอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่มีอิสระในปฏิบัติงานภายใต้การแนะน าก ากับ และตรวจสอบของ ผู้บังคับบัญชาที่ต่ ากว่าระดับส านัก/กองตามสมควร 2 3. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะงานอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่มีอิสระในปฏิบัติงานภายใต้การแนะน าก ากับ และตรวจสอบของ ผู้อ านวยการส านัก/กอง 3 4. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะงานอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่มีอิสระในปฏิบัติงานโดยอาจต้องรายงานผลสัมฤทธิ์หรือขอค าปรึกษา ผู้อ านวยการส านัก/กองตามสมควร √ 4 5. เป็นงานวิจัยและพัฒนาหรืองานลักษณะงานอื่นที่มีคุณค่าเทียบได้กับลักษณะ งานวิจัยที่มีอิสระในปฏิบัติงานภายใต้นโยบายของกรมโดยอาจต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ หรือขอค าปรึกษาหัวหน้าส่วนราชการระดับกรมตามสมควร 5 เหตุผล : ต าแหน่งงานนี้ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบคลินิกโรคเรื้อรัง และมีบทบาทอิสระในการด าเนินงาน ภายใต้การก ากับของ หัวหน้าพยาบาล ผู้อ านวยการโรงพยาบาลพระปกเกล้า รายงานผลสัมฤทธิ์กับนายแพทย์ สาธารณสุขจังหวัดจันทบุรีรายงานผลสัมฤทธิ์ต่อผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ ๖ และน าเสนอเป็นภาพรวมการ ด าเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อน าข้อมูลมาใช้ในการวางแผนการพัฒนาระบบบริการพยาบาลในปี ต่อๆ ไป รวมทั้งสามารถต่อยอดท าการศึกษาวิจัยในปัญหาที่เกี่ยวข้องได้โดยอิสระ ภายใต้ความสอดคล้องด้าน ยุทธศาสตร์และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD) ของ กระทรวงสาธารณสุขตามบริบทพื้นที่ เพื่อลดภาวะเสี่ยง และควบคุมภาวะเจ็บปุวยได้ดี ชะลอการเกิด ภาวะแทรกซ้อนได้อย่างทั่วถึง และสนับสนุนให้ผู้ปุวยสามารถจัดการภาวะสุขภาพของตนเองได้ การศึกษาวิจัย เรื่อง ประสิทธิผลของโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองในผู้ปุวยเบาหวานชนิด ควบคุมระดับน้ าตาลยาก ในคลินิกโรคเรื้อรัง โรงพยาบาลพระปกเกล้า มีขั้นตอนและกระบวนการย่อย ๆ ในการ ด าเนินการซึ่งมีอิสระในการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย บริหารจัดการทุกส่วนโดยขอค าปรึกษาจากอายุรแพทย์และ อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อ ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานของโรงพยาบาลพระปกเกล้า และอาจารย์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวาน วิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า พยาบาลที่ปฏิบัติงานเป็นพยาบาลผู้จัดการ เบาหวานและความดันโลหิตสูง โดยมี แพทย์หญิงวราภรณ์ พลเมือง นายแพทย์นวรัฐ เพ็งผ่อง ดร. ธัสมน นามวงษ์ นางสาวสโรชา เงินมาก และนางสาวพรทิพย์ สุขอดิศัย เป็นที่ปรึกษาในการจัดท าโปรแกรมสนับสนุนการจัดการดูแล ตนเอง และคู่มือการดูแลผู้ปุวยเบาหวาน รวมทั้งมีการรายงานผลการน าไปใช้เพื่อน าไปพัฒนาต่อเนื่อง โดยมีขั้นตอน การวิจัยดังนี้ 1) ขั้นตอนการออกแบบการวิจัย ได้ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒินายแพทย์นวรัฐ ผ่องเพ็ง และแพทย์หญิง วราภรณ์ พลเมือง อายุรแพทย์และอายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อ ที่เชี่ยวชาญการดูแลผู้ปุวยโรคเบาหวาน ในการ
๒๓ ออกแบบโปรแกรมการวิจัย และการเลือกกลุ่มตัวอย่างที่ทดลองใช้โปรแกรม 2) ขั้นตอนการสร้าง/พัฒนาโปรแกรม ได้ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒินายแพทย์นวรัฐ ผ่องเพ็ง และแพทย์หญิงวราภรณ์ พลเมือง และ ดร.ธัสมน นามวงษ์ อาจารย์ พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน ในการตรวจสอบความถูกต้อง ครอบคลุมของเนื้อหา และน ามาปรับปรุงแก้ไข ให้โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการดูแลตนเองมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น 3) ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือการวิจัย/ การ สร้างคู่มือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวมรวมข้อมูล และคู่มือการดูแลผู้ปุวยเบาหวานเป็นเครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น โดยได้มาจากการทบทวนวรรณกรรม และผลงานที่เกี่ยวข้อง น ามาบูรณาการโดยอ้างอิงเนื้อหาและทฤษฎีทางการ พยาบาลที่เกี่ยวข้อง โดยได้ปรึกษากับ ดร.ธัสมน นามวงษ์ อาจารย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน นางสาว สโรชา เงินมาก พยาบาลผู้จัดการรายกรณีโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ตรวจสอบความถูกต้อง ครอบคลุมของ เนื้อหา และน ามาปรับปรุงแก้ไข จากนั้นน าเครื่องมือทั้งหมดที่สร้างขึ้นไปให้ผู้ทรงคุณวุฒิ จ านวน 5 คนตรวจสอบ ความถูกต้อง ครอบคลุมของเนื้อหา (Content Validity)อีกครั้ง ในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยเสนอโครงร่างวิจัยต่อคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยของโรงพยาบาล พระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรีเลขที่ CTIREC 058/62 (ตามเอกสารแนบ หน้า 41) และด าเนินการขอรับการ สนับสนุนงบประมาณจากทีมวิจัยของโรงพยาบาล เป็นจ านวนเงิน 18,525 บาท ซึ่งเป็นข้อก าหนดของโรงพยาบาล ว่าจะต้องมีการจัดท าผังก ากับงาน และต้องรายงานผลสัมฤทธิ์ ตามผังก ากับงานต่อผู้อ านวยการโรงพยาบาล พระปกเกล้า ตามระยะเวลาที่ก าหนด นอกจากนี้ยังมีการรายงานผลการด าเนินงานที่ส่งผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของ กระทรวงสาธารณสุข ผ่านคลังข้อมูลสุขภาพ Health Data Center (HDC)ซึ่งแนวทางการสนับสนุนการจัดการดูแล ผู้ปุวยเบาหวานชนิดควบคุมระดับน้ าตาลยากนี้ ผู้วิจัยมีอิสระในการบริหารจัดการทุกขั้นตอน ภายใต้กรอบหลัก วิชาการ มีการค้นคว้าเอกสารและหลักฐานเชิงประจักษ์ ทบทวนวรรณกรรม และประสบการณ์ในบทบาทพยาบาล ผู้จัดการรายกรณี ตลอดระยะเวลา 8 ปี มีอิสระในการปฏิบัติงานภายใต้นโยบายของส านักงานปลัดกระทรวง สาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข
๒๔ เอกสารอ้างอิง กองยุทธศาสตร์และแผนงานส านักปลัดกระทรวงสาธารณสุข. (2560). รายละเอียดตัวชี้วัดกระทรวง สาธารณสุข ประจ าปีงบประมาณ 2561. เข้าถึงข้อมูลได้จาก: http://bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/files/KPI_2561_edit3_.pdf กระทรวงสาธารณสุข. (2560). กฎกระทรวง.สืบค้นข้อมูลจาก เว็บไซด์ราชกิจจานุเบกษา ราชกิจจานุเบกษา 14 มิถุนายน 2560, เล่ม 134 ตอนที่ 64 ก หน้า 5-13. ชัชวาล อรวงศ์ศุภทัต. (2555). การท างานให้มีประสิทธิภาพด้วย PDCA. เข้าถึงได้จาก www.ktbgslife.kgs.co.th โรงพยาบาลพระปกเกล้า. (2562). แผนยุทธศาสตร์กลุ่มการพยาบาล โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปี 2562-2565. เข้าถึงข้อมูลได้จาก:https://172.16.77.254/nurse/nurse2016/c_strategy.php โรงพยาบาลพระปกเกล้า. (2562). แผนยุทธศาสตร์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า ปี 2562-2565. เข้าถึงข้อมูลได้จาก: https://drive.google.com/file/d/1ya-i1D7DXRmtiSqqU1 LklQLUPOFLNFUp/view Jitapunkul, S., Lailert, C., & Worakul, P. (1996). Chula Mental Test: A screening test for elderly people in less developed countries. Journal of Geriatric Psychiatry, 11, 715-720. Kanfer, F. (1991). Self-managrment methods. In F. Kanfer & A. Goldstein (Eds) Helping people change: A texbook of method (4 th ed) (pp305-352). New York: Pergamon Press.
ภาคผนวก
26 ภาคผนวกก ค าสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพงานการพยาบาล
27
28
29 ภาคผนวก ข หนังสือขอใช้เครื่องมือ
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40 ภาคผนวก ค หนังสือรับรองการพิจารณาจริยธรรมวิจัยในมนุษย์ จังหวัดจันทบุรี/เขตสุขภาพที่ 6
41
42 ภาคผนวก ง ผลงานวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
43
44
45
46 ภาคผนวก จ งานรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาอื่น ที่นอกเหนือจากการท าวิจัย
47
48
49