1
2
คู่มือครู
การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ
“อาชีพในฝันทฉี่ ันอยากเป็น”
จดั ทาโดย
นางสาวภาณมุ าส เกดิ มาลยั รหสั ๖๒๑๒๖๑๐๐๑๗
นายธีภพ เสือคารณ รหัส ๖๒๑๒๖๑๐๐๑๙
นางสาวกชกร ศริ ิหล้า รหสั ๖๒๑๒๖๑๐๐๒๒
นางสาวนฤมล เอีย่ มเขียว รหสั ๖๒๑๒๖๑๐๐๒๓
นางสาวกชพรรณ ณ สงขลา รหสั ๖๒๑๒๖๑๐๐๒๕
เสนอ
รองศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณี ยหะกร
รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนึง่ ของรายวชิ า
TTH6226 การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ
สาขาการสอนภาษาไทย คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคาแหง
ก3
คำนำ
คู่มือครู หน่วยการเรียนรู้เร่ือง “อาชีพในฝันท่ีฉันอยากเป็น” จัดทาเพื่อใช้เป็นแนวทางคู่มือ
ประกอบการเรียนการสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ โดยคู่มือเล่มน้ีประกอบไปด้วย ข้อมูล
เบื้องต้นเก่ียวกับผู้เรียน หลักการสอน และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ สื่อ เอกสาร
ประกอบการสอน แบบฝึกหัด แบบทดสอบ พร้อมเฉลย แบบประเมิน เพอื่ ใหผ้ ู้สนใจสามามารถนาไปศึกษา
และนาไปใช้เพอื่ เป็นแนวทางในการจัดการเรยี นการสอน
คณะผู้จดั ทาหวังเป็นอย่างยิง่ ว่าคู่มอื ครู หนว่ ยการเรียนรู้เรื่อง “อาชีพในฝนั ทฉ่ี ันอยากเป็น” เล่มนี้
จะเปน็ ประโยชนต์ ่อครูผสู้ อนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศได้เปน็ อยา่ งดี
สดุ ท้ายน้ีคณะผจู้ ัดทาขอขอบพระคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุวรรณี ยหะกร ที่กรุณาให้คาปรึกษา
แนะนา และขอ้ เสนอแนะในการจัดทาคู่มือเล่มน้ใี ห้สาเร็จด้วยดี
คณะผ้จู ดั ทำ
4 หนำ้
ก
สำรบญั ๑
๑
เรอ่ื ง ๕
คานา ๙
คาช้แี จงการใช้คมู่ ือครู ๑๑
หลกั การสอน และการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ๑๒
วิธีสอนแบบฟัง พูด Audio- lingual method ๒๐
วธิ ีการจดั กิจกรรมแบบ Active learning ๒๘
แผนการจัดการเรยี นรู้ ๓๖
๔๓
หนว่ ยที่ 1 ฉนั คอื ใคร ๔๔
หน่วยที่ 2 จับคู่รอู้ าชพี ๔๕
หน่วยที่ 3 อาชพี ในฝันของฉันน่ันไง! ๕๑
แบบทดสอบ ๕๘
บรรณานกุ รม ๗๐
บรรณานุกรมรูปภาพ ๘๕
ภาคผนวก
แบบฝึกทกั ษะ
เกมและส่ือประกอบ
นิทาน
ประวัตคิ ณะผจู้ ัดทาและหนา้ ท่รี ับผิดชอบ
51
คาชแ้ี จง
62
คำชีจแ้ จงใชี้คู่มอื
คมู่ อื เล่มน้ี ช่ือหนว่ ยการเรียนรู้ “อาชพี ในฝนั ทีฉ่ นั อยากเปน็ ” เป็นหนังสือแบบเรียนทจ่ี ัดทาขน้ึ เพ่ือ
เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ โดยใช้วิธีสอนแบบฟัง -พูด
(Audio-Lingual Method) และการจัดการเรียนรู้แบบ Active learning สาหรับผู้สอนท่ีจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ให้แกผ่ ้เู รียนอายุระหวา่ ง 6 - 9 ปี หรือผู้ท่ีมีความสนใจในการเรียนภาษาไทยเปน็ ภาษาที่สอง
หนว่ ยการเรยี นรูเ้ ร่ือง “อาชพี ในฝันท่ีฉนั อยากเป็น” เน้นทักษะการฟงั และการพดู เปน็ หลัก ฉะนั้น
ผ้สู อนจะต้องมีความรู้และความเข้าใจในหลักการสอน วิธีสอนแบบฟัง-พูด (Audio-Lingual Method) และ
รูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ การจดั การเรียนรแู้ บบ Active learning เพื่อสามารถในการจัดกิจกรรมได้ตรง
จุดประสงคต์ ามไวท้ ่กี าหนด
องค์ประกอบภำยในค่มู ือ
คมู่ ือครูเลม่ นี้ ประกอบดว้ ย
๑. ขอ้ มูลเก่ียวกับผู้เรียน หลกั การสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
๒. วธิ ีสอนแบบฟงั -พูด (Audio-Lingual Method) เป็นการนาเสนอหลักการ วธิ ีสอน ข้อดแี ละ
ข้อจากัด ใหผ้ ู้สอนไดท้ าความเขา้ ใจและนาไปใช้ในการจดั การเรียนรู้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
๓. วธิ สี อนแบบการจดั การเรยี นรู้แบบ Active learning
๔. แผนการจดั การเรียนรู้ จานวน 3 แผน
๕. ส่ือการเรยี นรู้
๖. แบบฝึกหดั
๗. แบบทดสอบการฟัง
๘. แบบทดสอบการพูด
๙. แบบประเมนิ การฟัง
๑๐.ภาคผนวก
73
การจดั การเรียนการสอน
การจัดการเรียนการสอนในรูปแบบของแผนการจัดการเรียนการสอนการจัดการเรียนรู้นั้นแบ่งเป็น
๓ ตอนได้แก่
ตอนที่ ๑ ฉนั คอื ใคร
ตอนท่ี ๒ จบั ครู่ ู้อาชีพ
ตอนท่ี ๓ อาชพี ในฝันของฉนั นั่นไง
การจัดการเรียนการสอนผู้สอนจะต้องสอนไปตามแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อไม่ให้ผู้เรียนเกิดความ
สับสน จะตอ้ งให้มกี ารทบทวนคาศพั ท์อยู่เสมอ ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กบั ผู้เรยี น และให้ผู้เรียนเกิดความ
เข้าใจท่ถี กู ต้อง
การจัดการเรียนการสอนนั้นผู้สอนจะต้องดาเนินการสอนแบบช้า ๆ หากผู้เรียนเกิดการสงสัยหรือไม่
เข้าใจคาศัพท์ให้ผ้สู อนแสดงกิริยาทา่ ทางประกอบได้เพอ่ื สร้างความเข้าใจให้กับผู้เรยี น
กลวิธีการสอนแบบวิธีฟัง - พูด (Audio – Lingual Method) เป็นวิธีที่เน้นทักษะพูด และฟังโดยให้
ลักษณะสาคัญของทักษะพูด และทักษะฟัง เป็นทักษะท่ีต้องพัฒนาก่อนทักษะอ่านและเขียน ดังน้ันต้อง
ฝึกฝนรูปแบบของภาษาแบบบทสนทนาเกี่ยวกับสถานการณ์ตา่ ง ๆ จะทาให้ผู้เรียนใช้ภาษาไดโ้ ดยอัตโนมัติ
โดยเน้นไปที่การฟังและการพดู โดยผูเ้ รยี นลอกเลียนแบบจากผู้สอนและสามารถเปล่ียนแปลงประโยคได้ตาม
สถานการณ์
84
การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศ
95
การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาตา่ งประเทศ
หลกั กำรสอน : วธิ ้สอนจบบฟัง - พดู (Audio – Lingual Method)
การสอนภาษาไทยในฐานะภาษาต่างประเทศฉบับนีเ้ ปน็ การสอนการเรียนร้ใู นหน่วย
“อาชีพในฝันที่ฉันอยากเป็น” ซึ่งเน้นการสอนแบบฟัง - พูด (Audio – Lingual Method) เป็นวิธีท่ีเน้น
ทักษะพูดและฟังโดยใหล้ ักษณะสาคญั ของวิธีสอนไว้ ดังนี้ ทักษะพดู และทักษะฟังเป็นทักษะทต่ี ้องพัฒนาก่อน
ทกั ษะอ่านและเขยี น ดังนนั้ การฝึกฝนรปู แบบบทสนทนาเกย่ี วกบั สถานการณ์ต่าง ๆ จะทาให้ผู้ใช้ภาษาได้โดย
อัตโนมัติ โดยเน้นไปท่ีการฟังและการพูดโดยผู้เรียนลอกเลียนแบบจากผู้สอนและสามารถเปลี่ยนแปลง
ประโยคไดต้ ามสถานการณ์
การสอนวิธีนี้มีชื่อเรียกหลายแบบ เช่น Oral – Aural Method และ Oral Linguistic
method แต่ในปัจจุบันนยิ มเรียกว่า Audio – Lingual Method การสอนวิธีนย้ี ึดทฤษฎีว่า ภาษาทุกภาษา
ในโลกย่อมมรี ะบบเสยี ง โครงสร้าง (ไวยากรณ์) และความหมายเปน็ ของตนโดยเฉพาะ และยึดหลักจิตวิทยา
การเรียนรู้แบบศึกษาพฤติกรรม (behaviorism) ซ่ึงเช่ือว่าภาษาน้ันเป็นพฤติกรร เม่ือผู้เรียนมีส่ิงเร้าซึ่ง
เกิดขึ้นโดยการท่ีครูเป้นผู้ให้แบบอย่างทางภาษาโดยการพูดหรือเขียน เม่ือผู้เรียนฟังหรืออ่านแล้วก็มี
พฤตกิ รรมตอบสนองโดยการพดู หรือเขียน ตลอดเวลาผู้สอนและผู้เรียนจะมีพฤติกรรมตอบโต้สมั พนั ธก์ ัน คือ
ครปู ระเมนิ ผลโดยการพจิ ารณาจากการตอบสนองของนักเรยี น ประเมนิ คา่ แล้วให้การฝึกอย่างหนกั หน่วงเป็น
การเสริมแรง (reinforcement) โดยการใช้วิธีการฝึกโครงสร้าง (pattern) ซ้า ๆ กันหยายคร้ัง เพ่ือให้
นักเรียนสามารถใชภ้ าษาไดอ้ ยา่ งอัตโนมัติ
กลวธิ ้ในกำรฝึก
การสอนภาษาแบบฟัง - พูด เน้นในการฝึกฟังและพดู แล้วจงึ จะถึงขั้นอา่ นและเขยี น การ
ฝึกนี้มหี ลักสาหรบั การฝกึ คอื
160
กำรเลย้ นจบบ
เป็นขั้นเริ่มแรกของการเรียนภาษา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกในการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน นักเรียน
ย่อมจะเริ่มต้นจากเลียนแบบทั้งนั้น เช่น เม่ือจะสอนให้เด็กมีทักษะในการฟัง ครูจะต้องพูดให้นักเรียนให้
เข้าใจ ในการสอนทักษะในการพูด ครูก็ต้องพูดให้นักเรียนพูดเลียนแบบ ในการอา่ นและเขียน ครูจะต้องทา
ใหด้ ูเปน็ แบบอยา่ ง ด้วยเหตนุ ี้ ครูจะตอ้ งให้แบบทถี่ กู ต้องแก่นักเรียน มฉิ ะนนั้ นักเรียนก็จะทาให้ลาบากในการ
แก้ไขในตอนหลงั การสอนภาษาต้องอาศัยการเลียนแบบ เพราะภาษาแต่ละภาษานั้นมีลักษณะของตนเอง
นักเรยี นจะตอ้ งไดร้ บั การฝึกใหเ้ ลยี นแบบลกั ษณะน้ัน ๆ ในภาษาอังกฤษ เพอ่ื ให้เกิดความจดจาสือ่ ความหมาย
ดว้ ยการใช้ภาษาองั กฤษอย่างแท้จริง มีใช่ใช้ภาษอังกฤษในรูปประโยคภาษาไทย ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจาก
ภาษาอังกฤษเปน็ อันมาก
กำรฝึกซำแ จละทบทวน
เม่ือนกั เรียนสามารถจะเลียนแบบได้อย่างถูกต้องแล้ว ครูผู้สอนจะต้องฝึกนักเรียนต่อไป เพื่อความ
แม่นยาและคล่องแคลว่ ชานาญ ไมว่ ่าจะเป็นการสอนเสียง ศัพท์ หรอื โครงสร้างการทาซ้า ๆ บ่อย ๆ นั้นจะทา
ให้เกิดความเคยชินขึ้นเม่ือถึงเวลาท่ีต้องการใช้ก็จะใช้ได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลานึกทบทวน การฝึกซ้าและ
ทบทวนน้ีมคี วามสาคญั ตอ่ การสอนภาษา เฉพาะ
ก. ความเคยชินทางภาษาจะเกดิ ขึ้นดว้ ยการเสรมิ แรง (re - inforcement)
ข. ความแม่นยาจาเกิดข้ึนโดยการฝึกภาษาที่ถูกต้องเสมอ ไม่เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นใช้ภาษาอยา่ งไม่
ถกู ตอ้ ง
ค. ภาษาเป็นพฤติกรรมและจะเรียนรู้ด้วยการทาพฤติกรรมนั้น ๆ โดยตรงเช่น ถ้าต้องการให้เกิด
ทักษะในการพดู ก็ตอ้ งฝกึ พดู ซา้ ๆ มใิ ช่ใช้ทกั ษะอื่น เช่น ฝึกทักษะอา่ นเพ่อื ให้เกดิ ทกั ษะพูด
171
ขัแนของกำรสอนจบบฟัง – พดู
ขแันท้่ ๑ ให้ผู้ฟังบทสนทนาใหม่ที่นามาอ่านให้ฟังหรือฟังจากเทปบันทึกเสียงของผู้พูดที่เป็น
แบบอย่างและพยายามจาบทสนทนาน้นั ให้ได้
ขัแนท้่ ๒ ให้ผ้เู รียนพดู ตามทีละประโยคและพูดซ้าหลาย ๆ ครง้ั
ขแันท้่ ๓ ผู้สอนนาประโยคท่ีเป็นปัญหามาฝกึ โดยอาจจะใช้วิธีการฝึกส่วนย่อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพ่ิม
สว่ นของประโยค จนทาให้ผ้เู รยี นสามารถพดู ประโยคนัน้ ได้
ขนแั ท้่ ๔ ผูเ้ รียนฝกึ โตต้ อบสนทนาพร้อมกันทัง้ หอ้ งเปน็ กลุ่มเลก็ กลุม่ ใหญ่
ขแนั ท้่ ๕ ให้ผู้เรียนโตต้ อบบทสนทนาน้ันโดยดดั แปลงให้เขา้ กับเหตุการณข์ องผู้เรยี น
ขอ้ มลู เก่้ยวกบั ผู้เรย้ น
ชีำตพิ ันธุ์ ของชีำวอังกฤษ
อังกฤษ หรือในอดีตเรียกว่า แคว้นอังกฤษ เป็นประเทศอันเป็นส่วนหนึ่งของสหราช
อาณาจักร มีพรมแดนทางบกติดต่อกับสกอตแลนด์ทางเหนือ และเวลส์ทางตะวันตก ทะเลไอร์แลนด์ทาง
ตะวันตกเฉียงเหนือ ทะเลเคลตกิ ทางตะวนั ตกเฉียงใต้ ทะเลเหนือทางตะวนั ออก และชอ่ งแคบอังกฤษซงึ่ ค่ัน
ระหว่างอังกฤษกับยุโรปแผ่นดินใหญ่ พ้ืนที่ประเทศอังกฤษส่วนใหญ่ต้ังอยู่ทางตอนกลางและตอนใต้ของ
เกาะบริเตนใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ประเทศอังกฤษยังรวมถึงเกาะที่เล็กกว่าอีกกว่า 100 เกาะ
เชน่ หมู่เกาะซิลลแี ละเกาะไวต์
สหราชอาณาจักรเปน็ ประเทศพัฒนาแลว้ และมเี ศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับท่ี 7 ของโลก ตาม
ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ณ ราคาตลาด และเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ตามความ
เทา่ เทียมของอานาจซ้อื สหราชอาณาจกั รเป็นประเทศอุตสาหกรรมประเทศแรกในโลก และเป็นมหาอานาจ
อันดับหน่ึงของโลกระหว่างคริสต์ศตวรรษท่ี 19 และต้นคริสต์ศตวรรษท่ี 20 สหราชอาณาจักรยังถูกกล่าว
ขานว่าเป็นมหาอานาจและยังมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ทหาร วิทยาศาสตร์และการเมืองระหว่าง
ประเทศค่อนขา้ งมากอยู่
128
วัฒนธรรม
สหราชอาณาจกั ร ประกอบด้วย อังกฤษ สกอ็ ตแลนด์ เวลส์ รวมถึงไอรแ์ ลนด์เหนอื ซึง่ แตล่ ะประเทศ
ก็จะมปี ระวตั ิศาสตรแ์ ละความเป็นตัวตนของตวั เอง แตโ่ ดยส่วนใหญ่ก็จะมคี วามคลา้ ยคลึงอยใู่ นน้ัน สหราช
อาณาจักรมีประชากรที่หลากหลายท่ีประกอบด้วยวัฒนธรรมท่ีต่างกัน ผู้คนท่ีอาศัยอยู่ท่ีน่ีมีวัฒนธรรม มี
ความเป็นมาและความเช่อื ที่แตกต่าง แตก่ ารอยู่ร่วมกันไดอ้ ยา่ งอสิ ระ กเ็ ป็นตวั สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดการซมึ ซับความ
หลากหลายนใ้ี หเ้ ข้าด้วยกนั ไดอ้ ย่างลงตัว
การเป็นตัวของตัวเองในสหราชอาณาจักร เกิดจากการสนับสนุนและการสอน นักเรียนส่วนใหญ่ที่
เริม่ ตน้ ชีวติ ทน่ี ่ี จะหาช่องทางในการแสดงออกความเป็นตัวตนออกมาทั้งในและนอกหอ้ งเรยี นเสมอ การตั้ง
คาถามว่าคุณกาลังเรียนอะไร การเชือ่ มั่นในตวั เอง และการแสดงออกถงึ ความคดิ เห็นของคุณ เป็นทยี่ อมรับ
ในการศกึ ษาของสหราชอาณาจกั ร
ภาษา
เปน็ ภาษาในกลมุ่ ภาษาเจอรแ์ มนกิ ตะวันตกทใี่ ช้ครง้ั แรกในอังกฤษสมัยต้นยคุ กลาง และปจั จุบันเป็น
ภาษาท่ีใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก ประชากรส่วนใหญ่ในหลายประเทศ รวมทั้ง สหราชอาณาจักร
สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และประเทศในแคริบเบียน พูดภาษาองั กฤษเป็น
ภาษาท่ีหนึ่ง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ท่ีมีผู้พูดมากท่ีสุดเป็นอนั ดบั สามของโลก รองจากภาษาจีนกลางและ
ภาษาสเปน มักมีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างกว้างขวาง และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
ของสหภาพยุโรป หลายประเทศเครือจักรภพแหง่ ชาติ และสหประชาชาติ ตลอดจนองค์การระดบั โลกหลาย
องค์การ
บางครั้งมผี ู้อธิบายว่าเป็นภาษากลางภาษาแรกของโลก เป็นภาษาที่ใช้กันมากท่สี ุดหรือในบางกรณี
เป็นภาษาระหว่างประเทศที่ต้องใช้ในการส่ือสาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ธุรกิจ การเดินเรือ
การบนิ การบนั เทงิ วทิ ยุและการทูต
193
วิธ้กำรจัดกิจกรรมจบบ Active
learning
Active Learning เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา
(Constructivism) ที่เนน้ กระบวนการเรียนรู้มากกวา่ เน้ือหาวิชา เพ่ือช่วยใหผ้ ู้เรยี นสามารถเช่ือมโยงความรู้
หรือสร้างความรู้ให้เกิดข้ึนในตนเอง ด้วยการลงมือปฏิบัติจริงผ่านส่ือหรือกิจกรรมการเรียนรู้ ที่มีครูผู้สอน
เป็นผู้แนะนา กระตุ้น หรืออานวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้น โดยกระบวนการคิดข้ันสูง
กลา่ วคือ ผู้เรียนมกี ารวิเคราะห์ สงั เคราะห์ และการประเมินคา่ จากสิ่งทไี่ ดร้ ับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทาให้
ก า ร เ รี ย น รู้ เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง มี ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ น า ไ ป ใ ช้ ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ อื่ น ๆ ไ ด้ อ ย่ า ง มี
ประสทิ ธภิ าพ (สถาพร พฤฑฒกิ ลุ , 2558)
ลักษณะของการจดั การเรียนการสอนแบบ Active Learning เป็นดังนี้ (ไชยยศ เรอื งสุวรรณ, 2553)
1. เป็นการเรียนการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ได้แก่ การคิด การแก้ปัญหา และการนา
ความรูไ้ ปประยกุ ต์ใช้
2. เปน็ การเรียนการสอนทเี่ ปิดโอกาสใหผ้ ู้เรียนมสี ว่ นร่วมในกระบวนการเรยี นรสู้ งู สุด
3. ผเู้ รยี นสร้างองค์ความร้แู ละจัดกระบวนการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง
4. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอนท้ังในด้านการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏิสัมพันธ์
ร่วมกนั รว่ มมอื กนั มากกว่าการแข่งขนั
5. ผู้เรียนเรียนรู้ความรับผิดชอบร่วมกัน การมีวินัยในการทางาน และการแบ่งหน้าท่ีความ
รับผิดชอบ
6. เป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ใหผ้ ู้เรียนอา่ น พูด ฟัง คิดอยา่ งลมุ่ ลกึ ผเู้ รียนจะเป็นผู้จัดระบบ
การเรียนรดู้ ้วยตนเอง
7. เปน็ กิจกรรมการเรียนการสอนทเี่ น้นทกั ษะการคดิ ขนั้ สูง
8. เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูลข่าวสาร หรือสารสนเทศ และหลักการ
ความคดิ รวบยอด
9. ผสู้ อนจะเปน็ ผู้อานวยความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้ เพ่ือให้ผู้เรียนเป็นผปู้ ฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง
10. ความรูเ้ กดิ จากประสบการณ์ การสร้างองค์ความรู้ และการสรุปทบทวนของผูเ้ รียน
บทบาทของ อาจาร ย์ผู้สอน ใน ก าร จัดกิจก ร ร มก าร เรียน รู้ตามแน ว ทา ง ขอ ง Active
Learning ดังน้ี (ณชั นนั แกว้ ชัยเจริญกิจ, 2550) จดั ให้ผู้เรียนเปน็ ศนู ย์กลางของการเรยี นการสอน กจิ กรรม
ตอ้ งสะท้อนความตอ้ งการในการพฒั นาผูเ้ รียนและเนน้ การนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ จริงของผู้เรยี น
1140
1. สร้างบรรยากาศของการมีสว่ นรว่ ม และการเจรจาโต้ตอบท่สี ง่ เสรมิ ใหผ้ ู้เรียนมปี ฏิสัมพนั ธท์ ด่ี ี
กับผสู้ อนและเพอื่ นในชัน้ เรยี น
2. จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้เปน็ พลวตั ส่งเสริมให้ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในทุกกิจกรรมรวมทง้ั
กระตนุ้ ให้ผเู้ รียนประสบความสาเรจ็ ในการเรียนรู้
3. จัดสภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือ สง่ เสริมใหเ้ กดิ การรว่ มมอื ในกล่มุ ผู้เรียน
4. จดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และใหโ้ อกาสผูเ้ รยี นได้รบั วธิ กี ารสอนท่ีหลากหลาย
5. วางแผนเกีย่ วกบั เวลาในจัดการเรียนการสอนอย่างชดั เจน ทง้ั ในสว่ นของเนอ้ื หา และกิจกรรม
6. ครผู สู้ อนต้องใจกว้าง ยอมรบั ในความสามารถในการแสดงออก และความคิดเของที่ผู้เรียน
1151
จผนกำรจดั กำรเร้ยนรู้
๑12๒
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 กลมุ่ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย
รายวชิ า ภาษาไทย ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1
ชื่อหนว่ ยอาชีพในฝันทีฉ่ นั อยากเปน็ เร่ือง ฉนั คือใคร จานวนคาบ 2 คาบ
*************************************************************************************************
1. ผลการเรียนรู้
1. นกั เรยี นออกเสียงช่อื อาชพี ต่าง ๆ ได้
2. นักเรยี นนาคาศพั ท์มาใช้ในการสือ่ สารได้
2. ความคิดรวบยอดหลัก
ปัจจุบันกระบวนการสื่อสารในชีวิตประจาวันได้พัฒนาวิธีการสื่อสารข้ึนหลากหลายรูปแบบตาม
ความเจริญทางเทคโนโลยีในยุคโลกาภิวัตน์ เช่น โทรศัพท์ และระบบอินเทอร์เน็ต การสื่อสารด้วยการพูด
ตอ้ งใช้เสยี งเป็นส่ือในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ และความรู้สึกด้านตา่ ง ๆ จากบคุ คลหน่ึงไปยงั อกี บคุ คล
หนึ่ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ดังนั้นการออกเสียงจึงควรคานึงถึงความถูกต้องและความชัดเจนเป็น
สาคญั เพ่ือชว่ ยให้การสือ่ สารนน้ั บรรลุตามวตั ถุประสงค์
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 การออกเสยี งเพ่อื การสอ่ื สาร
ปัจจุบันกระบวนการสื่อสารในชีวิตประจาวันได้พัฒนาวิธีการสื่อสารขึ้นหลากหลายรูปแบบตาม
ความเจริญทางเทคโนโลยีในยุคโลกาภิวัตน์ เช่น โทรศัพท์ และระบบอินเทอร์เน็ต การสื่อสารด้วยการพูด
ตอ้ งใชเ้ สียงเป็นส่ือในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ และความรู้สกึ ด้านต่าง ๆ จากบคุ คลหนึ่งไปยังอีกบุคคล
หน่ึง เพ่ือให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ดังนั้นการออกเสียงจึงควรคานึงถึงความถูกต้องและความชัดเจนเป็น
สาคัญ เพ่อื ชว่ ยให้การส่อื สารนั้นบรรลุตามวตั ถปุ ระสงค์
3.2 การออกเสยี งภาษาไทย
เสียงในภาษาไทยประกอบด้วย เสียงพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ หน่วยเสียงท้ังสามน้ีประกอบ
กนั เป็นพยางค์ ซึ่งหมายถึงเสียงที่เปลง่ ออกมาแตล่ ะครัง้ หากมีความหมายก็จะกลายเป็นคา คาในภาษาไทย
อาจเป็นคาพยางค์เดียวหรือหลายพยางค์ก็ได้ คาในภาษาไทยบางคามีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง โดยมิ
ตอ้ งประกอบกับคาอื่น ๆ ถ้าผสู้ ่อื สารออกเสียงถกู ต้องกจ็ ะทาใหก้ ารส่ือสารมปี ระสทิ ธภิ าพมากขึ้น
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน ๑1๓3
สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน รายละเอียด
ความสามารถในการสอื่ สาร นักเรียนสามารถพูดสื่อสารตอบคาถามเร่ืองอาชีพ
ได้
ความสามารถในการคดิ สามารถเรยี งลาดับการคดิ ระหวา่ งทากิจกรรม
ความสามารถในการแก้ปัญหา
ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ ให้ความรว่ มมอื ในการทากิจกรรม
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ทกั ษะการจัดการ
5. จุดประสงค์การเรียนรู้
5.1 ด้านความรู้
- นักเรยี นสามารถเข้าใจชอ่ื อาชีพของประเทศไทยได้
5.2 ด้านทกั ษะ / กระบวนการ
- นกั เรียนสามารถออกเสยี งช่ืออาชพี เปน็ ภาษาไทยได้
5.3 ด้านเจตคติ
- นักเรยี นเห็นความสาคญั ของการออกเสียงภาษาไทย
5.4 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของนักเรยี น
คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ของนกั เรยี น
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ มุ่งม่นั การทางาน
ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต รักความเปน็ ไทย
มีวนิ ัย มีจติ สาธารณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ ทกั ษะการจัดการ
อยู่อย่างพอเพียง ส่ือสารเป็นสากล
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
6.1 คาบที่ 1
ขน้ั นา
1. นกั เรียนกล่าวคาทกั ทายครเู ป็นภาษาไทย พร้อมทาท่าทางประกอบ ดงั นี้ (รักความเปน็ ไทย ,
สอ่ื สารเปน็ สากล)
ผู้ชาย ออกเสยี ง sa-wat-dee-krap
ผ้หู ญงิ ออกเสยี ง sa-wat-dee-ka
2. ครูถามนักเรียนว่า “what’ your father job ?” “what’ your mother job ?”
3. ครูถามนกั เรยี นวา่ อาชพี เหลา่ นอี้ อกเสียงเป็นภาษาไทยอยา่ งไร ครูเชื่อมโยงเข้าสู่เนอื้ หา
๑14๔
ขน้ั สอน
4. ครขู ้นึ รูปอาชพี ต่าง ๆ โดยเรยี งจากคาที่ออกเสยี งง่ายไปยากจานวน 10 คา ดังนี้
ชาวนา (Chaao naa) = Farmer ชาวสวน (chaao suan) = Gardener
หมอ (mor) = Doctor ครู (kroo) = Teacher
นักบิน (nak bin) = Pilot นกั ร้อง (nak rong) = Singer
นกั เรยี น (nak rian) = Student นางพยาบาล (naang pa-yaa-baan) = Nurse
ตารวจ (dtam-ruat) = Police ทหาร (ta-haan) = Soldier
5. นกั เรียนออกเสยี งตามครูไปพรอ้ มกบั การดรู ูปภาพและอา่ นตามสัทอักษรบนสไลด์
6. นักเรียนออกจากตามครู 4-5 ครั้งเพื่อเพ่มิ การจดจาและความคุน้ ชินในการออกเสยี งคาท่ี
เกย่ี วข้องกบั อาชพี
7. นกั เรยี นออกเสียงให้ตรงกับรูปภาพอาชพี ทค่ี รขู ้ึน Pop-up ไม่มคี าอา่ นให้จานวน 10 คา โดย
ให้
นักเรียนออกเสยี งใหต้ รงกบั Pop-up 4-5 ครง้ั (ใฝเ่ รยี นร้)ู
ขัน้ สรุป
8. ครูถามนกั เรยี น “วันนเี้ ราเรยี นเร่ืองคาศัพทท์ ่ีเก่ยี วข้องกับอาชีพไปทั้งหมดก่ีคาและมีคาวา่
อะไรบา้ ง” เพือ่ เปน็ การทบทวนอีกครง้ั (มวี ินัย)
6.2 คาบที่ 2
ข้ันนา
1. ครูทบทวนความรู้เดิมจากการเรยี นการสอนในคาบทแ่ี ล้ว
2. นักเรียนสนทนาเกี่ยวกบั อาชพี ทีน่ ักเรยี นใฝ่ฝัน
แนวคาตอบ ตารวจ เพราะ คณุ พ่อของฉนั เปน็ ตารวจ
(I want to be a cop because my father is a policeman)
ขัน้ สอน
3. นักเรยี นทากิจกรรม ว่ิงออกเสียง โดยมชี ั้นตอนดังน้ี
- นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม เท่า ๆ กนั จากนนั้ นักเรียนตง้ั แถวตอนลึก
- ครูอธบิ ายการทากิจกรรมดงั นี้ ครูโชว์ บัตรภาพอาชีพต่าง ๆ ที่ได้เรยี นไป จากนั้นให้
นักเรียน 2 กลมุ่ จะตอ้ งมมี ากดกร่ิงใครท่ไี ดก้ ดกร่ิงก่อนจะมีสทิ ธิตอบว่า บตั รภาพทคี่ รขู ึน้ เปน็ อาชพี ใด
ให้นกั เรียนออกเสียงเป็นภาษาไทย
- นกั เรียนกลุ่มไหนออกเสยี งถกู จะได้รับสตกิ เกอร์ติดท่เี ส้อื หากกลมุ่ ไหนไดส้ ติกเกอรเ์ ยอะสดุ
จะไดร้ บั รางวลั ส่วนกลมุ่ ท่ไี ดน้ ้อยจะได้รบั ของรางวัลปลอบใจ
4. นักเรยี นทาแบบฝึกหัดเชือ่ มโยงประโยค
๑15๕
ข้นั สรุป
5. ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ กิจกรรม และนักเรยี นออกเสียงคาศพั ทอ์ าชพี 10 อกี ครงั้ จาก
6. ครแู นะนาให้นักเรยี นกลบั ไปฝกึ ออกเสียงใหช้ ดั เจนมากขน้ึ
7. สอื่ / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอ่ื การเรยี นรู้
7.1.1. บัตรคาอาชพี 10 อาชพี
7.1.2. บตั รภาพอาชพี 10 อาชพี
7.1.2. Pop-up อาชีพต่าง ๆ 10 อาชีพ
7.1.3. แบบฝึกหดั
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
-
8. ภาระชน้ิ งาน
-
9. ขอ้ แนะนาในการจัดการเรยี นรู้
9.1 นกั เรียนกลุ่มอ่อน : ครูใหเ้ ดก็ เก่งมาช่วยเดก็ ออ่ น เพอ่ื นชว่ ยเพอื่ น
9.2 นักเรียนกล่มุ เกง่ : เพม่ิ คาศัพทท์ างอาชพี ให้หลากหลายขึน้
๑1๖6
10. การวดั และการประเมนิ ผล
รายการประเมิน วธิ กี ารวัด เกณฑ์การ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้วดั
ประเมนิ ผล
จดุ ประสงค์การเรยี นนรู้
ดา้ นความรู้ - ตรวจสอบจาก - ตอบคาถามได้ - คาถามในช้ันเรียน
นกั เรยี นสามารถเขา้ ใจชอ่ื อาชีพของประเทศไทยได้ การตอบคาถามใน มากกวา่ 80% ของ
ช้ันเรยี น คาถามท้งั หมด
ดา้ นทักษะ - สังเกตพฤตกิ รรม - ไดค้ ะแนนเฉลีย่ มา - แบบประเมนิ ทกั ษะ
นกั เรียนสามารถออกเสยี งชอ่ื อาชีพเปน็ ภาษาไทยได้ ของนักเรยี น กวา่ 2 ข้นึ ไป และกระบวนการ
ด้านเจตคติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ไดค้ ะแนน - แบบประเมินด้าน
นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการออกเสียงภาษาไทย พฤติกรรมมากกว่า พฤตกิ รรมการเรียนรู้
2 ขึ้นไป
ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - สังเกตพฤตกิ รรม - ได้คะแนน - แบบประเมนิ ดา้ น
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเป็นไทย พฤติกรรมมากกวา่ พฤติกรรมการเรยี นรู้
ซอ่ื สัตย์สจุ รติ มุ่งม่ันการทางาน หรอื เท่ากับ 2 ในแต่
มวี ินยั มจี ิตสาธารณะ ละข้อ
ใฝเ่ รยี นรู้ ทกั ษะการจดั การ
อยู่อย่างพอเพียง สื่อสารเปน็ สากล
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน - สงั เกตพฤติกรรม - ไดค้ ะแนน - แบบประเมนิ ดา้ น
ความสามารถในการสอื่ สาร พฤตกิ รรมมากกว่า พฤตกิ รรมการเรียนรู้
ความสามารในการคิด หรือเท่ากับ 2 ในแต่
ความสามารถในการแกป้ ัญหา ละขอ้
ความสามารในการใช้ทกั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ความสามารในทักษะการจดั การ
๑1๗7
11. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
11.1 ผลการจัดการเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.2 ปัญหาและอปุ สรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.3 แนวทางแก้ไข/ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(ลงชอื่ )………………………………………………ผูส้ อน
(คณะผู้จัดทา)
ตาแหน่ง ครู
………/………/………
๑18๘
12. แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการ
แบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ
เรอ่ื งที่สอน ………………………………………………………………………………………………………………………
ช่อื ผู้สงั เกต......................................................................................................................................
นกั เรยี น ตวั ช้ีวัด/เกณฑ์การประเมนิ คะแนนรวม ระดบั
หอ้ ง ด้านทักษะกระบวนการ ( 5 คะแนน) คณุ ภาพ
การออกเสยี ง
54321
ป.1/1
ป.1/2
ป.1/3
*หมายเหตุ ระดับคณุ ภาพตามคะแนนเฉลย่ี
คะแนนต่ากวา่ 2 ระดบั คณุ ภาพ ควรปรบั ปรุง คะแนน 3 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
คะแนน 4
ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 5 ระดบั คุณภาพ ดีมาก
เกณฑก์ ารประเมินดา้ นทักษะกระบวนการ
ระดบั คะแนน
ตัวช้วี ัด / ดีมาก ดี คอ่ นข้างดี พอใช้ ควรปรบั ปรุง
เกณฑ์การ (5) (1)
ประเมิน (4) (3) (2)
นักเรียนออกเสยี งได้ นักเรยี นออกเสียง นกั เรยี นออกเสียง นกั เรียนออกเสยี ง นักเรียนออกเสียงไดไ้ ม่
ชัดเจน เมอ่ื พบ ไดช้ ดั เจน เมือ่ พบ ไดไ้ ม่คอ่ ยชดั เจนแต่ ไดไ้ ม่คอ่ ยชดั เจนแต่ คอ่ ยชดั เจนแต่ เม่ือพบ
คาศพั ท์ใหม่สามารถ
การออก เดาคาศพั ทไ์ ด้จาก คาศพั ท์ใหม่ ยังคงรเู้ ร่ือง เม่อื พบ ยังคงร้เู ร่อื ง เมื่อพบ คาศัพท์ใหมส่ ามารถ
เสียง รปู ภาพได้ถกู ตอ้ ง
สามารถเดาคาศพั ท์ คาศัพท์ใหม่ คาศัพท์ใหม่ เดาคาศพั ทไ์ ดจ้ าก
ไดจ้ ากรปู ภาพได้ สามารถเดาคาศพั ท์ สามารถเดาคาศัพท์ รปู ภาพไมไ่ ดเ้ ลยหรอื ได้
เกอื บท้งั หมด ได้จากรูปภาพได้ ไดจ้ ากรปู ภาพได้ นอ้ ยกวา่ 2 คา
บางเล็กน้อย นอ้ ยมาก
๑19๙
13. แบบประเมนิ ดา้ นพฤตกิ รรมการเรยี นรู้
แบบประเมินดา้ นพฤติกรรมการเรียนรู้
เรอ่ื งที่สอน ………………………………………………………………………………………………………………………
ชอื่ ผสู้ งั เกต .....................................................................................................................................
ลาดบั รายการประเมนิ ระดับการแสดงพฤตกิ รรม
4321
ด้านเจตคติ
1 นักเรียนเห็นความสาคัญของการออกเสียงภาษาไทย
ลาดบั รายการประเมิน ระดบั การแสดงพฤติกรรม
3210
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1 นกั เรียนมคี วามซื่อสตั ย์สุจรติ
2 นักเรยี นมีความใฝเ่ รียนรู้
3 นกั เรยี นรกั ความเปน็ ไทย
4 นักเรยี นส่อื สารเปน็ สากล
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น
1 นกั เรียนมีความสามารถในการสอ่ื สาร
2 นกั เรยี นมีความสามารถในการคิด
3 นกั เรียนมีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต
ลงชือ่ ……………………………………………….ผปู้ ระเมนิ
…………../…………./………….
เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นพฤติกรรมการเรยี นรู้ (เจตคติ)
คะแนน 4 หมายถึง นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินบอ่ ยคร้ัง
คะแนน 3 หมายถึง นกั เรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินคอ่ นขา้ งบ่อย
คะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินบ้างเป็นบา้ งครั้ง
คะแนน 1 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินนาน ๆ ครั้ง
เกณฑ์การประเมนิ ดา้ นพฤติกรรมการเรยี นรู้ (คุณลักษณะอนั พึงประสงค์)
คะแนน 3 หมายถงึ นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินบอ่ ยครง้ั
คะแนน 2 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมนิ บ้างเปน็ บา้ งครง้ั
คะแนน 1 หมายถงึ นกั เรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินนาน ๆ ครง้ั
0 หมายถงึ นักเรียนไมแ่ สดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมนิ หรือไม่ปรากฏพฤติกรรมน้ัน
๒2๐0
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 2
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาไทย
รายวชิ า ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 1
ชื่อหน่วย อาชพี ในฝนั ทฉี่ ันที่ฉนั อยากเป็น เร่อื ง เชื่อมโยงอาชีพ จานวนคาบ 2 คาบ
***************************************************************************************************************
1. ผลการเรียนรู้
1. นักเรยี นออกเสียงช่อื อาชพี ต่าง ๆ ได้
2. นกั เรียนสามารถจับคู่คาศพั ทอ์ าชพี ภาษาไทยกับรปู ภาพอาชพี ต่าง ๆ ได้
2. ความคิดรวบยอดหลัก
อาชีพ (Occupation) หมายถึง การทากิจกรรม การทางาน การประกอบการใด ๆ ท่ีก่อให้เกิด
ผลผลิตและรายได้ เป็นงานที่สุจริต ไม่ผิดศีลธรรม เป็นท่ียอมรับของสังคม โดยอาศัยแรงงาน ความรู้
ทักษะ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื วธิ ีการต่าง ๆ กนั ไป
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ความหมายของอาชพี
อาชีพ (Occupation) หมายถึง การทากิจกรรม การทางาน การประกอบการใด ๆ ท่ีก่อให้เกิด
ผลผลิตและรายได้ เป็นงานท่ีสุจริต ไม่ผิดศีลธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยอาศัยแรงงาน ความรู้
ทกั ษะ อุปกรณ์ เครอ่ื งมอื วธิ ีการตา่ ง ๆ กันไป
3.2 ความสาคญั ของอาชีพ
การมอี าชีพเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอยา่ งยิ่งในวถิ ีชวี ิตและการดารงชพี ของบุคคล เพราะอาชีพสร้าง
รายได้เพื่อเล้ียงชีพตนเองและครอบครัว อาชีพจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวดีข้ึน
เศรษฐกิจประเทศโดยรวมจะดตี ามไปดว้ ยการสร้างอาชพี ก่อใหเ้ กดิ ตลาดแรงงาน อาชพี กอ่ ใหเ้ กิดผลผลติ และ
การบริการท่ีสนองตอบความต้องการของผู้บริโภคอาชีพมีความสาคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ถือว่า
เปน็ ฟนั เฟืองสาคัญในการพฒั นาคุณภาพชวี ิต เศรษฐกจิ ชมุ ชน ส่งผลถึงความเจรญิ กา้ วหน้าของประเทศชาติ
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น รายละเอยี ด
นักเรียนสามารถพูดส่ือสารตอบคาถามเร่ืองอาชีพ
สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น ได้
ความสามารถในการสอื่ สาร สามารถเรยี งลาดบั การคดิ ระหว่างทากจิ กรรม
ใหค้ วามร่วมมือในการทากิจกรรม
ความสามารถในการคดิ
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
ทกั ษะการจดั การ
๒21๑
5. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
5.1 ดา้ นความรู้
- นกั เรยี นสามารถจับคู่อาชพี ระหวา่ งรปู ภาพกับคาศพั ท์ได้
5.2 ด้านทักษะ / กระบวนการ
- นักเรยี นสามารถออกเสียงชอื่ อาชพี เปน็ ภาษาไทยได้
5.3 ดา้ นเจตคติ
- นักเรียนเห็นความสาคัญของการออกเสียงภาษาไทย
5.4 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ของนักเรยี น
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ของนกั เรียน
รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ม่งุ มัน่ การทางาน
ซอ่ื สัตย์สุจรติ รกั ความเป็นไทย
มีวนิ ัย มจี ติ สาธารณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ ทกั ษะการจัดการ
อยู่อย่างพอเพียง สอื่ สารเป็นสากล
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
6.1 คาบที่ 1
ขน้ั นา
9. นกั เรยี นกล่าวคาทกั ทายครูเป็นภาษาไทย พร้อมทาท่าทางประกอบ ดงั น้ี (รกั ความเป็นไทย ,
ส่อื สารเป็นสากล)
10.ครทู บทวนความรู้เดมิ จากคาบท่ีแลว้ นกั เรยี นไดเ้ รยี นคาศพั ท์อะไรไปบ้าง
11.นกั เรยี นช่วยกันตอบ ดังน้ี
ชาวนา (Chaao naa) = Farmer ชาวสวน (chaao suan) = Gardener
หมอ (mor) = Doctor ครู (kroo) = Teacher
นกั บนิ (nak bin) = Pilot นักรอ้ ง (nak rong) = Singer
นักเรียน (nak rian) = Student นางพยาบาล (naang pa-yaa-baan) = Nurse
ตารวจ (dtam-ruat) = Police ทหาร (ta-haan) = Soldier
๒22๒
ขนั้ สอน
12.ครถู ามนักเรยี น “นกั เรียนรไู้ หมวา่ อาชพี เหลา่ นม้ี หี น้าทอ่ี ะไรบ้าง” (Do you know duties
these occupation ? )
13.นักเรยี นดูคลิป VDO คิดส์ซาเนยี (ใฝ่เรยี นร)ู้
https://www.klook.com/th/activity/3458-kidzania-bangkok/
14.ครูถามนักเรียน “อาชีคุณหมอทาหนา้ ทอ่ี ะไร” นักเรียนชว่ ยกนั ตอบเปน็ ภาษาอังกฤษ โดยมคี รู
พดู
ภาษาไทย ตัวอยา่ งเช่น คุณหมอ มีหน้าท่ี รักษาคนปว่ ย , ครู มหี นา้ ที่ ให้ความรู้ (ใฝเ่ รยี นรู)้
15.นักเรียนทาแบบฝกึ หดั จบั ค่อู าชีพเพม่ิ เตมิ
ข้นั สรปุ
16.ครูถามนักเรยี น “วันน้เี ราเรยี นเรื่องคาศัพท์ที่เกย่ี วข้องกบั อาชีพและเพ่ิมเติมคาถามท่ีเกี่ยวข้อง
กับ
หน้าท่ี” เพื่อเปน็ การทบทวนอกี ครงั้ (มีวนิ ยั )
6.2 คาบท่ี 2
ขั้นนา
4. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั ทบทวนคาศพั ทแ์ ละหนา้ ท่ขี องอาชพี จากคาบทแี่ ล้ว
5. นกั เรยี นทากิจกรรม Bingo อาชพี โดยมีขัน้ ตอนดงั น้ี
- นกั เรยี นรับบตั ร Bingo จากครูคนละ 1 บัตร
- ครูออกเสียงอาชีพ จากน้ันให้นักเรียนนาตัว Bingo ไปวางท่ีบัตร Bingoตามอาชีพท่ีครูออก
เสยี ง
- นักเรยี นคนไหน Bingo ก่อนจะเปน็ ผชู้ นะรับของรางวลั
ขน้ั สอน
6. นกั เรยี นทาแบบฝกึ หัดประโยคอาชพี ที่ฉนั อยากเปน็ จากนนั้ ใหน้ กั เรียนฝกึ อา่ นประโยคจาก
แบบฝึกหัดที่นักเรียนทา (มีวินัย , ม่งุ มั่นการทางาน)
7. นกั เรียนสลับกันตรวจแบบฝึกหดั และนาสง่ ครู (ซือ่ สตั ย์สุจรติ )
ขั้นสรปุ
8. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปกจิ กรรม และครูถามนกั เรยี นรายบุคคลด้วยคาถาม
“คณุ อยากทาอาชีพอะไร”
9. ครสู งั่ ให้นกั เรยี นแตง่ กายอาชพี ในฝันทีน่ กั เรียนอยากเป็นมาในคาบหนา้ เพ่อื ทากจิ กรรม
๒23๓
7. สื่อ / แหล่งการเรยี นรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้
7.1.1. Keynote คาศพั ท์สาหรบั เล่น Bingo
7.1.2. Bingo อาชพี
7.1.3. สอ่ื VDO คิดส์ซาเนยี
7.1.4. แบบฝึกหัดจบั คู่อาชีพ
7.1.5. แบบฝึกหดั ประโยคอาชพี ในฝนั
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
-
8. ภาระช้ินงาน
-
9. ขอ้ แนะนาในการจัดการเรียนรู้
9.1 นักเรียนกลุม่ อ่อน : ครใู ห้เด็กเก่งมาชว่ ยเด็กอ่อน เพอ่ื นชว่ ยเพื่อน
9.2 นักเรยี นกลุ่มเกง่ : เพ่ิมคาศพั ทท์ างอาชีพให้หลากหลายขึ้น
๒24๔
10. การวัดและการประเมนิ ผล
รายการประเมิน วิธกี ารวัด เกณฑ์การ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้วดั
ประเมนิ ผล
จุดประสงค์การเรียนนรู้
ด้านความรู้ - ตรวจสอบจาก - ตอบคาถามได้ - คาถามในช้ันเรียน
นักเรียนสามารถจับคู่อาชีพระหว่างรูปภาพกับ การตอบคาถามใน มากกวา่ 80% ของ
คาศัพท์ได้ ชั้นเรียน คาถามท้งั หมด
ด้านทกั ษะ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ไดค้ ะแนนเฉลีย่ มา - แบบประเมนิ ทกั ษะ
นกั เรียนสามารถออกเสียงชอื่ อาชพี เปน็ ภาษาไทยได้ ของนกั เรยี น กวา่ 2 ข้นึ ไป และกระบวนการ
ดา้ นเจตคติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ไดค้ ะแนน - แบบประเมินด้าน
นกั เรยี นเห็นความสาคญั ของการออกเสยี งภาษาไทย พฤติกรรมมากกว่า พฤตกิ รรมการเรียนรู้
2 ขึ้นไป
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ได้คะแนน - แบบประเมนิ ดา้ น
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักความเป็นไทย พฤติกรรมมากกวา่ พฤติกรรมการเรยี นรู้
ซอื่ สัตย์สุจรติ มุ่งม่นั การทางาน หรอื เท่ากับ 2 ในแต่
มีวนิ ัย มจี ติ สาธารณะ ละข้อ
ใฝเ่ รยี นรู้ ทกั ษะการจดั การ
อยู่อย่างพอเพียง ส่อื สารเป็นสากล
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน - สงั เกตพฤติกรรม - ไดค้ ะแนน - แบบประเมนิ ดา้ น
ความสามารถในการสอ่ื สาร พฤตกิ รรมมากกว่า พฤตกิ รรมการเรียนรู้
ความสามารในการคิด หรือเท่ากับ 2 ในแต่
ความสามารถในการแก้ปัญหา ละขอ้
ความสามารในการใช้ทักษะชวี ติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ความสามารในทกั ษะการจดั การ
๒2๕5
11. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้
11.1 ผลการจดั การเรียนรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.2 ปญั หาและอุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.3 แนวทางแกไ้ ข/ข้อเสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(ลงชือ่ )………………………………………………ผสู้ อน
(คณะผู้จัดทา)
ตาแหน่ง ครู
………/………/………
๒2๖6
12. แบบประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ
แบบประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ
เรอ่ื งทส่ี อน ………………………………………………………………………………………………………………………
ชอ่ื ผู้สังเกต......................................................................................................................................
นกั เรยี น ตัวช้ีวัด/เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนนรวม ระดบั
หอ้ ง ด้านทกั ษะกระบวนการ ( 5 คะแนน) คณุ ภาพ
การออกเสียง
54321
ป.1/1
ป.1/2
ป.1/3
*หมายเหตุ ระดับคุณภาพตามคะแนนเฉลี่ย
คะแนนต่ากวา่ 2 ระดบั คุณภาพ ควรปรับปรุง คะแนน 3 ระดบั คุณภาพ พอใช้
คะแนน 4 ระดับคุณภาพ ดมี าก
ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 5
ตวั ชว้ี ัด / ดีมาก เกณฑก์ ารประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ พอใช้ ควรปรับปรงุ
เกณฑก์ าร (5) (2) (1)
ประเมนิ ระดบั คะแนน
ดี ค่อนขา้ งดี
(4) (3)
การออก นกั เรียนออกเสยี งได้ นกั เรียนออกเสยี งได้ นกั เรยี นออกเสยี งได้ นักเรยี นออกเสียงได้ นกั เรียนออกเสยี งไดไ้ ม่
เสยี ง ชดั เจน เมื่อพบคาศัพท์ ชัดเจน เม่อื พบ ไม่คอ่ ยชัดเจนแต่ยังคง ไม่ค่อยชัดเจนแต่ยงั คง ค่อยชัดเจนแต่ เมอื่ พบ
ใหมส่ ามารถเดาคาศพั ท์ คาศพั ทใ์ หม่สามารถ รู้เร่อื ง เม่ือพบคาศัพท์ ร้เู รอื่ ง เมื่อพบคาศพั ท์ คาศัพท์ใหมส่ ามารถเดา
ไดจ้ ากรูปภาพไดถ้ กู ตอ้ ง เดาคาศพั ทไ์ ดจ้ าก ใหม่สามารถเดา ใหมส่ ามารถเดา คาศัพท์ไดจ้ ากรูปภาพ
รูปภาพได้เกอื บ คาศัพทไ์ ด้จากรปู ภาพ คาศัพท์ได้จากรูปภาพ ไมไ่ ดเ้ ลยหรอื ไดน้ อ้ ยกวา่ 2
ท้งั หมด ได้บางเล็กน้อย ได้น้อยมาก คา
๒2๗7
13. แบบประเมินดา้ นพฤตกิ รรมการเรยี นรู้
แบบประเมนิ ด้านพฤตกิ รรมการเรียนรู้
เรือ่ งท่สี อน ………………………………………………………………………………………………………………………
ช่ือผ้สู ังเกต .....................................................................................................................................
ลาดบั รายการประเมนิ ระดบั การแสดงพฤติกรรม
4321
ดา้ นเจตคติ
1 นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการออกเสยี งภาษาไทย
ลาดบั รายการประเมิน ระดับการแสดงพฤติกรรม
3210
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1 นกั เรียนมีความซื่อสัตย์สจุ ริต
2 นกั เรียนมคี วามใฝ่เรยี นรู้
3 นกั เรียนรักความเป็นไทย
4 นักเรยี นสอ่ื สารเปน็ สากล
5 นักเรยี นมุง่ มนั่ การทางาน
ด้านสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
1 นักเรยี นมีความสามารถในการสอ่ื สาร
2 นักเรยี นมคี วามสามารถในการคดิ
3 นักเรยี นมคี วามสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
ลงชื่อ……………………………………………….ผู้
ประเมนิ
…………../…………./………….
เกณฑก์ ารประเมนิ ด้านพฤติกรรมการเรยี นรู้ (เจตคติ)
คะแนน 4 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินบ่อยครัง้
คะแนน 3 หมายถงึ นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินคอ่ นข้างบอ่ ย
คะแนน 2 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมนิ บ้างเป็นบา้ งครัง้
คะแนน 1 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมนิ นาน ๆ ครัง้
เกณฑ์การประเมินด้านพฤติกรรมการเรยี นรู้ (คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์)
คะแนน 3 หมายถงึ นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมนิ บ่อยครั้ง
คะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินบา้ งเปน็ บา้ งครง้ั
คะแนน 1 หมายถงึ นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินนาน ๆ ครง้ั
0 หมายถึง นกั เรียนไม่แสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินหรือไมป่ รากฏพฤติกรรมน้นั
๒28๘
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 3
ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563 กล่มุ สาระการเรียนรูภ้ าษาไทย
รายวิชา ภาษาไทย ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 1
ช่ือหน่วย อาชีพในฝนั ทีฉ่ นั อยากเปน็ เรอ่ื ง อาชพี ในฝนั ของฉนั นัน่ ไง จานวนคาบ 3 คาบ
***************************************************************************************************************
1. ผลการเรยี นรู้
1. นักเรียนออกเสยี งชือ่ อาชพี ต่าง ๆ ได้
2. นกั เรยี นสามารถสนทนาเกี่ยวอาชพี ท่อี ยากเป็นได้
2. ความคิดรวบยอดหลกั
อาชีพ (Occupation) หมายถึง การทากิจกรรม การทางาน การประกอบการใด ๆ ที่ก่อให้เกิด
ผลผลิตและรายได้ เป็นงานที่สุจริต ไม่ผิดศีลธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยอาศัยแรงงาน ความรู้
ทกั ษะ อุปกรณ์ เคร่อื งมอื วิธีการตา่ ง ๆ กนั ไป
การสนทนาเป็นการส่งสารและรบั สารที่ง่ายที่สุด ทาไดร้ วดเร็วท่ีสดุ แตก่ ม็ บี ทบาทสาคญั มากใน
ชวี ิตประจาวัน เพราะมนุษย์เราจะตอ้ งพบปะพูดคยุ กับผู้อ่ืน เพื่อปรกึ ษาหารอื เพือ่ แลกเปลยี่ นความรู้
ความคิด หรอื ประสบการณ์เพอื่ ความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเครยี ด เป็นต้น
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ความหมายของอาชีพ
อาชีพ (Occupation) หมายถึง การทากิจกรรม การทางาน การประกอบการใด ๆ ท่ีก่อให้เกิด
ผลผลิตและรายได้ เป็นงานท่ีสุจริต ไม่ผิดศีลธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยอาศัยแรงงาน ความรู้
ทกั ษะ อุปกรณ์ เครอ่ื งมือ วิธกี ารตา่ ง ๆ กันไป
3.2 ความสาคัญของอาชีพ
การมอี าชพี เป็นส่งิ สาคัญและจาเป็นอย่างยง่ิ ในวถิ ชี ีวติ และการดารงชีพของบุคคล เพราะอาชีพสรา้ ง
รายได้เพ่ือเล้ียงชีพตนเองและครอบครัว อาชีพจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตของตนเองและครอบครัวดีขึ้น
เศรษฐกิจประเทศโดยรวมจะดีตามไปดว้ ยการสรา้ งอาชพี ก่อใหเ้ กดิ ตลาดแรงงาน อาชีพก่อใหเ้ กิดผลผลติ และ
การบริการที่สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคอาชีพมีความสาคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ถือว่า
เปน็ ฟนั เฟืองสาคญั ในการพัฒนาคุณภาพชวี ิต เศรษฐกจิ ชุมชน ส่งผลถงึ ความเจรญิ ก้าวหนา้ ของประเทศชาติ
3.3 การสนทนา
การสนทนาเป็นการส่งสารและรับสารท่ีง่ายที่สุด ทาได้รวดเร็วที่สุดแต่ก็มีบทบาทสาคัญ มากใน
ชีวิตประจาวัน เพราะมนุษย์เราจะต้องพบปะพูดคุยกับผู้อ่ืน เพ่ือปรึกษาหารือ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้
ความคดิ หรอื ประสบการณ์เพ่อื ความสนุกสนาน ผอ่ นคลายความเครยี ด เป็นต้น
๒2๙9
การสนทนาเป็นกิจกรรมระหวา่ งบคุ คลสองคนหรือมากกวา่ น้ัน กิจกรรมน้เี ป็นศลิ ปะอยา่ งหนึ่ง ผูท้ ี่มี
ศลิ ปะในการสนทนาย่อม เป็น ผู้ท่ีมีเสน่ห์ในตัวเอง มคี นอยากคบหาสมาคมอยากพูดคุยติดต่อด้วย ถึงแม้ว่า
การสนทนาจะเป็นพฤตกิ รรมตามธรรมชาติของคนท่ัวไป ไมไ่ ด้ มีกฎเกณฑ์ตายตัวทีจ่ ะต้องปฏิบัติตามอย่าง
เคร่งครัดก็ตาม ผู้ท่ีสนทนาก็ควรจะใช้ไหวพริบของตนพิจารณาว่า ควรจะพูดอย่างไร สนทนาอย่างไรการ
สนทนาน้ันไม่ได้หมายถึงการพูด เท่านั้น แต่หมายถึงการฟังด้วย ผู้สนทนาท่ีดีไม่ใช่ผู้ที่พูด เป็นอย่างเดียว
แตต่ ้องฟังเปน็ ด้วย คือตัง้ ใจฟงั ยอมรับฟงั และทนฟงั ผู้อนื่ ได้ โดยทัว่ ไปก็ใช้หลกั การพูด ทั่ว ๆ ไปนน่ั เอง คือ
ตอ้ งพจิ ารณาผู้ฟัง จุดประสงค์ในการพูด โอกาสและเร่อื งทจี่ ะพูด เร่ืองที่จะพูด ควรเป็นเรอ่ื งที่ทั้งสองฝ่ายมี
ความสนใจร่วมกนั เป็นเรอื่ งที่เหมาะกับกาลเทศะและเหตุการณ์ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของผู้พูด หรือผู้ฟัง เวลา
สนทนาควรใช้ภาษาท่สี ุภาพมีมารยาทดไี ม่พูด เสียคนเดียว ไม่พูดจาโอ้อวดตัว มีกริ ิยาสภุ าพอ่อนโยน เป็นตน้
4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น รายละเอยี ด
ความสามารถในการส่อื สาร นักเรียนสามารถพูดสื่อสารตอบคาถามเร่ืองอาชีพ
ได้
สามารถเรยี งลาดับการคิดระหว่างทากิจกรรม
ความสามารถในการคดิ ใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากิจกรรม
ความสามารถในการแก้ปญั หา
ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ทกั ษะการจัดการ
5. จดุ ประสงค์การเรียนรู้
5.1 ด้านความรู้
- นกั เรยี นสามารถยกตัวอยา่ งบทสนทนาเก่ยี วกบั อาชีพได้
5.2 ด้านทกั ษะ / กระบวนการ
- นักเรยี นสามารถพดู สนทนาเกย่ี วกบั อาชีพได้
5.3 ด้านเจตคติ
- นักเรยี นเห็นความสาคัญของการออกเสยี งภาษาไทย
๓30๐
5.4 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคข์ องนกั เรียน
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ของนกั เรยี น
รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ มุ่งมน่ั การทางาน
ซื่อสัตยส์ จุ ริต รกั ความเป็นไทย
มีวนิ ยั มีจิตสาธารณะ
ใฝเ่ รยี นรู้ ทักษะการจัดการ
อยู่อย่างพอเพียง ส่ือสารเป็นสากล
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
6.1 คาบท่ี 1
ขัน้ นา
17.นกั เรยี นกลา่ วคาทกั ทายครเู ปน็ ภาษาไทย พรอ้ มทาทา่ ทางประกอบ ดงั น้ี (รักความเปน็ ไทย ,
สอ่ื สารเปน็ สากล)
18.ครูทบทวนความรู้เดมิ จากคาบท่ีแล้วเร่อื งประโยคในการสนทนา
ขน้ั สอน
19.นักเรียนจบั กลุม่ กลุ่มละ 3-5 คน รบั QR Code จากครู จากน้นั ใหน้ ักเรียนนา IPad ที่ครแู จก
ให้
กล่มุ ละ 1 สแกน QR Code เพ่อื ฟังและดคู ลิปนทิ านอาชีพในฝันทฉ่ี นั อยากเป็น
20.นกั เรียนรับใบงานระบายสตี ามนิทานอาชพี ในฝนั ทีฉ่ นั อยากเปน็
21.นกั เรียนลงมอื ปฏิบตั งิ านและชว่ ยกนั ระบายสีลงไปในชอ่ งคาศัพท์ตามท่ีคลิปนทิ าน
ขั้นสรปุ
22.ครูและนกั เรียนรว่ มกนั เฉลยแบบฝึกหดั และเน้นยา้ เรอื่ งกจิ กรรมแต่งกายชดุ อาชีพทีฉ่ ันอยาก
เป็น
6.2 คาบท่ี 2
ขั้นนา
10.ครแู ละนกั เรียนร่วมกันทบทวนคาศัพทแ์ ละหนา้ ท่ขี องอาชพี จากคาบท่ีแลว้
11.ครทู ักทายนกั เรอ่ื งเรือ่ งชดุ ทนี่ กั เรยี นใสม่ า มีท้งั ชุดคณุ หมอ ชดุ ตารวจ ชุดนางพยาบาล ฯลฯ
๓31๑
ขน้ั สอน
12.นักเรียนทากจิ กรรม แตง่ กายอาชพี ในฝนั โดยมีขน้ั ตอนดังนี้
- นกั เรยี นจบั ฉลากลาดับเลข เพอ่ื เตรยี มนาเสนอชุดทน่ี กั เรียนใส่มา
- นกั เรยี นที่จับได้ลาดับท่ี 1 ออกมานาเสนอและสนทนากบั ครดู ังนี้
แนะนาตวั เองเป็นภาษาไทย และแนะนาชุดทใี่ สม่ าว่าเปน็ อาชพี อะไร
เพราะอะไรถึงอยากทาอาชีพน้ี
อาชีพน้ีมีหน้าทีอ่ ะไร
- นักเรยี นออกมานาเสนอหน้าชัน้ เรยี นเป็นรายบคุ คล
ขน้ั สรุป
13.ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปกจิ กรรม พร้อมให้นกั เรียนไปทบทวนความร้ตู ง้ั แตค่ าบแรกเนื่องจาก
คาบต่อไปจะเป็นการทดสอบเก็บคะแนน
a. คาบที่ 3
ขั้นนา
1. ครทู บทวนความรู้ตง้ั แต่คาบแรก โดยการใช้แบบฝึกหดั เขียนหมายเลขให้ต้องกับคาศัพท์
ข้นั สอน
2. นักเรยี นทาแบบทดสอบ
3. ครูเฉลยแบบทดสอบ
ขั้นสรุป
4. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุป หนว่ ยการเรยี นรอู้ าชพี ในฝันทฉี่ นั อยากเป็น
7. สอ่ื / แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้
7.1.1. นิทานอาชพี ในฝันทีฉ่ ันอยากเป็น
7.1.2. แบบฝกึ หดั
7.2 แหล่งการเรยี นรู้
- IPad
๓32๒
8. ภาระชิ้นงาน
-
9. ข้อแนะนาในการจดั การเรียนรู้
9.1 นกั เรยี นกลุ่มอ่อน : ครูใหเ้ ดก็ เกง่ มาชว่ ยเด็กออ่ น เพอื่ นช่วยเพือ่ น
9.2 นกั เรยี นกลมุ่ เกง่ : เพิ่มคาศัพทท์ างอาชีพให้หลากหลายขนึ้
10. การวดั และการประเมินผล
รายการประเมิน วิธกี ารวัด เกณฑก์ าร เครื่องมือท่ีใช้วดั
ประเมินผล
จดุ ประสงค์การเรียนนรู้
ด้านความรู้ - ตรวจสอบจาก - ตอบคาถามได้ - คาถามในชัน้ เรยี น
นักเรียนสามารถยกตัวอย่างบทสนทนาเก่ียวกับ การตอบคาถามใน มากกว่า 80% ของ
อาชีพได้ ชนั้ เรียน คาถามท้งั หมด
ด้านทกั ษะ - สังเกตพฤตกิ รรม - ได้คะแนนเฉลย่ี มา - แบบประเมินทกั ษะ
นักเรยี นสามารถพูดสนทนาเกยี่ วกับอาชพี ได้ ของนกั เรยี น กว่า 2 ขึ้นไป และกระบวนการ
ด้านเจตคติ - สงั เกตพฤตกิ รรม - ได้คะแนน - แบบประเมนิ ด้าน
นักเรียนเห็นความสาคัญของการออกเสียงภาษาไทย พฤตกิ รรมมากกว่า พฤติกรรมการเรียนรู้
2 ขนึ้ ไป
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ - สงั เกตพฤติกรรม - ได้คะแนน - แบบประเมินดา้ น
รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ รกั ความเปน็ ไทย พฤตกิ รรมมากกวา่ พฤตกิ รรมการเรยี นรู้
ซ่ือสตั ย์สจุ ริต มงุ่ มั่นการทางาน หรือเทา่ กบั 2 ในแต่
มีวนิ ยั มจี ติ สาธารณะ ละข้อ
ใฝ่เรยี นรู้ ทกั ษะการจดั การ
อยู่อย่างพอเพียง สอ่ื สารเป็นสากล
ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รยี น - สังเกตพฤติกรรม - ได้คะแนน - แบบประเมนิ ดา้ น
ความสามารถในการสื่อสาร พฤติกรรมมากกว่า พฤติกรรมการเรยี นรู้
ความสามารในการคิด หรอื เทา่ กับ 2 ในแต่
ความสามารถในการแกป้ ญั หา ละขอ้
ความสามารในการใชท้ กั ษะชวี ิต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
ความสามารในทักษะการจดั การ
๓3๓3
11. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้
11.1 ผลการจดั การเรยี นรู้
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.2 ปญั หาและอุปสรรค
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11.3 แนวทางแกไ้ ข/ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
(ลงชอื่ )………………………………………………ผู้สอน
(คณะผ้จู ัดทา)
ตาแหนง่ ครู
………/………/………
๓34๔
12. แบบประเมนิ ด้านทักษะกระบวนการ
แบบประเมนิ ด้านทกั ษะกระบวนการ
เรอ่ื งทส่ี อน ………………………………………………………………………………………………………………………
ชอ่ื ผู้สังเกต......................................................................................................................................
นกั เรยี น ตัวช้ีวัด/เกณฑก์ ารประเมิน คะแนนรวม ระดบั
หอ้ ง ด้านทกั ษะกระบวนการ ( 5 คะแนน) คุณภาพ
การออกเสียง
54321
ป.1/1
ป.1/2
ป.1/3
*หมายเหตุ ระดับคณุ ภาพตามคะแนนเฉลี่ย
คะแนนต่ากวา่ 2 ระดบั คุณภาพ ควรปรับปรุง คะแนน 3 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
คะแนน 4 ระดบั คุณภาพ ดมี าก
ระดับคุณภาพ ดี คะแนน 5
ตวั ชว้ี ัด / ดีมาก เกณฑก์ ารประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ พอใช้ ควรปรับปรุง
เกณฑก์ าร (5) (2) (1)
ประเมนิ ระดับคะแนน
ดี คอ่ นข้างดี
(4) (3)
การออก นกั เรียนออกเสยี งได้ นกั เรียนออกเสยี งได้ นักเรยี นออกเสียงได้ นกั เรยี นออกเสยี งได้ นักเรียนออกเสยี งไดไ้ ม่
เสยี ง ชดั เจน เมื่อพบคาศัพท์ ชัดเจน เม่อื พบ ไม่คอ่ ยชัดเจนแต่ยงั คง ไม่ค่อยชดั เจนแต่ยังคง ค่อยชัดเจนแต่ เมื่อพบ
ใหมส่ ามารถเดาคาศพั ท์ คาศพั ทใ์ หม่สามารถ รู้เรอื่ ง เมอ่ื พบคาศพั ท์ รเู้ รื่อง เม่อื พบคาศัพท์ คาศพั ทใ์ หมส่ ามารถเดา
ไดจ้ ากรูปภาพไดถ้ กู ตอ้ ง เดาคาศพั ทไ์ ดจ้ าก ใหม่สามารถเดา ใหม่สามารถเดา คาศพั ท์ได้จากรปู ภาพ
รูปภาพได้เกอื บ คาศพั ทไ์ ดจ้ ากรูปภาพ คาศพั ท์ได้จากรูปภาพ ไม่ไดเ้ ลยหรอื ไดน้ ้อยกว่า 2
ท้งั หมด ไดบ้ างเล็กน้อย ไดน้ อ้ ยมาก คา
๓35๕
13. แบบประเมินดา้ นพฤตกิ รรมการเรยี นรู้
แบบประเมนิ ด้านพฤตกิ รรมการเรยี นรู้
เรอ่ื งท่สี อน ………………………………………………………………………………………………………………………
ชื่อผ้สู ังเกต .....................................................................................................................................
ลาดับ รายการประเมนิ ระดับการแสดงพฤติกรรม
4321
ดา้ นเจตคติ
1 นกั เรยี นเหน็ ความสาคญั ของการออกเสยี งภาษาไทย
ลาดบั รายการประเมิน ระดับการแสดงพฤติกรรม
3210
ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1 นกั เรียนมีความซื่อสัตย์สจุ ริต
2 นกั เรียนมคี วามใฝ่เรยี นรู้
3 นกั เรียนรักความเป็นไทย
4 นักเรยี นสอ่ื สารเปน็ สากล
5 นักเรยี นมุง่ มนั่ การทางาน
ด้านสมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
1 นักเรยี นมีความสามารถในการสอ่ื สาร
2 นักเรยี นมคี วามสามารถในการคดิ
3 นักเรยี นมคี วามสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
ลงชื่อ……………………………………………….ผู้
ประเมนิ
…………../…………./………….
เกณฑ์การประเมนิ ด้านพฤติกรรมการเรยี นรู้ (เจตคต)ิ
คะแนน 4 หมายถึง นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินบอ่ ยครัง้
คะแนน 3 หมายถงึ นกั เรยี นแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมินคอ่ นขา้ งบอ่ ย
คะแนน 2 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมนิ บา้ งเป็นบา้ งครงั้
คะแนน 1 หมายถงึ นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมนิ นาน ๆ ครัง้
เกณฑ์การประเมินด้านพฤติกรรมการเรยี นรู้ (คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์)
คะแนน 3 หมายถงึ นักเรียนแสดงพฤตกิ รรมตรงตามรายการประเมนิ บ่อยครั้ง
คะแนน 2 หมายถึง นักเรยี นแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินบา้ งเปน็ บา้ งครง้ั
คะแนน 1 หมายถงึ นกั เรียนแสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินนาน ๆ ครง้ั
0 หมายถงึ นกั เรียนไม่แสดงพฤติกรรมตรงตามรายการประเมินหรือไม่ปรากฏพฤตกิ รรมน้นั
๓36๖
30
แบบทดสอบ
37
๓๗30
38
๓๘30
39
๓๙30
๔40๐
30
เฉลย
แบบทดสอบ
41
๔๑30
42
๔๒30
๔43๓
30
บรรณานุกรม
รงุ่ ฤดี แผลงศร. (๒๕๖๐). ศำสตรก์ ำรสอนภำษำไทยในฐำนะภำษำตำ่ งประเทศ.
กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
สถิต เจนเล่อื ย. (๒๕๕๙). ภำษำไทยสำหรับชีำวต่ำงประเทศ (Thai for foreigner).
สถาบันภาษา มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๙.
สไุ ร พงษ์ทองเจริญ. (๒๕๒๐). วธิ ส้ อนภำษำองั กฤษเป็นภำษำท่ส้ อง. กรุงเทพฯ:
มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ.
วีดีโอเสรมิ การเรียนรู้. (๒๕๖๓). เร้ยนรูอ้ ำชี้พของฉนั . สืบค้นเมื่อ
๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓. จาก http://www.youtube.com/watch.
๔44๔
30
บรรณานกุ รมภาพ
ภาพตารวจ Digital image. ได้จาก https://google.com/search?. สบื ค้นเมอื วนั ท่ี ๑๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพนางพยาบาล Digital image. ได้จาก https://googlesite.com/search?. สบื คน้ เมือวันที่ ๑๐
พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓.
ภาพทหาร Digital image. ได้จาก https://googlesite.com/search?ภาพทหาร. สืบค้นเมือวนั ที่
๑๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓.
ภาพชาวนา Digital image. ไดจ้ าก https://googlebabytoon.com/search?ภาพชาวนา. สืบค้น
เมอื วนั ที่ ๑๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๓.https://google.com/search?. สืบคน้ เมอื วนั ที่ ๑๐
ภาพชาวสวน Digital image. ไดจ้ าก
เมอื วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพครู Digital image. ไดจ้ าก https://googlesitebabytoon.com/search?ภาพครู. สบื ค้น
เมอื วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพนักรอ้ ง Digital image. ได้จากhttps://ภาพนักรอ้ งการต์ ูนgoogle.com/search?. สบื ค้นเมือ
วันท่ี ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพหมอ Digital image. ได้จากhttps://google.com/search?.cartoon doctor สบื คน้ เมือ
วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพนกั เรียน Digital image. ได้จากhttps://ภาพนักเรยี นgoogle.com/search?. สบื คน้
เมือวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
ภาพนกั บนิ Digital image. ไดจ้ ากhttps://googlesite cartoon card.com/search?. สบื คน้ เมือ
วันท่ี ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓.
๔4๕5
30
ภาคผนวก
๔๖
บตั รภ