The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการสัมมนาออนไลน์ How To ฝึกงานให้เป๊ะ ธีสิสให้ปังทำได้ไม่ยาก
จัดทำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตสาขาวิชาการประสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by montri-21-1, 2021-12-12 03:18:43

เอกสารประกอบการสัมมนาออนไลน์ How To ฝึกงานให้เป๊ะ ธีสิสให้ปังทำได้ไม่ยาก

เอกสารประกอบการสัมมนาออนไลน์ How To ฝึกงานให้เป๊ะ ธีสิสให้ปังทำได้ไม่ยาก
จัดทำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิตสาขาวิชาการประสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร

Keywords: How To ฝึกงานให้เป๊ะ ธีสิสให้ปังทำได้ไม่ยาก

การฝึกงานคอื อะไร หนา้
หลักการปฏิบัตติ วั ขณะเปน็ นกั ศึกษาฝึกงาน
การทำรายงานหลังการฝึกงาน 1
ผลการเรยี นรกู้ ารฝึกงานโดยนกั ศกึ ษามหาวิทยาลัยรังสติ สาขาวชิ า 2
การประชาสมั พนั ธแ์ ละส่ือสารองค์กร 4
การทำปริญญานพิ นธ์ 6

22

ซึง่ จัดดำเนินการโดยความร่วมมือระหวา่ งสถานศึกษากับภาคการผลิตและหรือภาคบรกิ าร หลังจากที่ผู้เรียนได้
เรียนรู้ภาคทฤษฎีและการฝึกหัดหรือฝึกปฏิบัติเบื้องต้นในสถานศึกษาแล้วระยะเวลาหน่ึง ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาส
ให้ผู้เรียนได้สัมผัสกับการปฏิบัติงานอาชีพ เครื่องมือเครื่องจักร อุปกรณ์ที่ทันสมัย และบรรยากาศการทำงาน
ทางธุรกิจที่ต้องแข่งขันกันในการรักษาคุณภาพและมาตรฐานของงาน รวมทั้งการทำงานร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้
ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็นและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
ตลอดจนเกดิ ความมัน่ ใจและเจตคตทิ ดี่ ีในการทำงานและการประกอบอาชีพอสิ ระ

(อา้ งอิงจาก http://www.geocities.ws/jobdetail : วนั ทส่ี ืบคน้ 12 ธนั วาคม 2564)

เมื่อได้โอกาสไปฝึกงานตามบริษัทตา่ ง ๆ ในแต่ละบริษัทจึงมีความแตกตา่ งกันไป ดังนั้นการปฏิบัติตน
ในสถานที่ทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ฝึกงานทุกคนโดยเฉพาะนักศึกษาพึงปฏิบัติ เพื่อให้การฝึกงานของเรา
เปน็ ไปอย่างราบรนื่ และไดป้ ระสิทธภิ าพ ซง่ึ แนวทางในการปฏิบัตติ นมีแนวทางทส่ี ามารถปฏิบตั ไิ ดด้ งั นี้

1.ตรงต่อเวลา การตรงต่อเวลาถือเป็นสิ่งสำคัญที่น้อง ๆ นักศึกษาควรฝึกให้เป็นวินัยประจำตัว
ไม่เพียงแต่เรื่องการเข้างานเท่านั้น การส่งงานที่ได้รับมอบหมายตามเวลา และการมาตรงเวลาเมื่อมีนัดหมาย
จะทำให้ผู้ร่วมงานและเจ้านายเห็นถึงความมีวินัยของตัวเรา เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเอง งานที่
ได้รับมอบหมายและองคก์ ร นิสยั นจี้ ะติดตวั เราไปตลอดจนกระทงั่ เราเรยี นจบและเขา้ ไปทำงานจรงิ

2.แต่งกายสุภาพ การแต่งกายอย่างสุภาพเหมาะสม ตามกฎระเบียบของสถานที่ที่เราไปฝึกงานด้วย
เป็นการให้เกียรติองค์กร และเป็นการเสริมสร้างบุคลิกให้ตัวเราได้อย่างดี อย่าคิดว่าเป็นแค่นักศึกษาฝึกง าน
แล้วจะแต่งตัวตามสบายยังไงก็ได้ การแต่งกายอย่างสุภาพถูกระเบียบจะทำให้เรากลมกลืนกับองค์กร
เสรมิ สร้างความมั่นใจและบุคลกิ ภาพได้เปน็ อยา่ งดี

3.วางเป้าหมายให้ชัดเจน การฝึกงานคือบันไดขั้นแรกก่อนออกไปสู่โลกของการทำงานจริง ๆ การ
วางเป้าหมายในการฝึกงานจึงเป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อมและสร้างความชัดเจนและได้รู้ว่าเราจะฝึกงานนี้
เพ่ืออะไร เพอื่ เก็บเก่ยี วประสบการณ์ เพอื่ เพ่มิ พูนความรูค้ วามสามารถ เพอื่ ต่อยอดสำหรบั งานในอนาคต หรือ
เพือ่ หาตวั ตนและความชอบของตวั เองให้เจอ เมอ่ื เรามีเปา้ หมายทชี่ ัดเจนแล้ว เรากจ็ ะฝกึ งานไดอ้ ยา่ งมีความสุข
และสนุกกับสิง่ ที่ทำอยูม่ ากข้นึ

4.มีทัศนคติในแง่บวก ความกระตือรือร้น และการมีทัศนคติในแง่บวกขณะฝึกงานจะทำให้หัวหน้า
งานเห็นว่าเรามคี วามมุ่งมัน่ ต้ังใจ อยากเรียนรงู้ าน และมบี ุคลิกทน่ี ่าเข้าใกล้ ส่ิงเหล่านจี้ ะสรา้ งเสนห่ ใ์ ห้ตัวเราให้
เป็นนักศกึ ษาฝกึ งานทม่ี คี นจดจำได้ในทางที่ดี และเพิ่มโอกาสได้คอนเนค็ ชน่ั และไดง้ านในอนาคตมากยิ่งขึ้น

5.เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ การมาฝึกงานคือการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเรา ให้รู้จักคนหลากหลายมาก
ขึ้น รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นเคย เราควรเปิดใจเราให้รับสิ่งใหม่ ๆ ที่เข้ามาในช่วง
ฝกึ งาน เรยี นรูส้ ิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขน้ึ ใหไ้ ด้มากทีส่ ุด เก็บเก่ียวประสบการณ์เหลา่ น้เี พื่อเปน็ ต้นทนุ สำหรับอนาคต

6.ตั้งใจทำงาน ไม่ว่างานที่ได้รับมอบหมายช่วงฝึกงานจะเป็นอะไร จงตั้งใจทำงานให้มากที่สุด อย่า
เลือกงาน เมื่อไม่เข้าใจอะไรให้เอ่ยปากถาม เพราะความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานจะทำให้เราได้รับประโยชน์
จากการฝึกงานนแ้ี บบเต็ม ๆ และหัวหนา้ งานและองค์กรจะเหน็ คุณคา่ ของเราอีกดว้ ย

7.รู้จักกาละเทศะ การรู้จักกาละเทศะคือสมบัติที่น้อง ๆ นักศึกษาควรมีในการไปฝึกงาน การรู้อะไร
ควรไมค่ วร วางตวั เราใหเ้ หมาะสมในองคก์ ร จะทำใหเ้ ราไดร้ ับความเอ็นดูจากผูใ้ หญ่ และทำให้เรานา่ เชือ่ ถอื

8.มีความรับผิดชอบ ถึงแม้จะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงาน แต่การแสดงความรับผิดชอบอย่างเตม็ ที่ตอ่
ทกุ หนา้ ท่ที ไ่ี ด้รับมอบหมาย ก็เป็นสิง่ พึงกระทำท่ีจะทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวได้เร็วกว่าเพ่ือน ๆ ในวัยเดียวกัน
และยังเสริมสรา้ งความเป็นมอื อาชพี ให้กบั ตวั เราอีกด้วย

9.มีจิตอาสา ความมีจิตอาสา มีน้ำใจต่อเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในที่ทำงาน จะทำให้เราได้รับความเมตตาจาก
ผูใ้ หญ่ ฝึกการเปน็ ผู้ให้ตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นการเสรมิ สรา้ งมนุษยสมั พันธ์ และส่งเสริมสัมพันธ์อันดีระหว่างตัว
เราและผู้ร่วมงาน

10.ปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กร ท้ายที่สุดคือการปฏิบัติตนตามกฎระเบียบขององค์กรอย่าง
เคร่งครัด ไม่นำข้อมูลลับของบริษัทไปขาย ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับองคก์ รที่เราจะฝึกให้ได้มากที่สุด เพื่อที่เรา
จะไดท้ ำตวั ได้ถกู ต้อง ไมฝ่ ่าฝนื กฎขององคก์ รให้เป็นเรื่องราว หรือทำตวั เปน็ ภาระให้กบั องค์กร

(อ้างองิ จาก https://th.jobsdb.com/th-th/articles : วันท่ีสืบคน้ 12 ธนั วาคม 2564)

โดยในการทำรายงานนั้น นักศึกษาจะต้องขอรับคำปรึกษาจากพี่เลี้ยง เพื่อกำหนด
หัวข้อรายงานท่เี หมาะสม โดยคำนงึ ถึงความต้องการและลักษณะของสถานประกอบการเป็นหลัก ตัวอย่างของ
หวั ข้อรายงาน เช่น ผลงานวจิ ัยท่นี กั ศึกษาปฏบิ ตั ิ รายงาน วชิ าการในหวั ขอ้ ที่สนใจ การสรปุ ขอ้ มูลหรือสถิติบาง
ประการ การวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูล รายงานการ ปฏิบัติงานท่ีได้รับมอบหมาย หรือแผนและวิธี
ปฏิบัตงิ านทีจ่ ะทำให้บรรลถุ ึง วตั ถุประสงค์การเรยี นรูท้ น่ี กั ศกึ ษา วางเปา้ หมายไวจ้ ากการปฏบิ ัติงาน

รายงานการฝึกงานเป็นรายงานทางวิชาการ ที่นักศึกษาจะต้องเขียนในระหว่างการปฏิบัติงาน
ณ สถาน ประกอบการภายใต้การกำกับดูแลของพี่เลีย้ ง การเขียนรายงานการฝึกงานท่ีดีจะต้องมีความถูกตอ้ ง
ชดั เจน และมีความสมบรู ณ์ของเน้ือหาท่ีจะนำเสนอ โดยแนวทางการจัดทำรายงานฝึกงานในสถานการณ์โควิด
สาขาวชิ าการประชาสมั พันธแ์ ละส่อื สารองค์กร มหาวิทยาลยั รังสติ มีรปู แบบประกอบด้วย

แนวทางการจัดทำรายงานฝึกงานในสถานการณ์โควิด สาขาวิชาการ
ประชาสัมพันธแ์ ละส่อื สารองคก์ ร มหาวทิ ยาลัยรังสติ มีรูปแบบการนำเสนอ
ผลงานใน 2 รปู แบบ ประกอบดว้ ย
1. รปู แบบการส่งรปู เล่มรายงานฝกึ งานเปน็ ไฟล์ pdf
ประกอบดว้ ย 4 บท ได้แก่

✓ บทที่ 1 ประวัติและการดําเนินงานขององค์กร
✓ บทที่ 2 หน่วยงานที่นกั ศกึ ษาฝึกงาน
✓ บทท่ี 3 ภารกิจที่ไดร้ บั มอบหมาย
✓ บทท่ี 4 สรปุ ประโยชนท์ ่ไี ด้รับและข้อเสนอแนะ
✓ ภาคผนวก ผลงานที่ทำระหว่างฝึกงาน ภาพประกอบ ฯลฯ

2. การนำเสนอผลการฝึกงานในรูปแบบออนไลน์ โดยนำเสนอผลงาน
ผา่ นการจัดทำโปสเตอร์ หรอื อนิ โฟกราฟิก แล้วนําเสนอผลการเรยี นรู้
จากการฝกึ งานประกอบด้วย

✓ โปสเตอร์ หรืออินโฟกราฟิก แนวตง้ั ขนาด A3
✓ ชอ่ื -นามสกุล สาขา วิทยาลยั
✓ สถานที่ฝึกงาน
✓ ตำแหนง่ /ภาระงานทรี่ บั ผิดชอบ
✓ งานท่ีทำ (มภี าพประกอบ)
✓ ผลการเรยี นรจู้ ากฝกึ งาน

































คือ รายงานที่นักศึกษาเขียนผลงานวิจัยหรือการทดลอง ที่ได้เรียบเรียงอย่างมี
ระบบแบบแผน และปริญญานิพนธ์ยังคงเป็นเอกสารบังคับในการจบการศึกษา สำหรับปริญญานิพนธ์ เป็น
เอกสารที่เขียนโดย พรรณนาขั้นตอน วิธีการ และผลการศึกษาวิจัยที่ค้นคว้าวิจัยมาได้ โดยเขียนอย่างเป็น
ระบบ มีแบบแผน ซง่ึ รปู แบบของปรญิ ญานพิ นธ์เปน็ ไปตามข้อกําหนดของมหาวทิ ยาลยั

วิทยาลัยนเิ ทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำหนดใหน้ ักศึกษาในชั้นปีสุดท้าย ของหลักสูตร ต้องทำ
ปริญญานิพนธ์เพื่อเป็นการเสนอผลงานในสาขาและแขนงที่ตนสนใจ อันจะเป็นผลงาน เพื่อการขอสำเร็จ
การศึกษาตามหลักสูตร โดยปริญญานิพนธ์ที่จัดทำนั้น จะเป็นการนำ เสนอการศึกษา การวิจัยหรือโครงงานท่ี
นักศึกษาได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง เป็นการศึกษาเป็นขั้นตอน มีประเด็นของปัญหา และขั้นตอน การ
แก้ปัญหาที่ชัดเจน นำเสนอทฤษฎีที่มีเหตุผล การวิเคราะห์ และการวิจารณ์ที่มีหลกัการ โดยจะมุ่งเน้น
เพ่ือที่จะใหน้ กั ศกึ ษาสามารถทจ่ี ะประยุกตใ์ ชท้ ฤษฎที ี่เรยี นมาแกป้ ญั หาได้

การกำหนดขั้นตอนการทำปริญญานิพนธ์มีความสำคัญยิ่ง เพราะช่วยให้งานเสร็จเร็วได้ข้อสรุปส่งให้
ผ้รู บั ทำไดไ้ วและตรงประเด็น โดยรายละเอียดการจดั ทำปริญญานพิ นธ์ คณะนเิ ทศศาสตร์ซง่ึ มขี ัน้ ตอนดงั น้ี

ขั้นตอนท่ี 1 สาขาวชิ าจัดแบ่งจำนวนนักศกึ ษาปริญญานิพนธ์ ในปริมาณที่ใกลเ้ คยี งกนั คือให้
นําจำนวนนักศึกษาที่มีความประสงค์จะฝึกงานอาชีพทั้งหมด มาแบ่งสัดส่วนตาม
ขน้ั ตอนที่ 2 จำนวนอาจารย์ทปี่ รึกษาทีม่ ีอยู่ในสาขาวิชา โดยนกั ศึกษามอี ิสระในการเลือกอาจารย์
ขั้นตอนที่ 3 ทป่ี รกึ ษา (ท้ังน้ีอาจเปน็ อาจารยท์ ี่ปรกึ ษาทา่ นเดียวกับที่ดแู ลตอนฝึกงานอาชีพ) และ
หัวหน้าสาขาวิชาจัดทำ มคอ.3 พร้อมอัปโหลด เข้าระบบก่อนเปิดภาคการศึกษา
2 สปั ดาห์
นักศึกษาสง่ หัวขอ้ ปริญญานิพนธท์ ่อี าจารยท์ ป่ี รกึ ษา
สาขาวิชาประชุมเพื่อพิจารณาและประกาศหัวข้อปริญญานิพนธ์ประจำปี ทั้งนี้เพ่ือ
ไมใ่ หเ้ กดิ การซำ้ ซอ้ นของหัวข้อปริญญานพิ นธ์

ขั้นตอนท่ี 4 สาขาวิชาจัดหรือให้นักศึกษาเลือกกรรมการสอบปริญญานิพนธ์อย่างน้อย 2 ท่าน
โดยอาจเป็นอาจารยป์ ระจำสาขา คณะวิชา หรอื ภายนอกมหาวทิ ยาลัย

ขน้ั ตอนที่ 5 นักศกึ ษาดำเนินการจดั ทำโครงร่างปริญญานพิ นธ์ อันประกอบไปด้วย
ขน้ั ตอนที่ 6 - บทท่ี 1 บทนำ
- บทท่ี 2 แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง
- บทท่ี 3 ระเบียบวิธวี ิจยั ข้นั ตอนในการออกแบบ ข้ันตอนการดาํ เนนิ งาน
- เคร่อื งมือในการวิจยั การออกแบบการดําเนนิ งาน

สอบคร้ังท่ี 1 เป็นการสอบเปิดเลม่ ปรญิ ญานิพนธ์ ให้นักศึกษารับแบบฟอร์มขอสอบ
โครงรา่ งปริญญานพิ นธ์

ขั้นตอนท่ี 7 หากสอบผ่านใหน้ ักศึกษาดำเนินการในขั้นตอนถัดไป หากสอบไม่ผ่านให้นักศึกษาไป
แกไ้ ขโครงรา่ งปริญญานิพนธ์และสอบเปิดเล่มอีกคร้ังหน่งึ

ขน้ั ตอนที่ 8 หลังการสอบครง้ั ท่ี 1 ผ่าน ใหน้ ักศึกษาดำเนินการจัดทำปริญญานิพนธป์ ระกอบด้วย
- บทที่ 1 บทนํา
ขั้นตอนที่ 9 - บทท่ี 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ ง
ขั้นตอนท่ี 10 - บทที่ 3 ระเบียบวิธีวจิ ัย ขน้ั ตอนในการออกแบบ ขั้นตอนการดาํ เนนิ งาน
ขั้นตอนท่ี 11 - บทท4่ี ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูลการดําเนนิ งาน
- บทท่ี 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
- รูปเล่มรายงานฉบับสมบรู ณ์ทง้ั ส่วนนาและสว่ นทา้ ย

สอบครง้ั ท่ี 2 เป็นการสอบปดิ เล่มปริญญานพิ นธ์
จัดทำรูปเล่มปริญพานิพนธ์ฉบับสมบูรณ์ และจัดส่งที่เลขานุการสาขาวิชา 4 เล่ม
(สาขาวชิ า อาจารย์ที่ปรกึ ษา สถานประกอบการ นกั ศกึ ษา) และซีดีจำนวน 2 แผ่น
สาขาวิชาดำเนินการส่งเกรดรายวิชาปริญญานิพนธ์ และหัวหน้าสาขาวิชาจัดทำ
มคอ.3พร้อมอัปโหลดเข้าระบบภายหลงั สองสัปดาห์ของการเปดิ ภาคการศึกษาถดั ไป

เรมิ่ ตน้ แบบฟอรม์ สอบ
ปรญิ ญานิพนธ์
1.สาขาวิชาจัดแบง่ จำนวนนกั ศกึ ษาปริญญานิพนธ์ (โดยให้นกั ศึกษามีอสิ ระในการ
เลือกอาจารย์ที่ปรึกษาและหัวหนา้ สาขาจักทำ มคอ.3)

2.นักศกึ ษาสง่ หัวข้อปริญญานิพนธท์ ่ีอาจารย์ที่ปรกึ ษา

3.สาขาวิชาประชุมเพื่อพิจารณาและประกาศหวั ขอ้ ปริญญานพิ นธ์

4.สาขาวิชาจิตหรือใหน้ กั ศึกษาเลือกกรรมการสอบปริญญานิพนธ์อยา่ งน้อย 2 ทา่ น

5.ดำเนินการจดั ทำโครงร่างปรญิ ญานิพนธ์
(บทท1ี่ -3 และเคร่ืองมือในการวจิ ยั /การออกแบบ/การดำเนนิ งาน)

6.สอบครั้งท่ี 1 (สอบเปดิ เล่มปริญญานพิ นธ์)

ไม่ผา่ น 7.ผลการสอบครง้ั ท่ี1 แบบฟอร์มสอบ
(ผ่านหรอื ไมผ่ า่ น) ปริญญานิพนธ์

ผา่ น

8.ดำเนินการจดั ทำปริญญานิพนธ์

9.สอบครั้งที่ 2 (สอบปิดเล่มปริญญานพิ นธ์)

10.จดั ทำรปู เล่มปริญญานิพนธ์ฉบับสมบรู ณ์

11.สาขาวชิ าฯ สง่ เกรดรายวิชาปริญญานพิ นธ์ และหัวหน้าสาขาวิชาจดั ทำ มคอ.3

แผนภาพแสดงขน้ั ตอนการจดั ทำปริญญานพิ นธ์

สืบเนื่องจากสาขาวิชาการประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร กำลังเดำเนินการพัฒนาคู่มือการจัดทำ
ปริญญานิพนธ์ของสาขาฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดสัมมนาครั้งนี้ ผู้จัดจึงนำคู่มือการทำปริญญา
นพิ นธข์ องสาขานเิ ทศศาสตร์การกฬี ามาเปน็ ต้นแบบการเรียนรู้ในการจัดสัมมนาครง้ั น้ี

ลำดับขั้นตอนการนำเสนอหรือการเขียนปริญญานิพนธ์นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเข้าใจของ
ผู้อ่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ตรวจปริญญานิพนธ์เอง หรือผู้ที่ใช้ปริญญานิพนธ์นั้นในการค้นคว้าหรืออ้างอิงในอันดับ
ต่อมา เนื้อหาปริญญานิพนธ์ในส่วนกลางนั้นควรประกอบด้วยส่วนสำคัญอีก 3 ส่วนย่อย คือ ส่วนบทนำ
สว่ นบทเนื้อหาหลกั และสว่ นบทสรปุ

1. สว่ นนำ ส่วนนำประกอบด้วย
1.1 ปกนอก ปกนอกของเล่มปริญญานิพนธ์เป็นปกแข็งสีน้ำเงิน ตัวอักษรบนปกนอกพิมพ์

ดว้ ยอกั ษรสีทอง ข้อความในหน้าปกนอกให้มขี ้อความเหมอื นปกในทุกประการ
1.2 สันปก ให้พิมพช์ ื่อผแู้ ตง่ และปีการศกึ ษาทสี่ ำเรจ็ การศกึ ษา
1.3 กระดาษเปล่า ถัดจากปกแข็งด้านหน้าและก่อนปกแข็งด้านหลังให้มีสีขาวด้านละแผ่น
1.4 ใบรับรองปริญญานิพนธ์ โดยพิมพ์ขอ้ความ การลงนามในใบรับรองให้ลงลายมือชื่อจริง

ของคณะกรรมการสอบปรญิ ญานพิ นธ์ด้วยหมึกซึมสีดำเท่านนั้
1.5 ปกใน หมายถึง หน้าหัวเรื่อง ข้อความบนปกในให้เขียนเป็นภาษาไทยที่ใช้เขียนปริญญา

นิพนธเ์ พยี ง ภาษาเดียวบนกระดาษขาวท่ีใช้พมิ พป์ รญิ ญานิพนธม์ สี าระดงั นี้
1.5.1 ชื่อเรื่อง เป็นชื่อหัวข้อปริญญานิพนธ์ที่ได้รรับอนุมัติในการจัดทำโครงการ
1.5.2 ช่อื ผแู้ ตง่ หรือผจู้ ดั ทำ มีคำนำ หน้าช่อื นาย นาง หรือนางสาว ในกรณีท่ผี แู้ ตง่ มี

ยศ เช่น ร้อยตำรวจเอก พันตรี หม่อมราชวงศ์ เปน็ ต้น ให้ใช้ยศนั้น ๆ นำ หนา้ ช่ือ
1.5.3 ระบุว่าปริญญานพิ นธน์ เ้ี ป็นส่วนหนงึ่ ของการศึกษาในหลักสตู รใด สาขาวชิ า

และภาควชิ าใด ช่ือสถาบันและปีการศกึ ษาท่ีสำเรจ็ การศกึ ษา
1.6 บทคดั ยอ่ ถา้ ปรญิ ญานิพนธเ์ ขยี นเป็นภาษาไทยใหเ้ ขยี นบทคดั ย่อเป็นภาษาไทยและ

ภาษาองั กฤษ โดยมีสาระในบทคัดย่อดงั นี้
1.6.1 ชอื่ สกุลผู้จดั ทำโครงการ พร้อมคำนำหนา้ นามเช่นเดียวกับที่ปรากฏบนปกใน

ชื่อปริญญา นิพนธ์ สาขาวิชา ชื่อสถาบัน รายนามอาจารย์หรือคณะกรรมการที่ปรึกษาปริญญานิพนธ์และปี
การศึกษาที่ สำเรจ็ การศกึ ษา

1.6.2 วัตถปุ ระสงค์ ขอบเขต วิธีการ ดำเนินการผลและสรปุ
1.6.3 ระบจุ ำนวนหน้ารวมของเลม่ ปริญญานพิ นธ์
1.6.4 ประธานกรรมการทป่ี รึกษาปริญญานพิ นธ์ลงนามอนุมตั ิ (ลงนามด้วยหมกึ ซึม
สีดำ ขนาดไมน่ อ้ ยกว่า 0.5 มลิ ลเิ มตร)
1.7 กิตติกรรมประกาศ (Acknowledgement) เป็นข้อความกล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความ
ชว่ ยเหลอื และความรว่ มมือจนปรญิ ญานพิ นธน์ ั้นสำเร็จลลุ ่วงด้วยดี

1.8 สารบัญ (Table of Contents) เป็นรายการที่แสดงส่วนประกอบสำคัญทั้งหมดของ
ปริญญานิพนธใ์ ห้ เขียนเป็นภาษาที่ใช้เขียนปริญญานิพนธ์ การจัดพิมพ์สารบัญให้เป็นไปตามตวั อย่างหน้าหาก
สารบัญไมจ่ บใน หนึ่งหนา้ ให้พมิ พ์คำว่า “สารบัญ (ตอ่ )” กลางหน้ากระดาษหน้าถัดไป

1.9 สารบัญตาราง (List of Tables) เป็นส่วนที่แจ้งหมายเลขหน้าของตารางทั้งหมดที่มีอยู่
ในปริญญา นิพนธ์ (ถ้ามี) การจัดพิมพ์สารบัญ หากสารบัญตารางไม่จบในหนึ่งหน้าให้พิมพ์คำว่า “สารบัญ
ตาราง (ตอ่ )” กลางหน้ากระดาษหน้าถัดไป

1.10 สารบัญภาพ (List of Figures) เป็นส่วนที่แจ้งหมายเลขหน้าของภาพ (รูปภาพ แผนที่
แผนภูมิกราฟ ฯลฯ) ทั้งหมดที่มีอยู่ในปริญญานิพนธ์ การจัดพิมพ์สารบัญภาพ หากสารบัญภาพไม่จบในหนึ่ง
หนา้ ใหพ้ ิมพ์คำว่า “สารบญั ภาพ” (ต่อ) กลางหนา้กระดาษหน้าถัดไป

1.11 คำอธิบายสัญลักษณ์และคำย่อ (List of Abbreviations and Symbols) เป็นส่วนท่ี
อธิบายถึง สัญลักษณ์และคำย่อต่าง ๆ ที่ใช้ในปริญญานิพนธ์ (ถา้มี) ทั้งนี้ให้สัญลักษณ์และคำย่อมีความหมาย
เดยี วกนั ตลอดทง้ั เลม่ และให้พิมพเ์ รียงเรยี งตามลำดับอกั ษร

2.2 ส่วนเนื้อหา ส่วนเนื้อหา (การวิจัยหรือการประเมินโครงการ) เป็นส่วนที่แสดงสาระสำคัญของ
ปริญญานิพนธ์ ประกอบด้วย 1) บทท่ี 1 บทนำ

1) บทนำ (Introduction) เป็นบทแรกของปริญญานิพนธ์ ครอบคลุมถึงมูลเหตุจูงใจของการทำ
โครงการเรื่องนี้ ความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ และขอบเขตของการดำ เนินงานการสำรวจ งานวิจัย
อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งทฤษฎีและแนวความคิดที่จะนำมาใช้ในการดำเนินงาน วิธีที่จะดำเนินการโดยย่อ
ตลอดจนประโยชนท์ ี่จะได้รบั จากงานวิจยั ประกอบดว้ ยหัวข้อดงั น้ี

1.1 ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา
1.2 วัตถุประสงค์ของการวิจยั
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะไดร้ ับ
1.5 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ (ถา้ มี)
2) บทที่ 2 แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจยั ท่ีเกยี่ วข้อง
2.1 แนวคดิ ทฤษฎหี ลักการตามประเดน็ ให้ครอบคลมุ เรือ่ งทีว่ ิจยั
2.2 งานวิจยั ที่เกีย่ วขอ้ ง
3) บทท่ี 3 วิธดีิ ำเนนิ การวิจยั
3.1 ประชากรในการวิจยั
3.2 กล่มุ ตวั อยา่ งในการวิจัย
3.3 เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช้ในการวิจยั (Questionnaire)
3.4 การทดสอบเคร่อื งมอื ในการวิจัย
3.5 การเกบ็ รวบรวมข้อมลู
3.6 การวิเคราะหเ์ คราะหข์ อ้ มูล
3.7 หลักเกณฑก์ ารให้คะแนน
3.8 เกณฑก์ ารให้คะแนน

3.9 เกณฑใ์ นการแปลความหมาย
4) บทท่ี 4 ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล/ผลการวิจยั
5) บทที่ 5 สรปุ ผลการวิจยั อภปิ รายลผลการวิจยั และข้อเสนอแนะ เป็นตอนทส่ี รปุ เฉพาะประเดน็
สำคัญ ๆ ในปริญญานิพนธ์ทั้งหมด ต้องระบุผลงานสำคัญที่ค้นพบ จากการศึกษาโครงการ ข้อจำกัดของ
โครงการครั้งนี้ ส่วนข้อเสนอแนะ (Recommendation) เป็นการ ให้ข้อเสนอแนะโดยย่อเกี่ยวกับการ
ดำเนินงานตอ่ ไป ตลอดจนประโยชนท์ อ่ี าจจะไดจ้ ากการประยุกตท์ ่ีไดก้ ระทำนี้

5.1 สรุป
5.2 อภปิ รายผล
5.3 ข้อเสนอแนะท่วั ไป
5.4 ขอ้ เสนอแนะสำหรบั การวจิ ยั ครัง้ ตอ่ ไป
สว่ นเน้ือหา (โครงงานการผลิต) เป็นสว่ นที่แสดงสาระสำคัญของปรญิ ญานพิ นธ์ประกอบดว้ ย
1) บทที่ 1 บทนำ บทนำ (Introduction) เป็นบทแรกของปริญญานิพนธ์ ครอบคลุมถึงมูลเหตุจูงใจ
ของการทำ โครงการเรื่องนี้ ความสำคัญของของโครงงาน วัตถุประสงค์ และขอบเขตของการดำเนินงาน
การสำรวจการผลิตอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งทฤษฎีและแนวความคดิ ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินงาน วิธีที่จะดำ
เนินการโดยยอ่ ตลอดจนประโยชนท์ ่ีจะไดร้ บั จากโครงงานการผลติ ประกอบด้วยหัวข้อข้อดงั นี้
1.1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา
1.2 วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั
1.3 ขอบเขตของการวิจัย
1.4 ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รบั
1.5 นิยามศัพทเ์ ฉพาะ (ถา้ มี)
2) บทที่ 2 แนวคดิ ทฤษฎี และงานวจิ ัยทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง
2.1 แนวคิด ทฤษฎหี ลักการตามประเดน็ ให้ครอบคลุมเร่ืองทวี่ ิจัย
2.2 งานวจิ ัยที่เก่ยี วข้อง
3) บทท่ี 3 ข้ันตอนการดำเนินงาน
3.1 ขน้ั ตอนการเตรียมการผลติ รายการ
3.2 ขัน้ ตอนการผลิตรายการ
3.3 ข้ันตอนหลังการผลิตรายการ
3.4 ตารางบันทกึ การผลติ รายการ
3.5 งบประมาณในการดำเนนิ งาน
4) บทท่ี 4 กระบวนการผลิต
4.1 การวางแผนการทำงาน
4.2 การกำหนดแนวคดิ
4.3 การรวบรวมข้อมูลและภาพ
4.4 การตัดตอ่
4.5 การใช้เทคนคิ พิเศษ

4.6 การออกแบบโลโก้
4.7 การตรวจสอบ
5) บทที่ 5 สรปุ ผลและขอ้เสนอแนะ ประกอบด้วย
5.1 สรุปผลการทำงาน
5.2 ข้อค้นพบจากการผลติ
5.3 ปญั หาและอุปสรรคในการผลิตแนวทางการแก้ไขปัญหา
5.4 ข้อเสนอแนะจากการผลิต
5.5 ข้อเสนอแนะสำหรับการผลติ ในครั้งต่อไป
5.6 ข้อเสนอแนะจากผู้เชีย่ วชาญ
2.3 ส่วนอ้างอิง ส่วนอ้างอิงซึ่งมีทั้งการอ้างอิงภายในและการอ้างอิงท้ายเรื่องประกอบด้วย
บรรณานุกรมหรือ เอกสารอ้างอิงภาคผนวก (ถ้ามี) ประวัติผู้วิจัย ในส่วนอ้างอิงนี้อาจมีส่วนประกอบอื่น ๆ
นอกเหนอื จากน้ี ได้ตามความเหมาะสมของปรญิ ญานิพนธ์ฉบับนัน้ ๆ มรี ายละเอียดดงั นี้
- บรรณานุกรม หรือเอกสารอ้างอิง เป็นส่วนที่แสดงรายชื่อหนังสือหรือสิ่งพิมพ์อื่นๆ ที่ใช้สำหรับ
การค้นคว้าอา้ งองิ ประกอบการเขยี นปรญิ ญานิพนธ์เรื่องน้นั ๆ โดยอยู่ตอ่ จากสว่ นเน้อื หาและกอ่ นภาคผนวก
- ภาคผนวก (เครื่องมือที่ใชใ้ นการวจิ ัย ภาพประกอบการเก็บรวบรวมข้อมูล ภาพการถ่าย ทำรายการ
บทรายการโทรทศั น์ ผลงานในการผลติ )
- ประวัตผิ ู้วจิ ยั /ประวตั ิผู้ผลติ
ปกหลัง (กระดาษชนิดเดียวกบั ปกหนา้ สพี ้นื หรอื มีภาพผลงานวจิ ัยประกอบ)
2.4 ภาษาที่ใช้ในการเขียนปริญญานิพนธ์ การเขียนปริญญานิพนธ์ คณะฯ กำหนดให้ผู้เขียนใช้
ภาษาไทยในการนำเสนอปริญญานิพนธ์ โดยรูปแบบภาษาทีใ่ ชต้ ้องเปน็ ภาษาเขียนไม่ใช่ภาษาพูด และไม่ใช่การ
เขียนที่ต้องการปริมาณโดยไม่เน้นคุณภาพ ดังนั้นการเขียนปริญญานิพนธ์แต่ละหน้าจะต้องกระชับ ชัดเจนได้
ใจความ และถูกต้องตามหลักการใช้คำและไวยากรณ์ การใช้ศัพท์เทคนิคหรือคำที่เป็นภาษาต่างประเทศเป็น
อกี ส่ิงหนง่ึ ที่ควรคำนึงถึง หากกระทำได้ก็ควร ใชค้ ำทีแ่ ปลเป็นศัพท์บญั ญัติท่ีเปน็ ภาษาไทย หรือหากว่าไม่แน่ใจ
ว่าจะส่ือความหมายไดถ้ ูกตอ้ ง การมีคำตา่ งภาษาอยใู่ นวงเลบ็ ก็มกั ใช้ไดเ้ สมอ


Click to View FlipBook Version