การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง เพื่อจำหน่าย นางสาวนวรัตน์ ทวีบูรณ์ รหัสประจำตัว 64202011312 นางสาวสุภาพร ศรีเมือง รหัสประจำตัว 64202011323 นางสาวไอยเรศ กองละเอียด รหัสประจำตัว 64202011330 ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ สาขาวิชา การบัญชี สาขางาน การบัญชี ห้อง 3 ครูที่ปรึกษา นางสาวจารุณี จุลบุตร วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อาชีวศึกษาจังหวัดพิจิตร สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566
ใบรับรองโครงงาน รายวิชา โครงงาน รหัสวิชา 20201-8501 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ชื่อโครงงาน การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย ผู้รับผิดชอบโครงงาน 1. นางสาวนวรัตน์ ทวีบูรณ์ รหัสประจำตัว 64202011312 2. นางสาวสุภาพร ศรีเมือง รหัสประจำตัว 64202011323 3. นางสาวไอยเรศ กองละเอียด รหัสประจำตัว 64202011330 ครูที่ปรึกษา นางสาวจารุณี จุลบุตร ปีการศึกษา 2566 ได้รับอนุมัติให้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษารายวิชาโครงงาน สาขาวิชา การบัญชี หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ พุทธศักราช 2562 คณะกรรมการสอบโครงงาน ลงชื่อ..............................................ประธาน (นางสาวจารุณี จุลบุตร) ลงชื่อ..............................................กรรมการ (นางสาวกรรัตน์ คำดา) ลงชื่อ..............................................กรรมการและเลขานุการ (นางสาวอรวลัญช์ น้อยสมวงษ์) ลงชื่อ..............................................หัวหน้าแผนกวิชาการบัญชี (นางสกาวรัตน์ บุญศิลป์) ลงชื่อ..............................................รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ (นายอิศรา อยู่ยิ่ง) ลงชื่อ..............................................ผู้อำนวยการวิทยาลัย (นายชัยณรงค์ คัชมาตย์)
ก ชื่อผลงาน : การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย ผู้จัดทำ : 1. นางสาวนวรัตน์ ทวีบูรณ์ รหัสประจำตัว 64202011312 2. นางสาวสุภาพร ศรีเมือง รหัสประจำตัว 64202011323 3. นางสาวไอยเรศ กองละเอียด รหัสประจำตัว 64202011330 ครูที่ปรึกษา : นางสาวจารุณี จุลบุตร สาขาวิชา : การบัญชี สาขางาน : การบัญชี ปีการศึกษา : 2566 บทคัดย่อ ในการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1. เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 2. ทำให้ทราบผลกำไรขาดทุนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 3. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง โดยมีสมมติฐานในการวิจัย คือ ประชากรที่ใช้ในการศึกษาตามโครงงานสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง เพื่อจำหน่าย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย นักเรียน นักศึกษา แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 25 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในการใช้ สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงของผู้ที่สนใจ และสมุดบัญชีรายได้ค่าใช้จ่ายในการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน ผลการวิจัยมีดังนี้ 1. ต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเฉลี่ย 50.32 บาทต่อขวด 2. ต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเฉลี่ย 50.32 บาทต่อขวด 3. ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงด้านที่มีค่าเฉลี่ย สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. ปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการขาย 2. ปัจจัยด้านการผลิตภัณฑ์ 3. ปัจจัยด้านราคา
ข กิตติกรรมประกาศ การจัดทำโครงการครั้งนี้ สำเร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดีด้วยความอนุเคราะห์และความกรุณาให้ คำปรึกษา ตั้งแต่ต้นจนจบเสร็จสมบูรณ์ ตลอดจนให้ความรู้และประสบการณ์ที่ดีแก่ข้าพเจ้าจาก นางสาวอรวลัญช์ น้อยสมวงษ์ ครูผู้สอนวิชาโครงงาน ผู้จัดทำขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ขอกราบขอบพระคุณนางสาวจารุณี จุลบุตร ครูที่ปรึกษาโครงงาน ที่กรุณาให้คำแนะนำ และให้คำปรึกษามาตลอดจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ตั้งแต่แรกให้ความช่วยเหลือแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆเพื่อให้จัดทำโครงงานฉบับนี้ให้มีความสมบูรณ์ ผู้จัดทำโครงงานขอขอบพระคุณคณะอาจารย์ทุกท่านที่ ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชา บ่มเพาะจนผู้ศึกษาสามารถนำหลักการมาประยุกต์ใช้และอ้างอิงในการจัดทำ โครงงานครั้งนี้ อีกทั้งบิดามารดา พี่น้องและเพื่อน ๆ ของผู้จัดทำโครงงาน ซึ่งให้กำลังใจและความ ช่วยเหลือมาโดยตลอด คุณค่าอันพึงมีจากการศึกษาค้นคว้าวิจัยอิสระฉบับนี้ ขอขอบเพื่อคุณบิดามาดา ครูอาจารย์ และผู้มีพระคุณทุกท่าน นวรัตน์ ทวีบูรณ์ สุภาพร ศรีเมือง ไอยเรศ กองละเอียด
ค สารบัญ หน้า บทคัดย่อ ก กิตติกรรมประกาศ ข สารบัญ ค สารบัญตาราง ง สารบัญภาพ จ บทที่ 1. บทนำ 1.1 ความสำคัญของโครงงาน/หลักการและเหตุผล 1 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 2 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 2 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 2 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ 3 2 เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.1 หลักการแนวคิดเกี่ยวกับต้นทุน 4 2.2 หลักการและแนวคิดเกี่ยวกับผลตอบแทน 8 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 9 2.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา 12 3 วิธีการดำเนินการศึกษา 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 13 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 13 3.3 วิธีการดำเนินการศึกษา 14 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 14 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 14 3.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ 15
ค สารบัญ (ต่อ) หน้า 4. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 4.1 ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 16 4.2 ข้อมูลสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 20 4.3 ข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 22 4.4 ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 23 5. สรุปการศึกษา การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรุปผลการศึกษา 24 5.2 อภิปรายผลการศึกษา 25 5.3 ข้อเสนอแนะ 26 บรรณานุกรม 27 ภาคผนวก ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาแบบสอบถามความคิดเห็น 29 เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อผู้สนใจสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ภาคผนวก ข แบบเสนอหัวข้อและเค้าโครง โครงงานศึกษาต้นทุนและ 37 ผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อการจำหน่าย ภาคผนวก ค แสดงภาพขั้นตอนการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 43 ภาคผนวก ง บัญชี การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการใช้ผลิตภัณฑ์ 48 สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อการจำหน่าย ภาคผนวก จ แสดงภาพการพบครูผู้สอนและครูที่ปรึกษาโครงงาน 60 ประวัติผู้จัดทำโครงงาน
ง สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า ตารางที่ 4.1.1 แสดงการแบ่งประเภทต้นทุนที่ทำการศึกษา 16 ตารางที่ 4.1.2 แสดงต้นทุนค่าวัตถุดิบในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 17 ตารางที่ 4.1.3 แสดงต้นทุนค่าแรงงานในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 17 ตารางที่ 4.1.4 แสดงข้อมูลสินทรัพย์และค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 18 ตารางที่ 4.1.5 แสดงข้อมูลต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต 18 ตารางที่ 4.1.6 แสดงข้อมูลต้นทุนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 18 ตารางที่ 4.1.7 แสดงต้นทุนของราคาขายต่อขวดของผลิตภัณฑ์ 19 สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ตารางที่ 4.1.8 แสดงกำไรขั้นต้นจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงต่อขวด 19 ตารางที่ 4.1.9 แสดงการคำนวณหาอัตราผลตอบแทนจาก 20 การผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ตารางที่ 4.2.1 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของการศึกษา 20 ของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางที่ 4.2.2 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม 21 ตารางที่ 4.2.3 แสดงจำนวนค่าร้อยละอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม 21 ตารางที่ 4.2.4 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของอาชีพของผู้ตอบแบบสอบถาม 21 ตารางที่ 4.3 การแสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความคิดเห็น 22 เกี่ยวกับปัจจัยที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ตารางที่ 4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 23
จ สารบัญภาพ ภาพที่ หน้า 1. แสดงแนวคิดในการจัดทำโครงงาน 2. ภาพการส่งเว็บไซต์ให้นักศึกษาตอบแบบสอบถามออนไลน์ 31 3. ภาพการส่งเว็บไซต์ให้นักศึกษาตอบแบบสอบถามออนไลน์ 31 4. ภาพวัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 44 5. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 1 44 6. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 2 40 7. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 3 45 8. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 4 45 9. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 5 46 10. ภาพแสดงขั้นตอนการทำที่ 6 46 11. ภาพผลิตภัณฑ์บรรจุพร้อมจำหน่าย 47 12. ภาพการจำหน่ายสินค้า 47 13. ภาพพบครูผู้สอนโครงงาน ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2566 61 14. ภาพพบครูผู้สอนโครงงาน ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2566 61 15. ภาพพบครูที่ปรึกษาโครงงาน ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2566 62 16. ภาพพบครูที่ปรึกษาโครงงาน ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2566 62
บทที่ 1 บทนำ 1.1 ความสำคัญของโครงงาน/หลักการและเหตุผล สำหรับในประเทศไทย เราจะสามารถพบเจอยุงที่เข้ามากัดกินเลือดของเราเป็นอาหาร และเป็นพาหะนำโรคหลัก ๆ ได้อยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ยุงก้นปล่อง ยุงลาย ยุงรำคาญ และยุงเสือ หรือยุงลายเสือ โดยยุงแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันดังนี้ ยุงก้นปล่อง คือยุงที่เป็นพาหะนำเชื้อ ไข้มาลาเรีย มีลำตัวเป็นสีน้ำตาล ปีกมีเกล็ดสี พบมากในพื้นที่ป่า มักออกหากินตั้งแต่เวลา หลัง 18.00 นาฬิกาเป็นต้นไป โดยยุงก้นปล่องแบ่งออกเป็นชนิดที่เป็นพาหะหลัก ได้แก่ ชนิดไดรัส ชนิดมินิมัส ชนิดแมคคูลาตัส และชนิดที่เป็นพาหะรอง ได้แก่ ชนิดซันไดคัส ชนิดอโคไนตัสและ ชนิดซูโดวิวโมไร ยุงลาย เป็นยุงที่พบได้บ่อยในบ้านเรือนทั่วไป เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพาหะ นำโรคไข้เลือดออก รวมไปถึงไข้ซิกา มีลำตัว ส่วนหัว และส่วนนอกเป็นเกล็ดสีดำสลับขาว ปากมีลักษณะยาว มักออกหากินตอนกลางวัน ชอบวางไข่บนน้ำนิ่ง และตามแหล่งที่มีน้ำขังต่าง ๆ โดยยุงลายแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ยุงลายบ้าน และยุงลายสวน ยุงรำคาญ เป็นพาหะของ โรคไข้สมองอักเสบ และโรคเท้าช้าง มีลำตัวเป็นสีน้ำตาล ปีกใส มักอาศัยและเพาะพันธุ์ตามแหล่ง น้ำสกปรก หรือแหล่งน้ำที่ เน่าเสียต่าง ๆ ยุงรำคาญจะวางไข่บนผิวน้ำในลักษณะติดกันเป็นแพ และชอบกัดสัตว์ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าง วัว ควาย มากกว่ากัดคน ยุงเสือ หรือยุงลายเสือ เป็นพาหะ นำโรคเท้าช้าง มีลักษณะที่ แปลกตาและแตกต่างจากยุงชนิดอื่น ๆ คือบนลำตัวจะมีลวดลายสีเข้ม ดูสวยงาม บางชนิดมีลวดคล้ายลายเสือ ปีกมีเกล็ดหยาบ มักเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำที่มีวัชพืชน้ำขึ้น เช่น หนอง บึง และ วางไข่ใต้ผิวน้ำติดตามวัชพืชน้ำต่าง ๆ มักออกหากินในเวลากลางคืน กัดและ กินทั้งเลือดของคน และสัตว์ โรคที่เกิดจากยุงเป็นโรคที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วและมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหากประชาชนยังขาดการรับรู้ และการมี ส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมโรคที่เกิดจากการโดนยุงกัด อาจจะทำให้มีการระบาดของโรค ที่เกิดจากการโดนยุงกัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผู้คิดทำตัวยาเพื่อกำจัดยุง และป้องกันยุงขึ้นมาหลายชนิด เช่น ครีมทากันยุง ยาจุดกันยุง ยาฉีดกันยุง น้ำมันไล่ยุง เป็นต้น แต่ยากันยุงเหล่านี้ก่อให้เกิด ปัญหาขึ้นมากมาย เพราะมีสารที่เป็นอันตรายผสมอยู่ ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้
2 ดังนั้น ทางกลุ่มจึงมีความคิดที่จะทำโครงงานเรื่องการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการ ผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อนำมาจำหน่าย โดยการนำตะไคร้หอมมาใช้ในรูปผลิตภัณฑ์สเปรย์ตะไคร้ โดยให้มีส่วนผสมของตะไคร้ซึ่งจะได้สเปรย์ที่มีประสิทธิภาพการไล่ยุง 1.2 วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.2.1 เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.2.2 ทำให้ทราบถึงผลกำไรขาดทุนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.2.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.3 ขอบเขตของโครงงาน 1.3.1 ด้านตัวแปร - 1.3.2 ด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ดังนี้ 1) ศึกษาต้นทุนการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการทำจนไป ถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย และวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนในการทำสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุง 2) ศึกษาผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.3.3 ด้านเวลา พฤษภาคม - สิงหาคม 2566 1.3.4 แบบร่าง (ถ้ามี) - 1.4 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1.4.1 ทำให้ทราบต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.4.2 ทำให้ทราบถึงผลกำไรขาดทุนการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.4.3 เพื่อให้ทราบความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง
3 1.5 นิยามศัพท์เฉพาะ ตะไคร้ หมายถึง พืชสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้า และมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะตัว นอกจากนำมาใช้ประกอบอาหาร ปรุงแต่งกลิ่นในอาหารหรือการ สกัดเป็นยารักษาและเป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ มะกรูด หมายถึง ต้นไม้ไล่ยุงที่มีสรรพคุณในการไล่ยุงได้ดีพอ ๆ กับตะไคร้หอม หากนำไป สกัดร่วมกับตะไคร้หอมจะช่วยให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แต่หากไม่นำไปสกัดร่วมกันก็สามารถนำผิว หรือใบมะกรูดมาบีบให้มีกลิ่นหอมสามารถใช้ได้ผลดีเช่นกัน ซึ่งนอกจากวิธีนี้แล้วบางบ้านยังนิยม นำเอาลูกมะกรูดมาใส่ลงในถังน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงมาวางไข่อีกด้วย ต้นทุน หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการผลิตสินค้า หรือบริการ หรือถ้าพูดกัน แบบภาษาชาวบ้าน ต้นทุนคือ จำนวนเงินที่ได้จ่ายไปในการซื้อสินค้า ข้าวของ วัตถุดิบ ต่าง ๆ เพื่อ นำมาผลิตหรือขายสินค้าเพื่อให้ก่อให้เกิดรายได้คือยอดขายอีกที โดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ การผลิต การทดสอบ การจัดเก็บ และการขนส่ง กำไรขาดทุน หมายถึง งบการเงินที่แสดงผลการดำเนินงานของกิจการในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง เช่น รอบปีบัญชี โดยจะแสดงรายได้ ค่าใช้จ่าย และ กำไรหรือขาดทุนสุทธิ ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่าผลกำไร หรือขาดทุนของกิจการนั้นมาส่วนใด เพื่อปรับปรุงการดำเนินงาน และ คาดการณ์ผลการดำเนินงาน ในอนาคต ความพึงพอใจ หมายถึง ความรู้สึกหรือความพอใจของบุคคลที่มีต่อผลิตภัณฑ์สเปรย์ตะไคร้
บทที่ 2 เอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย ผู้จัดทำโครงงานได้ศึกษาหลักการ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยเกี่ยวข้องดังนี้ 2.1 หลักการแนวคิดเกี่ยวกับต้นทุน 2.2 หลักการแนวคิดและผลตอบแทน 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 2.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา 2.1 หลักการแนวคิดเกี่ยวกับต้นทุน ต้นทุน (Cost) หมายถึง มูลค่าของทรัพยากรที่องค์กรใช้ประโยชน์เพื่อให้บรรลุ วัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้ เช่น ต้นทุนของวัตถุดิบและแรงงานที่เกิดขึ้นเพื่อผลิตสินค้าและบริการ และเมื่อต้นทุนได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจแล้ว ต้นทุนส่วนนั้นจะเปลี่ยนสภาพไปเป็นค่าใช้จ่าย (Expense) ซึ่งจะนำไปหักรายได้ในแต่ละงวดบัญชี ต้นทุนการผลิต คือ ต้นทุนที่ทำให้ได้สินค้าสำเร็จรูปใด ๆ ประกอบด้วย วัตถุดิบทางตรง ที่เบิกใช้ในการผลิต แรงงานทางตรงที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการผลิต เมื่อทั้ง 3 ส่วนประกอบได้เข้าสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ของการผลิตก็จะถูกแปรสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูป ต่อไปการจำแนกประเภทต้นทุนแบ่งออกเป็น 6 ประเภท ได้แก่ 2.1.1 การจำแนกต้นทุนตามระยะเวลา 2.1.2 การจำแนกต้นทุนตามลักษณะการดำเนินงาน 2.1.3 การจำแนกตันทุนตามส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ 2.1.4 การจำแนกต้นทุนตามปริมาณกิจกรรม 2.1.5 การจำแนกตันทุนเพื่อการควบคุมและวัดผลการปฏิบัติงาน 2.1.6 การจำแนกต้นทุนเพื่อการตัดสินใจ
5 มีรายละเอียดของการจำแนกตันทุนแต่ละประเภท ดังนี้ 2.1.1 การจำแนกตันทุนตามระยะเวลา เป็นการพิจารณาต้นทุนในการจัดหาสินทรัพย์และบริการต่าง ๆ ซึ่งจะต้องสัมพันธ์ กับระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถแบ่งตันทุนออกเป็น 3 ประเภท คือ 1) ต้นทุนที่เกิดขึ้นในอดีต (Historical Cost) คือต้นทุนที่เกิดขึ้นเมื่อได้มาซึ่ง สินทรัพย์หรือบริการต่าง ๆ และกิจการได้จ่ายชำระเงินสดสินทรัพย์อื่นใดหรือรายการเทียบเท่า เงินสด โดยปกติจะใช้ตันทุนประเภทนี้ในการบันทึกบัญชีประกอบการจัดทำงบการเงินแต่ไม่นิยม นำไปใช้ประกอบการตัดสินใจปัญหาหรือเกตุการณ์ต่าง ๆ ในอนาคตเนื่องจากสภาวะแวดล้อม ทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา 2) ต้นทุนทดแทนหรือต้นทุนการเปลี่ยนแปลง (Replacement Cost) คือต้นทุน จ่ายไปเพื่อใช้ในการจัดหาสินทรัพย์มาเปลี่ยนหรือทดแทนสินทรัพย์เดิมซึ่งสินทรัพย์ที่ต้องมีลักษณะ คล้ายคลึงกับสินทรัพย์เดิม เพื่อนำมาเปรียบเทียบต้นทุนประกอบการตัดสินใจในการเลือกทางต่าง ๆ ว่าควรเปลี่ยนแทนหรือควรปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ที่เดิมหรือควรซื้อสินทรัพย์ใหม่เพื่อทดแทน สินทรัพย์เพิ่มโดยเปรียบเทียบจากราคาตลาดของสินทรัพย์นั้น ๆ 3) ต้นทุนในอนาคต (Future Cost) คือต้นทุนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อกิจการต้องตัดสินใจเลือกโครงงานใดโครงงานหนึ่งในอนาคตซึ่งกิจการต้องพยากรณ์ต้นทุน ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงงานจากแนวโน้มของต้นทุนจริงในอดีต หรือจากระบบงบประมาณของกิจการ 2.1.2 การจำแนกต้นทุนตามลักษณะการดำเนินงาน เป็นการพิจารณาต้นทุนที่เกิดจากการดำเนินงานหรือปฏิบัติงานของธุรกิจซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ ดังต่อไปนี้ 1) ต้นทุนการผลิต (Manufacturing Cost) คือต้นทุนที่เกิดขึ้นทั้งหมดใน กระบวนการผลิตเพื่อแปรสภาพวัตถุดิบให้เป็นสินค้า ซึ่งปกติต้นทุนการผลิตจะเกิดขึ้นในธุรกิจการ ผลิตสินค้าเท่านั้น เช่น วัตถุดิบทางตรง ค่าแรงทางตรงและค่าใช้จ่ายในการผลิต เป็นต้น 2) ต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต (Nonmanufacturing Cost) คือต้นทุนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้า ซึ่งจะจำแนกต้นทุนโดยพิจารณาตามหน้าที่หรือลักษณะของการ ปฏิบัติงาน ดังนี้ 2.1) ต้นทุนในการจัดซื้อหรือการจัดหาสินค้า (Merchandise Cost) ซึ่งเป็น ต้นทุนในการจัดหาสินค้า เช่น ค่าขนส่งเข้า เป็นต้น 2.2) ต้นทุนทางการตลาด (Marketing Cost) เป็นต้นทุนที่เกิดจากการส่งเสริม การขายหรือแนะนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาด เช่น ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้น 2.3) ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการบริหาร (Aministrative Cost of Expense) เป็นตันทุนจากการบริหารโดยรวม เช่น เงินเดือนฝ่ายบริหารค่าใช้จ่ายแผนกบัญชี
6 2.4) ตันทุนทางการเงิน (Financing Cost) คือต้นทุนจาการจัดหาเงินทุน มาฝากดำเนินงาน เช่น ดอกเบี้ยค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นต้น 2.5) ต้นทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Developmnent Cost) เป็นตันทุนจากการวิจัยหาสินค้าใหม่ ๆ หรือพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ให้ทันสมัยจากเดิมเพื่อ ตอบสนองความต้องการของทางการตลาดของลูกค้า เช่น เงินเดือนนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญ เป็นต้น 2.1.3 การจำแนกต้นทุนตามส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบของต้นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด จะประกอบด้วยวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงทางตรง และค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งถ้าเราพิจารณาในด้าน ทรัพยากรที่เป็นส่วนประกอบของสินค้าแล้วจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ ถือว่าเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญสำหรับการผลิตสินค้า ตันทุนที่เกี่ยวกับการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าสามารถแบ่งออก เป็น 2 ลักษณะ คือวัตถุดิบทางตรง หมายถึงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตและสามารถระบุได้อย่าง ชัดเจนว่าใช้ในการผลิตสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งในปริมาณเท่าใด ต้นทุนเท่าใด รวมทั้งจัดเป็นวัตถุดิบ ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการผลิตสินค้าชนิดนั้น วัตถุดิบทางอ้อม หมายถึง วัตถุดิบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยทางอ้อมกับการผลิตสินค้า แต่ไม่ใช่วัตถุดิบหลักหรือวัตถุดิบส่วนใหญ่ ค่าแรงงาน คือค่าจ้าง หรือผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ลูกจ้างหรือคนงานที่ทำหน้าที่ในการผลิตสินค้า ซึ่งค่าแรงนั้นสามารถ แบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้ค่าแรงงานทางตรง คือค่าแรงงานต่าง ๆ ที่จ่ายให้แก่คนงานหรือลูกจ้างที่ทำ หน้าที่ในผลิตสินค้าค่าใช้จ่ายในการผลิต คือ แหล่งรวบรวมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต สินค้าซึ่งนอกเหนือจากวัตถุดิบทางตรง ค่าแรงทางตรง เช่น วัตถุดิบทางอ้อม ค่าแรงทางอ้อม ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางอ้อมอื่น ๆ ได้แก่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าเสื่อมราคา ค่าประกันภัย และ ค่าภาษี เป็นต้น 2.1.4 การจำแนกต้นทุนตามปริมาณกิจกรรม การจำแนกต้นทุนตามปริมาณกิจกรรมมักจะมีลักษณะแตกต่างกันไปตามลักษณะ กิจกรรมของต้นทุน กล่าวคือ ต้นทุนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ขึ้นอยู่กับระดับปริมาณกิจกรรม จำนวน ชั่วโมงแรงงาน จำนวนชั่วโมงเครื่องจักรหรือฝ่ายบริหารที่ใช้ประโยชน์ในการวางแผนควบคุมการสร้าง แรงจูงใจ การตัดสินใจ ซึ่งผู้บริหารจะต้องทำการประมาณต้นทุนต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นโดย วิธีการประมาณต้นทุน ต้องเข้าใจพฤติกรรมของต้นทุนและเทคนิคในการประมาณต้นทุนวิธีการจด ประเภทต้นทุนตามความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนและระดับกิจกรรม โดยแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในระดับกิจกรรมที่มีต่อต้นทุน จำนวนการขาย ปริมาณการผลิต ซึ่งมีผลกระทบต่อการตัดสินใจด้าน ต่าง ๆ ของผู้บริหาร 2.1.5 การจำแนกต้นทุนเพื่อการควบคุมและวัตผลการปฏิบัติงาน เป็นการควบคุมต้นทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เป็นหน้าที่ที่สำคัญของ ผู้บริหาร ซึ่งจะต้องกำหนดหน่วยงานที่ต้องการควบคุมต้นทุนแล้ววางแผนการควบคุมงาน ตลอดจน
7 การปฏิบัติละการวัดผลการปฏิบัติการควบคุมดังกล่าว ว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ซึ่งในการ ควบคุมตันทุนนั้นสามารถจำแนกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) ตันทุนที่ควบคุมได้คือ ต้นทุนที่ผู้จัดการหัวหน้างานสามารถสั่งการหรือควบคุม ได้ เช่น ค่าล่วงเวลา ค่าวัสดุสิ้นเปลือง เป็นต้น 2) ต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้ คือ ต้นทุนที่ผู้จัดการหรือหัวหน้างานไม่สามารถสั่งการ เพราะอยู่ในอำนาจการตัดสินใจของผู้บริหารหรือได้รับการปันส่วนกลางไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ค่าเสื่อมราคาโรงงาน ค่าสาธารณูปโภค เป็นต้น 2.1.6 การจำแนกต้นทุนเพื่อการตัดสินใจ ต้นทุนประเภทนี้สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้ 1) ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ คือ ต้นทุนที่มีสัมพันธ์กับการตัดสินใจของ ผู้บริหารเพื่อใช้ในการประเมินทางเลือก ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบต้นทุนในอดีตหรือการ พยากรณ์โดยอาศัยเทคนิคทางสถิติ ซึ่งสามารถจำแนกประเภทได้ ดังนี้ 1.1) ต้นทุนส่วนต่าง คือ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการ ปฏิบัติเดิมให้เป็นวิธีการปฏิบัติใหม่ เช่น กำลังการผลิต 100 หน่วย ต้นทุนต่อหน่วย 2 บาท และถ้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 150 หน่วย ต้นทุนต่อหน่วยเป็น 1.80 บาท จะทำให้เกิดต้นทุนส่วน ต่างที่ลดลงจากเดิมเมื่อเทียบกับการผลิตเดิมอยู่ 0.20 บาท 1.2) ต้นทุนที่เลี่ยงได้ คือ ต้นทุนที่สามารถประหยัดจากการตัดสินใจเลือกเช่น การยุบสาขาที่ได้กำไรน้อยหรือขาดทุน จะช่วยลดต้นทุนได้ลงจากเดิม 1.3) ต้นทุนค่าเสียโอกาส คือ ผลตอบแทนที่กิจการได้รับจากการตัดสินใจ เลือกทางใดทางหนึ่ง แต่กิจการต้องสูญเสียผลตอบแทนจากทางเลือกที่ไม่ได้เลือก เช่น มีเงิน 10,000 บาท ถ้าฝากเงินประจำจะได้ดอกเบี้ย 200 บาท ต่อปี แต่ถ้าปล่อยเงินกู้จะได้ ดอกเบี้ย 500 บาท ต่อปี ซึ่งถ้าเลือกปล่อยเงินกู้จะทำให้สูญเสียโอกาสได้รับดอกเบี้ยจากการฝาก เงินเป็นจำนวน 200 บาท 2) ต้นทุนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ คือ ต้นทุนที่ไม่แสดงความสัมพันธ์เกี่ยวข้อง กับการตัดสินใจ ไม่ว่าผู้บริหารจะเลือกทางใดก็ตาม ซึ่งสามารถจำแนกได้ดังนี้ 2.1) ต้นทุนจม คือ ต้นทุนที่เกิดขึ้นในอดีตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น การซื้อเครื่องจักรมาในราคา 20,0000 บาท เป็นเวลา 2 ปี ไม่ว่ากิจการจะขายหรือไม่ขายต้นทุน ดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นแล้วจากการซื้อเครื่องจักร 2.2) ตันทุนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ ต้นทุนที่ยังคงมีอยู่ไม่ว่าจะก่อนการ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ เช่น ค่าเสียภาษีทรัพย์สินโรงงาน เป็นต้น
8 2.2 หลักการแนวคิดและผลตอบแทน การวิเคราะห์การลงทุนและผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงงานใด ๆ โดยเป็นการ เปรียบเทียบผลตอบแทนและต้นทุนของโครงงานนั้น ๆ ซึ่งผลตอบแทนและต้นทุนของโครงงาน จะเกิดขึ้นในระยะเวลาที่ต่างกันตลอดอายุของโครงงาน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการปรับคำเวลาของ โครงงานเพื่อให้ได้ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับและต้นทุนที่เสียไปในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน ให้เป็นเวลา ปัจจุบันก่อน แล้วจึงจะสามารถทำการเปรียบเทียบกันได้อย่างถูกต้องแน่นอนชัดเจนมากยิ่งขึ้น (เสถียร ศรีบุญเรือง. 2542) การวิเคราะห์ทางด้านการเงินเป็นการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุน และผลตอบแทนหรือผลกำไรทางการเงินของรายงานโครงงาน เพื่อวิเคราะห์ว่าโครงงานที่จัดทำขึ้น นั้นมีความคุ้มคำกับการลงทุนหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งการวิเคราะห์เป็น 2 ประเภท ดังนี้ 1) วิธีการวิเคราะห์โดยไม่มีการคิดลดลง (Undiscounted Approach) คือการวัดค่าของต้นทุน และผลตอบแทนจากโรงงาน โดยไม่คำนึงถึงว่าเงินที่ได้รับในช่วงเวลาที่ต่างกัน เช่น เงินสดรับในปี ที่ 1 จำนวนหนึ่งกับเงินจำนวนเดียวกันนี้ที่จะได้ในปีที่ 5 จะถือว่ามูลค่าที่เท่ากับการวิเคราะห์วิธีนี้ เช่น การหาระยะเวลาคืนทุน (Playback Period) ซึ่งเป็นการคำนวณนับจากจุดเริ่มต้นโครงงาน จะใช้ระยะเวลาอีกเท่าไร จึงจะมีกระแสเงินสดรับสุทธิจากโครงงานรวมกันเท่ากับมูลค่าในการลงทุน (Total Capital Investment) 2) วิธีการวิเคราะห์โดยวิธีการคิดลด (Discounted Approach) วิธีการวิเคราะห์โดยการมีการคิดลดเป็นวิธีการวัดค่าของผลตอบแทนและต้นทุนหรือค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นจากโครงงานโดยคำนึงถึงค่าเสียโอกาสผ่านวิธีการคิดลด (Discounted Method) ซึ่งวิธี ที่นิยมใช้ ได้แก่ มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อัตราผลตอบแทนภายในจากการลงทุน (IRR) วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์ทางการเงิน 4 ประการดังนี้ 1) เพื่อประเมินความเป็นไปได้ทาง การเงินวัตถุประสงค์สำคัญของการวิเคราะห์ทางการเงิน คือการประเมินความสามารถในทาง โครงงานนั้นคือโครงงานสามารถก่อให้เกิดรายได้ที่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และมีอัตราตอบแทนที่ดี การประเมินส่วนนี้จะต้องมีการประมานต้นทุนและผลตอบแทนทั้งสิ้น เพื่อการศึกษาผลตอบแทน สุทธิของโครงงาน 2) เพื่อประเมินแรงจูงใจที่มีต่อเจ้าของและผู้มีส่วนร่วมกับโครงงาน ถ้าเป็น โครงงานรัฐวิสาหกิจหรือรัฐบาลให้การสนับสนุนก็จะพิจารณาผลตอบแทนที่ได้รับนั้นเพียงพอต่อการ เลี้ยงตัวเองและบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการหรือไม่ 3) เพื่อจัดให้มีแผนการเงินที่ดีเพื่อโครงงาน มีกำไรและผลตอบแทนที่ดีก็มีแผนการเงินที่ดีด้วยโดยเฉพาะการวางแผนจัดหาเงินทุน เพื่อให้ได้มาซึ่ง เงินทุนในจำนวนและเวลาตามที่ต้องการโดยเสียค่าใช้จ่ายต่ำสุดรวมทั้งเพื่อให้ข้อเสนอแนะถึงวิธีการ ปรับปรุงความเป็นไปได้ทางคุณส่งการเงินของโครงงาน โดยเฉพาะความเหมาะสมของอัตราค่าบริการ ราคาและปริมาณการผลิตที่คุ้มทุน 4) เพื่อประเมินขีดความสามารถในการบริหารการเงินสำหรับ โครงงานลงทุนขนาดใหญ่ที่มีการบริหารการเงินที่สลับซับซ้อน ก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงระบบการ จัดการด้านการเงิน การเปลี่ยนแปลงขององค์กรและการจัดการควรจัดระเบียบให้มีการควบคุม การตรวจสอบการเงินรวมทั้งการฝึกอบรมทักษะเฉพาะทางเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้โครงงานดำเนินไปตาม วัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
9 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง Tawasin et.al (2001) ได้ทำการทดสอบฤทธิ์ของการไล่ยุงจากน้ำมันหอมระเหยที่สกัด ด้วยวิธีการกลั่น ด้วยไอน้ำ จากมะกรูด ขมิ้น ตะไคร้หอม และโหระพา ต่อยุง 3 ชนิด ได้แก่ Aedes aegypti, Anopheles dirus และ Culex quinquefasciatus โดยพบว่า ทั้ง 3 ชนิด เมื่อเติม 5% วานิลลิน สามารถป้องกันยุงได้นานกว่า 3 – 8 ชั่วโมงภายใต้การทดลองในกรง Yang, P. and Ma, Y. (2005) ได้ศึกษาน้ำมันหอมระเหย 6 ชนิด คือ น้ำมันดอกคาโมมายล์ (asteraceae oil) น้ำมันจากพืชตระกูลส้ม (rutaceae oil) น้ำมันเปบเปอร์มินต์ (mentha piperta oil) น้ำมันสกัดจากออริกาโน่ (carvacrol oil) น้ำมันตะไคร้ (citronella oil) และน้ำมัน ยูคาลิปตัส (eucalyptus oil) เพื่อประเมินความสามารถในการไล่ยุงลายสวน (Aedes albopictus) ในห้องปฏิบัติการ (เฉพาะน้ำมันตะไคร้หอมและน้ำมันยู คาลิปตัสที่มีการทดสอบกับมนุษย์ที่เหลือใช้ หนูเป็นตัวทดสอบ) พบว่าสามารถป้องกันหนูจากการถูกยุงกัดได้ โดยน้ำมันคาโมมายด์ (7%) ให้การป้องกัน 100% สำหรับหนูหลังจาก 7 ชม. น้ำมันยูคาลิปตัส (15%) ให้การปกป้องมนุษย์ เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และความสามารถในการป้องกันจะเพิ่มขึ้น เป็น 5 ชั่วโมงหลังจาก เติมวานิลลิน 5% Trongtokit et. Al (2005) ทำการทดสอบสารสกัดมะแข่นที่ความเข้มข้นร้อยละ 10 50 และ 100 พบว่าป้องกันยุงลายบ้านได้ 30 นาที 80 นาที และ 120 นาที ตามลำดับเมื่อ ทดสอบป้องกันยุงรำคาญพบว่าสามารถป้องกันได้ 50 นาที100 นาทีและ 170 นาที ตามลำดับ มนัสวี และคณะ (2551) ได้ศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันเมล็ดสะเดาช้าง สารสกัด หยาบจากเมล็ดสะเดาช้างในการป้องกันการดูดเลือดและการทำให้ยุงลายตกสู่พื้น โดยวิธีทาผิวหนัง เครื่องไล่ยุงไฟฟ้าแบบแผ่นแมทฟอยล์ และยาจุดกันยุง ผลการทดลองพบว่าน้ำมันเมล็ดสะเดาช้าง 15% และสารสกัดหยาบจากเมล็ดสะเดาช้าง 10% ป้องกันการดูดเลือดของยุงลายได้นาน 90 และ 60 นาที ตามลำดับ เมื่อนำสารดังกล่าวผสมกับ vanillin 5% พบว่าสามารถป้องกันการดูด เลือดของยุงลายได้นานขึ้นเป็น 210 และ 120 นาที ตามลำดับ ศรีสุดา และคณะ สาบเสือเป็นวัชพืชที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพหลากหลาย ดังนั้นงานวิจัยนี้จึง สนใจวิธีการสกัด และ ประยุกต์ใช้สำหรับฆ่าลูกน้ำยุง (ลูกน้ำยุงระยะที่ 3 ถึงระยะที่ 4) และไล่ ยุงลายบ้าน Aedes aegypti, ยุงรำคาญ Culex quinquefasciatus และยุงก้นปล่อง Anopheles dirus B โดยนำส่วนใบ ลำต้น และรากสาบเสือ มาสกัดด้วยน้ำ เอทานอลและเมทานอลเป็นตัวทำ ละลาย ผลการทดลองพบว่าเปอร์เซ็นต์ผลผลิตของสารสกัดหยาบจากใบด้วยเมทานอลเท่ากับ 29.19±2.71 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่าตัวทำละลายอื่น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติยิ่งไปกว่านั้นผลผลิต ของน้ำมันหอมระเหยจากใบ (0.25±0.015 เปอร์เซ็นต์) ให้ปริมาณน้ำมันหอมระเหยสูงกว่าลำต้น และรากอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติสารสกัดหยาบจากรากด้วยเอทานอล แสดงฤทธิ์ปานกลางในการ
10 ฆ่าลูกน้ำ ยุงก้นปล่อง และยุงรำคาญ ในขณะที่สารสกัดหยาบจากใบด้วยเมทานอลพบ Tannins และ Saponins ในปริมาณ มากซึ่งแสดงฤทธิ์ปานกลาง ในการไล่ยุงรำคาญ Cx. quinquefasciatus น้ำมันหอมระเหยจากใบแสดงฤทธิ์ปาน กลางในการฆ่าลูกน้ำยุง (โชติมา 2549) , (Sharma 2001) ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง ทั้งชนิดทาและชนิดยาจุดกัน ยุงส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะมีส่วนผสมของสารเคมี ซึ่งมีหลายชนิด เช่น กลุ่มไพรีทรอยด์ (pyrethroids) ซึ่งเป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารไพรีทริน (pyrethrins) ที่สกัดได้จากพืช ตระกูลเบญจมาศ สารออกฤทธิ์กลุ่ม ไพรีทรอยด์ที่นิยมใช้ในยาจุดกันยุงและขึ้นทะเบียนไว้กับ อย. มีหลายชนิด เช่น ดี-อัลเลทริน (d-allethrin) เอสไบโอทริน (esbiothrin) เมโทฟลูทริน (metofluthrin) โดยออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของระบบประสาทของยุง ทำให้ยุงเป็นอัมพาต จึง ช่วยลดอัตราการกัดของยุงและป้องกัน 15 การรบกวนจากยุงได้มีความเป็นพิษต่ำ แต่หากได้รับหรือ สัมผัสในปริมาณมากอาจเกิดอาการมึนงง อาเจียน หมดสติ เกิดอาการผื่นแพ้และระคายเคืองทาง ผิวหนังได้ นอกจากนี้สารออกฤทธิ์สำคัญที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์กันยุง อีกสองชนิดที่สามารถป้องกัน ยุงได้ดีและมีราคาไม่แพง ชนิดแรกคือ N, N-diethyl-m-toluamide (DEET) ซึ่งเป็นสาร สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์ในการไล่ยุงที่ใช้ทั่วไป นิยมใส่ในยากันยุงชนิดทา สามารถป้องกันยุงได้ดีข้อเสีย คือ ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังและดวงตา หากสูดดมเข้าไปทำให้เกิดการระคายเคืองที่แผ่น เยื่อเมือกและทางเดินหายใจส่วนบน การได้รับสารเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ในการ ทดลองกับหนูการได้รับสาร DEET แบบเรื้อรังจะก่อให้เกิดการกลายพันธุ์และมีผลต่อทารกในครรภ์ ความเข้มข้นของ DEET ในผลิตภัณฑ์ไล่ยุงอยู่ระหว่าง 5 - 25% (w/w) ปริมาณเปอร์เซ็นต์ที่มาก ขึ้นของ DEET ไม่ได้หมายถึงประสิทธิภาพในการไล่ยุงจะมากขึ้น แต่หมายถึงระยะเวลาในการ ป้องกันยุงนานขึ้น เช่นที่ 6% จะป้องกันยุงได้ 2 ชั่วโมง ในขณะที่ 20% จะป้องกันยุง ได้ 4 ชั่วโมง ชนิดที่สอง คือ dimethyl phthalate มีความเป็นพิษปานกลาง อาจทำให้เกิดการ ระคายเคืองเช่นเดียวกับ DEET มีผลในการกดระบบประสาทส่วนกลางรบกวนระบบทางเดินอาหาร ทำอันตรายต่อไต มีความเสี่ยงทำให้เกิดการพิการแต่กำเนิดของทารกในครรภ์ มีความเป็นพิษ เล็กน้อยต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำโดยเฉพาะกับปลาและยังมีสารออกฤทธิ์อื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ ผู้บริโภคที่แพ้สารเคมีได้ นอกจากนี้ ยุงที่รอดชีวิตจะเกิดการต้านทานต่อสารเคมีสังเคราะห์ทำให้การ กำจัดทำได้ยากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น รวมถึงสภาวะโลกร้อนที่ แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้เกิดการระบาดของโรคที่มียุงเป็นพาหะได้ง่ายและสามารถพบ การระบาดของยุงได้ในทุกฤดูกาล ทำให้การป้องกันการถูกยุงกัดควรเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นปกติเมื่อต้อง ออกนอกบ้าน ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยากันยุงชนิดทา ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีต่อเนื่องเป็น ระยะเวลานาน สามารถก่อให้เกิดสารพิษสะสมในร่างกายได้และยังมีข้อจำกัดในการใช้สำหรับเด็ก และสตรีมีครรภ์ ด้วยเหตุนี้งานวิจัยชิ้นนี้จึงมุ่งเน้นการใช้สารสกัดจากธรรมชาติ
11 สุทธิ และคณะ (2555) ซึ่งการทดสอบความสามารถในการป้องกันยุงในการศึกษานี้ ได้ประยุกต์จากวิธีของสุทธิและคณะ ซึ่งได้ทำการทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงลายบ้านของสารสกัดจากสักทั้งที่ สกัดด้วย วิธีแช่ยุ่ยและวิธีแบบ Soxhlet ที่ระดับความความเข้มข้น 0.5%, 1%, 2.5%, 5%, และ 10% (น้ำหนัก/ปริมาตร) โดยใช้ชุดทดสอบ Excitorepellency assay ซึ่งจะแบ่งเป็นการ ทดสอบแบบที่ไม่ให้ยุงสัมผัสกับกระดาษทดสอบโดยตรง (มีแผ่นมุ้ง ลวดตาข่ายกั้น) และแบบให้ยุง สัมผัสกับกระดาษทดสอบโดยตรง (ไม่มีแผ่นมุ้งลวดตาข่ายกั้น) แตกต่างกันตรงที่ถ้าเป็นการทดสอบ แบบไม่ให้ยุงสัมผัสสารโดยตรง จะต้องติดตั้งกระดาษชุบสารให้อยู่ใต้แผ่นมุ้งลวดตาข่าย ดังนั้นขายุง จะไม่มีโอกาส ได้สัมผัสกับสารสกัดเลยจะได้รับเฉพาะไอของสารที่ระเหยออกมาเท่านั้น ยุงลายบ้าน ที่ใช้ทดสอบ ชุดละ 15 ตัว บันทึกจำนวนตัวของยุงที่บินออกจากกล่อง ทุก ๆ 1 นาทีจนครบ 30 นาทีแล้วบันทึกจำนวนยุงที่เหลือในกล่องทดสอบยุงที่สลบและไม่สลบ พร้อมทั้งนำใส่ถ้วย กระดาษที่ใช้เลี้ยงยุงอีกใบหนึ่ง ส่วนถ้วยกระดาษใส่ยุงที่หนีออกมาจากช่องทางออกก็บันทึกจำนวน ยุงที่สลบด้วยเช่นกัน ดังนั้นแต่ละกล่องทดสอบจะมีถ้วยกระดาษ เลี้ยงยุง 2 ใบ หลังจากนั้น นำถ้วยกระดาษที่ใส่ยุงเหล่านี้ไปเลี้ยงต่อ 24 ชั่วโมง หลังการทดสอบเสร็จ โดยในห้องเลี้ยงยุงนั้น ถ้วยกระดาษแต่ละใบจะวางสำลีชุบน้ำหวานความเข้มข้น 10% พอหมาด ๆ บนผ้ามุ้งที่ปิดปากถ้วย กระดาษ เมื่อครบ 24 ชั่วโมง บันทึกจำนวนยุงที่ตายในแต่ละถ้วยกระดาษ แล้วคำนวณอัตรา การตายหลังจาก 24 ชั่วโมงในแต่ละกล่องทดสอบ อารีกมล และคณะ การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกสมุนไพรของกลุ่ม เกษตรกรบ้านหนองสุวรรณ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสอง จังหวัดแพร่ โดยใช้ทฤษฎีทางการบัญชี และเศรษฐศาสตร์ พบว่าเกษตรกรมีกำไรสุทธิทางการบัญชีเฉลี่ยเท่ากับ 2,708.76 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี มีกำไรส่วนเกินรวมเท่ากับ 3,310.05 บาท ต่อครัวเรือนอื่นต่อปีมีกำไรส่วนเกิน ต่อยอดขายรวมเท่ากับร้อยละ 40.81 และมียอดขาย ณ จุดเสมอตัวเฉลี่ยเท่ากับ 1,473.39 บาท ต่อครัวเรือนต่อปี การวิเคราะห์โดยใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ พบว่าเกษตรกรมีกำไรสุทธิเหนือ ต้นทุนเงินสดเฉลี่ยเท่ากับ 6,416.48 บาทต่อครัวเรือนต่อปี กำไรสุทธิเหนือต้นทุนเงินสด มีค่ามากกว่ากำไรสุทธิทางบัญชี เท่ากับ 2.37 เท่า เนื่องจากต้นทุนที่ไม่ได้จ่ายไปจริง ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นค่าแรงงานทางตรง และค่าแรงงานทางอ้อม ที่เกษตรกรไม่ได้จ้างแรงงานจากภายนอกเพิ่ม
12 2.4 กรอบแนวคิดในการศึกษา ภาพที่ 2.4 แสดงแนวคิดในการศึกษา ต้นทุน ผลตอบแทน ต้นทุนตามส่วนประกอบของการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1. ค่าวัตถุดิบ 2. ค่าแรงงาน 3. ค่าใช้จ่ายในการผลิต ก าไร (ขาดทุน) จากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง รายได้จากการขาย หัก ต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงก าไรขั้นต้น การวิเคราะห์ ต้นทุนและผลตอบแทน โครงสร้างต้นทุน การผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง อัตราผลตอบแทน 1. อัตราก าไรขั้นต้นต่อต้นทุน 2. อัตราก าไรขั้นต้นต่อยอดขาย
บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการตามลำดับดังนี้ 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 3.3 วิธีดำเนินการศึกษา 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล 3.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล 3.1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง 3.1.1 ประชากรที่ใช้ในการศึกษาตามโครงการสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ได้แก่ นักเรียนนักศึกษา แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 304 คน 3.1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในโครงการสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ได้แก่ นักเรียนนักศึกษาแผนก วิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 25 คน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยเลือกจากผู้ที่สนใจ สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 3.2 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความพึงพอใจในการ ใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงของผู้ที่สนใจ และสมุดบัญชีรายได้ค่าใช้จ่ายในการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทน
14 3.3 วิธีดำเนินการศึกษา ผู้จัดทำโครงการ ได้ดำเนินการศึกษาขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ การสร้างแบบสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการลทุนทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ของนักเรียน นักศึกษาแผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 25 คน ดำเนินการดังนี้ 3.3.1 การสร้างแบบสอบถามความคิดเห็นและพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงของผู้ ที่สนใจ มีลำดับขั้นดังนี้ 1) ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างและพัฒนาแบบสอบถามขึ้นโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 สอบถามข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ส่วนที่ 2 ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 2) นำแบบสอบถามที่สร้างเสร็จแล้วไปขอคำแนะนำและตรวจสอบข้อคำถามที่ ถูกต้องเหมาะสมจากครูที่ปรึกษาโครงการก่อนนำไปเก็บข้อมูล 3) ปรับปรุงแบบสอบถามตามคำแนะนำของครูที่ปรึกษาโครงการก่อนนำไปเก็บ ข้อมูล 3.4 การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้จัดทำโครงการได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ 3.4.1 รวบรวมและบันทึกข้อมูลต้นทุนของสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงด้วยตนเอง 3.4.2 นำแบบสอบถามไปเก็บข้อมูลจากนักเรียนนักศึกษาที่สนใจสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง จำนวน 25 คน 3.4.3 นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ 3.5 การวิเคราะห์ข้อมูล หลังจากที่ได้รับแบบสอบถามครบถ้วนแล้ว นำมาตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูล ก่อนนำไปประมวลผลและได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลตามลำดับ ดังนี้ 3.5.1 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยเก็บรวบรวมข้อมูลมาทำการประมูลผล 3.5.2 การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหาประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่การตีข้อมูล การเปรียบเทียบข้อมูล การสังเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล
15 3.6 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลผู้รายงานได้ใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้ 3.6.1 ค่าความถี่ 3.6.2 ค่าร้อยละ 3.6.3 หาค่าเฉลี่ย ̅= ∑ เมื่อ ̅ แทน คะแนนค่าเฉลี่ย ∑ แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมด แทน จำนวนผู้ตอบแบบสอบถาม เกณฑ์การแปลความหมายของค่าเฉลี่ยระดับความคิดเห็นของผู้ใช้ที่มีผลต่อพฤติกรรมการ ใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ใช้เกณฑ์ดังนี้ ระดับที่ 5 หมายถึง ระดับความคิดเห็นมากที่สุด ระดับที่ 4 หมายถึง ระดับความคิดเห็นมาก ระดับที่ 3 หมายถึง ระดับความคิดเห็นปานกลาง ระดับที่ 2 หมายถึง ระดับความคิดเห็นน้อย ระดับที่ 1 หมายถึง ระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การคำเนินการศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย เป็นการศึกษาและเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบบันทึกต้นทุนและแบบสอบถาม ผู้ศึกษานำเสนอผลวิเคราะห์ตามลำดับดังนี้ 4.1 ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.2 ข้อมูลสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 4.3 ข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการอุปโภคสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.1 ข้อมูลต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.1.1 ข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง โดยต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงแบ่งตามส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน และค่าใช้จ่ายในการผลิต ดังตารางที่ 4.1-4.7 ตารางที่ 4.1 แสดงการแบ่งปันประเภทต้นทุนที่ทำการศึกษา ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลิต 1.ตะไคร้หอม 1.ค่าแรงงานตนเอง 1.ค่าบรรจุภัณฑ์ 2.แอลกอฮอล์ 2.ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 3.การบูร 4.มะกรูด
17 ตารางที่ 4.2 แสดงต้นทุนค่าวัตถุดิบในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง (จำนวนการผลิต สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 25 ขวด) ผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ จำนวน (หน่วย) ราคา (บาท) สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 1.ตะไคร้หอม 900 กรัม 70.00 2.แอลกอฮอล์ 3.5 ลิตร 350.00 3.การบูร 100 กรัม 40.00 4.ผิวมะกรูด 450 กรัม 20.00 รวม 480.00 ต้นทุนที่เฉลี่ยต่อขวด 19.20 จากตารางที่ 4.2 แสดงต้นทุนค่าวัตถุดิบในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง (สำหรับสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุง 25 ขวด) พบว่า อันดับแรกคือ ตะไคร้หอม 900 กรัม ในราคา 70 บาท และ รองลงมาคือ แอลกอฮอล์ 3.5 ลิตร ในราคา 350 บาท การบูร 100 กรัม ในราคา 40 บาท ผิวมะกรูด 450 กรัม ในราคา 20 บาท รวมเป็นเงิน 480 บาท จึงทำให้ต้นทุนเฉลี่ย 19.20 บาทต่อขวด ตารางที่ 4.3 แสดงต้นทุนค่าแรงงานในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง (จำนวนการผลิต ตะไคร้ไล่ยุง 25 ขวด) ที่ รายการ จำนวน (บาท/วัน) 1. ค่าแรงงาน 248.00 ค่าแรงงานเฉลี่ยต่อขวด 9.92 จากตารางที่ 4.3 พบว่าการวิเคราะห์ต้นทุนค่าแรงงานในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเฉลี่ย ต่อขวด 9.92 บาท คิดเป็นค่าแรงงานต่อการผลิต 3 ครั้ง 248 บาท
18 ตารางที่ 4.4 แสดงข้อมูลสินทรัพย์และค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ (จำนวนการผลิตสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุง 25 ขวด) อายุ (ปี) ราคา (บาท) ค่าเสื่อมราคา (บาท) อุปกรณ์ 1 251.20 251.20 ค่าเสื่อมราคา 2.00 จากตารางที่ 4.4 แสดงข้อมูลสินทรัพย์ ค่าเสื่อมราคาทั้งหมดเป็นค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ ราคา 251.20 บาท คิดเป็น 2.00 บาทต่อขวด ตารางที่ 4.5 แสดงข้อมูลต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต ที่ รายการ ราคา (บาท) ร้อยละ 1. ค่าบรรจุภัณฑ์ 19.20 90.57 2. ค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 2.00 9.43 21.20 100.00 จากตารางที่ 4.5 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนค่าใช้จ่ายในการผลิต พบว่าอันดับ แรกคือค่าใช้จ่ายในการผลิต 21.20 บาทต่อขวด มีค่าบรรจุภัณฑ์ 19.20 บาท คิดเป็นร้อยละ 90.57 รองลงมาคือค่าเสื่อมราคาอุปกรณ์ 2.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 9.43 ตารางที่ 4.6 แสดงข้อมูลต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ที่ รายการ ต้นทุนเฉลี่ยต่อขวด ร้อยละ 1. ค่าวัตถุดิบ 19.20 38.16 2. ค่าแรงงาน 9.92 19.71 3. ค่าใช่จ่ายในการผลิต 21.20 42.13 ต้นทุนในการผลิตรวม 50.32 100.00 จากตารางที่ 4.6 แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนในการผลิตในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุง พบว่าอันดับแรกคือค่าวัตถุดิบ 19.20 บาท คิดเป็นร้อยละ 38.16 รองลงมาคือค่าแรงงาน 9.92บาท คิดเป็นร้อยละ 19.71 และค่าใช้จ่ายในการผลิต 21.20 บาท คิดเป็นร้อยละ 42.13 จึงทำให้ต้นทุนในการผลิตเฉลี่ย 50.32 บาทต่อขวด
19 4.1.2 ข้อมูลเกี่ยวกับผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง การศึกษาผลตอบแทนจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ผู้ศึกษาได้ทำการศึกษาจาก ราคาขาย กำไรขั้นต้น อัตรากำไรต่อทุน และอัตรากำไรยอดขายดังแสดงในตารางที่ 4.8-4.10 ตารางที่ 4.7 แสดงต้นทุนของราคาขายต่อขวดของผลิตภัณฑ์สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ชื่อผลิตภัณฑ์ ราคาขายต่อขวด (บาท) สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 60.00 จากตารางที่ 4.7 แสดงผลการวิเคราะห์ต้นทุนของราคาขายต่อถุง พบว่า สเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุงราคาขาย 60 บาท ตารางที่ 4.8 แสดงกำไรขั้นต้นจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงต่อขวด รายการ จำนวน (บาท) รายได้จากการขายสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 60.00 หัก ต้นทุนขาย ค่าวัตถุดิบ 19.20 ค่าแรงงาน 9.92 ค่าใช้จ่ายในการผลิต 21.20 50.32 กำไรขั้นต้น 9.68 จากตารางที่ 4.8 แสดงผลการวิเคราะห์กำไรขั้นต้น พบว่า มีรายได้จากการผลิตสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุง 50.32 บาทต่อขวด มีต้นทุนขาย อันดับแรกคือค่าวัตถุดิบ 19.20 บาท รองลงมาคือ ค่าแรงงาน 9.92 บาท และค่าใช้จ่ายในการผลิต 21.20 บาท จึงทำให้มีกำไรขั้นต้น 9.68 บาท ต่อขวด
20 ตารางที่ 4.9 แสดงการคำนวณหาอัตราผลตอบแทนจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง อัตราส่วน สูตรการคำนวณ แทนค่า ผลการคำนวณ อัตรากำไรต่อทุน กำไรขั้นต้น ต้นทุน 9.68 × 100 50.32 19.24 อัตรากำไรต่อยอดขาย กำไรขั้นต้น ราคาขาย 9.68 × 100 60 16.13 จากตารางที่ 4.9 แสดงผลการวิเคราะห์อัตราผลตอบแทนจากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง เฉลี่ยต่อขวด พบว่า มีอัตรากำไรต่อทุน 19.24% และมีอัตรากำไรต่อยอดขาย 16.13% 4.2 ข้อมูลสภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม การศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่สนใจสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยเลือกจากนักเรียนนักศึกษาที่สนใจสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง จำนวน 25 ซึ่ง ผู้ศึกษาได้นำมาวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับเพศ อายุ สถานภาพ และ อาชีพ ดังแสดงในตารางที่ 4.10-4.13 ตารางที่ 4.10 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ จำนวน ร้อยละ มัธยมศึกษา 8 32.00 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) 16 64.00 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) 1 4.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 4.10 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดอยู่ในระดับ มัธยมศึกษา จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 32.00 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 64.00 และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4.00 ตามลำดับ
21 ตารางที่ 4.11 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของเพศของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ จำนวน ร้อยละ ชาย หญิง 10 15 40.00 60.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 4.11 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกเป็นเพศชาย จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 40 เพศหญิง จำนวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 60 ตารางที่ 4.12 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของอายุของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ จำนวน ร้อยละ ต่ำกว่า 15 ปี 2 8.00 15-20 ปี 20 80.00 20-30 ปี 1 4.00 30 ปีขึ้นไป 2 8.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 4.12 พบว่า คนที่ตอบแบบสอบถามอันดับแรกคือมีอายุ 15-20 ปี จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 80 รองลงมาคืออายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 8 อายุ 30 ปีขึ้นไป จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 8 และอายุ 20-30 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 4 ตารางที่ 4.13 แสดงจำนวนและค่าร้อยละของอาชีพของผู้ตอบแบบสอบถาม รายการ จำนวน ร้อยละ นักเรียน/นักศึกษา 24 96.00 ครู อื่นๆ 0 1 0.00 4.00 รวม 25 100.00 จากตารางที่ 4.13 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกมีอาชีพ นักเรียน/นักศึกษา จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 96 และอื่นๆ จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4
22 4.3 ข้อมูลปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ผลการวิเคราะห์ระดับความคิดเห็นของผู้ใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ที่เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อ พฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ตารางที่ 4.14 แสดงค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานความคิดเห็นใช้เกี่ยวกับปัจจัยที่มี ผลต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ผลการวิเคราะห์ ระดับ รายการ S.D ความคิดเห็น ปัจจัยด้านการผลิตภัณฑ์ 4.63 0.54 มากที่สุด 1.กลิ่นของตะไคร้ไล่ยุง 4.88 0.44 มากที่สุด 2.คุณภาพของสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.48 0.77 มากที่สุด 3.สีสันของสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.52 0.71 มากที่สุด 4.ปริมาณของสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 4.64 0.64 มากที่สุด ปัจจัยด้านราคา 4.60 0.65 มากที่สุด 1.ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณ 4.60 0.65 มากที่สุด ปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการขาย 4.63 0.60 มากที่สุด 1.การโฆษณาประชาสัมพันธ์ 4.60 0.58 มากที่สุด 2.ความน่าเชื่อถือในการชำระเงิน 4.60 0.71 มากที่สุด 3.อัธยาศัยและการให้บริการของผู้ขาย 4.68 0.63 มากที่สุด รวม 4.62 0.09 มากที่สุด จากตารางที่ 4.14 ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นว่าปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการใช้ สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงด้านที่มีค่าเฉลี่ย สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการ ขาย (̅= 4.63, S.D = 0.60) ปัจจัยด้านการผลิตภัณฑ์ (̅= 4.63 , S.D = 0.54) ปัจจัยด้าน ราคา (̅= 4.60, S.D = 0.65)
23 4.4 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ตารางที่ 4.15 ข้อมูลเกี่ยวกับการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง รายการ ข้อมูล วิธีการจำหน่าย ขายปลีก ปริมาณ 25 จำนวนคนทำ 3 จากตารางที่ 4.15 แสดงข้อมูลเกี่ยวกับการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง พบว่า วิธีการจำหน่าย สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง คือ วิธีการขายปลีก ปริมาณการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงต่อเดือน 25 ขวด คน ทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 3 คน
บทที่ 5 สรุปการศึกษา การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ การดำเนินการศึกษาครั้งนี้ เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำสเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย มีวัตถุปะสงค์ 5.1 เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 5.2 เพื่อศึกษาค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้จากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 5.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา แผนกวิชาการบัญชี วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จำนวน 25 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุง และแบบบันทึกต้นทุนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้ศึกษาได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเองโดยนำ แบบสอบถามที่สร้างเสร็จแล้วไปทำการเก็บข้อมูลด้วยตนเอง จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 25 คน รวบรวมแบบสอบถามที่ได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใช้สถิติพื้นฐานการแจกแจงความถี่และค่า ร้อยละ และใช้ผลตอบแทนโดยใช้อัตราส่วนทางการเงิน 5.1 สรุปผลการศึกษา จากผลการวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย ดังนี้ 5.1.1 ต้นทุนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเฉลี่ยต่อขวด จากผลการศึกษา พบว่า ในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง มีต้นทุนเฉลี่ย 51.89 บาทต่อขวด ประกอบด้วย ค่าวัตถุดิบ 19.20 บาทต่อขวด ค่าแรงงาน 9.92 บาทต่อขวด และ ค่าใช้จ่ายในการผลิต 27.57 บาทต่อขวด
25 5.1.2 สภานภาพและข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแทนแบบสอบถามจากผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนมากเป็นนักเรียน นักศึกษาระดับชั้น (ปวช.) จำนวน 16 คน คิดเป็นร้อยละ 64.00 รองลงมาคือ มัธยมศึกษา จำนวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 32.00 และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวส.) จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4.00 ตามลำดับ เพศของผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกคือ เพศหญิง จำนวน 15 คน คิดเป็น ร้อยละ 60.00 รองลงมาคือ เพศชาย จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 ตามลำดับ อายุของผู้ตอบแบบสอบถามอันดับแรกคือ อายุ 15-20 ปี จำนวน 20 คน คิดเป็นร้อยละ 80.00 อายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 8.00 อายุ 30 ปีขึ้น ไป จำนวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 8.00 และอายุ 20-30 ปี จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4.00 ตามลำดับ ส่วนมากเป็นนักเรียน นักศึกษา จำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 96.00 รองลงมาคืออื่นๆ จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 4.00 ตามลำดับ 5.1.3 ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการบริโภคสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง จากการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นว่าปัจจัยทีมีผลต่อ พฤติกรรมการบริโภคสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงที่มีค่าเฉลี่ย 3 อันดับ ได้แก่ 1. ปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ 2. ปัจจัยด้านราคา 3. ปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการขาย 5.2 อภิปรายผลการศึกษา จากการสรุปผลการศึกษา มีประเด็นสำคัญที่ควรนำมาอภิปรายผล ดังนี้ 5.2.1 ต้นทุนการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สำคัญ ได้แก่ รายได้จากการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 55 บาทต่อขวด มีต้นทุนขาย อันดับแรกคือค่าวัตถุดิบ 19.20 บาท รองลงมาคือค่าแรงงาน 9.92 บาท และค่าใช้จ่ายในการผลิต 27.57 บาท จึงทำให้ มีกำไรขั้นต้น 3.31 บาทต่อขวด 5.2.2 การศึกษาความคิดเห็นและพฤติกรรมการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงของผู้ใช้ทุกปัจจัยมี ผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ในการเลือกซื้อสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงทั้งปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์ ปัจจัยด้านราคา และปัจจัยด้านบุคคลและส่งเสริมการขาย ดังนั้นในการตัดสินใจประกอบกิจการร้านสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ให้ความสำคัญกับทุกปัจจัย ซึ่งมีผลต่อกำไรและผู้แข่งขันได้
26 5.3 ข้อเสนอแนะ 5.3.1 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งนี้ ในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงมีต้นทุนในการทำที่ต่ำกว่าท้องตลาดจึงหาแนวทางใน การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำเพื่อให้ได้ สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงที่มีคุณภาพปละต้นทุนที่ต่ำลง 5.3.2 ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป ควรศึกษาแนวทางการพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อเพิ่ม ปริมาณการผลิตครั้งต่อไปและเพิ่มยอดขายให้สูงขึ้น
27 บรรณานุกรม Tawasin et.al (2001) “การทดสอบฤทธิ์ของการไล่ยุงจากน้ำมันหอมระเหย”, [ออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] Yang, P. and Ma, Y. (2005) “การศึกษาน้ำมันหอมระเหย 6 ชนิด”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] Trongtokit et. Al (2005) “การทดสอบสารสกัดมะแข่น”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] มนัสวี และคณะ (2551) “การศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันเมล็ดสะเดาช้าง”, [ออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] ศรีสุดา และคณะ “การศึกษาสาบเสือที่เป็นวัชพืชที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพหลากหลาย”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] (โชติมา 2549) , (Sharma 2001) “ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุง”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] สุทธิ และคณะ (2555) “การทดสอบฤทธิ์ไล่ยุงของสารสกัดธรรมชาติ”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566] อารีกมล และคณะ “การวิเคราะห์ต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกสมุนไพรของกลุ่มเกษตรกร”, [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก : https://shorturl.asia/b1c25 [สืบค้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566]
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง
30 แบบสอบถามฉบับนี้จัดทำขึ้นโดย นักศึกษาโครงงานการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิต สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นว่ามี ข้อผิดพลาดหรือข้อบกพร่องประการใดบ้าง ทำการสแกน QR Code ทางด้านบนเพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ตอบแบบสอบถาม หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ https://forms.gle/DkWoriBg5vj2wkZD8
31 ภาพที่ 1 ภาพการส่งเว็บไซต์ให้นักศึกษาตอบแบบสอบถาม ภาพที่ 2 ภาพการส่งเว็บไซต์ให้นักศึกษาตอบแบบสอบถาม
ภาคผนวก ข แบบเสนอหัวข้อและเค้าโครง โครงงานศึกษาต้นทุน และผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อจำหน่าย
แบบเสนอโครงงาน 1. ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) การศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง เพื่อจำหน่าย ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Cost and Return Sutdy on Production Lemogress Mosquito Repellent Spray for sale 2. ประเภทของโครงงาน สิ่งประดิษฐ์/นวัตกรรม ศึกษาทฤษฎีและหลักการ ศึกษาค้นคว้าทดลอง สำรวจรวบรวมข้อมูล 3. รายชื่อผู้จัดทำโครงงาน 3.1 นางสาวนวรัตน์ ทวีบูรณ์ รหัสนักศึกษา 64202011312 3.2 นางสาวสุภาพร ศรีเมือง รหัสนักศึกษา 64202011323 3.3 นางสาวไอยเรศ กองละเอียด รหัสนักศึกษา 64202011330 4. ครูที่ปรึกษาโครงงาน นางสาวจารุณี จุลบุตร 5. ความสำคัญของโครงงาน/หลักการและเหตุผล สำหรับในประเทศไทย เราจะสามารถพบเจอยุงที่เข้ามากัดกินเลือดของเราเป็นอาหาร และเป็นพาหะนำโรคหลัก ๆ ได้อยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ยุงก้นปล่อง ยุงลาย ยุงรำคาญ และยุง เสือ หรือยุงลายเสือ โดยยุงแต่ละสายพันธุ์มีความแตกต่างกันดังนี้ ยุงก้นปล่อง คือยุงที่เป็นพาหะ นำเชื้อ ไข้มาลาเรีย มีลำตัวเป็นสีน้ำตาล ปีกมีเกล็ดสี พบมากในพื้นที่ป่า มักออกหากินตั้งแต่เวลา หลัง 18.00 นาฬิกาเป็นต้นไป โดยยุงก้นปล่องแบ่งออกเป็นชนิดที่เป็นพาหะหลัก ได้แก่ ชนิดไดรัส ชนิดมินิมัส ชนิดแมคคูลาตัส และชนิดที่เป็นพาหะรอง ได้แก่ ชนิดซันไดคัส ชนิดอโคไนตัสและ ชนิดซูโดวิวโมไร ยุงลาย เป็นยุงที่พบได้บ่อยในบ้านเรือนทั่วไป เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นพาหะนำโรค ไข้เลือดออก รวม ไปถึงไข้ซิกา มีลำตัว ส่วนหัว และส่วนนอกเป็นเกล็ดสีดำสลับขาว ปากมี
ลักษณะยาว มักออกหา กินตอนกลางวัน ชอบวางไข่บนน้ำนิ่ง และตามแหล่งที่มีน้ำขังต่าง ๆ โดย ยุงลายแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ยุงลายบ้าน และยุงลายสวน ยุงรำคาญ เป็นพาหะของโรคไข้ สมองอักเสบ และโรค เท้าช้าง มีลำตัวเป็นสีน้ำตาล ปีกใส มักอาศัยและเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำ สกปรก หรือแหล่งน้ำที่ เน่าเสียต่าง ๆ ยุงรำคาญจะวางไข่บนผิวน้ำในลักษณะติดกันเป็นแพ และ ชอบกัดสัตว์ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าง วัว ควาย มากกว่ากัดคน ยุงเสือ หรือยุงลายเสือ เป็นพาหะนำ โรคเท้าช้าง มีลักษณะที่ แปลกตาและแตกต่างจากยุงชนิดอื่น ๆ คือบนลำตัวจะมีลวดลายสีเข้ม ดู สวยงาม บางชนิดมีลวด คล้ายลายเสือ ปีกมีเกล็ดหยาบ มักเพาะพันธุ์ตามแหล่งน้ำที่มีวัชพืชน้ำขึ้น เช่น หนอง บึง และ วางไข่ใต้ผิวน้ำติดตามวัชพืชน้ำต่าง ๆ มักออกหากินในเวลากลางคืน กัดและ กินทั้งเลือดของคน และสัตว์ โรคที่เกิดจากยุงเป็นโรคที่มีการระบาดอย่างรวดเร็วและมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นปัญหาที่สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนหากประชาชนยังขาดการรับรู้ และการมี ส่วนร่วมในการป้องกันและควบคุมโรคที่เกิดจากการโดนยุงกัด อาจจะทำให้มีการระบาดของโรคที่ เกิดจากการโดนยุงกัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งมีผู้คิดทำตัวยาเพื่อกำจัดยุง และป้องกันยุงขึ้นมาหลายชนิด เช่น ครีมทากันยุง ยาจุด กันยุง ยาฉีดกันยุง น้ำมันไล่ยุง เป็นต้น แต่ยากันยุงเหล่านี้ก่อให้เกิดปัญหา ขึ้นมากมาย เพราะมีสารที่เป็นอันตรายผสมอยู่ ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ ดังนั้น ทางกลุ่มจึงมีความคิดที่จะทำโครงงานเรื่องการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการ ผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อนำมาจำหน่าย โดยการนำตะไคร้หอมมาใช้ในรูปผลิตภัณฑ์สเปรย์ตะไคร้ หอม โดยให้มีส่วนผสมของตะไคร้ซึ่งจะได้สเปรย์ที่มีประสิทธิภาพการไล่ยุง 6. วัตถุประสงค์ของโครงงาน 6.1 เพื่อศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 6.2 ทำให้ทราบถึงผลกำไรขาดทุนจากการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 6.3 เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 7. ขอบเขตของโครงงาน 7.1 ด้านตัวแปร - 7.2 ด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ดังนี้ 7.2.1 ศึกษาต้นทุนการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุงตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการทำจนไป ถึงขั้นตอนการจัดจำหน่าย และวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุนในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ ยุง 7.2.2 ศึกษาผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง
7.3 ด้านเวลา พฤษภาคม - สิงหาคม 2566 7.4 แบบร่าง (ถ้ามี) - 8. วิธีการดำเนินงาน กิจกรรม/ขั้นตอน ดำเนินงาน ระยะเวลาดำเนินงาน (สัปดาห์ที่) หมายเหตุ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 ขั้นเตรียมการ เสนอหัวข้อโครงงาน และจัดทำแบบเสนอ ขออนุมัติโครงงาน ศึกษาข้อมูลขั้นตอน การผลิต ขั้นดำเนินการ ทำการผลิตสเปรย์ ตะไคร้ไล่ยุงเพื่อ จำหน่าย ทำการจำหน่าย สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ให้แก่กลุ่มที่สนใจ ขั้นสรุปและประเมินผล สรุปผลการ ดำเนินงาน จัดทำรายงานเพื่อ นำเสนอครูผู้สอนและ ครูที่ปรึกษาโครงงาน
9. รายการวัสดุและแหล่งที่มาของงบประมาณในการดำเนินโครงงาน 9.1 รายการวัสดุ ที่ รายการ จำนวน ราคาหน่วยละ จำนวนเงิน หมายเหตุ 1 วัตถุดิบในการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ ยุง 2 ชุด 350 บาท 700 บาท 2 อุปกรณ์ในการใช้ทำสเปรย์ตะไคร้ ไล่ยุง 1 ชุด 250 บาท 250 บาท 3 ค่าเอกสารรูปเล่ม 2 เล่ม 300 บาท 600 บาท รวมทั้งสิ้น 1,550 บาท 9.2 แหล่งที่มาของงบประมาณ ทุนส่วนตัวนักเรียน 10. ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการทำโครงงาน 10.1 ทำให้ทราบต้นทุนในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 10.2 ทำให้ทราบถึงผลกำไรขาดทุนการทำสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 10.3 เพื่อให้ทราบความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อการใช้สเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง 11. การติดตามและประเมินผลโครงงาน เครื่องมือที่ใช้ในการติดตามประเมินผลโครงงาน ได้แก่ แบบสอบถาม แบบฟอร์มการทำบัญชี รายได้-ค่าใช้จ่าย
ลงชื่อ....................................................ผู้เสนอโครงงาน (นางสาวไอยเรศ กองละเอียด) ลงชื่อ.........................................ครูประจำ วิชา (นางสาวอรวลัญช์ น้อยสมวงษ์) ลงชื่อ.....................................ครูที่ปรึกษาโครงงาน (นางสาวจารุณีจุลบุตร) ความคิดเห็น............................................. ลงชื่อ..............................หัวหน้าแผนกวิชา (นางสกาวรัตน์ บุญศิลป์) ความคิดเห็น............................................... ลงชื่อ....................................รองผู้อำนวยการ (นายอิศรา อยู่ยิ่ง) .............../................................/................. การพิจารณาของผู้อำนวยการ/ลงนาม อนุมัติ ไม่อนุมัติ ลงชื่อ........................................................ ผู้อำนวยการ (นายชัยณรงค์ คัชมาตย์) .............../................................/................
ภาคผนวก ค การแสดงภาพขั้นตอนการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง
44 ภาพที่ 1 วัตถุดิบและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตสเปรย์ตะไคร้ไล่ยุง ภาพที่ 2 หั่นตะไคร้
45 ภาพที่ 3 หั่นผิวมะกรูด ภาพที่ 4 น ำผ้ำขำวบำงมำห่อตะไคร้และผิวมะกรูดที่หั่นไว้
46 ภาพที่ 5 เทแอลกอฮอล์ใส่โหลพลาสติกแล้วใส่ห่อผ้าขาวบางลงไป ภาพที่ 6 หมักไว้ 5 วัน
47 ภาพที่ 7 ภาพสินค้าพร้อมจำหน่าย ภาพที่ 8 ภาพการจำหน่ายสินค้า