แนวคดิ
“ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ” ประกอบดว้ ยคำวำ่
“เทคโนโลย”ี และ “สารสนเทศ”เป็นการนาเอา
เทคโนโลยี 2 สาขา คอื เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ และ
เทคโนโลยีการส่อื สารโทรคมนาคมรวมไวด้ ว้ ยกนั
พฒั นำกำรทำงดำ้ นเทคโนโลยี ทำใหช้ ีวิตควำม
เป็นอยขู่ องมนุษยเ์ ปลี่ยนแปลงไป จำกควำมเป็นอยใู่ น
สงั คมเกษตรกรรมพฒั นำมำเป็นสงั คมอุตสำหกรรม และ
หลงั จำก พ.ศ. ๒๕๓๐ ระบบกำรสื่อสำรโทรคมนำคม
และคอมพวิ เตอร์ไดเ้ ขำ้ มำมีบทบำทต่อชีวติ มนุษย์
เทคโนโลยสี ารสนเทศ ประกอบดว้ ยคำวำ่
“เทคโนโลย”ี และ “สารสนเทศ”หรือ ภำษำองั กฤษ
“Information Technology” เรียกส้ันๆ ว่า
“ ไอที ( IT )”
ดงั น้นั สำมำรถสรุปควำมหมำยไดว้ ำ่ เทคโนโลยี
สำรสนเทศ หมำยถึง “การนาเทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์มา
ช่วยในการจัดเกบ็ บนั ทึก ประมวลผลข้อมูล เพ่ือเกดิ เป็ น
สารสนเทศทม่ี ปี ระสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยกี ารส่ือสาร
และโทรคมนาคม ช่วยในการเผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศ
ไปยงั ผู้ใช้คนอ่ืน ๆ ทอ่ี ยู่ห่างไกลได้อย่างรวดเร็ว”
เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์
เทคโนโลยีส่อื สารโทรคมนาคม
เทคโนโลยีอ่ืน ๆ
เทคโนโลยีระบบอตั โนมตั ิ เทคโนโลยีการพมิ พ์ เทคโนโลยีการศกึ ษา
ประเทศไทย ไดม้ ีการจดั ตงั้ “กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการ
ส่อื สาร หรอื กระทรวงไอซที ี (ICT)”
ไดพ้ ฒั นาประเทศดา้ นเทคโนโลยีสารสนเทศ ออกเป็น ๕ องคป์ ระกอบ
1. เทคโนโลยีสารสนเทศเพ่อื การพฒั นาภาครฐั (E-government)
2. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การพฒั นาดา้ นพาณิชย์ (E-commerce)
3. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการพฒั นาดา้ นอตุ สาหกรรม (E-industry)
4. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่ือการพฒั นาดา้ นการศกึ ษา (E-education)
5. เทคโนโลยสี ารสนเทศเพ่อื การพฒั นาดา้ นสงั คม (E-society)
1. บทบำทดำ้ นกำรดำเนินชีวิตประจำวนั
2. บทบำทดำ้ นสังคม
3. บทบำทดำ้ นเศรษฐกิจ
4. บทบำทดำ้ นกำรศึกษำ
5. บทบำทดำ้ นกำรแพทย์
6. บทบำทดำ้ นกำรบริกำรภำครัฐ
1. ชว่ ยเพ่มิ ประสทิ ธิภาพในการทางาน
2. ชว่ ยสรา้ งทางเลอื กในการแข่งขนั
3. ช่วยสนบั สนนุ การตดั สนิ ใจ
4. ช่วยเพ่มิ คณุ ภาพชีวติ
1. ผลกระทบตอ่ การศกึ ษา
2. ผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม
3. ผลกระทบตอ่ สงั คม
4. ผลกระทบตอ่ เศรษฐกิจ
4. ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพจิต
ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ (ทาลงในสมดุ )
1.เทคโนโลยีสารสนเทศ มีความหมายวา่ อยา่ งไร
2.ใหน้ กั เรยี นบอกประโยชนข์ องการนาเทคโนโลยสี ารสนเทศมาใชใ้ นการ
ทางานหรอื ดา้ นการศกึ ษา มา 3 ขอ้
3. ใหน้ กั เรยี นบอกโทษท่เี กิดจากการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช3้ ขอ้
คอมพวิ เตอร์ คือ อุปกรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ ท่ี
ช่วยในกำรจดั เกบ็ ขอ้ มูล ในรูปแบบตวั เลข ตวั อกั ษร
สญั ลกั ษณ์ต่ำงๆ และนำมำประมวลผลขอ้ มูล จะแสดง
ผลลพั ธอ์ อกมำในรูปแบบสำรสนเทศ โดยใชช้ ุดคำสงั่
หรื อโปรแกรมเป็ นสิ่งกำหนดกำรทำงำน
คอมพวิ เตอรเ์ ป็นเครอ่ื งมือท่ีชว่ ยใหเ้ ราทางานไดส้ ะดวก รวดเรว็ และแม่นยาย่งิ ขนึ้ ซง่ึ
การทางานคอมพวิ เตอรม์ ีขั้นตอนสำคัญ 4 ขัน้ ตอน คือ
1.กำรรับข้อมูล (INPUT) คอมพวิ เตอรจ์ ะทำงำนไดก้ ต็ ่อเมอื่ มกี ำรป้อน
ข้อมูลหรือคำส่ังผ่ำน หน่วยรับข้อมูลตำ่ งๆ เช่น แป้นพมิ พ,์ เมำส์ เป็ นตน้
2.กำรประมวลผล (PROCESS) เมอื่ รับข้อมูลเข้ำสู่ระบบคอมพวิ เตอรแ์ ล้ว
จะทำกำรประมวลผลข้อมูลตำมชุดคำส่ังหรือโปรแกรมทไ่ี ดก้ ำหนดไว้ เชน่
โปรแกรมคำนวณเงนิ เดอื น โปรแกรมคำนวณเกรดนักศกึ ษำ เป็ นต้น
CPU
3.กำรแสดงผล (OUTPUT) ผลลัพธท์ ไี่ ดจ้ ำกกำรประมวลผลเรียบร้อยแล้ว
สำมำรถแสดงออก ในรูปแบบอน่ื ๆ ผ่ำนหน่วยแสดงผล เช่น จอภำพ, เครื่องพมิ พ์
เป็ นต้น
4.กำรจัดเกบ็ ข้อมูล (STORAGE) นอกจำกนีผ้ ลลัพธท์ ไ่ี ด้จำกกำรประมวลผลยงั
สำมำรถจัดเกบ็ ไว้ใช้ ประโยชนไ์ ด้อกี โดยจัดเกบ็ ข้อมูลไว้ในหน่วยเกบ็ ข้อมูล เช่น
ฮำรด์ ดสิ ก์ แฟลชไดรฟ์ แผ่นซดี ี เป็ นตน้
1) ซปุ เปอรค์ อมพวิ เตอร์ (Super computer)
เป็นเคร่ืองคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีขนาดใหญ่ท่ีสดุ สามารถ
จดั การ คานวณ และทางานไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ จึงจดั
วา่ เป็นเคร่อื งคอมพิวเตอรท์ ่ีทางานไดร้ วดเรว็ ท่ีสดุ ใน
โลกดว้ ย สว่ นใหญ่นาไปใชง้ านเฉพาะดา้ น เชน่ ดา้ น
พยากรณอ์ ากาศ งานทางดา้ นวิศวกร และงาน
ทางดา้ นวิทยาศาสตร์ เป็นตน้
2) เมนเฟรม (Mainframe computer)
เป็นเครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีขนาดใหญ่รองลงมา
จากซปุ เปอรค์ อมพิวเตอร์ เมนเฟรมนิยมใชใ้ นงาน
อตุ สาหกรรมสาหรบั บรษิ ัทใหญ่ๆ หรอื องคก์ ร
ขนาดใหญ่ เชน่ บรษิ ัท IBM เป็นตน้ เมนเฟรม
จะนาไปใชง้ านเป็นเคร่ืองศนู ยก์ ลาง และกระจาย
การใชง้ านใหก้ บั เคร่อื งคอมพวิ เตอรอ์ ่ืนๆ เช่น
ระบบ ATM เป็นตน้
3) มนิ ิคอมพวิ เตอร์ (Minicomputer)
เป็นคอมพิวเตอรข์ นาดกลางท่ีมีประสทิ ธิภาพใน
การทางาน ดา้ นความเรว็ การประมวลผล การ
จดั เก็บขอ้ มลู นอ้ ยกวา่ เมนเฟรม คอมพวิ เตอร์
แตม่ ีประสทิ ธิภาพสงู กวา่ ไมโครคอมพิวเตอร์
เหมาะสาหรบั การนาไปใชก้ บั ธรุ กิจขนาดกลาง
เชน่ ระบบการจองหอ้ งพกั ของโรงแรม ระบบ
การซือ้ ขายสินคา้ เป็นตน้
4) ไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer)
หรอื อาจเรยี กสนั้ ๆ วา่ คอมพิวเตอร์ เป็นเครอ่ื ง
คอมพวิ เตอรท์ ่ีมีขนาดเลก็ ท่ีสดุ ราคาถกู ท่ีสดุ
สามารถหาซือ้ มาใชง้ านสว่ นบคุ คลได้ จงึ มีช่ือ
เรยี กอีกอยา่ งหน่งึ วา่ คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คล
(Personal Computer) หรอื เครอ่ื งพีซี
(PC)
ปัจจบุ นั ไมโครคอมพวิ เตอรม์ ีขนาด
เลก็ ลง มีนา้ หนกั เบา สามารถพกพาหรือ
เคล่อื นยา้ ยไดง้ ่าย เหมาะสาหรบั นาไปใชง้ าน
ไดท้ กุ สถานท่ี ไมว่ า่ จะเป็นในออฟฟิศ,
สนามบนิ , หอ้ งสมดุ หรอื ในรา้ นอาหาร
ตลอดจนสามารถรองรบั การทางานแบบ
Wi-Fi (Wireless Fidelity) ไดอ้ ีก
ดว้ ย เชน่ โนต้ บ๊คุ (Notebook), ปาลม์
(Palm), พีดีเอ (PDA), เนต็ บ๊คุ
(Netbook) และไอแพด (iPad) เป็นตน้
คอมพวิ เตอร์มีคุณสมบตั ทิ สี่ าคญั 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1.การทางานด้วยระบบอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Machine)
คอมพิวเตอร์เป็นอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์ เมื่อรับขอ้ มลู ผำ่ นทำง
อปุ กรณ์นำเขำ้ ขอ้ มลู แลว้ จะทำกำรแปลงขอ้ มลู ใหเ้ ป็น
สญั ญำณไฟฟ้ำ เพือ่ ใหเ้ ครื่องคอมเขำ้ ใจและสำมำรถนำขอ้ มูลไป
ประมวลผลตำมคำสง่ั ได้
2.ความเร็ว (Speed)
คอมพิวเตอร์สำมำรถทำงำนดว้ ยควำมเร็วสูง โดยสำมำรถทำงำนได้
ถึงร้อยลำ้ นคำสง่ั ใน 1 วนิ ำที และจะยง่ิ เพม่ิ ควำมเร็วมำกข้ึนเร่ือย ๆ
3. ถูกต้องแม่นยาและเช่ือถือได้ (Accuracy and Reliability)
คอมพวิ เตอร์ทำงำนตำม คำสง่ั ท่ีมนุษยเ์ ขียนโปรแกรมหรือคำสง่ั ไว้ ถำ้
ผใู้ ชป้ ้อนขอ้ มูลถูกตอ้ ง ผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ำกกำรประมวลผลกม็ ีควำมถกู ตอ้ ง
เช่ือถือได้
4.เกบ็ ข้อมูลไดใ้ นปริมำณมำก (Storage)
คอมพวิ เตอรม์ หี น่วยควำมจำทส่ี ำมำรถจัดเกบ็ ข้อมูลไดใ้ นปริมำณมำก และจะยงิ่
มำกขนึ้ ตำมประสทิ ธภิ ำพของคอมพวิ เตอรท์ เ่ี พม่ิ ขนึ้
5.กำรเช่อื มโยงตดิ ตอ่ ส่อื สำร (Communication)
สามารถตดิ ตอ่ สอ่ื สารหรอื เช่ือมโยงระบบเครอื ขา่ ยได้ ซง่ึ ทาใหส้ ามารถ
ตดิ ตอ่ กบั เครอ่ื งคอมพิวเตอรอ์ ่นื ๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี
ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบ 5 ดำ้ น คือ
ฮำร์ดแวร์ ซอฟแวร์ บุคลำกร ขอ้ มูลและสำรสนเทศ
และกระบวนกำรทำงำน
1.ฮำรด์ แวร์ (Hardware) หมำยถงึ อุปกรณท์ ุกชนิดทน่ี ำมำ
ประกอบเป็ นเครื่องคอมพวิ เตอร์ และอุปกรณท์ เี่ กยี่ วข้องกับกำรใช้งำน
ร่วมกบั คอมพวิ เตอรด์ ว้ ย สำมำรถจับต้องได้ เชน่ แผงวงจรไฟฟ้ำ
จอภำพ เป็ นต้น
2.ซอฟตแ์ วร์ (Software) หมำยถงึ โปรแกรมหรือชุดคำส่ังทสี่ ่ังให้
คอมพวิ เตอรท์ ำงำนตำมต้องกำร และประมวลผลเพอ่ื ให้ได้สำรสนเทศที่
ต้องกำร ซอฟตแ์ วรแ์ บ่งเป็ น 2 ประเภท ได้แก่
2.1ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ ทาหนา้ ท่ีควบคมุ การปฏิบตั ิงานของคอมพวิ เตอร์ ฮารด์ แวร์
ตลอดจนดา้ นการส่อื สารขอ้ มลู ในระบบเครอื ขา่ ยคอม และเป็นตวั กลางระหวา่ งผใู้ ชก้ บั
คอมพวิ เตอรห์ รอื ฮารด์ แวร์
2.2ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ เป็นโปรแกรมท่ีเขียนขนึ้ เองตามความตอ้ งการใชง้ าน เพ่ือ
ทางานเฉพาะดา้ น
3.บุคลำกร (Peopleware) หมายถงึ บคุ คลท่ีทางานเก่ียวขอ้ งกบั งาน
คอมพวิ เตอร์ บคุ ลากรถือวา่ เป็นองคป์ ระกอบสาคญั สาหรบั ระบบคอมพิวเตอร์ เน่ือง
เป็นผอู้ อกแบบและพฒั นาระบบคอมพิวเตอร์ ซง่ึ สำมำรถสรุปได้ 4 กลุ่มดงั นี้
กลุ่มท่ี 1ผู้บริหำรด้ำนเทคโนโลยสี ำรสนเทศ
(CIO) มีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบในการกาหนดนโยบาย
วตั ถปุ ระสงค์ และแผนการดาเนินงานขององคก์ ร
กลุ่มท่ี 2 บุคลำกรทเี่ กยี่ วข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม (Program)
2.1 นักวเิ ครำะหแ์ ละออกแบบระบบ (Systems analyst and designer)
ทาหนา้ ท่ีศกึ ษาและรวบรวมความตอ้ งการของผใู้ ชร้ ะบบ เพ่ือนามาวเิ คราะหแ์ ละ
ออกแบบระบบใหมใ่ หส้ อดคลอ้ งตรงกบั ความตอ้ งการใชง้ านของผใู้ ชร้ ะบบ
กลุ่มท่ี 2 บุคลำกรทเ่ี กย่ี วข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม (Program)
2.2 ผู้บริหำรฐำนข้อมูล (Database Administrator : DBA)
มีหนา้ ท่ีรบั ผดิ ชอบดา้ นการออกแบบและดแู ลระบบฐานขอ้ มลู ตลอดจนบารุงรกั ษาและ
แกไ้ ขปัญหาท่ีอาจเกิดขนึ้ กบั ฐานขอ้ มลู
กลุ่มท่ี 2 บุคลำกรทเ่ี กยี่ วข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม (Program)
2.3นักเขยี นโปรแกรม (Programmer) ประกอบดว้ ย
2.3.1นกั พฒั นาโปรแกรมระบบ (System programmer)
เป็นผเู้ ขยี นโปรแกรมควบคมุ ระบบคอมพวิ เตอร์ รวมทงั้ ใหค้ าปรกึ ษาและแกไ้ ขระบบ
เมอื่ เกดิ ปัญหา
กลุ่มที่ 2 บุคลำกรทเ่ี กย่ี วข้องกับระบบ (System) และโปรแกรม (Program)
2.3นักเขยี นโปรแกรม (Programmer) (ต่อ)
2.3.2นกั พฒั นาโปรแกรมประยกุ ต์ (Application programmer)
มหี นา้ ทเี่ ป็นผเู้ ขยี นและพฒั นาโปรแกรมประยกุ ตต์ า่ งๆ โดยนาผลทนี่ กั วเิ คราะหแ์ ละ
ออกแบบระบบไดอ้ อกแบบไวม้ าพฒั นา รวมทงั้ ทดสอบ แกไ้ ขโปรแกรม ตดิ ตงั้ และ
บารุงรกั ษาโปรแกรมทพี่ ฒั นาขึน้ ใหส้ ามารถใชง้ าน
ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
กลุ่มที่ 3 เจ้ำหน้ำทปี่ ฏบิ ตั กิ ำร (Operator)
มีหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบดแู ลและบารุงรกั ษาเครื่องคอมพิวเตอร์ อปุ กรณต์ า่ งๆ ท่ีมีอยใู่ ห้
สามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
เช่น เจา้ หนา้ ท่ีบนั ทกึ ขอ้ มลู เป็นตน้
กลุ่มที่ 4 ผู้ใช้ (User) หมายถงึ ผใู้ ชง้ านคอมพิวเตอรท์ ่วั ไป โดยไม่จาเป็นตอ้ งมี
ความรูด้ า้ นเทคนิคตา่ งๆ ของคอมพวิ เตอร์
4. ข้อมูลและสำรสนเทศ (Data and Information)
4.1 ข้อมูล (Data) หมำยถึง ขอ้ เทจ็ จริงตำ่ งๆ เป็นไดท้ ้งั ตวั เลข ขอ้ ควำม
รูปภำพ หรือเสียง เพอ่ื นำไปประมวลผลใหไ้ ดส้ ำรสนเทศ
4.2 สำรสนเทศ (Information) หมำยถึง ขอ้ มูลที่ผำ่ นกำร
ประมวลผลดว้ ยกระบวนกำรหรือข้นั ตอนต่ำง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์
คะแนนระหวา่ งภาค ประมวลผลคะแนน เกรดของนกั เรยี น
เรยี นของนกั เรียน
ขอ้ มลู การประมวลผล สารสนเทศ
5.กระบวนกำรทำงำน (Procedure) เป็นระเบียบวธิ ีการปฏิบตั งิ านหรอื
ส่งิ ท่ีจะตอ้ งทาความเขา้ ใจรว่ มกนั เพ่ือใหป้ ฏิบตั งิ านไดถ้ กู ตอ้ งตามลาดบั ขนั้ ตอนและ
เป็นระบบ โดยอาจจดั ทาเป็นเอกสารคมู่ ือประกอบการใชง้ าน
1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอรก์ บั งานดา้ นการศกึ ษา
เทคโนโลยสี ำรสนเทศที่นำมำใชส้ ำหรับกำรเรียนกำรสอน เป็นกำรใช้
เทคโนโลยสี มยั ใหม่หลำยอยำ่ ง สอนดว้ ยส่ืออุปกรณ์ท่ีทนั สมยั หอ้ งเรียนสมยั ใหม่
มีอุปกรณ์วิดีโอโปรเจคเตอร์ (Video Projector)มีเครื่องคอมพวิ เตอร์
รูปแบบของส่ือท่ีนำมำใชใ้ นดำ้ นกำรเรียนกำรสอน กม็ ีหลำกหลำย ข้ึนอยกู่ บั ควำม
เหมำะสมในกำรนำมำใช้ เช่น คอมพิวเตอร์ช่วยสอน E-book วดิ ีโอเทเลคอน
เฟอเรนซ์ กำรสืบคน้ ขอ้ มูลในคอมพวิ เตอร์ และระบบอินเทอร์เน็ต เป็นตน้
1. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นการศกึ ษา
คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน
- คอมพิวเตอร์ช่วยสอน เป็นกำรนำเอำเทคโนโลยี รวมกบั กำร
ออกแบบโปรแกรมกำรสอน มำใชช้ ่วยสอน ซ่ึงเรียกกนั
โดยทว่ั ไปวำ่ บทเรียน CAI ( Computer - Assisted
Instruction ) กำรจดั โปรแกรมกำรสอน โดยใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ในปัจจุบนั มกั อยใู่ นรูปของส่ือประสม
(Multimedia) ซ่ึงหมำยถึงนำเสนอไดท้ ้งั ภำพ ขอ้ ควำม
เสียง ภำพเคล่ือนไหวฯลฯ โปรแกรมช่วยสอนน้ีเหมำะกบั
กำรศึกษำดว้ ยตนเอง และเปิ ดโอกำสใหผ้ เู้ รียนสำมำรถโตต้ อบ
กบั บทเรียนไดต้ ลอด
1. เทคโนโลยีคอมพิวเตอรก์ บั งานดา้ นการศกึ ษา
การเรียนการสอนโดยใช้เวบ็
- กำรเรียนกำรสอนโดยใชเ้ วบ็ เป็นหลกั เป็นกำรจดั กำรเรียน ท่ีมี
สภำพกำรเรียนต่ำงไปจำกรูปแบบเดิม กำรเรียนกำรสอนแบบน้ี
อำศยั ศกั ยภำพและควำมสำมำรถของเครือขำ่ ยอินเทอร์เน็ต ซ่ึง
เป็นกำรนำเอำส่ือกำรเรียนกำรสอน ท่ีเป็นเทคโนโลยี มำช่วย
สนบั สนุนกำรเรียนกำรสอน ใหเ้ กิดกำรเรียนรู้ กำรสืบคน้ ขอ้ มูล
และเช่ือมโยงเครือข่ำย ทำใหผ้ เู้ รียนสำมำรถเรียนไดท้ ุกสถำนที่
และทุกเวลำ กำรจดั กำรเรียนกำรสอนลกั ษณะน้ี มีชื่อเรียกหลำย
ชื่อ กำรสอนผำ่ นสื่อทำงอิเลก็ ทรอนิกส์ (e-learning) เป็น
ตน้
1. เทคโนโลยคี อมพิวเตอรก์ บั งานดา้ นการศกึ ษา
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์บุ๊ค
2. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นอตุ สาหกรรม
3. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นการแพทย์
4. เทคโนโลยีคอมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นการออกแบบ
5. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นธรุ กิจ
6. เทคโนโลยคี อมพวิ เตอรก์ บั งานดา้ นบนั เทงิ
(ทำลงในสมุด)
1.บุคลำกรเป็นองคป์ ระกอบท่ีสาคญั สาหรบั ระบบคอมพิวเตอร์ ซง่ึ สามารถแบง่
ออกเป็นกป่ี ระเภท อะไรบ้ำง
2.ซอฟตแ์ วรม์ ีกปี่ ระเภท ยกตัวอย่ำงซอฟตแ์ วรท์ นี่ ักเรียนรู้จักมำ อย่ำง
น้อย ประเภทละ 2 ข้อ
3.นกั เรียนสามารถนาเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์ มาใชง้ านในดา้ นใดไดบ้ า้ ง