The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงการเรื่องกล้วย ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Patcharaporn choudchum, 2024-03-22 01:46:06

โครงการเรื่องกล้วย ปีการศึกษา 2565

โครงการเรื่องกล้วย ปีการศึกษา 2565

๑ การสอนแบบโครงการ (Project Approach) ความเป็นมาของโครงการ การสอนแบบโครงการ (The Project Approach ) ได้รับความสนใจจากครูปฐมวัยมาอย่างต่อเนื่อง มี การกล่าวขวัญกันอย่างมากในแวดวงการศึกษาปฐมวัยของไทยและเมื่อพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2542 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 หมวดที่ครูสามารถดำเนินการได้ทันทีคือหมวดที่เกี่ยวข้อง กับแนวการจัดการศึกษาที่ยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสำคัญที่สุด มีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเอง ได้การจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมต้องให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน คำนึงถึงความ แตกต่างระหว่างบุคคล ให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการคิด เรียนรู้จากประสบการณ์จริงเกิดการใฝ่รู้อย่าง ต่อเนื่อง ฯลฯ จึงสอดคล้องกับวิธีการสอนแบบโครงการ การสอนแบบโครงการนั้นมีมานานแล้ว มิใช่เป็นเรื่อง ใหม่ในวงการศึกษาแต่กลับมาได้รับความสนใจและถูกนำมาใช้ในระดับปฐมวัยศึกษาในหลายประเทศรวมทั้งใน ประเทศไทยด้วย เนื่องจากผลการวิจัยที่ทำให้เข้าใจยิ่งขึ้นว่าเด็กเรียนรู้อย่างไรและความจำเป็นที่ท้าทายของ สังคมเทคโนโลยีรวมทั้งการใช้หลักสูตรแบบบูรณาการและการสอนที่ยึดเด็กเป็นสำคัญ ความหมายของการสอนแบบโครงการ การสอนแบบโครงการคือ วิธีการสอนรูปแบบหนึ่งที่ให้โอกาสเด็กเรียนรู้โดยการสืบค้นหาข้อมูล อย่างลึกในหัวเรื่องเฉพาะที่เด็กสนใจ ควรค่าแก่การเรียนรู้โดยปกติการสืบค้นจะทำโดยเด็กกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ใน ชั้นเรียนหรือเด็กทั้งชั้นร่วมกันหรือบางโอกาสอาจเป็นเพียงเด็กคนใดคนหนึ่งเท่านั้น หัวเรื่องที่ถูกเลือกควรมี ความหมายต่อชีวิตต่อตัวเด็ก และครูสามารถบูรณาการเนื้อหา เช่นคณิตศาสตร์การอ่าน และ วิทยาศาสตร์ฯลฯ ในการทำโครงการของเด็กได้ด้วย ทั้งนี้ลักษณะเด่นของโครงการคือการค้นหาคำตอบจาก คำถามที่เกี่ยวกับหัวเรื่อง คำถามนี้อาจมากจากเด็ก จากครูหรือครูกับเด็กร่วมกัน เด็กมีโอกาสที่จะวางแผน สืบค้นด้วยตนเอง โดยมีครูช่วยเหลือการทำโครงการของเด็กจะรวมการวางแผนศึกษาสถานที่ต่างๆ และหรือ สัมภาษณ์เด็ก แก้ปัญหา แลกเปลี่ยนสิ่งที่เด็กเรียนรู้กับบุคคลอื่น (Katz, 1994 ;Helm and Katz,2001) ๑. หลักการ โครงการ คือ การสืบค้นหาข้อมูลอย่างลึกตามหัวเรื่องที่เด็กสนใจควรแก่การเรียนรู้ โดยปกติการ สืบค้นจะทำโดยเด็กกลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ในชั้นเรียนหรือเด็กทั้งชั้นร่วมกัน หรือบางโอกาสอาจเป็นเพียงเด็กคนใดคน หนึ่งเท่านั้น จุดเด่นของโครงการ คือ พยายามที่จะค้นหาคำตอบจากคำถามที่เกี่ยวกับ หัวเรื่องไม่ว่าคำถาม นั้นจะมาจากเด็ก จากครู หรือจากเด็กและครูร่วมกันก็ตาม จุดประสงค์ของโครงการ คือ การเรียนรู้เกี่ยวกับหัว เรื่องมากกว่าการเสาะแสวงหาคำตอบที่ถูกต้องเพื่อตอบคำถามที่ครูเป็นผู้ถาม การทำโครงการไม่สามารถทดแทนหลักสูตรทั้งหมดได้ สำหรับเด็กปฐมวัยถือเป็นส่วนที่เสริม เพิ่มเติมให้สมบูรณ์อย่างไม่เป็นทางการเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตรเท่านั้นงานโครงการจะไม่แยกเป็นรายวิชา เช่น ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่จะบูรณาการทุกวิชาเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ต้องการครูเป็นผู้ชี้แนะและเป็นที่ปรึกษาในการทำโครงการ ส่วนเวลาที่ใช้ในการทำงานแต่ละโครงการนั้นอาจใช้เวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหนึ่ง สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับหัวเรื่อง อายุ และความสนใจของเด็ก


๒ ลักษณะสำคัญของการสอนแบบโครงการ 1. เป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่ใช้ร่วมกับระบบการสอนในหลักสูตรตามปกติโดยโอกาสที่ครู จะใช้รูปแบบการเรียนการสอนนี้จะเกิดขึ้นภายใต้สภาพการเรียนการสอนตามปกติเมื่อครูสังเกตเห็นว่าเด็กมี ความสนใจในเรื่องหนึ่งเรื่องใดเป็นพิเศษ และต้องการจะศึกษาเรื่องนั้นต่อไป และครูพิจารณาว่าสามารถจัด กิจกรรมเพื่อศึกษาเรื่องนั้นได้และมีแหล่งทรัพยากรเพียงพอในการศึกษาเรื่องนั้น 2. จุดเน้นสำคัญของการจัดการเรียนการสอนนี้มุ่งที่ความสนใจของเด็กเป็นหลักเพื่อให้เด็กมี โอกาสได้ศึกษาเรื่องที่ตนสนใจ ในวิธีการของเด็กเอง ดังนั้นการสอนแบบโครงการไม่มีการวางแผนการสอน อย่างชัดเจนไว้ล่วงหน้า ครูผู้สอนคอยจะสังเกตจนพบความความสนใจของเด็ก แล้วจึงจะสามารถร่วมกัน วางแผนและกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนร่วมกันกับเด็กขึ้นและจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ สอดคล้องกับความต้องการความสนใจของเด็ก 3. แม้ว่าการสอนแบบโครงการจะมุ่งที่ความสนใจของเด็กเป็นรายบุคคล แต่ในการเลือกหัวข้อ ของโครงการที่จะทำการศึกษานั้น เด็กทั้งกลุ่มจะร่วมกันเลือกหัวข้อของโครงการร่วมกัน ภายใต้กรอบความ สนใจของเด็กส่วนใหญ่ในห้องเรียนและภายใต้การพิจารณาของครูว่าหัวข้อดังกล่าวสามารถเลือกเป็นหัวข้อ โครงการได้หรือไม่ โดยครูพิจารณาเกณฑ์ในการเลือกหัวข้อของโครงการดังนี้ - เป็นหัวข้อที่เด็กทุกคนหรือเด็กส่วนใหญ่ของกลุ่มสนใจ - มีแหล่งทรัพยากรในท้องถิ่นเพียงพอที่จะจัดกิจกรรมในหัวข้อโครงการนี้ได้ - เป็นหัวข้อที่เด็กพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้างแล้ว - เป็นหัวข้อที่เด็กสามารถใช้ประสบการณ์ตรงในการค้นหาข้อมูลข้อเท็จจริงได้ - เป็นเรื่องที่เป็นจริง สามารถให้เด็กมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องนั้นได้ - เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้มีการร่วมมือกันทำงาน - เป็นเรื่องที่เปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติสร้างสิ่งของหรือเล่นสมมุติ - เป็นหัวข้อที่มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ของการเรียนการสอน - เด็กมีโอกาสใช้ทักษะต่างๆในการเรียนรู้ - ผู้ปกครองมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมตามโครงการ 4. การสอนแบบโครงการต้องการครูที่มีคุณลักษณะสำคัญอย่างยิ่งคือต้องเป็นผู้ที่ยอมรับเด็ก โดยแท้เชื่อมั่นว่าเด็กสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตัวเด็กเอง โดยครูจะต้องแสดงบทบาทผู้ฟังที่ดีให้เข้าใจ อย่างถ่องแท้ถึงความต้องการความสนใจของเด็กและจัดกิจกรรมตามความสนใจของเด็กอย่างแท้จริง ต้องไม่ แสดงบทบาทของผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ไม่เป็นผู้กำหนดกิจกรรมให้เด็กทำตามความคิดของครู การสอนแบบโครงการกับการสอนแบบหน่วย ครูปฐมวัยหรือครูอนุบาลเป็นจำนวนมากเคยชินกับการใช้หน่วยการสอนกำหนดกิจกรรม ต่างๆ ให้แก่เด็ก การสอนแบบหน่วยมีส่วนคล้ายคลึงกับการสอนแบบโครงการ โดยทั่วไปแล้วการสอนแบบ หน่วย คือ การวางแผนกิจกรรมต่างๆ ตามหัวเรื่องที่ครูพิจารณาแล้วว่าสำคัญและเด็กควรรู้เป็นการกำหนด แผนการสอนล่วงหน้า เช่น หน่วยแม่เหล็ก หน่วยน้ำ ฯลฯ ดังนั้น ครูที่ใช้หน่วยการสอนจึงมีการวางแผนการ สอน กำหนดแนวคิดและสาระความรู้ที่ต้องการให้เด็กทราบอย่างชัดเจน


๓ การสอนแบบหน่วยยังคงมีความสำคัญและสามารถใช้ในหลักสูตรปฐมวัยศึกษาได้แต่การสอน แบบหน่วยไม่ช่วยให้เด็กเกิดคำถามที่ต้องหาคำตอบ หรือเกิดการริเริ่มที่จะสืบค้น หรือตัดสินใจเกี่ยวกับ กิจกรรมด้วยตัวเด็กเอง ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องให้โอกาสเด็กได้เจริญเติบโตทางความรู้ทักษะ และจิต พิสัย ด้วยการให้โอกาสเด็กได้ถามคำถามของตนเอง มีโอกาสสืบค้นหาคำตอบและตัดสินใจทำกิจกรรมของ ตนเอง การสอนแบบโครงการสามารถช่วยให้เด็กเกิดความอยากรู้อยากเห็นแสดงออกอย่างมีจุดหมาย เกิด แรงจงใจภายในที่จะเรียนรู้อย่างสนุกสนาน ครูไม่จำเป็นต้องทราบทิศทางของโครงการที่เด็กทำเสมอไป แต่ครุ จะต้องส่งเสริมสนับสนุนการทำกิจกรรมของเด็ก โครงการที่พัฒนาอย่างมีคุณภาพจะมีผลต่อจิตใจของ ผู้เกี่ยวข้องทั้งเด็กและครูจะเกิดความตื่นตัว ความสนใจไปพร้อมกัน สิ่งที่เด็กจะได้จากการเรียนการสอนแบบโครงการ การคิดอย่างมีเหตุมีผล การทำงานอย่างเป็นระบบ การวางแผนการทำงาน ภาษา การสื่อสาร พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ การคิดแก้ปัญหา ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ การแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก มีความคิดรวบยอด การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความสุข สนุกสนานกับการเรียนรู้ เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง โรงเรียนวัดผลาหารได้นำเอานวัตกรรมการสอนที่เรียกว่า การเรียนการสอนแบบโครงการ Project Approach เข้ามาใช้ในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้เด็กเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้อีกทั้งการจัด กิจกรรมการเรียนการสอนที่ให้นักเรียนศึกษาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก ศึกษาลงไปในรายละเอียดของ เรื่องนั้นๆจนพบคำตอบที่ต้องการ เรื่องที่นักเรียนศึกษานั้นเป็นเรื่องที่นักเรียนเป็นผู้ตัดสินใจเลือกเองตามความ สนใจเรื่องที่ศึกษาเป็นประเด็นที่นักเรียนตั้งคำถามขึ้นมาเอง ทำให้นักเรียนได้มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่ ศึกษานั้น ในการศึกษาจะใช้ระยะเวลาที่ยาวเพียงพอที่จะให้นักเรียนได้ค้นพบคำตอบ เมื่อนักเรียนค้นพบ คำตอบแล้วจะนำความรู้นั้นมานำเสนอในรูปของงานที่นักเรียนเลือกเองอาจจะเป็นงานเขียน งานวาดภาพ ระบายสี การสร้างแบบจำลอง การทำหนังสือ หรือรูปแบบอื่นๆเพื่อนำเสนอต่อเพื่อนๆและคนอื่นๆ อันจะ แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกระบวนการศึกษาของตน


๔ การสอนแบบโครงการเป็นรูปแบบการเรียนการสอนที่มีความยืดหยุ่นสูงมาก แต่ก็มีขั้นตอนในการ สอนที่ชัดเจน ตลอดโครงการหนึ่งใดๆที่นักเรียนเลือกทำจะใช้เวลาในการทำโครงการ วันละ 50- 70 นาทีตลอดโครงการบางทีอาจจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ หรือ 3 สัปดาห์ หรือ 4 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน ขึ้นอยู่ กับหัวข้อโครงการที่นักเรียนเลือกและขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่นักเรียนเลือกปฏิบัติเพื่อค้นหาคำตอบและนำเสนอ ผลการศึกษาในครั้งนั้น ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามรูปแบบการสอนแบบโครงการ มี3 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ โครงการจะดำเนินการเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้น ครูและเด็กแลกเปลี่ยนประสบการณ์เดิม ตั้งคำถาม ทำใยแมงมุม นำเสนอ และแสดง คิดสิ่งที่ตนเข้าใจในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมของวัย ระยะที่ 2 ระยะพัฒนา ครูจัดโครงการให้เด็กทำภาคสนาม และพูดคุยกับวิทยากร เป็นการค้นคว้า และมีประสบการณ์ใหม่ ถือเป็นหัวใจของโครงการ ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ ป้ายนิเทศหรือสมุดโครงการ ฯลฯ 2. วัตถุประสงค์ 1) เพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการแสดงออก 2) เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการคิด สังเกต และสืบค้นข้อมูล 3) เพื่อให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุขและตรงกับความสนใจของนักเรียน 4) เพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนาน เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง 5) เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน (ด้านร่างกาย อารมณ์-จิตใจ สังคมและสติปัญญา) 6) เพื่อฝึกและเตรียมความพร้อมเด็กในการใช้ประสาทสัมผัสให้สัมพันธ์กัน เช่น มือกับตา 7) เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่กลุ่มย่อย 3. เป้าหมาย ด้านปริมาณ 1) นักเรียนห้องอนุบาล ๒ จำนวน ๑๙ คน 2) ครูประจำชั้น จำนวน 1 คน ด้านคุณภาพ 1) เด็กเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข กล้าคิด กล้าแสดงออก 2) เด็กเกิดกระบวนการคิด การแก้ปัญหา ได้สำรวจ สังเกต สืบค้น เรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่กลุ่มย่อย 3) เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ครู และสิ่งแวดล้อม เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง สามารถนำผล การศึกษาไปใช้ได้ในชีวิตจริง


๕ ระยะที่ 1 ระยะเริ่มโครงการ ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้น ครูและเด็กแลกเปลี่ยนประสบการณ์เดิม ตั้งคำถาม ทำใยแมงมุม นำเสนอ และแสดง คิดสิ่งที่ตนเข้าใจในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสมของวัย วันที่ 1 ( ๒๗ กุมภาพันธ์256๖ ) ระดมความคิดเกี่ยวกับหัวข้อที่อยากเรียน \ โครงการนี้เริ่มต้นจากการที่คุณครูและเด็กๆพูดคุยกันเกี่ยวกับหัวข้อโครงการที่เด็กๆอยากเรียนรู้ จากนั้นครูจึงชวนเด็กช่วยเสนอความคิดว่าอยากเรียนเมื่อเด็กๆเริ่มเสนอหัวข้อ ดังนี้ น้องบี้: หนูชอบกินไข่ น้องบอสตั้น : หนูอยากเรียนเรื่องกล้วย น้องต้นน้ำ : หนูอยากเรียนเรื่องหมู น้องใบบุญ : หนูอยากกินข้าวโพด น้องอั่งเปา: หนูอยากเรียนชอบกินแครอทอร่อยดีค่ะ


๖ ลงความเห็นหัวข้อ/เรื่องที่หนูสนใจอยากเรียน ให้เด็กๆแสดงความคิดเห็นของตนเองในการเลือกหัวข้อที่ตนเองอยากเรียน จากนั้นให้เด็กได้เลือกหัวข้อตาม ความสนใจของแต่ละคน รูปทำการสรุปคะแนน เพื่อลงคะแนน ซึ่งผลคะแนนออกมา ปรากฏ ดังภาพ


๗ การสรุปผลคะแนน จำนวนนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ๒ มีนักเรียนที่สนใจเลือกเรื่องที่อยากเรียน ดังนี้ ๑. เรื่องกล้วย จำนวน ๑๒ คน ๒. เรื่องแอปเปิ้ล จำนวน ๓ คน ๓. เรื่องบ้าน จำนวน ๓ คน ๔. เรื่องสตรอว์เบอร์รี่ จำนวน ๑ คน ๕. เรื่องนม จำนวน ๑ คน


๘ วันที่ 2 ( ๒๘ กุมภาพันธ์256๖ ) เล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับ “กล้วย” หลังจากได้หัวข้อ “กล้วย” คุณครูกระตุ้นให้เด็กออกมาเล่าประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับกล้วยให้คุณครูและ เพื่อนๆฟัง ดังนี้ น้องมาวิน : ต้นกล้วยมีใบสีเขียว น้องโนอา: ต้นกล้วยสีเขียว น้องนิวตั้น : กล้วยมันมีเปลือกสีเหลือง น้องปีใหม่ : ถ้ากล้วยยังไม่สุกสีเขียว น้องพรีม : กล้วยดิบกินไปปวดท้อง น้องเปา : กล้วยกินได้สีเหลือง น้องฟาลีฟ : เอาก้านทำม้า น้องเมษา : เอาก้านทำปืนกล้วย น้องจ๊ะจ๋า: เอากล้วยไปกินอร่อยดี น้องไบร์ท : กินเค้กกล้วย


๙ วันที่ 3 ( ๑ มีนาคม 256๖ ) เด็กตั้งคำถามที่ตนเองอยากรู้เกี่ยวกับเรื่อง กล้วย ครูกระตุ้นให้เด็กตั้งคำถาม โดยใช้คำว่า “ทำไม/อะไร/อย่างไร/ที่ไหน/เมื่อไหร่” ในสิ่งที่ตนเองสงสัย หรืออยากรู้ในเรื่อง “กล้วย” น้องใบเฟริน : เอาต้นกล้วยไปทำกระทงได้ไหม น้องอั่งเปา : ทำไมกล้วยถึงเป็นสีเขียว น้องพรีม : กล้วยเอาไปทำเค้กกินได้ไหม น้องใบบุญ : มีกล้วยหอมแล้วมันมีกล้วยอะไรอีก น้องบี้: เอากล้วยไปกวนได้หรือเปล่า น้องปีใหม่ : กล้วยเอาไปทำหมูกระทะกินได้ไหม น้องต้นน้ำ : เอากล้วยไปเผาแล้วเอาไปกินได้หรือเปล่า น้องออโต้: กล้วยมีอะไรบ้าง น้องมาวิน : เราเอากล้วยมาทำอะไรได้บ้าง น้องจ๋า : กล้วยเอามาทำคัฟเค้กได้ไหม น้องเมษา : กล้วยมันยังไม่สุกสีอะไร


๑๐ เด็กและครูช่วยกันวางแผนหาวิธีการสืบเสาะหาความรู้ 1.เราจะไปสำรวจและสังเกตต้นกล้วยของจริง 2.ต้องลองทำดู 3.สอบถามจากพ่อแม่ ครู 4.อ่านหนังสือ 5.สืบค้นจาก อินเตอร์เน็ต / Google คำถาม/ข้อสงสัย วิธีการหาคำตอบ/สืบเสาะ กล้วยมีอะไรบ้าง กล้วยมันยังไม่สุกสีอะไร เราเอากล้วยมาทำอะไรได้บ้าง 1.เราจะไปสำรวจและสังเกตต้นกล้วยของจริง 2.ต้องลองทำ/ลงมือปฏิบัติ 3.สอบถามจากพ่อแม่ ครู 4.อ่านหนังสือ 5.สืบค้นจาก อินเตอร์เน็ต / Google


ประโยชน์ของกล้วย -กล้วยดิบ แก้โรคกระเพาะ -กล้วยห่าม แก้ท้องเสีย -กล้วยสุก แก้ท้องผูก -กล้วยงอมต้านมะเร็ง อาหารคาวจากกล้วย -น้ำพริกกล้วยดิบ -ลาบหัวปลี -แกงส้มหัวปลี -ซุปหัวปลี -ทอดมันหัวปลี -หัวปลีชุบแป้งทอด สิ่งของที่ทำมาจากกล้วย -กระทง (ใบตอง/ลำต้น) -ของเล่น (ม้า/ปืนก้านกล้วย) -ครีมผลิตภัณฑ์ต่างๆ (ผลกล้วยส่วนประกอบของต้นกล้วย -ราก -ลำต้น -ใบตอง -ก้านกล้วย -หน่อกล้วย -หัวปลี ชนิดของกล้วย -กล้วยน้ำว้า -กล้วยไข่ -กล้วยหอม -กล้วยเล็บมือนาง ประโ-ผลก-หัวป-ใบต-ลำต้-ก้าน-ราก


11 อาหารหวานจากกล้วย -กล้วยบวชชี -กล้วยเชื่อม -กล้วยทับ -เค้กกล้วยหอม -กล้วยแขก -ขนมกล้วย วิธีทำกล้วยบวชชี -วัสดุอุปกรณ์ -วิธีการทำ ย) ส่วนประกอบของผลกล้วย -เปลือกกล้วย -เนื้อกล้วย การเจริญเติบโตของต้นกล้วย -ระยะที่ 1 หน่อกล้วย -ระยะที่ 2 ใบกล้วย -ระยะที่ 3 ออกปลี -ระยะที่ 4 ออกผล โยชน์ของต้นกล้วย กล้วย รับประทานได้ ปลี รับประทานได้ ตอง ทำกระทง ต้น ทำกระทง นกล้วย ทำของเล่น เช่น ม้าก้านกล้วย ก รักษาโรค


12 ระยะที่ 2 ระยะพัฒนาโครงการ ระยะที่ 2 ระยะพัฒนาโครงการ ในช่วงของระยะพัฒนาโครงการถือเป็นช่วงเวลาสําคัญที่เด็กจะเริ่มสร้างองค์ความรู้โดยการลงมือ ปฏิบัติ ด้วยตนเองจากวิธีการสืบค้นรูปแบบต่างๆ ซึ่งคุณครูจะต้องคํานึงถึงรูปแบบการบูรณาการทักษะที่ หลากหลาย เพื่อเข้ามารองรับและตอบสนองการเรียนรู้ตามขีดความสามารถที่แท้จริงของเด็ก โดยตั้งอยู่บนพื้น ฐานความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาการตามลําดับขั้น ซึ่งสืบเนื่องมาจากข้อมูลที่ได้ในระยะก่อนหน้านี้ รวมไปถึง การเพิ่มเติม ประสบการณ์ใหม่ให้แก่เด็กๆผ่านกิจกรรมต่างๆ ซึ่งการจัดการเรียนรู้ในโครงการกล้วยนี้ คุณครู และเด็กๆได้ ร่วมกันวางแผนขั้นตอนที่จะนําไปสู่กระบวนการค้นหาคําตอบจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ด้วยวิธีการ ดังนี้ การสังเกตจากสิ่งรอบตัวผ่านการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 การสอบถามและสัมภาษณ์จากบุคคลใกล้ชิด เช่น ผู้ปกครอง คุณครู และบุคลากรต่างๆ ภายในโรงเรียน การค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย เช่น การค้นคว้าหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเรื่องมะพร้าว จากห้องสมุด การค้นคว้าข้อมูลจาก Internet ในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ รวมทั้งการขอความร่วมมือ ผู้ปกครองให้มีส่วนร่วมการเรียนรู้จากการดูจากสื่อวิดิทัศน์ต่างๆ การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติทคลองที่เริ่มมากจากการตั้งสมมติฐานด้วยตนเอง การเรียนรู้จาก วิทยากรที่มาสาธิต การเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติทดลองตามสิ่งที่ได้เรียนรู้จากวิทยากรและแหล่งข้อมูลที่สําคัญโดย ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้นนั้น นับว่าเป็นงานภาคสนามที่ให้โอกาสเด็กๆได้ศึกษาค้นคว้า


13 สร้างองค์ความรู้จากการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ผ่านวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อหาคำตอบจากคำถามที่ตนเองตั้งไว้ วันที่ 4 ( ๒ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆไปทัศนศึกษาสำรวจต้นกล้วยบริเวณรอบโรงเรียน เพื่อให้ลักษณะของต้นกล้วยของจริง ลักษณะของต้นกล้วย รู้จักส่วนประกอบต่างๆ ได้แก่ ใบ ลำต้น ผล ก้าน หัวปลี เป็นต้น ในวันนี้เด็กได้เรียนรู้เรื่องส่วนประกอบของต้นกล้วย


14 วันที่ 4 ( ๒ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้เรื่องส่วนประกอบของกล้วย วันที่ ๕ ( วันที่ ๓ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้ประโยชน์ของกล้วย เนื้อ เปลือก


15 ชาร์ตประโยชน์ของกล้วย


16 วันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆได้เรียนรู้เรื่องอาหารคาวและหวานที่ทำมาจากกล้วย วันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆได้เรียนรู้เรื่องวิธีการทำกล้วยบวชชี


17 ฃวันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้และลงมือปฏิบัติการทำกล้วยทอด


18 วันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้และลงมือปฏิบัติการทำกล้วยทอด


19 วันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้และลงมือปฏิบัติการทำกล้วยทอด


20 วันที่ ๖ ( วันที่ ๖ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆ เรียนรู้และลงมือปฏิบัติการทำกล้วยทอด


21 วันที่ ๗ ( วันที่ ๗ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆทำงานศิลปะเรื่องกล้วย


22 วันที่ ๗ ( วันที่ ๗ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆทำงานศิลปะเรื่องกล้วย


23 วันที่ ๗ ( วันที่ ๗ มีนาคม 256๖ ) เด็กๆทำงานศิลปะเรื่องกล้วย


24 ระยะที่ 3 ระยะสรุปโครงการ ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ


25 ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ


26 ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ


27 ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ


28 ระยะที่ 3 ระยะสรุป ครูจัดให้เด็กมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประเมิน สะท้อนกลับ และนำเสนอ ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ


Click to View FlipBook Version