ผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์แห่งยุคใหม่
ศิลปินแห่งชาติ
อาจารย์อังคาร กัลยาณพงศ์
คำนำ
รายงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 เพื่อให้ได้
ศึกษาหาความรู้ในประวัติ เรื่องราว และผลงานของอาจารย์ อังคาร
กัลยาณพงศ์ ผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์แห่งยุคใหม่ เพื่อเป็นประโยชน์กับการเรียน
ผู้จัดทำหวังว่า รายงานเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่อ่านและศึกษา ที่
กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัด
ทำขอน้อมรับไว้ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ประวัติ
อั ง ค า ร กั ล ย า ณ พ ง ศ์ ( 1 3 กุ ม ภ า พั น ธ์ พ . ศ . 2 4 6 9
— 2 5 สิ ง ห า ค ม พ . ศ . 2 5 5 5 ) เ ป็ น ทั้ง ก วี แ ล ะ จิ ต ร ก ร
เ กิ ด ที่ จั ง ห วั ด น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ศึ ก ษ า ร ะ ดั บ ป ร ะ ถ ม ที่
โ ร ง เ รี ย น วั ด จั น ท า ร า ม ต่ อ ม า ก็ เ รี ย น ที่ วั ด ใ ห ญ่ จ น จ บ
ป ร ะ ถ ม สี่ แ ล้ ว ย้ า ย ไ ป เ รี ย น ที่ โ ร ง เ รี ย น มั ธ ย ม ป ร ะ จำ
จั ง ห วั ด คื อ โ ร ง เ รี ย น เ บ ญ จ ม ร า ชู ทิ ศ
น ค ร ศ รี ธ ร ร ม ร า ช ศึ ก ษ า ศิ ล ป ะ ที่ โ ร ง เ รี ย น เ พ า ะ ช่ า ง
แ ล ะ ที่ ค ณ ะ จิ ต ร ก ร ร ม ป ร ะ ติ ม า ก ร ร ม แ ล ะ ภ า พ พิ ม พ์
ม ห า วิ ท ย า ลั ย ศิ ล ป า ก ร
อั ง ค า ร เ ป็ น ผู้ ไ ด้ รั บ ก า ร ย อ ม รั บ ใ น ฐ า น ะ เ ป็ น จิ ต ร ก ร
แ ล ะ ก วี เ ป็ น ก วี ที่ มี ค ว า ม โ ด ด เ ด่ น ทั้ง ใ น ด้ า น ค ว า ม
คิ ด แ ล ะ รู ป แ บ บ อี ก ทั้ง ยั ง เ ป็ น ก วี ที่ มี ค ว า ม คิ ด เ ป็ น
อิ ส ร ะ ไ ม่ ถู ก ร้ อ ย รั ด ด้ ว ย รู ป แ บ บ ที่ ต า ย ตั ว จึ ง นั บ
เ ป็ น ก วี ผู้ บุ ก เ บิ ก ก วี นิ พ น ธ์ ยุ ค ใ ห ม่ ซึ่ ง นิ ธิ เ อี ย ว ศ รี
ว ง ศ์ ไ ด้ ก ล่ า ว ถึ ง ผ ล ง า น ก วี นิ พ น ธ์ ข อ ง อั ง ค า ร
กั ล ย า ณ พ ง ศ์ ว่ า มี ค ว า ม โ ด ด เ ด่ น เ ป็ น อ ย่ า ง ม า ก [
เส้นทางแห่งกวีและจิตรกร
อย่างที่เราได้กล่าวไว้ในข้างต้น อาจารย์อังคาร
เกิดใน จ.นครศรีธรรมราช โดยเป็นจังหวัดที่ได้
รับการยกย่องว่า เป็นเมืองแห่งกาพย์กลอน โดย
ความเป็นกวีจึงค่อยๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
ของท่านมาตั้งแต่ครั้งยังเด็กๆ นอกจากนี้จาก
การฝึกหัดแต่งกลอนด้วยความมุมานะ ได้รวม
เป็นเนื้อเดียวกับพรสวรรค์ที่มีอยู่ ก่อให้เกิดความเชี่ยวชาญทางด้านสรรพวิชาที่น่าสนใจ นอกจากนี้
อาจารย์ยังมีทั้งมุมมอง รวมทั้งแง่คิดในการใช้ชีวิตทันแสนอิสระ จึงทำให้บทกวีของท่าน มีความ
โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ท่านเป็นกวีผู้แหกกฎกลอนทั้งหลาย พร้อมทั้งเดินเส้นทาง
ของตัวเอง จึงทำให้ อาจารย์ได้รับฉายาว่า ‘ผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์แห่งยุคใหม่’
ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ อังคาร เป็นกวีร่วมสมัยผู้ได้รับการ
ยกย่องว่า เป็นผู้สร้างสรรค์กวีนิพนธ์สมัยใหม่ให้
แก่วรรณศิลป์ไทย โดยชุบชีวิตขนบวรรณศิลป์ไทย
ให้เติบโตสอดคล้องกับวรรณศิลป์ร่วมสมัย โดย
การศึกษาวรรณศิลป์จากกวีโบราณเพื่อเข้าใจแก่น
แท้ของสุนทรียะทั้งด้านความงามและความคิด
และนำความเข้าใจนี้มาเป็นฐานรองรับการสร้าง
สรรค์วรรณศิลป์เฉพาะตนขึ้น ผลงานกวีนิพนธ์เป็น
ศิลปะซึ่งมุ่งสร้างสรรค์ให้เป็น “ กุศลศิลป์ ” อันจัก
ช่วยจรรโลงโอบอุ้มจิตใจมนุษย์ให้ล่วงพ้นมลทินแห่ง
ความหลงใหลในวัตถุ มุ่งเตือนมนุษย์ให้เห็นปัญญาในสังคม
ปณิธานกวี
เนื้อหาโดยสังเขป
หนังสือเล่มนี้จะพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสกับกวีนิพนธ์รางวัล
วรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม แห่งอาเซียน (ซีไรต์) ประจำปี
พ.ศ. 2529 มีความงามทางการประพันธ์ และยังชี้ให้เห็นถึงการ
ยึดหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นเครื่องนำทางชีวิต โดย
เฉพาะการมีสติ การรู้แจ้งในความจริง การปล่อยวาง และการ
ชำระใจให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว โดยผู้เขียนได้นำแนวคิดเหล่านี้มา
สอดประสานเป็นบทกวีให้ผู้อ่านซึมซับได้อย่างแยบยล
มิได้มุ่งสั่งสอนโดยตรง
ผลงานของอาจารย์
หนังสือเรื่อง ปณิธานกวี
ตัวอย่างผลงาน เรื่องเสียเจ้า
๏ เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า
ซบหน้าติดดินกินทราย
๏ จะเจ็บจำไปถึงปรโลก
ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย
อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ
๏ หากเจ้าอุบัติบนสรวงสวรรค์
ข้าขอลงโลกันตร์หม่นไหม้
สูเป็นไฟ เราเป็นไม้
ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณ
ตัวอย่าง เรื่อง เสียเจ้า
๏ แม้แต่ธุลีมิอาลัย
ลืมเจ้าไซร้ชั่วกาลปาวสาน
แม้นชาติไหนเกิดไปพบพาน
จะทรมานควักทิ้งทั้งแก้วตา
๏ ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า
ให้เจ้าเหยียบเล่นเหมือนเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา
ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอย
ลำนำภูกระดึง
๏ ภูกระดึงตะลึงฝันว่าชั้นฟ้า
เมฆลอยมาหุ้มกายคล้ายสวรรค์
สวนสนป่าพฤกษาลดาวัลย์
เย้ายวนป่วนปั่ นสั่นวิญญาณ
๏ เนินเถินสล้างสลับซับซ้อน
หญ้าอ่อนชะอ้อนใจไหวสะท้าน
งามเงื้อมชะโงกโตรกเหวธาร
ปานวิมานนฤมิตวิจิตรจริง
หยาดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา ตอน นิมิตในสายรุ้ง
๏ รัตติกาลในม่านดำสีคล้ำหม่น ๏ ดอกไม้ป่าพากันแย้มแต้มแต่งสี
กาลจวบจนจวนเช้าป่าเขากว้าง รับรวีที่ส่องมาเหมือนคราก่อน
ทุ่งราบใหญ่ในเช้าตรู่ดูเวิ้งว้าง ฝูงวิหคผกผินออกบินจร
ดูเคว้งคว้างหว่างเขาลำเนาไพร หมู่ภมรร่อนชมดมมาลี
๏ ละอองหมอกมัวคลุ้มคลุมดอยสูง ๏ เพียงยลยินทั้งดินฟ้าและอากาศ
ธรรมชาติสะอาดงามตามวิถี
ไม้ยางยูงยอดเทียมเยี่ยมฟ้าใส ชำระใจไร้ชั่วมัวราคี
ตะวันรุ่งรุ้งทองผ่องอำไพ เพียงเท่านี้มีสุขทุกวันคืน
งามละไมในเงาหมอกออกอัศจรรย์
๏ น้ำค้างหยดหยาดลงตรงใบไม้
ทิ้งรอยไว้ในดินทรายดังลายสวรรค์
ฝากละอองเป็นน้ำไหลใต้ตะวัน
ฝากรอยฝันสรรค์ลิขิตดังจิตกร
เเหล่งที่มาของข้อมูล
1.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%
B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3_
%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0
%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%9E%E0%B8%87%E0%B8
%A8%E0%B9%8C
2.https://anowl.co/anowlrod/%E0%B8%AB%E
0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%
B8%B9%E0%B8%9B/long_roob16/
1.นาย จิรสินธุ์ คำภิโล ม.5/9 เลขที่6
2.น.ส.เยาวลักษณ์ เขื่อนคุณา ม.5/9 เลขที่44
3.น.ส.ธัญญาเรศ ทองพูน ม.5/9 เลขที่43