Supervisor
Hand book
ส่วนตรวจสอบและกำกบั ดูแล
สำนกั งำน กสทช. ภำค 3
1
ระเบียบ ประกาศ กำรแต่งตัง้ พนักงำนปฏิบัติหน้ำท่หี ัวหนำ้ งำนของสำนักงำน กสทช. เขต 4
และบันทึกข้อความ มำตรฐำนกำหนดตำแหน่งงำน - ด้ำนหนำ้ ทค่ี วำมรับผดิ ชอบหลกั 5
มำตรฐำนกำหนดตำแหนง่ งำน - ดำ้ นกำรปฏบิ ตั ิกำร 6
ที่เกย่ี วข้อง มำตรฐำนกำหนดตำแหน่งงำน – ด้ำนกำรวำงแผน 6
มำตรฐำนกำหนดตำแหน่งงำน – ดำ้ นกำรประสำนงำน 7
มำตรฐำนกำหนดตำแหน่งงำน – ดำ้ นกำรบรกิ ำร 7
หลักเกณฑแ์ ละวธิ กี ำรเลอ่ื นพนักงำนข้ึนแต่งตั้งใหด้ ำรงตำแหนง่ ที่สงู ขนึ้ 8
ระเบียบฯ กำรบริหำรงำนบุคคล พ.ศ. 2565 9
Work Flow กำรวำงแผนตรวจสอบคลืน่ ควำมถี่ 11
งานหลกั และงานเฉพาะกจิ กำรตรวจสอบครอบครองควำมถีว่ ทิ ยุ 12
กำรตรวจสอบมำตรฐำนทำงเทคนคิ กำรแพรค่ ลืน่ ควำมถี่ 13
กำรตรวจวัดระดับกำรแผค่ ลืน่ สนำมแม่เหลก็ ไฟฟ้ำ (EMF) 14
กำรแก้ไขปัญหำกำรรบกวนคลน่ื ควำมถี่ 15
กำรตรวจสอบควำมถท่ี ี่ไม่ได้รับอนุญำต 16
กำรตรวจวิทยชุ มุ ชนทีข่ อเปล่ยี นแปลงข้อมลู (ก่อนมติ) 17
กำรตรวจวิทยชุ ุมชนท่ขี อเปลี่ยนแปลงข้อมลู (หลงั มติ) 18
กำรตรวจวิทยชุ มุ ชนทอ่ี อกอำกำศผดิ เงอ่ื นไข 19
กำรตรวจควำมถป่ี ้องกันรบกวนข่ำยส่ือสำรอำรกั ขำ 20
กำรตรวจจัดสรรควำมถี่ 21
กำรตรวจวิทยุชมุ ชนที่ถกู เพิกถอนสิทธิ 22
กำรตรวจพสิ ูจนเ์ คร่อื งวทิ ยุคมนำคมของกลำง 23
องคป์ ระกอบของหัวหนา้ งาน 11 หัวข้อจำกหนงั สอื “หัวหนำ้ งำนพันธแุ์ ท”้ 25
จากหนงั สือ หลกั กำรบรหิ ำรงำนเบอื้ งตน้ 26
กำรวำงแผนของหวั หน้ำงำน 27
“หวั หนา้ งานพนั ธุ์แท้” กำรสือ่ สำรข้อควำม 28
กำรมอบหมำยงำน 29
กำรสอนงำน 30
หน้ำทข่ี องผู้นำ 31
กำรทำงำนเป็นทมี 32
มนษุ ย์สัมพันธ์ 33
กำรให้คำปรึกษำและกำลงั ใจ 34
กำรแก้ไขปัญหำและกำรตดั สินใจ 35
กำรบรหิ ำรควำมขดั แย้ง 36
ระเบียบ ประกาศ และบนั ทกึ ข้อความ
ที่เก่ยี วข้องกบั ตาแหนง่ หวั หน้างาน
บนั ทึกข้อความ สานกั ทรพั ยากรบุคคล
ท่ี สทช 2102/561 ลงวนั ท่ี 2 มนี าคม 2565
เร่อื ง กำรแต่งตง้ั พนักงำนปฏบิ ตั หิ นำ้ ทห่ี วั หน้ำงำนของสำนักงำน กสทช. เขต
คณุ สมบัติท่ีจำเปน็ ของหัวหน้ำงำนสำนกั งำน กสทช. เขต
ใหเ้ ทียบเคียงตำแหน่งหวั หน้ำงำนกบั ตำแหนง่ พนักงำนปฏิบัตกิ ำรระดับสงู
ใชค้ วำมรู้ควำมสำมำรถ ช่วยกำกับ แนะนำ
และประสบกำรณใ์ นดำ้ นทีต่ รงตำแหนง่ ตรวจสอบกำรปฏบิ ตั งิ ำนของผรู้ ว่ มงำน
ปฏิบตั งิ ำนที่ต้องตดั สนิ ใจหรือแกป้ ัญหำทย่ี ำก 4
ประกาศสานักงานคณะกรรมการกจิ การกระจายเสียง กจิ การโทรทศั น์
และกิจการโทรคมนาคมแหง่ ชาติ
เรอื่ ง มาตรฐานกาหนดตาแหน่งงาน
ประกาศ ณ วันที่ 4 มถิ ุนายน 2564
มาตรฐานกาหนดตาแหน่งงาน
ดา้ นหน้าท่คี วามรบั ผิดชอบหลัก
ให้คำปรึกษำในระดับสำยงำน ระดบั ปญั หำ
ใหค้ ำปรึกษำในระดบั สำนกั
ระดับปญั หำ - ซบั ซ้อนมำก
ปฏิบัตงิ ำนท่ตี อ้ งตัดสินใจ ระดับปัญหำ - ซบั ซ้อน
หรอื แก้ไขปัญหำ ระดบั ปัญหำ - ยำก
ตรวจสอบกำรปฏิบัตงิ ำน
ชว่ ยใหค้ ำแนะนำผู้รว่ มงำน
ปฏบิ ตั ิหนำ้ ที่อ่ืนตำมมอบหมำย
ปฏบิ ตั หิ นำ้ ทอี่ ่นื ที่เกย่ี วขอ้ ง ระดบั ควำมรู้
เชี่ยวชำญ
ทำงำนโดยใช้ควำมรู้
ควำมสำมำรถ ชำนำญ
ก3 ก2 ก1 ช3 ช2
5
มาตรฐานกาหนดตาแหนง่ งาน
ด้านการปฏบิ ัติการ
ถำ่ ยทอดควำมรู้ ใหค้ ำแนะนำในกำรตรวจสอบฯ ระดบั กำรวเิ ครำะห์
กับเจำ้ หน้ำที่ระดบั รองลงมำ วจิ ยั
พฒั นำและปรบั ปรงุ
ปรับปรุง ให้ควำมเห็น ใหข้ อ้ เสนอแนะ
วิเครำะห์เชงิ ลึก รวมรวมประมวลผล แก้ไขปญั หำ ระดบั กำรใหค้ ำปรึกษำ
สำยงำน
และเปน็ ตวั แทนเขำ้ ร่วมประชุม สำนกั
ตดิ ตำมตรวจสอบ วเิ ครำะห์สังเครำะห์ขอ้ เท็จจรงิ ช2
ดำเนินกำรทำงกฎหมำย นำเสนอแก้ไขปรบั ปรงุ
รำยงำนผลกำรดำเนนิ งำนและสรปุ ข้อมลู
สอนงำน ให้คำปรึกษำเกย่ี วกับงำนดำ้ นตรวจสอบฯ
ให้กบั บคุ คลภำยในและภำยนอกหนว่ ยงำน
ปฏบิ ตั ิงำนและสนบั สนนุ งำนอ่ืนๆ
เสนอควำมเหน็ แกผ่ บู้ ังคบั บัญชำ
ศึกษำ รวบรวม จดั เตรียม
รว่ มตรวจสอบ ตรวจคน้ จบั กุมและออกใบอนุญำต
ก3 ก2 ก1 ช3
มาตรฐานกาหนดตาแหน่งงาน
ดา้ นการวางแผน
ติดตำมประเมินผลภำพรวม ระดับกำรให้คำปรกึ ษำ
สำยงำน
ใหค้ ำปรกึ ษำและแนะนำกำรวำงแผน สำนกั
/ บรู ณำกำรแผน
แก้ปัญหำในกำรปฏิบตั งิ ำน
รว่ มดำเนินกำรวำงแผนกำรทำงำนของ
หน่วยงำนหรือโครงกำร
วำงแผนงำนท่ีรับผดิ ชอบ 6
ก3 ก2 ก1 ช3 ช2
มาตรฐานกาหนดตาแหนง่ งาน
ดา้ นการประสานงาน
ประชุมท้งั ในและตำ่ งประเทศ ระดบั กำรใหค้ ำแนะนำ
สำยงำน
ให้ควำมเห็น คำแนะนำ สำนกั
แก่ทมี งำนหรือหนว่ ยงำนอนื่ เบื้องต้น
ระดับกำรประสำนงำน
ประสำนงำนร่วมกันท้ังภำยในและ สำยงำน
ภำยนอก สำนัก
ทีมงำนหรือหน่วยงำน
ช้แี จงรำยละเอียดเกีย่ วกับขอ้ มูล ข้อเท็จจรงิ
แกบ่ ุคคลหรือหน่วยงำนที่เกีย่ วขอ้ ง ก3 ก2 ก1 ช3 ช2
มาตรฐานกาหนดตาแหน่งงาน
ด้านการบรกิ าร
ผลิตคมู่ ือ เอกสำร และกำรสมั มนำ ระดับกำรตอบปญั หำ
ด้ำนกำรตรวจสอบและปฏบิ ตั กิ ำร ซบั ซ้อน
สง่ เสริม สนบั สนนุ ใหค้ วำมร่วมมอื
ด้ำนตรวจสอบและปฏิบตั กิ ำร
ถ่ำยทอดกำรฝกึ อบรม/ ควำมรู้
แกห่ นว่ ยงำนภำยนอก
ให้คำแนะนำ ตอบปัญหำ ชแี้ จงเกี่ยว
กบั งำนดำ้ นตรวจสอบ
ก3 ก2 ก1 ช3 ช2 7
ประกาศสานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสยี ง กจิ การโทรทศั น์
และกจิ การโทรคมนาคมแหง่ ชาติ
เรอ่ื ง หลักเกณฑแ์ ละวิธกี ารเล่อื นพนักงานขึน้ แตง่ ตงั้ ใหด้ ารงตาแหน่งทีส่ ูงขน้ึ
ประกาศ ณ วนั ที่ 21 มิถุนายน 2564
เกณฑ์การคัดเลอื กในระดับเชี่ยวชาญ
ผลกำรประเมนิ คุณลกั ษณะ ไมน่ ้อยกวำ่ ร้อยละ 80
ผลกำรประเมินกำรปฏิบตั ิงำน ไม่น้อยกว่ำร้อยละ 70
ผลกำรประเมินสมรรถนะ ไม่นอ้ ยกวำ่ ค่ำเปำ้ หมำยของตำแหน่ง
ช3ผลกำรประเมนิ งำนทำงวิชำกำร
ผลกำรประเมนิ แนวคิดในกำรพฒั นำปรับปรงุ งำน
ผำ่ นหลกั สูตรท่ี กสทช. กำหนด
ไดเ้ ลอ่ื นเงินเดอื นประจำปี
เงินเดือนข้นั ต่ำของ ช3 หรือใกล้ถึง ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 6
ดำรงตำแหนง่ ก1 ไมน่ อ้ ยกวำ่ 3 ปี
คุณวุฒิกำรศกึ ษำไม่ต่ำกวำ่ ปรญิ ญำตรี
ก1
ผำ่ นหลักสตู รท่ี กสทช. กำหนด
ไดเ้ ล่อื นเงินเดือนประจำปี
เงนิ เดือนไมต่ ำ่ กวำ่ ขนั้ ต่ำของ ก1
ดำรงตำแหนง่ ก2 ไมน่ อ้ ยกว่ำ 3 ปี
ก2คณุ วฒุ กิ ำรศึกษำไม่ตำ่ กว่ำปรญิ ญำตรี
เปน็ ผไู้ ดร้ ับกำรเล่อื เงนิ เดอื นประจำปี
เงินเดือนไมต่ ่ำกวำ่ ขน้ั ต่ำของ ก2
ก3ดำรงตำแหน่ง ก3 ไม่นอ้ ยกวำ่ 3 ปี
คณุ วฒุ กิ ำรศึกษำไม่ต่ำกว่ำปรญิ ญำตรี
เกณฑ์การคดั เลอื กในระดบั ปฏิบตั ิการ 8
ผลกำรประเมินคณุ ลกั ษณะ ไม่น้อยกวำ่ ร้อยละ 80
ผลกำรประเมนิ กำรปฏบิ ตั งิ ำน ไม่นอ้ ยกว่ำร้อยละ 70
ผลกำรประเมินสมรรถนะ ไม่น้อยกว่ำค่ำเป้ำหมำยของตำแหน่ง
ระเบยี บคณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กิจการโทรทัศน์
และกจิ การโทรคมนาคมแห่งชาติ
การบรหิ ารงานบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๕
หน้ำ 18 เลม่ 139 ตอนพิเศษ 18 ง วนั ที่ 25 มกรำคม 2565
อทุ ศิ เวลำของตนให้แก่กำรปฏิบตั ิงำน สภุ ำพเรยี บรอ้ ย รักษำควำมสำมัคคี ปฏบิ ตั ติ ำมแบบธรรมเนียมของสำนกั งำน
จะละทงิ้ หรือทอดทิ้งหนำ้ ทีม่ ไิ ด้ และช่วยเหลือกันในกำรปฏิบัติงำน กสทช. โดยไมข่ ดั ขืนหรอื หลกี เล่ยี ง
ปฏบิ ตั ิตำมคำส่งั ปฏบิ ัติหน้ำที่ดว้ ยควำมตง้ั ใจ วิรยิ ะ รักษำช่อื เสียงของตน และรกั ษำ
ของผู้บังคบั บัญชำซึ่งสัง่ ในหนำ้ ที่ อตุ สำหะ เอำใจใส่ และรกั ษำ เกยี รติศักดิ์ของตำแหน่งหน้ำทขี่ องตน
ประโยชน์ของสำนกั งำน กสทช.
โดยชอบด้วยกฎหมำย มใิ หเ้ ส่อื มเสยี
ปฏบิ ัติหน้ำทใี่ ห้เปน็ ไปตำมกฎหมำย กฎ ต้อนรับ ให้ควำมสะดวก ใหค้ วำมเปน็ ธรรม วำงตนเป็นกลำงทำงกำรเมืองในกำร
และระเบียบ ประกำศ หลักเกณฑ์ คำสง่ั และให้บริกำรแกป่ ระชำชนผู้ติดต่อใน ปฏบิ ัติหน้ำท่ีและในกำรปฏบิ ตั กิ ำรอื่น
หรอื ขอ้ กำหนดใด ๆ ท่ี สำนกั งำน กสทช. กิจกำรอันเกยี่ วกบั อำนำจหนำ้ ทีต่ นโดยไม่ ที่เกยี่ วข้องกบั ประชำชน
กำหนดใหใ้ ชบ้ งั คับ ชักชำ้ และด้วยควำมสภุ ำพเรยี บร้อย
ปฏิบตั ิหน้ำทดี่ ว้ ยควำมซ่อื สัตย์ สจุ ริต และเทยี่ งธรรม รกั ษำควำมลบั ของสำนักงำน กสทช. 9
Work Flow งานหลกั และงานเฉพาะกจิ
ของหัวหน้างาน
Work Flow การวางแผนตรวจสอบคลืน่ ความถ่ี
1 รวบรวมขอ้ มลู และแผนการตรวจสอบประจาปี
จดั ทาแผนการตรวจสอบ
2 ทงั้ งำนประจำและกำรตรวจสอบนอกแผน ลงในระบบ Operation
System หวั ข้อ “กำรวำงแผนตรวจสอบคลื่น”
แจ้งแผนการตรวจสอบใหผ้ ปู้ ฏบิ ัตงิ านรับทราบ
3 และช่วยกำกบั ชีแ้ นะแนวทำงแก่ผ้ปู ฏบิ ัตงิ ำน
1000 แผนตรวจสอบมาตรฐานฯ ปี 2565
132
208 218 186 237
100 50 35 16 20 15 30 12 10 สถำนีวทิ ยกุ ระจำยเสยี งหลกั
12 14 สถำนีวทิ ยุทดลอง
MUX
10
1
เขต 31 เขต 32 เขต 33 เขต 34 เขต 35
200 156 แผนการตรวจ EMF ปี 2565 แผนความถีท่ ไี่ มไ่ ด้รบั อนญุ าต ปี 2565
156 168
156 54
150 132 4
100 3 22222
2
50
1
0
เขต 31 เขต 32 เขต 33 เขต 34 เขต 35 0
ภภ.3 เขต 31 เขต 32 เขต 33 เขต 34 เขต 35
กำรตรวจสอบมำตรฐำนฯ กำรตรวจวดั คลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้ำ 11
ขอให้ดำเนินกำรตรวจสอบตำมแผนก่อนวนั ท่ี 20 ของทกุ เดอื น
กำรตรวจสอบครอบครองควำมถี่ ใหใ้ ช้แผนเดิมของ กภ. ปี 2564 โดยกรอง
ควำมถท่ี ี่ไม่ใช่ควำมถใี่ ช้งำน จำกไฟล์ CSV และเนน้ กำรตรวจพิสจู น์ทรำบ
การตรวจสอบครอบครองความถวี่ ทิ ยุ
1 แจง้ แผนการตรวจสอบการครอบครองความถี่
ให้นักตรวจสอบและปฏิบัติกำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
แผนฯ โดยตรวจสอบตำมโปรแกรมที่กำหนด ซึง่ เป็นกำรตรวจสอบคลื่นควำมถี่ท่ี
ถูกใช้งำน โดยจะต้องพิสูจน์ทรำบชื่อหน่วยงำนผู้ใช้คลื่นควำมถี่ สัญญำณเรียก
ขำน คล่ืนควำมถ่ี (Frequency) ประเภทกำรแพร่ควำมถี่ (Class of Emission)
และช่วงเวลำกำรใช้คลน่ื ควำมถี่ เป็นต้น
2 หากมีการตรวจสอบนอกทีต่ ้งั หวั หน้างานตรวจสอบเอกสาร
ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง ก่อนนาเสนอ ผอ. เขต อนมุ ตั ิ
1. หนงั สืออนุมตั เิ ดนิ ทำง
2. ใบขออนญุ ำตใช้รถยนต์
3. รำยกำรตรวจสอบควำมพรอ้ มของรถตรวจสอบและเคร่ืองมือที่จำเปน็
3 ติดตาม กากบั ชี้แนะแนวทาง
และแก้ไขปัญหำที่ซับซ้อนให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบกำร
ครอบครองควำมถ่ี
4 ตรวจสอบการบนั ทึกผล
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผล “กำรตรวจสอบกำรครอบครอง
ควำมถ”่ี ในระบบ Operation System
*กรองความถที่ ี่ไม่ใช่ความถ่ใี ชง้ าน ในไฟล์ CSV และทาการพิสูจน์ทราบ
12
การตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิคการแพรค่ ลน่ื ความถ่ี
(วทิ ยกุ ระจายเสยี ง)
1 แจง้ แผนการตรวจสอบมาตรฐานฯ
ให้นกั ตรวจสอบและปฏิบัติกำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร
(เขต/ภำค) รับทรำบแผนกำรตรวจสอบมำตรฐำนกำร
แพร่คลื่นควำมถี่ จำกสถำนีวิทยุกระจำยเสียงในระบบ
FM และสถำนโี ทรทัศน์
2 หากมกี ารตรวจสอบนอกทตี่ ัง้ หวั หนา้ งานตรวจสอบเอกสาร
ทเ่ี กีย่ วขอ้ ง ก่อนนาเสนอ ผอ. เขต อนุมตั ิ
1. หนงั สืออนุมัตเิ ดนิ ทำง
2. ใบขออนญุ ำตใช้รถยนต์
3. รำยกำรตรวจสอบควำมพรอ้ มของรถตรวจสอบและเครื่องมือที่จำเป็น
3 ตดิ ตาม กากับ ชแี้ นะแนวทาง
และแก้ไขปัญหำที่ซับซ้อนให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบ
มำตรฐำนทำงเทคนิคกำรแพร่คลนื่ ควำมถี่
4 ตรวจสอบการบันทึกผล
หลังจำกผู้ปฏบิ ตั ิงำนทำกำรลงบันทกึ ผล “กำรตรวจสอบมำตรฐำนกำรแพร่”
ในระบบ Operation System กรณไี ม่พบกำรออกอำกำศ ไม่ต้องลงรำยงำน
ผลในระบบ
หากผลการตรวจสอบไม่เปน็ ไปตามมาตรฐาน
กรณสี ถำนวี ทิ ยทุ ดลองประกอบกิจกำรกระจำยเสียง
• จัดทำร่ำงหนังสือทักท้วงถึงผู้ประกอบกำรให้ดำเนินกำรแก้ไขกำรแพร่คลื่นควำมถ่ีของสถำนีให้เป็นไปตำมำตรฐำน
พร้อมแนบรำยงำนผลจำกระบบ Operation System เสนอ ผอ.เขต พิจำรณำลงนำม
กรณีสถำนีวทิ ยุกระจำยเสียงหลกั
• ประสำนทำงวำจำกับผ้ปู ระกอบกำร ช้ีแจงรำยละเอียดขอ้ มลู ข้อเทจ็ จรงิ เพ่อื สรำ้ งควำมเขำ้ ใจและควำมรว่ มมอื
และให้ดำเนินกำรแก้ไขกำรแพรค่ ลืน่ ควำมถขี่ องสถำนใี หเ้ ป็นไปตำมมำตรฐำน
13
การตรวจวดั ระดับการแผค่ ลื่นสนามแมเ่ หล็กไฟฟา้ (EMF)
1 แจง้ แผนการตรวจวัดระดบั การแผ่คล่ืนสนามแม่เหลก็ ไฟฟ้า
ให้นักตรวจสอบและปฏิบัติกำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค)
รับทรำบกำรตรวจวัดระดับกำรแผ่คลื่นสนำมแม่เหล็กไฟฟ้ำ (EMF)
ดำเนินกำรตรวจสอบตำมแผนก่อนวันท่ี 20 ของทุกเดอื น
กำหนดแผนกำรตรวจวัด EMF ให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ของพื้นที่
รบั ผิดชอบและครอบคลมุ กำรให้บรกิ ำรของผู้ประกอบกำรทกุ รำย
ตรวจสถำนีวิทยุคมนำคมไม่ซ้ำสถำนีเดิม และให้ตรวจในพ้ืนท่ีอำเภอที่ไม่ได้
ตรวจในปี 2564 ให้ครบก่อนค่อยเริ่มตรวจในพ้ืนท่ีที่วำงแผนไว้ ให้
ครอบคลมุ และเขำ้ ถึงประชำชนในพน้ื ท่ีทรี่ ับผิดชอบ
2 หากมีการตรวจสอบนอกที่ตง้ั หัวหนา้ งานตรวจสอบเอกสาร
ท่ีเกีย่ วข้อง กอ่ นนาเสนอ ผอ. เขต อนุมตั ิ
1. หนังสืออนมุ ตั เิ ดินทำง
2. ใบขออนุญำตใช้รถยนต์
3. รำยกำรตรวจสอบควำมพรอ้ มของรถตรวจสอบและเครื่องมือท่ีจำเปน็
3 ตดิ ตาม กากับ ชแ้ี นะแนวทาง
และแก้ไขปญั หำที่ซบั ซอ้ นให้แก่ผปู้ ฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจวัดระดับกำร
แผ่คลื่นสนำมแม่เหลก็ ไฟฟำ้
4 ตรวจสอบการบันทกึ ผล
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผล “กำรกำกับดูแลควำมปลอดภัยต่อ
สุขภำพ” ในระบบ Operation System
5 จดั ทารายงานสรุปผล
กำรตรวจวัดระดับกำรแผ่คลน่ื สนำมแม่เหลก็ ไฟฟ้ำประจำเดือน นำเสนอ ผอ.
เขต รับทรำบ
14
การแก้ไขปัญหาการรบกวนคลน่ื ความถ่ี
ได้รับแจง้ ใหแ้ กไ้ ขปัญหาการรบกวนฯ จากแหลง่ ทมี่ า ดังนี้
1
กำรรอ้ งเรยี น ตรวจพบกำรรบกวนฯ ตรวจพบกำรรบกวนฯ
กำรรบกวนคลื่นวทิ ยุ จำกกำรตรวจสอบตำมแผนฯ นอกเหนอื จำกแผน
2 แยกประเภทการรบกวนและกาหนดระยะเวลาการแกไ้ ข
- ขา่ ยสาคัญ - ข่ายอน่ื ๆ
ระยะเวลำกำรพิสูจน์ทรำบสำเหตุนับ ระยะเวลำกำรพิสูจน์ทรำบสำเหตุนับ
จำกวันท่ีรับเร่ืองฯ ภำยในจังหวัดท่ีต้ัง จำกวันที่รับเร่ืองฯ ภำยในจังหวัดท่ีต้ัง
3 วันและจงั หวดั อืน่ นอกทตี่ งั้ 5 วัน 7 วนั และจงั หวดั อ่นื นอกทีต่ ง้ั 14 วัน
3 มอบหมายให้ตรวจสอบแก้ไขปญั หาการรบกวนฯ
ใหน้ กั ตรวจสอบและปฏบิ ัตกิ ำร (งำนตรวจสอบ) /วศิ วกร (เขต/ภำค)
ดำเนินกำรแก้ไขปญั หำกำรรบกวนฯ
4 หากมีการตรวจสอบนอกที่ต้ัง หัวหนา้ งานตรวจสอบเอกสาร
ท่ีเกี่ยวข้อง ก่อนนาเสนอ ผอ. เขต อนุมัติ
1. หนงั สืออนมุ ัตเิ ดนิ ทำง
2. ใบขออนุญำตใช้รถยนต์
3. รำยกำรตรวจสอบควำมพร้อมของรถตรวจสอบและเครื่องมือท่ีจำเป็น
5 ติดตาม กากับ ชี้แนะแนวทาง
แก้ไขปัญหำที่ซับซ้อนให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบกำรรบกวน
คลื่นวิทยุ โดยสำมำรถแจ้งให้ส่วนตรวจสอบ ภำค 3 นำเคร่ืองวิเครำะห์
สญั ญำณ Real time spectrum สนับสนุนได้
6 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผล
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผล “ตรวจแก้ไขกำรรบกวนคล่ืนวิทยุ”
ในระบบ Operation System
7 จัดทารายงานสรปุ ผล
- กำรแกไ้ ขฯ กำรรบกวนคลน่ื ควำมถี่ นำเสนอ ผอ. เขต รับทรำบ
- จดั ทำหนังสอื แจ้งผลกำรตรวจสอบให้ผู้ร้องเรยี น นำเสนอผอ. เขต15
พิจำรณำลงนำม
การตรวจสอบความถที่ ไี่ มไ่ ดร้ บั อนุญาต
1 ได้รบั มอบหมายให้ดาเนินการเกี่ยวกบั คลนื่ ความถที่ ีไ่ ม่ได้รับอนญุ าต
ได้รับเรอ่ื งรอ้ งเรยี นเกีย่ วกบั ตรวจพบกำรรบกวนฯ
คลื่นควำมถี่ท่ีไมไ่ ด้รับอนญุ ำต จำกกำรตรวจสอบตำมแผนฯ
2 ประมวลขอ้ มลู คล่ืนความถี่ทไ่ี มไ่ ดร้ บั อนญุ าต กาหนดพืน้ ท่ีเปา้ หมาย
สถานทแ่ี ละระยะเวลาในการตรวจสอบ
ระยะเวลำกำรพิสูจน์ทรำบสำเหตุนับจำกวันที่รับเรื่องฯ 7 วัน ภำยในจังหวัด
ที่ต้ัง และ 14 วัน หำกเปน็ จงั หวดั อน่ื นอกที่ตง้ั
3 มอบหมายใหต้ รวจสอบคลื่นความถท่ี ี่ไมไ่ ดร้ ับอนุญาต
ให้นักตรวจสอบและปฏิบัติกำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค) ดำเนินกำร
ตรวจสอบคลื่นควำมถีท่ ไี่ ม่ไดร้ ับอนุญำต
4 หากมกี ารตรวจสอบนอกที่ต้งั หัวหน้างานตรวจสอบเอกสาร
ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ก่อนนาเสนอ ผอ. เขต อนุมตั ิ
1. หนงั สืออนุมัตเิ ดินทำง
2. ใบขออนญุ ำตใช้รถยนต์
3. รำยกำรตรวจสอบควำมพรอ้ มของรถตรวจสอบและเครื่องมือท่ีจำเปน็
5 ตดิ ตาม กากบั ชแี้ นะแนวทาง
แก้ไขปัญหำท่ีซับซ้อนให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบคล่ืนควำมถ่ี
ท่ีไมไ่ ด้รับอนุญำต
6 ตรวจสอบการบนั ทึกผล
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผล “กำรตรวจสอบควำมถ่ีที่ไม่ได้รับ
อนุญำต” ในระบบ Operation System
จดั ทารายงานสรปุ ผล
7 - ส่งผลกำรตรวจสอบให้ ผอ เขตพิจำรณำ ส่งให้ส่วนบังคับใช้กฎหมำยของ
ภำค ดำเนนิ กำรตอ่ ไป
การตรวจวิทยุชุมชนท่ีขอเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู (กอ่ นมต)ิ
1 ได้รบั มอบหมายให้ดาเนนิ การตรวจสอบพจิ ารณาคาร้องขอ
เปล่ยี นแปลงขอ้ มลู ของวิทยชุ ุมชน
2 มอบหมายการตรวจสอบพิจารณาคาร้องขอเปลี่ยนแปลงข้อมลู
ให้นกั ตรวจสอบและปฏบิ ัตกิ ำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค) รบั ทรำบ
3 บันทกึ ในระบบ Operation System
หวั ขอ้ ท่ี 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ติดตาม กากับ ช้ีแนะแนวทาง
แก้ไขปัญหำให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบพิจำรณำคำร้องขอ
เปล่ยี นแปลงขอ้ มลู
5 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผลใน Operation System
หลงั จำกผู้ปฏบิ ตั งิ ำนทำกำรลงบนั ทกึ ผลในระบบ Operation System หัวข้อ
ที่ 09 “ผลกำรดำเนนิ กำรตรวจสอบนอกแผน”
6 จัดทารายงานการตรวจวิทยชุ มุ ชนทข่ี อเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู
นำเสนอ ผอ. เขต อนุมตั ิ/ลงนำม และจดั สง่ ให้ สำนกั งำน กสทช. ภำค
17
การตรวจวทิ ยชุ มุ ชนทข่ี อเปลย่ี นแปลงขอ้ มลู (หลงั มติ)
1 ได้รบั มอบหมายใหด้ าเนินการกบั เรอื่ งการขอทดสอบการออกอากาศ
ของสถานีวทิ ยุกระจายเสียง
2 มอบหมายการตรวจสอบการออกอากาศของสถานวี ิทยุกระจายเสียง
ใหน้ ักตรวจสอบและปฏบิ ตั กิ ำร (งำนตรวจสอบ) /วศิ วกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
3 บนั ทึกในระบบ Operation System
หวั ข้อท่ี 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ติดตาม กากบั ชแี้ นะแนวทาง
แก้ไขปัญหำให้แก่ผู้ปฏิบัติงำน ในระหว่ำงกำรตรวจสอบกำรออกอำกำศของ
สถำนวี ิทยกุ ระจำยเสียง
5 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผลใน Operation System
หลงั จำกผูป้ ฏิบตั ิงำนทำกำรลงบันทกึ ผลในระบบ Operation System หัวข้อ
ท่ี 09 “ผลกำรดำเนนิ กำรตรวจสอบนอกแผน”
6 จดั ทารายงานการตรวจวทิ ยชุ มุ ชนทีข่ อเปลีย่ นแปลงข้อมลู
นำเสนอ ผอ. เขต อนมุ ตั ิ/ลงนำม และจดั สง่ ให้ สำนกั งำน กสทช. ภำค
18
การตรวจวทิ ยชุ ุมชนท่อี อกอากาศผดิ เงอ่ื นไข
1 ไดร้ บั มอบหมายให้ดาเนนิ การตรวจสอบการออกอากาศท่ขี ดั ต่อ
เง่ือนไขของผู้ย่นื แบบคาขอ
2 มอบหมายการตรวจสอบการออกอากาศท่ีขดั ตอ่ เงือ่ นไข
ของผ้ยู นื่ แบบคาขอ
ใหน้ ักตรวจสอบและปฏิบตั ิกำร (งำนตรวจสอบ) /วศิ วกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
3 บันทกึ ในระบบ Operation System
หัวขอ้ ที่ 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ตรวจสอบประวัตแิ ละเรื่องรอ้ งเรยี นท่ีเกย่ี วข้อง
ร่วมกบั ทีมผู้ปฏิบัตงิ ำน
5 ติดตาม กากบั ชแี้ นะแนวทาง
แก้ไขปัญหำใหแ้ ก่ผูป้ ฏบิ ตั ิงำน ในระหวำ่ งกำรตรวจสอบกำรออกอำกำศ
ทข่ี ดั ต่อเงอื่ นไข
6 ตรวจสอบการบันทกึ ผลใน Operation System
หลังจำกผปู้ ฏิบตั งิ ำนทำกำรลงบันทึกผลในระบบ Operation System หัวข้อ
มำตรฐำนทำงเทคนคิ ของกำรแพร่คลนื่ วิทยุ
7 จัดทารายงานการตรวจวิทยุชมุ ชนที่ขอเปลี่ยนแปลงขอ้ มูล
นำเสนอ ผอ. เขต อนมุ ัติ/ลงนำม และจัดสง่ ให้ สำนักงำน กสทช. ภำค
19
การตรวจความถ่ปี อ้ งกนั รบกวนขา่ ยสอ่ื สารอารกั ขา
1 ได้รับมอบหมายให้ปฏบิ ตั กิ ารสนบั สนนุ การตรวจสอบเฝ้าระวงั การ
รบกวนข่ายสือ่ สารถวายความปลอดภัย
2 มอบหมายการตรวจสอบเฝ้าระวงั การรบกวนข่ายสือ่ สารถวายความ
ปลอดภยั
ให้นกั ตรวจสอบและปฏิบตั กิ ำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค) รบั ทรำบ
3 บนั ทกึ ในระบบ Operation System
หัวขอ้ ท่ี 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ตดิ ตาม กากับ ชี้แนะแนวทาง
แก้ไขปัญหำให้แกผ่ ู้ปฏิบตั งิ ำน ในระหวำ่ งกำรตรวจสอบเฝ้ำระวังกำรรบกวน
ขำ่ ยสอ่ื สำรถวำยควำมปลอดภัยและตรวจสอบกำรรบกวนควำมถีว่ ิทยุ
5 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผลใน Operation System
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผลในระบบ Operation System หัวข้อ
ที่ 09 “ผลกำรดำเนินกำรตรวจสอบนอกแผน”
6 จัดทารายงานผลการตรวจสอบเฝา้ ระวงั ขา่ ยสอ่ื สาร
ถวายความปลอดภยั
นำเสนอ ผอ. เขต อนมุ ตั ิ/ลงนำม และจัดสง่ ให้ สำนักงำน กสทช. ภำค
20
การตรวจจดั สรรความถี่
1 ไดร้ ับมอบหมายใหด้ าเนนิ การตรวจสอบการใชค้ ล่ืนความถี่ เพอื่
ประกอบการพจิ ารณาจดั สรรความถี่
2 มอบหมายการตรวจสอบการใชค้ ลืน่ ความถ่ี
ให้นักตรวจสอบและปฏิบัติกำร (งำนตรวจสอบ) /วศิ วกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
3 บนั ทกึ ในระบบ Operation System
หัวขอ้ ที่ 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ติดตาม กากับ ช้ีแนะแนวทาง
แก้ไขปัญหำใหแ้ กผ่ ู้ปฏิบัตงิ ำน ในระหวำ่ งกำรตรวจสอบกำรใช้คล่นื ควำมถ่ี
5 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผลใน Operation System
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผลในระบบ Operation System หัวข้อ
ท่ี 09 “ผลกำรดำเนินกำรตรวจสอบนอกแผน”
6 จัดทารายงานผลการตรวจสอบเฝ้าระวงั ข่ายสื่อสาร
ถวายความปลอดภยั
นำเสนอ ผอ. เขต อนมุ ัติ/ลงนำม และจดั ส่งให้ สำนกั งำน กสทช. ภำค
21
การตรวจวทิ ยุชุมชนที่ถกู เพกิ ถอนสิทธิ
1 ได้รับแจง้ ผลการเพกิ ถอนสทิ ธิการยืน่ คาขอทดลองประกอบกจิ การ
2 มอบหมายการตรวจสอบการใช้คลนื่ ความถ่ี
ให้นักตรวจสอบและปฏิบตั ิกำร (งำนตรวจสอบ) /วศิ วกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
3 บันทกึ ในระบบ Operation System
หวั ข้อท่ี 09 “การมอบหมายงานตรวจสอบ”
4 ติดตาม กากับ ช้ีแนะแนวทาง
กำรใชค้ ลืน่ ควำมถ่ี กำรร้อื ถอนสำยอำกำศและอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในกำรออกอำกำศ
กำรทำลำยเครอื่ งส่งวทิ ยคุ มนำคม หรือกำรจำหนำ่ ย จำ่ ย โอน เครื่องวทิ ยุ
คมนำคม
5 ตรวจสอบการบนั ทึกผลใน Operation System
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผลในระบบ Operation System หัวข้อ
มำตรฐำนทำงเทคนคิ ของกำรแพร่คลนื่ วิทยุ
6 จัดทารายงานผลการตรวจสอบเฝา้ ระวังข่ายสอ่ื สาร
ถวายความปลอดภัย
นำเสนอ ผอ. เขต อนุมัติ/ลงนำม และจดั ส่งให้ สำนักงำน กสทช. ภำค
22
การตรวจพสิ ูจน์เครอื่ งวทิ ยุคมนาคมของกลาง
1 รับเร่อื งการตรวจสอบเครอื่ งวิทยคุ มนาคมของกลาง
2 ตรวจสอบการลงรายละเอยี ดรายการของกลางในระบบ OPER
หวั ข้อท่ี 15 “บันทึกกำรรับเครอ่ื งวทิ ยคุ มนำคมและอปุ กรณข์ องกลำงดำเนินคดี
มอบหมายการตรวจสอบเครื่องวทิ ยคุ มนาคมของกลาง
3 ใหน้ กั ตรวจสอบและปฏบิ ัตกิ ำร (งำนตรวจสอบ) /วิศวกร (เขต/ภำค) รับทรำบ
4 ติดตาม กากบั ชแ้ี นะแนวทาง
แกไ้ ขปญั หำใหแ้ กผ่ ปู้ ฏบิ ัติงำนระหว่ำงกำรตรวจสอบเครื่องวิทยุคมนำคม
ของกลำง
5 ตรวจสอบการบนั ทกึ ผลใน Operation System
หลังจำกผู้ปฏิบัติงำนทำกำรลงบันทึกผลในระบบ Operation System หัวข้อ
“บันทึกผลกำรตรวจสอบเครือ่ งวิทยุคมของกลำง ฯ”
6 ตรวจสอบการรา่ งหนังสือนาสง่ ผลการตรวจพสิ ูจน์ฯ
กอ่ นนำเสนอ ผอ. เขต อนมุ ตั /ิ ลงนำม
7 แจง้ พนักงานสอบสวนใหม้ ารบั ผลการการตรวจพิสจู น์
พร้อมรบั คนื ของกลาง
23
องคป์ ระกอบของหัวหน้างาน
(จำกหนังสือ “หัวหนำ้ งำนพันธุ์แท้”)
องค์ประกอบจากหนังสอื
หลักการบริหารงานเบ้อื งตน้ การใหค้ าปรึกษาและกาลงั ใจ มนุษย์สมั พันธ์
หวั หนำ้ งำนคือใคร ? หลกั ในกำรใหค้ ำปรึกษำ ควำมหมำย ควำมเขำ้ ใจมนุษย์
ประเภทของหัวหน้ำงำน
คุณสมบตั ขิ องหัวหน้ำงำน กำรวิเครำะห์ข้อมลู ในกำรใหค้ ำปรกึ ษำ กำรรจู้ กั ตัวเอง
หน้ำท่ีของหัวหนำ้ งำน กำรบริหำรงำน
กำรใหค้ ำแนะนำ กำรสร้ำงควำมสัมพนั ธก์ ับบคุ คลอน่ื
การทางานเป็นทมี
กำรให้กำลงั ใจ กำรตดิ ตอ่ สื่อสำร กำรจงู ใจ
ประกอบของกำรทำงำนเป็นทีม
หลักปฏบิ ตั ใิ นกำรทำงำนเป็นทีม การสอนงาน มนษุ ยส์ มั พนั ธข์ องหัวหนำ้ งำน
เทคนคิ กำรสรำ้ งทมี ของนกั บริหำร
ขน้ั ตอนกำรทำงำนเป็นทมี ควำมหมำยของกำรสอนงำน ความเปน็ ผนู้ า
ประโยชนข์ องกำรสอน จุดมงุ่ หมำยของ
การแก้ปัญหาและการตดั สนิ ใจ กำรสอนงำน ผเู้ รยี น 9 ประเภท หนำ้ ท่ขี องผนู้ ำ
กำรเตรยี มสอนงำนขัน้ ตอนกำรสอนงำน ปัจจัยแหง่ ควำมเป็นผ้นู ำ
ปญั หำคืออะไร กำรแกป้ ญั หำ ทฤษฎีเกย่ี วกับผนู้ ำ
กำรวเิ ครำะหส์ ำเหตขุ องปญั หำ การบรหิ ารความขัดแยง้ รูปแบบของผู้นำท่ีมีประสิทธิภำพ
แนวทำงในกำรแกไ้ ขปัญหำ กำรตดั สินใจ ควำมเป็นผู้นำของหวั หน้ำงำน
ขน้ั ตอนในกำรตดั สนิ ใจ สำเหตุของควำมขดั แยง้ ในองคก์ ร
วธิ กี ำรในกำรตัดสินใจ
พฤตกิ รรมในกำรตดั สนิ ใจ แนวคดิ เร่ืองควำมขัดแย้ง
กระบวนกำรของควำมขัดแยง้ ผลของควำมขดั แย้ง
ควำมขัดแย้งระหว่ำงบุคคล ควำมขดั แย้งระหวำ่ งกล่มุ
บทบำทของหัวหนำ้ งำนตอ่ ควำมขัดแย้ง
เทคนคิ การส่อื สารขอ้ ความ
ควำมสำคญั ของกำรสือ่ ข้อควำม
กระบวนกำรสือ่ ขอ้ ควำม ทศิ ทำงกำรส่อื ขอ้ ควำม
แบบกำรสอ่ื ข้อควำม อปุ สรรคของกำรสื่อขอ้ ควำม
กำรขจัดอปุ สรรคของกำรส่อื ขอ้ ควำม
กำรสอื่ ขอ้ ควำมกับกำรบรหิ ำร
การวางแผนของหวั หนา้ งาน
กำรวำงแผนคืออะไร
ทำไมต้องมีกำรวำงแผน
ข้ันตอนกำรวำงแผน
ขอ้ ควรระวังในกำรวำงแผน
การมอบหมาย 25
กำรมอบหมำย วิธกี ำรมอบหมำยงำนที่ดี
ปญั หำในกำรมอบหมำยงำน
กำรมอบหมำยงำนท่มี ีประสทิ ธิภำพ
หลักการบรหิ ารงานเบอื้ งต้น
หัวหนา้ งานคอื ใคร ?
หัวหน้ำงำน หมำยถึง บุคคลที่ทำให้งำนเสร็จตำมเป้ำหมำยขององค์กร
โดยอำศัยควำมร่วมมือจำกผอู้ ่นื เปน็ ผ้ทู ำงำนให้เสร็จ มีทั้งผู้ใต้บังคับบัญชำ
และผ้บู ังคับบญั ชำเหนือตน
การบริหารงานของหัวหน้างาน
1. การวางแผน เป็นกำรกำหนดองค์ประกอบต่ำง ๆ ตั้งแต่
วัตถุประสงค์ ส่ิงท่ีต้องปฏิบัติ ผู้รับผิดชอบ งบประมำณ อุปกรณ์
เวลำเร่ิมจนถงึ สนิ้ สดุ
2. การจัดคนเข้าทางาน เป็นกำรจัดให้ผู้บังคับบัญชำเข้ำรับผิดชอบ
ในงำนอยำ่ งเหมำะสม โดยไม่อคติ ไม่ลำเอยี งและมีควำมเทีย่ งธรรม
3. การมอบหมายงาน ท่ีมีควำมกระจ่ำงชดั แนน่ อน
4. การควบคุมงาน ให้มีกำรปฏิบัติตำมที่ได้มอบหมำยงำน
เพื่อควำมกำ้ วหนำ้ ของงำน และสำมำรถแก้ไขปัญหำไดท้ ันทว่ งที
5. การใช้ปัจจัยเสริมสร้างการบริหารงาน เช่น กำรดูแลทุกข์สุข
ของผู้ใตบ้ ังคับบญั ชำตำมสมควร
หนา้ ทข่ี องหวั หนา้ งาน
1. การสร้างความเข้าใจในองค์กรให้เกิดข้ึนกับผู้ใต้บังคับบัญชา โดยกำรแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชำเห็นควำมสัมพันธ์
ของงำนตนกับงำนขององค์กร
2. การปฏิบัติงานให้ประสบผลสาเร็จ จำกกำรมอบหมำยงำนให้ชัดเจน เข้ำใจง่ำยและแน่นอนเจำะจง มีกำรตรวจสอบ
กำรดำเนินงำนใหต้ รงตำมเปำ้ หมำย รวมถึงกำรเข้ำแกไ้ ขปญั หำให้กับผใู้ ตบ้ ังคับบญั ชำ
3. การวางแผนและกาหนดงาน โดยรู้ถึงขีดควำมสำมำรถของหน่วยงำน คน เครื่องมือ อุปกรณ์ และทรัพยำกรอ่ืนๆ
แลว้ กำหนดแผนงำน
4. การพัฒนาคนทางาน ผู้ใต้บังคับบัญชำเป็นเคร่ืองมือสำคัญของหัวหน้ำงำน หัวหน้ำงำนควรศึกษำว่ำผู้ใด
ควรไดร้ บั กำรศึกษำเพิ่มเติมทำงใด เพ่ือเพิ่มควำมสำมำรถในกำรทำงำน ในขณะเดียวกันก็ควรกระตุ้นให้ปรับปรุงตนเอง
ในข้อบกพร่องต่ำง ๆ ด้วย
5. การสร้างความร่วมมือจากคนทางาน ควำมร่วมมือสำมำรถสร้ำงได้หำกหัวหน้ำงำนรู้จักให้รำงวัลหรือกำรช่ืนชม
เมื่อสำมำรถทำงำนได้ดี สร้ำงให้เกิดควำมเช่ือม่ันในหัวหน้ำงำนและภักดีต่อองค์กร หรือมีข้อร้องทุกข์ให้พิจำรณำ
ดว้ ยควำมเทีย่ งธรรมเสมอ
6. การปรับปรุงตัวเอง ตัวของหัวหน้ำงำนเองจะต้องมีกำรปรับปรุงตัวเองอยู่เสมอ แก้ไขจุดอ่อนของตัวเองถ้ำมี
และปรบั ปรงุ ตวั เองในกำรทำงำนร่วมกบั คนอื่น รวมทั้งปรับปรุงทศั นคตขิ องตนต่องำนใหเ้ ป็นไปในทำงสรำ้ งสรรค์ดว้ ย
26
การวางแผนของหวั หน้างาน
การวางแผนคืออะไร ?
คือ กำรกำหนดวัตุประสงค์ท่ีจะให้เกิดขึ้นในอนำคตและมีกำรกำหนด
แนวทำงหรอื วิธีกำรทจ่ี ะให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงค์นน้ั
กระบวนการวางแผนงาน
1. วางแผน คือ กำรกำหนดวัตถุประสงคแ์ ละข้นั ตอนหรอื แนวทำงที่จะบรรลุวัตถปุ ระสงค์นัน้
2. ลงมอื ปฏบิ ตั ติ ามแผน คือ กำรจดั กำรให้ผทู้ ีเ่ ก่ียวข้องลงมือปฏิบัตติ ำมแผนงำนท่ีกำหนดไว้
รวมถงึ กำรประสำนงำน กำรควบคมุ งำน และกำรแกป้ ัญหำทเี่ กิดข้นึ
3. ประเมนิ ผลงาน คือ กำรตรวจสอบ วเิ ครำะห์ เม่อื กำรปฏิบตั ติ ำมแผนสำเร็จเสร็จส้ินลง
ขน้ั ตอนการวางแผน
1. ศึกษาสภาวะแวดล้อมและปัจจัยในการบริหาร เช่น แผนขององค์กร ควำมพร้อมของอัตรำกำลังพนักงำนคุณภำพ
พนักงำน เคร่อื งมือ งบประมำณ ระดับของวัตถุประสงค์ที่ต้องกำร ควำมยืดหยุ่นของวัตถุประสงค์และระยะเวลำที่ต้องใช้
ในกำรปฏิบตั ติ ำมแผน
2. กาหนดวัตถปุ ระสงค์ ซึ่งกำรตัดสินใจกำหนดวัตถุประสงค์ของแผนงำนนั้น หัวหน้ำงำนต้องชี้ชัดว่ำ จะเกิดสิ่งใดขึ้น เกิดใน
ลกั ษณะใด เม่อื ใด โดยวัตถุประสงคท์ ่ีดคี วรมลี ักษณะ กะทดั รัด มคี วำมชดั เจน ครอบคลมุ ประเดน็ สำคัญ สำมำรถปฏบิ ัติได้
3. การกาหนดวธิ ีปฏบิ ัติ
1. กำหนดกจิ กรรมสำคญั อะไรบ้ำงทีต่ อ้ งปฏบิ ตั ติ ำมลำดบั ก่อนหลัง
2. กำหนดเป้ำหมำยหรอื วัตถปุ ระสงค์เป็นอยำ่ งไร
3. ระบุผู้รบั ผดิ ชอบ
4. ระบุระยะเวลำปฏิบัติ เรม่ิ ต้นเม่อื ใด ส้นิ สุดเม่อื ใด
5. กำหนดแนวปฏบิ ตั แิ ละวธิ ีกำร
6. กำหนดกำลังคน อปุ กรณ์ งบประมำณ
7. วิธกี ำรตรวจสอบกำรดำเนนิ งำนทำอย่ำงไร
ขอ้ ควรระวังในการวางแผน
1. กำรกำหนดวัตถุประสงคไ์ มช่ ัดเจน ทำให้กำรประเมนิ ผลทำไม่ได้
2. วธิ ีปฏิบตั ไิ มช่ ดั เจน เกิดควำมย่งุ ยำกต่อกำรปฏบิ ัตหิ รอื ไมย่ ืดหยุน่
เพยี งพอตอ่ กำรปรับตำมสถำนกำรณ์
3. ผู้รับผิดชอบขำดควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรปฏบิ ตั ิ
4. ทรพั ยำกรท่มี อี ยไู่ ม่เพียงพอในกำรสนับสนนุ แผนงำน
5. ไมม่ กี ำรตรวจสอบ ตดิ ตำมผลงำน อยำ่ งมปี ระสิทธภิ ำพ
6. มีแตก่ ำรวำงแผน แตไ่ มม่ ีกำรปฏิบตั ติ ำมแผน 27
การส่ือสารข้อความ
การสื่อขอ้ ความของหัวหนา้ งานสาคัญอยา่ งไร ?
กำรส่ือข้อควำมเป็นกำรนำควำมต้องกำร ควำมคิด ควำมรู้สึก ไปสู่ควำมเข้ำใจร่วมกัน
ในเป้ำหมำย ไม่ว่ำจะเป็นบุคคลหรือกลุ่มหรือระหว่ำงองค์กร ซ่ึงกำรสื่อข้อควำมที่ดี
จะชว่ ยใหห้ วั หน้ำงำนได้รบั ขอ้ มลู ขำ่ วสำรและกำรส่ังกำรไดต้ ำมเป้ำหมำย
ทศิ ทางการสอ่ื ขอ้ ความ
1. จากผ้บู ังคบั บญั ชา ผใู้ ต้บงั คับบัญชา เป็นกำรสอื่ ควำมจำกบนลงล่ำง วิธีกำรสื่อสำรมีหลำยวิธี เช่น กำรประชุม
กำรสง่ั งำน บันทึก เป็นตน้
2. จากใต้ผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา เป็นกำรตอบสนองกำรส่ือข้อควำมจำกล่ำงขึ้นบน อยู่ในรูปแบบ เช่น
กำรรำยงำน กำรประชุม กำรช้แี จง กำรร้องทกุ ข์หรอื ข้อเสนอแนะ เปน็ ต้น
3. การส่ือสารในระดับเดียวกัน เป็นกำรส่ือควำมระหว่ำงบุคคล ใช้ในกำรทำงำนเป็นกลุ่มหรือทีมท่ีต้องพึ่งพำ
และปรึกษำหำรือกัน จุดมุ่งหมำยในกำรสื่อสำรข้อควำมน้ีจะเป็นกำรประสำนงำนและกำรร่วมมือแก้ไขปัญหำ
ซงึ่ มีประโยชน์อย่ำงมำกตอ่ กำรเพม่ิ ประสิทธภิ ำพกำรทำงำน
อุปสรรคการสื่อข้อความ
1. ความเชื่อถือในการส่งข้อความ ผู้รับข้อควำมอำจจะแปลควำมหมำยต่ำงกัน
ไปตำมควำมเชื่อ ทัศนคติและอำรมณ์ หัวหน้ำงำนจึงต้องมีกำรรับข้อควำม
ตอบกลับจำกผปู้ ฏบิ ัติงำนและวเิ ครำะหก์ ำรยอมรับของผู้รับข้อควำม
2. การรบั รูข้ ้อความ มีกำรรบั รู้แตกต่ำงกนั ออกไป บำงคนอำจจะรับรู้จำกกำรฟัง
ได้ดีกว่ำกำรอ่ำน และฟังภำษำพูดได้ดีกว่ำภำษำทำงกำร แหล่งข้อควำมจึงมี
ส่วนต่อกำรรบั รดู้ ว้ ยเชน่ กัน
3. ความขดั แย้งของข้อความ อำจมีสำเหตุมำจำกกำรตีควำมหมำยท่ีผิดไป เช่น
กำรเพ่ิมประสิทธิภำพของอุปกรณ์ ผู้บริหำรเห็นว่ำเพื่อกำรลดค่ำใช้จ่ำย แต่
พนักงำนอำจจะเข้ำใจว่ำเพอื่ ลดคนทำงำนและทำใหม้ มี ีกำรเกษยี ณ
28
การมอบหมายงาน
ผู้บังคบั บญั ชำท่ใี ช้กำรมอบหมำยงำนเป็นเครือ่ งมือไดด้ ี จะตอ้ งเกง่ ในกำรชักจงู ใจ ปกครองคน
มีควำมรู้ควำมชำนำญในงำน และมคี วำมคิดปรับปรุงงำนอยเู่ สมอ ทำให้เกดิ กำรยอมรบั และปฏบิ ัติตำมคำสัง่
วธิ ีการมอบหมายทีด่ ี
1. ใช้ภำษำที่ชัดเจน เขำ้ ใจง่ำย สน้ั กะทัดรดั ได้ใจควำม
2. ถอ้ ยคำ น้ำเสียง ทำ่ ทำงเหมำะสม
3. ตอ้ งกำรมอบหมำยใครให้มอบหมำยโดยตรง ไมส่ ง่ ผำ่ นผอู้ ่ืน
4. ต้องกำรส่ิงใดพิเศษใหม้ อบหมำยย้ำ
5. สอ่ื สำรแบบสองทำง เปดิ โอกำสให้ซกั ถำมเพมิ่ เติม
ส่ิงทีต่ ้องคานึงในการมอบหมายงาน
1. มอบหมำยงำนใคร ให้แนใ่ จวำ่ ผู้น้นั ทำงำนได้และมีควำมเข้ำใจในงำน
2. กำรมอบหมำยอำนำจให้ตำมเหมำะสม
3. มีกำรตรวจสอบงำนเสมอ
4. กำหนดงำนใหช้ ดั เจนเป็นมำตรฐำน
5. กระจำยงำนให้เสมอและเป็นธรรม
ข้ันตอนการมอบหมายงาน
1. ชแี้ จงวัตถปุ ระสงคอ์ ยำ่ งถูกตอ้ ง
- What ตอ้ งกำรมอบหมำยงำนอะไร
- Who มใี ครหรือบคุ คลใดบ้ำงท่ีเป็นผรู้ ่วมทำงำนช้นิ น้ี
- When ต้องกำรงำนเมอ่ื ใด
- Why ทำงำนชิ้นนี้เพรำะอะไร
- Where ต้องปฏบิ ตั งิ ำนนที้ ่ใี ด
- How ปฏิบัตอิ ยำ่ งไร
2. กำหนดมำตรฐำนของงำนและแจ้งให้ผ้รู บั มอบทรำบ
3. ใหค้ วำมอสิ ระในกำรทำงำน
4. มีกำรตดิ ตำมงำนท่ีดี ไมท่ ำให้ผรู้ ับมอบอึดอดั
5. พร้อมเข้ำชว่ ยเหลอื เมือ่ จำเปน็
29
การสอนงาน
หัวหน้ำงำนไม่ได้เป็นผู้ปฏิบัติงำนท้ังหมดด้วยตนเอง แต่เป็นผู้ควบคุมดูแลให้งำน
ให้ผใู้ ตบ้ ังคบั บัญชำทำตำมงำนทวี่ ำงไว้และได้ผลงำนตำมเป้ำหมำย แต่กำรที่จะได้
งำนท่ีมีคุณภำพเพียงใด ข้ึนอยู่กับควำมรู้และควำมชำนำญในงำน ดังน้ัน
หำกผู้ใต้บังคับบัญชำไม่สำมำรถปฏิบัติงำนได้เพียงพอ ย่อมเกิดควำมเสียหำย
ต่องำน หวั หนำ้ งำนจึงตอ้ งสอนงำนแกผ่ ู้ใต้บังคับบญั ชำ
หลักในการสอนงาน
1. สร้ำงควำมเข้าใจในเรื่องทีส่ อน โดยอำจจะเริ่มต้นจำกสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้มำ
บำ้ งแลว้ และตอ่ เตมิ ไปสู่เร่ืองยำก
2. ให้ผู้เรียนฝกึ หดั ทาดว้ ยตนเอง เพื่อให้สำมำรถเข้ำใจและจดจำได้ด้วยตนเอง
3. เมอ่ื นำไปปฏิบัติจรงิ ผู้สอนควรชว่ ยกำกับดูแลจนสำมำรถทำได้และเกิดควำม
มนั่ ใจในกำรทำงำน
ประโยชนก์ ารสอนงาน
1. ผลงำนเพมิ่ ข้ึน เป็นไปตำมมำตรฐำน
2. ข้อผิดพลำดน้อยลง
3. คนทำงำนมีควำมเขำ้ ใจเพ่มิ ขน้ึ ฝมี ือดขี นึ้
4. ทำงำนได้ถกู ต้องตำมกระบวนกำร
5. ผลงำนมีคุณภำพดี
6. องคก์ รหรือหนว่ ยงำนอำจจะมีกำไรเพม่ิ ข้ึน
ผูเ้ รยี น 9 ประเภท 30
1. ประเภทชวนทะเลำะ สรำ้ งควำมน่ำรำคำญ – วิธีแก้ ให้อดทนไว้ ไม่สนใจ ไม่เถยี งสู้
2. ประเภทรทู้ กุ อย่ำง - วิธีแก้ กลมุ่ ผูเ้ รยี นจะตัดสนิ เขำเอง เรำไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งทำ
3. ประเภทจอ้ งจะค้ำน – วธิ ีแก้ ใหฟ้ งั และยอมรับ (ถ้ำรับฟังได้) กย็ อมรบั เขำ จะเงยี บไปเอง
4. ประเภทพูดมำก – วิธีแก้ คอยขดั จงั หวะ จำกัดเวลำให้พูด
5. ประเภทไม่สนใจเลย – วธิ ีแก้ ใหซ้ กั เรื่องงำนเขำ หรอื ปญั หำของเขำ เพือ่ ให้เขำมสี ่วนร่วม
6. ประเภทข้อี ำย - วธิ แี ก้ ถำมเขำ เรียกช่ือเขำ เพ่มิ ควำมมัน่ ใจ เมื่อเขำตอบก็ยกยอ่ งชมเชย
7. ประเภทชอบช่วยเหลือ – ไม่ตอ้ งหนกั ใจอะไร ใชเ้ ขำบอ่ ยๆ เพอื่ สง่ ให้เขำมโี อกำสมำกขน้ึ
8. ประเภทแสดงภูมิ – วธิ ีแก้ อยำ่ วิจำรยเ์ ขำ ใหค้ ล้อยตำม (Yes-but) และสอนทำงออ้ ม
9. ประเภทหัวร้นั ยนื ยันว่ำตนถูก – วิธแี ก้ เก็บไวเ้ จรจำส่วนตัวหลังกำรบรรยำย
หน้าที่ของผูน้ า
ควำมเป็นผู้นำ คอื กำรใช้อิทธิพลต่อบุคคลอื่นเพ่ือให้เกิดควำมพยำยำมดำเนินงำน
ใหบ้ รรลุถึงเป้ำหมำยของกลุ่มและองค์กร หวั หนำ้ งำนจึงควรมคี วำมเป็นผู้นำดังนี้
1. กำหนดลำดับควำมสำคัญ เป้ำหมำย วธิ กี ำรและเปำ้ หมำยของหน่วยงำนได้
2. สำมำรถสร้ำงสภำพแวดล้อมท่ีเอื้ออำนวยต่อกำรบรรลุเป้ำหมำยทั้งของ
หนว่ ยงำนและแต่ละคนได้
3. สำมำรถกระตุ้นลูกน้องให้ทำงำนและชี้ให้เห็นตัวอย่ำงแบบกำรทำงำนที่ทำให้
บรรลเุ ปำ้ หมำย
รูปแบบของผนู้ าที่มปี ระสิทธภิ าพ
(วัดจำกกำรบรรลเุ ป้ำหมำยในกำรทำงำนและควำมพงึ พอใจของผูป้ ฏบิ ัติงำน)
1. ผู้นำแบบช้ีนำ หรือเผดจ็ กำร เปน็ ผนู้ ำทีก่ ำหนดวธิ กี ำรโดยผปู้ ฏิบตั ไิ มม่ ีส่วนร่วมในกำรตดั สนิ ใจ
2. ผูน้ ำแบบเกอื้ กลู หรือสนับสนุน เปน็ ผนู้ ำท่ีมีควำมเปน็ มิตรกบั ผ้ใู ต้บัญชำ ลูกน้องมโี อกำสพดู คุยได้เสมอ
3. ผูน้ ำแบบมีส่วนร่วม เป็นผนู้ ำท่ีมกั ขอขอ้ เสนอจำกผู้ใต้บัญชำ และใชข้ อ้ เสนอในกำรตดั สนิ ใจ แตย่ งั คงตัดสนิ ใจด้วยตนเอง
4. ผูน้ ำแบบเน้นควำมสำเรจ็ เปน็ ผู้นำทต่ี ้งั เป้ำหมำยกับควำมสำมำรถของผู้ใตบ้ ัญชำแล้วใหค้ วำมเชอื่ มน่ั กับสำเร็จตำมเปำ้ หมำย
ปจั จยั แหง่ ความเปน็ ผนู้ า
หัวหน้ำงำนมีอำนำจจำกตำแหน่ง (Authority) และกำรสร้ำง (Power) จำกกำรเป็นผู้นำด้วย โดย power ท่ีได้มำน้ัน มำ
จำกองคป์ ระกอบ 5 อยำ่ งด้วยกนั
1. อานาจจากการให้รางวัล เช่น จำกกำรพิจำรณำควำมดีควำมชอบ กำรเลื่อนขั้น เล่ือนตำแหน่ง กำรยกย่องชมเชย
หรือกำรใหส้ ่งิ ของโดยเสน่ห์หำ
2. อานาจจากการบังคับ เป็นอำนำจที่เป็นกำรให้โทษเมื่อมีกำรฝ่ำฝืนหรือปฏิบัติผิดไปจำกคำสั่ง อำนำจน้ีถ้ำไม่แน่นอน
หรอื ไม่สม่ำเสมอ อำจจะเกดิ กำรทำงำนแบบผักชโี รยหนำ้ ได้
3. อานาจโดยกฎหมาย เป็นอำนำจที่เกิดจำจกบุคคลที่มีอำนำจมำกกว่ำในกำรได้รับกำรยอมรับจำกบุคคลท่ีมีอำนำจ
นอ้ ยกวำ่ และเช่อื วำ่ ควรปฏบิ ัตติ ำมแม้ว่ำจะมไิ ดร้ ำงวลั ใด หรือไมส่ ำมำรถลงโทษได้
4. อานาจการอ้างอิง เป็นอำนำจท่ีมำจำกระบบอุปถัมภ์ โดยกำรเข้ำหำผู้มีอำนำจในองค์กรเพ่ือขอกำรปกป้องคุ้มครอง
รวมท้ังกำรสนับสนนุ กำรทำงำน
5. อานาจจากความเช่ียวชาญ เป็นอำนำจที่เกิดจำกควำมรู้ ควำมเชี่ยวชำญ ทำให้ผู้อื่นต้องพึ่งพำควำมสำมำรถน้ัน
และจะย่งิ มมี ำกหำกควำมสำมำรถนนั้ สอดคลอ้ งกับเปำ้ หมำยและควำมต้องกำรของผทู้ มี่ ีอำนำจน้อยกวำ่ 31
การทางานเป็นทมี
หมำยถึง กำรท่ีบุคคลตงั้ แต่ 2 คน ขนึ้ ไปมำทำงำนรว่ มกนั
เพือ่ บรรลจุ ดุ มงุ่ หมำยเดียวกันอย่ำงมีประสทิ ธภิ ำพ และผ้ปู ฏิบัติงำนต่ำงเกดิ ควำมพอใจในกำรทำงำนนน้ั
องคป์ ระกอบของทีมท่หี วั หน้าต้องเข้าใจ
1. สมำชกิ ของทมี ตอ้ งรแู้ ละมีวัตถปุ ระสงค์ร่วมกนั
2. สมำชกิ จะตอ้ งเขำ้ ใจในพฤตกิ รรมของตนและเพ่ือนรว่ มงำน
3. สมำชกิ ในทีมตอ้ งแสดงบทบำทหน้ำทข่ี องตนอยำ่ งเหมำะสม
4. มรี ะบบกำรตดิ ต่อสื่อสำรทีด่ รี ะหว่ำงสมำชิกในทีม
5. มีวิธีกำรขจัดข้อขดั แยง้ ท่เี กิดข้นึ อย่ำงมปี ระสิทธิภำพ
6. สรำ้ งควำมร่วมมอื ของสมำชิกในกำรทำงำน
7. ทำใหส้ มำชกิ ในกล่มุ รู้สึกเปน็ กลุม่ เดียวกนั หรือพวกเดียวกนั
8. มวี ิธกี ำรทำงำนทดี่ ใี นกลุ่ม เพื่อบรรลเุ ป้ำหมำยอย่ำงมีประสิทธิภำพ
9. สรำ้ งบรรยำกำศท่ีดีในกำรทำงำน
ส่งิ ท่ีขดั ขวางการทางานเป็นทีม
1. ทัศนคตไิ มด่ ีต่อกัน
2. ควำมรูส้ ึกเปน็ คนนอกกล่มุ
3. ควำมไม่เปน็ ธรรมเร่ืองค่ำจ้ำง เงนิ เดอื น ค่ำตอบแทน
4. ควำมติดแตกตำ่ งกนั ในกำรทำงำนใหส้ ำเรจ็
5. ควำมยำกลำบำกในกำรสรำ้ งควำมสมั พันธท์ ีด่ ีต่อกัน
6. กำรขำดควำมแนน่ อนในเร่ืองบทบำทหนำ้ ที่
7. กำรขำดกำรวำงแผน กำรแก้ไขปญั หำ อย่ำงมปี ระสทิ ธิภำพ
8. กำรไร้สมรรถภำพในกำรบริหำรของหวั หน้ำงำน
หวั หน้างานตอ้ งร้กู อ่ น
1. หวั หนำ้ งำนเกี่ยวขอ้ งกับบุคคลอื่นอย่ำงไร
2. ส่ิงท่หี ัวหน้ำทำหรอื ปฏิบัติ มอี ทิ ธิพลตอ่ บคุ คลอน่ื อยำ่ งไร
3. จดุ เด่นของหัวหน้ำงำนมีอะไรบ้ำง
4. หวั หนำ้ งำนจะใชจ้ ุดเด่นใหเ้ ปน็ ประโยชนอ์ ย่ำงไร
5. จุดออ่ นของหัวหน้ำงำนมีอะไรบำ้ ง
6. หัวหน้ำงำนจะแกไ้ ขจุดออ่ นอยำ่ งไร
7. คำ่ นิยมและเป้ำหมำยส่วนตัวของคนในทมี
8. กำรจงู ใจท่ีได้ผลของแต่ละคน
9. ควำมร้สู กึ สำนึกในตวั ตน (Self-concept) ของสมำชิก
10. สมำชกิ ในทมี มองหัวหนำ้ อยำ่ งไร 32
มนษุ ยส์ มั พนั ธ์
เปน็ วชิ ำวำ่ ดว้ ยศำสตรแ์ ละศลิ ปใ์ นกำรสร้ำงเสริมควำมสัมพนั ธ์อนั ดกี ับบุคคล
เพ่ือให้ได้มำซ่งึ ควำมรกั ใคร่นบั ถอื ควำมร่วมมือ ควำมจงรกั ภักดี และควำมสำเร็จ
หัวหน้างานจะต้องเขา้ ใจพืน้ ฐานหลัก 4 ประการ
1. เข้ำใจศักดิ์ศรขี องมนุษย์ เพรำะมนุษย์ตอ้ งกำรกำรเคำรพนบั ถอื และมีศักด์ศิ รเี ท่ำเทยี มกัน
2. ต้องเข้ำใจดำ้ นจิตวิทยำ โดยเฉพำะเร่อื งพฤตกิ รรมและแรงจูงใจท่เี ป็นตวั กำหนดขวญั ของบุคคลในแต่ละกลมุ่
3. เข้ำใจดำ้ นสงั คมวิทยำ ได้แก่ กำรรวมกลุ่ม พฤติกรรมกลุ่ม ควำมสมั พันธ์ในกลุ่ม กำรแสดงออกในกลมุ่ ควำมเป็นผนู้ ำกลมุ่
4. เขำ้ ในดำ้ นมนษุ ย์วทิ ยำ เร่ืองประเพณี วฒั นธรรม ค่ำนยิ มทำงสังคมของบุคคลละกลุ่มต่ำง ๆ
ธรรมชาติของมนุษย์
1. มนุษย์ มีควำมเหมือนและต่ำงกัน เช่น รูปร่ำงหน้ำตำคล้ำยคลึงกัน ควำม
ต้องกำรทำงธรรมชำติเหมือนกัน แต่ควำมสนใจ ศักยภำพ สติปัญญำ
ศักยภำพ อำรมณ์ นสิ ยั ต่ำงกัน
2. มนุษย์มีควำมต้องกำรของตนเอง ทั้งร่ำงกำยและจิตใจ ทำงร่ำงกำรนั้น
เป็นควำมต้องกำรพื้นฐำนเพ่ือดำรงชีวิต ส่วนทำงด้ำนจิตใจนั้น มักเกิด
เม่ือทำงร่ำงกำยได้รับกำรตอบสนอง
หัวหนา้ งานตอ้ งรจู้ กั ตนเอง
ก่อนสร้ำงควำมสัมพันธ์กับผู้อ่ืน เช่น ฐำนะทำงเศรษฐกิจของตน ควำมสำมำรถแห่งสมอง
และบุคลิกภำพ ควำมรู้ควำมสำมำรถของตน ซึ่งส่ิงนี้สำคัญท่ีสุด เพรำะหำกยังไม่รู้จักตนเองดีนัก
ก็จะไม่สำมำรถเข้ำใจผูอ้ นื่ ไดถ้ อ่ งแท้ และผรู้ จู้ ักตนเองเท่ำนน้ั ทจี่ ะสำมำรถปรบั ปรุงตนเองได้
หวั หน้างานสรา้ งความสมั พนั ธ์กบั ผู้อ่นื
ท้ังกับระดับใต้บัญชำ เพื่อนร่วมงำน และผู้บังคับบัญชำ โดยเคำรพสิทธิและหน้ำท่ีของผู้อ่ืน เคำรพกำรแสดงออก รู้วิธีกำร
เอำชนะใจ ทำงำนเป็นตัวอย่ำงแกเ่ พื่อนร่วมงำน และสุภำพออ่ นโยนกับทุกชนชั้น
หลักการง่ายๆ
1. ทกั ทำยปรำศรัย
2. เรียกช่อื
3. แสดงควำมเปน็ กันเอง ใหค้ วำมชว่ ยเหลอื
4. พูดและทำด้วยควำมจรงิ ใจ
5. พยำยำมชอบและใหค้ วำมสนใจ
6. มคี วำมเมตตำกรุณำ เอ้ือเฟ้ือ ยกยอ่ ง
7. เอำใจเขำมำใสใ่ จเรำ
8. รับฟงั ควำมเห็นของคนอ่นื อยำ่ งมเี หตผุ ล 33
9. พรอ้ มใหบ้ รกิ ำรแกผ่ ู้อืน่ เสมอ
การใหค้ าปรกึ ษาและกาลงั ใจ
หลักในการให้คาปรึกษา
1. ทำให้พนกั งำนทรำบว่ำหำกมีปญั หำ ผู้บังคับบัญชำพรอ้ มใหค้ ำปรกึ ษำ
2. ให้กำรตอ้ นรบั พนักงำนท่ีมำขอคำปรึกษำดว้ ยควำมเต็มใจและจริงใจ
3. สรำ้ งบรรยำกำศและท่ำทีทีส่ บำยใจ
4. เปดิ โอกำสใหอ้ ธบิ ำยปัญหำอยำ่ งเต็มที่
5. ต้ังใจรับฟงั ปญั หำหรือคำอธิบำยอย่ำงจริงจัง
6. แสดงควำมเหน็ ใจและเข้ำใจในอปุ สรรค ปัญหำ ควำมคับขอ้ งใจ
7. กระตุน้ ใหพ้ นกั งำนตดั สินใจเลือกทำงแก้ปัญหำให้ถกู จุดและแกป้ ญั หำน้ัน
8. พยำยำมใหค้ วำมชว่ ยเหลือและสนับสนนุ กำรแกป้ ัญหำของพนักงำน
9. ติดตำมประเมนิ ผลกำรแก้ไขปญั หำ
การใหค้ าแนะนา
ในกรณที ี่พนักงำนมปี ญั หำในกำรทำงำนแต่ไมม่ ำขอคำปรกึ ษำ หวั หนำ้ งำนอำจจะนำวิธีกำรใหค้ ำแนะนำ มีหลักดงั นี้
1. ให้คำแนะนำในรปู แบบของกำรแสดงควำมยกยอ่ ง
2. ให้คำแนะนำโดยกลำ่ วเป็นนยั ๆ เช่น กำรสมมตุ เิ หตุกำรณ์
3. หลักเลีย่ งกำรพดู แบบเร่งรดั
4. เสนอทำงเลอื กทด่ี ีทีส่ ุดที่ผู้รบั จะสำมำรถรับผดิ ชอบต่อกำรตดั สนิ ใจนั้นได้
5. เลือกจงั หวะเวลำในกำรให้คำแนะนำท่ี
6. ควรให้คำแนะนำเป็นกำรส่วนตวั ไม่กระทำตอ่ หนำ้ ผ้อู ืน่
7. ไมผ่ ูกมดั หรือช้ีนำใหป้ ฏิบตั ิ
การให้กาลังใจ
1. รู้จักให้คำชมเชย เม่ือเห็นว่ำสำมำรถทำงำนได้ผลดีตำมท่ีกำหนดไว้
หรอื สูงกวำ่ มำตรฐำน
2. ให้กำลังใจแก่ผู้ที่สำมำรถปรับปรุงตนเองและสำมำรถเพิ่มพูนผลงำน
ให้ดขี น้ึ เพ่ือกำรพัฒนำ
3. พยำยำมหลกี เลย่ี งกำรเปรยี บเทียบระหว่ำงพนักงำน
4. ช้ีให้ผ้บู งั คับบญั ชำเหน็ เส้นทำงท่ีก้ำวหนำ้
5. ให้กำรยกย่องตอ่ ผู้ทท่ี ำงำนไดด้ เี ลิศ
6. พิจำรณำใหค้ วำมดีควำมชอบ
7. หัวหน้ำงำนไม่ละเลยผู้ท่ียังไม่สำมำรถปฏิบัติงำนให้ได้ผลตำมท่ี
ต้องกำร นอกจำกจะเข้ำพบปะพูดคุยแล้ว ควรช่วยแนะนำ แก้ปัญหำ
ให้คำปรกึ ษำให้ 34
การแกไ้ ขปัญหาและการตัดสินใจ
ทกุ คนมีโอกำสพบปัญหำตำ่ งๆ มำกมำย แต่กำรยอมรบั ปัญหำของแต่ละคนนน้ั แตกตำ่ งกัน
สง่ ผลใหก้ ำรตัดสินใจแก้ปญั หำตำ่ งกนั ไปดว้ ย
ปัญหาคืออะไร คือ ส่งิ ทีเ่ กดิ ขน้ึ และมแี นวโน้มไมต่ รงกบั ควำมตอ้ งกำร แยกออกเปน็
1. ปัญหำประเภทขัดข้อง เช่น เครื่องยนตเ์ สีย ไม่สำมำรถขบั ต่อได้
2. ปัญหำประเภทป้องกัน เปน็ กำรปอ้ งกนั มใิ ห้ปัญหำเกดิ ข้ึนและแก้ไขก่อนปัญหำจะเกดิ จริง
3. ปัญหำประเภทพัฒนำ เป็นปญั หำที่เกดิ แล้วไม่ตรงกับเป้ำหมำยหรือควำมประสงคท์ ีต่ ้องกำร ทำใหต้ อ้ งหำทำงแกไ้ ข
การแก้ไขปัญหา
เมื่อปัญหำเกิดขึ้น กำรแสดงออกอำจจะต่ำงกัน เช่น บำงคนเก็บไว้ในใจไม่
บอกใคร บำงคนหำท่ีปรึกษำ บำงคนปล่อยปละละเลยไม่สนใจ แนวทำงกำร
แก้ไขปัญหำทเี่ ป็นระบบจงึ มีขัน้ ตอนดังน้ี
1. ระบปุ ญั หำ ว่ำเป็นปญั หำประเภทใด ร้ำยแรงเพียงใด เรง่ ดว่ นหรือไม่
2. หำสำเหตขุ องปญั หำ เกดิ จำกอะไร ส่วนตวั หรอื จำกกำรทำงำน
3. กำหนดเป้ำหมำยในกำรแก้ปญั หำ วำ่ ตอ้ งกำรอะไรจำกกำรแกป้ ัญหำนี้
4. พิจำรณำแนวทำงกำรแกไ้ ขปญั หำ โดยศกึ ษำจำกสภำพกำรณป์ ัจจุบนั
ขนั้ ตอนการตดั สนิ ใจ
1. กำหนดวตั ปุ ระสงค์ในกำรตดั สนิ ใจใหช้ ดั เจน เพ่ืออะไร มุง่ เป้ำอะไร
2. พิจำรณำประเดน็ ต่ำงๆทเี่ ก่ียวขอ้ ง
3. กำหนดทำงเลอื ก มำกกว่ำ 1 ทำงและมผี ลทคี่ ำดว่ำจะได้รับจำกแตล่ ะทำง
4. กำรตดั สนิ ใจในทำงเลือก มแี นวทำง เชน่
- หำจดุ สูงสดุ อันไหนแกไ้ ดด้ ีสดุ ไดป้ ระโยชน์สูงสุด
- น้อยท่ีสดุ เชน่ เสยี คำ่ ใช้จ่ำยน้อยสดุ ใชเ้ วลำน้อยสดุ จำ้ งคนใหม่นอ้ ยสุด
- พึงพอใจ เช่น หัวหนำ้ งำนอำจจะตอ้ งเสียค่ำใช้จ่ำยมำกเพ่ือให้ทกุ ฝ่ำยพอใจ
การตดั สนิ ใจ
เปน็ กำรเลือกระหวำ่ งทำงเลือกต่ำงๆ ท่ีจะปฏิบัติไปตำมน้ัน หัวหน้ำงำน
ที่ทำหน้ำที่ตัดสินใจต้องรู้จักกำรประเมินทำงเลือกเพื่อกำรตัดสินใจที่
ถกู ตอ้ ง โดยมหี ลกั เกณฑใ์ นกำรเลือกแนวทำงท่ีมปี ระสทิ ธภิ ำพ ดังนี้
1. ต้องมีทำงเลือก
2. ต้องมจี ุดม่งุ หมำยในกำรเลอื ก
3. ตอ้ งใชก้ ระบวนกำรในกำรคิดพิจำรณำ
4. ม่งุ ผลทเ่ี กิดในอนำคต
35
การบรหิ ารความขดั แยง้
ความขัดแยง้ คอื อะไร
คอื ปฏสิ มั พันธ์ท่มี ีลกั ษณะของควำมไมเ่ ป็นมิตรหรือตรงข้ำมกัน จำกองคป์ ระกอบดังน้ี
1. มีบคุ คลหรอื กลุ่มอย่ำงนอ้ ย 2 ฝ่ำย มีปฏิสมั พันธ์บำงอยำ่ งตอ่ กนั
2. ปฏิสัมพนั ธท์ แี่ สดงออกมำชี้ใหเ้ ห็นถึงควำมขัดแย้ง เช่น กำรขม่ ขู่ กำรสร้ำงแรงกดดัน
ตอ่ ฝ่ำยตรงข้ำม เปน็ ปรปักษต์ อ่ กนั หรือตอ้ งกำรซ่ึงชัยชนะ
3. แตล่ ะฝ่ำยเผชญิ หน้ำกนั มลี กั ษณะแต่ละฝำ่ ยพยำยำมสร้ำงสภำวะของควำมไม่สมดุล
หรือลักษณะทที่ ำให้มีควำมเหนือกว่ำทำงด้ำนอำนำจต่ออกี ฝ่ำย
พฤติกรรมหัวหนา้ งานในความขดั แยง้
1. แบบเตำ่ – ไม่กลำ้ เผชิญหนำ้ ยอมตำมดว้ ยควำมขนุ่ เคืองใจ
2. แบบฉลำม – เน้นควำมตอ้ งกำรของตนเอง ไมใ่ ยดีตอ่ ผู้อน่ื
3. แบบตุ๊กตำหมี – ยอมอยำ่ งนำ่ รกั รว่ มมอื ด้วยควำมเต็มใจ ไมข่ ดั แย้งกบั ใคร
4. แบบสุนัขจง้ิ จอก – เป็นหน้ำหน้ำงำนทขี่ ำดควำมจริงใจ คิดเอำตัวรอด แกไ้ ขเหตุเฉพำะหน้ำไปวนั ๆ
5. แบบนกฮกู – ใจเย็น รบั ฟงั ปัญหำ วเิ ครำะหค์ วำมตอ้ งกำรผู้อน่ื และยืนหยัดในควำมต้องกำรของตน
วิธแี ก้ไขความขดั แยง้ มีกลยุทธพ์ ้ืนฐำน 3 วธิ ี
1. ชนะ-แพ้ เป็นกำรแก้ไขโดยใช้อำนำจหน้ำที่ กำรให้รำงวัลและกำรลงโทษ
หรือกำรใช้เสียงข้ำงมำกลงมติ วิธีกำรน้ีไม่อำจประนีประนอมกันได้
และจำเป็นตอ้ งตดั สนิ ใจเดด็ ขำด อำจส่งผลลบตอ่ องค์กรได้
2. แพ้-แพ้ เป็นกำรขจัดควำมขัดแย้งโดยไม่มีฝ่ำยใดได้รับในสิ่งที่ต้องกำร
ลักษณะนี้จะก่อใหเ้ กดิ กำรไม่พอใจ
3. ชนะ-ชนะ เป็นกลยุทธ์ที่ดีต่อทุกฝ่ำย โดยมีควำมเห็นที่สอดคล้องกัน
และตอบสนองควำมพงึ พอใจซ่ีงกันและกัน แมจ้ ะมีเปำ้ หมำยตำ่ งกนั
ผลของความขดั แยง้ 36
ผลของควำมขัดแย้งจะทำให้เกิดกำรทบทวนเรื่องเดิมว่ำ ดี เลว
หรือเหมำะสมหรือไม่ กำรแสวงหำแนวคิดใหม่จะช่วยให้องค์กร
มีกำรพัฒนำตลอด เว ลำ แต่ในอีกแ ง่ก็จะส่งผลให้เกิ ด
กำรขำดประสิทธิภำพและประสิทธิผลข้ึนได้ถ้ำไม่รู้จักแก้
ให้ถูกต้อง เช่น บำงคนทนอยู่ร่วมกันไม่ได้ เกิดกำรย้ำยหนี
หรือลำออกไป ควำมเป็นมิตรระหว่ำงบุคคลหำยไป บรรยำกำศ
ควำมเชื่อถือและไว้ใจหมดไป ซ่ึงอำจจะขัดกับวัตุประสงค์ของ
หน่วยงำนทต่ี ้องกำรทำงำนเปน็ ทีมหรอื ต้องร่วมมือกัน