The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักการทำงานของคลัทช์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tananonr83, 2021-07-10 12:22:27

หลักการทำงานของคลัทช์

หลักการทำงานของคลัทช์

หลกั การทำงานของคลัทช์

หน้าที่ของคลัทช์คือปลดกำลังจากเคร่ืองยนต์ไปยังล้อขบั เคลอื่ น เม่อื ทำการเปลี่ยนเกยี ร์หรือตอนสตาร์ทเครื่อง
ทำใหส้ ามารถเปล่ียนเกียรห์ รือเขา้ เกยี รไ์ ด้อย่างนิ่มนวล และในตอนสตาร์ทเคร่ืองทำใหเ้ ครอ่ื งยนตส์ ามารถเพิ่ม
ความเร็วจนพอเพยี งต่อการออกรถ
เมอื่ เหยยี บคลัทช์ จะมีส่วน 3 ส่วนแยกจากกันคือ ลอ้ ช่วยแรง แผ่นคลทั ช์ และแผ่นกดประกบตวั ลอ้ ชว่ ยแรง
นัน้ ตดิ อยกู่ บั เพลาข้อเหวย่ี งและหมนุ ไปดว้ ยกนั แผน่ คลทั ช์มเี พลาชดุ เกียรเ์ สียบอยู่ เล่ือนไปมาได้ แตเ่ วลาหมนุ
จะหมุนไปดว้ ยกนั แผน่ กดประกบเป็นตัวกดแผ่นคลัทชใ์ หต้ ิดอยู่กบั ล้อช่วยแรง เมือ่ คลายแรงกดออกโดยการ
เหยียบคลัทช์เพลาข้อเหว่ียงและเพลาชุดเกยี ร์จะหมนุ เปน็ อิสระไม่ข้นึ แก่กนั และเมือ่ ปล่อยคลทั ช์มนั ก็จะหมนุ
ไปดว้ ยกนั

แผน่ คลทั ชเ์ ป็นจานโลหะมรี ูตรงกลาง ทำเป็นฟันเฟืองสำหรับเสยี บเพลาชุดเกียร์ หนา้ ท้ัง 2 ข้าง มี
แผ่นเสยี ดทาน(ผ้าคลัทช์) เมอ่ื แผน่ กดประกบแผน่ คลัทชน์ ตี้ ิดกบั ลอ้ ชว่ ยแรงจะต้องมแี รงกดมากพอที่จะไมใ่ ห้
เกดิ การไถล เมื่อเคร่ืองยนตม์ ีแรงบิดสงู สดุ

คลัทชท์ ่ีใชก้ ันอยู่มี 3 ชนิดคือ ชนิดสปรงิ ชนดิ จานสปรงิ และชนิดแรงเหว่ียง ท้งั หมดนี้ตา่ งกนั ตรงวธิ ีทำให้เกิด
แรงกดแผ่นคลัทช์

คลทั ชช์ นดิ ลวดสปรงิ

คลทั ชช์ นดิ นี้ทำใหเ้ กิดแรงกดบนแผน่ กดประกบ โดยการใชข้ ดสปริงหลายตวั ใสไ่ วใ้ นระหวา่ งแผ่นกด
ประกบและฝาครอบซ่ึงขดั ติดกบั ลอ้ ชว่ ยแรง ขดสปรงิ จะยนั ฝาครอบและกดแผ่นกดประกบเขา้ หาลอ้ ช่วยแรง
ประกบเอาแผ่นคลัทชไ์ วร้ ะหว่างกลาง ท้ังแผ่นกดประกบและแผน่ คลัทช์ไมไ่ ด้ติดตายอยกู่ ับล้อช่วยแรงแต่
เคลื่อนเข้าหรือออกได้

แผน่ กดประกบนัน้ ตดิ อยู่กับฝาครอบ ซ่งึ ขันติดไว้กับล้อช่วยแรง ทงั้ สามสว่ นน้ีหมนุ ไปดว้ ยกนั ตลอดเวลา
ในขณะที่เหยียบคลัทช์ จะมกี ลไกจากคนั เหยียบคลัทช์ไปยงั ตุ๊กตาโยกให้กดลงไปบนแหวนรบั แรง แหวนรับแรง
จะกดไปบนคานงัดแผน่ กดประกบ งดั เอาแผน่ กดประกบให้แยกออกมาจากล้อช่วยแรง แผน่ คลทั ช์จึงไม่ถูกกด

ไม่สามารถถ่ายทอดแรงจากล้อช่วยแรงไปยงั ห้องเกียร์ได้ เมื่อเราปลอ่ ยคลทั ช์ ขดสปริงจะกดแผ่นกดประกบให้
เข้ากดแผ่นคลทั ชต์ ิดแนน่ กับล้อช่วยแรง แรงเสียดทานทเ่ี กิดข้ึนจะทำใหแ้ ผ่นคลทั ช์หมนุ ตามล้อช่วยแรงและ
แผน่ กดประกบพาเอาแกนเพลาเกยี ร์ ซึง่ สอดขัดไวใ้ นรูกลางแผน่ คลทั ช์หมนุ ไปดว้ ยสง่ ผ่านแรงจากล้อช่วยแรง
ไปยังห้องเกยี ร์ได้

คลัทชช์ นิดจานสปรงิ

คลัทช์ชนิดนมี้ ีหลกั การทำงานเหมอื นกับแบบขดสปริง แตเ่ ปลยี่ นสปรงิ แรงกดจากแบบขดเปน็ แบบจาน ไม่มี
คานงดั แทน (ดรู ปู ที่ 4) ชนิ้ ส่วนประกอบกแ็ ตกตา่ งกนั เล็กน้อย คลัทช์ชนิดน้ดี กี ว่าชนิดขดสปรงิ ตรงทีว่ า่ การ
เหยยี บคลัทชใ์ ชแ้ รงน้อยกว่าแบบขดสปรงิ แรงกดได้จากการท่งี านสปรงิ พยายามท่ีจะคงรูปเป็นรปู กรวยเกดิ
แรงกดตรงขอบจานดา้ นนอก ซ่ึงตอ่ ไว้กบั แผน่ กดประกบ

เมื่อเหยยี บคลัทช์ กลไกจะดนั ให้แบรง่ิ กดไปบนจานสปริงทำใหจ้ านสปรงิ งอตวั ดันเอาแผน่ ประกบให้แยกตัว
ออกจากล้อชว่ ยแรง การส่งผ่านแรงจากลอ้ ช่วยแรงไปยังห้องเกียร์ก็ถูกตดั ออก

คลทั ช์ชนดิ แรงเหวย่ี ง

คลทั ช์แบบนคี้ ล้ายกับขดสปริง แต่แรงกดได้จากก้อนน้ำหนกั ท่ีตดิ กับคานงดั แผ่นกดประกบ เมอ่ื ส่วนตา่ งๆ
ของคลัทช์หมุนไปกับเครื่องยนต์ กอ้ นน้ำหนักก็จะหมุนตามไปเกิดแรงเหวีย่ งทำให้มันหนีจากศูนย์กลางออกไป
ถงึ คานงัด ใหก้ ดแผ่นกดประกบตดิ กบั

แผ่นคลทั ชแ์ ละลอ้ ชว่ ยแรงย่ิงหมนุ เร็วขึ้น แรงกดนจี้ ะมากย่ิงขนึ้ ตามส่วน

คลัทช์ชนิดแรงเหว่ยี งนส้ี ามารถใชแ้ ทนคลทั ชช์ นดิ สปริง หรือใช้ประกอบกับคลัทชช์ นดิ สปริงได้

คนั เหยียบคลัทชท์ ำงานไดอ้ ย่างไร

กลไกของคันเหยยี บคลัทชส์ ามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 อย่างดังรูป
ตามรุปท่ี 5 แสดงการทำงานของกลไกแบบเครื่องกลคันเหยยี บคลัทช์จะต่อกบั ก้านเหลก็ โยงไปยังคาน

โยก ในรถยนต์บางคนั อาจใช้สายคลทั ชแ์ ทนกา้ นเหล็ก ในกรณีนีจ้ ะเปลย่ี นแปลงกลไกเลก็ นอ้ ยจากการดันคาน
โยกเป็นการดึงแทน

ตามรปู ที่ 6 เปน็ ระบบไฮดรอลคิ รถยนตท์ ี่ใชร้ ะบบนี้ต้องใช้น้ำมันคลัทช์ เมื่อเหยียบคลทั ช์ แม่ปม๊ั จะอดั นำ้ มนั ค
ลัทชไ์ ปตามสายท่อเข้าสู่ลกู ป๊ัม ทำให้ลูกสบู เคลื่อนท่ีออกไป มีกา้ นซ่ึงไปดันคานดยกทั้ง 2 แบบนี้ คานโยกติด
อยู่กบั แกนหมนุ ตุ๊กตาโยก ซ่ึงจะไปดันแหวนรอบแรงให้ทำงานอีกต่อหน่ึง

สำหรับหนา้ ทขี่ องคลัทช์นั้น หลกั ๆก็คือการปลดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อเพอ่ื ขบั เคล่ือน เมอ่ื ทำการเปลีย่ น
เกียร์หรือตอนสตาร์ทเครื่อง จะทำใหส้ ามารถเปลย่ี นเกยี รไ์ ด้อย่างนิม่ นวล หรือในตอนสตารท์ เองก็ชว่ ยเพมิ่
ความเร็วของเครอ่ื งยนตไ์ ด้เพียงพอต่อการออกตวั รถนัน่ เอง

ประเภทของคลทั ช์รถยนต์

สำหรบั ประเภทของคลทั ช์นั้น หลกั ๆแลว้ แบ่งไดท้ ั้งหมด 3 ชนิด ซึ่งแต่ละชนิดการทำงานของคลัทช์ก็จะมี
ความแตกตา่ งกนั ถึงผลลพั ธ์จากการใช้งาน ดังตอ่ ไปน้ี

คลัทช์ชนดิ จานสปริง

คลทั ช์ชนิดนีม้ ีหลักการทำงานเหมือนกบั แบบขดสปรงิ แตเ่ ปลี่ยนสปรงิ แรงกดจากแบบขดเปน็ แบบจาน โดยชิ้น
ส่วนประกอบก็จะแตกต่างกันเล็กน้อย คลัทช์ชนิดนี้ดีกว่าชนิดขดสปริงตรงที่ว่า การเหยียบคลัทช์ใช้แรงน้อย
กว่าแบบขดสปริง แรงกดได้จากการที่งานสปริงพยายามที่จะคงรูปเป็นรูปกรวยเกิดแรงกดตรงขอบจานด้าน
นอก ซึ่งต่อไว้กับแผ่นกดประกบเอาไว้

เมอื่ เหยียบคลัทช์ กลไกจะดันใหแ้ บริ่งกดไปบนจานสปริงทำให้จานสปริงงอตัวดันเอาแผ่นประกบให้แยกตวั
ออกจากล้อช่วยแรง การสง่ ผ่านแรงจากลอ้ ชว่ ยแรงไปยงั ห้องเกียร์ก็ถูกตัดออก

คลทั ช์ชนิดลวดสปรงิ

โดยคลทั ชช์ นดิ นจ้ี ะกอ่ ให้เกดิ แรงกดบนแผ่นประกบ โดยการใช้ขดสปริงหลายตวั ใส่ไวใ้ นระหวา่ งแผ่นกดประกบ
และฝาครอบ ซง่ึ ขดั ตดิ กบั ล้อช่วยแรง ขดสปรงิ จะยันฝาครอบและกดแผน่ กดประกบเข้าหาล้อชว่ ยแรง ประกบ

เอาแผ่นคลัทช์ไว้ระหว่างกลาง ทั้งแผ่นกดประกบและแผ่นคลัทช์ไม่ได้ติดตายอยู่กับล้อช่วยแรงแต่เคลื่อนเข้า
หรือออกได้

การทำงานของคลทั ช์สง่ ผลต่อการขับเคลือ่ นรถ

สำหรับแผ่นกดประกบนนั้ จะติดอยูก่ บั ฝาครอบ ซงึ่ ขนั ติดไว้กับลอ้ ชว่ ยแรง ท้งั สามส่วนนี้หมนุ ไปดว้ ยกัน
ตลอดเวลา ในขณะที่เหยยี บคลทั ช์ จะมีกลไกจากคนั เหยียบคลัทชไ์ ปยังตุ๊กตาโยกให้กดลงไปบนแหวนรบั แรง
แหวนรับแรงจะกดไปบนคานงัดแผ่นกดประกบ งัดเอาแผ่นกดประกบให้แยกออกมาจากล้อช่วยแรง แผ่
นคลัทช์จงึ ไม่ถกู กด ไม่สามารถถา่ ยทอดแรงจากล้อชว่ ยแรงไปยังหอ้ งเกียร์ได้ เม่ือเราปลอ่ ยคลทั ช์ ขดสปริงจะ
กดแผ่นกดประกบให้เข้ากดแผ่นคลัทช์ตดิ แนน่ กับล้อชว่ ยแรง แรงเสยี ดทานที่เกิดขนึ้ จะทำให้แผน่ คลัทช์หมนุ
ตามลอ้ ช่วยแรงและแผ่นกดประกบพาเอาแกนเพลาเกยี ร์ ซึง่ สอดขัดไวใ้ นรกู ลางแผ่นคลัทช์หมนุ ไปด้วยสง่ ผ่าน
แรงจากล้อช่วยแรง ไปยงั ห้องเกียรน์ นั่ เอง

คลัทชช์ นิดแรงเหวยี่ ง

คลทั ชช์ นดิ แรงเหว่ียงนี้จะคล้ายกบั ขดสปริง แต่แรงกดไดจ้ ากก้อนนำ้ หนักท่ีติดกบั คานงดั แผน่ กดประกบ เม่ือ
สว่ นต่างๆ ของคลทั ชห์ มุนไปกับเครื่องยนต์ ก้อนน้ำหนักก็จะหมุนตามไปเกดิ แรงเหวี่ยงทำใหม้ ันหนีจาก
ศูนย์กลางออกไปถงึ คานงัด ใหก้ ดแผ่นกดประกบติดกบั แผ่นคลทั ช์และลอ้ ชว่ ยแรงย่งิ หมุนเร็วขึ้น แรงกดน้จี ะ
มากย่งิ ขึน้ ตามส่วน คลัทช์ชนดิ แรงเหวี่ยงนส้ี ามารถใชแ้ ทนคลัทช์ชนิดสปรงิ หรอื ใชป้ ระกอบกับคลัทช์ชนดิ
สปรงิ ได้

คลัทช์ คอื อะไร

คลัทช์ (CLUTCH) เปน็ อปุ กรณ์ส่วนควบอย่างหนึ่ง ท่รี ถทกุ คันจะขาดไม่ได้ ติดตั้งอยู่ระหว่าง
เครอ่ื งยนต์กบั ระบบเกียร์ ทำหน้าทีใ่ นการตัดต่อการถ่ายทอดกำลังงาน จากเครอ่ื งยนต์ไปยังระบบเกยี ร์ ทำให้
เราสามารถเปลีย่ นเกียร์ได้ ในความเร็วต่างๆ ถา้ ไม่มีคลัทช์ เรากไ็ ม่สามารถเปลีย่ นเกียร์ได้ ดังนน้ั รถกว็ ่ิงไม่ได้

เราสามารถเขา้ เกียร์ได้ด้วยการเหยียบคลทั ช์ แลว้ ปลอ่ ยคลัทช์ เพ่อื สง่ กำลังงานใหร้ ถเคลื่อนทไี่ ดอ้ ย่าง
สะดวก โดยทไ่ี ม่เสียกำลงั งานของเครอ่ื งยนต์มากเกนิ ไป และเม่ือรถวิ่งไปแล้วความเร็วกจ็ ะแปรเปล่ียนไปตาม
สภาพถนน ซึง่ เราต้องอาศัยคลัทช์ในการตัดและต่อกำลังของเคร่ืองยนต์

ในรถเกียร์อตั โนมตั กิ ็ต้องอาศัยคลทั ช์เช่นกัน เราเรยี กว่า คลทั ช์แบบอตั โนมัติ (AUTOMATIC
CLUTCHES) ทำงานโดยอาศัยความเร็วรอบเคร่ืองยนตเ์ ป็นหลกั เม่อื ความเรว็ รอบของเครือ่ งยนต์อยู่ในขณะ
เดินเบา แผน่ คลทั ช์จะถกู เล่อื นออก และเม่ือความเร็วรอบของเคร่ืองยนตส์ ูงขน้ึ แรงกดของคลัทชจ์ ะกระทำกับ
แผ่นคลทั ช์ ทำใหเ้ กียร์เขา้ ได้โดยอัตโนมัติ

ส่วนประกอบของคลทั ช์

– ฝาครอบคลทั ช์ (CLUTCH COVER) เปน็ ชิ้นสว่ นท่หี มุ้ แผ่นคลทั ช์ แผ่นกดคลทั ช์ และช้ินส่วนอ่ืนๆ ของคลทั ช์
ซ่ึงจะถูกยึดติดดว้ ยโบลทเ์ ข้ากับลอ้ ช่วยแรง ฝาครอบคลัทช์ทำจากโลหะเหล็กหล่อ หรอื เหล็กกล้าขึ้นรปู
ประกอบด้วยแขนกดคลัทช์ และจานกดคลัทช์

– ล้อชว่ ยแรง (FLYWHEEL) มหี นา้ ท่เี ปน็ ตัวสะสมแรงเฉ่ือย และจะถ่ายเทกำลงั งานท่สี ะสมไว้ ไปหมุนเพลาข้อ
เหวี่ยงตอ่ ไป ถ้าไม่มลี ้อชว่ ยแรง เครอ่ื งยนต์กจ็ ะไม่มกี ำลงั และเกดิ อาการสน่ั นอกจากนยี้ ังชว่ ยในการสตารท์
เครอื่ งยนต์อกี ด้วย

– แผ่นคลทั ช์ (CLUTCH DISC) มลี กั ษณะเป็นจานกลม ทำดว้ ยเหล็กกลา้ แผ่นบางๆ ยดึ ติดกับเพลาทเี่ ขา้ สหู่ ้อง
เกียร์ แผ่นคลัทชจ์ ะมผี า้ คลทั ช์ยดึ ตดิ อยู่ อาศัยความฝืดบนผา้ คลัทช์นใี้ นการถ่ายทอดกำลังจากล้อช่วยแรงไปยัง
หอ้ งเกียร์

– ผ้าคลัทช์ (CLUTCH LINING) เปน็ วสั ดทุ ่ยี ึดอย่บู นแผ่นคลทั ช์ ทำมาจากสารสงั เคราะห์ผสมกับใยโลหะ
ผ้าคลทั ชน์ ี้จะยึดตดิ กบั แผ่นคลัทชท์ ง้ั 2 ด้านดว้ ยหมดุ ย้ำผา้ คลทั ช์ ตอ้ งแข็งแรง ทนต่อแรงกระตุก กระแทก
จากการถ่ายกำลงั และทนต่อความร้อนสงู

– ลูกปนื กดคลัทช์ (RELEASE BEARING) ตดิ อยูก่ ับตวั กา้ มปูคลัทช์ ทำหน้าท่กี ดหวีคลทั ช์ใหเ้ คลอื่ นที่ไปในแนว
ทิศทางเดยี วกับลอ้ ช่วยแรง เพื่อดึงแผ่นกดคลัทชใ์ ห้เคล่ือนทถ่ี อยออกมา

– เพลาคลัทช์ (CLUTCH SHAFT) ทำจากเหล็กกล้าท่ีมีความแข็งแรง ทนต่อการสึกหรอสงู เพลาคลทั ชท์ ำ
หนา้ ท่ีเปน็ ตวั ถา่ ยทอดกำลงั ที่ได้จากแผ่นคลัทชไ์ ปยังกระปุกเกียร์

– ชดุ กดแผ่นคลทั ช์ (PRESSURE PLATE) จะทำหน้าท่ยี ดึ กดแผน่ คลทั ชใ์ ห้แนบสนิทกบั ล้อชว่ ยแรง โดยมีสปริง
กดอยู่ท่ดี า้ นหลังของแผ่นกดคลัทช์ หน้าสมั ผสั ของแผ่นกดคลทั ช์จะต้องเรียบสมำ่ เสมอกัน ถา้ แผ่นกดมีแรงกด
ไมส่ มำ่ เสมอ กจ็ ะทำใหแ้ รงกดท่แี ผน่ คลัทชเ์ อยี งและเกิดการเสียดสี เกดิ ความรอ้ น เกดิ การสกึ หรอ และทำ
ให้คลทั ช์ลนื่ ได้

– ปั๊มคลัทช์ตัวบน ทำหน้าทค่ี วบคมุ การทำงานของป๊ัมคลทั ชน์ ้ำมนั หรือคลัทชไ์ ฮดรอลิค มกั จะใช้กบั รถท่ีมี
กำลังสูง ซึง่ ต้องใชส้ ปริงกดดนั แผ่นคลัทชท์ ่แี ข็งมากขน้ึ เพื่อจะให้แรงดนั แผน่ กดคลัทช์ตดิ กับแผ่นคลัทชแ์ น่น
และมีแรงพอ

– ป๊ัมคลทั ชต์ วั ล่าง จะติดอย่กู ับชุดคลัทช์ มีหน้าท่ีรับแรงดันนำ้ จากปม๊ั ตวั บนเม่ือเหยียบคันคลัทช์ แรงดนั น้ำมัน
จะถูกสง่ ไปตามท่อน้ำมนั ที่ตอ่ ร่วมกนั โดยการเปล่ยี นแรงดันน้ำมนั ให้เปน็ กำลงั กลไกไปควบคมุ บงั คับให้คลทั ช์
ทำงาน

วิธีใชค้ ลัทช์ท่ถี กู ต้อง

อายุการใชง้ านของคลัทช์ เฉลี่ยแล้วอยูท่ ป่ี ระมาณ 150,000-200,000 กม. ขึ้นอยู่กบั พฤติกรรมการขับ วิธี
ใช้คลัทช์อย่างถูกต้อง มดี งั น้ี

– อยา่ แช่คลัทช์ เวลาทเ่ี หยยี บคลทั ช์ ไมค่ วรเหยียบแช่ค้างไว้แบบครึง่ ๆ กลางๆ หรอื ท่ีเรียกกันวา่ “เลยี คลัทช์”
ควรถอนเท้าออกใหส้ ดุ ทุกครั้ง พฤติกรรมแบบน้มี ักเกิดข้นึ ในเมือง หรอื ในท่มี ีการจราจรแออดั

– อย่าออกรถกระชากคลัทช์ การออกรถรุนแรง (ปล่อยคลัทชเ์ ร็วเกนิ ไป) นอกจากจะสง่ ผลใหค้ ลทั ชส์ กึ หรอเรว็
แลว้ ยงั ทำใหร้ ะบบเกยี รเ์ กดิ ปัญหาตามไปดว้ ย ควรปล่อยคลัทชใ์ หถ้ ูกจังหวะ และสัมพันธก์ บั คันเร่งทุกคร้ังจะดี
ทสี่ ดุ

– อยา่ เหยยี บคลทั ชโ์ ดยเปลา่ ประโยชน์ เราใชค้ ลัทชก์ ็ต่อเมื่อ ตอ้ งการทีจ่ ะเปลี่ยนตำแหน่งของเกียรต์ ่างๆ
เท่านั้น ดังนนั้ ใครท่ใี ชค้ ลทั ชบ์ ่อยๆ โดยเกินความจำเปน็ เช่น เวลาเบรค ไม่ว่าจะเรว็ หรอื ช้า ก็ต้องเหยยี บคลัทช์
ไว้กอ่ น พฤติกรรมแบบน้ีกค็ วรเปลยี่ นเสีย

– อย่าพักเทา้ ไวท้ ี่คลทั ช์ ในรถรุ่นใหม่ๆ มักมที ่ีพกั เท้ามาให้ หลายคนมกั ชอบพักเทา้ ไว้ทค่ี ลทั ช์ เพ่ือจะเปล่ียน
เกยี รไ์ ดส้ ะดวก แต่พฤติกรรมแบบนี้ ผดิ ! เพราะน้ำหนักเพียงน้อยนดิ อาจทำใหจ้ านกดคลัทช์หนีห่างจากฟลาย
วลี ทำใหค้ ลัทช์สึกหรอเร็วกว่าปกติ
อปุ กรณ์
– ถงุ มือ
ขั้นตอนการตรวจเชคคลัทช์เบ้ืองต้น
1. ดงึ ตวั ลอคฝากระโปรงภายในรถออกก่อนเป็นอันดับแรก
2. เปดิ ฝากระโปรงหนา้ ข้ึน แล้วตั้งไม้ค้ำฝากระโปรงใหแ้ ขง็ แรง
3. หากระปกุ น้ำมันคลทั ช์ โดยสังเกตจากกระปุกจะมขี นาดเลก็ กว่านำ้ มันเบรค
4. ตรวจเชคน้ำมันคลัทช์ ตอ้ งใหอ้ ยู่ในระดับ FULL เสมอ
5. ถา้ น้ำมนั คลัทช์อย่ใู นระดับปกตแิ ลว้ ให้สตาร์ทเครื่องยนต์
6. เหยยี บคันเรง่ ใหร้ อบเครอื่ งสูงประมาณ 4,000 รตน.
7. ใส่เกียรส์ งู ที่สุดของรถ เช่น เกียร์ 5
8. ถอดคลัทช์พร้อมกบั เหยียบคนั เร่งให้สุด โดยต้องทำให้สัมพันธ์กัน
9. ดทู ี่รอบเครื่องยนต์ของรถ ถา้ เครื่องดับทนั ที แสดงว่าคลัทชย์ ังดีอยู่
10. ถา้ เครือ่ งยนตย์ ังตดิ อยู่ แสดงว่าคลทั ชไ์ มด่ ีแล้ว ควรเปลย่ี นใหม่
11. ปลดเกยี ร์ 5 แลว้ ใหอ้ ยใู่ นตำแหน่งเกยี รว์ ่าง แล้วดบั เคร่ืองยนต์
12. ปดิ ฝากระโปรงหน้า ด้วยวิธยี กแล้วปลอ่ ยให้สนิท เป็นอันเสร็จ


Click to View FlipBook Version