The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

บทความวิจีย นางสาวอภิญญา นาสมยนต์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by t.stech80872, 2024-02-10 04:35:54

บทความวิจีย นางสาวอภิญญา นาสมยนต์

บทความวิจีย นางสาวอภิญญา นาสมยนต์

การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาที่138 Creation and Development of Innovative Video for Teaching the Standard Dancing of Prathom suksa 3 Students at Anuban Banphia Mittraphap 138 School นางสาวอภิญญา นาสมยนต์ Miss Apinya Nasomyon บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่องการรำวงมาตรฐานก่อน และหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อศึกษา ความสามารถในการปฏิบัติรำวงมาตรฐาน ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 3) เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนการรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนอนุบาล บ้านเพียมิตรภาพที่ 138 ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เลือกห้องเรียนจากนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย สื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง รำวงมาตรฐาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แบบประเมินคุณภาพ แบบประเมินทักษะปฏิบัติ และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1)การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอน เรื่อง รำวง มาตรฐานเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 คุณภาพสื่ออยู่ในระดับคุณภาพดีมาก คุณภาพเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก ทักษะปฏิบัติของผู้เรียนโดยรวมอยู่ใน ระดับดีมาก หลังเรียนสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง รำวงมาตรฐานแล้วผู้เรียนมีทักษะ ปฏิบัติ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียน อยู่ใน ระดับมากที่สุด


Thesis Title Creation and Development of Innovative Video for Teaching the Standard Dancing of Prathom suksa 3 Students at Anuban Banphia Mittraphap 138 School Name-Surname Miss Apinya Nasomyon Program Drama Education Thesis Advisor Mr. GONGGEART JAIYEN Academic Year 2023 ABSTRACT The objectives of this research were 1) to compare the learning outcomes of standard dance before and after learning management using video media for teaching of 3rd grade students, 2) to study the ability to practice standard dance by organizing learning using video media for teaching of 3rd grade students, and 3) to study students' attitudes towards learning management using video media for teaching to improve the learning of 3rd grade students. The subjects used in this study were Grade 3/1 students at Ban Pia Mittraphap Kindergarten No. 138, which were obtained by selective selection. Choose from 4 classrooms from 3rd graders. The tools used in the research consisted of innovative video materials to improve learning, standard dance for grade 3 students, quality assessments, practical skills assessments, and satisfaction assessments. Statistics used in research include percentage, mean, standard deviation. The results showed that: 1) the creation and development of innovative video materials for teaching; Subject: Standard dance to improve the learning of grade 3 students, Ban Pia Mittraphap Kindergarten No. 138 The media quality is at a very good level. The content quality is at a very good level. The practical skills of the learners as a whole are at a very good level. After learning the innovative video materials to improve learning on standard dance, the learners had statistically significantly higher practical skills than before the lesson at the .05 level, and the learners were satisfied with the lesson at the previous level.


บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นี้ จัดทำขึ้นสำหรับท้องถิ่น และ สถานศึกษานำไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา ส่งผลถึงการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนา เด็กและเยาวชนไทยทุกคนในระดับ การศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีคุณภาพด้านความรู้ และทักษะที่จำเป็นสำหรับ การดำรงชีวิต ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต มีมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนดช่วยทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ เห็นผลคาดหวังที่ ต้องการในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนที่ชัดเจนซึ่งจะสามารถช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและ สถานศึกษา ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรได้อย่างมั่นใจ ทำให้การจัดทำหลักสูตรในระดับสถานศึกษามีคุณภาพและมี ความเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เกิดความชัดเจน เรื่องการวัดผลประเมินผลการเรียนรู้ และช่วยแก้ปัญหา การเทียบโอนระหว่างสถานศึกษา ดังนั้นในการพัฒนาหลักสูตรในทุกระดับตั้งแต่ระดับชาติจนกระทั่งถึง สถานศึกษา จะต้องสะท้อนคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมทั้งเป็นกรอบทิศทางในการจัดการศึกษาทุกรูปแบบ และครอบคลุมผู้เรียน ทุกกลุ่ม เป้าหมายในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐานจะประสบความสำเร็จตาม เป้าหมายคาดหวังได้ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งระดับชาติ ชุมชน ครอบครัวและบุคคลต้องร่วมรับผิดชอบ โดยร่วมกับ ทางานอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ในการวางแผนดำเนินการส่งเสริมสนับสนุน ตรวจสอบตลอดจนปรับปรุงแก้ไข เพื่อพัฒนาเยาวชนของชาติ ไปสู่คุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ต้อง คำนึงถึงหลักพัฒนาการทางสมอง และพหุปัญญาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงกำหนดให้ผู้เรียน เรียนรู้ 8 กลุ่ม สาระการเรียนรู้ คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุข ศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยีภาษาต่างประเทศ (กระทรวงศึกษา. 2551:2-5) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะวิธีการทางศิลปะ เกิดความซาบซึ้งใน คุณค่าของศิลปะ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงออกอย่างอิสระ ในศิลปะแขนงต่างๆประกอบด้วย สาระสำคัญ คือทัศนศิลป์ มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบศิลป์ ทัศนธาตุ สร้างและนำเสนอผลงานทางทัศนศิลป์ จากจินตนาการ โดยสามารถใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม รวมทั้งสามารถใช้เทคนิค วิธีการของศิลปินในการสร้างงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพวิพากษ์วิจารณ์คุณค่างาน ทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และ วัฒนธรรมเห็นคุณค่างานศิลปะที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นภูมิปัญญาไทยและสากล ชื่นชม ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ดนตรีมีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบดนตรีแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ คุณค่าดนตรีถ่ายทอดความรู้สึก ทางดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ใน ชีวิตประจำวันเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง ดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าดนตรีที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล ร้องเพลงและเล่นดนตรีในรูปแบบ ต่างๆ แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับเสียงดนตรี แสดงความรู้สึกที่มีต่อดนตรีในเชิงสุนทรียะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับ ประเพณี วัฒนธรรม และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ นาฏศิลป์มีความรู้ความเข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ แสดงออกทาง นาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ ใช้ศัพท์เบื้องต้นทางนาฏศิลป์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอด ความรู้สึก ความคิดอย่างอิสระสร้างสรรค์ การเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ประยุกต์ใช้นาฏศิลป์ในชีวิตประจำวัน


เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์กับประวัติศาสตร์วัฒนธรรม เห็นคุณค่าของนาฏศิลป์ ที่เป็นมรดกทาง วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและสากล (กระทรวงศึกษา. 2551 : 51 ) คุณภาพผู้เรียนเมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จะต้องรู้และเข้าใจการใช้ทัศนธาตุ รูปร่าง รูปทรง พื้นผิว สี แสงเงา มีทักษะพื้นฐานในการใช้วัสดุอุปกรณ์ ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก สามารถใช้หลักการจัดขนาด สัดส่วนความสมดุล น้ำหนัก แสงเงา ตลอดจนการใช้สีคู่ตรงข้ามที่เหมาะสมในการสร้างงาน ทัศนศิลป์ 2 มิติ 3 มิติ เช่น งานสื่อผสม งานวาดภาพระบายสี งานปั้น งานพิมพ์ภาพ รวมทั้งสามารถสร้างแผนภาพ แผนผัง และ ภาพประกอบเพื่อถ่ายทอดความคิดจินตนาการเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ และสามารถเปรียบเทียบ ความ แตกต่างระหว่างงานทัศนศิลป์ที่สร้างสรรค์ด้วยวัสดุอุปกรณ์และวิธีการที่แตกต่างกัน เข้าใจปัญหาในการจัด องค์ประกอบศิลป์หลักการลดและเพิ่มในงานปั้น การสื่อความหมายในงานทัศนศิลป์ของตน รู้วิธีการปรับปรุงงาน ให้ดีขึ้น ตลอดจนรู้และเข้าใจ คุณค่าของงานทัศนศิลป์ ที่มีผลต่อชีวิตของคนในสังคมรู้และเข้าใจบทบาทของงาน ทัศนศิลป์ ที่สะท้อนชีวิตและสังคม อิทธิพล ของความเชื่อ ความศรัทธา ในศาสนา และวัฒนธรรม ที่มีผลต่อการ สร้างงานทัศนศิลป์ ในท้องถิ่น รู้และเข้าใจเกี่ยวกับ เสียงดนตรี เสียงร้อง เครื่องดนตรี และบทบาทหน้าที่รู้ถึงการ เคลื่อนที่ขึ้น - ลง ของทำนองเพลงองค์ประกอบของดนตรี ศัพท์สังคีตในบทเพลง ประโยค และอารมณ์ของบทเพลง ที่ฟัง ร้อง และบรรเลงเครื่องดนตรีด้นสดอย่างง่าย ใช้และเก็บรักษา เครื่องดนตรีอย่างถูกวิธี อ่าน เขียนโน้ตไทยและ สากลในรูปแบบต่างๆ รู้ลักษณะของผู้ที่จะเล่นดนตรีได้ดีแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับองค์ประกอบดนตรีถ่ายทอด ความรู้สึกของบทเพลงที่ฟัง สามารถใช้ดนตรีประกอบกิจกรรมทางนาฏศิลป์และการเล่า เรื่อง รู้และเข้าใจ ความสัมพันธ์ระหว่างดนตรีกับวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมต่าง ๆเรื่องราวดนตรีใน ประวัติศาสตร์ อิทธิพลของวัฒนธรรมต่อดนตรี รู้คุณค่าดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน เห็นความสำคัญในการอนุรักษ์ รู้และ เข้าใจองค์ประกอบนาฏศิลป์ สามารถแสดงภาษาท่า นาฏยศัพท์พื้นฐาน สร้างสรรค์การเคลื่อนไหวและการแสดง นาฏศิลป์และการละครง่ายๆ ถ่ายทอดลีลาหรืออารมณ์ และสามารถออกแบบเครื่องแต่งกายหรืออุปกรณ์ ประกอบการแสดงง่ายๆ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ และการละครกับสิ่งที่ประสบในชีวิตประจำวัน แสดง ความคิดเห็นในการชมการแสดง และบรรยายความรู้สึกของตนเองที่มีต่องานนาฏศิลป์ รู้และเข้าใจความสัมพันธ์ ประโยชน์ของนาฏศิลป์และการละคร สามารถเปรียบเทียบการแสดงประเภทต่างๆ ของไทยในแต่ละท้องถิ่น และ สิ่งที่การแสดงสะท้อนวัฒนธรรมประเพณี เห็นคุณค่าการรักษา และสืบทอดการแสดงนาฏศิลป์ไทย(กระทรวง ศึกษา. 2551:52-53) นาฏศิลป์ไทยถือว่าเป็นศาสตร์ทางศิลปะที่สำคัญยิ่ง ด้วยรูปแบบของการ แสดงที่มีลีลาอันอ่อนช้อยงดงาม แสดงออกถึงความประณีตแฝงด้วยจินตนาการและ ศิลปะที่ละเอียดอ่อนของคนไทย บ่งบอกถึงความมีอารยธรรม อันรุ่งเรือง และความ มั่นคงของชาติที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล (สุมลมาลย์นิ่มเนติพันธ์, 2545 : 40) การใช้ ลีลาท่าทางร่ายรำแบบนาฏศิลป์ไทยนั้นมีมานานแล้ว ปรากฏหลักฐานเมื่อมีการแสดงละครในสมัยอยุธยา ครั้น มาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ในรัชกาลที่ 6 ปรากฏว่า มีการถ่ายภาพท่ารำ และในปีพ.ศ.2497 อธิบดีกรมศิลปากรคือ นายธนิตอยู่โพธิ์ได้มอบหมายครูอาคม สายาคม ซึ่งเป็นศิลปินและเป็นครูสอนนาฏศิลป์โขน-ละคร ให้นำ ท่ารำ พื้นฐานที่ปฏิบัติกัน มาเขียนเป็นตำ ราทางวิชาการขึ้นเป็นครั้งแรก (แต่งเป็นร้อยแก้ว) เพื่อเป็นข้อมูลหลักฐานทาง นาฏศิลป์ไทยสืบไป เรียกว่า นาฏยศัพท์ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานในการฝึกท่ารำ โดยใช้อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ตั้งแต่ ศีรษะจรดเท้า ให้เกิดลีลาท่าทางเข้ากับจังหวะและทำ นองเพลง นาฏยศัพท์เป็น คำศัพท์ที่ใช้เฉพาะใน นาฏศิลป์โขน - ละคร เป็นชื่อลักษณะท่ารำของไทยแบ่งออก เป็น 3 ประเภท คือ นามศัพท์กิริยาศัพท์และนาฏย


ศัพท์เบ็ดเตล็ด ต่อมาครูอัมพร ชัชกุล ได้ขออนุญาตครูอาคม สายาคม นำตำรานาฏยศัพท์นี้ไปสอนนักเรียนที่ วิทยาลัยนาฏศิลป์จึงทำ ให้การสอนนาฏศิลป์ไทยโดยเน้นเรื่องนาฏยศัพท์ เริ่มแพร่ หลายตั้งแต่นั้นมา จากคำกล่าวดังข้างต้น ผู้วิจัยเห็นว่าควรสร้างและพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนรายวิชานาฏศิลป์ เรื่อง การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอนรายวิชานาฏศิลป์เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 เพื่อให้ผู้เรียนเกิด ทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อีกทั้ง ช่วยลดปัญหา สำหรับนักเรียนหรือผู้สนใจที่จะปฏิบัตินาฏศิลป์แต่ขาดทักษะและมีใจรักในนาฏศิลป์ไทยให้ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยได้ถูกต้องตามมาตรฐานและมีความมั่นใจในนาฏลีลาเฉพาะตน วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่องการรำวงมาตรฐานก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2. เพื่อศึกษาความสามารถในการปฏิบัติรำวงมาตรฐาน ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 3. เพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียน ที่มีต่อการจัดการเรียนการรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนเพื่อ พัฒนาการเรียนรู้ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4. เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยการสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐานเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 คำถามของการวิจัย 1. ผลการเรียนรู้ เรื่องการรำวงมาตรฐานก่อนและหลัง ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การจัดการ เรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนแตกต่างกันหรือไม่ 2. นักเรียนมีความสามรถในการปฏิบัติรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการ สอน อยู่ในระดับใด 3. นักเรียนมีระดับเจตคติต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ รำวงมาตรฐานอยู่ในระดับใด สมมุติฐานของการวิจัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลการเรียนรู้ เรื่องรำวงมาตรฐานก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนแตกต่างกันอย่างไร ขอบเขตของการวิจัย 1. ประชากรที่ใช้ในกาวิจัย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ประจำภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 106 คน 2. กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนอนุบาล บ้านเพียมิตรภาพที่ 138 อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานีสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา อุดรธานี


เขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 22 คน ซึ่งได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)ระยะเวลาในการวิจัย 1 พฤศจิกายน 2566 – 31 มีนาคม 2567 2.ตัวแปรที่ศึกษา 2.1ตัวแปรต้น การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอน เรื่อง รำวมาตรฐาน เพื่อ พัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 2.2ตัวแปรตาม ความสามารถและกระบวนการเรียนรู้ในการปฏิบัติรำวงมตรฐาน กรอบแนวคิดการวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในเนื้อหา เรื่องรำวงมาตรฐาน มากยิ่งขึ้น 2. เพื่อพัฒนาทักษะนาฏศิลป์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 ให้มีผลการเรียนรู้ทางการเรียนสูงขึ้น 3. เพื่อให้นักเรียนเกิดการพัฒนาด้านทักษะการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นิยามศัพท์เฉพาะ 1. นวัตกรรมการสอนวิชานาฏศิลป์หมายถึง สื่อการสอนที่ผู้วิจัยสร้าง ขึ้นอย่างมีคุณภาพตาม หลักการสร้างสื่อและนวัตกรรมทางการเรียนในวิชานาฏศิลป์ซึ่งประกอบไปด้วย วิดีทัศน์ชุดการ สอนและวิธีการสอน เรื่อง นาฏยศัพท์การใช้มือเท้า 2. การสร้างและการพัฒนา สื่อ นวัตกรรม หมายถึง การเลือก การคัดสรร ใช้ สร้างและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และแหล่งเรียนรู้ เพื่อนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนสอดคล้องกับ เนื้อหาสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และจุดประสงค์การเรียนรู้ 1.สร้างและพัฒนาสื่อ นวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษาและแหล่งเรียนรู้ นำไปใช้ในการจัดการ เรียนรู้ เหมาะสมกับผู้เรียน สอดคล้องกับเนื้อหาสาระมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด หรือผลการเรียนรู้และ จุดประสงค์การเรียนรู้ 2. ประเมินผลการใช้สื่อนวัตกรรม เทคโนโลยีทางการศึกษา และแหล่งเรียนรู้ และนำผลการ ประเมินไปปรับปรุงพัฒนาให้มีคุณภาพสูงขึ้น แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง -การสร้างและการพัฒนาสื่อนวัตกรรมวีดิ ทัศน์ประกอบการสอน - ทักษะด้านนาฏศิลป์ 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน 2. พัฒนาด้านทักษะการปฏิบัติ 3. ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง


3. สามารถนำสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการศึกษา และแหล่งเรียนรู้ ไปปรับประยุกต์ใช้ใน สถานศึกษาที่มีบริบทใกล้เคียง 4. เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นผู้นำ 3. ผลการเรียนรู้ เรื่อง รำวงมาตรฐาน หมายถึง คะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบเกี่ยวกับเรื่อง รำ วงมาตรฐาน ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน 4. วีดิทัศน์หมายถึง สิ่งที่สามารถบันทึกได้ทั้งภาพและเสียง หลังจากบันทึกสัญญาณภาพและเสียงแล้ว สามารถนำไปใช้งานได้ทันที สามารถใช้ทบทวนเนื้อหาได้หลาย ๆ ครั้งเพื่อศึกษาบทเรียนให้มีความรู้ความ เข้าใจมาก ขึ้น อีกทั้งยังเป็นสื่อที่ถ่ายทอดเรื่องราวไปยังผู้ชมจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้เป็นอย่างดี ผู้ชม สามารถรับรู้ สถานการณ์ต่างๆ ได้ 5. ความสามารถในการปฏิบัติ รำวงมาตรฐาน หมายถึง ความสามารถในการรำวงมาตรฐานของ นักเรียนแต่ละกลุ่มในด้าน 1)เคลื่อนไหวสัมพันธ์กับเพลงและจังหวะของดนตรี 2)ลีลาและความสวยงามของ ท่าทงนาฏศิลป์ไทย 3)ความพร้อมเพรียง 4)ความกล้าแสดงออกโดยใช้แบบประเมินความสามารถที่ผู้วิจัย สร้างขี้น 6. รำวงมารฐาน หมายถึง การละเล่นอย่างหนึ่งของชาวบ้านที่เล่นกันเพื่อความสนุกสนาน และความ สามัคคีกัน นิยมเล่นกัน ในระหว่าง พ.ศ. 2484-2488 รำวงนั้นแต่เดิมเรียกว่ารำโทน 7. เจตคติ หมายถึง ความรู้สึกนึกคิดของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ โดย ใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนซึ่งได้จากแบบสอบถามเจตคติที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นด้วยบรรยากาศในการเรียนและ การจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน ผลการวิเคราะห์ข้อมูล การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัย การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือน หงาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 ที่เป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 25 คน ซึ่งผู้วิจัยได้ดำเนินการทดลอง ตามขั้นตอนและสอบถามควาคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างด้วยตนเอง เพื่อเป็นการตอบวัตถุประสงค์และข้อ คำถามการวิจัย ผู้วิจัยขอเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลโดยจำแนกเป็น 3 ตอน ดั้งนี้ ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่อง การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาความสามารถในการรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรม กลุ่มสัมพันธ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์เพื่อ พัฒนาทักษะการเรียนรำวงมาตรฐาน ในด้านการจัดการเรียนรู้และด้านบรรยากาศในการเรียน โดยมี รายละเอียดดังนี้


ตอนที่ 1 ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการ สอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 มีรายละเอียดดังตารางที่ 1 ตารางที่ 4 ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้เรื่อง ความสามารถในการรำวงมาตรฐาน เพลงคืนเดือนหงาย ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ โดยใช้การสดสอบค่า t แบบไม่เป็นอิสระ ทดสอบ n คะแนน เต็ม ̅ S.D ค่า t p ก่อนการเรียนรู้ 22 20 10.64 3.14 -5.383 .01 หลังการเรียนรู้ 22 20 12.91 2.52 จากตารางที่ 1 พบว่าผลการเรียนรู้เรื่อง ความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน เพลง คืน เดือนหงาย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นไปตามสมมตานการวิจัยที่กำหนดไว้โดยค่าเฉลี่ยผลการ เรียนรู้หลังการจัดการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ มีคะแนนเฉลี่ย (̅= 10.64, S.D = 3.14) ตอนที่ 2 ผลการศึกษาความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบคำถามการวิจัยข้อที่ 2 จากการวิเคราะห์ความสามารถในการปฏิบัติ เรื่อง ผลการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ เรื่อง การสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมแบบวีดิทัศน์ประกอบการสอน เรื่อง รำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน อนุบาลบ้านเพียมิตรภาพที่ 138 มีรายละเอียดดีงตารางที่ 2 ตารางที่ 6 ความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมแบบกลุ่ม สัมพันธ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับบท เพลงและจังหวะของดนตรี n คะแนนเต็ม (4) ̅ S.D. ระดับ ความสามารถ ลำดับที่ 1.การเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับบท เพลงและจังหวะของดนตรี 22 4 3.20 0.45 ดี 3 2.แสดงลีลาตามแบบนาฏศิลป์ ไทย 22 4 2.80 0.84 ดี 4 3.ความพร้อมเพรียงในการรำ 22 4 3.40 0.55 ดี 1


4.ความกล้าแสดงออก 22 4 3.40 0.55 ดี 1 เฉลี่ยรวม 22 4 3.20 0.54 ดี จากตารางที่ 2 พบว่า ความสามรถในการรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรมกลุ่ม สัมพันธ์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมนักเรียนมีความสามรถในการปฏิบัติอยู่ระดับดี (̅= 3.20, S.D. = 0.54) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่านักเรียนมีความสามารถอยู่ในระดับดีทั้ง 4 ด้าน โดยเรียงลำดับจากคะแนน เฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ ความพร้อมเพรียงในการรำ (̅= 3.40, S.D. = 0.55) ความกล้าแสดงออก (̅= 3.40, S.D. = 0.55) การเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับบทเพลงและจังหวะของดนตรี (̅= 3.20, S.D. = 0.45) และแสดงลีลาตามแบบนาฏศิลป์ไทย (̅= 2.80, S.D. = 0.84) ตามลำดับ ตอนที่ 3 ผลการศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อวีดิทัศย์ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการรำวงมาตรฐาน ในด้านการจักการเรียนรู้ และด้าน บรรยากาศในการเรียน การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตอบคำถามการวิจัยข้อที่ 3 การวิเคราะห์แบบสอบถามความคิดเห็น ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศย์ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาผลการ เรียนรู้และความสามารถในการรำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย ในด้านการจัดการเรียนรู้และบรรยากาศ ในการเรียนอยู่ในระดับใด มีรายละเอียดดังตารางที่ 3 ตารางที่ 7 ระดับความคิดเห็นในภาพรวมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อวีดิทัศย์ ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการรำวงมาตรฐาน เพลง คืนเดือนหงาย ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อกาจัดการเรียนรู้ ̅ S.D. ระดับเจตคติ ลำดับที่ 1. ด้านการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอน 1.1 ส่งเสริมให้นักเรียกล้าแสดงออกหน้าชั้น เรียนและมีความมั่นใจในการรำเพิ่มมากขึ้น 2.90 0.31 เห็นด้วยมาก 2 1.2 ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้โดยการท่าทางตม แบบแผนของนาฏศิลป์ใช้แสดงการรำวงมาตรฐาน 2.50 0.51 เห็นด้วยมาก 4 1.3 ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนได้กลับไปฝึกฝนที่ บ้านแล้วนำมาลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง 2.35 0.49 เห็นด้วยปาน กลาง 5 1.4 ส่งเสริมให้นักเรียนได้ทำงานและปฏิบัติ กิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ 3.00 0.00 เห็นด้วยมาก 1 1.5 ส่งเสริมให้นักเรียนสามารถปฏิบัติกิจกรรม ร่วมกับเพื่อนๆ 2.70 0.57 เห็นด้วยมาก 3 รวม 2.69 0.29 เห็นด้วยมาก 2. ด้านบรรยายกาศการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อ วีดิทัศน์ประกอบการสอน 2.95 0.22 เห็นด้วยมาก 1


2.1 เป็นการจัดการเรียนรู้ที่น่าสนใจทำให้นักเรียน เกิดความรู้ศึกสนุกสนานในการร่วมกิจกรรม 2.2 เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสนักเรียนมี ความกล้าแสดงออกในการรำ 2.95 0.22 เห็นด้วยมาก 1 2.3 เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ฝึกฝนให้นักเรียน ช่วยเหลือเพื่อนในกลุ่มซึ่งกันและกัน 2.55 0.22 เห็นด้วยมาก 5 2.4 เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนมี ปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนและครูผู้สอน 2.95 0.22 เห็นด้วยมาก 1 2.5 เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียน ได้คิดแสดงความคิดเห็นและลงมือปฏิบัติร่วมกัน 2.75 0.22 เห็นด้วยมาก 4 รวม 2.83 0.19 เห็นด้วยมาก รวมทั้งหมด 2.76 0.21 เห็นด้วยมาก จากตารางที่ 7 พบว่า เจตคติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้การรำวงมาตรฐาน ในภาพรวม เห็นด้วยอยู่ในระดับมาก (̅= 2.76, . . = 0.21) เมื่อพิจารณาเป็นราบด้าน พบว่า นักเรียนมีเจตคติด้วยในระดับมากเป็นลำดับ 1 ด้านบนน ยากาศการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ โดยภาพรวม เห็นด้วยในระดับมาก (̅= 2.83, .. = 0.91) เมื่อ พิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า นักเรียนเห็นด้วยมาก โดยเรียยงลำดับจากคะแนนเฉลี่ยมากไปน้อย ดังนี้ เป็นการ จัดการเรียนรู้ที่น่าสนใจทำให้นักเรียนเกิดความรู้สึกสนุกสนานในการร่วมกิจกรรม (̅= 2.95, .. = 0.22) เป็น การจัดการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้นักเรียนมีความกล้าแสดงออกในการรำ (̅= 2.95, .. = 0.22) เป็นการจัดการ เรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนและครู้ผู้สอน (̅= 2.95, .. = 0.22) เป็นการจัดการเรียนรู้ที่ เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิด แสดงเจตคติและลงมือปฏิบัติร่วมกัน (̅= 2.75, .. = 0.44) และเป็นการจัดการ เรียนรู้ที่ฝึกให้นักเรียนช่วยเหลือเพื่อในกลุ่มซึ่งกันและกัน (̅= 2.55, .. = 0.51) และรองลงมา ได้แก่ ด้าน การจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน โดยภาพรวม เห็นด้วยอยู่ในระดับมาก (̅= 2.69, .. = 0.26) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า นักเรียนเห็นด้วยอยู่ในระดับมาก 4 ด้าน และเห็นด้วยปานกลาง 1 ด้าน โดยเรียงลำดับจากคะแนนเฉลี่ยมากไปน้อย ดังนี้ ส่งเสริมให้นักเรียนกล้าแสดงออกหน้าชั้นเรียนและมีความ มั่นใจในการรำ จากการสังเกต พฤติกรรมการเรียนการสอนของนักเรียน ทุกแผน พบว่า นักเรียนมีพัฒนาการของความ สมารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน ได้ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยแต่ละแผนจะเน้นการใช้นวัตกรรมสื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอน และเพลงรำวงมาตรฐาน เพื่อใหนักเรียนได้ลงมือปฏิบัติ นักเรียนที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องก็สามารถ ย้อนกลับมาดูสื่อวีดิทัศน์ได้ด้วยตนเอง จนสามารถปฏิบัติด้วยตนเองได้อย่างถูกต้อง สรุปผลการวิจัย การวิจัยเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1. ผลการเรียนรู้เรื่องในการพัฒนาความสามารถในการรำวงมาตรฐานก่อนหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .01 ซึ่งสอดคล้องกับ


สมมติฐานการวิจัยข้อที่ตั้งไว้ โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนผลการเรียนรู้ หลังการจัดการเรียนรู้ (̅= 10.64, S.D. = 3.14) 2. ความสามรถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน โดยภาพรวม พบว่านักเรียนมีความสามารถในการ ปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน โดยอยู่ในระดับความสามารถในการปฏิบัติอยู่ในระดับดี 3. เจตคติของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ นักเรียนเห็นว่าเป็นการจัดการเรียนรู้ที่ทำให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่อง รำวงมาตรฐานนำมาใช้ใน ชีวิตประจำวันได้ และเจตคติด้านบรรยากาศการจัดการเรียนรู้ พบว่า นักเรียนเห็นว่าเป็นการเรียนรู้ ที่น่าสนใจ ทำให้รู้สึกอยากร่วมกิจกรรม และทำให้นักเรียนมีความสุขและสนุกสนานในการร่วม กิจกรรม อภิปลายผล จากผลการวิจัย พบว่า ความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐานด้วยการจัดการเรียนรู้โดย ใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมพบว่านักเรียนมี ความสามารถปฏิบัติโดยมีคะแนนเฉลี่ระดับความสามารถในการปฏิบัติดี ทั้งนี้ เนื่องจาก สื่อวีดิทัศน์ ประกอบการสอนเป็นกระบวนการที่จัดให้ผู้เรียนได้ศึกษาเพื่อเกิดการเรียนรู้ที่ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ นิสา เมลานนท์ (2555) ได้ทำการทดลองเรื่อง นักศึกษาสาขา นาฏศิลป์และการละคร และสาขาวิชานาฏดุริยางคศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ที่ เรียนโดยนวัตกรรมการสอนวิชานาฏดุริยางคศิลไทย พบว่า มีคะแนนการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับ งานวิจัยของ วัลลิกา วัฒนวันยู (2525) ได้ทำการทดลองเรื่อง การสร้างบทเรียนวีดิทัศน์ เรื่อง ภาษาท่า กลุ่มสาระนาฏศิลป์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดกรุงเทพมหานคร พบว่า คะแนนหลังการเรียนด้านสื่อวีดิทัศน์สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ เนื่องจากผู้เรียนเห็นภาพคลื่อนไหวจากบทเรียน ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถ มองเห็นได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ส่งผลให้ผู้เรียนมีความสนใจและตั้งใจที่จะปฏิบัติท่าทางต่างๆ เหล่านั้น ตามสื่อวีดิทัศน์ได้ดี เป็นการเรียนรู้จากสื่อวีดิทัศน์โดยตรงอย่างเดียว ซึ่งวิธีการสอนแบบนี้ สามารถช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะผู้เรียนที่ยังขาดความเชื่อมั่นในการ ปฏิบัติท่าทางตามผู้สอนจะสามารถปฏิบัติตามท่าทางและเข้าใจภาษาท่าได้มากขึ้น และยังเป็นการ ช่วยเหลือผู้สอนให้เกิดความสะดวกในการสอนยิ่งขึ้น จากผลความพึงพอใจในการใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน พบว่า อยู่ในระดับความพึงพอใจ มากที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ นิสา เมลานนท์ (2555) ได้ทำการทดลอง เรื่อง การ พัฒนานวัตกรรมการสอนวิชานาฏศิลป์ เรื่อง นาฏลีลานาฏยศัพท์ พบว่า ความพึงพอใจของ นักศึกษาสาขานาฏศิลป์และการละคร กับสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏราช นครินทร์ ที่มีต่อนวัตกรรมการสอนวิชานาฏศิลป์ เรื่อง นาฏลีลานาฏยศัพท์ เฉลี่ยโดยรวมอยู๋ใน ระดับมากได้รับความรู้เพิ่มขึ้น และสามารถเข้าใจในเนื้อหายิ่งขึ้น และสอดคล้องกับงานวิจัยของ มัลลิการ์ วงศ์ศิรินวรัตน์ (2550) ได้ทำการทดลองเรื่อง การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ วิชานาฏศิลป์


เรื่อง ภาษาท่านาฏศิลป์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี พบว่า ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนจากบทเรียนวีดิทัศน์ พบว่า การนำเสนอ น่าสนใจ ความยาวของรายการวีดิทัศน์มีความเหมาะสม เสียงบรรยายและเสียงประกอบมีความ เหมาะสม ภาะชัดเจน น่าสนใจ สามารถปฏิบัติตามได้ หลังชมวีดิทัศน์ล้วนักเรียนสามารถนำไปใช้ ในการชมนาฏศิลป์ไทยให้มีความเข้าใจมากขึ้นอีกด้วย ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ 1.จากผลการวิจัย พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อวีดิทัศน์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มี ผลการเรียนรู้ ความสามรถการปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน หลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้ นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการใช้สื่อวีดิทัศน์ประกอบการสอน ดังนั้นควรเผยแพร่ให้โรงเรียนอื่นๆ นำกิจกรรมกลุ่ม สัมพันธ์ไปใช้ในการสอนนาฏศิลป์ 2.จากผลการวิจัย พบว่า ความสามารถในการปฏิบัติ แสดงลีลาตามแบบนาฏศิลป์ไทยอยู่ในระดับต่ำ กว่าด้านอื่นๆ คือ ความพร้อมเพรียงในการรำ ความกล้าแสดงออก การเคลื่อนไหวสัมพันธ์กับบทเพลงและ จังหวะของดนตรี ดังนั้น ครูผู้สอนจึงควรจัดการเรียนรู้โดยให้นักเรียนฝึกการใช้ท่าทางโดยเริ่มจากง่ายไปยาก ใน บทเพลงที่ไม่ยากจนเกินไป ครูควรเปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างนักเรียนและครูผู้สอน เพื่อ นักเรียนจะได้กล้าซักถามและกล้าแสดงออก และสามารถแสดงลีลาตามแบบนาฏศิลป์ไทยให้เกิดความสวยงาม และเหมาะสม ข้อเสนอแนะในการศึกษาวิจัยครั้งต่อไป 1.ควรมีการศึกษาวิจัยในการนำสื่อวีดิทัศน์ไปใช้เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ด้านอื่นๆ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ และการแสดงออก เป็นต้น 2.ควรมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาความสามารถในการปฏิบัติการรำวงมาตรฐาน ดยใช้กิจกรรมอื่นๆ เช่น การเรียนรู้แบบเพื่อนช่วยเพื่อน และควรจัดการสอนนาฏศิลป์ประเภทอื่นที่เหมาะสม 3.ควรมีการศึกษาวิจัยในการนำวีดิทัศน์ไปจัดการเรียนรู้ร่วมกับชุดการสอน หรือ การฝึกการอบรม เพื่อ พัฒนาผลการเรียนรู้และการร่วมมือกันสร้างสรรค์ทักษะการคิดและการปฏิบัติที่ถูกต้องสวยงาม


เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ.(2552). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทะศักราช 2551. สำนักงานคณะ กรรมกการศึกษาขั้นพื้นฐาน: ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ดวงดาว สุมณศิริ (2551) การทดลองโดยใช้สื่อวีดิทัศน์ในการจัดการเรียนการสอน เรื่องรำวงมาตรฐาน วิชา นาฏศิลป์สำหรับนักเรียนั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนบ้านป่าเสร้า อำเภอดอย สะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กิดานันท์ มลิทอง. (2548). การพัฒนาศูนย์ศึกษาบันเทิงเพื่อเสริมการเรียนรู้สำหรับนักศึกษาระดับปริญญา ตรี สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา. (วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต,มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์). เพียงเพ็ชร์ คมขำ. (2552). การสร้างชุดการสอนนาฏศิลป์ไทยเพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ โดยเน้น ทักษะ ปฏิบัติสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,มหาลัยบูรพา). รักชนกชรินร์ พูลสุวรรณนธี และ อาคีรา ราชเวียง. (2556). การพัฒนาวีดิทัศน์เพื่อการดรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่อง ท่ารำมโนราห์เบื้องต้น. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล รัตนโกสินทร์). วารุณี สัตยากูล. (2550). การพัฒนาสื่อวิดีทัศน์การสอนนาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สุปราณี จำลองราษฎร์. (2548). การสร้างมาตราส่วนประเมินค่าความสามารถด้านนาฏศิลป์ไทย. (วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต,มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์). กรมสามัญศึกษา. 2545. การจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง. กรุงเทพ๚ : หน่วย ศึกษานิเทศก์ กรมสามัญศึกษา.


Click to View FlipBook Version