1
ก เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ รายวิชา หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผู้จัดทำได้เรียบเรียง เนื้อหาความรู้โดยยึดตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งมีเนื้อหาที่เหมาะสมกับนักเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ใช้ประกอบการเรียน ในห้องเรียนและศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตนเอง เอกสารฉบับนี้มีเนื้อหาทั้งหมด 6 เรื่องใหญ่ๆ ได้แก่ 1) ความหมายและลักษณะทั่วไปของตลาด 2) กลไกราคาใน ระบบเศรษฐกิจ 3) การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ 4) เศรษฐกิจพอเพียงกับ การพัฒนาประเทศ 5) บทบาทของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ และ 6) การค้าและ การลงทุนระหว่างประเทศ สำหรับเอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books ชุดนี้ เป็นชุดที่ 3 ซึ่งผู้จัดทำได้เรียงเนื้อหาจากง่ายไปหายาก มีเนื้อหาให้นักเรียนได้ศึกษา ทบทวนความรู้ ทำกิจกรรมระหว่างเรียน โดยมีครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ กระตุ้นให้นักเรียนได้ปฏิบัติ เป็นการฝึกทักษะจนเกิดความชำนาญ สามารถนำไปใช้ ได้อย่างถูกต้องและสร้างเสริมระเบียบวินัยในตนเองเป็นอย่างดี ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เล่มนี้ จะเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อการจัดการเรียนรู้ของครู นักเรียนและผู้ที่สนใจ ได้ นำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพ การจัดการเรียนการสอนให้ผู้เรียนบรรลุจุดมุ่งหมาย ในเนื้อหาสาระและเป็นผู้ที่มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตร สามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ อนัญญา รัตนะวัน
ข เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข คำชี้แจง .................................................................................................... 1 คำแนะนำสำหรับนักเรียน.......................................................................... 3 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด.......................................................... 6 จุดประสงค์การเรียนรู้ชั่วโมงที่ 1................................................................. 7 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ................. 8 ใบความรู้เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ..................................... 11 ใบงานที่ 3.1 เรื่อง สินค้าสร้างสรรค์.......................................................... 22 ใบงานที่ 3.2 เรื่อง ถามตอบกลไกราคาและดุลภาพ..................................... 24 จุดประสงค์การเรียนรู้ชั่วโมงที่ 2................................................................ 26 ใบงานที่ 3.3 เรื่อง วิเคราะห์อุปสงค์ส่วนเกิน............................................. 27 ใบงานที่ 3.4 เรื่อง สร้างกราฟอุปสงค์และอุปทานที่มีต่อรองเท้า................. 29 จุดประสงค์การเรียนรู้ชั่วโมงที่ 3................................................................ 32 ใบงานที่ 3.5 เรื่อง วิเคราะห์อุปทานส่วนเกิน.............................................. 33 ใบงานที่ 3.6 เรื่อง ทบทวนความเข้าใจอุปสงค์ อุปทานและราคาดุลยภาพ.. 35 แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ................ 37 บรรณานุกรม 40 ภาคผนวก 42 เฉลยคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 43 เฉลยคำตอบใบงานที่ 3.1 - 3.6 44
1 การใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ รายวิชา หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1) ขอบเขตเนื้อหาของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ⚫ เรื่องที่ 1 ความหมายและลักษณะทั่วไปของตลาด จำนวน 3 ชั่วโมง ⚫ เรื่องที่ 2 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 2 ชั่วโมง ✓ เรื่องที่ 3 การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 3 ชั่วโมง ⚫ เรื่องที่ 4 เศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาประเทศ จำนวน 2 ชั่วโมง ⚫ เรื่องที่ 5 บทบาทของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ จำนวน 3 ชั่วโมง ⚫ เรื่องที่ 6 การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ จำนวน 2 ชั่วโมง 2) องค์ประกอบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 3 1. คำชี้แจง 2. คำแนะนำสำหรับนักเรียน 3. สาระสำคัญ 4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 5. แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน 6. ใบความรู้ 7. ใบงานที่ 3.1 – 3.6 8. เฉลยใบงาน 9. บรรณานุกรม 10. เฉลยแบบทดสอบ การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ
2 3) ระยะเวลาในการเรียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 3 เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ รายวิชา หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชุดที่ 3 ใช้เวลาในการจัด กิจกรรม ทั้งหมด 3 ชั่วโมง ชั่วโมงที่ 1 เรื่อง กลไกราคาและราคาดุลยภาพ ชั่วโมงที่ 2 เรื่อง อุปสงค์ส่วนเกิน ชั่วโมงที่ 3 เรื่อง อุปทานส่วนเกิน 4) เกณฑ์การประเมินผลหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่องที่ 3 เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ รายวิชา หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชุดที่ 3 ใช้ประกอบแผนการ จัดการเรียนรู้ที่ 6, 7 และ 5 ใช้เวลาในการจัดกิจกรรมละ 1 ชั่วโมง วัดผล ประเมินผลโดยใช้คะแนนเฉลี่ยของใบงาน แบบทดสอบหลังเรียนผ่านเกณฑ์คิด เป็นคะแนนร้อยละ 80 ขึ้นไป
3 การใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบเศรษฐกิจ รายวิชา หน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 1. การเข้าสู่บทเรียนเอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากบทเรียน ออกแบบมาให้สามารถใช้งานบนเครือข่ายได้ นักเรียนสามารถใช้เครื่อง คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (Desktop PC) โน้ตบุ๊ค (Notebook) เครื่อง คอมพิวเตอร์แท็บเล็ต (Tablet PC) หรือโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ
4 2. การเข้าไปศึกษาเอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books เรื่อง ระบบ เศรษฐกิจ รายวิชาหน้าที่พลเมืองและเศรษฐศาสตร์ (ส23101) กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชุดที่ 3 ให้นักเรียนเข้าไปที่ 2.1 คลิกที่ลิงก์ ......................... 2.2 Scan QR CODE 3. อ่านศึกษา ทำความเข้าใจเนื้อหาของกิจกรรม และปฏิบัติตามกิจกรรม ที่กำหนดให้ และศึกษาเพิ่มเติมได้จากแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม ซึ่งมีลำดับ การศึกษาและทำกิจกรรม ดังนี้ 3.1 อ่านคำชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการใช้เอกสารประกอบการเรียนการสอน E-books ให้เข้าใจก่อนลงมือทำงานหรือทำการศึกษาทุกครั้ง 3.2 ทำแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อประเมินความรู้เดิมของนักเรียน 3.3 ลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนในเอกสารโดยศึกษาใบความรู้ และทำใบงาน ตามขั้นตอน รวมถึงการนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรม 3.4 เมื่อทำกิจกรรมครบแล้ว ทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความเข้าใจ และเปรียบเทียบความก้าวหน้าทางการเรียนของนักเรียน หมายเหตุครูเป็นที่ปรึกษาคอยชี้แนะ แนะนำ ในการปฏิบัติกิจกรรมทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิด
5 สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ มาตรฐาน ส.3.1 เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและ การบริโภคการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้ง เข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.3/2 มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่นตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตัวชี้วัด ส 3.1 ม.3/3 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง กับระบบสหกรณ์ใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด
6 กลไกราคา หมายถึง สภาวะของการเปลี่ยนแปลงในระดับสินค้าและบริหาร อันเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อผุ้ผลิตพยายามปรับปรุงการผลิต และบริการให้สอดคล้องกับความต้องของผู้บริโภค ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ราคาสินค้า และบริการเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดอุปสงค์และอุปทาน ตลอดจนเป็น กระบวนการปรับเปลี่ยนราคาให้สู่จุดดุลยภาพ ด้านความรู้ (K) 1.1 นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของกลไกราคาได้ถูกต้อง 1.2 นักเรียนสามารถอธิบายคำนิยามของดุลยภาพได้ถูกต้อง ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นักเรียนสามารถประยุกต์เนื้อหาที่เรียนสร้างชิ้นงานได้อย่าง สร้างสรรค์จากกิจกรรมสินค้าสร้างสรรค์ 2.2 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการทำงาน มีระเบียบวินัย และตรงต่อเวลา เรื่อง กลไกราคาและดุลยภาพ
7 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำสั่ง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท () ที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องที่สุด เพียงคำตอบเดียวลงในกระดาษคำตอบ (10 คะแนน) 1. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับราคาใดราคา หนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด ก. อุปทาน ข. อุปสงค์ ค. กลไกราคา ง. ราคาดุลยภาพ 2. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก ง. ผู้ผลิตสินค้าลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ คะแนนที่ได้............
8 3. ถ้าราคาต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งหมดเฉลี่ยหน่วยละ 120 บาท ธุรกิจหรือผู้ขาย ต้องการกำไรร้อยละ 25 ดังนั้น ธุรกิจหรือผู้ขายจะต้องกำหนดราคาขายเท่าไร ก. 150 บาท ข. 155 บาท ค. 160 บาท ง. 165 บาท 4. ข้อใดไม่มีความสอดคล้องกันตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของไอศกรีมมีมากขึ้น ข. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น ค. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ส่วนเกินของไอศกรีมมากขึ้น ง. เมื่อฤดูร้อน อุปทานส่วนเกินของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น 5. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิต ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ลดการผลิตลง ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น ถ้าผู้ผลิตลดน้อยลง จะทำให้อุปทานลดลง ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ที่ประหยัดน้ำมันได้ดี 6. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้นข้อใด ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร
9 7. ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร ก. ผู้ซื้อหรือผู้ขายในธุรกิจมีจำนวนน้อย ข. เป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงรายเดียวที่ผูกขาดสินค้า ค. ผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคาสินค้า ง. สินค้าในตลาดมีลักษณะที่เหมือนกัน สามารถใช้ทดแทนกันได้ 8. การผูกขาดในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร ก. ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก ข. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพง ค. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม ง. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในปริมาณมาก 9. ธุรกิจในข้อใดจัดอยู่ในตลาดสินค้าบริการ ก. สวนปลูกส้ม ข. โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ค. โรงแรมริมทะเล ง. ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า 10. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีข้อดีอย่างไร ก. มีสินค้าหลายชนิด ข. ราคาสินค้าหลากหลาย ค. ผู้บริโภคพอใจสูงสุด ง. ผู้ผลิตได้กำไรเพิ่มขึ้น
10 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. เลือกตอบคำถามถูกต้อง 2. เลือกตอบคำถามไม่ถูกต้อง 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 8 - 10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 5 - 7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 4 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
11 การกำหนดราคาสินค้าในตลาดเป็นไปตามอุปสงค์ตลาด อุปทานตลาดและ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ผลิตหรือของธุรกิจ โดยเฉพาะประเทศที่กลไกราคาไม่ได้ ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ดังนั้น ในตลาดที่ผู้ผลิตมีน้อยราย ผู้ผลิตจึงมีอำนาจและ สามารถกำหนดราคาได้ตามวัตถุที่ต้องการ ซึ่งการกำหนดราคาของธุรกิจขึ้นอยู่กับ วัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง เช่น เพื่อสร้างกำไร เพื่อสร้างยอดขาย หรือเพื่อขยายตลาด การกำหนดราคาโดยทั่วไปเพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาดจึง กำหนดตามอุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาด ดังนี้ 1. หลักการกำหนดราคา อุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของสินค้าและบริการมีความสัมพันธ์ขึ้นอยู่กับ ราคาสินค้าดังนั้น ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการซื้อและผู้ขายต้องการ ขายจะปรับตัวตามระดับของราคาสินค้าและบริการที่เปลี่ยนแปลงไป แต่เนื่องจาก การปรับตัวของปริมาณซื้อและปริมาณตายต่อราคาจะมีลักษณะตรงกันข้าม กล่าวคือ ในขณะที่ราคาสินค้าและบริการลดลง ผู้ซื้อจะซื้อสินค้ามากขึ้น แต่สำหรับผู้ขายหรือ ผู้ผลิต ก็จะนำสินค้ามาจำหน่ายน้อยลง
12 การปรับตัวนี้จะเป็นเหตุให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับ ราคาใดราคาหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า ณ ระดับราคานั้น ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภค ต้องการซื้อขณะนั้นจะเท่ากับปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตออกมาขายในขณะเดียวกันพอดี นั่นคือ ราคาดุลยภาพ เช่น แสดงอุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของเนื้อไก่ทั้งหมดในตลาด แห่งหนึ่ง ๆ ราคาเนื้อไก่ต่อ กิโลกรัม (บาท) ปริมาณซื้อ (กิโลกรัม) ปริมาณขาย (กิโลกรัม) ผลการดำเนินการ 110 500 720 สินค้าเหลือขาย 220 กิโลกรัม 105 550 650 สินค้าเหลือขาย 100 กิโลกรัม 100 600 600 สินค้าจำหน่ายหมดพอดี 95 650 550 สินค้าไม่พอขาย 100 กิโลกรัม 90 720 500 สินค้าไม่พอขาย 220 กิโลกรัม จากตารางจะเห็นได้ว่า ถ้าราคาเนื้อไก่กิโลกรัมละ 110 บาท ความต้องการซื้อ ของผู้บริโภคเท่ากับ 500 กิโลกรัม แต่ผู้ผลิตนำเนื้อไก่มาขาย 720 กิโลกรัม ทำให้ เหลือขายจำนวน 220 กิโลกรัม ในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกว่า “อุปทานส่วนเกิน” ผู้ผลิตจึงลดราคาลงเหลือกิโลกรัมละ 105 บาท ความต้องการเนื้อไก่ของผู้บริโภค เพิ่มขึ้นเท่ากับ 550 กิโลกรัม แต่ผู้ผลิตจะ นำมาขายจำนวน 650 กิโลกรัม ทำให้เนื้อไก่ เหลือขายจำนวน 100 กิโลกรัม ผู้ผลิตจึงลด ราคาเหลือกิโลกรัมละ 100 บาท ความ ต้องการซื้อของผู้บริโภคจะเท่ากับ 600 กิโลกรัม ผู้ผลิตก็จะนำเนื้อไก่มาขายจำนวน 600 กิโลกรัม ทำให้ขายหมดพอดี เนื้อไก่ https://www.naibann.com/blog/wp-content/uploads/2017/03/do-notwash-raw-chicken-before-cooking-it-3.jpg
13 ดังนั้น ราคาเนื้อไก่กิโลกรัมละ 100 บาท จึงเป็น “ราคาดุลยภาพ” และ ปริมาณซื้อขายจำนวน 600 กิโลกรัม จึงเป็น “ปริมาณดุลยภาพ” แต่ถ้าตั้งราคา กิโลกรัมละ 90 บาท ความต้องการเนื้อไก่ 720 กิโลกรัม แต่ผู้ผลิตจะนำมาขายเพียง 500 กิโลกรัม เนื้อจึงไม่พอขายในทางเศรษฐศาสตร์ เรียกว่า “อุป สงค์ส่วนเกิน” ผู้ซื้อแย่งกันซื้อ ผู้ผลิตจึงเพิ่มราคา จนถึงกิโลกรัมละ 100 บาท ปริมาณความต้องการซื้อ และความต้องการขายจึงเท่ากันพอดี คือ 600 กิโลกรัม ดังรูป จากรูป จุดที่เส้นอุปสงค์ตัดกับเส้นอุปทาน ที่จุด E เรียกว่า “จุดดุลยภาพ” และจุดดุลยภาพราคาเนื้อไก่กิโลกรัมละ 100 บาท ถือเป็นราคาดุลยภาพ และปริมาณ เนื้อไก่ที่ซื้อขายจำนวน 600 กิโลกรัม จึงถือเป็นปริมาณดุลยภาพ
14 2. การปรับเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ การเปลี่ยนแปลงของความต้องการซื้อของผู้บริโภคและความต้องการผลิต สินค้าของผู้ผลิตที่ทำให้ราคาและปริมาณดุลยภาพเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้3 กรณี ได้แก่ 2.1 ความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปและความต้องการผลิตคงที่ ทำ ให้ราคาและปริมาณสินค้าที่ซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปทางเดียวกับความต้องการบริโภค คือถ้าความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้น ราคาและปริมาณสินค้าที่ซื้อขายกันจะเพิ่มขึ้น ดังนี้ สมมติว่า เส้นอุปทาน S ตลาด เป็นเส้นอุปทานของการผลิตผักกาดที่อยู่ คงที่ เส้นอุปสงค์Do เป็นเส้นอุปสงค์เดิมราคาดุลยภาพ คือ ราคากิโลกรัมละ 35 บาท ปริมาณการซื้อขายดุลยภาพ จำนวน 3,000 กิโลกรัม ต่อมาในช่วงเทศกาล กินเจประชาชนต้องการบริโภคผักกาดมากขึ้น เส้นอุปสงค์ Do จึงเคลื่อนไป เพิ่มขึ้นเป็นเส้น D1 ราคาดุลภาพและปริมาณดุลยภาพจึงเปลี่ยนไป คือราคา ผักกาดขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 40 บาท ปริมาณการบริโภคเพิ่มขึ้น 4,000 กิโลกรัม https://jigsawinnovation.com/cme5/osop/wp-content/uploads/2020/03/%E0%B8%9C%E0%B8% B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%943.png
15 ในบางกรณีอุปสงค์ในสินค้าและบริการจะลดลง เช่น ในช่วงฤดูร้อน ปริมาณ ความต้องการ ซื้อเสื้อกันหนาวลดลง ทำให้ราคาและปริมาณเสื้อกันหนาวลดลง ดังนี้ จากรูป เส้นอุปทานของเสื้อกันหนาว คือ เส้น S ซึ่งคงที่อุปสงค์ของเสื้อ กันหนาว คือ เส้น Do ราคาดุลยภาพของเสื้อกันหนาวตัวละ 600 บาท ปริมาณ การจำหน่าย 2,000 ตัว ต่อมาเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น เส้นอุปสงค์ของเสื้อกันหนาวจะ เคลื่อนตัวลดลงเป็นเส้น D2 ส่งผลให้ราคาดุลยภาพของเสื้อกันหนาวลดลง ตัวละ 500 บาท และปริมาณดุลยภาพลดลงเหลือ 900 ตัว https://d.line-scdn.net/lcp-prod-photo/20210918_142/1631892948312DH0Xl_PNG/O3P05SI4G4OAXLIC4ZNGESINYUFSI4.png 2.2 ความต้องการบริโภคคงที่และความต้องการผลิตเปลี่ยนแปลงไป ในกรณี ที่อุปสงค์อยู่คงที่และอุปทานเปลี่ยนไป ปริมาณสินค้าที่ซื้อขายกันจะเปลี่ยนแปลง ในทางเดียวกับอุปทาน แต่ราคาจะเปลี่ยนแปลงไปทางตรงกันข้าม เช่น ในปีนี้ การผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้น ปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาทุเรียนจะลดลง ดังนี้
16 จากรูป เมื่อเส้น Do คือ เส้นอุปสงค์ของทุเรียนซึ่งอยู่คงที่ และเส้น So เป็นเส้นอุปทานของทุเรียนราคาดุลยภาพของทุเรียนจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 80 บาท และปริมาณดุลยภาพที่ซื้อขายกันจะเท่ากับ 150 ตันต่อมาเมื่อผลิตทุเรียนได้ เพิ่มขึ้น เส้นอุปทานของทุเรียนจะเพิ่มจากเส้น So เป็นเส้น S1 การผลิตทุเรียน เพิ่มขึ้นก่อให้เกิดอุปทานส่วนเกิน จึงจำเป็นต้องลดราคาทุเรียนลงเพื่อจำหน่าย ได้มากขึ้น ราคาดุลยภาพของทุเรียนใหม่จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 75 บาท และปริมาณ ดุลยภาพใหม่ที่ซื้อขายกันจะเท่ากับ 200 ตัน https://img.wongnai.com/p/1920x0/2021/04/12/7da86c53e1724f439f9f55973e8bfc45.jpg ปัจจัยที่มีผลทำให้อุปทานเพิ่มหรือลด หรือ ทำให้เส้นอุปทานเคลื่อนที่นั้น มีดังนี้ ⚫ ราคาของทรัพยากรการผลิต ⚫ เทคโนโลยีการผลิต ⚫ จำนวนจำหน่ายผลิต ⚫ นโยบายรัฐบาล ⚫ สถานกรณ์ทางการเมืองและสภาวะ อากาศ
17 2.3 ความต้องการบริโภคและความต้องการผลิตเปลี่ยนไปพร้อมกัน ตามสภาพ ความจริง ทั้งอุปสงค์และอุปทานมักมีการเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน เช่น ถ้าสภาพ ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไป การผลิตข้าวในประเทศลดลง ผู้บริโภคคาดว่าข้าวจะ ขึ้นราคา จึงพยายามซื้อข้าวเก็บกักตุนไว้ ส่วนพ่อค้าเมื่อเห็นว่าอุปทานของข้าวน้อย คนต้องการซื้อเพิ่ม ก็พยายามเก็บกักตุนข้าวเพื่อหวังผลกำไรในอนาคต ในกรณีนี้ อุปทานของข้าวจะลดลง แต่อุปสงค์ในข้าวเปลี่ยนแปลงไปเพิ่มขึ้น จากรูป สภาพดินฟ้าอากาศไม่เหมาะสม ทำให้เส้นอุปทานของข้าวลดลง จาก So เป็น S1 แต่ประชาชนต้องการซื้อข้าวมาเก็บไว้เพราะเกรงว่าจะขาด แคลน ทำให้เส้นอุปสงค์ของข้าวเพิ่มขึ้นจากเส้น Do เป็นเส้น D1 ในกรณี ดังกล่าวจะทำให้ราคาดุลยภาพและปริมาณดุลยภาพของข้าวเปลี่ยนไป จาก เกวียนละ 17,000 บาท เป็น 20,000 บาท และปริมาณซื้อขายเปลี่ยนไปจาก 6,000 ตัน เป็น 7,000 ตัน https://www.coopshopth.net/upload/group/thumb/Categories_2021_03_17_02_34_35_caa806a8d 8310870e92aa3ca30e997af_resize.png
18 การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานมีหลายลักษณะนอกเหนือจากที่ กล่าวมาแล้ว เช่น ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ความต้องการซื้อเนื้อหมูเพิ่มขึ้นจากภาวะ ปกติที่ไม่มีเทศกาลรวมทั้งประเทศจำนวน 85,000 กิโลกรัม แต่ปริมาณการผลิตเนื้อ หมูของผู้ประกอบการผลิตได้เพิ่มขึ้นเพียง 45,000 กิโลกรัม ทำให้ปริมาณเนื้อหมูไม่ เพียงพอ 30,000 กิโลกรัม ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้น 3. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติ การกำหนดราคาในทางปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์หลายประการ เช่น เพื่อสร้าง กำไร เพื่อสร้างยอดขาย เพื่อการขยายตลาดให้กว้างขวาง เพื่อรักษาระดับราคาสินค้า ที่ตั้งให้อยู่อย่างยาวนาน และเพื่อให้ราคาเครื่องชี้คุณภาพ เช่น สินค้าที่คุณภาพดีจะ กำหนดราคาให้สูงกว่าสินค้าที่มีคุณภาพต่ำกว่า การกำหนดราคาสินค้าในทางปฏิบัติ จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของธุรกิจอย่างมาก 3.1 ปัจจัยที่ควรคำนึงในการกำหนดราคาในทางปฏิบัติ นอกจากจะคำนึงถึง วัตถุประสง์ของธุรกิจแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้ 1) สภาวะทางเศรษฐกิจ ช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง ประชาชนมีรายได้ดี ปริมาณเงินในท้องตลาดมีมาก อาจมีการกำหนดราคาสูง เพราะกำลังซื้อของ ประชาชนมีมาก แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ อำนาจซื้อของประชาชนมีน้อย ธุรกิจอาจกำหนดราคาไม่สูงมาก หรือใช้กลยุทธ์ช่วยในการขาย 2) การแข่งขันของตลาด ถ้าในตลาดมีผู้สินค้าชนิดเดียวกันและ สินค้ามีลักษณะคล้ายกัน การกำหนดราคาสินค้าก็มักจะจำหน่ายราคาเท่าๆ กัน กับผู้ผลิตรายอื่น แต่ถ้าในตลาดมีผู้ขายเพียงรายเดียวก็อาจกำหนดราคาให้สูงขึ้นได้ ในระยะสั้นๆ
19 3) ต้นทุนการผลิตและการจำหน่าย สินค้าหลายชนิดจะกำหนดราคา ขายโดยบวกเพิ่มไปกับต้นทุน เช่น ต้นทุนสินค้าหน่วยละ 10 บาท หากต้องการกำไร ร้อยละ 30 ผู้ขายหรือธุรกิจก็จะตั้งราคาขายสินค้า 13 บาท 4) กลุ่มเป้าหมาย สินค้าที่จะขายให้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงเป็นสินค้า ที่มีคุณภาพดี ก็จะกำหนดราคาสินค้าให้สูง แต่ถ้าจะขายให้กับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ต่ำ สินค้ามีคุณภาพปานกลาง ก็จะกำหนดราคาสินค้าให้ต่ำลง 3.2 วิธีการกำหนดราคาในทางปฏิบัติขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ เป้าหมาย การแข่งขัน ของธุรกิจและสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งวิธีการกำหนดราคามีหลายวิธี ดังนี้ 3.2.1 การกำหนดราคาโดยกำหนดส่วนบวกเพิ่มเข้าไปกับต้นทุน เป็น วิธีการที่ธุรกิจคำนวณต้นทุนต่อหน่วยทั้งหมด ที่เรียกว่า “ต้นทุนมาตรฐาน” จากนั้น ก็จะมีการกำหนดอัตราส่วนบวกเพิ่มของกำไร ที่จะบวกเพิ่มเข้าไปกับต้นทุน โดยใช้ สูตรง่ายๆ ดังนี้ ราคาขายสินค้า = ต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ยต่อหน่วย (1 + ส่วนบวกเพิ่มจากต้นทุน)
20 ธุรกิจผลิตรองเท้าแห่งหนึ่ง มีต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย ต่อรองเท้าหนึ่งคู่เท่ากับ 400 บาท ธุรกิจต้องการส่วนบวก เพิ่มจากต้นทุนร้อยละ 40 หรือ 0.40 ธุรกิจจะต้องกำหนด ราคาสินค้า ดังนี้ ราคารองเท้าต่อคู่ = 400(1+0.40) ดังนั้น จะต้องกำหนดราคารองเท้า = 560 บาท/คู่ 3.2.2 การกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากเงินลุงทุนตาม เป้าหมาย เป็นวิธีการกำหนดราคาเพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากเงินลุงทุนตามที่ ต้องการ คำนวณได้จากสูตร ดังนี้ ราคาขายต่อหน่วย = ต้นทุนคงที่ทั้งหมด+กำไรที่วางแผน + ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย ปริมาณการผลิต โรงงานตัดเย็บชุดทำงานผลิตชุดทำงานจำนวน 1,200 ชุด โดยมีต้นทุนคงที่ทั้งหมด 200,000 บาท ต้นทุนแปรผันเฉลี่ยชุดละ 400 บาท หากโรงงาน ต้องการกำไรงาม 40,000 บาท โรงงานควรกำหนดราคา ขายชุดทำงาน ดังนี้ ราคาขายชุดทำงาน = (200,000 + 40,000) + 400 1,200 ดังนั้น จะต้องกำหนดราคาขายชุดทำงาน = 600 บาท/ชุด
21 3.3 การกำหนดราคาขายให้ต่างกัน สินค้าหลายชนิดมีการกำหนดราคาขายให้ แตกต่างกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้าและลักษณะของผู้ซื้อ เช่น 3.3.1 ขายสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละราคาไม่เท่ากันในสินค้าชนิด เดียวกัน เช่น ขายให้กับลูกค่าประจำราคาต่ำกว่าขายให้กับลูกค้าขาจร หรือขายให้แก่ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกถูกกว่าขายให้กับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก 3.3.2 ขายสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละคนจำนวนราคาไม่เท่ากัน เช่น ขายปลึกราคาสูงกว่าขายส่ง เช่น ขายนมกล่องละ 10 บาท แต่ถ้าขายแบบแพ็ก มี10 กล่อง ราคา 90 บาท 3.3.3 รายสินค้าให้กับลูกค้าแต่ละรายไม่เท่ากัน เช่น ขายตั๋วรถไฟฟ้า ให้กับนักเรียนในราคาถูกกว่าผู้ใหญ่ https://www.shutterstock.com/image-photo/businessman-collects-wooden-p uzzles-word-260nw-1411819328.jpg
22 เรื่อง สินค้าสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนออกแบบสินค้าให้มีความน่าสนใจ พร้อมทั้งกำหนด ราคาขาย และกลยุทธการขายเพื่อให้สินค้าขายหมดและได้กำไร อย่างละเอียด (10 คะแนน) ชื่อสินค้า ............................................................................................................... .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. คะแนนที่ได้......
23 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. เลือกเติมเครื่องหมายหน้าข้อความถูกต้อง 2. เลือกเติมเครื่องหมายหน้าข้อความไม่ถูกต้อง 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 8 - 10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 5 - 7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 4 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
24 เรื่อง ถามตอบกลไกราคาและดุลภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้และตอบคำถามต่อไปนี้ (10 คะแนน) 1. กลไกราคาคืออะไร .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 2. กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบายพอเข้าใจ .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 3. ดุลยภาพคืออะไร .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. คะแนนที่ได้......
25 4. เพราะเหตุใดนักเศรษฐศาสตร์จึงเปรียบกลไกตลาดว่าเป็น “มือมืดที่มองไม่เห็น” .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 5. ดุลยภาพจะเปลี่ยนแปลงไปได้ในกรณีใดบ้าง .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. ตอบคำถามถูกต้อง ครอบคลุมคำถาม 2. ตอบคำถามได้แต่ไม่ถูกต้อง 3. ตอบคำถามถูกต้องหรือไม่ตอบ 2 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 8 - 10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 5 - 7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 4 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
26 อุปสงค์ส่วนเกิน หมายถึง ภาวะที่อุปสงค์มากกว่าอุปทานทำให้สินค้าขาด ตลาด สามารถปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพโดยทำให้ราคาเพิ่มขึ้นแล้ว อุปสงค์จะลดลง อุปทานจะเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่จุดดุลยภาพ ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของอุปสงค์ส่วนเกินได้ถูกต้อง ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุปสงค์ส่วนเกินและ บอกแนวทางการแก้ไขจากการเกิดภาวะอุปสงค์ส่วนเกินได้อย่างน้อย 3 ข้อ อย่างเหมาะสม 2.2 นักเรียนสามารถอภิปรายผลกระทบที่เกิดจากภาวะอุปสงค์ ส่วนเกินได้อย่างมีเหตุผล 2.3 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการทำงาน มีระเบียบวินัย และตรงต่อเวลา เรื่อง อุปสงค์ส่วนเกิน
27 เรื่อง วิเคราะห์อุปสงค์ส่วนเกิน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนคิดสินค้าชนิดหนึ่งที่มีการขาดแคลนในตลาด และ วิเคราะห์ปัญหา สาเหตุปัญหาแนวทางการแก้ปัญหา ที่ทำให้เกิดภาวะที่ สินค้าชนิดนั้นขาดตลาด สรุปเป็นแผนภาพความคิด (8 คะแนน) นักเรียนคิดสินค้า คะแนนที่ได้...... ปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ แนวทางการแก้ไขปัญหา
28 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. ตอบคำถามถูกต้อง ครอบคลุมคำถาม 2. ตอบคำถามถูกต้องหรือไม่ตอบ 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 7 - 8 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 4 - 6 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 3 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 8 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
29 เรื่อง สร้างกราฟอุปสงค์และอุปทานที่มีต่อรองเท้า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนสร้างกราฟอุปสงค์และอุปทานที่มีต่อรองเท้า พร้อมทั้งจุด ดุลยภาพตามหัวข้อที่กำหนดให้ต่อไปนี้ (15 คะแนน) ราคา รองเท้า อุปสงค์ ปกติ อุปทานปกติ อุปสงค์ ลดลง อุปทาน เพิ่มขึ้น 1200 2 14 12 4 1000 4 12 10 6 800 6 10 8 8 600 8 8 6 10 400 10 6 4 12 คะแนนที่ได้......
30 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน สร้างกราฟ 1. สร้างกราฟแกนตั้งราคา และแกนนอนปริมาณถูกต้อง และ มีการเติมสัญลักษณ์และแกนได้ถูกต้อง 2. สร้างกราฟแกนตั้งราคา และแกนนอนปริมาณถูกต้อง และมีการเติมสัญลักษณ์และแกนผิดหรือไม่เติม 3. สร้างกราฟแกนตั้งราคาและแกนนอนปริมาณถูกต้อง 3 2 1 เส้นอุปสงค์และอุปทานปกติ 1. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานปกติพร้อมเติมสัญลักษณ์ได้ ถูกต้อง 2. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานปกติพร้อมเติมสัญลักษณ์ได้ ถูกต้อง 1 จุด 3. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานปกติแต่ไม่เติมสัญลักษณ์หรือ เติมไม่ถูกต้อง 3 2 1 เส้นอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงไป 1. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงไปพร้อมเติม สัญลักษณ์ได้ถูกต้อง 2. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงแต่เติมสัญลักษณ์ ได้ถูกต้อง 1 จุด 3. วาดเส้นอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลงแต่เติมสัญลักษณ์ หรือเติมไม่ถูกต้อง 3 2 1 จุดดุลยภาพ 1. สร้างจุดดุลยภาพเดิมและจุดดุลยภาพใหม่พร้อมเติม สัญลักษณ์ได้ถูกต้อง 2. สร้างจุดดุลยภาพเดิมและจุดดุลยภาพใหม่แต่เติม สัญลักษณ์ถูกต้อง 1 จุด 3. สร้างจุดดุลยภาพเดิมหรือจุดดุลยภาพใหม่พร้อมเติม สัญลักษณ์ไม่ถูกต้อง 3 2 1
31 รายการ คะแนน ตอบจุดดุลยภาพ 1. ตอบจุดดุลยภาพได้ถูกต้องทั้งดุลยภาพเดิมและดุลยภาพใหม่ 2. ตอบจุดดุลยภาพได้ถูกต้อง 1 จุดดุลยภาพเดิมหรือดุลยภาพ ใหม่ 3. มีการตอบจุดดุลยภาพแต่ไม่ถูกต้อง 3 2 1 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 12 - 15 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 8 - 11 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 7 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 15 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
32 อุปทานส่วนเกิน (Excess Supply) หมายถึง ภาวะที่อุปทานมากกว่าอุปสงค์ ทำให้สินค้าชิ้นนั้นล้นตลาด สามารถปรับตัวเข้าสู่ดุลยภาพโดยทำให้ราคาถูกปรับ ต่ำลง แล้วอุปทานจะลดลง อุปสงค์จะเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่จุดดุลยภาพ ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบายลักษณะของอุปทานส่วนเกินได้ถูกต้อง ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 2.1 นักเรียนสามารถวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุปทานส่วนเกินและ บอกแนวทางการแก้ไขจากการเกิดภาวะอุปทานส่วนเกินได้อย่างน้อย 3 ข้อ อย่าง เหมาะสม 2.2 นักเรียนสามารถอภิปรายผลกระทบที่เกิดจากภาวะอุปทานส่วนเกิน ได้อย่างมีเหตุผล 2.3 นักเรียนมีทักษะกระบวนการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) นักเรียนมีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์สุจริต มุ่งมั่นในการทำงาน มีระเบียบวินัย และตรงต่อเวลา เรื่อง อุปทานส่วนเกิน
33 เรื่อง วิเคราะห์อุปทานส่วนเกิน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนคิดสินค้าชนิดหนึ่งที่มีภาวะล้นตลาดและวิเคราะห์ปัญหา สาเหตุปัญหา แนวทางการแก้ปัญหา ทำให้เกิดภาวะที่สินค้าชนิดนั้น ล้นตลาด สรุปเป็นแผนภาพความคิด (8 คะแนน) นักเรียนคิดสินค้า คะแนนที่ได้...... ปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ สาเหตุ แนวทางการแก้ไขปัญหา
34 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. ตอบคำถามถูกต้อง ครอบคลุมคำถาม 2. ตอบคำถามถูกต้องหรือไม่ตอบ 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 7 - 8 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 4 - 6 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 3 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 8 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
35 เรื่อง ทบทวนความเข้าใจอุปสงค์อุปทานและราคาดุลยภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านประเด็นที่ศึกษาที่กำหนดให้แล้วทำเครื่องหมายถูก (✓) ลงในช่องว่างให้สอดคล้องกับข้อความที่กำหนดใด้(10 คะแนน) ประเด็นศึกษา อุปสงค์ อุปทาน ราคาดุลยภาพ 1. ปีนี้เงาะราคาถูกมาก ชาวสวนจึงลดปริมาณการขยายพื้นที่ ปลูกเงาะ 2. ปกติน้ำองุ่นขวดละ 25 บาท สมใจซื้อวันละ 1 ขวด แต่วันนี้ ลดราคาพิเศษ จำหน่าย 2 ขวด ราคา 35 บาท สมใจจึงซื้อเพิ่ม 3. ปีนี้ฝนตกชุกกว่าทุกปี โรงงานผลิตร่มและเสื้อกันฝนจึงเพิ่ม ปริมาณการผลิตถึง 10 เท่า เนื่องจากร่มและเสื้อกันฝนมีราคา สูงขึ้น 4. แม่บ้านนิยมซื้อปลา ไปทำอาหารแทนเนื้อหมู เนื่องจากปีนี้ เนื้อหมูมีราคาสูง 5. ในช่วงใกล้ฤดูฝน สดใสได้เพิ่มกำลังการผลิตร่มและเสื้อ กันฝนเพื่อให้ทันขายในช่วงฤดูฝนที่จะถึง 6. ระดับสินค้าที่ปริมาณของอุปสงค์เท่ากับอุปทาน 7. ป้าสมศรีผลิตมะม่วงนอกฤดูจำหน่ายได้ราคาดีเนื่องจากเป็น ที่นิยมของลูกค้า 8. มะพร้าวน้ำหอมของดวงใจขายดีทุกวัน เพราะลดราคาลง จากลูกละ 15 บาทเป็น 2 ลูก 20 บาท คะแนนที่ได้......
36 ประเด็นศึกษา อุปสงค์ อุปทาน ราคาดุลยภาพ 9. ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตหรือผู้ขายพร้อมที่จะผลิต ออกขาย ณ ระดับราคาต่าง ๆ ภายในระยะเวลาที่กำหนด 10. ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าใน ระยะเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆ ของสินค้า และบริการ ชนิดนั้น 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. ตอบคำถามถูกต้อง ครอบคลุมคำถาม 2. ตอบคำถามถูกต้องหรือไม่ตอบ 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 8 - 10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 5 - 7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 4 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
37 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำสั่ง ให้นักเรียนทำเครื่องหมายกากบาท () ที่นักเรียนเห็นว่าถูกต้องที่สุด เพียงคำตอบเดียวลงในกระดาษคำตอบ (10 คะแนน) 1. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้นข้อใด ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร 2. ลักษณะสำคัญของตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นอย่างไร ก. ผู้ซื้อหรือผู้ขายในธุรกิจมีจำนวนน้อย ข. เป็นตลาดที่มีผู้ขายเพียงรายเดียวที่ผูกขาดสินค้า ค. ผู้ซื้อหรือผู้ขายมีอิทธิพลในการกำหนดราคาสินค้า ง. สินค้าในตลาดมีลักษณะที่เหมือนกัน สามารถใช้ทดแทนกันได้ 3. การผูกขาดในตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร ก. ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก ข. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพง ค. ผู้บริโภคซื้อสินค้าในราคายุติธรรม ง. ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าในปริมาณมาก คะแนนที่ได้............
38 4. ธุรกิจในข้อใดจัดอยู่ในตลาดสินค้าบริการ ก. สวนปลูกส้ม ข. โรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ค. โรงแรมริมทะเล ง. ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า 5. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีข้อดีอย่างไร ก. มีสินค้าหลายชนิด ข. ราคาสินค้าหลากหลาย ค. ผู้บริโภคพอใจสูงสุด ง. ผู้ผลิตได้กำไรเพิ่มขึ้น 6. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับราคาใดราคา หนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด ก. อุปทาน ข. อุปสงค์ ค. กลไกราคา ง. ราคาดุลยภาพ 7. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก ง. ผู้ผลิตสินค้าลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ 8. ถ้าราคาต้นทุนการผลิตสินค้าทั้งหมดเฉลี่ยหน่วยละ 120 บาท ธุรกิจหรือผู้ขาย ต้องการกำไรร้อยละ 25 ดังนั้น ธุรกิจหรือผู้ขายจะต้องกำหนดราคาขายเท่าไร ก. 150 บาท ข. 155 บาท ค. 160 บาท ง. 165 บาท
39 9. ข้อใดไม่มีความสอดคล้องกันตามกฎของอุปสงค์ ก. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของไอศกรีมมีมากขึ้น ข. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น ค. เมื่อฤดูร้อน อุปสงค์ส่วนเกินของไอศกรีมมากขึ้น ง. เมื่อฤดูร้อน อุปทานส่วนเกินของเสื้อกันหนาวมีมากขึ้น 10. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิต ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ลดการผลิตลง ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้น ถ้าผู้ผลิตลดน้อยลง จะทำให้อุปทานลดลง ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ที่ประหยัดน้ำมันได้ดี 1. รายการให้คะแนน รายการ คะแนน 1. เลือกตอบคำถามถูกต้อง 2. เลือกตอบคำถามไม่ถูกต้อง 1 0 2. สรุปผลการประเมิน ระดับคุณภาพ 3 หมายถึง ดี 8 - 10 คะแนน ระดับคุณภาพ 2 หมายถึง พอใช้ 5 - 7 คะแนน ระดับคุณภาพ 1 หมายถึง ปรับปรุง 1 - 4 คะแนน 3. รวมคะแนนทั้งสิ้น 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ................ คะแนน
40 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตร แห่งประเทศไทย, 2551. กระมล ทองธรรมชาติ และคณะ. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ฉบับ อญ.) (หลักสูตรฯ 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560). กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.), 2560. กวี วรกวิน และคณะ. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (ฉบับ อญ.) (หลักสูตรฯ 2551 ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560). กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.), 2560. ตีรณ พงศ์มฆพัฒน์และคณะ. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน เศรษฐศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พิมพ์ครั้งที่ 12. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท., 2560. ดำรง ฐานดีและคณะ. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามมาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด สาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์ อจท., 2560.
41 บรรณานุกรม _________. คู่มือครูหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและ วัฒนธรรม หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรมและการดำเนินชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตามมาตรฐานการ เรียนรู้และตัวชี้วัด สาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์อจท., 2560.. วิทยา ปานะบุตร และคณะ. คู่มือเสริมทักษะการเรียนรายวิชาพื้นฐานสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ม.3. กรุงเทพฯ : พ.ศ. พัฒนา, 2558.
42 ภาคผนวก
43 เรื่อง การกำหนดราคาในระบบเศรษฐกิจ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียน หลังเรียน ข้อ คำตอบ ข้อ คำตอบ 1 ง 1 ก 2 ข 2 ง 3 ก 3 ข 4 ข 4 ค 5 ค 5 ค 6 ก 6 ง 7 ง 7 ข 8 ข 8 ก 9 ค 9 ข 10 ค 10 ค
44 คำ ตอบข้ึนอยู่กับดุลยพินิจของครูผู้สอน เรื่อง สินค้าสร้างสรรค์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนออกแบบสินค้าให้มีความน่าสนใจ พร้อมทั้งกำหนด ราคาขาย และกลยุทธการขายเพื่อให้สินค้าขายหมดและได้กำไร อย่างละเอียด (10 คะแนน) .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. .............................................................................................................................. คะแนนที่ได้...... แนวคำตอบ ให้นักเรียนพูดถึงลักษณะของสินค้าอย่างละเอียด และบอกถึง ต้นทุน วัตถุดิบ ที่นำมาเพื่อการผลิตอย่างชัดเจน และนำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการ กำหนดราคาของสินค้าที่นักเรียนได้กำหนดขึ้น พร้อมทั้งวิธีการขายรูปแบบบรรจุ ภัณฑ์ เพื่อทำให้การขายประสบความสำเร็จ พร้อมทั้งคำนวณกำไรจากการขาย สินค้านั้น ๆ
45 เรื่อง ถามตอบกลไกราคาและดุลภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 คำชี้แจง ให้นักเรียนศึกษาใบความรู้และตอบคำถามต่อไปนี้ (10 คะแนน) 1. กลไกราคาคืออะไร .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 2. กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบายพอเข้าใจ .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 3. ดุลยภาพคืออะไร .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. แนวคำตอบ ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้าและบริการเกิด จากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน แนวคำตอบ 1) อุปสงค์ (demand) ความต้องการซื้อ 2) อุปทาน (supply) ความต้องการขาย และ 3) ดุลยภาพ (equilibrium) ถ้าเกิดความต้องการ ซื้อพอดีกับความต้องการขาย แนวคำตอบ ดุลยภาพ คือ ระดับราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายเห็นพ้องต้องกัน หรือระดับราคาที่อุปสงค์เท่ากับอุปทาน หรือเส้นอุปสงค์ตัดกับเส้นอุปทาน
46 4. เพราะเหตุใดนักเศรษฐศาสตร์จึงเปรียบกลไกตลาดว่าเป็น “มือมืดที่มองไม่เห็น” .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. 5. ดุลยภาพจะเปลี่ยนแปลงไปได้ในกรณีใดบ้าง .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. .................................................................................................................. แนวคำตอบ เพราะในตลาดเสรี ราคาสินค้าในตลาด มีทิศทางของมัน ไม่ มีผู้ใดผู้หนึ่งกำหนดราคาแต่เพียงผู้เดียวได้ ราคาของสินค้าหรือบริการ นั้นขึ้นอยู่กับ อุปสงค์และอุปทาน แนวคำตอบ 1. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ 1.1 การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปสงค์หรือการเปลี่ยนแปลงทางด้านราคา 1.2 การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ที่ไม่ใช่ราคา 2. การเปลี่ยนแปลงอุปทาน 2.1 การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทาน 2.2 การเปลี่ยนแปลงระดับอุปทาน
47 เรื่อง วิเคราะห์อุปสงค์ส่วนเกิน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นักเรียนคิดสินค้า ปัญหาที่เกิดขึ้น ปัญหาเกษตรกรปลูกส้มเขียวหวานมากทำให้ราคาส้มเขียวหวาน ราคาถูกลง ทำให้ผู้บริโภคซื้อส้มเขียวหวานมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะส้มเขียวหวาน ขาดแคลน ส่งผลให้ราคาในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้น สาเหตุส้มเขียวมีมาก ในตลาด สาเหตุเกษตรกรส่วนใหญ่ ปลูกส้มเขียวหวานมาก สาเหตุผู้บริโภคล้วนซื้อ ส้มเขียวหวาน สาเหตุพ่อค้าแม่ค้าในตลาด ล้วนขายส้มเขียวหวานแข่ง กันทำให้แย่งกันขายในราคา สาเหตุโรงงานอาจจะซื้อ ส้มเขียวหวานในปริมาณ มากขึ้นเพื่อนำไปแปรรูป สาเหตุราคาส้มเขียวหวาน มีราคาถูก แนวทางการแก้ไขปัญหา เชิญชวนให้เกษตรกรปลูกผลไม้อย่างอื่นเพราะว่าถ้า ทุกส่วน ปลูกส้มเขียวหวานจะทำให้ราคาส้มเขียวหวานนั้นราคาลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุก ส่วน ทุกร้าน มีส้มเขียวหวาน โดยบอกถึงเหตุผลที่จะเกิด เช่น ขายส้มได้ราคาน้อย และยัง มีค่าขนส่งทำให้กำไรในการผลิตน้อยลง ส่งผลให้กำไรจากการปลูกส้มเขียวหวานน้อยลง และรณรงค์ให้ผู้บริโภคนั้นเห็นคุณค่าของสิ่งที่บริโภคหรือส้มเขียวหวานจะได้ไม่เห็นว่า เป็นทรัพยากรที่ไม่มีประโยชน์ และยอมรับในราคาหากมีการปรับราคาขึ้น