08/04/63
บทที 4
การอกั เสบและการติดเชือ
อาจารย์ ดร.กาญจนา ใจจ้อย 1
พบ.105 พยาธสิ รรี วทิ ยาสาํ หรบั พยาบาล ปีการศกึ ษา 2562
คณะพยาบาลศาสตรแ์ มคคอรม์ คิ มหาวทิ ยาลยั พายพั
วตั ถปุ ระสงคเ์ ชิงพฤติกรรม
• 1. อธบิ ายกลไกการเปลยี นแปลงของรา่ งกายเมอื มกี ารอกั เสบ
การตดิ เชอื และภาวะไขไ้ ด้
• 2. อธบิ ายอาการ อาการแสดง และการตรวจประเมนิ เมอื มกี าร
อกั เสบ และการตดิ เชอื ได้
• 3. อธบิ ายกระบวนการซอ่ มแซม และความผดิ ปกตขิ องการ
ซอ่ มแซมบาดแผลได้
2
1
08/04/63
การอกั เสบ
Inflammation
ปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองเฉพาะทขี องเนอื เยอื ต่อสงิ ทเี ป็นอนั ตราย
ทาํ ใหเ้ นอื เยอื และเซลลไ์ ดร้ บั บาดเจบ็
3
Chemicals Trauma
Surgery Heat &
cold
เชอื โรค Inflamma Ischemic
tion
4
2
Inflammation 08/04/63
1. Vascular response 5
2. White blood cell
3. Systemic effect
“…itis”
Acute inflammation
• Short duration
• Nonspecific response
• เกดิ ขนึ ก่อนปฏกิ ริ ยิ าการกําจดั เชอื อนื ๆ ในรา่ งกาย
• Pain, swelling (edema), redness (erythema), heat, loss of
function, exudate, neutrophils
6
3
08/04/63
Vascular response
Tissue injury
Vasoconstriction • Stasis of blood flow
• Clotting of blood
1 Vasodilation Transudates
Blood flow Congestion 7
Vascular permeability
2
8
4
3 Cellular response 08/04/63
• การเคลอื นยา้ ยของ leukocytes 9
(granulocytes และ monocytes) ออกจาก
หลอดเลอื ด
– Granulocytes: neutrophils (band cell),
eosinophils และ basophils
– Monocytes หรอื macrophages
ลาํ ดบั ขนั ตอน Cellular response
การเคลื่อนเขาใกลผนงั หลอดเลือด Transmigration
Margination
การหมนุ ไปบนผนังหลอดเลอื ด การยึดติดกบั ผนงั การเคลื่อนตัวผา น
เซลลบ ุหลอดเลือด ผนงั หลอดเลือด
การเคลื่อนเขาหาสิง่ กระตุน
10
5
08/04/63
Phagocytosis
11
Inflammatory Mediators
1. Vasoactive amine :
• Histamine , serotonin
•vasodilatation
•capillary permeability
: สรา้ งจาก mast cells, platelets, basophils
12
6
08/04/63
2. Arachidonic acid metabolite
Stimulus Disturbance of cell membrane
Phospholipids
Phospholipase A2
Arachidonic acid
Lipoxygenase Cyclooxygenase 1 Cyclooxygenase 2
(COX-1) (COX-2)
constitutive inducible
LTB4 LTC4/D4/E4 PGE2
Inflammation
Chemotaxis Vascular permeability
Inflammation Bronchospasm
Secretion
GI Kidney Endothelium Platelet
PGE2/PGI2 PGE2 PGI2 TXA2
Cytoprotection Renal blood flow Hemostasis Aggregation
13
2. Arachidonic acid metabolite
• Prostaglandins (PGs)
- มีฤทธิ : vasodilatation , capillary permeability , pain , fever
- สาร PGE1 และ PGE2 กระตุน้ ใหเ้ กดิ ขบวนการอกั เสบ และหลงั สารสอื นํา
ชนิดอนื ๆ
- สาร Thromboxane A2 กระตุน้ ทาํ ใหเ้ กดิ การรวมกนั ของ platelets และ
หลอดเลอื ดหดตวั
14
7
08/04/63
2. Arachidonic acid metabolite
• Leukotrienes
• คลา้ ย histamine แต่ histamine ออกฤทธเิ รว็ และสนั กวา่
จากนนั leukotrienes จงึ จะทาํ หน้าทตี ่อ
• Constriction of the bronchioles ทาํ ใหเ้ กดิ bronchial
asthma และ anaphylaxis
15
3. Platelet-Activating Factor (PAF)
+ platelet aggregation
+ neutrophils, monocyte, eosinophil
4. Plasma Proteases : Bradykinin
:capillary permeability ทาํ ใหป้ วด และเกยี วขอ้ ง
กบั clotting system
16
8
08/04/63
5. ไซโตไคน์ (cytokine)
: interleukin-1 (IL-1) และ Tumor Necrotic Factor (TNF)
- + endothelial cell --> เพมิ การยดึ เกาะของ WBC
- เพมิ การสรา้ งสารกลมุ่ eicosanoids
- + การสรา้ งลมิ เลอื ดโดย endothelial cell
- เพมิ การสงั เคราะห์ cytokine และ growth factor
- ทาํ ใหเ้ กดิ กลมุ่ อาการ acute phase reaction
17
6. ไนตริกออกไซด์ (nitric oxide; NO)
- free radical สรา้ งโดย activated macrophage และ endothelial cell
- เสรมิ การอกั เสบ : ทาํ ใหห้ ลอดเลอื ดขยายตวั
- ตา้ นการอกั เสบ :
• ยบั ยงั การจบั กลุม่ ของเกลด็ เลอื ด
• ยบั ยงั การเกาะตดิ ผนงั หลอดเลอื ดของ WBC
18
9
08/04/63
ผลลพั ธข์ อง
การอกั เสบเฉียบพลนั
การถกู แทนทีด้วยเนือเยือพงั ผืด
19
Chronic inflammation
สาเหตุ
Nonspecific chronic • Mononuclear cells infiltration : machrophage
inflammation • Tissue destruction: free radical , protease,
elastase, collagenase
Granulomatous • Healing : Fibrosis
inflammation
20
10
08/04/63
Nonspecific chronic inflammation
• มกี ารรวมตวั กนั ของ macrophages และ lymphocytes มากขนึ ในบรเิ วณ
เนือเยอื สว่ นทไี ดร้ บั บาดเจบ็
• มี proliferation ของ fibroblast ---> เกดิ แผลเป็น (scar)
• รอยแผลเป็นบางสว่ นอาจไปแทนที connective tissue
----> ทาํ ใหอ้ วยั วะสว่ นนนั ทาํ หน้าทผี ดิ ปกตไิ ด้
เชน่ แผลเรอื รงั ทลี าํ ไส้ ----> ลาํ ไสแ้ คบลง
21
Granulomatous Inflammation
Specific type
เซลลช์ นดิ พเิ ศษ “epithelioid cell”
จบั กนั เป็นกล่มุ กอ้ น เรยี กวา่ “Granuloma” โดยมี lymphocyte
และ/หรอื plasma cell ลอ้ มรอบ
ถกู หมุ้ ลอ้ มรอบดว้ ย connective tissue อกี ชนั หนึง
แผลมขี อบเขตแน่นอน (granulomatous lesion)
• คลาํ จะรสู้ กึ ไดถ้ งึ ขอบเขตของแผล
22
11
08/04/63
อาการ และอาการแสดงของ
การอกั เสบ
- Local manifestations
- Systemic manifestations
23
Local manifestations
1. Serous inflammation Vesicle
มีของเหลวสะสม
2. Fibrinous inflammation
มี Fibrin สะสม --- Fibrinous exudates
3. Purulent or suppurative inflammation
การอกั เสบเป็นหนอง : Bacteria
4. Abscess : เกิดขึนเมือมหี นองสะสมอย่ภู ายในเนือเยือหรืออวยั วะ
5. Ulcer : เกิดจากการหลดุ ลอกของเยือบหุ รือผิวหนังทีมีการอกั เสบ
และตายลง 24
12
08/04/63
Systemic manifestations
การเปลียนแปลง 2 ระยะ • พบชว่ ง cellular response
1) Acute phase response • Hours or days
2) Alterations in WBCs • อาศยั Mediators : Cytokine
อาการและอาการแสดง (IL-1, IL-6, TNF-α)
- Fever or pyrexia - Decreased appetite
- Lethargy - Hypotension
- Temp. > 39.5 C --> increased respiration, heart rate
อาจเกดิ ภาวะ dehydration
25
Systemic manifestations
การเปลียนแปลง 2 ระยะ
1) Acute phase response
2) Alterations in WBCs Segmented
neutrophils
Bands neutrophils
• การเพมิ ปรมิ าณเมด็ เลอื ดขาว (leukocytosis): 15,000-
20,000 cells/mm3 (คา่ ปกติ 4,000-10,000 cells/mm3 )
• ภาวะทรี า่ งกายมกี ารอกั เสบอยา่ งรนุ แรง: มกั พบ Bands
neutrophils ซงึ เป็น immature forms ของ neutrophils
26
13
08/04/63
ตวั ชีระดบั การอกั เสบในเลือด
(Inflammatory marker)
• CBC : WBC > 10,000 cells/mm3
• Erythrocyte sedimentary rate (ESR)
(การวดั การตกตะกอนของเมด็ เลอื ดแดง)
• C-reactive protein
• Leukocytes , Immature neutrophils
• สารจาํ พวก Interleukin เชน่ Interleukin-6
• Lipoprotein-associated phospholipase A2 (Lp-PLA2)
(เอนไซมท์ มี คี วามจาํ เพาะตอ่ ภาวะการอกั เสบของหลอดเลอื ด)
27
การซ่อมแซมเนือเยือ
28
14
08/04/63
กระบวนการซ่อมแซม : 2 ขนั ตอน
1. Regeneration การงอกใหม่ - Labile cells
• เซลลชนิดเดิมของเนือ้ เยื่อเพิม่ - Stable cells
จํานวนขนึ้ ทดแทนสวนทีถ่ กู ทําลาย - Permanent or Fixed cells
2. Healing
Stage of hemorrhage & inflammation)
Stage of fibroplastic or Proliferative phase
Maturational or remodeling phase
29
Stage of hemorrhage & inflammation)
Hemostasis
Vascular response --> Vasoconstriction
Cellular response
- platelets aggregation
- migration of leukocytes
- การรวมตวั ของ PMN leukocyte และ macrophages
30
15
08/04/63
Stage of fibroplastic or Proliferative phase
ระยะงอกขยาย
• เรมิ ตงั แต่วนั ที 5 จนถงึ วนั ที 20 หลงั จากเกดิ บาดแผล
• เซลลส์ าํ คญั : fibrobrast
สงั เคราะห์ collagen (5-7 วนั )
สรา้ ง growth factors
• Angiogenesis
• Endothelial cell proliferation
31
• สงั เคราะห์ collagen
• Angiogenesis
• Endothelial cell proliferation
มเี นือเยอื นุ่ม สแี ดง เรยี ก granulation tissue
เยอื บุผวิ ทขี อบแผลเรมิ งอกเขา้ ไปคลมุ แผล โดยเคลอื นตวั ไปบนผวิ ของ
granulation tissue จนขอบของเยอื บผุ วิ มาชนกนั
หยดุ เคลอื นตวั (contact inhibition)
32
16
08/04/63
Maturational or remodeling phase
ระยะปรบั ตวั เขา้ ส่ภู าวะปกติ
6 เดือนหรือมากกว่า
• เนือเยอื ใหมถ่ ูกสรา้ งอยา่ งต่อเนืองจากระยะ proliferative
• Fibroblasts จะรกั ษาสมดลุ การสรา้ งและสลาย collagen
---> เพอื ใหเ้ นือเยอื ใหมท่ สี รา้ งขนึ มามคี วามแขง็ แรง
• Collagen เรยี งตวั เป็นกลมุ่ และปรบั เรยี งใหแ้ บนราบ
บาดแผลไดร้ บั การประสาน
สามารถทาํ หน้าทไี ดด้ ดี งั เดมิ หรอื เกอื บเทา่ เดมิ
33
Primary intention การสมานของแผล Secondary intention
1-2 วนั
3-5 วนั
Vascular proliferation
7 วนั • การสะสม collagen
- • Connective tissue
3 เดือน
(การติดกนั ด้วยพงั ผดื )
34
17
08/04/63
ความผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนของการซ่อมแซม
• การสรา้ งแผลเป็นไมแ่ ขง็ แรงเพยี งพอ : แผลแยก
• การสรา้ งแผลเป็นมากเกนิ ไป : hypertrophic scar, keloid scar
• การรบกวนหรอื ขดั ขวางการทาํ หน้าทขี องอวยั วะ : มพี งั ผดื มาก
• การเกดิ เนืองอก
35
1. อายุ ปัจจยั ทีมีผลต่อการหายของแผล
• มกี ารซ่อมแซมแผลไดช้ า้ กว่าวยั อนื ๆ เนอื งจากตอบสนอง
ต่อการอกั เสบไดน้ ้อย
• มกี ารสงั เคราะห์ collagen และเยอื บุผวิ ลดลง
• การสรา้ งหลอดเลอื ดขนึ มาใหมเ่ ป็นไปไดช้ า้
• การเหยี วฝ่อของหลอดเลอื ดฝอย
-> ทาํ ใหเ้ ลอื ดมาเลยี งบรเิ วณบาดแผลน้อย
36
18
08/04/63
ปัจจยั ทีมีผลต่อการหายของแผล
2. Nutrition : protein, CHO, fat, vitamin A, vitamin C
• Protein เป็นองคป์ ระกอบสาํ คญั ในการสรา้ งเนอื เยอื ใหม่
และเป็นสว่ นประกอบในการนําออกซเิ จนไปยงั บาดแผล
• Vitamin C ชว่ ยในการสรา้ ง collagen และ fibroblast
ช่วยทาํ ลายแบคทเี รยี
• Vitamin A กระตุน้ และส่งเสรมิ การสรา้ งเนอื เยอื
epithelium, capillary และ collagen
37
ปัจจยั ทีมีผลต่อการหายของแผล
3. Blood flow & oxygen delivery
4. Impaired inflammatory & immune responses
: เบาหวาน, รบั ยากลมุ่ คอตโิ คสเตอรอยด์ --> แผลหายชา้ ลง
5. ความเครยี ด --> หลงั catabolic hormone ไดแ้ ก่glucagon,
catecholamine มากขนึ
6. อนื ๆ : infection, wound separation, foreign bodies, activity, suture
and wound dressing
38
19
08/04/63
การติดเชือ
(Infection)
ปฏิกิริยาของร่างกายเมือมีเชือโรคเข้าส่รู ่างกาย
Bacteremia Viremia “…emia”
Fungemia
39
การติดเชือ
ปฏิกิริยาของรา่ งกายเมอื มเี ชือโรคเข้าส่รู ่างกาย
Endogenous Pathogens Exogenous
6 องคป์ ระกอบของการติดเชือ
วงจรการ
ติดเชือ
40
20
08/04/63
วงจรการติดเชือ (Chain of infection)
ความไวของบคุ คลใน เชือทีเป็ นสาเหตุ รงั โรค
การรบั เชือ Infectious agent
Reservoir
Susceptible host
ทางออกของเชือ
ทางเข้าของเชือ
Portal of exit
Portal of entry
วิธีการแพรก่ ระจายเชือ
41
Mode of transmission
Pathophysiology of infection
1. Acute infection : immediate violent host response
– โรคคางทมู (mumps) โรคกาฬโรค (plague) หรอื ไขท้ รพษิ หรอื ฝีดาษ
(smallpox)
2. Chronic infection : เป็นปฏกิ ริ ยิ าการตอบสนองของ host อยา่ งค่อยเป็นคอ่ ยไป
ไมร่ นุ แรง เชอื โรคจะค่อยๆ กระตุน้ host ใหส้ รา้ งปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองอย่างชา้ ๆ
– วณั โรคปอด (tuberculosis)
42
21
08/04/63
ระยะของการติดเชือ (Types of infection)
ระยะที 1 Incubation period 4 ระยะ
• เรมิ ตงั แต่เชอื เขา้ สู่ host ---> มกี ารเจรญิ เตบิ โตแบง่ ตวั (proliferate)
และแพรก่ ระจายเขา้ สอู่ วยั วะเป้าหมาย
ระยะที 2 Prodomal period
• เรมิ แสดงอาการผดิ ปกติ : nonspecific symptoms
– เบอื อาหาร (anorexia) ปวดเมอื ยตามตวั (malaise) ปวดศรี ษะ
ปวดกลา้ มเนือ (muscle aches) และปวดขอ้ (joint pain)
43
ระยะที 3 Acute period มีอาการและอาการแสดงรนุ แรงมากขึน
1) Localized acute infection
- ระบุตาํ แหน่งได้
- Inflammatory response : pain, swelling, redness และ heat
- อาจพบความผดิ ปกตขิ องอวยั วะนนั ๆ รว่ ม
2) Systemic acute infection
- รา่ งกายใชเ้ มตาบอรซิ มึ เพมิ ขนึ : ไข,้ หนาวสนั , tachycardia และ tachypnea
- มคี วามผดิ ปกตขิ องอวยั วะทถี ูกทาํ ลายและตําแหน่งทเี ชอื อยู่
ระยะที 4 Convalescent period เป็นระยะที host ไดร้ บั การรกั ษาจนหาย ไมพ่ บอาการ
และอาการแสดงของการตดิ เชอื
44
22
08/04/63
Pathogens
ทีทาํ ให้เกิดการติดเชือในรา่ งกาย
45
Prions
• อนุภาคโปรตีนทีก่อโรคและมีขนาดเลก็ ทีสดุ
• กล่มุ โรคทางสมอง: ลกั ษณะพยาธิสภาพของเนือสมองเป็ นรพู รนุ คล้าย
ฟองนํา (spongiform encephalopathy)
• พบในทงั คนและสตั ว์ สามารถถ่ายทอดได้จากการบริโภคเนือสตั วท์ ีติดโรค
เช่น โรคววั บา้ (bovine spongiform encephalopathy)
46
23
08/04/63
Prions
• อาการหลงั เซลลส์ มองโดยทาํ ลาย เชน่ ปวดศรี ษะ ไมส่ ามารถควบคมุ รา่ งกายได้
หรอื ความจาํ เสอื ม และถงึ แกช่ วี ติ ในทสี ดุ
• อาการของโรคจะคลา้ ยกบั โรคทางสมองอนื ๆ วนิ จิ ฉยั ยาก
• สามารถตรวจไดจ้ าก
– ผา่ สมอง
– ตรวจหาพรอี อนในเลอื ด นําไขสนั หลงั หรอื สารสกดั จากสมอง
47
ไวรสั (Viruses)
การตดิ เชอื เรมิ ตน้ เมอื ไวรสั เกาะกบั receptors
บน cell membrane ของ host cell และทะลุ
เขา้ สเู่ ซลล์
ไวรสั จะดงึ เมตาบอลซิ มึ ของ host มาใชใ้ นการเจรญิ เตบิ โต
และการแบง่ ตวั แลว้ จะถูกปลอ่ ยจาก reservoir ทาํ ลาย
เซลลแ์ ละเนือเยอื ของ host
48
24
08/04/63
ไวรสั (Viruses)
เชอื ไวรสั ทเี ขา้ สมู่ นุษย์ (human viruses)
มกี ารทาํ ลายเซลลแ์ ละเนือเยอื อยา่ งเฉพาะเจาะจง (specific cells and tissues)
– เชน่ เชอื HIV จะเจาะจงทาํ ลายตอ่ T4 helper lymphocytes (CD4)
รา่ งกายจะมกี ารสรา้ ง antibody ต่อเชอื เพอื ลดปฏกิ ริ ยิ า (inactivate) ของเชอื
ไวรสั นนั ไมใ่ หร้ ุนแรงหรอื ทาํ อนั ตรายต่อเซลลแ์ ละเนือเยอื ของรา่ งกาย
49
ไวรสั (Viruses)
• อาการและอาการแสดง : ขนึ กบั อวยั วะหรอื ระบบทตี ดิ เชอื
–ตดิ เชอื ระบบทางเดนิ หายใจ --> ไข้ ไอ อาจมนี ํามกู และ/หรอื เสมหะ
–ตดิ เชอื ระบบทางเดนิ อาหาร --> ปวดทอ้ ง ทอ้ งเสยี คลนื ไส้ อาเจยี น
–ตดิ เชอื ทสี มอง --> ไข้ สบั สน ปวดศรี ษะ ชกั และอาจโคมา่
50
25
08/04/63
ไวรสั (Viruses)
• การตรวจวินิจฉัย
–อาการและอาการแสดง ประวตั กิ ารเจบ็ ป่วยทงั ในอดตี และปัจจุบนั ประวตั กิ าร
สมั ผสั โรค ประวตั ทิ อี ยอู่ าศยั การเดนิ ทาง และประวตั กิ ารระบาดของโรคใน
ขณะนนั
–การตรวจรา่ งกาย
–การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
51
ไวรสั (Viruses)
• การตรวจวินิจฉัย
–การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
• การตรวจปัสสาวะ (urinalysis หรอื UA) อจุ จาระ (stool examination)
• การตรวจเลอื ด เชน่ CBC, liver function test (LFT), renal function test,
electrolytes, ตรวจเพาะเชอื
• ตรวจภาพอวยั วะทมี กี ารตดิ เชอื
• การตดั ชนิ เนือเพอื ตรวจทางพยาธวิ ทิ ยา
52
26
08/04/63
ไวรสั โคโรน่า Coronavirus
• มสี ารพนั ธกุ รรมเป็น RNA
• มเี ปลอื กหุม้ ดา้ นนอกประกอบดว้ ยโปรตนี และ
มกี ลมุ่ คารโ์ ปไฮเดรทเป็นปุ่ม ๆ (Spikes) ยนื
ออกไปจากอนุภาคไวรสั ลกั ษณะคลา้ ยมงกุฎ
ลอ้ มรอบ
• มี 4 จนี สั ไดแ้ ก่ Alphacoronavirus,
Betacoronavirus, Gammacoronavirus และ
Deltacoronavirus
53
Alphacoronavirus ไวรสั โคโรน่า Coronavirus
Betacoronavirus
Gammacoronavirus 4 จีนัส
Deltacoronavirus
ก่อโรคในคน : อาการของระบบทางเดนิ หายใจไมร่ นุ แรง
มกี ารตดิ เชอื แบบไมม่ อี าการ
ก่อโรครนุ แรงในคน และขา้ มสปีชสี ์ (Species) มาจากสตั ว์
• SARS-CoV : Severe acute respiratory syndrome, SARS
• Middle East respiratory syndrome coronavirus (MERS-CoV)
• Novel coronavirus 2019 (2019-nCoV)
54
27
08/04/63
แบคทีเรีย (Bacteria)
• Exotoxins
• Endotoxins (LPS): pyrogenic bacteria
• E. coli เป็น bacteria ทพี บไดใ้ นลาํ ไส้ ไม่
ก่อใหเ้ กดิ อนั ตราย
• มบี างสายพนั ธุ์ เชน่ EHEC
(Enterohaemorrhagic E. coli O104)
สามารถก่อใหเ้ กดิ ความรนุ แรงได้
• EHEC สรา้ งและปลอ่ ยสารพษิ Shiga toxin
ทาํ ลาย RBC และไตได้
55
เชือแพร่กระจายไปทวั ร่างกาย ทางหลอดนําเหลืองและ
หลอดเลือด
ภาวะติดเชือในกระแสเลือด (septicemia)
ภาวะพิษเหตตุ ิดเชือ (sepsis)
สาเหตุ :
• gram negative bacteria
• gram positive bacteria และเชอื รา
56
28
08/04/63
ภาวะพิษเหตตุ ิดเชือ (sepsis)
• ระยะแรกอยใู่ นภาวะ hyperdynamic state : มกี ารขยายตวั ของหลอดเลอื ดสว่ นปลาย
• รา่ งกายขาดสารนําทจี ะใหร้ ะบบไหลเวยี นเลอื ดนําไปสบู ฉดี
(hypovolemia)
• หวั ใจทาํ งานแยล่ ง จากผลของสาร cytokines ทหี ลงั จากเซลล์
เมด็ เลอื ดขาว
• กระบวนการอกั เสบยงั คงดาํ เนินอยู่
57
–ปรมิ าณออกซเิ จนทจี ะสง่ ไปยงั เนือเยอื ตา่ ง ๆ ลดลง
เนือเยอื ทวั รา่ งกายเกดิ ภาวะขาดออกซเิ จนรุนแรง
–เนือเยอื ปรบั ตวั โดยดงึ ออกซเิ จนจากเลอื ดมาใช้
–ใช้ Anaerobic metabolism แทน
ระดบั ของสาร Lactate ในเลอื ดสงู ขนึ
*** หากไมไ่ ดร้ บั การแกไ้ ข --> เขา้ สภู่ าวะ Hyperdynamic state
58
29
08/04/63
–ภาวะ hyperdynamic state
• มกี ารตบี ตวั ของหลอดเลอื ดสว่ นปลาย
–เลอื ดสบู ฉีดมากขนึ
–ปรมิ าตรเลอื ดสง่ ออกจากหวั ใจตอ่ นาที (cardiac output) เพมิ ขนึ
–ปรมิ าณออกซเิ จนในกระแสเลอื ดเรมิ สงู ขนึ แต่ปรมิ าณออกซเิ จนที
เพมิ มากขนึ นนั เนือเยอื ไมส่ ามารถนําออกซเิ จนไปใชไ้ ด้
59
–ภาวะ hyperdynamic state
• มกี ารทาํ ลายอวยั วะอนื ๆ เพมิ มากขนึ เรอื ย ๆ
เกดิ ภาวะชอ็ กจากการตดิ เชอื (septic shock)
• เซลลเ์ นือเยอื ต่าง ๆ คอ่ ย ๆ เสอื มสภาพ
เกดิ อวยั วะลม้ เหลว (organ dysfunction)
หากอวยั วะลม้ เหลวพรอ้ ม ๆ กนั หลายระบบ
อาจทาํ ใหเ้ สยี ชวี ติ ได้
60
30
08/04/63
ภาวะติดเชือในกระแสเลือด (septicemia)
ภาวะพิษเหตตุ ิดเชือ (sepsis)
• เกดิ กลมุ่ อาการตอบสนองต่อการอกั เสบทวั รา่ งกาย (systemic inflammatory response
syndrome; SIRS)
• จะมอี าการและอาการแสดงอย่างน้อย 2 อาการขนึ ไป
1. ไขส้ งู กว่า 38 C หรอื ตาํ กว่า 36 C
2. HR > 90 ครงั ต่อนาที
3. Resp. > 20 ครงั ต่อนาที หรอื วดั คา่ ความดนั คารบ์ อนไดออกไซดใ์ นเลอื ด (PaCO2)
> 32 mmHg
4. การตรวจเลอื ด : เมด็ เลอื ดขาว > 12,000 cell/ml หรอื < 4,000 cell/ml
61
เชือรา (Fungi) Yeast
• จุลนิ ทรยี ข์ นาดใหญ่ ผนงั เซลลห์ นา Black
mold
• เป็นเซลลเ์ ดยี ว รปู รา่ งรี เรยี ก ยสี ต์
• มหี ลายเซลลร์ วมกนั หรอื เป็นเสน้ ใย เรยี ก โมลด์ (mold)
• เชอื ราบางชนิดอาศยั อยใู่ นรา่ งกาย (normal flora) แต่เมอื
ภมู ติ า้ นทานผดิ ปกตเิ ชอื รานีจะทาํ ใหเ้ กดิ โรคต่อรา่ งกายได้
– เชน่ Candida albicans ปกตพิ บไดท้ วั ไปในปาก ระบบ
ทางเดนิ อาหารและปากมดลกู
62
31
08/04/63
63
เชือรา (Fungi)
• โรคทเี กดิ จากเชอื ราเรยี กว่า Mycoses มกั พบบรเิ วณผวิ หนงั หรอื ตามเยอื บุต่างๆ
• Superficial mycoses : การตดิ เชอื ราทอี ยตู่ นื ทสี ดุ
- เกลอื น (pityriasis versicolor หรอื tinea versicolor)
• Cutaneous mycoses : เชอื ราทบี รเิ วณผม ขน เลบ็ โดยเชอื ราสามารถลกุ ลามจากชนั
Stratum corneum ไปอยทู่ รี ขู มุ ขน ผม โคนเลบ็ และขา้ งเลบ็ ได้
- กลาก (dermatophytosis หรอื tineas หรอื ring worm)
64
32
08/04/63
Tineas (ringworm)
ลกั ษณะ
• คลา้ ยวงแหวน (Ringlike)
• ปืนแดง (Erythematous patch)
• ขอบยกตวั สงู (Raised border)
65
เชือรา (Fungi)
• Subcutaneous mycoses : ตดิ เชอื ราทมี พี ยาธสิ ภาพบรเิ วณผวิ หนงั และใต้
ผวิ หนงั เชอื ราบางชนิดสามารถลกุ ลามไปยงั อวยั วะขา้ งเคยี ง เชน่ กระดกู หลอด
เลอื ด และต่อมนําเหลอื งได้
• Systemic (deep) mycoses : ตดิ เชอื ราในระบบตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย
66
33
08/04/63
เชือรา (Fungi)
• ตรวจหาเชือจากสิงส่งตรวจ
– การตรวจหาเชอื โดยตรง (direct examination)
• การยอ้ มดว้ ย potassium hydroxide (KOH) จะเหน็ ตวั เชอื ราไดช้ ดั เจน : นิยมใช้
– การตรวจหาเชอื ทางออ้ ม (indirect examination)
• เช่น Galactomannan antigen detection : ตรวจหา galactomannan ซงึ เป็น
องคป์ ระกอบหลกั ของผนงั เซลล์
67
เชือรา (Fungi)
• ตรวจหาเชอื จากสงิ สง่ ตรวจ
–การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ตั กิ าร
• คา่ phagocytes และ T lymphocytes สงู
• คา่ white blood count จะตาํ
68
34
08/04/63
ปรสิต : Parasites
โปรตวั ซวั (protozoa)
พยาธิ (helminthes)
69
Protozoa
• เป็นสตั วเ์ ซลลเ์ ดยี ว มกี ารเคลอื นตวั แบบเดยี วกบั อะมบี า (ameboids) หรอื
โดยใชก้ ารโบกพดั (cilia or flagella)
• อาศยั อยใู่ น animal resorviors หรอื เป็นอสิ ระ (free-form parasites)
• แพรก่ ระจายโดยยงุ หรอื แมลงวนั
• เขา้ สรู่ า่ งกายจะอยใู่ น deep tissues และสรา้ งเกาะหุม้ ตวั เอง เรยี กวา่
cysts ปกป้องเชอื โรคทอี ยภู่ ายในไมใ่ หไ้ ดร้ บั อนั ตรายจนกวา่ จะ
สามารถเขา้ สู่ host ใหมไ่ ด้
70
35
โรคพยาธิใบไม้ในตบั 08/04/63
กินตวั อ่อน
เชือก่อโรค Opisthorchis viverini
71
ลาํ ไส้เลก็ ส่วนต้น
--> ตวั อ่อนจะออกจาก
cyst เข้าสู่ท่อนําดี
4 สปั ดาห์ในการ
เจริญเตม็ ที
โรคพยาธิใบไมใ้ นตบั
– การอกั เสบของผนงั ถุงนําดี
– เซลลผ์ นงั บวมทาํ ใหท้ อ่ นําดอี ดุ ตนั --> ตบั แขง็
อาการ : ถุงนําดอี กั เสบ ปวดทอ้ ง เบอื อาหาร คลนื ไสอ้ าเจยี น
อาจมที อ้ งรว่ ง คลาํ ไดต้ บั โต ถา้ เป็นมากมตี วั เหลอื ง ตาเหลอื ง
การวินิ จฉัยทีเชือถือได้มากทีสดุ
– การตรวจอุจจาระเพอื หาไขพ่ ยาธิ
: Stool’s dilution egg counting technique
72
36
08/04/63
โรคพยาธิตืดหมู
ตัวออนของพยาธิฝง อยู 2 พยาธิตัวออนในถงุ นํ้าหรือ 1
ในเนือ้ หมู : หมสู าคู
ซีสตเ ม็ดสาคู เขาไปฝงตัว เจริญเติบโตเปน
1 (measly pork) ในเนื้อเยือ่ หรืออวยั วะตาง ๆ พยาธิตวั แก
ในลําไสเลก็
โรคซีสตเิ ซอรโ คซิส โรคพยาธิตืดหมใู นลําไส
(cysticercosis) หรอื โรคทนี ิเอซีส (taeniasis)
ปลองสว นปลายจะหลดุ ปนออกมากับอจุ จาระ
ไขใ นปลองจะหลดุ ออกมาปนเปอ นในดินและนํา้
73
โรคพยาธิตืดหมใู นลาํ ไส้ หรอื โรคทีนิเอซีส (taeniasis)
• อาการ และอาการแสดง
– จากพยาธิแย่งอาหารคอื : ผอม ซดี นําหนกั ลด อ่อนเพลยี
– จากพยาธิปล่อยสารพิษออกมา : อาการแพใ้ นระบบต่างๆ ของรา่ งกาย เชน่
ลมพษิ คนั ตามผวิ หนงั
– ตรวจเมด็ เลอื ดขาว eosinophil สงู (อาจสงู ถงึ 13%)
– ถา้ มปี รมิ าณพยาธมิ าก ทาํ ใหร้ วมตวั เป็นกอ้ นอุดตนั ลาํ ไส้
• การวนิ จิ ฉยั โดยการตรวจดปู ล้องของพยาธทิ ปี นออกมากบั อุจจาระ
** การตรวจไขพ่ ยาธไิ ม่สามารถแยกชนิดตดื หมกู บั ตดื ววั (ลกั ษณะไขเ่ หมอื นกนั )
74
37
08/04/63
โรคซีสติเซอรโ์ คซิส (cysticercosis) : โรคทเี กดิ จากมี cyst ตวั ออ่ นเจรญิ
นอกลาํ ไส้
– ตา ---> ตาบอด
– สมอง ---> รบกวนต่อการทาํ งานของสมอง อาการชกั มอื และเทา้ ชา เป็นลม
วงิ เวยี น อาจมอี าการปวดศรี ษะ
การตรวจวินิ จฉัย
– CT scan หรอื MRI : การตรวจภาพสมองหรอื กลา้ มเนือ
พบ cysticercus ลกั ษณะเป็นเงาสขี าว เป็นวงแหวนหรอื มแี คลเซยี มเกาะ
– ตดั ชนิ เนือจากใตผ้ วิ หนงั หรอื สมอง สง่ ตรวจทางพยาธวิ ทิ ยา
75
โรคพยาธิตืดววั
(Taenia saginata หรือ Beef Tapeworm infection)
• บรโิ ภคเนอื ววั ดบิ หรอื สกุ ๆ ดบิ ๆ
• พยาธชิ นดิ นมี ขี นาดใหญ่ทสี ดุ ทพี บในคน
• เขา้ สรู่ า่ งกายโดยคนกนิ cyst ตวั อ่อนของ
พยาธใิ นเนอื ววั ทเี ป็นโรค (เนอื เยอื มี cyst
ตวั อ่อน)
– ววั กนิ หญา้ และนําทปี นเปือนอุจจาระทมี ี
ไขแ่ ละปลอ้ งพยาธิ
76
38
08/04/63
พยาธิตืดววั
พยาธิจะเจริญเติบโต 77
เป็นพยาธิตวั แก่
ในลาํ ไส้เลก็ ของคน
และแย่งอาหาร
• อาการและอาการแสดง
– อาหารไมย่ อ่ ย ทอ้ งอดื คลนื ไส้ ขาดอาหาร ผอม นําหนกั ลด ซดี อ่อนเพลยี
– รา่ งกายดดู ของเสยี ทพี ยาธขิ บั ออกมา อาการแพใ้ นระบบต่างๆ
– Eosinophil สงู
• การวินิจฉัย
– ส่องดลู กั ษณะของปลอ้ งพยาธทิ ปี นออกมากบั อุจจาระหรอื พยาธทิ คี ลานออกมาจาก
ทวารหนกั (มกั เป็นกลางวนั )
– การดไู ขพ่ ยาธไิ ม่สามารถวินิจฉัยแยกออกจากพยาธติ ดื หมไู ด้
– การพยากรณ์โรคดกี วา่ โรคพยาธติ ดื หมเู นอื งจากไมม่ โี รคแทรกซอ้ น cysticercosis
78
39
08/04/63
สรปุ ผลการตรวจ Complete blood count (CBC)
Cell type and normal value Increased Decreased
Total WBCs : 5,000-10,000 mm³ Leukocytosis : acute infection Leukopenia : viral infection
Neutrophils : 50-70 % Neutrophilia : acute infection Neutropenia : viral infection
Inflammatory disease
Eosinophils : 1-3 % Eosinophilia : allergies , parasitic Eosinopenia : stress
disease
Basophils : 0.4-1 % Basophilia : inflammation Basopenia : hypersensitivity
Monocytes : 4-6 % Monocytosis : viral disease , Monocytopenia : lymphocytic
parasitic marrow depression leukemia
Lymphocytes : 25-35 % Lymphocytosis : lymphocytic Lymphocytopenia : cancer,
leukemia , viral infection , chronic renal failure
bacterial infection
79
Fever หรอื pyrexia
ภาวะไข้
ภาวะทีร่างกายมีอณุ หภมู ิสงู ขึน
80
40
08/04/63
กลไกการเกิดไข้
Endogenous pyrogens (Chill)
Prostaglandin E2 เพือควบคมุ ไมใ่ ห้ Temp. เกิน 40
0C (104 0F)
Exogenous pyrogens
เช่น LPS ใน Bact. 81
การตอบสนองของรา่ งกายเมอื เกิดไข้
ระยะที 1 Prodromal stage : ปวดศรี ษะจากหลอดเลอื ดสมองขยายตวั
ออ่ นเพลยี รสู้ กึ ไมส่ ุขสบาย (malaise)
ระยะที 2 Chill stage : อาการรนุ แรงขนึ เรมิ จากหลอดเลอื ดหดตวั ขนลุก
(piloerection) ผวิ หนงั ซดี cold, chill or shivering
ระยะนีแสดงวา่ pyrogen ไดเ้ ขา้ สกู่ ระแสโลหติ แลว้
มกั ทาํ blood culture ในระยะนี
ระยะที 3 Flush stage : flush และอนุ่ ขนึ เนืองจาก cutaneous vasodilation
ระยะที 4 Defervescence stage : febrile, sweating
82
41
08/04/63
ระดบั ของไข้
ไข้ตาํ (Low fever) 37.5 – 38.4 C
ไข้ปานกลาง (Moderate fever) 38.5 – 39.4 C
ไข้สงู (High fever) 39.5 – 40.5 C
ไข้สงู มาก (Hyperpyrexia) > 40.5 C
83
อาการแสดงทีมกั พบทวั ไปของภาวะไข้
• Anorexia, althralgia, myalgia, fatigue, increased respiration,
dehydration, delirium
• Increase in the metabolic rate
• ความตอ้ งการออกซเิ จนเพมิ ขนึ
• การใชส้ ารโปรตนี เพอื สรา้ งพลงั งาน
• มกี ารสลายโปรตนี และไขมนั แทนกลโู คส ---> เกดิ ภาวะ Metabolic
acidosis
84
42
08/04/63
ผสู้ งู อายุ
• หากมกี ารเปลยี นแปลงอณุ หภมู ริ า่ งกายเพยี งเลก็ น้อย
– ซมึ สบั สน (confusion or delirium)
– การทาํ งานของปอดลดลง ทาํ ใหไ้ มส่ ามารถเพมิ ปรมิ าณออกซเิ จนแก่
รา่ งกายไดเ้ พยี งพอ และอาจทาํ ใหเ้ กดิ ภาวะสมองขาดออกซเิ จน
(cerebral hypoxia) ไดใ้ นเวลาต่อมา
เดก็ เลก็
–ชกั (febrile seizure) เมอื อุณหภมู สิ งู ขนึ
85
ประโยชน์ของภาวะไข้
• ทาํ ใหท้ ราบวา่ ตนเองมคี วามผดิ ปกตแิ ละรบี มารบั การรกั ษา
• บอกใหท้ ราบวา่ อาการผปู้ ่วยดขี นึ หรอื ไม่
• ทาํ ใหก้ ลไกการกําจดั เชอื โรคดขี นึ : กลไกการป้องกนั ตวั สง่ เสรมิ กระบวนการทาง
ระบบภมู คิ ุม้ กนั
86
43