The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Action ภาคเรียนที่ 2

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-11-06 00:02:27

Action 1

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.1 หนังสือเรียน Action ภาคเรียนที่ 2

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 193 • The wineglass fell off the table and shattered on the floor. • Move the kettle onto the counter. • Take your hands out of your pockets and help me! • We are flying over the mountains. • We could see children in the playground as we drove past the school. • The train goes through a tunnel under the hill. • The night sky got brighter as they drove toward the city. • The mouse ran under the chair. • The boat takes two hours going up the river and one hour coming down. 3.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนห้องออกมาเขียนว่ามีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้องอย่างไร เมื่อพบว่าไม่ถูกต้องนักเรียนจะแก้ไขประโยคอย่างไรให้มีความถูกต้อง 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันแสดงความคิดเห็น ให้เหตุผลประกอบ เพราะเหตุใดจึงเลือกตอบข้อนั่น ๆ แหล่งที่มา : https://www.englishclub.com/vocabulary/prepositions-movementpicture-quiz.php


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 194 4.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน เพื่อช่วยกันตอบคำถามในใบงาน จำนวน 10 ข้อ 1. Oliver came………………….……the room and took his gun………………….……his pocket. 2. Victoria walked………………….……the table and moved………………….……the window. 3. They saw someone running………………….……the school,………………….……a car and ………………….……the road. 4. David jumped………………….……the platform and ran………………….……the rails just before the train arrived. 5. The prisoners squeezed………………….……the window, ran………………….……the grass and escaped………………….……the fence. 6. Owen and Sophia walked………………….……the hill. Pretty soon they were tumbling ………………….……the hill. 7. Did you walk here………………….……home? 8. At last she could recognize the person coming………………….……her. 9. Christian went………………….……the room to smoke a cigarette. 10.They ran………………….……the hill to the stream below. Answer Key : 1) into / out of 2) around / toward 3) away from / past / towards 4) off / over 5) through / across / under 6) up / down 7) from 8) towards 9) out of 10) down 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมการตอบคำถามบน PowerPoint เกี่ยวกับ Prepositions of movement 5.2 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมกลุ่มและการตอบคำถามในใบงานเกี่ยวกับ Prepositions of movement 5.3 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Prepositions of movement จากที่ได้เรียนมาในชั่วโมงที่แล้ว โดย นักเรียนดูรูปภาพ Prepositions of movement บน PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 195 1.2 นักเรียนช่วยกันพูดประโยค โดยใช้ Prepositions of movement จากภาพบน PowerPoint 1.3 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคตามรูปภาพบนกระดาน 1. The cat is in the bag. 2. The bee is above the rose flower. The rose flower is under the bee. 3. The cat is behind the dog. The dog is in front of the cat. 4. The hare is next to the bear. 1.4 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียน 1.5 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Prepositions of movement 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of movement: English Language จาก https://www.youtube.com/watch?v=oUIJN242tBw 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป คำบุพบท เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว มีอะไรบ้าง / Preposition of movement จาก https://www.youtube.com/watch?v=HS5JHQsWYxQ 2.3 นักเรียนฟังครูอธิบายPrepositions of movement เพิ่มเติม บุพบทบอกการเคลื่อนไหว (Preposition of movement) โดยจะทำหน้าที่บอกตำแหน่ง หรือ การเคลื่อนไหว โดยจะแบ่งกล่าวเป็นกลุ่มๆ ดังนี้ • กลุ่มที่ 1 along, across, through, past • กลุ่มที่ 2 into, out of, onto, off, to, from • กลุ่มที่ 3 up, down, (a)round กลุ่มที่ 1 along, across, through, past 1. ใช้ along (เออะ-ลอง) ในความหมายว่า “(เดิน, วิ่ง, แล่น, ….) ไปตาม เช่น ถนน, เส้นทาง….” • Father is running along the road. พ่อกำลังวิ่งไปตามถนน • Sam walked along the street alone. แซมเดินไปตามถนนคนเดียว 2. ใช้ across (เออะ-ครอส) ในความหมายว่า “ข้ามไปอีกฟาก / ด้านหนึ่ง” • A man is walking across the road. ชายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนน • We ran across the bridge. เราวิ่งข้ามสะพาน 3. ใช้through (ธรู) ในความหมายว่า “ทะลุลอดไปอีกด้านหนึ่ง” • The thief is creeping through the pipe. ขโมยกำลังคืบคลานลอดไปตามท่อ • The rain poured through the roof. ฝนรั่วลอดหลังคา


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 196 4. ใช้ past (พาสทฺ) ในความหมายว่า “(เดิน, วิ่ง,….) ผ่านไป” • The policeman walked past the thief. ตำรวจเดินม่านขโมยไป • I dashed past him. ผมวิ่งผ่านหน้าเขาไป กลุ่มที่ 2 : into, out of, onto, off, to, from 1. ใช้ into (อินทู) ในความหมายว่า “(ลง, เข้า, เดิน, วิ่ง,…) ไปยัง” ขณะที่ out of (เอ้าทฺ ออฟ) หมายถึง “ออกมาจาก, ออกจาก” • Mrs. Brown was walking into the hairdresser’s. นางบราวน์กำลังเดินเข้าไปในร้านทำผม • Mrs. Brown is walking out of the hairdresser’s now. นางบราวน์กำลังเดินออกจากร้านทำผมขณะนี้ 2. ใช้ onto (ออนทู) ในความทมายว่า “ลงไปบน” ในขณะที่ off (ออฟ) หมายถึง “ออกจาก” • The cat is jumping onto the roof. แมวกำลังกระโดดลงไปบนหลังคา • The cat is jumping off the roof. แมวกำลังกระโดดออกจากหลังคา 3. ใช้ to (ทู) ในความหมายว่า “ตรงไปยัง” ในขณะที่ from (ฟรอม) หมายถึง “มาจาก” • They are walking to the beach. พวกเขากำลังเดินไปยังชายหาด • They are walking from the beach. พวกเขากำลังเดินมาจากชายหาด กลุ่มที่ 3 :up, down, (a)round 1. ใช้ up (อัพ) ในความหมายว่า “ขึ้นไปบ้างบน” ส่วน down (ดาวนฺ) มีความหมายว่า “ลงมา ข้างล่าง” • Sam was climbing up the mountain. แซมกำลังปีนขึ้นเขา • He’s now falling down the mountain. ตอนนี้เขากำลังกลิ้งตกลงมาจากเขา 2. ใช้ round (ราวดฺ) หรือ around (เออะ-ราวดฺ) ในความหมายว่า “รอบ ๆ” หรือ “รอบ” • He walked (a)round the path. เขาเดินไปรอบทาง • The car was turning (a)round the comer of the road. รถยนต์วิ่งไปรอบมุมถนน ที่มา : รองศาสตราจารย์ทณุ เตียวรัตนกุล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 197 ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนอ่านทบทวนใบความรู้เรื่อง Prepositions of movement ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามบน PowerPoint พร้อมช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ Instructions : look and complete with the missing words. in – on – under – next to – in front of - between 1. The bed is………………….……the window. 2. The red chair is………………….……the bed. 3. The books are………………….……the table. 4. The schoolbag is………………….……the table. 5. The sports shoes are………………….……the floor. 6. The pencils are………………….……the glass. 7. The dog is………………….……the doorway and the cat is………………….……the bed. 8. The picture is………………….……the wall,………………….……the door and the window. Answer key : 1) in front of 2) next to 3) on 4) under 5) on 6) in 7) in / next to 8) on / between แหล่งที่มา : https://en.islcollective.com/english-esl- worksheets/grammar/ prepositions-place/bedroom-and-prepositions/122318 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Prepositions of movement โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • We ran across the bridge. พวกเราวิ่งข้ามสะพาน • The car was turning (a)round the comer of the road. รถยนต์วิ่งไปรอบมุมถนน • She is walking down the stairs. เธอกำลังเดินลงบันได


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 198 • The cat is jumping off the roof. แมวกำลังกระโดดออกจากหลังคา • The bird flows over out head. นกบินอยู่เหนือศีรษะพวกเรา • The policeman walked past the thief. ตำรวจเดินผ่านขโมยไป • We sit under the tree? เรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ 4.2 นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่ม จำนวน 5 กลุ่ม กลุ่มละเท่าๆ กัน และช่วยกันทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions of movement Instructions : Complete the crossword and help Dotty tidy her room. แหล่งที่มา : https://en.islcollective.com/english-esl- worksheets/grammar/ prepositions/prepositions-crossword/12700 What a mess! Across 2. The cat is………………….……the dog. 4. The dog is………………….……the door. 5. The cat is………………….……the wardrobe. Down 1. The radio is………………….……the bed. 3. The wardrobe is………………….……the picture and the door.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 199 4.3 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions of movement 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Prepositions of movement ใน เอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Prepositions of movement 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Prepositions of movement 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Prepositions of movement 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Prepositions of movement ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 200 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................. .................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 201 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่8 เรื่อง Special days แผนการจัดการเรียนรู้ที่15 เรื่อง Prepositions (Revision) รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 2 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.1/4 พูดและเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านอย่าง เหมาะสม ต 1.3 ม.1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว ต 1.3 ม.1/3 พูด / เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมหรือเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว พร้อมทั้งให้เหตุผล สั้น ๆ ประกอบ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง - นักเรียนมีความรู้ในการพูดและเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบเกี่ยวกับ กิจกรรมหรือเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัว 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พูดและเขียนประโยคขอร้อง คำแนะนำ และคำชี้แจง ข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม โดยใช้ Prepositions ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - รักการเรียนรู้ภาษาอังกฤษและฝึกฝนอย่างจริงจังเพียงพอ - ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษอย่างมีมารยาท ถูกต้องตามกาลเทศะ และบุคคล


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 202 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - พูดและเขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัวโดยใช้ Prepositions เพื่อแสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบ และใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยค และข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านได้มีทักษะใน การเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ในการปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - พูดและเขียนประโยคและข้อความที่ใช้ในการบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ สิ่งแวดล้อม ใกล้ตัวโดยใช้ Prepositions แสดงความคิดเห็นและการให้เหตุผลประกอบ และใช้คำศัพท์ สำนวน ประโยค และข้อความที่ใช้ในการขอและให้ข้อมูล และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ฟังหรืออ่านได้ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 8 : Special days 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 8 : Special days 3. การใช้Prepositions ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์ สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 203 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องPrepositions (Revision) 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) เรื่อง Prepositions (Revision) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง Prepositions of time,Prepositions of place และ Prepositions of movement ที่ได้เรียนมาในชั่วโมงก่อนหน้านี้โดยดูข้อมูลจาก PowerPoint


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 204 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และสรุปการใช้ Prepositions ทั้ง 3 ประเภท 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป prepositions of time, place, movement จาก https://www. youtube.com/watch?v=8UXGGe9zg4M 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Prepositions of Place and Movement in English / Prepositions with Pictures จาก https://www.youtube.com/watch?v=p_lgP_XwDig 2.3 นักเรียนจดบันทึกประโยคที่ปรากฏบนวิดีโดคลิปที่ 1 2.4 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 2.5 นักเรียนส่งตัวแทนออกมาเขียนประโยคที่ปรากฏบนวิดีโอคลิปที่ 1 • I am very busy at the moment. • The bus leaves in six minutes. • We can go to the house of mother on Sunday. • The boy : Good buy, see you on Monday. The girl : At night. • The dog is under the table. • The pail is on the table. • Ambulance is in front of bus. • Bus is behind ambulance. • The vacuum cleaner is beside / next to the washing machine. • The lander is near the washing machine. • The man is at the door. • The pizza and soda are in the dining room. • The car is between the house and the traffic light. (The house is between the card and the traffic light.) • The teacher is standing among the students.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 205 • The girl is getting into the house. • The boy is getting out of the house. • The car is going up the hill. • The bus is going down the hill. • The plane is flying over the city. • The car is going along the street. • The man and woman are walking across the street. (The man and woman are walking across is the street.) 2.6 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าประโยคใดที่เขียนผิดในวิดีโอคลิปที่ 1 พร้อมทั้งช่วยกันแก้ไขให้ ถูกต้อง ประโยคที่ 1 • The house is between the card and the traffic light. จากรูปภาพ บ้านไม่ได้อยู่ระหว่างรถยนต์และสัญญาณไฟจราจร และคำว่า card (บัตร, บัตรอวยพร, โปสการ์ด, ไพ่) ต้องเปลี่ยนเป็น car ซึ่งมีความหมายว่า รถยนต์ ดังนั้นแล้วประโยคนี้ต้องแก้ไขเป็น • The car is between the house and the traffic light. ประโยคที่ 2 • The man and woman are walking across is the street. จากรูปภาพ ผู้ชายและผู้หญิงกำลังข้ามถนน ประโยคดังกล่าวจึงถูกต้อง แต่จากประโยค Verb จะ เป็ น are walking และตามด้วย Preposition of movement คือคำว่า across ซึ่งห ลัง Preposition of movement นั้นจะเป็นคำนาม แต่จากประโยคจะเป็น Verb to be คือคำว่า is ดังนั้นแล้วประโยคนี้ต้องตัด is ออก เพราะเป็น กริยาที่เกินเข้ามาในประโยค • The man and woman are walking across the street.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 206 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนดูรูปภาพบน PowerPoint 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปข้อมูลจากที่ปรากฏบน PowerPoint 3.4 นักเรียนช่วยกันพูดประโยคการใช้ Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) ที่ได้เรียนมา และออกมาเขียนประโยคที่พูดบนกระดาน • Time Prepositions - I always wake up at 7 o’clock. - Let’s meet on Saturday. - She goes to the gym in the evening. - We’re going to the theatre on Wednesday evening. • Place Prepositions - Your shoes are under the table. - We hung the painting on the all. - The bike is in the garden. - She is waiting at the bus stop. • Movement Prepositions. - We can drive through the tunnel. - He looked straight into her eyes. - She pushed her face towards him. - They rode along narrow country lanes. - Her hair whipped around her face in the wind. 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบประโยคที่นักเรียนออกมาเขียนว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบว่ามี ประโยคใดไม่ถูกต้อง นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 207 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายศัพท์เกี่ยวกับ Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) เพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น Preposition หรือคำบุพบท คือ คำที่ใช้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคำ ๆ หนึ่ง กับคำอื่นในประโยค เช่น • The books on the desk are Tae’s. หนังสือบนโต๊ะนั้นเป็นของเต้ เป็นการเชื่อมระหว่าง books (คำนาม) และ desk (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่งนี้ ว่า หนังสืออยู่บนโต๊ะ • She works as a receptionist at the mall. เธอทำงานเป็นพนักงานต้อนรับที่ห้างสรรพสินค้า เป็นการเชื่อมระหว่าง works (คำกริยา) และ the mall (คำนาม) เพื่อบอกความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่งนี้ว่า ทำงานที่ห้างสรรพสินค้า Preposition แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังต่อไปนี้ 1. Preposition of Time (คำบุพบทบอกเวลา) เช่น in, on, at เป็นต้น In ใช้กับ เดือน ฤดู ปี เช่น • My sister’s birthday is in December. วันเกิดของน้องสาวฉันตรงกับเดือนธันวาคม On ใช้กับ วันและเทศกาล เช่น • Lucas will be at here on next Monday. ลูคัสจะมาที่นี่วันจันทร์หน้า At ใช้กับ เวลาที่เฉพาะเจาะจง เช่น • I will go to the market at 6 p.m. ฉันจะไปตลาดตอน 6 โมงเย็น 2. Preposition of Place (คำบุพบทบอกสถานที่) เช่น in, on, at, above (เหนือ), under (ข้าง ใต้) และ over (ข้าม) เป็นต้น In หมายถึง ข้างใน ใช้กับ เมือง ประเทศ และสิ่งของ / พื้นที่ที่มีขอบเขต เช่น • Charlotte is dancing in the kitchen room. ชาร์ลอตต์กำลังเต้นรำในห้องครัว On หมายถึง บน (อยู่บนบางสิ่ง) ใช้กับ ชื่อถนนและพื้นผิวของสิ่งต่าง ๆ เช่น • My sister puts Aurora’s photo on the wall. น้องสาวของฉันติดรูปออโรร่าบนผนังบ้าน At หมายถึง ที่ ใช้กับ สถานที่ที่เจาะจง เช่น • I wait for Ethan at the tent every day. ฉันรอคุณอีธานที่ท่าน้ำทุกวัน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 208 Above หมายถึง เหนือ (ต่างจาก On (บน) ตรงที่ Above คือ อยู่ข้างบนแบบที่ยังมีช่องว่าง ระหว่างสองสิ่งนั้น) เช่น • Natalie attaches the picture above the TV. นาตาเลียติดรูปไว้เหนือทีวี Under หมายถึง ข้างใต้ เช่น • Lily hides herself under the bed. ลิลี่ซ่อนตัวเองอยู่ใต้เตียง Over หมายถึง ข้าม เช่น • The kid jumps over my purse. เด็กกระโดดข้ามกระเป๋าของฉัน 3. Preposition of Movement (คำบุพบทบอกการเคลื่อนไหว) เช่น to, onto, into และ toward เป็นต้น To หมายถึง ถึง, ไปถึง, ที่ (จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง) เช่น • Daniel runs to the train station. แดเนียลวิ่งไปสถานีรถไฟ Onto หมายถึง ขึ้นไปยัง (ไปข้างบนถึงจุดหนึ่ง) เช่น • Matthew climbs onto the tree. แมทธิวปีนขึ้นไปบนต้นไม้ Into หมายถึง เข้าไปข้างใน เช่น • Caroline is walking into the rest room. แคโรไลน์กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ Toward หมายถึง ไปยัง (ไม่เจาะจงว่าจะไปที่นั่นโดยตรง 100%) เช่น • I am walking toward the school. ฉันกำลังเดินไปโรงเรียน (อาจไม่ได้ไปในโรงเรียน แค่เดินไปทางโรงเรียน) 4.2 นักเรียนทำใบงานเพิ่มเติมเรื่อง Prepositions (Prepositions of time, Prepositions of place และ Prepositions of movement) จำนวน 20 ข้อ Topic : Prepositions Of Time & Place & Movement Worksheet. Instructions : Choose the best alternative 1. A : When is his birthday? B : It’s………………….……January 19th . 1) in 2) on 3) at 4) up 2. Look at the helicopter………………….……the air! It is pink! 1) in 2) up 3) on 4) at


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 209 3. Sally met John………………….……the new cinema in Brooklyn, not………………….……Ivy Street. 1) on / in 2) in / at 3) at / on 4) near / through 4. Marcy usually worked………………….……the weekend………………….……the past. 1) at / in 2) on / from 3) in / between 4) from / to 5. I was………………….……Paris for a business trip………………….……Christmas. 1) on / to 2) at / in 3) in / at 4) from / on 6. Ryan often goes to bed………………….……midnight………………….……Sundays. 1) between / near 2) on / in 3) in / at 4) at / on 7. Nelson always sits………………….……Margaret in the classroom and their desk is………………….……Clara and Mandy’s. 1) next to / behind 2) among / near 3) across / between 4) behind / along 8. The man is sitting at his desk………………….……the middle of the room and a light bulb is hanging………………….……his head. 1) onto /under 2) in / over 3) on / through 4) by / across 9. Stacy travelled………………….……one continent to another………………….……bicycle last year. 1) into / along 2) out of / onto 3) from / by 4) up / down 10. I am travelling to India………………….……two weeks and I am going to stay there ………………….……the winter, too. 1) on / at 2) in / in 3) at / in 4) next to/ on 11. A : Where is the vacuum cleaner? I can’t find it. B : It is………………….…….the door, but you need to take it………………….……its box. 1) behind / out of 2) on / through 3) next to / along 4) besides / across


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 210 12. The cock jumped………………….……the fence………………….……the farm and began crowing. 1) across / up 2) along / down 3) among / over 4) onto / around 13. Eric visited his aunt at the hospital………………….……the morning and called one of his neighbours………………….……noon. 1) in /at 2) on / in 3) at / on 4) in / on 14. A : Some Indians have a red mark………………….……their two eyebrows. B : Yes, it is called a “bindi”. 1) through 2) onto 3) from 4) between 15. In the Arabic love story, Layla and Majnun, Majnun walks………………….……the desert to find Layla. 1) through 2) onto 3) across 4) over 16. Her grand grandfather wrote a special dictionary………………….……the 20th century and you can find it in some libraries………………….……present. 1) at / on 2) on / in 3) in / at 4) from / near 17. A : The black van………………….……the bank transports money. B : And there is a man………………….……it. He is wearing a uniform. It must be the driver. 1) under / along 2) through / near 3) next to / among 4) in front of / beside 18. He first walked………………….……the street when the traffic light turned green and then started to walk………………….……the pavement. 1) across / along 2) onto / through 3) over / down 4) around / out of 19. A : When did your cousins visit you? B : ………………….……Christmas Day………………….……dawn. 1) In / on 2) On / at 3) At / in 4) From / to


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 211 20. A : Can you see the turtle………………….……the flowers? B : Yes, it is coming………………….……its shell. It is not afraid of us! 1) at / through 2) near / across 3) in / onto 4) among / out of Answer Key : 1. 2) 2. 1) 3. 3) 4. 1) 5. 3) 6. 4) 7. 1) 8. 2) 9. 3) 10. 4) 11. 1) 12. 2) 13. 1) 14. 4) 15. 3) 16. 3) 17. 4) 18. 1) 19. 2) 20. 4) แหล่งที่มา : https://www.englishtestsonline.com/prepositions-of-time-placemovement-test-a1-a2-grammar-exercises/?download-pdf 4.3 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน โดยนักเรียนช่วยกันตอบว่าแต่ละข้อตอบอะไรพร้อมทั้งให้ เหตุผลอธิบายในแต่ละข้อ โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบายเพิ่มเติม 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 สังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการเลือกตอบคำตอบในแต่ละข้อ 11. สื่อการเรียนรู้/ แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. เอกสารประกอบการเรียนเรื่อง Prepositions (Revision) 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) 12. การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Prepositions (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั ก เรีย น ให้ ค ว าม ร่วม มื อใน ก ารท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 212 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................... ................................. ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................... ................................................ ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. ..................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 213 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 เรื่อง Modern Living รหัสวิชา อ21122 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 2 เวลา 10 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.1/3 เลือก / ระบุประโยคและข้อความให้สัมพันธ์กับสื่อที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ที่อ่าน ต 1.1 ม.1/4 ระบุหัวข้อเรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและอ่าน บทสนทนา นิทานและเรื่องสั้น ต 2.2 ม.1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศและ ภาษาไทย 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด - เขียนประโยคหรือข้อความ และเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน พูดบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้นหรือ เรื่องจากสื่อประเภทต่าง ๆ โดยใช้ Past Simple Tense และความเหมือน / ความแตกต่างระหว่างการออกเสียง ed ในประโยค Past Simple Tense ได้มีทักษะในการเลือก พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน และมีคุณธรรม ใน การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง - เขียนประโยคหรือข้อความ และเกี่ยวกับตนเอง ครอบครัว โรงเรียน พูดบทสนทนา นิทาน เรื่องสั้น หรือเรื่องจากสื่อประเภทต่าง ๆ โดยใช้ Past Simple Tense และความเหมือน / ความแตกต่างระหว่างการออก เสียง ed ในประโยค Past Simple Tense ได้ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 9 : Modern Living 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 9 : Modern Living 3. การใช้Past Simple Tense ในรูปแบบต่าง ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 214 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)…………………………………………………………………………..………………………….…………………………


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 215 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่องVocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - ใบงานเรื่อง Past Simple Tense - ใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน/ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่องVocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ตรวจใบงานเรื่อง Past Simple Tense 4. ตรวจใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่องVocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ Action 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense 4. ใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานและแบบฝึกหัดร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั กเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ใน ห นั งสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Action 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นั กเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 216 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั กเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 4 ใบงานเรื่อง Past Simple Tense (Revision) ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นั กเรียน ให้ ความ ร่วมมือในการท ำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนดูรูปภาพเกี่ยวกับร้านค้า (shop) บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น พูดคุย ถึงคำศัพท์เกี่ยวกับประเภทร้านค้าต่าง ๆ 1.2 นักเรียนสามารถตอบ เช่น chemist’s, bookshop, toy shop, department store, theater, barbershop, hair salon, bakery shop, florist shop, jewelry store, hardware store, computer store, eyeglasses shop,camera shop,clothing store, furniture store,coffee shop, restaurant, greengrocery store เป็นต้น 1.3 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Going shopping ; Shopping in London ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 88 1.4 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Going shopping ; Shopping in London ในหนังสือ เรียน Action 1 หน้าที่ 88 1.5 นักเรียนทำกิจกรรม Match the shop to what you can buy there ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 89


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 217 1.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Match the shop to what you can buy there ในหนังสือ เรียน Action 1 หน้าที่ 89 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้ นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่อง Let’s go ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 90 2.2 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนาเรื่อง Let’s go ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 90 2.3 นักเรียนทำกิจกรรม Read the dialogue and answer the question (1 - 6) ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 90 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Read the dialogue and answer the question (1 - 6) ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 90 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียน ฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Don’t miss it! ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 92 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : Don’t miss it! ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 92 2.7 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน Read or listen and answer the questions ใน หนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 92 2.8 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมตอบคำถามจากเรื่องที่อ่าน Read or listen and answer the questions ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 92 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบาย คำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.9 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : London Landmarks ; Leicester Square ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 93 2.10 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่อง Reading : London Landmarks ; Leicester Square ในหนังสือ เรียน Action 1 หน้าที่ 93 ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนดูรูปภาพแผนที่บน PowerPoint หรือในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 94 3.2 นักเรียนทำกิจกรรม Look at the map. Where is each shop? โดยนักเรียนส่งตัวแทน 1 คน ออกมาหน้าชั้นเรียนเพื่อถามคำถาม เช่น Where is the cinema? นักเรียนสามารถตอบได้ว่า The cinema is between the café and the newsagent’s. 3.3 นักเรียนฟังบทสนทนาเรื่อง Turn left ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 94


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 218 3.4 นักเรียนช่วยกันสรุปบทสนทนาเรื่อง Asking for / Giving direction ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 94 3.5 นักเรียนจับคู่ฝึกบทสนทนาเรื่อง Asking for / Giving direction ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 94 และส่งตัวแทนออกมา 1 คู่เพื่อพูดบทสนทนาดังกล่าวหน้าชั้นเรียน 3.6 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : Geography English-speaking countries โดยอ่านบทความและ ช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องหลังจากนั้นช่วยกันทำกิจกรรม 1) Match the cities on the map to the countries และ 2) Ask and answer questions ในหนังสือเรียน Action 1 หน้าที่ 25 3.7 นักเรียนดูรูปภาพป้ายต่าง ๆ (Sings) บน PowerPoint และร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่าป้าย ดังกล่าวมีความหมายว่าอย่าไง 3.8 นักเรียนสามารถอธิบายได้ดังนี้ รูปภาพ A : You mustn’t feed the animal. รูปภาพ B : You must smoke in here. รูปภาพ C : You mustn’t take picture here. รูปภาพ D : You must be quite. 3.9 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.10 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน 3.11 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.12 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.13 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 3 ประโยค 3.14 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.15 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Modern living เพิ่มเติม 3.16 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของ นักเรียนจากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 219 เรื่องที่ 2 เรื่อง Past Simple Tense จำนวนเวลาเรียน 6 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ 2W3P และแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้(Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนคำศัพท์ที่ได้เรียนมา โดยนักเรียนดูรูปภาพพร้อมคำศัพท์บน PowerPoint 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม จำนวน 4 กลุ่ม กลุ่มละ 10-11 คน เพื่อเล่นเกมกระซิบส่งสาร 1.3 นักเรียนคนแรกของแต่ละแถวมารับกระดาษที่เขียนข้อความที่กำหนดให้จากครูไปท่องจำ โดย กำหนดเวลาให้ท่องจำ 1 นาที แล้วส่งกระดาษข้อความคืนครู 1.4 นักเรียนคนแรกของแต่ละแถวกระซิบบอกข้อความคนที่ 2 คนที่ 2 กระซิบบอกต่อคนที่ 3 คนที่ 3 กระซิบบอกต่อคนที่ 4 และคนที่ 4 โดยกระซิบต่อกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งถึงคนสุดท้าย 1.5 นักเรียนคนสุดท้ายของแต่ละแถวคนสุดท้ายเป็นผู้เดาความหมายพร้อมออกมาเขียนคำศัพท์และ สลับตำแหน่งมาเป็นคนแรกที่กระซิบ (เวียนกันจนครบ 11 คน) โดยทีมใดเขียนได้ถูกต้องมากที่สุดเป็นผู้ชนะ ข้อความที่กำหนดให้คนแรกของแต่ละแถวอ่าน เพื่อกระซิบส่งสาร • A large vehicle for carrying heavy loads by road. = truck • A covered vehicle used for carrying goods or people. = van • A vehicle used for taking sick or injured people to a hospital. = ambulance • A series of railroad cars moved as a unit by integral motors. = train • A large balloon used for carrying a basket for passengers. = air balloon • A type of rotorcraft in which lift and thrust are supplied by horizontally spinning rotors. = helicopter • A large boat for travelling on water, especially across the sea. = ship • A road vehicle with two wheels and without an engine. = bicycle • A flying vehicle with wings and one or more engines. = aeroplane • A four-wheeled road vehicle that is powered by an engine = car • A car with a driver who you pay to take you somewhere = taxi


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 220 • A vehicle with two wheels and an engine. = motorcycle • A large road vehicle that carries passengers = bus 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนทบทวนความรู้ เรื่อง Present Simple Tense โดยดูข้อมูลจาก PowerPoint 2.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายข้อมูล Present Simple Tense 2.3 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint เกี่ยวกับ Present Simple Tense และ Past Simple Tense.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 221 2.4 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายข้อมูล Present Simple Tense และ Past Simple Tense 2.5 นักเรียนดูประโยคPast Simple Tense และ Present Simple Tense ที่ปรากฏบน PowerPoint • Bobby got to school late every morning. • Bobby gets to school at 8 a.m. every morning. • In the past, people used candles to read at night, but now, they use electric lamps. 2.6 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น และอภิปรายประโยคทั้ง 3 ประโยค โดยนักเรียนช่วยกันให้ เหตุผลข้อแตกต่างระหว่าง Present Simple Tense และ Past Simple Tense โดยนักเรียนช่วยกันให้เหตุผลและ อธิบายว่า Present Simple Tense เป็นประโยคที่ใช้ในเหตุการณ์ปัจจุบัน เรื่องที่ทำบ่อย ๆ เป็นธรรมชาติPast Simple Tense เป็นประโยคที่ใช้ในเหตุการณ์ที่เป็นอดีตโดยมีคำระบุความเป็นอดีตเช่น yesterday (เมื่อวานนี้), last night (week / month / year /..etc.) (…ที่แล้ว), at that time (ในตอนนั้น) ชั่วโมงที่ 2 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง คำวิเศษบอกเวลาในอดีต (Adverb of time for Past Simple Tense) บน PowerPoint 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับ คำวิเศษบอกเวลาในอดีต (Adverb of time for Past Simple Tense) พร้อมทั้งยกตัวอย่างประโยคเพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น คำวิเศษบอกเวลาในอดีต (Adverb of time for Past Simple Tense) คือ คำวิเศษเพื่อบอกให้รู้ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ได้แก่ this morning / afternoon / evening (เมื่อเช้า / บ่าย / เย็นนี้) ago (ผ่านมาแล้ว) yesterday (เมื่อวานนี้) last night / week / year (คืนที่แล้ว / สัปดาห์ / ปี ที่แล้ว) the other day (สองสามวันก่อน) in + ค.ศ. (ที่ผ่านมา) เช่น • She drank tea this morning. เธอดื่มน้ำชาเมื่อเช้านี้ • The teacher bought a new car three days ago. ครูซื้อรถคันใหม่เมื่อสามวันก่อน • He walked to school yesterday. เขาเดินไปโรงเรียนเมื่อวานนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 222 • I passed the exam last year. ฉันสอบผ่านปีที่แล้ว • The tourists left the hotel the other day. นักท่องเที่ยวออกจากโรงแรมเมื่อสองสามวันก่อน • His father died in 1987. พ่อของเขาตายเมื่อปี ค.ศ.1987 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้last, ago และ this morning / this afternoon ในปประโยค Past Simple Tense • Last จะตามหลังด้วยคำ เช่น year, week, month, November เป็นต้น • Ago จะอยู่หลังคำบอกเวลา เช่น 3 days ago, 2 years ago เป็นต้น • This morning / this afternoon เมื่อผู้พูดรู้ว่าคำบอกเวลาทั้งสองผ่านไปแล้ว 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้(Production) 4.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัด Adverb of time for Past Simple Tense บน PowerPoint จำนวน 6 ข้อ 1. She went to school………………….…… . เธอไปโรงเรียนเมื่อวาน 2. I talked with my mother on the phone………………….…… . ฉันคุยกับแม่ทางโทรศัพท์เมื่อคืน 3. He washed his car two weeks………………….…… . เขาล้างรถเมื่อสองสัปดาห์ก่อน 4. He escaped from prison………………….…… . เขาหนีออกจากคุกเมื่อเช้านี้ 5. I got an angry letter from my bank manager………………….…… . ฉันได้รับจดหมายโกรธจากผู้จัดการธนาคารเมื่อวันก่อน 6. We started work on the project………………….……1998. เราเริ่มทำงานในโครงการนี้ในปี 2541 Answer Key 1) yesterday 2) last night 3) ago 4) this morning 5) the other day 6) in 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันอธิบายเหตุผลในการตอบแบบฝึกหัดเรื่อง Adverb of time for Past Simple Tense บน PowerPoint ที่ละข้อ 5.2 ครูสังเกตความเข้าใจของนักเรียนในการทำกิจกรรมและการตอบคำถามในแบบฝึกหัดเรื่อง Adverb of time for Past Simple Tense ของนักเรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 223 ชั่วโมงที่ 3 1. ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Adverb of time for Past Simple Tense จากที่ได้เรียนมาในชั่วโมง ที่แล้ว โดยนักเรียนดูรูปภาพ Adverb of time for Past Simple Tense บน PowerPoint 1.2 นักเรียนช่วยกันสรุปการใช้ Adverb of time for Past Simple Tense จากภาพบน PowerPoint 1.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ Adverb of time for Past Simple Tense Adverb of time for Past Simple Tense เป็นคำหรือวลีที่บ่งบอกถึงเวลาในอดีตในประโยคเสมอ เช่น yesterday, last…, …ago, once, this morning โดยตำแหน่งของ Adverb of time for Past Simple Tense จะวางไว้ในตำแหน่งท้ายประโยค เช่น • I met a beautiful girl last night. ฉันเจอผู้หญิงสวยคนหนึ่งเมื่อคืนนี้ • The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว • She drank tea this morning. เธอดื่มน้ำชาเมื่อเช้านี้ • The teacher yelled at the class yesterday. คุณครูตะคอกใส่นักเรียนในชั้นเมื่อวานนี้ 2. ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Eurocentres - regular vs irregular verbs จาก https://www.youtube .com/watch?v=gTkNNmHDqn4 2.2 นักเรียนฟังครูอธิบายRegular and Irregular Verbs เพิ่มเติม


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 224 Regular and Irregular Verbs คือ คำกริยาในภาษาอังกฤษ ในภาษาอังกฤษแบ่งคำกริยาออกเป็น Regular Verb คือ กริยาปกติ และ Irregular Verb คือ กริยาไม่ปกติ ซึ่งเป็นกริยารูปอดีต กริยารูปอดีตก็คือกริยา ช่องที่ 2 1. Regular Verb เวลาที่ทำเป็นกริยาช่องที่ 2 คือรูปอดีต Past tense จะเติม ed เข้าไปที่หลัง คำกริยา ซึ่งจะมีกฎการเติมดังนี้ 1.1 คำกริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น hope - hoped = หวัง love - loved = รัก move - moved = เคลื่อน live - lived = อาศัยอยู่ 1.2 กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม ed เช่น cry - cried = ร้องไห้ marry - married = แต่งงาน try - tried = พยายาม *แต่ในกรณีที่กริยาที่ลงท้าย ด้วย y แต่หน้า y เป็นสระ (a / e / i / o / u) ใหเติม ed ได้เลย เช่น enjoy - enjoyed = สนุก play - played = เล่น 1.3 กริยาที่มีพยางค์เดียวและเป็นสระเสียงสั้น ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น plan - planned = วางแผน stop - stopped = หยุด beg - begged = ขอร้อง 1.4 ในกรณีที่กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้นเป็นสระเสียง สั้นก็ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม ed เช่น occur - occurred = เกิดขึ้น refer - referred = อ้างถึง permit - permitted = อนุญาต concur - concurred = ตกลง, เห็นด้วย *แต่ !! มีข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา ยกตัวอย่างเช่น cover - covered = ปกคลุม open - opened = เปิด 1.5 นอกจากกฎที่กล่าวมาแล้ว กริยาตัวอื่นเมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม ed ได้เลย เช่น talk - talked = พูด start - started = เริ่ม worked - worked = ทำงาน walk - walked = เดิน 2. นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่องการออกเสียง -ed และฝึกการออกเสียง -ed


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 225 2.1 ed ที่ตามหลังพยัญชนะเสียงไม่ก้อง (Voiceless Sound) ให้ออกเสียง /t/ พยัญชนะเสียงไม่ก้องได้แก่ c, ch, f, gh, k, p, s, sh, th (θ) x เช่น panic /pænɪk/ panicked /pænɪkt/ watch /wɒtʃ/ watched /wɒtʃt/ 2.2 ed ที่ตามหลังพยัญชนะเสียงก้อง (Voiced Sound) ให้ออกเสียง /d/ พยัญชนะเสียงก้องได้แก่ b, g, l, m, n, ng, r, th (ð), v, w, y z เช่น grab /ɡræb/ grabbed /ɡræbd/ jog /dʒɒɡ/ jogged /dʒɒɡd/ 2.3 ed ที่ตามหลังพยัญ t ให้ออกเสียง ทิด และ ed ที่ตามหลังพยัญ d ให้ออกเสียง /ɪd/ need /niːd/ needed /niːdɪd/ want /wɒnt/ wanted /wɒntɪd/ 3. Irregular Verb หรือกริยาไม่ปกติ คือกริยาที่เมื่อทำเป็นรูปอดีตหรือกริยาช่องที่ 2 จะไม่มีการ เติม ed แต่จะมีการเปลี่ยนรูป การเปลี่ยนรูปมี 3 รูปแบบด้วยกัน คือ 3.1 Irregular Verb ที่มี Past tense (กริยาช่องที่ 2) และ Past participle (กริยาช่องที่ 3) เหมือนกัน เช่น tell told told = บอก find found found = ค้นหา 3.2 Irregular verb ที่แตกต่างกันทั้งสามช่อง เช่น speak spoke spoke = พูด take took taken = นำไป, เอาไป 3.3 Irregular verb ที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือเหมือนกันทั้งสามช่อง เช่น put put put = วาง shut shut shut = ปิด ชั่วโมงที่ 4 3. ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบคำถามเกี่ยวกับ Regular and Irregular Verbs บน PowerPoint พร้อม ช่วยกันอธิบายเหตุและผลในการตอบข้อนั้น ๆ Part I : 1 - 10 Regular Verbs in Past Simple Instructions : Complete the sentence with the correct form of the verb in parentheses. 1. The car………………….……(stop) in the middle of the street. 2. My father………………….……(fix) the TV. 3. The children………………….……(visit) the museum. 4. Helen………………….……(wash) her hair with a new shampoo. 5. My friends………………….……(notice) my new dress. 6. My mother………………….……(guide) me. 7. The criminal………………….……(confess) the murder.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 226 8. They………………….……(offer) me a new CD. 9. Yesterday I………………….……(wait) for you for an hour. 10. A friend of mine………………….……(receive) a weird e-mail. Part II : 11 - 20 Irregular Verbs in Past Simple Instructions : Complete the sentence with the correct form of the verb in parentheses. 11. She………………….……(bring) some chocolates to the party. 12. I………………….……(hear) a new song on the radio. 13. I………………….……(read) three books last week. 14. They………………….……(speak) French to the waitress. 15. He………………….……(understand) during the class, but now he doesn’t understand. 16. I………………….……(forget) to buy some milk. 17. He………………….……(teach) English at the University. 18. You………………….……(lose) your keys last week. 19. They………………….……(swim) 500m. 20. I………………….……(give) my mother a CD for Christmas. Answer Key : 1. stopped 2. fixed 3. Visited 4. Washed 5. noticed 6. guided 7. confessed 8. offered 9. waited 10. Received 11. brought 12. heard 13. read 14. spoke 15. understood 16. forgot 17. taught 18. lost 19. swam 20. gave 3.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบที่นักเรียนช่วยกันตอบว่าถูกต้องหรือไม่ เมื่อพบว่ามี ประโยคใดที่นักเรียนตอบไม่ถูกต้อง นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์และแก้ไขให้ถูกต้อง โดยครูทำหน้าที่คอยช่วยอธิบาย เพิ่มเติม 4. ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Regular and Irregular Verbs โดยครู เขียนตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • My baby brother damaged the TV. • My family planed a trip to the UK. • Mr. Harris carried the heavy boxes to the attic. • I talked to John on the phone. • Last weekend I danced with Jim. • Karen and Sara played computer games. • The students described their last holidays. • Tom collected stamps when he was ten. • The baby clapped his hands with satisfaction. • A friend of mine received a weird e-mail. • At the age of 23, she became a teacher.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 227 • I knew the answer yesterday. • Peter told me that he lived in New York. • We lent John €200. • She drank too much coffee yesterday. • The children slept in the car. • He kept his promise. • We chose the steak for dinner. • The film began late. • They flew to Madrid. 5. ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้(Wrap up) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง Regular and Irregular Verbs ชั่วโมงที่ 5 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนดูข้อมูล บน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Past Simple Tense 1.2 นักเรียนดูประโยคบน PowerPoint และช่วยกันแสดงความคิดเห็น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 228 1.3 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปเกี่ยวกับ Regular and Irregular Verb 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิป สรุปวิธีใช้ Past Simple Tense แบบเข้าใจง่ายๆ จาก https://www.youtube.com/watch?v=lYgYVyYtCxw 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิป Simple Past Tense จากhttps://www.youtube.com/watch?v =wQO1UcvZraM 2.3 นักเรียนดูวิดีโอคลิป อดีตกาล / กฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ จาก https://www.youtube.com/ watch?v=0Ri3QTT41f8 2.4 นักเรียนช่วยกันพูดสรุปความรู้ที่ได้จากการดูคลิปวิดีโอทั้ง 3 คลิป 2.5 นักเรียนฟังครูอธิบาย Past Simple Tense เราใช้ Past Simple Tense กับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและจบสิ้นลงไปเรียบร้อยแล้ว สังเกตง่าย ๆ ว่ามักจะมีการระบุช่วงเวลาไว้ด้วยว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และใช้กริยาช่อง 2 โดยมีโครงสร้างดังนี้ • I went to the theme park yesterday. • She didn’t come to Thailand last year. • Did you see Jane at the bank last hour? คำกริยาส่วนใหญ่เมื่อเป็น Past Simple Tense มีรูปที่ลงท้ายคำด้วย –ed (regular verb หรือ คำกริยารูปปกติ) เช่น • We invited them to our party, but they decided not to come. • The police stopped me on my home last night. • She passed her examination because she studied very hard. ตัวอย่างคำกริยาที่มีรูปลงท้ายคำด้วย -ed The infinitive The simple past live lived start started visit visited play played watch watched phone phoned marry married แต่มีคำกริยาหลายคำที่เรียกว่าเป็น irregular verb (คำกริยารูปไม่ปกติ) คำกริยาประเภทนี้ไม่ใช้ รูปที่ลงท้ายด้วย –ed เมื่อเป็น Past Simple Tense ดังตัวอย่าง • Mozart wrote more than 600 pieced of music. • We saw David in town a few days ago.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 229 • I went to the cinema three times last week. • It was cold, so I shut the window. ตัวอย่างคำกริยาที่มีการเปลี่ยนรูป The infinitive The simple past be was / were write wrote come came do did meet met speak spoke go went รูปประโยคบอกเล่าของ Past Simple Tense I, you, he, she, it, we, they played. wrote. did. ตัวอย่างประโยค • I played tennis with my friends yesterday. • I finished lunch and I did my homework. รูปประโยคปฏิเสธของ Past Simple Tense I, you, he, she, it, we, they did not / didn’t play. write. do. ตัวอย่างประโยค • I didn’t like the food last Sunday. • He didn’t enjoy the film much. รูปประโยคคำถามของ Past Simple Tense Did I, you, he, she, it, we, they play? write? do? ตัวอย่างประโยค • Did you play basketball yesterday? • Did he do the homework?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 230 Past tense ของ be (am / is / are) คือ was / were ตัวอย่างเช่น รูปประโยคบอกเล่าและปฏิเสธของ be (am / is / are) I / He / She / It was / wasn’t We / You / They were / weren’t รูปประโยคคำถาม Was I / he / she / it? Were we / you / they? จะสังเกตว่าจะไม่ใช้did ในประโยคปฏิเสธและคำถามพร้อมกับ was / were เช่น • I was angry because they were late. • They weren’t able to come because they were so busy. • Was the weather good when you were on holiday? ใช้ “used to” บอกการกระทำหรือเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว • I used to play tennis a lot but I don’t play very often now. • Tanya used to travel a lot. These days she doesn’t go away so often. • Do you go to the cinema very often? Not now, but I used to. “I used to do something” เป็น past ไม่มีรูป present ดังนั้นเราจะพูดว่า “I use to do something” ไม่ได้ เปรียบเทียบรูป past และ present ต่อไปนี้ Past He used to smoke We used to live There used to be Present He smokes We live There is ประโยคคำถามใช้รูป did (you) use to…? เช่น • Did you use to eat a lot of sweets when you were a child? ประโยคปฏิเสธใช้รูป didn’t use to… หรือ used not to… เช่น • I didn’t use to like him. หรือ I used not to like him. ชั่วโมงที่ 6 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนช่วยกันอธิบายและสรุปเรื่อง Past Simple Tense 3.2 นักเรียนยกตัวอย่างประโยคการใช้ Past Simple Tense โดยไม่ซ้ำกัน • I walked to school yesterday. เมื่อวานนี้ฉันเดินไปโรงเรียน • William lived in Bangkok for ten years, but now he lives in Chiang Mai. วิลเลียมอาศัยอยู่ในกรุงเทพเป็นระยะเวลา 10 ปี แต่ตอนนี้เขาอาศัยอยู่ในเชียงใหม่ • Emma bought a new car three years ago. เอ็มม่าซื้อรถใหม่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 231 • I saw Olivia at the bank yesterday. ฉันพบโอลิเวียที่ธนาคารเมื่อวาน • I went to Lucas’s party last night. ฉันไปงานเลี้ยงของลูคัสคืนที่แล้ว • We studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้ว • He bought a radio last month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว • She came to my house last year. หล่อนมาบ้านฉันปีที่แล้ว • It rained two days ago. ฝนตกสองวันที่แล้ว • They ate dinner two hours ago. พวกเขากินอาหารเย็นสองชั่วโมงที่แล้ว • The bus arrived thirty minutes ago. รถบัสมาถึงสิบนาทีที่แล้ว • We had two cups of coffee this morning. พวกเราดื่มกาแฟสองถ้วยเมื่อเช้านี้ • We did not study English last Friday. พวกเราไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษศุกร์ที่แล้ว • He did not buy a radio last month. เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว • She didn’t come to my house last year. หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้ว • Lily : Did you see Victoria at the bank yesterday? ลิลี่ : คุณได้พบวิคตอเรียที่ธนาคารเมื่อวานไหม Hannah : Yes, I did. ฮันน่าห์ : ใช่ ฉันได้พบ • Ethan : Did you go to Logan’s party last night? อีธาน : คุณได้ไปงานเลี้ยงของโลแกนคืนที่แล้วไหม Daniel : No, I didn’t. แดเนียล : ไม่ ฉันไม่ได้ไป • Sebastian : Did they study math last Friday? เซบาสเตียน : พวกเราได้เรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วไหม Natalie : Yes, they did. นาตาเลีย : ใช่ พวกเขาเรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 232 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจในเรื่อง Past Simple Tense โดยครูเขียน ตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น • I met my girlfriend in 2019. ผมเจอกับแฟนของผมปี 2019 • We got home very late last night. เรากลับบ้านดึกมากเลยเมื่อคืน • We went to London for our holiday. เราไปลอนดอนในช่วงวันหยุด • When I was young, I loved eating snacks. ตอนฉันเป็นเด็ก ฉันชอบกินขนมมาก • I first met my wife a long time ago. ฉันเจอกับภรรยาของฉันครั้งแรกเมื่อนานมากแล้ว • The rain stopped an hour ago. ฝนหยุดตกเมื่อชั่วโมงที่แล้ว • He went to the shopping mall last week. เขาไปห้างเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว • How was the film? หนังเป็นยังไงบ้าง • Where were you last night? เมื่อคืนคุณอยู่ที่ไหน • Jackson always went to school late last year. แจ็คสันไปโรงเรียนสายตลอดเลยเมื่อปีที่แล้ว • I usually ate candy when I was young. ฉันมักจะกินลูกอมเมื่อตอนเป็นเด็ก • Violet normally ate dinner with her family when she was young. ปกติแล้วไวโอเล็ตจะทานอาหารเย็นกับครอบครัวเมื่อเธอยังเด็ก • I was often called Lucy when I was in London. ฉันมักจะถูกเรียกว่าลูซี่ตอนที่ฉันอยู่ลอนดอน • Owen cleaned his room two weeks ago. โอเว่นทำความสะอาดห้องของเขาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว • My dog died two years ago. หมาฉันตายสองปีที่แล้ว • I was at school yesterday. ฉันอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวาน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 233 • They were at home last weekend. พวกเขาอยู่บ้านเมื่อวันอยุดสุดสัปดาห์ที่แล้ว • I didn’t see Matthew at the bank yesterday. ฉันไม่ได้พบแมทธิวที่ธนาคารเมื่อวาน • I didn’t go to Sarah’s party last night. ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงของซาร่าห์คืนที่แล้ว • David : Did you go to the party last night? เดวิด : เมื่อคืนคุณไปงานปาร์ตี้ใช่ไหม Joseph : Yes. It was the great party. I saw Wyatt and Dylan. I drank a lot of cola and ate lots of pizza. โจเซฟ : ใช่ มันเป็นปาร์ตี้ที่ยอดเยี่ยม ฉันเห็นไวแอตต์และดีแลน ฉันดื่มน้ำอัดลมเยอะมาก และฉันกินพิซซ่าเยอะมาก • Julian : Didn’t he not buy a radio last month? จูเลียน : เขาไม่ได้ซื้อวิทยุเดือนที่แล้วใช่ไหม Christopher : Yes, he did. คริสโตเฟอร์ : ใช่ เขาซื้อ • Gianna : Didn’t she come to my house last year? จีอันน่า : หล่อนไม่ได้มาบ้านฉันปีที่แล้วใช่ไหม Ivy : No, she didn’t. ไอวี่ : ไม่หล่อนไม่ได้มา 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Past Simple Tense 5.2 นักเรียนฟังครูอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อให้นักเรียนเข้าใจ หลักการใช้ Past Simple Tense เรื่องที่ 3 เรื่อง Past Simple Tense (Revision) จำนวนเวลาเรียน 2 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่อง Past Simple Tense โดยดูข้อมูลบน PowerPoint และร่วมกันแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับ Past Simple Tense


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 234 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Past Simple Tense ในเอกสารประกอบการเรียน 2.2 นักเรียนแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม เพื่อศึกษาและค้นคว้าข้อมูลร่วมกันภายในกลุ่มจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่นห้องสมุดหรือ Internet โดยแบ่งเนื้อหาเพื่อศึกษาค้นคว้าและการนำเสนอให้นักเรียนดังนี้ • กลุ่มที่ 1 Past Simple Form - Positive and Negative Sentences • กลุ่มที่ 2 Adverb of time for Past Simple Tense, Regular and Irregular Verbs • กลุ่มที่ 3 Past Simple Tense “to be”- was / were • กลุ่มที่ 4 Yes / No questions and Information Questions with the past simple ชั่วโมงที่ 2 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนนำเสนอตามหัวข้อที่กลุ่มได้รับ โดยนำเสนอผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือแผนภาพสรุปผัง ความคิด 3.2 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อเสริมความเข้าใจเรื่อง รูปแบบ Past Simple Tense โดย ยกตัวอย่างประโยคบนกระดานให้นักเรียนเห็นความหลากหลายมากขึ้น Adverb of time for Past Simple Tense • They played volleyball last week. พวกเขาเล่นวอลเลย์บอลสัปดาห์ที่แล้ว • The boy got up at six o’clock yesterday. เด็กผู้ชายตื่นนอนตอนหกโมงเย็นเมื่อวานนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 235 Positive Sentences : Regular Verbs • The train arrived at 8 o’clock this morning. รถไฟมาถึงเวลา 8 โมงเช้าของวันนี้ • It rained two days ago. ฝนตกเมื่อ 2 วันที่แล้ว Positive Sentences : Irregular Verbs • We had two cups of coffee this morning. เมื่อเช้านี้พวกเราดื่มกาแฟ 2 แก้ว • Olivia went to the hospital twice yesterday. โอลิเวียไปโรงพยาบาลสองครั้งเมื่อวานนี้ Negative Sentences • You didn’t cook dinner for me last week. คุณไม่ได้ทำอาหารเย็นให้ฉันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • Noah didn’t go on holiday last year. ปีที่แล้วโนอาห์ไม่ได้ไปพักผ่อนในวันหยุด Past Simple Tense “to be”- was / were • The weather was fine yesterday. เมื่อวานอากาศดี • They were at home last weekend. พวกเขาอยู่ที่บ้านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา Yes / No questions with the past simple • Did you always take the bus to school? คุณนั่งรถบัสไปโรงเรียนเป็นประจำใช่ไหม • Did Oliver like the movie? โอลิเวอร์ชอบภาพยนตร์ใช่ไหม Information Questions with the past simple • How long did it take you to come here? คุณใช้เวลานานแค่ไหนเพื่อมาที่นี่ • Where did you go on vacation last year? คุณไปเที่ยวพักผ่อนวันหยุดที่ไหนเมื่อปีที่แล้ว 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนจำนวน 4 กลุ่ม นำเสนอข้อมูลที่ได้ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลร่วมกันจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เช่นห้องสมุดหรือ Internet บริเวณหน้าชั้นเรียน กลุ่มที่ 1 Past Simple Form - Positive and Negative Sentences Past Simple Tense หรือทีบางครั้งแรกว่า อดีตกาล ใช้เพื่อบอกให้ทราบถึงสิ่งที่เกิดและเสร็จสิ้น ไปแล้วในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ในภาษาอังกฤษ Past Simple Tense เป็นรูปพื้นฐานของ tense ที่ใช้บอกอดีต


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 236 (past tense) โดยเวลาของสิ่งที่ถูกพูดถึงเกิดขึ้นนั้นอาจจะพึ่งเกิดและเสร็จสิ้นไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ หรือเกิดและเสร็จสิ้น ไปนานแล้วก็ได้โดยมีรูปแบบดังนี้ Positive Sentences ประโยคบอกเล่า ประโยคบอกเล่าใน Past Simple Tense คือ ประธานตามด้วยกริยาช่อง 2 กับประธานทุกตัว • I saw a movie last week. ฉันดูหนังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว • We gave her a doll for her birthday. พวกเรามอบตุ๊กตาให้กับเธอในวันเกิดของเธอ • Michael played football yesterday. ไมเคิลเล่นฟุตบอลเมื่อวานนี้ • He travelled to Italy last month. เขาไปเที่ยวอิตาลีเมื่อเดือนที่แล้ว Negative Sentences ประโยคปฏิเสธ ประโยคปฏิเสธใน Past Simple Tense ให้เอา did not หรือ didn’t นำหน้ากริยาหลัก และ กริยาหลักให้เปลี่ยนเป็น ช่องที่1 โดยไม่ต้องเติม s หรือ es • I didn’t know what happened on Monday. ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวันจันทร์ • We didn’t do our exercises this morning. เช้านี้พวกเราไม่ได้ออกกำลังกาย • Sofia didn’t arrive on time this morning. โซเฟียไม่ได้มาถึงตรงเวลาเมื่อเช้านี้ • My family didn’t have time to visit the Eiffel Tower. ครอบครัวของฉันไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมหอไอเฟล • Sebastian didn’t want to play basketball. เซบาสเตียนไม่อยากเล่นฟุตบอล • The homeless didn’t have any money. คนไร้บ้านไม่มีเงิน กลุ่มที่ 2 Adverb of time for Past Simple Tense, Regular and Irregular Verbs Adverb of time for Past Simple Tense คือคำวิเศษณ์ที่บอกเวลาในอดีต


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 237 ประกอบไปด้วย 1. yesterday (เมื่อวานนี้) the day before yesterday (เมื่อวานซืนนี้) this morning (เมื่อเช้านี้) 2. คำที่ขึ้นต้นด้วย “last” เช่น last night ( เมื่อคืนที่แล้ว) last week (สัปดาห์ที่แล้ว) last month (เดือนที่แล้ว) last Saturday (วันเสาร์ที่แล้ว) last January (เดือนมกราคมที่แล้ว) 3. คำที่ลงท้ายด้วย “ago” เช่น a month ago (เมื่อเดือนที่ผ่านมาแล้ว) two years ago (สอง เดือนที่ผ่านมาแล้ว) five hours ago (ห้าชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว) six weeks ago (หกสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว) a moment ago (เมื่อสักครู่นี้) 4. เวลาซึ่งเป็นปี ค.ศ. ในอดีต ขึ้นต้นด้วย “in” เช่น in 1999 คำเหล่านี้มักจะวางไว้ท้ายประโยค หรืออาจวางไว้หน้าประโยคก็ได้ เช่น • I washed my car two weeks ago. หรือ Two weeks ago, I washed my car . ฉันล้างรถเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว • She went to Korea last month. หรือ Last month, She went to Korea. หล่อนไปเกาหลีเมื่อเดือนที่แล้ว หลักการใช้ ใช้คำหรือวลีที่บอกเวลาในอดีตกำกับเพื่อใช้อธิบายเหตุการณ์นั้น ๆ ว่าที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ้นสุด แล้ว เช่น • I saw you yesterday. ฉันเห็นคุณเมื่อวานนี้ ประธาน = I กริยา = saw คำหรือวลีที่บอกเวลา = yesterday • He worked in Paris last year. เขาทำงานที่ปารีสเมื่อปีที่แล้ว ประธาน = He กริยา = worked คำหรือวลีที่บอกเวลา = last year Regular and Irregular Verbs Regular Verb (กริยาปกติ) หมายถึง กริยาที่ผันเป็นรูปอดีต (past) ช่อง 2 โดยการเติม -ed ข้างท้าย และ ยังมีหลักการการเติม -ed ดังนี้ 1. กริยาที่ลงท้ายด้วย e ให้เติม d ได้เลย เช่น love - loved = รัก move - moved = เคลื่อน hope - hoped = หวัง 2. กริยาที่ลงท้าย ด้วย y และหน้า y เป็นพยัญชนะ ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -ed เช่น cry - cried = ร้องไห้ try - tried = พยายาม marry - married = แต่งงาน ** ข้อยกเว้น ถ้าหน้า y เป็นสระ ให้เติม -ed ได้เลย เช่น play - played = เล่น stay - stayed = พัก, อาศัย enjoy - enjoyed = สนุก obey - obeyed = เชื่อฟัง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 238 3. กริยาที่มีพยางค์เดียว มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วยพยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียวให้เพิ่มพยัญชนะที่ ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม -ed เช่น plan - planned = วางแผน stop - stopped = หยุด beg - begged = ขอร้อง 4. กริยาที่มี 2 พยางค์ แต่ลงเสียงหนักพยางค์หลัง และพยางค์หลังนั้น มีสระตัวเดียว และลงท้ายด้วย พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดตัวเดียว ให้เพิ่มพยัญชนะที่ลงท้ายอีก 1 ตัว แล้วเติม -ed เช่น concur - concurred = ตกลง,เห็นด้วย occur - occurred = เกิดขึ้น refer - referred = อ้างถึง permit - permitted = อนุญาต ** ข้อยกเว้น ถ้าออกเสียงหนักที่พยางค์แรก ไม่ต้องเติมพยัญชนะตัวสุดท้ายเข้ามา เช่น cover - covered = ปกคลุม open - opened = เปิด 5. นอกจากกฎที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อต้องการให้เป็นช่อง 2 ให้เติม -ed ได้เลย เช่น walk - walked = เดิน start - started = เริ่ม worked - worked = ทำงาน ตัวอย่างปะโยค • Cameron stayed at home last night. He didn’t go out with his friend. • เมื่อคืนที่แล้วคาเมรอนอยู่บ้าน เขาไม่ได้ออกไปข้างนอกกับเพื่อนของเขา • I worked from 7 a.m. to 7 p.m. yesterday. I’m really tired today. • ฉันทำงานตั้งแต่ 07.00 น. (7 โมงเช้า) ถึง 19.00 น. (1 ทุ่ม) เมื่อวานนี้ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก • You studied a lot for the exam and deserved to get a good mark. • คุณเรียนมามากเพื่อสอบและสมควรได้รับคะแนนดี • They waited an hour for the train and eventually decided to take a bus. • พวกเขารอรถไฟหนึ่งชั่วโมงและตัดสินใจขึ้นรถบัสในที่สุด Irregular Verb (กริยาอปกติ) หมายถึง กริยาที่ไม่เป็นปกติ (Irregular Verb) คือ เมื่อเป็นอดีตแล้ว (Past tense verb) จะไม่เติม -ed หลังคำกริยานั้นแต่จะเปลี่ยนรูปไปเลย โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. Irregular Verbs เมื่อเป็นอดีต (Past tense verb) จะมีลักษณะเหมือนกับกริยาช่อง 1 (Base from of verb) เช่น bet bet = พนัน cut cut = ตัด put put = วาง shut shut = ปิด


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 239 2. Irregular Verbs เมื่อเป็นอดีต (Past tense verb) จะมีการเปลี่ยนรูป come came = มา run ran = วิ่ง buy bought = ซื้อ catch caught = จับ, ขึ้นรถ begin began = เริ่มต้น choose chose = เลือก 3. Irregular Verbs บางคำสามารถเป็นได้ทั้ง Regular verbs และ Irregular verbs เช่น burn burnt หรือ burned = เผา, ไหม้ dream dreamt หรือ dreamed = ฝัน, นึกฝัน, เพ้อฝัน bet bet หรือ betted = พนัน, วางเดิมพัน learn learnt หรือ learned = เรียน, ศึกษา, เล่าเรียน ตัวอย่างปะโยค • Yesterday, I cut wood to build a fire. เมื่อวานฉันตัดไม้มาก่อไฟ • My mother shut all the doors and windows before she goes to bed. แม่ของฉันปิดประตูและหน้าต่างทุกบานก่อนเข้านอน • Xavier paid the laptop in cash last night. เซเวียร์จ่ายเงินสดค่าแล็ปท็อปเมื่อคืนนี้ • Austin spoke Swedish at the conference yesterday. ออสตินพูดภาษาสวีเดนที่งานประชุมเมื่อวานนี้ • I think I burnt / burned my finger. ฉันคิดว่าฉันเผานิ้วของฉัน • The children learnt / learned about squirrels in school yesterday. เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องกระรอกที่โรงเรียนเมื่อวานนี้ • My brother left school when he was 16 but I stayed until I was 18. พี่ชายของฉันออกจากโรงเรียนตอนเขาอายุ 16 ปี แต่ฉันเรียนอยู่จนกระทั่งอายุ 18 ปี • Natalie took off her coat and put it on the chair. นาตาเลียถอดเสื้อคลุมของเธอออกแล้ววางมันบนเก้าอี้ กลุ่มที่ 3 Past Simple Tense “to be”- was / were


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 240 Was และ Were คือ กริยาช่องที่ 2 ของ Verb to be (is, am, are) ใช้เพื่อบอกเล่าที่มีเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีตอย่าง Past Simple Tense Was มาจาก is, am ใช้กับประธานเอกพจน์ รวมทั้ง I ด้วย ประธานเอกพจน์ ได้แก่ I, he, she, it เช่น • I was up late last night เมื่อวานนี้ฉันนอนดึก • He was a student last year. เขา (เคย) เป็นนักเรียนเมื่อปีที่แล้ว Were มาจาก are ใช้กับประธานพหูพจน์ประธานพหูพจน์ ได้แก่ you, we, they เช่น • We were teachers. พวกเราเคยเป็นครู • The students were at museum yesterday. นักเรียนอยู่ที่พิพิธภัณฑ์เมื่อวานนี้ ทั้ง was / were แปลว่า เป็น, อยู่, คือ แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต (Past Tense) Usage Structure Affirmative sentence I, he, she, it + was + object We, you, they + were + object Negative sentence I, he, she, it + was not (wasn’t) + object We, you, they + were not (weren’t) + object Yes / No question Was + I, he, she, it +…? Were + we, you, they +…? Information question Wh-question + was + I, he, she, it? Wh-question + were + we, you, they? Affirmative sentence with was / were การใช้ was / were ในประโยคบอกเล่า • He was a waiter last year but he became a chef last month. เขา (เคย) เป็นบริกรเมื่อปีที่แล้ว แต่เขากลายเป็นหัวหน้าคนครัวเมื่อเดือนที่แล้ว • She was happy because she met you at the party. เธอมีความสุข เพราะเธอได้เจอคุณที่งานปาร์ตี้ • They were at clinic yesterday. They did facial spa treatments all day. พวกเขาอยู่ที่คลินิกเมื่อวานนี้ พวกเขาทำสปาหน้ากันทั้งวัน Negative sentence with was / were การใช้ was/ were ในประโยคปฏิเสธ • He wasn’t a mechanic last month. เขาไม่ (เคย) เป็นช่างยนต์เมื่อเดือนที่แล้ว • She wasn’t exhausted. เธอไม่ (เคย) เหนื่อย • They weren’t at airport yesterday. พวกเขาไม่ได้อยู่ที่สนามบินเมื่อวานนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 241 Yes / No question with was / were การใช้ was / were กับประโยคคำถาม Yes / No • Q : Was she a receptionist last year? ปีก่อนเธอเป็นพนักงานต้อนรับใช่ไหม A : Yes, she was. / No, she wasn’t. ใช่, เธอเคยเป็น / ไม่ใช่, เธอไม่เคยเป็น • Q : Were they at hospital yesterday? พวกเขาอยู่ที่โรงพยาบาลใช่ไหมเมื่อวานนี้ A : Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่, พวกเขาอยู่ที่นั่น / ไม่ใช่, พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั้น • Q : Were the demonstrations in the center of town? เมื่อเช้านี้มีการประท้วงที่ใจกลางเมืองใช่ไหม? A : Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่, มีการประท้วง / ไม่ใช่, ไม่มีการประท้วง Information question with was / were การใช้ was / were กับประโยคคำถาม Wh-questions • Q : Who was in your bedroom yesterday? ใครอยู่ในห้องนอนของคุณเมื่อวานนี้ A : It was my niece. หลานสาวฉันเอง • Q : Where were you last week? สัปดาห์ที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน A : I was in Paris. ฉันอยู่ในกรุงปารีส • Q : How was your sister yesterday. น้องสาวของคุณเป็นอย่างไรบ้างเมื่อวานนี้ A : She was not fine. She has a fever. เธอไม่สบาย เธอเป็นไข้ กลุ่มที่ 4 Yes / No questions and Information Questions with the past simple 1. Yes / No questions with the past simple การทำประโยคคำถามให้เอาคำว่า Did มาวางไว้หน้าประโยคแค่นั้นเองและอย่าลืมเติม เครื่องหมายคำถามท้ายประโยคด้วย ประโยคคำถามแบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ ถามในรูปแบบบอกเล่า และถามรูปแบบปฏิเสธ 1. การถามในรูปแบบบอกเล่า Did + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Did I, you, we, they, cats he, she, it, a cat eat?


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 2 (อ21122) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 หน้า 242 ตัวอย่าง • Did you eat bananas yesterday? Yes, I did. / No, I didn’t. • Did I cook dinner for you last week? Yes, you did. / No, you didn’t. • Did we clean the house last month? Yes, we did. / No, we didn’t. • Did they dance last night? Yes, they did. / No, they didn’t. • Did two cats die last year? Yes, they did. / No, they didn’t. 2. การถามในรูปแบบปฏิเสธ การถามในรูปปฏิเสธแบ่งออกอีกสองประเด็นคือ ในรูปแบบเต็ม และรูปแบบย่อ 2.1 รูปแบบเต็ม Did + ประธาน +not+ กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Did I, you, we, they, cats he, she, it, a cat not eat? ตัวอย่าง • Did he not buy a computer last Sunday? • Did he not give you her heart last Christmas. 2.2 รูปแบบย่อ Didn’t + ประธาน + กริยาช่องที่ 1 (กริยาไม่เติม s ทุกกรณี) Didn’t I, you, we, they, cats he, she, it, a cat eat? ตัวอย่าง • Didn’t it rain heavily last rainy season. • Didn’t the train arrive at 8 o’clock this morning. 2. Information Questions with the past simple (ประโยคคำถาม Wh – Question) ให้เอาคำเหล่านี้ (Who, What, Where, When, Why, How) นำหน้าประโยค ตามด้วย did ** คำว่า Who กับ What ให้ตามด้วย กริยาช่อง 2 ในกรณีที่ใช้ Who กับ What เป็นประธาน ของประโยค** เช่น • Who ate bananas yesterday? I did. • What ate bananas yesterday? A monkey did. • Who did you see at the party? I saw Jane.


Click to View FlipBook Version