The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.3 หนังสือเรียน New World ภาคเรียนที่ 1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by The School of Lesson Plans, 2023-06-08 09:57:57

New World 3

แผนการสอน Active Learning รายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน ม.3 หนังสือเรียน New World ภาคเรียนที่ 1

หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 293 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Anew World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 294 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Do you have a good time? แผนการจัดการเรียนรู้ที่21 เรื่อง Relative Pronouns รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน ต 2.1 ม.3/1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายต่าง ๆ ได้ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ Relative Pronoun ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายต่าง ๆ ได้ ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา - เขียนประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ในรูปแบบการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษาได้ - เขียนอธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษาโดยใช้ Relative Pronouns ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 295 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในในการสนทนา การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Relative Pronouns ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา สามารถค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และ นำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในในการสนทนา การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบ รับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Relative Pronouns ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา สามารถค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และ นำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 5 : Do you have a good time? 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 5 : Do you have a good time? 3. การใช้ Relative Pronouns ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 296 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Relative Pronouns 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method แบบ 2W3P) ชั่วโมงที่ 1 - 2 (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูหัวข้อ Relative Pronouns บนกระดาน พร้อมช่วยกันแสดง ความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพ คำศัพท์และประโยคบน PowerPoint ดังนี้ • He went to the school that my father went to.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 297 • Same is the guy whom the police wanted. • This is George, whose brother went to school with me. • We don’t know the person who donated this money. • This is the house which Jack built. 1.3 นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยคดังกล่าว ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Relative Pronouns & Clauses - English Grammar Lesson จาก https://www.youtube.com/watch?v=lLkARyk4CTI 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Relative pronouns จาก https://www.youtube.com/watch? v=xA-eYxwhNXI 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Relative Pronouns ประพันธสรรพนามหรือ Relative Pronouns ถูกใช้เพื่อเชื่อม clause หรือ phrase กับคำนาม หรือสรรพนาม ซึ่ง clause (อนุประโยคนั้น ๆ จะทำหน้าที่ขยายคำนาม) Relative pronouns ที่พบบ่อย ๆ ทั่ว ๆ ไป คือ who, whom, whose, which, และ that และ บางครั้งอาจจะพบเจอการใช้ when และ where ในฐานะของประพันธสรรพนามเหมือนกัน การใช้ประพันธสรรพนาม 1. Relative pronouns ใช้วางข้างหลังคำนามที่มันขยายโดยตรง ตัวอย่าง • I discussed it with my brother, who is a lawyer. • I spent two hours talking to David, whom I’d met only once before. • That’s the man whose house has burned down. • Did you see the letter which came today? • They’ve got a machine that prints names on badges. จากตัวอย่างนั้นจะเห็นว่าคำนามที่ถูกทำให้เป็นตัวเอียงไว้เป็นประธานเดียวกับประโยคหลังโดย เชื่อมด้วย relative pronouns ที่เป็นตัวหนา ซึ่งตรงนี้จะเรียกอีกอย่างว่า Adjective clause คือนับตั้งแต่ relative pronouns ไปจนถึงกริยา-กรรม หรือส่วนขยายในประโยคหลังเป็น clause ที่ทำหน้าที่ขยายคำนามที่อยู่ข้างหน้า นั่นเอง บางครั้งเราก็อาจจะพบเจอการใช้ when, where อยู่บ้าง ตัวอย่าง • She remembered the day when Paula had first arrived. • I want to visit the island where my grandma was born. ในกรณีนี้ก็คือการใช้ when และ where เชื่อมประโยคหลังที่ทำหน้าที่ขยายสถานที่ หรือเวลา ที่อยู่ข้างหน้า 2. อนุประโยคแบบเจาะจงและไม่เจาะจง 2.1 การใช้ relative clauses ที่เจาะจง (ข้อมูลขยายเป็นการชี้เฉพาะ) นี้ไม่สามารถจะละ clauses ที่ทำหน้าที่ขยายเหล่านี้ทิ้งไปได้เพราะจะทำให้ความหมายนั้นไม่ชัดเจนหรือมีความแตกต่างกันออกไปได้ ตัวอย่าง • This is the dog that was hit by a car.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 298 • I don’t like people who interrupt me. จากทั้งสองตัวอย่างนี้ ถ้าเราตัด clause หรืออนุประโยคที่ทำหน้าขยายออกความก็จะ แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างการบอกว่า “I don’t like people” ก็แตกต่างจากการบอกว่า “I don’t like people who interrupt me.” (คือเป็นการขยายว่าไม่ชอบคนแบบไหน ไม่ใช่ไม่ชอบคนเลย) ข้อควรจำ อนุประโยคที่ทำหน้าที่ขยายจะคำนานหรือสรรพนามที่อยู่ข้างหน้าให้มีความ ชัดเจนยิ่งขึ้น (ตัดไปแล้วจะเสียเนื้อความหรือความหมายไม่ชัดเจนต่างจากเดิม) เราจะไม่ใช้เครื่องหมายวรรคตอน เว้นเสียแต่ว่าอนุประโยคไม่เจาะจงชี้เฉพาะที่ทำหน้าที่ขยายนั้นเป็นอนุประโยคที่ขยายข้อมูลเพิ่มเติมเฉย ๆ (เป็น ข้อมูลเสริม) จะมีเครื่องหมาย comma กั้น ตัวอย่าง • This painting, which I adore, is worth over a million dollars. • The teacher, who was about to retire, began writing her memoirs. สังเกตได้ว่าการใช้อนุประโยคขยายที่ไม่เจาะจงจะมีการใช้ comma แบ่งส่วนออกจาก ประโยคชัดเจนเป็นการสื่อให้รู้ว่าเป็นข้อมูลเสริมเฉย ๆ สามารถตัดทิ้งได้ค่ะ ข้อควรจำการใช้ Who, That, และ Which หลาย ๆ คนจะสับสนการใช้ who, that, และ which อยู่บ้าง ให้จดจำง่าย ๆ ว่า who ใช้ ขยายคน และ that ใช้ขยายกับสิ่งของ หรืออะไรก็ตามที่ไม่ใช่คน ตัวอย่าง • I like the girl who runs fast. • I like the dog that does tricks • I like the clock that chimes the hour. และข้อแตกต่างระหว่างการใช้ which และ that คือการใช้ which จะเป็นอนุประโยคขยาย แบบไม่ชี้เฉพาะ คือเสริมข้อมูลเข้ามา (สามารถตัดทิ้งได้) ในขณะที่อนุประโยคที่ใช้ that จะเป็นอนุประโยคแบบ เจาะจงชี้เฉพาะ (ข้อมูลที่ให้มาระบุชัดว่าอันไหน สิ่งไหน) และไม่สามาถตัดทิ้งได้เพราะจะทำให้ความหมายต่างจาก เดิม ตัวอย่างเช่น • The cat, which is very old, took a nap. • The cat that is very old needs to see the vet today. สรุปก็คือการใช้ which จะเสริมข้อมูลในส่วนที่ไม่มีความสำคัญมากนักในประโยคเป็นข้อมูล เพิ่มเติม ที่สามารถละทิ้งได้และจะใช้ comma แบ่งประโยคชัดเจน ในขณะที่ that นั้นเป็นอนุประโยคที่สำคัญใน การทำหน้าที่ขยายโดยทำให้คำนามข้างหน้ามีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงชัดเจนว่าอันไหนสิ่งไหน ซึ่งจะไม่ต้องใช้ comma กั้น แต่ถ้าใช้กับคนไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเสริมหรือเป็นข้อมูลที่สำคัญในการใช้เจาะจงคำนาม (คน) ที่อยู่ข้างหน้าเราก็จะใช้ who เสมอไม่ใช้ that เด็ดขาด ตัวอย่าง • The woman, who is very old, took a nap. • The woman who is very old needs to see the doctor today. จะเห็นได้ว่าสองกรณีมีทั้งข้อมูลเสริม และข้อมูลที่สำคัญในการชี้เฉพาะคำนาม (คน) แตกต่างกันแค่ใช้ comma กั้นหรือไม่ใช้ comma กั้นหรือแบ่งประโยค ซึ่งในกรณีที่เป็นข้อมูลชี้เฉพาะที่สำคัญจะไม่ สามรถตัดออกได้ (ความหมายจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 299 การใช้ relative pronouns หรือประพันธสรรพนามจะช่วยให้การเขียน (หรือการพูด) มี ความหมายสั้นกระชับและมีความชัดเจนได้ว่าใครหรือสิ่งใดที่กำลังกล่าวถึงนั้นคือคนไหนหรือสิ่งไหนที่เราหมายถึง โดยใช้อนุประโยคมาขยายนั่นเอง 2.5 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the flowing sentences, using who, whom, which or whose. 1. He bought all the tools…………………..……………are required to fix his old car. 2. This is the doctor…………………..…………… helped Sara recover from her illness. 3. This is the girl…………………..……………he fell in love with in Madrid 4. She managed to pass the exam in spite of all the difficulties,…………………..…………… didn’t surprise people…………………..……………knew her. 5. These are the kids…………………..……………parents were arrested.. 6. Give me the plate…………………..……………is on the table. 7. I don’t know…………………..……………did it. 8. The criminals, two of…………………..……………managed to escape, broke into a bank downtown. 9. The police identified the murderer…………………..……………fingerprints were on the knife. 10. I know the candidate…………………..……………I am going to support in the next elections. Answer Key Answer Key 1. which 2. who 3. whom 4. which / who 5. whose 6. which 7. who 8. whom 9. whose 10. whom 2.6 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดบน PowerPoint หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้อง ให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ขั้นที่ 3 ขั้นนำไปใช้ 3.3 นักเรียนทำแบบฝึกหัดRelative Pronoun ในเอกสารประกอบการเรียน 3.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดRelative Pronoun ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อ ใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น ชั่วโมงที่ 3 - 4 (วิธีการสอนแบบ 2W3P) ขั้นที่ 1 ขั้นกระตุ้นทบทวนและปูพื้นฐานความรู้ (Warm up) 1.1 นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องRelative Pronoun โดยดูรูปภาพและคำศัพท์Relative Pronoun บน PowerPoint พร้อมทั้งช่วยกันอธิบายวิธีการใช้และความหมาย


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 300 1.2 นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน ซึ่งสมาชิกประกอบไปด้วย นักเรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน เพื่อเล่นเกมตอบคำถามเกี่ยวกับ Relative Pronoun จาก https://wordwall.net/tr//community/ relative-clause โดยใช้วิธีการเก็บคะแนนสะสมจากแต่ละเกม เมื่อจบเกมแล้วกลุ่มที่ได้คะแนนรวมมากที่สุดเป็นทีม ชนะ ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอเนื้อหาสาระ (Presentation) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Relative Pronouns ที่ออกสอบบ่อยที่สุด จาก https://www. youtube.com/watch?v=k3--6F4Z0fw 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Relative Pronoun by KruDew จาก https://www.youtube. com/watch?v=ctHsrMZYMrk 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูวิดีโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอ 2.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง ประเภทของ Relative Pronoun ประเภทของ Relative Pronoun จะมีหลักการใช้แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคำนามด้านหน้า 1. who ใช้พูดถึงคน ทำหน้าที่เป็นประธาน 2. whom ใช้พูดถึงคน ทำหน้าที่เป็นกรรม 3. whose ใช้พูดถึง คน สัตว์ สิ่งของ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ 4. which ใช้เพื่อขยายสิ่งของหรือสัตว์ ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรม 5. where ใช้บอกสถานที่


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 301 6. when ใช้บอกเวลา 7. why ใช้กับเหตุผล 8. that ใช้เมื่อพูดถึงคน สัตว์ สิ่งของ ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรม หลังจากที่เราได้ดูประเภทของ Relative Pronoun กันไปแล้ว เรามาดูวิธีการใช้อย่างละเอียดกัน ค่ะ 1. who ใช้เมื่อพูดถึงคน เราจะใช้คำว่า who ตามหลังคำนามด้านหน้าที่เกี่ยวกับคน และคำว่า who จะต้องทำหน้าที่เป็นประธานของกริยาที่ตามมาด้านหลัง เช่น • Rihanna is a singer who owns a cosmetics brand. คำว่า a singer คือนักร้อง และคำว่า who เป็นประธานของกริยา owns • John and I are friends who are inseparable. คำว่า friends คือเพื่อน และคำว่า who เป็นประธานของกริยา are 2. whom ใช้เมื่อพูดถึงคน แต่เป็นกรรมของคำกริยาที่ตามหลัง หมายความว่าเราจะใช้คำ who และ whom สลับกันไม่ได้ • Dr. Watson is a committee whom the board likes. คำว่า a committee หรือกรรมการ เป็นกรรมของกริยา like • Logan is a business owner whom we are in contact with. คำว่า a business owner หรือเจ้าของธุรกิจ เป็นกรรมของกริยาและคำบุพบท are in contact with 3. whose เป็นคำที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ สามารถใช้ได้กับทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ • I met a woman whose name is Sara. • I talked to a parent whose child is very ill. 4. which ใช้เพื่อขยายสิ่งของหรือสัตว์ ซึ่งจะมีความหมายเหมือนกับคำ that แต่เป็นทางการมากกว่า เหมาะสำหรับการเขียนเรียงความ • This species of fish, which is found in Thailand, is rare. • A comb which makes hair tangled should not be used. 5. where ใช้เพื่อบอกสถานที่ • The park where I met you was closed. • The blank on the form where I signed was too small. 6. when ใช้ when แทนเวลา • There will be a time when we must choose between what is easy and what is right.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 302 • There isn’t a day when I don’t think about her. 7. why ใช้ why แทนเหตุผล • Do you know the reason why he was late? • I don’t know why he didn’t come. 8. that ใช้เมื่อพูดถึงคน สัตว์ และสิ่งของ • Cookies that I like were sold out. • A jacket that has beads on it is mine. สรุปเรื่อง relative pronoun 1. Relative pronoun ได้แก่คำว่า who, whom, whose, which, that, where, when, why 2. จะใช้ relative pronoun ในการเชื่อมประโยคหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งใด ๆ 3. Relative clause คือประโยคย่อยที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำนามหรือคำสรรพนาม โดยมักจะขึ้นต้นด้วย relative pronoun 4. ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักมีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (จำเป็น) เราจะไม่ใช้ คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (I don’t like people who slam doors.) 5. ถ้าตัด relative clause ทิ้ง แล้วประโยคหลักไม่ได้มีใจความสำคัญเปลี่ยนไป (ไม่จำเป็น) เราจะ ใช้คอมม่าคั่นระหว่าง relative clause กับประโยคหลัก (My father, who lives in Bangkok, is an engineer.) 6. Relative pronoun ส่วนใหญ่จะเป็นได้ทั้งประธานและกรรม ยกเว้น whom ที่จะเป็นได้แค่ กรรมเท่านั้น 7. การใช้ relative pronoun เป็นกรรม เราสามารถละ relative pronoun ได้ เช่น The person (who / whom / that) I met yesterday is Tim. 8. การใช้ relative pronoun แทนสิ่งต่าง ๆ จะมีข้อกำหนดว่าเราจะใช้ตัวไหนแทนสิ่งใดได้บ้าง คน – who, whom (กรรม), whose, that สัตว์ – who (สัตว์เลี้ยง), whose, which, that สิ่งของ, สิ่งไม่มีชีวิต, สิ่งที่เป็นนามธรรม – whose, which, that 9. Where, when, why เป็น relative pronoun ที่มีขอบเขตการใช้ค่อนข้างเฉพาะ โดยเราจะใช้ where แทนสถานที่ ใช้ when แทนเวลา และใช้ why แทนเหตุผล 10. เมื่อ relative pronoun เป็นกรรม การใช้ preposition ใน relative clause กับ whose และ which เราสามารถนำ preposition มาไว้ข้างหน้า whose กับ which ได้ แต่มักจะทำเฉพาะในการเขียนที่ เป็นทางการ 11. เมื่อใช้ whom การใช้ preposition ใน relative clause เราจะนำ preposition มาไว้ ข้างหน้า whom ขั้นที่ 3 ขั้นฝึกฝนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์ (Practice) 3.1 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดบน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Choose the best alternative. There are 10 questions in this quiz and each question has only one true answer.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 303 1. Children…………………..…………….eat a lot of candy often get bad teeth. 1) which 2) who 3) where 4) whose 2. Here is the newspaper…………………..…………….is in my room. 1) which 2) where 3) who 4) whose 3. The book…………………..…………….you gave me is great. 1) that 2) who 3) whose 4) when 4. This is the town…………………..…………….I was born. 1) who 2) that 3) which 4) where 5. I sent all the letters…………………..…………….you gave me. 1) where 2) who 3) that 4) whose 6. The boy…………………..…………….father is a doctor often visits me. 1) that 2) where 3) who 4) whose 7. My uncle…………………..…………….is a teacher has got three children. 1) whose 2) where 3) which 4) who 8. This is the school…………………..…………….I learned English. 1) that 2) who 3) where 4) which 9. My sister…………………..…………….lives in Istanbul is going to visit us. 1) where 2) that 3) whose 4) which 10. That pencil…………………..…………….is on your desk belongs to me. 1) which 2) where 3) who 4) whose Answer Key 1. who 2. which 3. that 4. where 5. that 6. whose 7. who 8. where 9. that 10. which ขั้นที่ 4 ขั้นนำไปใช้หรือการบูรณาการความรู้ (Production) 4.1 นักเรียนทำแบบฝึกหัดRelative Pronoun ในเอกสารประกอบการเรียน 4.2 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดRelative Pronoun ในเอกสารประกอบการเรียน หากมีข้อ ใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 304 ขั้นที่ 5 ขั้นสรุปความรู้ที่ได้รับจากกระบวน การเรียนรู้ (Wrap up) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้เรื่อง Relative Pronoun พร้อมทั้งช่วยกันยกตัวอย่างประโยคจำนวน 5 ประโยคเพื่อเป็นการทดสอบความเข้าใจของนักเรียน 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Relative Pronouns 3. ใบงานเรื่อง Relative Pronouns 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Relative Pronouns ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 305 บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 306 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง Do you have a good time? แผนการจัดการเรียนรู้ที่22 เรื่อง Relative Pronouns (Revision) รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็นอย่างมี เหตุผล มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ ได้อย่าง เหมาะสมกับกาลเทศะ 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.1 ม.3/1 ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน ต 2.1 ม.3/1 เลือกใช้ภาษา น้ำเสียง และกิริยาท่าทาง เหมาะกับบุคคลและโอกาส ตามมารยาทสังคม และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม.3/2 อธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในการใช้คำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายต่าง ๆ ได้ - นักเรียนมีความรู้ในการใช้ Relative Pronoun ในการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของ เจ้าของภาษา - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - เขียนประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ในคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายต่าง ๆ ได้ ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา - เขียนประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ในรูปแบบการสนทนา ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรม ของเจ้าของภาษาได้ - เขียนอธิบายเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษาโดยใช้ Relative Pronouns ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 307 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในในการสนทนา การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบรับ และปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Relative Pronouns ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา สามารถค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และ นำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการใช้ภาษาที่ใช้ในในการสนทนา การแสดงความต้องการ เสนอและให้ความช่วยเหลือ ตอบ รับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Relative Pronouns ตามมารยาทสังคมและ วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ขนบธรรมเนียมและประเพณีของเจ้าของภาษา สามารถค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่งเรียนรู้และ นำเสนอด้วยการพูดและการเขียน 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 5 : Do you have a good time? 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 5 : Do you have a good time? 3. การใช้ Relative Pronouns ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 308 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Relative Pronouns 2. ชิ้นงาน - 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียนโดยนักเรียนช่วยกันบอกหลักการใช้Relative Pronouns 1.2 นักเรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.3 นักเรียนวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนเขียนบนกระดาน ว่าประโยคที่เขียนเป็นประโยคที่ใช้ Relative Pronouns แบบใด 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนนำประโยคทีมีRelative Pronouns ที่นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียงประโยคใหม่ในสมุด ของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็นการ Relative Pronouns อะไรพร้อมเขียนโครงสร้างประกอบตามตัวอย่าง ชิ้นงาน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 309 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูตัวอย่างประโยคโดยใช้ Relative Pronoun ที่ครูเขียนบนกระดาน และฟังครูอธิบาย 3.2 นักเรียนออกมานำเสนอการใช้ประโยคจาก Relative Pronouns บนกระดาน 3.3 นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค 3.4 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจการใช้Relative Pronouns 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคนเชื่อมประโยคโดยใช้Relative Pronouns ของตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน 4.2 นักเรียนตัวแทนสุ่มตัวอย่าง Relative Pronouns มาวิเคราะห์และอธิบายให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนและ ครูฟัง 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปหลักการใช้Relative Pronouns อีกครั้ง และยกตัวอย่างประโยคเพื่อให้ครู ตรวจสอบเข้าใจของนักเรียน 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Relative Pronouns 3. ใบงานเรื่อง Relative Pronouns 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Relative Pronouns ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 310 ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 311 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Accidents happen! รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 6 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่องที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง / ข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการเลือกใช้ Reported Speech โดยการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้ Reported Speech เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 312 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการเลือกใช้ Reported Speech โดยการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำ ชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหม าะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้ Reported Speech เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 3. การใช้โครงสร้าง Reported Speech 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 4.1 ความสามารถในการสื่อสาร 4.2 ความสามารถในการคิด 4.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 4.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 4.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 5.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 6.2 ทักษะการเขียน (Writing) 6.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 6.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 6.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 6.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 313 6.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 6.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 6.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 6.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 7. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 7.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 7.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 7.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 8. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 - ใบงานเรื่อง Reported Speech 2. ชิ้นงาน - 9. การวัดและประเมินผล 9.1 การวัดและประเมินผลชิ้นงาน / ภาระงาน 1. วิธีการ 1. ตรวจใบงานเรื่อง Vocabulary 2. ตรวจแบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ตรวจใบงานเรื่องReported Speech 2. เครื่องมือ 1. ใบงานเรื่อง Vocabulary 2. แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 3. ใบงานเรื่อง Reported Speech 3. เกณฑ์ 1. ตรวจใบงานร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 314 9.2 การวัดและประเมินผลระหว่างการจัดกิจกรรม ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 3 ใบงานเรื่อง Reported Speech ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 10. กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องที่ 1 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนส่งตัวแทนอาสาสมัคร 1 คน ออกมาเล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองหรือกับ บุคคลที่นักเรียนรู้จัก ถ้านักเรียนไม่สามารถเล่าเป็นเรื่องราวได้ ครูอาจใช้คำถามนำดังนี้ Teacher : What happened? Student : I cut my finger yesterday. Teacher : What were you doing when you cut your finger? Student : I was trying to chop the beef. Teacher : You cut your finger when you were trying to chop the beef. 1.2 นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 และหน้าที่ 39 และช่วยกันตอบคำถามดังต่อไปนี้ Teacher : What happened to Daniel? Students : He burned his hand. Teacher : What happened to James? Students : He fell into the fountain.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 315 1.3 นักเรียนทำกิจกรรม New language ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 โดยนักเรียนนักเรียนตอบคำถามดังต่อไปนี้ • Which of the following accidents are common in your country? 1.4 นักเรียนทำกิจกรรม Language Check : Answer true or false about the picture ในหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Language Check : Answer true or false about the picture ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Practice : Ask and answer ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 39 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 หน้าที่ 40 2.2 นักเรียนจับคู่เพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 - 2 คู่เพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 40 กิจกรรม About the conversation 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 40 กิจกรรม About the conversation หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : What were you doing when the lights went out? ในหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องจากการทำกิจกรรม Reading : What were you doing when the lights went out? ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 2.7 นักเรียนทำกิจกรรม About the reading ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 2.8 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม About the reading ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอน อธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน 3.3 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.4 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.5 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 3 ประโยค 3.6 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 316 3.7 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Accidents happen! เพิ่มเติม 3.8 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของนักเรียน จากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ เรื่องที่ 2 เรื่อง Reported Speech จำนวนเวลาเรียน 4 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es และแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) ชั่วโมงที่ 1 - 2 (วิธีการสอน Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูรูปภาพ Reported Speech บนกระดาน พร้อมช่วยกันแสดง ความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Reported speech จาก https://www.youtube.com/ watch? v=KaB01V4EyE0 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Reported speech จาก https://www.youtube.com/watch? v=PaP4NuTKJbE 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 317 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Reported Speech ; Statements Reported Speech คือ คำพูดรายงาน การใช้ Reported Speech หรือที่เรียกว่า Indirect Speech จำเป็นก็ต่อเมื่อ เราต้องการอธิบายสิ่งที่เป็นคำพูดของคนอื่น แล้วเราต้องการนำมาพูดอีกครั้งหนึ่ง วิธีการทำ Reported Speech ; Statements การทำประโยคตั้งต้นหรือที่เราเรียกว่า Direct Speech ให้เป็น Reported Speech เราจะต้องดู ทั้งหมด 3 กรณี คือ 1. คําสรรพนาม 2. Tense 3. สถานที่และเวลา ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะต้องเปลี่ยนไปจากประโยคต้นฉบับเพื่อให้ทราบว่าประโยคที่เรากำลังสื่อถึงเป็น เพียง Reported Speech เมื่อทำประโยคเป็น Reported Speech แล้ว จะไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด หรือเครื่องหมาย คำถาม เนื่องจากได้เปลี่ยนประโยคมาเป็นประโยค Reported Speech แล้ว วิธีการเปลี่ยนทั้ง 3 ส่วนใน Reported Speech ; Statements 1. คำสรรพนาม ทุกครั้งที่เราทำประโยค Reported Speech ; Statements จะต้องเปลี่ยนคำสรรพนามที่เป็น ประโยคตั้งต้น เพื่อสื่อถึงผู้พูด • He says, “My dad mows the lawn.” เป็น He says that his dad mows the lawn. • She said, “I’ll come later.” เป็น She said that she would come later. • They advised, “Why don’t you take the shortcut?” เป็น They advised me why I did not take the shortcut. 2. Tense การใช้ Tense ใน Reported Speech ; Statements ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้นใน กรณีที่ประโยคนั้นเริ่มต้นด้วย Past simple tense Direct Speech Reported Speech Simple Present David said, “I love this food.” Simple Past David said that he loved that food. Present Continuous She said, “I’m setting off now.” Past Continuous She said that she was setting off then.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 318 แต่ถ้าประโยคนั้นเริ่มต้นด้วย Present simple tense เราไม่ต้องเปลี่ยนประโยคให้เป็นอดีต มากขึ้น เช่น • He says, “I decided to stay here for a while.” เป็น He says he decided to stay there for a while. ซึ่งจะเปลี่ยนแค่คำว่า I เป็น he และคำว่า here เป็น there เท่านั้น นอกจากนี้กริยาช่วยหรือที่เราเรียกว่า Modal verb ก็ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้นตามใน ตาราง Direct Speech Reported Speech may might can could must had to will would 3. สถานที่และเวลา คำที่ใช้บอกสถานที่และเวลาในประโยค Direct Speech จะต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจได้ว่าประโยคนี้เป็น Reported Speech มีวิธีการเปลี่ยนคำต่าง ๆ ดังนี้ 3.1 คำบอกเวลา today, now, yesterday,… days ago, last week, next year, tomorrow, that day, then, the day before, …days before, the week before, the following year, the next day / the following day 3.2 คำบอกสถานที่here, there 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียนและ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Reported Speech; Statements บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Rewrite the direct speech as reported speech to complete the sentences. Use contractions where possible. 1. I’ll send you a postcard. He told us……………………………………………….……………………………………………………………………………….. . 2. We’ve bought a new car. They told me…………………………….……………………………………………………………………………………………….. . 3. I don’t speak German. She said that…………………………….…………………………….………………………………………………………………….. . 4. You failed your art exam. You said that…………………………….……………………………………………………………………………………………….. . 5. I can’t drive. He said…………………………….………………………………………………………………………………………………………….. . 6. You look nice. He told me that…………………………….……………………………………………………………………………………….. .


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 319 7. We’re going ice-skating. They said they…………………………….…………………………………….……………………………………………………….. . 8. The students aren’t listening to me. The teacher said the students…………………………………………………………………………………………….. . 9.“I love the Toy Story films,” she said. She said………………………………………………………..…………………………………………………………………………….. . 10.We lived in China for five years. She told me………………………………………………………..………………………………………………………………….. . Answer Key 1. He told us that he had send us a postcard 2. They told me they had bought a new car. 3. She said that she didn’t speak German. 4. You said that we had failed our art exam. 5. He said he couldn’t drive. 6. He told me that I looked nice. 7. They said they were going ice-skating. 8. The teacher said the students weren’t listening to her. 9.She said she loved the Toy Story films. 10.She told me they’d lived in China for five years. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Reported Speech ; Statements จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Reported Speech ; Statements 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของReported Speech ; Statements 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Reported Speech ; Statements ชั่วโมงที่ 3 - 4 (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint ดังนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 320 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยคดังกล่าวว่ามีความหมายว่าอย่างไร มี การใช้โครงสร้างประโยคแบบใด ประโยคที่เป็นสีแดงคือประโยคแบบใด โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อนและปาน กลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการรวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน 2.3 นักเรียนกลุ่มที่ 1 - 2 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง Reported Speech Yes/No Questions จาก https://www.youtube.com/watch?v=kVCkASOGbTg 2.4 นักเรียนกลุ่มที่ 3 - 4 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง Reported Speech Wh-Questions จาก https://www.youtube.com/watch?v=gjvEFDMNUMs 2.5 นักเรียนกลุ่มที่ 5 - 6 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง English Grammar: Reported speech - Commands & requests จาก https://www.youtube.com/watch?v=s0juuT6uDPc 2.6 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนต่างกลุ่มฟังจนครบทุกกลุ่ม ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องReported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests Reported Speech – Question คือ ประโยคที่นำเอาคำพูดของคนหนึ่งมาเล่าให้อีกคนหนึ่งฟัง ให้อยู่ในรูปของประโยคคำถาม หลักการเปลี่ยนจากประโยค Direct Speech เป็น Reported Speech สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ 1. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) ซึ่งมีหลักการเปลี่ยนดังนี้ 1.1 ใช้กริยานำในประโยคหลัก ดังนี้ • ask / asked (ถาม) • want to know / wanted to know (อยากรู้) • inquire / inquired (สอบถาม) • wonder / wondered (สงสัย)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 321 1.2 ใช้ “if”, “whether”, “whether or not” หรือ “whether…or not” เป็นตัวเชื่อม ประโยค 1.3 ทำประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า และตัดเครื่องหมาย “?” ออก ตัวอย่างการเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็น Reported Speech ask / asked (ถาม) • Direct Speech : He asked, “Can I borrow your pen?” Reported Speech : He asked if he could borrow my pen. inquire / inquired (สอบถาม) • Direct Speech : She said to the customer, “Can I have your name, please?” • Reported Speech : She inquired the customer whether or not she could have his name. want to know / wanted to know (อยากรู้) • Direct Speech : He said to me, “Do you have children?” • Reported Speech : He wanted to know whether I had children or not. wonder / wondered (สงสัย) • Direct Speech : He said, “Is it delicious?” • Reported Speech : He wondered if it was delicious. 2. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Question Words (Wh- Questions) มีหลักการเปลี่ยน ดังนี้ 2.1 ใช้กริยานำในประโยคหลัก เช่นเดียวกับการสร้าง Reported Speech สำหรับประโยค คำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) 2.2 ใช้ Question words ซึ่งได้แก่ Who, Whom, What, Which, When, Why, Where และ How เป็นตัวเชื่อม 2.3 ทำประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า และตัดเครื่องหมาย “?” ออก ตัวอย่างเช่น • Direct Speech : He said to me, “Where are the apples?” Reported Speech : He asked me where the apples were. • Direct Speech : He asked, “Where are you going?” Reported Speech : He asked where I was going. • Direct Speech : She said to him, “How did you make it?” Reported Speech : She asked him how he had done it. 3. Commands or Requests ประโยคคำสั่ง อนุญาต เสนอแนะ และขอร้อง หลักในการเปลี่ยนก็จะมีการเปลี่ยน Tense หรือ ข้อความบอกเวลาและข้อความที่บ่งบอก ความใกล้-ไกล เหมือนกับ Reported Statement แต่จะมีจุดที่แตกต่างกัน ดังนี้ 3.1 กริยานำ คือ tell/told (บอก), order/ordered (สั่ง), ask/asked (ขอร้อง), command/commanded (สั่ง) 3.2 ถอดเครื่องหมายคำพูดออก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 322 3.3 ใช้ to + V1 ในการขอร้อง แนะนำ บอก หรือ สั่งให้ทำ ถ้าเป็นปฏิเสธหรือห้ามทำ ใช้not to + V1 อีกประการหนึ่งก็คือถ้าประโยค Direct Speech นั้นไม่มีกรรม ให้เติมกรรมลงไปในประโยค Reported Speech และถ้าหากมีคำว่า “Please” ในประโยค Direct Speech ให้ตัดทิ้งด้วยเช่นกัน เช่น • Direct Speech: He asked, “Please let me go to the party.” Indirect Speech: He asked me to let her go to the party. • Direct Speech: Doctor advised, “Don’t smoke” Indirect Speech: Doctor advised me not to smoke. 3.4 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่องReported Speech, Statements, Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the Conditional Sentences (Type III) by putting the verbs into the correct form. Use conditional II with would in the main clause. 1. Can I invite a friend of mine? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 2. Are you sure? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 3. Did you enjoy going there? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 4.What time shall we get back? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 5.Where did you go last weekend? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 6.Where are we going to spend the night? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 7.“Put the box here,” he told me. He told me…………………………………………………………..………………………………………………………………….. . 8.“Stop laughing at me, please,” she asked me. She asked me…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 9.“Please, get in touch with them today,” he asked me. He asked me………………………………………………………………………………………………………………………….. . 10.“Do not hesitate for too long,” he told me. He told me………………………………………………………..………………………………………………………………….. . Answer Key 1. She asked him if/whether she could invite a friend of her. 2. She asked him if/whether he was sure. 3. She asked him if/whether he had enjoyed going there. 4. She asked him what time they should get back. 5. She asked him where he had gone the previous weekend/the weekend before.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 323 6. She asked him where he was going the next weekend/the following weekend. 7. He told me to put the box there 8. She asked me to stop laughing at her. 9. He asked me to get in touch with them that day. 10. He told me not to hesitate for too long. 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Reported Speech; Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests บน PowerPoint 3.6 นักเรียนทำใบงาน Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests จากแหล่งเรียนรู้ Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบ กระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests แล้วร่วมกันสรุปเป็นความรู้ 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนเรื่อง Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests 5.2 นักเรียนนำใบกระดาษฟรุ๊ปของนักเรียนแต่ละกลุ่มนำไปเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้ายนิเทศหน้า ห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องที่ 3 เรื่อง Reported Speech (Revision) จำนวนเวลาเรียน 1 ชั่วโมง วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es) กิจกรรมการเรียนรู้(Active Learning) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนบอกหลักการเปลี่ยนประโยค Direct Speech และเปลี่ยนเป็นประโยค Reported Speech 1.2 นักเรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน 1.3 นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ประโยคที่ตัวแทนเขียนบนกระดาน ว่าประโยคที่เขียนเป็นประโยค Direct Speech และเปลี่ยนเป็นประโยค Reported Speech ได้อย่างไร


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 324 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนนำประโยคที่อยู่ในรูปของ Direct Speech และเปลี่ยนเป็นประโยค Reported Speech ที่ นักเรียนพบในข่าว มาเขียนเรียงประโยคใหม่ในสมุดของนักเรียนและเขียนอธิบายว่าเป็น Tense อะไรพร้อมเขียน โครงสร้างประกอบ 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนเลือกตัวอย่างประโยคเขียนบนกระดาน และส่งตัวแทนนักเรียนออกมานำเสนอการเปลี่ยน ประโยคจาก Direct Speech และเป็นประโยค Reported Speech บนกระดาน 3.2 นักเรียนร่วมกันอภิปรายวิเคราะห์ประโยคบนกระดาน 2 - 3 ประโยค 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมจากการนำเสนอของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนเข้าใจการเปลี่ยนประโยค จาก Direct Speech และเป็นประโยค Reported 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนแต่ละคนเปลี่ยนประโยคจาก Direct Speech และเป็นประโยค Reported Speech ของ ตนเองแลกเปลี่ยนกับของเพื่อน แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน 4.2 นักเรียนสุ่มตัวอย่าง Reported Speech และนำมาช่วยกันวิเคราะห์และอธิบายให้สมาชิกในห้องฟัง ร่วมกัน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปหลักการเปลี่ยนประโยคจาก Direct Speech และเป็นประโยค Reported Speech ให้เพื่อนในห้องเรียนฟังอีกครั้ง และยกตัวอย่างประโยคให้ทุกคนเข้าใจมากขึ้น


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 325 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Accidents happen! แผนการจัดการเรียนรู้ที่21 เรื่อง Vocabulary, reading and conversation รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่องที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง / ข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พูดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและบุคคลใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจใน ชีวิตประจำวัน ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา - เขียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและบุคคลใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจใน ชีวิตประจำวันได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 326 - พูดและเขียนประโยคเกี่ยวกับข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมโดยใช้ใช้ คำศัพท์ (Vocabulary) ต่าง ๆ ได้ - เขียนประโยคโดยใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของ โรงเรียนได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการเลือกใช้คำศัพท์(Vocabulary) ในการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการเลือกใช้คำศัพท์ (Vocabulary) ในการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำ ชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้คำศัพท์ (Vocabulary) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 3. การใช้ Vocabulary ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 327 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Vocabulary - แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ชิ้นงาน -


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 328 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Vocabulary, reading and conversation วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบค้นพบ Discovery Method) ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1.1 นักเรียนส่งตัวแทนอาสาสมัคร 1 คน ออกมาเล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองหรือกับ บุคคลที่นักเรียนรู้จัก ถ้านักเรียนไม่สามารถเล่าเป็นเรื่องราวได้ ครูอาจใช้คำถามนำดังนี้ Teacher : What happened? Student : I cut my finger yesterday. Teacher : What were you doing when you cut your finger? Student : I was trying to chop the beef. Teacher : You cut your finger when you were trying to chop the beef. 1.2 นักเรียนดูภาพในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 และหน้าที่ 39 และช่วยกันตอบคำถามดังต่อไปนี้ Teacher : What happened to Daniel? Students : He burned his hand. Teacher : What happened to James? Students : He fell into the fountain. 1.3 นักเรียนทำกิจกรรม New language ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 โดยนักเรียนนักเรียนตอบคำถามดังต่อไปนี้ • Which of the following accidents are common in your country? 1.4 นักเรียนทำกิจกรรม Language Check : Answer true or false about the picture ในหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 1.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม Language Check : Answer true or false about the picture ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 38 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ ถูกต้องให้ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 1.6 นักเรียนทำกิจกรรม Practice : Ask and answer ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 หน้าที่ 39 2. ขั้นเรียนรู้ 2.1 นักเรียนฟังบทสนทนาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 หน้าที่ 40 2.2 นักเรียนจับคู่เพื่อฝึกบทสนทนา และส่งตัวแทนออกมา 1 - 2 คู่เพื่อออกมาพูดบทสนทนา 2.3 นักเรียนทำกิจกรรมตอบคำถามในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 40 กิจกรรม About the conversation 2.4 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 40 กิจกรรม About the conversation หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ ครูผู้สอนอธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 2.5 นักเรียนทำกิจกรรม Reading : What were you doing when the lights went out? ในหนังสือ เรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 329 2.6 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องจากการทำกิจกรรม Reading : What were you doing when the lights went out? ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 2.7 นักเรียนทำกิจกรรม About the reading ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 2.8 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยกิจกรรม About the reading ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 หน้าที่ 43 หากมีข้อใดที่นักเรียนยังตอบได้ไม่ถูกต้องให้ครูผู้สอน อธิบายคำตอบให้นักเรียนฟังเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น 3. ขั้นนำไปใช้ 3.1 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนออกมาเขียนความหมายคำศัพท์บนกระดาน ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงคำศัพท์ใน บทเรียนร่วมกัน 3.3 นักเรียนทำใบงานแบบฝึกหัดเกี่ยวกับคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.4 นักเรียนฟังครูพูดคำอธิบายคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน 3.5 นักเรียนแต่งประโยคโดยใช้คำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน คนละ 3 ประโยค 3.6 นักเรียนนำเสนอประโยคที่แต่งหน้าห้องเรียน 3.7 นักเรียนศึกษาคำศัพท์ในเอกสารประกอบการเรียน และคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Accidents happen! เพิ่มเติม 3.8 นักเรียนฟังครูอธิบายเพิ่มเติมในการแต่งประโยคของนักเรียน และประเมินความเข้าใจของนักเรียน จากการนำเสนอหน้าห้องว่านักเรียนแต่งประโยคได้ถูกต้องหรือไม่ 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Vocabulary 3. ใบงานเรื่อง Vocabulary 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Vocabulary, reading and conversation ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 330 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล (ต่อ) ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 2 แบบฝึกหัดเรื่อง Reading and conversation ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ Access 3 Student’s book ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ตรวจแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 331 โรงเรียนแผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 เรื่อง Accidents happen! แผนการจัดการเรียนรู้ที่23 เรื่อง Reported Speech รหัสวิชา อ23121 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 5 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ปีการศึกษา 2566 ภาคเรียนที่ 1 เวลา 4 ชั่วโมง ผู้สอน นายสุจินดา ปรากฏวงศ์ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด 1.1 มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึก และความ คิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็นพื้นฐานใน การพัฒนา แสวงหาความรู้และเปิดโลกทัศน์ของตน มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมโลก 1.2 ตัวชี้วัด ต 1.2 ม.3/1 สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ต 1.3 ม.3/2 พูดและเขียนสรุปใจความสำคัญ / แก่นสาระ หัวข้อเรื่องที่ได้จากการวิเคราะห์เรื่อง / ข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคม ต 3.1 ม.3/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปข้อมูล / ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นจาก แหล่งเรียนรู้และนำเสนอด้วยการพูดและการเขียน ต 4.2 ม.3/2 เผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็น ภาษาต่างประเทศ 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) - นักเรียนมีความรู้ในใช้ภาษาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ใน ชีวิตประจำวันได้ - นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับเรื่อง Reported Speech 2.2 ด้านทักษะกระบวนการ (P) - พูดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและบุคคลใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจใน ชีวิตประจำวัน ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 332 - เขียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเองและบุคคลใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจใน ชีวิตประจำวันโดยใช้ Reported Speech ได้ถูกโครงสร้างตามหลักภาษา - พูดประโยคเกี่ยวกับข่าว เหตุการณ์ / สถานการณ์ที่อยู่ในความสนใจของสังคมโดยใช้ Reported Speech ได้ - เขียนประโยคเกี่ยวกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้ Reported Speech ได้ - พูดนำเสนอข้อมูลโดยใช้ Reported Speech ได้ - เขียนประโยคโดยใช้ Reported Speech เพื่อเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ได้ 2.3 คุณลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) - ความสามารถในการฟัง พูด อ่าน และเขียน - ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 3. สาระสำคัญ / ความคิดรวบยอด ความรู้ในการเลือกใช้ Reported Speech โดยการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหมาะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้ Reported Speech เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4. สาระการเรียนรู้ 4.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง ความรู้ในการเลือกใช้ Reported Speech โดยการพูดและเขียน ปฏิบัติตามคำขอร้อง คำแนะนำ คำ ชี้แจง และคำอธิบายที่ฟังและอ่าน สนทนาและเขียนโต้ตอบข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัว สถานการณ์ ข่าว เรื่องที่อยู่ในความสนใจของสังคมและสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเหม าะสมกับบุคคลและโอกาสโดยใช้ Reported Speech เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เรื่องใกล้ตัว สถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันเผยแพร่ / ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถิ่นเป็นภาษาต่างประเทศ 4.2 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น 1. คำศัพท์ในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 2. บทสนทนาในเรื่อง Unit 6 : Accidents happen! 3. การใช้ Reported Speech ในรูปแบบต่าง ๆ 5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 5.1 ความสามารถในการสื่อสาร 5.2 ความสามารถในการคิด 5.3 ความสามารถในการแก้ปัญหา 5.4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5.5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 333 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 6.1 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (ตามหลักสูตรแกนกลาง) 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต 3) มีวินัย 4) ใฝ่เรียนรู้ 5) อยู่อย่างพอเพียง 6) มุ่งมั่นในการทำงาน 7) รักความเป็นไทย 8) มีจิตสาธารณะ 6.2 คุณลักษณะตามหลักสูตรมาตรฐานสากล 1) มีความรู้พื้นฐานในยุคดิจิตอล วิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ เทคโนโลยี รู้ภาษา พหุวัฒนธรรม ตระหนักสำนึกระดับโลก 2) สามารถคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ปรับตัวใฝ่รู้ ใฝ่เรียน วิเคราะห์ สังเคราะห์สรุป สร้างองค์ความรู้ 3) มีทักษะสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ 4) มีความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต 5) มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 7. ทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R 7C เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 7.1 ทักษะการอ่าน (Reading) 7.2 ทักษะการเขียน (Writing) 7.3 ทักษะการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7.4 ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical thinking and problem solving) 7.5 ทักษะด้านการสร้างสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and innovation) 7.6 ทักษะด้านความร่วมมือการทำงานเป็นทีมและภาวะผู้นำ (Collaboration, teamwork and leadership) 7.7 ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross-cultural understanding) 7.8 ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ (Communication information and media literacy) 7.9 ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing) 7.10 ทักษะอาชีพและทักษะการเรียนรู้ (Career and learning self-reliance, change) 8. การบูรณาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (เฉพาะที่เกิดในหน่วยการเรียนรู้นี้) 8.1 บูรณาการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน 8.2 บูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง 8.3 บูรณาการห้องเรียนสีเขียว 8.4 อื่น ๆ (โปรดระบุ)................................................................................................................................................. 9. ชิ้นงาน / ภาระงาน 1. ภาระงาน - ใบงานเรื่อง Reported Speech 2. ชิ้นงาน -


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 334 10. กิจกรรมการเรียนรู้ (Active Learning) เรื่อง Reported Speech วิธีการสอน (วิธีการสอนแบบ Inquiry Method : 5Es และแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ชั่วโมงที่ 1 - 2 (วิธีการสอน Inquiry Method : 5Es) 1. สร้างความสนใจ (Engage) 1.1 นักเรียนเข้าสู่บทเรียน โดยนักเรียนดูรูปภาพ Reported Speech บนกระดาน พร้อมช่วยกันแสดง ความคิดเห็น 1.2 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint พร้อมร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพ และประโยคที่นักเรียนเห็น 2. สำรวจและค้นหา (Explore) 2.1 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Reported speech จาก https://www.youtube.com/ watch? v=KaB01V4EyE0 2.2 นักเรียนดูวิดีโอคลิปเรื่อง Reported speech จาก https://www.youtube.com/watch? v=PaP4NuTKJbE 2.3 นักเรียนช่วยกันสรุปความรู้ที่ได้จากการดูโอคลิปทั้ง 2 วิดีโอคลิป 3. อธิบาย (Explain) 3.1 นักเรียนดูข้อมูลบน PowerPoint ดังนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 335 3.2 นักเรียนช่วยกันอธิบายข้อมูลบน PowerPoint โดยมีครูคอยช่วยเสริมข้อมูลเพิ่มเติม 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Reported Speech ; Statements Reported Speech คือ คำพูดรายงาน การใช้ Reported Speech หรือที่เรียกว่า Indirect Speech จำเป็นก็ต่อเมื่อ เราต้องการอธิบายสิ่งที่เป็นคำพูดของคนอื่น แล้วเราต้องการนำมาพูดอีกครั้งหนึ่ง วิธีการทำ Reported Speech ; Statements การทำประโยคตั้งต้นหรือที่เราเรียกว่า Direct Speech ให้เป็น Reported Speech เราจะต้องดู ทั้งหมด 3 กรณี คือ 1. คําสรรพนาม 2. Tense 3. สถานที่และเวลา ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะต้องเปลี่ยนไปจากประโยคต้นฉบับเพื่อให้ทราบว่าประโยคที่เรากำลังสื่อถึงเป็น เพียง Reported Speech เมื่อทำประโยคเป็น Reported Speech แล้ว จะไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำพูด หรือเครื่องหมาย คำถาม เนื่องจากได้เปลี่ยนประโยคมาเป็นประโยค Reported Speech แล้ว วิธีการเปลี่ยนทั้ง 3 ส่วนใน Reported Speech ; Statements 1. คำสรรพนาม ทุกครั้งที่เราทำประโยค Reported Speech ; Statements จะต้องเปลี่ยนคำสรรพนามที่เป็น ประโยคตั้งต้น เพื่อสื่อถึงผู้พูด • He says, “My dad mows the lawn.” เป็น He says that his dad mows the lawn. • She said, “I’ll come later.” เป็น She said that she would come later. • They advised, “Why don’t you take the shortcut?” เป็น They advised me why I did not take the shortcut. 2. Tense การใช้ Tense ใน Reported Speech ; Statements ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้นใน กรณีที่ประโยคนั้นเริ่มต้นด้วย Past simple tense Direct Speech Reported Speech Simple Present David said, “I love this food.” Simple Past David said that he loved that food. Present Continuous She said, “I’m setting off now.” Past Continuous She said that she was setting off then.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 336 แต่ถ้าประโยคนั้นเริ่มต้นด้วย Present simple tense เราไม่ต้องเปลี่ยนประโยคให้เป็นอดีต มากขึ้น เช่น • He says, “I decided to stay here for a while.” เป็น He says he decided to stay there for a while. ซึ่งจะเปลี่ยนแค่คำว่า I เป็น he และคำว่า here เป็น there เท่านั้น นอกจากนี้กริยาช่วยหรือที่เราเรียกว่า Modal verb ก็ต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้นตามใน ตาราง Direct Speech Reported Speech may might can could must had to will would 3. สถานที่และเวลา คำที่ใช้บอกสถานที่และเวลาในประโยค Direct Speech จะต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นอดีตมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้ฟังหรือผู้อ่านเข้าใจได้ว่าประโยคนี้เป็น Reported Speech มีวิธีการเปลี่ยนคำต่าง ๆ ดังนี้ 3.1 คำบอกเวลา today, now, yesterday,… days ago, last week, next year, tomorrow, that day, then, the day before, …days before, the week before, the following year, the next day / the following day 3.2 คำบอกสถานที่here, there 4. ขยายความรู้ (Elaborate) 4.1 นักเรียนศึกษาเนื้อหาเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียนและ ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้ Internet 4.2 นักเรียนทำแบบฝึกหัด Reported Speech; Statements บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Rewrite the direct speech as reported speech to complete the sentences. Use contractions where possible. 1. I’ll send you a postcard. He told us……………………………………………….……………………………………………………………………………….. . 2. We’ve bought a new car. They told me…………………………….……………………………………………………………………………………………….. . 3. I don’t speak German. She said that…………………………….…………………………….………………………………………………………………….. . 4. You failed your art exam. You said that…………………………….……………………………………………………………………………………………….. . 5. I can’t drive. He said…………………………….………………………………………………………………………………………………………….. . 6. You look nice. He told me that…………………………….……………………………………………………………………………………….. .


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 337 7. We’re going ice-skating. They said they…………………………….…………………………………….……………………………………………………….. . 8. The students aren’t listening to me. The teacher said the students…………………………………………………………………………………………….. . 9.“I love the Toy Story films,” she said. She said………………………………………………………..…………………………………………………………………………….. . 10.We lived in China for five years. She told me………………………………………………………..………………………………………………………………….. . Answer Key 1. He told us that he had send us a postcard 2. They told me they had bought a new car. 3. She said that she didn’t speak German. 4. You said that we had failed our art exam. 5. He said he couldn’t drive. 6. He told me that I looked nice. 7. They said they were going ice-skating. 8. The teacher said the students weren’t listening to her. 9.She said she loved the Toy Story films. 10.She told me they’d lived in China for five years. 4.2 นักเรียนทำใบงานเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียน 5. ประเมินผล (Evaluate) 5.1 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำแบบฝึกหัด Reported Speech ; Statements จำนวน 10 ข้อ 5.2 นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบคำตอบจากการทำใบงานเรื่อง Reported Speech ; Statements ในเอกสารประกอบการเรียน 5.3 นักเรียนและครูช่วยกันอธิบายถึงสาเหตุในการตอบคำถามหรือเลือกตอบในแต่ละข้อเพื่อให้นักเรียน ทุก ๆ คนเข้าใจหลักการใช้ Reported Speech ; Statements 5.4 นักเรียนและครูร่มกันสรุปหลักการของกฎต่าง ๆ ของReported Speech ; Statements 5.5 นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเนื้อหาเรื่อง Reported Speech ; Statements ชั่วโมงที่ 3 - 4 (วิธีการสอนแบบกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน : 5 STEPs) ขั้นที่ 1 การเรียนรู้ตั้งคำถาม (Learning to Question) 1.3 นักเรียนดูรูปภาพและประโยคบน PowerPoint ดังนี้


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 338 1.2 นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปภาพและประโยคดังกล่าวว่ามีความหมายว่าอย่างไร มี การใช้โครงสร้างประโยคแบบใด ประโยคที่เป็นสีแดงคือประโยคแบบใด โดยครูเปิดรับทุกคำตอบของนักเรียน ขั้นที่ 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search) 2.1 นักเรียนแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละเท่า ๆ กัน โดยสมาชิกประกอบไปด้วยนักเรียนเก่ง อ่อนและปาน กลาง 2.2 นักเรียนแต่ละกลุ่มทำการรวมกลุ่มศึกษาด้วยกัน 2.3 นักเรียนกลุ่มที่ 1 - 2 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง Reported Speech Yes/No Questions จาก https://www.youtube.com/watch?v=kVCkASOGbTg 2.4 นักเรียนกลุ่มที่ 3 - 4 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง Reported Speech Wh-Questions จาก https://www.youtube.com/watch?v=gjvEFDMNUMs 2.5 นักเรียนกลุ่มที่ 5 - 6 ศึกษาเรื่องดูวิดีโดคลิปเรื่อง English Grammar: Reported speech - Commands & requests จาก https://www.youtube.com/watch?v=s0juuT6uDPc 2.6 นักเรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดสิ่งที่ได้ศึกษามาให้เพื่อนต่างกลุ่มฟังจนครบทุกกลุ่ม ครูสุ่มถามเพื่อ ทดสอบความเข้าใจเป็นรายกลุ่ม ขั้นที่ 3 การเรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ (Learning to Construct) 3.1 นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องReported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.2 นักเรียนช่วยกันสรุปเนื้อเรื่องReported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.3 นักเรียนฟังครูอธิบายเรื่อง Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests Reported Speech – Question คือ ประโยคที่นำเอาคำพูดของคนหนึ่งมาเล่าให้อีกคนหนึ่งฟัง ให้อยู่ในรูปของประโยคคำถาม หลักการเปลี่ยนจากประโยค Direct Speech เป็น Reported Speech สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ 1. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) ซึ่งมีหลักการเปลี่ยนดังนี้ 1.1 ใช้กริยานำในประโยคหลัก ดังนี้ • ask / asked (ถาม) • want to know / wanted to know (อยากรู้) • inquire / inquired (สอบถาม) • wonder / wondered (สงสัย)


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 339 1.2 ใช้ “if”, “whether”, “whether or not” หรือ “whether…or not” เป็นตัวเชื่อม ประโยค 1.3 ทำประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า และตัดเครื่องหมาย “?” ออก ตัวอย่างการเปลี่ยนประโยค Direct Speech เป็น Reported Speech ask / asked (ถาม) • Direct Speech : He asked, “Can I borrow your pen?” Reported Speech : He asked if he could borrow my pen. inquire / inquired (สอบถาม) • Direct Speech : She said to the customer, “Can I have your name, please?” • Reported Speech : She inquired the customer whether or not she could have his name. want to know / wanted to know (อยากรู้) • Direct Speech : He said to me, “Do you have children?” • Reported Speech : He wanted to know whether I had children or not. wonder / wondered (สงสัย) • Direct Speech : He said, “Is it delicious?” • Reported Speech : He wondered if it was delicious. 2. ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Question Words (Wh- Questions) มีหลักการเปลี่ยน ดังนี้ 2.1 ใช้กริยานำในประโยคหลัก เช่นเดียวกับการสร้าง Reported Speech สำหรับประโยค คำถามที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่วย (Yes/No Questions) 2.2 ใช้ Question words ซึ่งได้แก่ Who, Whom, What, Which, When, Why, Where และ How เป็นตัวเชื่อม 2.3 ทำประโยคให้อยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า และตัดเครื่องหมาย “?” ออก ตัวอย่างเช่น • Direct Speech : He said to me, “Where are the apples?” Reported Speech : He asked me where the apples were. • Direct Speech : He asked, “Where are you going?” Reported Speech : He asked where I was going. • Direct Speech : She said to him, “How did you make it?” Reported Speech : She asked him how he had done it. 3. Commands or Requests ประโยคคำสั่ง อนุญาต เสนอแนะ และขอร้อง หลักในการเปลี่ยนก็จะมีการเปลี่ยน Tense หรือ ข้อความบอกเวลาและข้อความที่บ่งบอก ความใกล้-ไกล เหมือนกับ Reported Statement แต่จะมีจุดที่แตกต่างกัน ดังนี้ 3.1 กริยานำ คือ tell/told (บอก), order/ordered (สั่ง), ask/asked (ขอร้อง), command/commanded (สั่ง) 3.2 ถอดเครื่องหมายคำพูดออก


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 340 3.3 ใช้ to + V1 ในการขอร้อง แนะนำ บอก หรือ สั่งให้ทำ ถ้าเป็นปฏิเสธหรือห้ามทำ ใช้not to + V1 อีกประการหนึ่งก็คือถ้าประโยค Direct Speech นั้นไม่มีกรรม ให้เติมกรรมลงไปในประโยค Reported Speech และถ้าหากมีคำว่า “Please” ในประโยค Direct Speech ให้ตัดทิ้งด้วยเช่นกัน เช่น • Direct Speech: He asked, “Please let me go to the party.” Indirect Speech: He asked me to let her go to the party. • Direct Speech: Doctor advised, “Don’t smoke” Indirect Speech: Doctor advised me not to smoke. 3.4 นักเรียนช่วยกันตอบแบบฝึกหัดเรื่องReported Speech, Statements, Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests บน PowerPoint จำนวน 10 ข้อ Instructions : Complete the Conditional Sentences (Type III) by putting the verbs into the correct form. Use conditional II with would in the main clause. 1. Can I invite a friend of mine? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 2. Are you sure? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 3. Did you enjoy going there? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 4.What time shall we get back? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 5.Where did you go last weekend? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 6.Where are we going to spend the night? She asked him…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 7.“Put the box here,” he told me. He told me…………………………………………………………..………………………………………………………………….. . 8.“Stop laughing at me, please,” she asked me. She asked me…………………………………………………………..…………………………………………………………….. . 9.“Please, get in touch with them today,” he asked me. He asked me………………………………………………………………………………………………………………………….. . 10.“Do not hesitate for too long,” he told me. He told me………………………………………………………..………………………………………………………………….. . Answer Key 1. She asked him if/whether she could invite a friend of her. 2. She asked him if/whether he was sure. 3. She asked him if/whether he had enjoyed going there. 4. She asked him what time they should get back. 5. She asked him where he had gone the previous weekend/the weekend before.


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 341 6. She asked him where he was going the next weekend/the following weekend. 7. He told me to put the box there 8. She asked me to stop laughing at her. 9. He asked me to get in touch with them that day. 10. He told me not to hesitate for too long. 3.5 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยแบบฝึกหัดเรื่อง Reported Speech; Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests บน PowerPoint 3.6 นักเรียนทำใบงาน Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน 3.7 นักเรียนและครูร่วมกันเฉลยใบงาน Reported Speech; Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests ในเอกสารประกอบการเรียน ขั้นที่ 4 การเรียนรู้เพื่อการสื่อสาร (Learning to Communicate) 4.1 นักเรียนแต่ละกลุ่มรวบรวมข้อมูล Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests จากแหล่งเรียนรู้ Internet หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ โดยทำลงใบ กระดาษฟรุ๊ปที่ครูแจกให้ 4.2 ผู้แทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทำกิจกรรม หน้าชั้นเรียนโดยให้นำข้อมูลของแต่ละกลุ่มติด ที่กระดาน 4.3 นักเรียนและครูร่วมสนทนาเกี่ยวกับ Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, Wh-Questions and Commands & requests แล้วร่วมกันสรุปเป็นความรู้ 4.4 นักเรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่มว่าอยู่ในระดับใด โดยมีระดับการประเมิน 4 ระดับ คือ ปรับปรุง พอใช้ดีและดีมาก 4.5 นักเรียนเขียนสะท้อนเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ ปัญหาและอุปสรรคในการเรียน และความรู้สึกในการ เรียนชั่วโมงนี้ ขั้นที่ 5 การเรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม (Learning to Service) 5.1 นักเรียนช่วยกันสรุปบทเรียนเรื่อง Reported Speech, Statements, Yes/No Questions, WhQuestions and Commands & requests 5.2 นักเรียนนำใบกระดาษฟรุ๊ปของนักเรียนแต่ละกลุ่มนำไปเผยแพร่โดยการนำไปติดที่ป้ายนิเทศหน้า ห้องเรียนและบริเวณภายในห้องเพื่อให้นักเรียนห้องอื่นที่สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 11. สื่อการเรียนรู้ / แหล่งเรียนรู้ 11.1 สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ New World 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 2. ใบความรู้เรื่อง Reported Speech 3. ใบงานเรื่อง Reported Speech 11.2 แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสือพิมพ์ 2. อินเทอร์เน็ตหรือสื่ออื่น ๆ


หน่วยการเรียนรู้อิงมาตรฐาน รายวิชาภาษาอังกฤษ 5 (อ23121) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 หน้า 342 12. เกณฑ์การวัดและประเมินผล ลำดับ รายการที่วัดและประเมินผล วิธีการ เครื่องมือ เกณฑ์ 1 ใบงานเรื่อง Reported Speech ตรวจใบงานท้ายบท ใบงานท้ายบท นักเรียนให้ความ ร่วมมือในการทำ แบบฝึกหัดและตอบ ถูกร้อยละ 60 ขึ้นไป ผ่านเกณฑ์ 13. เกณฑ์การประเมิน 16 - 20 คะแนน ดีมาก 11 - 15 คะแนน ดี 6 - 10 คะแนน พอใช้ น้อยกว่า 6 คะแนน ควรปรับปรุง ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู บันทึกหลังการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ ผู้จัดทำ (นายสุจินดา ปรากฏวงศ์) ตำแหน่ง ครู วันที่..............เดือน..................................พ.ศ. .................


Click to View FlipBook Version