The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือ อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน สมบูรณ์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sutina.204, 2021-11-08 10:08:53

หนังสือ อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน สมบูรณ์

หนังสือ อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน สมบูรณ์

๑. ความเป็นมา

อิเหนา เป็นวรรณคดีที่มีมาแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี โดยมีที่มาจาก
นิทานปันหยีซึ่งเป็นคำสามัญที่ชาวชวาใช้เรียกวรรณคดีที่มีความสำคัญมากเรื่องหนึ่ง คือ
อเิ หนาปนั หยกี รัตปาตี

ซึ่งชาวชวาได้แต่งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ชวาพระองค์หนึ่งซึ่งเป็น
นักรบ นักปกครอง และทรงสร้างความเจริญให้แก่ชาวชวาเป็นอย่างมาก ทรงมีพระนามว่า
ไอรลังคะ ครองราชย์อยู่ที่เมืองดาฮา (ดาหา) เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๒ พระองค์ทรงมี
พระราชธิดา ๑ พระองค์ และพระราชโอรส ๒ พระองค์ เมื่อพระราชธิดาของพระองคไ์ ดท้ รง
เสด็จออกผนวชเป็นชีจึงได้แบ่งราชอาณาจักรเปน็ ๒ สว่ น คือ กุเรปันและดาหา เม่ือพระองค์
ส้ินพระชนม์พระราชโอรสพระองค์โตก็ครองเมืองกุเรปัน ส่วนพระราชโอรสพระองค์เล็ก
ครองเมืองดาหา ต่อมาท้าวกุเรปันได้ทรงมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งและท้าวดาหาทรงมี
พระราชธิดาพระองคห์ น่ึง ซึง่ ท้งั สองพระองค์มีพระนามว่า อิเหนา และบุษบา ดังที่ปรากฏอยู่
ในวรรณคดี เมื่อทั้งคู่ทรงเจริญพระชันษา อดีตพระราชธิดาของกษัตริย์ไอรลังคะที่เสด็จออก
ผนวชเป็นชีจึงมีพระดำริให้อิเหนา และบุษบาอภิเษกกัน เพื่อให้กุเรปันและดาหากลับมา
รวมกันเป็นราชอาณาจักรเดียวกันดั่งเดิม อิเหนาเป็นกษัตริย์ที่ทรงอานุภาพทรงปราบปราม
หวั เมอื งนอ้ ยใหญ่ให้อย่ใู นอำนาจจนไดช้ ่ือวา่ เป็น มหาราชพระองค์หน่ึง ในพระราชพงศาวดาร
ชวา อย่างไรก็ตามราชวงศ์ของอิเหนารุง่ เรอื งอยูเ่ พียง ๒๐๐ ปี จนเมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๗๖๔
ก็เสื่อมอำนาจเพราะถูกกษัตริย์อังรกะแย่งราชสมบัติและย้ายราชธานีไปอยู่ที่เมืองสิงคัสซารี
(สิงหัดสา่ หรี) แต่ในสมัยตอ่ มาได้ย้ายไปอย่ทู ี่เมืองมชั ปาหติ จนถงึ พ.ศ. ๒๐๐๐ ชวากต็ กอยู่ใน
อำนาจของชาวอินเดียทีน่ ับถือศาสนาอิสลาม ภายหลังก็ตกมาเปน็ เมืองขึ้นของโปรตเุ กสและ
ฮอลันดา ได้รับเอกราชและสถาปนาเป็นประเทศอินโดนีเซียเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๒ ชาวชวาถือวา่
อิเหนาเป็นวีรบุรุษ เป็นผู้มีฤทธิ์ เรื่องที่เล่าสืบต่อกันมา จนกลายเป็นนิทานจึงเต็มไปด้วย
อทิ ธฤิ ทธิ์ปาฏิหารยิ ์

อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น ๒

เนื่องจากนิทานปันหยี หรือ อิเหนาเป็นเรื่องราว ที่ได้รับความนิยมจากชาวชวาเป็น
อย่างมากเนื้อเรื่องจึงปรากฏเป็นหลายสำนวนหลายฉบับ และเมื่อเข้าสู่ประเทศไทย มีคำ
กล่าวกันว่า พระราชธิดาในสมเดจ็ พระเจ้าอยูห่ วั บรมโกศกบั เจ้าฟ้าสังวาลย์ คือ เจ้าฟ้ากุณฑล
และเจ้าฟ้ามงกุฎได้ทรงฟังนิทานปันหยีจากนางกำนัลชาวมลายูที่ได้มาจากเมืองปัตตานี
พระราชธิดาทั้งสองพระองค์จึงมีพระดำริที่จะทรงนิพนธ์นิทานเรื่องนี้ขึ้น เจ้าฟ้ากุณฑล
ทรงนิพนธ์ เป็นบทละครเรื่อง ดาหลัง และเจ้าฟ้ามงกุฎทรงนิพนธ์เป็นบทละครเรื่อง อิเหนา
แต่คนทวั่ ไปมักเรียกบทพระนพิ นธ์ของทั้งสองพระองค์ว่า อิเหนาใหญ่ และ อเิ หนาเลก็ นิทาน
ปนั หยขี องไทยจงึ มี ๒ สำนวนแต่นั้นมา

อย่างไรก็ตาม แม้เมื่อเริ่มสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะโปรดเกล้าฯ ให้นำมาเล่น
เป็นละครในทั้งสองเรื่อง แต่เนื่องจากอิเหนาเล็กมีเนื้อเรื่องไม่สับสนเหมือนอิเหนาใหญ่ และ
ชื่อตัวละครก็เรียกไม่ยาก คนทั่วไปจึงนิยมเรื่องอิเหนาเล็กมากกว่า โดยฉบับที่ตรงกับอิเหนา
ของเรานน้ั คือ ฉบบั มาลตั ใชภ้ าษากวขี องชวาโบราณ มาจากเกาะบาหลี

๒. จุดมุ่งหมายของการแตง่

ในการแตง่ อเิ หนาคือ เพ่ือใหเ้ ป็นบทละครใน สำหรบั เล่นเพือ่ สรา้ งความบันเทิงแก่ข้า
ราชบริพารและประชาชน

ละครในเป็นละครที่เล่นกันในวัง ใช้ผู้หญิงแสดงล้วน ๆ ท่าทางร่ายรำงดงาม
อ่อนช้อย เครื่องแต่งกายประดับตกแต่งอย่างสวยงาม คำร้องและทำนองเพลงไพเราะ เดิมมี
แตล่ ะครพ้นื เมอื งของชาวบา้ นท่ีเล่นกันอยนู่ อกพระราชฐาน เรียกวา่ ละครนอก ใช้ผูแ้ สดงเป็น
ชายล้วน ครั้นมีละครภายในพระราชฐานขึ้นมาจึงเรียกชือ่ เป็นคูก่ ันวา่ ละครนอกและละครใน
โดยละครในกำหนดให้เล่นเพียง 3 เรื่อง คือ รามเกียรติ์ อุณรุท และอิเหนามีจุดมุง่ หมายเพอื่
รักษาจารีตประเพณีของราชสำนัก ศิลปะการร่ายรำและท่าทาง เพลงที่ใช้ประกอบและบท
เจรจามีจงั หวะน่ิมนวลไพเราะ เพอื่ ให้สมกับเปน็ ละครแบบฉบับ

๓ อเิ หนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน

๓. ประวัตผิ แู้ ต่ง

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พ.ศ.๒๓๑๐ - พ.ศ.๒๓๖๗ ครองราชย์เมื่อ
ปี พ.ศ.๒๓๕๒ - พ.ศ. ๒๓๖๗) รัชกาลที่ ๒ แหง่ ราชจักรวี งศ์

ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้รับการยกย่องว่าเป็นยุค
ทองของวรรณคดี ในด้านกาพย์ กลอนมีความเจริญสูงสุด มีคำกล่าวว่า “ในรัชกาลที่ ๒ นั้น
ใครเป็นกวีก็เป็นคนโปรด” กวีที่มีชื่อเสียงนอกจากพระองค์เองแล้ว ยังมีกรมหมื่นเจษฎา
บดินทร์ (รัชกาลที่ ๓) สมเด็จกรมพระปรมานุชิตชิโนรส สุนทรภู่ พระยาตรัง และนาย
นรนิ ทรธเิ บศร์ (อนิ ) เป็นตน้

พระองคม์ พี ระราชนิพนธ์ทีเ่ ป็นบทกลอนมากมาย
ทรงเป็นยอดกวีด้านการแต่งบทละครทั้งละครในและ
ละครนอก มีหลายเรื่องที่มีอยู่เดิม และทรงนำมาแต่ง
ใหม่เพื่อให้ใช้ในการแสดงได้ เช่น รามเกียรติ์ อุณรุท
และอิเหนา โดยเรื่องอิเหนานี้ เรื่องเดิมมีความยาว
มาก ได้ทรงพระราชนิพนธ์ใหม่ตั้งแต่ต้นจนจบ
เป็นเรื่องยาวที่สุดของพระองค์ วรรณคดีสโมสรใน
รัชกาลที่ ๖ ได้ยกย่องให้เป็นยอดบทละครรำที่แต่งดี
ยอดเยี่ยมทั้งเนอ้ื ความ ทำนองกลอนและกระบวนการ
เล่นทัง้ รอ้ งและรำ นอกจากนี้ยงั มลี ะครนอกอนื่ ๆ เชน่
ไกรทอง สังข์ทอง ไชยเชษฐ์ คาวี มณีพิชัย ได้ทรง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลยั เลือกเอาของเก่ามาทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใหม่
บางตอน และยังทรงพระราชนิพนธ์บทพากย์โขนอีกหลายชุด เช่น ชุดนางลอย ชุดนาคบาศ
และชุดพรหมาสตร์ ซึง่ ลว้ นมีความไพเราะซาบซงึ้ เปน็ อมตะใชแ้ สดงมาจนทุกวนั น้ี

อเิ หนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทยี น ๔

๔. ลักษณะคำประพันธ์

บทละครรำ เร่ือง อเิ หนา มรี ูปแบบการแต่งกลอนบทละครซง่ึ มีลักษณะบังคับเหมือน
กลอนสี่สุภาพ แต่ละวรรคมักจะขึ้นต้นด้วยคำว่า “เมื่อนั้น” “บัดนั้น” และ “มาจะกล่าวบท
ไป” กลอนบทละคร บทหนึ่งมี ๔ วรรค วรรคละ ๖ คำ หนึ่งบทมี ๒ บาท เรียกว่าบาทเอก
และบาทโท ๑ บาท เทา่ กับ ๑ คำกลอน มีลักษณะการสมั ผสั ดงั นี้

๑. สัมผสั ระหว่างวรรคไม่บังคบั ตายตวั ให้สงั เกตจากแผนผงั วรรคที่ ๑ อาจจะสมั ผัส
กับตำแหน่งใด ตำแหน่งหนงึ่ ตามเสน้ สมั ผัสในวรรคท่ี ๒

๒. คำข้นึ ต้นบท กลอนบทละครมคี ำขึ้นตน้ หลายแบบ และคำขึ้นต้นนั้นไม่จำเป็นต้อง
มีจำนวนเท่ากับวรรคสดับ อาจจะมีเพียง ๒ คำก็ได้ คำขึ้นต้นมีดังน้ี “เมื่อนั้น” ใช้สำหรับผู้มี
ยศสูง หรือผู้เป็นใหญ่ในที่นั้นตามเนื้อเรื่อง เช่น กษัตริย์ ราชวงศ์ “บัดนั้น” ใช้ขึ้นต้นสำหรับ
ผู้น้อยลงมา เช่น เสนา ไพร่พล “มาจะกล่าวบทไป” มักใช้เมื่อขึ้นต้นเรื่อง หรือกล่าวถึงเรื่อง
แทรกเขา้ มา

แผนผังและตวั อย่างกลอนบทละคร

ขน้ึ ต้นวรรควา่ บัดนัน้ , เม่ือนนั้

เมอ่ื นนั้ ระเดน่ มนตรีศรีใส สัมผัส
บทแรก จงึ ขบั โยธาเสนาใน วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง ระหวา่ งบท
ประสนั ตาผู้รว่ มฤทยั หวัง
พระโฉมยงกบั องค์อนุชา แอบหลงั พระปฏมิ ากร
บทต่อ ๆ ไป วิ่งเขา้ ในวิหารซอ่ นบัง

๕ อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น

๕. เรือ่ งย่อ

เน้อื เร่อื งย่อ อเิ หนา ก่อนตอนบษุ บาเสี่ยงเทยี น มดี ังน้ี
ดินแดนชวาโบราณ มกี ษัตรยิ ว์ งศ์หนึง่ เรยี กว่า วงศ์อสญั แดหวา หรือ วงศ์เทวา กล่าว
กันว่า วงศ์นี้มีพี่น้องส่ีองค์ องค์พี่ครองเมืองกุเรปัน องค์ที่สองครองเมืองดาหา องค์ที่สาม
ครองเมืองดาหลัง และองค์ที่สี่ครองเมอื งสงิ หัดส่าหรี กษัตริย์วงศ์เทวามีอานุภาพยิง่ ใหญด่ ้วย
ยศศักด์ิ ถอื ตวั วา่ เป็นชนช้นั สูง จงึ อภเิ ษกกันเฉพาะในวงศ์พ่ีน้อง นอกจากน้ีท้งั สี่เมืองเท่าน้ันที่
สามารถแต่งต้ังมเหสไี ด้ ๕ องค์ ตามลำดบั ตำแหน่ง คอื ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต ลิกู และ
เหมาหลาหงี แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเมืองหมันหยาซึ่งเป็นเมืองเล็กกว่า กล่าวคือ เจ้าเมืองนี้มี
ราชธิดาสามองค์ องค์โตชื่อ นิหลาอระตา ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองกุเรปัน องค์ที่สองชื่อ
ดาหราวาตี ได้ไปเป็นประไหมสุหรีเมืองดาหา ส่วนองค์สุดท้องชื่อ จินดาส่าหรี ได้อภิเษกกับ
โอรสท้าวมงั กนั และไดค้ รองเมอื งหมันหยา
ทา้ วกุเรปันมีโอรสองค์แรกกับลิกู ชอ่ื ว่า กะหรัดตะปาตี ตอ่ มามีพระโอรสกับประไหม
สุหรี เป็นหนุ่มรูปงามและเก่งกล้าสามารถมาก ชื่อ อิเหนา หรือ ระเด่นมนตรี และมีพระธิดา
ชื่อ วิยะดา ส่วนท้าวดาหามีพระธิดากับประไหมสุหรีชื่อ บุษบา และมีพระโอรสซื่อ สียะตรา
บษุ บามีอายไุ ลเ่ ลี่ยกบั อเิ หนา ทา้ วกเุ รปนั จึงหม้ันบุษบาให้กับอิเหนา และสยี ะตราก็หม้ันหมาย
กนั ไวก้ ับวยิ ะดา
ส่วนระตูหมนั หยากับประไหมสุหรกี ็มรี าชธิดาชือ่ ระเด่นจินตะหรา อายุรุ่นราวคราว
เดียวกับอิเหนา ท้าวสิงหัดส่าหรีกับประไหมสุหรีมีโอรสชื่อ ระเด่นสุหรานากง ราชธิดาช่ือ
ระเด่นจินดาส่าหรี ท้าวกาหลังมีราชธิดาชื่อ ระเด่นสกาหนึ่งรัด ซึ่งเป็นคู่ตุนาหงันของสุหรา-
นากง
เมื่อพระอัยยิกาที่เมืองหมันหยาสิ้นพระชนม์ ท้าวกุเรปันมอบหมายให้อิเหนาไปร่วม
พิธีถวายพระเพลิงพร้อมกับกะหรัดตะปาตี อิเหนาพบจินตะหราก็หลงรัก จนพิธีถวายพระ
เพลิงเสร็จแล้วก็ยังไม่ยอมกลับเมืองกุเรปัน ท้าวกุเรปันจึงต้องอ้างว่าประไหมสุหรีจะมี

อิเหนา ตอน บุษบาเส่ียงเทยี น ๖

พระประสูติกาลให้กลบั มาเป็นกำลังใจให้พระราชมารดา อิเหนาจำใจต้องกลับมาประจวบกับ
พระราชมารดาประสตู ิพระราชธดิ าหนา้ ตาน่ารักนามว่า ระเด่นวิยะดา

อย่างไรกต็ าม อิเหนายงั หาทางกลบั ไปเมืองหมนั หยาอีก โดยอา้ งวา่ จะไปประพาสป่า
แลว้ ปลอมตวั เป็นโจรป่าชื่อ มิสารปนั หยี ระหว่างทางไดร้ บกบั ระตูบศุ สหิ นา นอ้ งชายสดุ ทอ้ ง
ของ ระตูปันจะรากัน และ ระตูปักมาหงัน ปรากฏว่าระตูบุศสิหนาตายในที่รบ นางดรสา ซึ่ง
เพิ่งเข้าพิธีอภิเษกกับระตูบุศสิหนาจึงกระโดดเข้ากองไฟตายตามพระสวามี ส่วนระตูปันจะรา
กนั และระตูปักมาหงันยอมแพ้ และถวายพระธิดาและพระโอรสให้อิเหนา คือ นางสการะวาดี
นางมาหยารัศมี และสังคามาระตา เมื่ออิเหนาเข้าเมืองหมันหยาได้ ก็ลักลอบเข้าหา
นางจินตะหรา แล้วได้สองนางคือ นางสการะวาตีและนางมาหยารัศมีเป็นชายา และรับสงั คา
มาระตาเปน็ นอ้ งชาย

ท้าวกุเรปันเรียกอิเหนากลับเมืองถึงสองครั้ง พร้อมทั้งนัดวันอภิเษกระหว่างอิเหนา
กับบุษมา แต่อิเหนาไม่ยอมกลับและสั่งความตัดรอนนางบุษบา ท้าวกุเรปันและท้าวดาหา
ทราบเรือ่ งก็ขดั เคอื งพระทัย ท้าวดาหาถงึ กบั หลดุ ปากว่าถา้ ใครมาขอบษุ บาก็จะยกให้

ฝ่าย จรกา ระตูเมอื งเล็กเมืองหน่ึง และเปน็ อนุชาของ ท้าวลา่ สำ (ทา้ วลา่ สำผู้น้ีมีธิดา
คือระเด่นกุสุมา เป็นคู่หมั้นของสังคามาระตา) จรกาเป็นชายรูปชั่วตัวดำ แต่อยากได้ชายา
รูปงาม จึงให้ช่างวาดไปแอบวาดภาพราชธิดาของกษัตริย์เมืองสิงหัดส่าหรี คือ นางจินดา
ส่าหรี ครั้นทราบข่าวว่านางบุษบาสวยงามมากจึงให้ช่างวาดแอบวาดภาพนางบุษบาอีก
ช่างวาดแอบวาดภาพได้ ๒ ภาพ คือ ตอนนางบุษบาเพิ่งตื่นบรรทมและภาพที่แต่งองค์เต็มที่
ขณะเดินทางกลับ องค์ประตาระกาหลาบันดาลให้รูปนางบษุ บาที่ทรงเครือ่ งตกหายไป จรกา
ได้เห็นภาพที่เพิ่งตื่นบรรทมเท่านั้นก็หลงใหล ถึงกับสลบไปทันที เมื่อได้ข่าวจากช่างวาดภาพ
ว่าบุษบาร้างคู่ตุนาหงัน จึงรีบให้ท้าวล่าสำ ซึ่งเป็นพี่ชายมาสู่ขอบุษบา ท้าวดาหากำลังโกรธ
อเิ หนาอยู่ แม้จะรู้ว่าจรการูปช่ัวต่ำศักด์ิ แตเ่ มือ่ พล้ังปากวา่ ใครมาขอกจ็ ะยกให้ จงึ จำใจยกนาง
บษุ บาใหจ้ รกาและกำหนดการววิ าหภ์ ายในสามเดือน

๗ อิเหนา ตอน บุษบาเส่ียงเทียน

เน้ือเรอื่ งย่อ อิเหนา ตอนบษุ บาเสี่ยงเทียน
เมื่อมะเดหวีบุษบาไปไหว้พระในวิหารบนเขา แล้วเสี่ยงเทียนดูว่าดวงชะตาของนาง
จะคู่กับอิเหนาหรือจรกา โดยวิธีเสี่ยงทายนั้น ใช้เทียนสามเล่ม เล่มหนึ่งเป็นบุษบา
ปกั ตรงหนา้ นางบุษบา อกี เล่มเป็นอิเหนาปกั ทางขวา และเทียนอีกเล่มปักทางซา้ ยเป็นจรกา
มะเดหวีสอนให้บุษบากล่าวอธิษฐานว่า “แม้นจะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จง
หนกั หนา แม้นจะไดข้ ้างระตูจรกาใหเ้ ทียนพีย่ านั้นดับไป”บุษบาแม้จะอายใจเต็มทีก็จำต้องทำ
ตามมะเดหวี แล้วก็มีเสียงจากปฏิมาว่า “อันนางบุษบานงเยาว์ จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น
จรกาใช่วงศ์เทวัญ แม้นได้ครองกันจะอันตราย” บุษบาแปลกใจที่พระพุทธรูปพูดได้ อิเหนา
เห็นเป็นโอกาสจึงใหน้ ้องไปเปา่ เทยี นของจรกาจนดบั
หลังจากนั้นจึงต้อนค้างคาวให้บินว่อน ทำให้เทียนดับหมด จนวิหารมืดมิด แล้วก็
ออกมากอดบุษบา นางตกใจส่งเสียงร้องให้ชว่ ย มะเดหวใี หพ้ เ่ี ลยี้ งไปจุดไฟ กเ็ ห็นอิเหนากำลัง
กอดบุษบาอยู่ มะเดหวีจึงต่อว่าด้วยความแค้นใจ ที่อิเหนาทอดทิ้งบุษบาซึ่งเป็นคู่หมั้นหมาย
มาตั้งแต่เด็กอย่าไม่สนใจใยดี เมื่อพ่อของบุษบายกให้นางแต่งงานกับจรกา ใยจึงมาข่มเหง
รงั แกเช่นนี้
อิเหนาก็ว่าหาได้ทอดทิ้งไม่ ตัวเขารักบุษบาอย่างสุดหัวใจ เพื่อแสดงความจริงใจจึง
ถอดแหวนมอบใหบ้ ุษบา แตบ่ ุษบาไมร่ บั มะเดหวจี งึ ถอดกำไลของบุษบาไปแลกกับแหวนของ
อิเหนาแทน

สาระนา่ รู้ “เทียนเป็นเครื่องหมายของการบูชาพระธรรม จะเห็นว่า
การบูชาด้วยเทียนนี้ ใช้เทียน ๒ เล่ม ทำไมใช้เทียน ๒ เล่ม
ความรเู้ ร่อื งเทยี น พระพุทธศาสนานั้นแยกเป็น ๒ ส่วน คือ ธรรม กับ วินัย
เราเรียกว่า พระธรรมวินัย เป็นชื่อแท้ของพระพุทธศาสนา
ทีนี้ เทยี นนน้ั จุดแล้วให้ความสว่าง ก็เหมือนกบั ธรรม รวมท้ังวินัย
ทเ่ี ป็นเหมอื นดวงประทีปส่องสว่าง ทำให้คนมองเหน็ คอื ทำให้เกิด
ปัญญา มีความร้เู ข้าใจ แล้วรจู้ กั ดำเนินชวี ติ ได้ถกู ต้อง

อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ยี งเทยี น ๘

๖. เนือ้ เรื่อง

อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ยี งเทียน

ช้าป่ี

๏ เม่ือนน้ั พระสุริย์วงศ์พงศ์อสญั แดหวา

ยบั ยง้ั นง่ั เลน่ ท่ีศาลา ถวลิ ถึงบุษบาเทวี

เย็นน้ีจะขึ้นมาบนกหุ นุง พระหมายมุง่ จะใคร่พบโฉมศรี

ครนั้ จะกลับพลบั พลาก็ไมด่ ี เหมือนแกลง้ ตามเทวที ั้งไปมา ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ

ร่าย

๏ เลน่ พลางทางดูทนิ กร เม่อื ไรจะออ่ นหย่อนแสงกลา้

พระเสแสรง้ แกลง้ ชวนอนุชา พดู เลน่ เจรจาสำราญใจ ฯ

ฯ ๒ คาํ ฯ เจรจาบทท่ี ๔๑

๏ บดั นน้ั เสนากดิ าหยันนอ้ ยใหญ่

บรรดาท่ตี ามเสดจ็ ไป อยู่ในหน้าวิหารลานวดั

บ้างตงั้ วงลงเตะตะกรอ้ เลน่ เพลาเย็นแดดร่มลมสงดั

ปะเตะโต้ค่กู นั สันทดั บา้ งถนัดเข่าเดาะเปน็ นา่ ดู

ทีห่ นมุ่ หนมุ่ คะนองเลน่ จ้องเต สรวลเสเฮฮาข้ึนขี่คู่

บา้ งรําอยา่ งชวามลายู เป็นเหล่าเหล่าเลน่ อยู่บนคริ ี ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ เจรจา

๙ อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ียงเทียน

๏ เมอ่ื นน้ั โฉมยงองค์มะเดหวี

จงึ ปรึกษาพีเ่ ลี้ยงผู้ภกั ดี อันเหตุทงั้ นซ้ี ่ึงมีมา

องคร์ ะเด่นมนตรีกเุ รปัน กเ็ หน็ ผูกพันอยูห่ นักหนา

จะได้ข้างอิเหนาหรือจรกา เป็นนา่ สนเทห่ ์หฤทยั

จะไปไหวพ้ ระปฏิมากร เหน็ จะแก้ความร้อนของเราได้

เสี่ยงดใู หร้ ู้แจง้ ใจ ว่าจะได้ข้างไหนเป็นม่นั คง

ตรัสพลางทางชวนพระธดิ า ลงจากพลับพลาอันสงู ส่ง

พรั่งพร้อมกำนัลนางอนงค์ เสด็จตรงขนึ้ ไปบนคริ ี ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ เพลงช้า

๏ ครัน้ ถงึ เนนิ ผาศลิ าลาด เหน็ พวกชายเกลื่อนกลาดองึ มี่

หยุดอยู่แลว้ มเี สาวนยี ์ ใหส้ าวศรีไปขบั เสยี ฉับพลัน ฯ

ฯ ๒ คาํ ฯ เจรจาบทที่ ๔๒

๏ บดั น้นั สาวใช้รับสั่งแลว้ ผายผนั

ว่งิ พลางร้องไปว่าใครน้นั มาเลน่ นี่นนั อย่ดู งั นี้

พระประเทียบจะเสด็จขน้ึ มา อย่าช้าจงไปเสยี จากที่

ชาวไหนมาชมคิรี สนธยาราตรียงั ไม่ไป ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เจรจา

๏ เม่ือนั้น ระเด่นมนตรีศรใี ส
จึงขบั โยธาเสนาใน วิ่งซอกซอนไปตามลำพัง
พระโฉมยงกับองค์อนุชา ประสันตาผูร้ ว่ มฤทยั หวงั
วิ่งเขา้ ในวหิ ารซอ่ นบัง แอบหลงั พระปฏมิ ากร ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ

อิเหนา ตอน บุษบาเสยี่ งเทยี น ๑๐

๏ เมอื่ น้นั องค์มะเดหวศี รีสมร

กบั ระเด่นบุษบาบังอร ก็พากันบทจรจรลี

มาถงึ ศาลารมิ อาราม จงึ ตรสั ห้ามกำนัลสาวศรี

ใหห้ ยุดยง้ั นั่งอยู่แต่นอกน้ี อย่าจรลตี ามเราเขา้ ไป

ใหแ้ ต่สี่พ่เี ล้ียงกัลยา เชญิ เครื่องบชู าเข้ามาให้

สงั่ พลางนางเสด็จคลาไคล เขา้ ในวหิ ารพระปฏิมา ฯ

ฯ ๖ คาํ ฯ เสมอ

ชา้ อธิษฐานตามความปรารถนา
กัลยาออกนามตามจํานง
๏ ครน้ั ถงึ จึงถวายนมสั การ ปักลงตรงหนา้ นวลหง
แล้วจงึ จุดเทยี นมิทนั ช้า ปักลงเบื้องขวาเทวี
เล่มหนงึ่ เทียนระเด่นบุษบา อยูเ่ บอื้ งซา้ ยบุษบามารศรี
เล่มหน่ึงเทยี นอเิ หนาสรุ ิยว์ งศ์ ขอจงเปน็ ทเี่ สีย่ งทาย ฯ
เลม่ หน่ึงเทียนท้าวจรกา
เทยี นทองทงั้ สามเล่มนี้

ฯ ๖ คาํ ฯ

รา่ ย ตรสั สอนพระบุตรโี ฉมฉาย
จงเสีย่ งทายอธษิ ฐานดว้ ยวาจา
๏ แล้วมีเสาวนยี อ์ ันสนุ ทร ใหป้ ระจกั ษท์ ักแท้จงหนักหนา
เจ้าอย่าขวยเขนิ สะเทนิ อาย ให้เทียนพ่ยี านั้นดับไป
แมน้ เจ้าจะไดข้ า้ งไหนแน่ ให้รศั มีเพลงิ น้ันแจ่มใส
แม้นจะได้ข้างระตจู รกา ขอใหเ้ หน็ ประจักษบ์ ัดนี้ ฯ
แม้นจะไดข้ ้างอิเหนากุเรปนั
ใหเ้ ทยี นจรกาดบั ทันใด

ฯ ๖ คาํ ฯ

๑๑ อิเหนา ตอน บุษบาเสยี่ งเทยี น

๏ เมอื่ นนั้ บุษบาประณตบทศรี
จงึ ทูลสนองพระชนนี ลูกน้ีอดสูเป็นพ้นไป
จะใหว้ า่ เหมือนคาํ พระมารดา ลูกจะกล่าววาจากระไรได้
นางนง่ิ ขวยเขนิ สะเทนิ ใจ อรไทบิดพล้วิ ไปมา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ

๏ เมอ่ื น้นั องค์มะเดหวเี สนหา

กับสีพ่ ่ีเล้ยี งกลั ยา ปลอบนางบษุ บายพุ าพาล

เราอยูด่ ว้ ยกันแต่เท่านี้ ไม่มใี ครมาในวหิ าร

จำแข็งใจกลา่ วพจมาน จงึ จะได้แจง้ การท่ีเดอื ดรอ้ น

จงตัง้ จิตอธิษฐานด้วยวาจา กลั ยาจงฟังแมส่ ั่งสอน

อภิวันทป์ ัญจางค์ชลกี ร ดวงสมรของแมจ่ งวา่ ไป ฯ

ฯ ๖ คาํ ฯ เจรจาบทท่ี ๔๓

๏ เม่อื นนั้ บษุ บาบงั คมประนมไหว้
จาํ เปน็ กลา่ วคาํ ด้วยจำใจ ว่าไปตามคําพระมารดา ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

๏ เมอื่ น้ัน พระสุรยิ ์วงศ์พงศ์อสญั แดหวา

ได้ฟงั มธรุ สพจนา จงึ ตอบวาจาไปพลนั

อันนางบษุ บานงเยาว์ จะได้แก่อเิ หนาเป็นแม่นมนั่

จรกาใชว่ งศเ์ ทวญั แม้นได้ครองกันจะอันตราย ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ เจรจาบทท่ี ๔๔

อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน ๑๒

๏ เมอื่ น้ัน องค์มะเดหวโี ฉมฉาย
กับพีเ่ ลยี้ งไม่แจ้งแห่งอบุ าย กต็ ่ืนตายยินดเี ปน็ พ้นนัก
เกิดมาไม่ไดย้ ินใครลือเล่า พระเปน็ เจ้ากล่าวคาํ ใหป้ ระจักษ์
ชะรอยว่าบุญของลูกรัก เห็นเทยี่ งแทน้ ักไม่สงกา
ตา่ งคนยอกรบงั คม นบนิ้วประนมเหนอื เกศา
มะเดหวจี งึ มีวาจา ตอบพระปฏมิ าไปทนั ใด
ซึง่ พระองค์ตรสั มาทั้งนี้ ขา้ บาทยังมีความสงสัย
ด้วยอเิ หนามิไดช้ อบใจ จึงเกดิ เหตุเภทภัยดังน้ี
เขาไปเลีย้ งระเด่นจนิ ตะหรา นางร่ำพรรณนาเปน็ ถ้วนถ่ี
พระปฏิมามไิ ด้พาที มะเดหวจี งึ ว่าแก่บุษบา
แมท่ ลู เท่าไรไมต่ อบถอ้ ย ชะรอยบญุ แม่นอ้ ยเปน็ นักหนา
ลูกรกั จงกลา่ ววาจา ใหเ้ หมอื นแมว่ า่ ทกุ ส่งิ ไป ฯ

ฯ ๑๒ คํา ฯ

๏ เมือ่ นน้ั บุษบาเยาวยอดพสิ มยั
บงั คมก้มพักตรล์ ะอายใจ แลว้ ทูลไปเหมือนคาํ พระมารดา ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

๏ เม่อื นนั้ พระองค์พงศ์อสัญแดหวา

จึงตอบคาํ ไปมิได้ชา้ จินตะหราใช่วงศ์เทวัญ

อิเหนากับบุษบาโฉมยง เป็นวงศ์เทวากระยาหงัน

วาสนาเขาเคยคู่กัน ท่ีจะมริ ักนั้นอย่าสงกา

บัดนี้ตามมาถงึ คิรี กเ็ พราะมีใจแสนเสนหา

ว่าพลางทางต้อนค้างคาวมา ธูปเทียนชวาลาก็ดบั ไป ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ คกุ พาทย์

๑๓ อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน

๏ พระจึงย่องมานั่งลงข้างขา้ ง กลวั จะผิดตัวนางยงั สงสัย
ต่อไดย้ นิ สรุ เสยี งทรามวัย พระลูบไล้ประคองต้องกาย ฯ

ฯ ๒ คาํ ฯ

๏ เมอื่ นน้ั บุษบาอกสนั่ ขวัญหาย
กอดชนนีไว้ไม่เคล่ือนคลาย มือชายมาถูกลูกน้ี
นางสะบ้ิงสะบัดปัดป้อง หวาดหวดี กรดี ร้ององึ มี่
มดื มนเปน็ พน้ พนั ทวี พระชนนจี งช่วยลกู ดว้ ยรา ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ เม่อื นัน้ องค์มะเดหวีเสนหา
สำคัญวา่ องคพ์ ระปฏิมา หยอกนางบุษบาทรามวัย
จึงห้ามว่าอย่าร้องคร้ืนเครง แม่ตอ้ งตวั เจา้ เองวา่ อยไู่ หน
ใครจะสามารถอาจใจ ล่วงเข้ามาได้ในน้ี ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ บัดนน้ั จงึ พระพี่เลยี้ งท้งั สี่
ได้ยินสุรเสยี งพระบุตรี สาวศรีคดิ แปลกประหลาดใจ
ตา่ งคนคลานคลำหาเทียน วนเวยี นไปมาไม่หาได้
พบแต่ข้าวตอกดอกไม้ ซา่ เหงด็ ไดเ้ ทียนแลว้ จดุ มา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ ชบุ

อิเหนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทียน ๑๔

๏ เมอ่ื นัน้ พระโฉมยงวงศอ์ สญั แดหวา
เหน็ แสงไฟแต่ไกลก็ลีลา จากองค์กลั ยามาพลนั
เข้าแอบอยหู่ ลังพระปฏิมา นยั นาแลลอดรบั ขวญั
กน่ แตต่ กใจอยู่อย่างนัน้ ไม่สำคัญว่าพ่รี กั นางเทวี ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ บัดนั้น นวลนางซา่ เหง็ดสาวศรี
มาถึงจงึ เอาอัคคี ถวายพระชนนบี ังอร ฯ

ฯ ๒ คํา ฯ

๏ เมอ่ื นั้น องค์มะเดหวศี รสี มร
ก้มเกล้าดุษฎีชลีกร แล้วสอนบษุ บาให้ทลู ไป
ว่าอิเหนามาตามด้วยความรัก ข้อนี้ไม่ประจักษ์ยังสงสัย
ซ่ึงมาจากหมนั หยาเวียงชยั เพราะดาหามภี ัยจึงไคลคลา
หวังจะชว่ ยรณรงค์สงคราม มิใชม่ าดว้ ยความเสนหา
นแี่ วะมาไหว้พระปฏมิ า แลว้ จะไปหมันหยาธานี ฯ

ฯ ๖ คาํ ฯ

๏ เมอื่ นนั้ ระเด่นมนตรเี รืองศรี

จงึ สนองพจนาพาที แม้นเทวีมิเช่อื วาจา

แต่นอี้ ย่ามาบชู าเรา ยังเขาวลิ ศิ มาหรา

ว่าพลางกระซบิ สง่ั ประสันตา กับองคอ์ นุชาภธู ร

ทีนพี้ จี่ ะออกไปใหม่ เจา้ เรง่ ไลค่ ้างคาวอยา่ หยดุ หย่อน

กวา่ พจี่ ะกลับบทจร ว่าแลว้ ก็ตอ้ นค้างคาวไป ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ คกุ พาทย์

๑๕ อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ียงเทียน

ไฟดบั มืดมนอนธการ ในวหิ ารหาเหน็ กันไม่
พระจึงค่อยย่องคลาไคล ออกไปยงั องคพ์ ระบุตรี ฯ

ฯ ๒ คาํ ฯ ลูบไล้ปทมุ ทองผ่องศรี
หอมกลิ่นเทวีฟงุ้ ขจร ฯ
๏ โอบอมุ้ นงลกั ษณ์ใส่ตกั ไว้
นาสาสบู รสสุมาลี ระเด่นบุษบาดวงสมร
บงั อรรอ้ งอึงคะนึงไป
ฯ ๒ คาํ ฯ ชะรอยพระพี่ยาเข้ามาได้
จะหยกิ ขว่ นเท่าไรไมน่ าํ พา ฯ
๏ เมอ่ื นน้ั
สดุ คิดท่ีจะปล้ำปลดิ กร มะเดหวีตกใจเปน็ นักหนา
พระชนนีจงช่วยลกู ดว้ ยรา จงไปจดุ เทียนมาบัดนี้ ฯ
ข่มเหงลกู นเี้ ปน็ พน้ ไป
ประเสหรนั พี่เลย้ี งโฉมศรี
ฯ ๔ คาํ ฯ แลว้ จุดอัคคีมาฉับไว ฯ

๏ เมื่อนนั้ จงึ กลับไปจดุ มาใหม่
ใช้นางประเสหรนั กลั ยา ด้วยค้าวคาวบนิ ไปบนิ มา
วางอยู่แทบใกล้แผ่นผา
ฯ ๒ คาํ ฯ แฝงตัววิ่งพาเขา้ มาพลัน ฯ

๏ บดั น้ัน
จึงวิง่ ไปพลนั ทันที

ฯ ๒ คาํ ฯ

๏ คร้ันถงึ ทวาราก็เพลิงดบั
ถงึ สามทแี ล้วไม่ไดไ้ ฟ
พอเหลียวไปเหน็ ปล้องไม้
จึงหยิบเอาครอบไฟไคลคลา

อิเหนา ตอน บุษบาเส่ยี งเทยี น ๑๖

ฯ ๔ คํา ฯ ชบุ เห็นระเดน่ มนตรีอยูท่ ีน่ ัน่
อิเหนานั้นยังยุดพระกรไว้ ฯ
คร้ันถึงจึงเปดิ อคั คี
บษุ บาเคลื่อนองค์ลงทัน

ฯ ๒ คาํ ฯ

๏ เมอื่ น้นั มะเดหวีเคืองขัดอชั ฌาสยั
จงึ วา่ แก่ระเดน่ มนตรีไป เปน็ ไฉนมาทำอหังการ์
ลบหลูด่ ูหมน่ิ เปน็ พ้นนัก องอาจราชศกั ด์เิ ป็นหนักหนา
แต่เราเป็นผ้ใู หญก่ ำกบั มา ยงั ว่าทำได้ถึงเพยี งน้ี
ฮกึ ฮกั หักหาญไม่คิดกลวั ถือตัวว่ามศี ักดิ์ศรี
จะเกรงใจใครบา้ งก็ไมม่ ี เห็นดีแลว้ หรือประการใด ฯ

ฯ ๖ คาํ ฯ

๏ เมื่อนั้น ระเดน่ มนตรีก็แก้ไข
ทูลสนองพระชนนีไป ลูกมไิ ด้องอาจอหังการ์
อันนางบุษบาบงั อร พระบิดรไดย้ กใหแ้ ก่ข้า
แต่ยังเยาวอ์ ย่ดู ว้ ยกันมา พระมารดาก็แจ้งอยู่ด้วยกัน
หักหาญเอาไปใหร้ ะตู สุดรักสดุ รูจ้ ะอดกลน้ั
สู้ตายไม่เสยี ดายชวี นั จะทราบถึงทรงธรรมก์ ็ตามที ฯ

ฯ ๖ คาํ ฯ

๏ เมอ่ื นั้น โฉมยงองคม์ ะเดหวี
จึงตอบคําระเด่นมนตรี เจา้ ว่าได้ด้วยมศี ักดา
แตเ่ ยาว์มาน้นั ได้ตุนาหงนั เพราะร่วมวงศพ์ งศพ์ นั ธุ์อสัญหยา
จึงทำตามจารีตบรุ าณมา หวงั มใิ หว้ งศาอื่นปน
ครัน้ จำเริญวยั ข้นึ ท้ังสอง ทา้ วปองจะปลูกให้เปน็ ผล

๑๗ อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทียน

นัดจะแตง่ ววิ าหม์ งคล กศุ ลไมเ่ คยคู่กบั นัดดา
เจา้ ตัดมาว่าไม่เลี้ยงเทวี ใหม้ ีคูเ่ ถิดตามปรารถนา
การจึงขาดกันแตน่ ้นั มา ทรงธรรมก์ ไ็ ม่ว่าประการใด
ครนั้ ข้างจรกามากล่าว สมพระทยั ทา้ วจงึ ยกให้
เจ้ามาทำหยาบหยามเอาตามใจ แกลง้ จะให้ได้ความอัประมาณ ฯ

ฯ ๑๐ คาํ ฯ

๏ เม่อื นน้ั ระเดน่ มนตรีสนองสาร

ซง่ึ ว่าลกู สลดั ตัดรอนราน ไมเ่ ลีย้ งเยาวมาลย์เหมือนวา่ น้ี

คือใครที่ไดถ้ ือสาร มาวา่ ขานจงึ ทราบบทศรี

พระมารดาได้ไหนมาพาที จงชคี้ วามช่วั เอาตัวมา

อนั นางนีส้ เิ ป็นของลูก รักใคร่พนั ผูกนกั หนา

พระชนนวี ่าของจรกา กใ็ หต้ วั ขน้ึ มาชงิ ชัย

แมน้ แพ้แลจงึ จะส่งนาง บัดน้ที ่จี ะวางอยา่ สงสัย

ชวนกนั ขม่ เหงไม่เกรงใจ เอาเมียเขาไปใหจ้ รกา ฯ

ฯ ๘ คํา ฯ เจรจาบทท่ี ๔๕

๏ เม่ือนัน้ องค์มะเดหวีเสนหา
ได้ฟงั เร่ารอ้ นในอรุ า สดุ ปญั ญาทจ่ี ะหย่อนผอ่ นลง
อเิ หนาน้นั กด็ ันดงึ ไป ไมว่ างนางให้ดังประสงค์
แม้นรถู้ ึงท้าวทั้งสององค์ ก็จะทรงพระโกรธดังเพลิงกาฬ
จะปลอบวอนโดยดดี ีกว่า อยา่ ใหก้ ิจจาน้ีฟุ้งซ่าน
คิดแล้วจงึ กลา่ วพจมาน กระน้ีหรือหลานวา่ รักนอ้ ง
ฝงู คนรไู้ ปจะได้อาย ทัง้ จะขายบาทาทา้ วทง้ั สอง
ถ้าจะใคร่ได้ดังใจปอง ค่อยตริตรองใหป้ รกตกิ ัน
แม้นรกั อย่าให้น้องได้อาย แมจ่ ะชว่ ยเบี่ยงบ่ายผอ่ นผนั

อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน ๑๘

เหน็ จะสมดังจติ ที่คดิ นัน้ อันจะทำดึงดนั ไปดงั นี้
ก็จะทรงพระโกรธมากไป ท่ไี หนจะไดน้ างโฉมศรี
เจา้ จงตรึกดูให้ชอบที สดุ แท้แตด่ ีด้วยกนั ฯ

ฯ ๑๒ คาํ ฯ

๏ เมอ่ื นั้น ระเด่นมนตรเี ฉิดฉัน

คิดเอน็ ดูบุษบาลาวณั ย์ จงึ คาดคัน้ เอาคําพระมารดร

จงใหส้ ัตย์ปฏญิ าณแก่ลูกรัก จาํ เพาะพักตรพ์ ระปฏิมาก่อน

แม้นรบั จะให้ได้บังอร จะวางกรอรไทใหไ้ คลคลา ฯ

ฯ ๔ คาํ ฯ เจรจาบทท่ี ๔๖

๏ เม่ือนั้น มะเดหวจี นใจเป็นหนักหนา

ท้ังสี่พเี่ ลี้ยงกลั ยา จำรบั วาจาด้วยจำใจ

แม่จะทูลเบีย่ งบา่ ยใหห้ ายโกรธ พระจะเคืองคุมโทษไปถึงไหน

จะผันผ่อนวอนว่าภวู ไนย สุดแตจ่ ะให้ไดแ้ ก่เจ้านี้ ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ เจรจาบทท่ี ๔๗

๏ เมือ่ นั้น ระเดน่ มนตรีเกษมศรี
ดงั ได้ผา่ นฟ้าดษุ ฎี จึงทลู พระชนนีไปทนั ใด
พระองค์ไดร้ ับวาจา จะวางนางบุษบาไปให้
จะขอเปลย่ี นอาภรณบ์ ังอรไว้ จะได้ชมพลางต่างกัลยา
ว่าแลว้ จึงเปลื้องเคร่อื งทรง ย่นื ใหแ้ ก่องค์ขนษิ ฐา
บุษบาเบอื นเสียไมน่ าํ พา ยุดพระมารดาไว้มัน่ คง ฯ

ฯ ๖ คํา ฯ

๑๙ อเิ หนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น

๏ เมือ่ นัน้ มะเดหวมี ศี ักด์สิ ูงส่ง

จงึ เปลื้องเคร่ืองพระบุตรีทรง ให้องคร์ ะเด่นมนตรี

รับเอาอาภรณ์ของนัดดา มาทรงใหบ้ ุษบาโฉมศรี

เสร็จแล้วจงึ พานางเทวี จรลยี ังสวุ รรณพลบั พลา ฯ

ฯ ๔ คํา ฯ กนิ รราํ

๏ เม่อื นน้ั พระโฉมยงวงศ์อสญั แดหวา
จงึ ชวนสังคามาระตา กบั พ่เี ลย้ี งกลับมาพลบั พลาพลนั ฯ

ฯ ๒ คาํ ฯ เชิด ฯ

อิเหนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทียน ๒๐

๗. คำศัพท์นา่ รู้

คำศพั ท์ ความหมาย
กระยาหงนั วมิ าน สวรรค์ช้ันฟ้า
กาฬ ดำ
กิดาหยัน ผมู้ ีหน้าทีร่ บั ใชใ้ กล้ชดิ พระเจา้ แผน่ ดนิ
กหุ นุง ภูเขาสงู
คิรี ภูเขา
ไคลคลา เคลื่อนไป หรือ เดินไป
จรลี เดินเยื้องกราย
จ้องเต ตอ้ งเต หรือ ดู
ซา่ เหง็ด ตำแหนง่ พ่เี ล้ียงพระธิดา
ดษุ ฎี ความยนิ ดี, ความช่นื ชม
ประสนั ตา ตำแหนง่ พ่เี ล้ียงพระโอรส
ประเสหรัน ตำแหนง่ พีเ่ ลีย้ งพระธดิ า
ปะเตะ ช่ือตำแหนง่ ขนุ นาง
พจมาน คำพูด
พระปฏมิ ากร รูปแทนองค์พระพุทธเจ้า
พลับพลา ที่ประทบั ช่วั คร้ังคราวสำหรับรบั รองพระเจา้ แผน่ ดินและ
พระบรมราชวงศช์ น้ั สูง
ภูวไนย พระราชา
มธุรส ไพเราะ เช่น มธุรสวาจา
สงกา สงสัย
เสาวนยี ์ คำสง่ั ของพระราชนิ ี
อหังการ ความเยอ่ หยิ่ง หรือ คงามจองหอง
อัชฌาสัย กิริยาดี

๒๑ อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทยี น

๘. บทวิเคราะห์

อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลยั ซึ่งในรัชกาลที่ ๒ นี้เป็นอีกยุคหนึ่งที่เรียกได้ว่ายุคทองของวรรณคดี
พระราชนิพนธเ์ รือ่ งนี้เปน็ วรรณคดีทเี่ ป่ียมไปดว้ ยศลิ ปะ ไม่ว่าจะเปน็ ศลิ ปะในด้านการนำเสนอ
เนื้อหา และศิลปะในด้านการใช้ภาษา หรือวรรณศิลป์ ด้วยเหตุนี้ วรรณคดี เรื่อง อิเหนา
จงึ ได้รับการยกยอ่ งจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็นยอดของบทละครรำ

การพินิจคุณคา่ ของบทละคร เรือ่ ง อิเหนา ตอน บุษบาเส่ยี งเทียน สามารถวิเคราะห์
และประเมินคุณค่าได้ ๓ ด้าน คือ คุณค่าด้านเนื้อหา คุณค่าด้านกลวิธีการแต่ง และคุณค่า
ด้านความรูแ้ ละความคิด ดังนี้

๗.๑ คณุ ค่าดา้ นเนอื้ หา

๑) โครงเรอื่ ง
๑.๑) แนวคิดของเรื่อง การเคารพผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของตนเองให้ได้

บุษบาไปไหว้พระในวิหารบนเขา แล้วเสี่ยงเทียนดูว่าดวงชะตาของนางจะคู่กับอิเหนาหรือ
จรกา โดยวิธีเสี่ยงทายน้ัน ใช้เทียนสามเล่ม เล่มหนึง่ เป็นบุษบาปกั ตรงหน้านางบุษบา อีกเล่ม
เป็นอิเหนาปักทางขวา และเทียนอีกเล่มปักทางซ้ายเป็นจรกา แล้วบุษบากล่าวอธิษฐานว่า
“แม้นจะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา แม้นจะได้ข้างระตูจรกาให้เทียนพี่ยานั้น
ดับไป”บุษบาแม้จะอายใจเต็มทีก็จำต้องทำตามมะเดหวี แล้วก็มีเสียงจากพระปฏิมาว่า
“อันนางบุษบานงเยาว์ จะได้แก่อิเหนาเป็นแม่นมั่น จรกาใช่วงศ์เทวัญ แม้นได้ครองกันจะ
อันตราย” บุษบาแปลกใจที่พระพุทธรูปพูดได้ อิเหนาเห็นเป็นโอกาสจึงให้น้องไปเป่าเทียน
ของจรกาจนดับ หลังจากนั้นจึงต้อนค้างคาวให้บินว่อน ทำให้เทียนดับหมด จนวิหารมืดมิด
แล้วกอ็ อกมากอดบษุ บา

๑.๒) ฉาก บษุ บาไปไหว้พระในวหิ ารบนเขา

อิเหนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทยี น ๒๒

๑.๓) ปมขัดแย้ง อิเหนาได้หลบอยู่หลังพระปฏิมาเมื่อเห็นเป็นโอกาสจึงให้น้องไป
เปา่ เทียนของจรกาจนดบั หลังจากนัน้ จงึ ต้อนคา้ งคาวให้บินวอ่ น ทำใหเ้ ทยี นดับหมด จนวิหาร
มืดมดิ แล้วกอ็ อกมากอดบษุ บา

๒) ตัวละคร
๒.๑) อิเหนา เป็นโอรสท้าวกุเรปันกับประไหมสุหรี มีขนิษฐาชือ่ วิยะดา อิเหนาเปน็

เจ้าชายหนุ่มรูปงาม เข้มแข็ง เด็ดขาด เอาแต่ใจตัวเอง เจ้าชู้ มีมเหสีหลายพระองค์ คือ
นางจินตะหรา นางสการะวาตี นางมาหยารัศมี และนางบุษบา มีลักษณะนสิ ยั ดังน้ี

(๑) เป็นคนเจ้าเล่ห์ ขี้โกง เช่น ตอนที่ตามบุษบาไปยังวิหารแล้วไปหลบอยู่
หลังองค์พระปฏิมา

๏ เมือ่ น้นั ระเด่นมนตรศี รีใส
จึงขับโยธาเสนาใน วิง่ ซอกซอนไปตามลำพัง
พระโฉมยงกบั องคอ์ นุชา ประสนั ตาผรู้ ว่ มฤทัยหวัง
วง่ิ เข้าในวิหารซอ่ นบงั แอบหลังพระปฏิมากร ฯ

(๒) เป็นคนเจ้าชู้ ชอบฉวยโอกาส เช่น อิเหนาให้น้องไปเป่าเทียนของจรกา
จนดับ หลังจากนั้นจึงต้อนค้างคาวให้บินว่อน ทำให้เทียนดับหมด จนวิหารมืดมิด แล้วก็
ออกมากอดบุษบา

อิเหนากบั บุษบาโฉมยง เป็นวงศเ์ ทวากระยาหงนั
วาสนาเขาเคยคู่กนั ท่จี ะมริ ักนั้นอย่าสงกา
บดั น้ีตามมาถงึ คริ ี ก็เพราะมใี จแสนเสนหา
ว่าพลางทางต้อนค้างคาวมา ธูปเทียนชวาลากด็ ับไป ฯ
พระจึงย่องมานง่ั ลงขา้ งขา้ ง กลัวจะผิดตัวนางยังสงสัย
ตอ่ ไดย้ ินสรุ เสียงทรามวัย พระลูบไล้ประคองต้องกาย ฯ

๒๓ อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทียน

(๓) เป็นคนเอาแต่ใจตนเอง เช่น มะเดหวีซึ่งเป็นแม่ของบุษบาโกรธเคือง
อิเหนาที่มาดูหมิ่นเกียรติของพระองค์ เพราะอิเหนาเข้าไปกอดบุษบาถึงในวิหารทั้งที่นางอยู่
กบั พระมารดา อเิ หนาทำอะไรตามใจตนเองไม่นกึ กลัวเกรงสิง่ ใด

๏ เม่อื นนั้ มะเดหวเี คืองขัดอชั ฌาสัย
จึงว่าแก่ระเด่นมนตรไี ป เป็นไฉนมาทำอหังการ์
ลบหลดู่ หู มน่ิ เป็นพน้ นกั องอาจราชศักดเ์ิ ปน็ หนักหนา
แต่เราเป็นผู้ใหญ่กำกบั มา ยงั วา่ ทำได้ถึงเพียงนี้
ฮึกฮกั หักหาญไม่คดิ กลัว ถือตัวว่ามศี ักด์ศิ รี
จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี เหน็ ดแี ล้วหรอื ประการใด ฯ

(๔) เป็นคนมีสัจจะ จริงใจ เช่น อิเหนาได้หลงรักบุษบาและได้ให้คำม่ัน
สัญญากับมะเดหวีซึ่งเป็นแม่ของบุษบาว่าจะซื่อสัตย์ต่อบุษบา มะเดหวีได้ยินดังนั้นก็จำยอม
ส่วนอิเหนาเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยินดี แล้วจึงทูลกับมะเดหวีผู้เป็นแม่ของบุษบาว่าตนขอ
แลกเปลี่ยนเครื่องประดับของตนกับบุษบาไว้เพื่อดูต่างหน้าและแสดงถึงความจริงใจของ
อเิ หนาทมี่ ีตอ่ บุษบา

๏ เมอ่ื นน้ั ระเด่นมนตรเี กษมศรี
ดังได้ผ่านฟ้าดษุ ฎี จงึ ทลู พระชนนีไปทนั ใด
พระองค์ไดร้ ับวาจา จะวางนางบุษบาไปให้
จะขอเปลย่ี นอาภรณบ์ ังอรไว้ จะได้ชมพลางต่างกัลยา
ว่าแลว้ จงึ เปลื้องเคร่ืองทรง ยน่ื ใหแ้ ก่องค์ขนษิ ฐา
บษุ บาเบอื นเสียไม่นาํ พา ยดุ พระมารดาไว้มนั่ คง ฯ

อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น ๒๔

๒.๒) บุษบา ราชธิดาของท้าวดาหากับมะเดหวี มีอนุชาชื่อ สียะตรา บุษบา
เปน็ คนสวย แสนงอน มีจริตกิริยา มลี กั ษณะนิสัย ดงั นี้

(๑) เป็นคนขีอ้ าย ไม่กล้าแสดงออก เช่น ตอนทม่ี ะเดหวีให้บุษบาเสี่ยงเทียน
ดูวา่ ดวงชะตาของนางจะค่กู ับอิเหนาหรือจรกา โดยวิธเี ส่ยี งทายนน้ั ใช้เทยี นสามเล่ม เล่มหนึ่ง
เป็นบุษบาปักตรงหนา้ นางบุษบา อีกเล่มเป็นอิเหนาปักทางขวา และเทียนอีกเล่มปักทางซ้าย
เป็นจรกา แล้วบุษบากล่าวอธิษฐานว่า “แม้นจะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา
แม้นจะได้ข้างระตูจรกาให้เทียนพี่ยานั้นดับไป”บุษบาแม้จะอายใจเต็มทีก็จำต้องทำตาม
มะเดหวี

๏ แลว้ มีเสาวนียอ์ นั สุนทร ตรัสสอนพระบุตรโี ฉมฉาย

เจ้าอยา่ ขวยเขินสะเทินอาย จงเสยี่ งทายอธษิ ฐานด้วยวาจา

แมน้ เจา้ จะได้ข้างไหนแน่ ใหป้ ระจักษท์ ักแทจ้ งหนักหนา

แม้นจะไดข้ า้ งระตจู รกา ให้เทยี นพีย่ านน้ั ดับไป

แมน้ จะได้ขา้ งอเิ หนากเุ รปัน ให้รัศมีเพลิงนัน้ แจ่มใส

ใหเ้ ทียนจรกาดบั ทนั ใด ขอให้เห็นประจักษบ์ ัดน้ี ฯ

(๒) เป็นคนขี้กลัว หวาดระแวง เช่น ตอนที่บุษบาโดนอิเหนากอดแล้วส่ง
เสยี งรอ้ งเสยี งดงั ก้องวหิ าร

๏ พระจงึ ย่องมานั่งลงข้างขา้ ง กลัวจะผดิ ตวั นางยงั สงสัย
ตอ่ ได้ยนิ สุรเสยี งทรามวยั พระลบู ไล้ประคองต้องกาย ฯ
บุษบาอกส่ันขวัญหาย
๏ เม่อื นั้น มือชายมาถูกลูกนี้
กอดชนนไี ว้ไม่เคลื่อนคลาย หวาดหวีดกรดี รอ้ งองึ ม่ี
นางสะบ้งิ สะบัดปดั ป้อง พระชนนีจงชว่ ยลกู ดว้ ยรา ฯ
มืดมนเปน็ พ้นพนั ทวี

๒๕ อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทยี น

๗.๒ คุณคา่ ด้านกลวธิ กี ารแต่ง

วรรณศิลปท์ ่ปี รากฏในบทละคร เร่ือง อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทียน เป็นส่วนสำคัญ
ที่ช่วยส่งเสริมเนื้อหาให้มีความน่าสนใจ ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยบทละครเรื่องอิเหนาตอนนี้มีการใช้สำนวน
โวหารและกวีโวหารที่งดงามและถ่ายทอด เนื้อความได้อย่างลึกซึ้งกินใจ ทำให้เกิดความรู้สึก
สะเทอื นอารมณ์ และยังมีการใชก้ ลวิธกี ารแต่ง อกี หลายลกั ษณะ ดงั น้ี

๑) จินตภาพ กวีใช้คำบรรยายได้ชัดเจนทำให้ผู้อ่านสามารถนึกภาพตามและได้รับ
อรรถรสในการอ่านมากขึน้ เช่น ตอนที่เสนาอำมาตย์ของอิเหนากำลังเล่นกันอย่างสนกุ สนาน
หน้าวิหารลานวัด จะเห็นลีลาการละเล่นที่คล่องแคล่ว ว่องไว สันทัด โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้
คำที่มีความหมายแสดงอาการละเล่นที่สนุกสนาน คล่องแคล่ว อย่างเช่น สันทัด เข่าเดาะ
น่าดูคะนอง สรวลเส เฮฮา เป็นตน้

๏ บัดน้ัน เสนากิดาหยันนอ้ ยใหญ่
บรรดาท่ีตามเสดจ็ ไป อย่ใู นหน้าวิหารลานวดั
บ้างตงั้ วงลงเตะตะกรอ้ เลน่ เพลาเยน็ แดดร่มลมสงดั
ปะเตะโต้คกู่ นั สันทัด บ้างถนดั เข่าเดาะเป็นน่าดู
ท่หี นมุ่ หน่มุ คะนองเล่นจ้องเต สรวลเสเฮฮาขึน้ ข่ีคู่
บา้ งรําอย่างชวามลายู เปน็ เหล่าเหลา่ เลน่ อยบู่ นคิรี ฯ

๒) ภาพพจน์ ภาพพจน์ที่กวีนำมาใช้มีหลายลักษณะ และล้วนทำให้บทละครเรื่อง
อเิ หนาตอนน้ีมคี วามไพเราะสละสลวยและสามารถถ่ายทอดอารมณ์ไดอ้ ยา่ งลึกซ้งึ กินใจ ดังน้ี

๒.๑) รสทางวรรณคดีสันสกฤต ในบทละครเรื่องอิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย มปี รากฏให้เหน็ บางรส ดังนี้

อิเหนา ตอน บุษบาเสยี่ งเทยี น ๒๖

๒.๑.๑ ศฤงคารรส (รสแห่งความรัก) เป็นการพรรณนาความรักระหว่าง
หนมุ่ สาวระหวา่ งสามี ภรรยา ระหวา่ งผ้ใู หญ่กบั ผู้น้อย บิดามารดากับบุตร ญาติกับญาติ ฯลฯ
สามารถทำให้ผู้อ่านพอใจรัก เห็นคุณค่าของความรักนึกอยากรักกับเขาบ้าง เช่น รักฉันชู้สาว
รักหมู่รักคณะ รักประเทศชาติ เป็นต้น ในบทละครเรื่องอิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน
เป็นการบรรยายให้เหน็ ถึงความรักของอเิ หนาท่ีมตี ่อนางบษุ บา โดยอิเหนานั้นน่ังเล่นอยู่ศาลา
แลว้ ก็นง่ั คิดถงึ หน้าของบุษบา อเิ หนาอยากจะพบเจอนางเหลอื เกิน ดงั บทประพนั ธ์นี้

๏ เม่ือนน้ั พระสรุ ิย์วงศ์พงศ์อสญั แดหวา
ยบั ยง้ั น่ังเล่นทีศ่ าลา ถวลิ ถึงบษุ บาเทวี
เย็นน้ีจะขึน้ มาบนกหุ นงุ พระหมายม่งุ จะใคร่พบโฉมศรี
ครน้ั จะกลับพลบั พลาก็ไมด่ ี เหมอื นแกลง้ ตามเทวีท้ังไปมา ฯ

๒.๑.๒ ภยานกรส (รสแห่งความกลัว ตื่นเต้นตกใจ) บทบรรยายหรือ
พรรณนาที่ทำให้ผู้อ่านผู้ฟัง ผู้ดู มองเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัยในบาปกรรมทุจริต เกิดความ
สะดุ้ง กลวั โรคภยั สัตวร์ ้าย ภูตผปี ีศาจ บางคร้งั ต้องหยดุ อา่ น รู้สึกขนลกุ ซู่ เปน็ ต้น ในบทละคร
เรื่องอิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น เป็นการบรรยายใหเ้ ห็นถึงบุษบาอกสัน่ ขวัญหายนางกอด
ไว้แน่นไม่ปล่อยแล้วบอกกับแม่ว่ามีมือของผู้ชายมาแตะเนื้อต้องตัวของลูก นางกลัวมากส่ง
เสยี งรอ้ งเสียงดงั ขอความชว่ ยเหลอื ใหแ้ มช่ ่วย ดังบทประพันธน์ ้ี

๏ เม่อื นั้น บุษบาอกสั่นขวัญหาย
กอดชนนีไว้ไม่เคล่ือนคลาย มือชายมาถกู ลูกนี้
นางสะบ้งิ สะบัดปัดป้อง หวาดหวีดกรดี รอ้ งอึงม่ี
มืดมนเปน็ พน้ พันทวี พระชนนีจงชว่ ยลกู ด้วยรา ฯ

๒๗ อเิ หนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทียน

๒.๑.๓ อัพภูตรส (รสแห่งความพิศวงประหลาดใจ) บทบรรยายหรือ

พรรณนาที่ทำให้นึกแปลกใจ เอะใจ อย่างหนัก ตื่นเต้น นึกไม่ถึงว่า เป็นไปได้ เช่นนั้น

หรืออัศจรรยค์ าดไม่ถึงในความสามารถ ในความคมคายของคารม ในอุบายหรือในศิลปวิทยา

คณุ โดยในบทละครเร่อื งอิเหนา ตอน บษุ บาเสีย่ งเทยี น เปน็ การบรรยายให้เหน็ ถึงว่าพ่ีเล้ียงท้ัง

สี่คนของบุษบาได้ยินเสียงของบุษบาร้องขึ้นมาจึงได้ประหลาดใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระธิดา

ของตน ต่างคนจึงได้พากันคลำหาเทียนเพื่อที่จะจุดแล้วส่องหาสาเหตุว่าทำไมบุษบาจึงร้อง

เช่นน้นั ดงั บทประพันธ์นี้

๏ บดั นัน้ จงึ พระพ่ีเลี้ยงทง้ั สี่

ได้ยนิ สรุ เสยี งพระบุตรี สาวศรคี ิดแปลกประหลาดใจ

ต่างคนคลานคลำหาเทียน วนเวียนไปมาไมห่ าได้

พบแต่ข้าวตอกดอกไม้ ซ่าเหงด็ ไดเ้ ทยี นแล้วจุดมา ฯ

๒.๑.๔ รุทรรส (รสแห่งความโกรธเคือง) บทบรรยายหรือพรรณนาที่ทำให้

ผูด้ ผู อู้ ่านขัดใจฉุนเฉยี ว ขดั เคืองบคุ คลบางคนในเรื่อง บางทถี งึ กับขวา้ งหนงั สอื ทงิ้ หรอื ฉีกตอน

นั้นก็มี เป็นต้น ในบทละครเรื่องอิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน เป็นการบรรยายให้เห็นถึง

มะเดหวีซึ่งเป็นแม่ของบุษบาโกรธเคืองอิเหนาที่มาดูหมิ่นเกียรติของพระองค์ เพราะอิเหนา

เขา้ ไปกอดบษุ บาถึงในวหิ ารทัง้ ทนี่ างอยู่กับพระมารดา อิเหนาทำอะไรตามใจตนเองไม่นึกกลัว

เกรงสิง่ ใด ดงั บทประพนั ธ์นี้

๏ เมอื่ น้นั มะเดหวีเคืองขัดอชั ฌาสัย

จงึ วา่ แกร่ ะเด่นมนตรีไป เป็นไฉนมาทำอหังการ์

ลบหลดู่ หู มิ่นเป็นพ้นนกั องอาจราชศักดเ์ิ ป็นหนักหนา

แตเ่ ราเปน็ ผู้ใหญก่ ำกบั มา ยังว่าทำได้ถงึ เพียงนี้

ฮึกฮกั หักหาญไม่คิดกลัว ถือตัววา่ มีศักดิ์ศรี

จะเกรงใจใครบ้างก็ไม่มี เหน็ ดแี ล้วหรือประการใด ฯ

อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ยี งเทียน ๒๘

๗.๓ คุณค่าดา้ นความรแู้ ละความคดิ

๑) แสดงให้เห็นความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมโบราณ เช่น ความเชื่อเกี่ยวกับการ
อธษิ ฐานขอพร เสีย่ งดวงกบั ส่ิงศักดิส์ ิทธ์ิ ดงั ตอนที่บุษบาเสี่ยงเทียนต่อหน้าพระปฏิมาดูว่าดวง
ชะตาของนางจะคู่กับอิเหนาหรือจรกา โดยวิธีเสี่ยงทายนั้น ใช้เทียนสามเล่ม เล่มหนึ่งเป็น
บุษบาปักตรงหน้านางบุษบา อีกเล่มเป็นอิเหนาปกั ทางขวา และเทียนอีกเล่มปักทางซ้ายเป็น
จรกา แล้วบุษบากล่าวอธิษฐานว่า “แม้นจะได้ข้างไหนแน่ ให้ประจักษ์แท้จงหนักหนา แม้น
จะไดข้ ้างระตจู รกาใหเ้ ทียนพยี่ านั้นดบั ไป”บษุ บาแมจ้ ะอายใจเต็มทีก็จำต้องทำตามมะเดหวี

๏ ครนั้ ถึงจงึ ถวายนมัสการ อธษิ ฐานตามความปรารถนา
แลว้ จึงจดุ เทยี นมทิ ันช้า กัลยาออกนามตามจาํ นง
เล่มหน่งึ เทยี นระเด่นบษุ บา ปักลงตรงหน้านวลหง
เลม่ หนึ่งเทียนอิเหนาสุรยิ ว์ งศ์ ปกั ลงเบื้องขวาเทวี
เลม่ หนงึ่ เทยี นท้าวจรกา อยูเ่ บือ้ งซา้ ยบุษบามารศรี
เทยี นทองท้งั สามเล่มน้ี ขอจงเปน็ ท่เี สย่ี งทาย ฯ

๒) แสดงให้เห็นถึงการรักษาคำมั่นสัญญา ดังตอนที่อิเหนาได้หลงรักบุษบาและได้ให้
คำมั่นสัญญากบั มะเดหวีซ่ึงเป็นแม่ของบุษบาว่าจะซื่อสัตย์ต่อบษุ บา มะเดหวีได้ยนิ ดงั นั้นกจ็ ำ
ยอม ส่วนอิเหนาเมื่อได้ยินดังนั้นก็ยินดี แล้วจึงทูลกับมะเดหวีผู้เป็นแม่ของบุษบาว่าตนขอ
แลกเปลี่ยนเครื่องประดับของตนกับบุษบาไว้เพื่อดูต่างหน้าและแสดงถึง ความจริงใจของ
อเิ หนาทีม่ ีต่อบษุ บา

๏ เมอื่ น้ัน ระเด่นมนตรเี ฉิดฉนั
คิดเอ็นดูบุษบาลาวณั ย์ จงึ คาดค้ันเอาคําพระมารดร
จงให้สัตยป์ ฏญิ าณแกล่ กู รัก จาํ เพาะพักตรพ์ ระปฏมิ าก่อน
แมน้ รับจะให้ไดบ้ งั อร จะวางกรอรไทใหไ้ คลคลา ฯ

๒๙ อเิ หนา ตอน บุษบาเส่ียงเทยี น

๓) แสดงให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องประเพณีการแต่งงานที่เกี่ยวเนื่องกับพรหมลิขิต
ดังตอนท่ีมะเดหวีซึ่งเป็นแม่ของบุษบาตอบคำถามของอิเหนาที่บอกว่าตนนั้นเป็นคู่ตุนาหงัน
ของบุษบาเพราะร่วมวงศ์ตระกูลอสัญแดหวาตามประเพณีที่มีมาแต่โบราณ จะให้บุษบาไป
เปน็ ค่ตู ุนาหงนั กบั คนอืน่ คงผดิ จารีตประเพณเี ปน็ แน่

๏ เม่อื นัน้ โฉมยงองค์มะเดหวี
จงึ ตอบคําระเด่นมนตรี เจ้าว่าได้ดว้ ยมีศักดา
แต่เยาว์มาน้นั ได้ตุนาหงัน เพราะรว่ มวงศพ์ งศพ์ ันธุ์อสัญหยา
จึงทำตามจารีตบุราณมา หวังมใิ หว้ งศาอืน่ ปน
คร้ันจำเริญวัยขึน้ ท้ังสอง ทา้ วปองจะปลูกให้เป็นผล
นัดจะแตง่ วิวาหม์ งคล กศุ ลไมเ่ คยคู่กับนดั ดา
เจา้ ตดั มาว่าไมเ่ ลี้ยงเทวี ให้มีค่เู ถิดตามปรารถนา
การจงึ ขาดกันแต่นนั้ มา ทรงธรรมก์ ็ไม่ว่าประการใด
ครนั้ ข้างจรกามากลา่ ว สมพระทยั ท้าวจงึ ยกให้
เจ้ามาทำหยาบหยามเอาตามใจ แกล้งจะให้ได้ความอัประมาณ ฯ

คุณค่าเนื้อหา ด้านกลวิธีการแต่ง และด้านความรู้และความคิดที่กล่าวมาเป็น

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้บทละคร เรื่อง อิเหนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทียน ถูกจัดให้เป็น

วรรณคดมี รดกท่คี วรค่าแก่การศึกษาและเรียนรู้เพื่อเปน็ แบบอย่างในการประพันธ์บทร้อย

กรอง เนื่องด้วยสำนวนกลอนมีความไพเราะและเหมาะที่จะนำาไปเล่นละคร แม้จะมีเค้า

เรื่องมาจากนิทานพืน้ เมืองชวา แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงดดั แปลง

แก้ไขให้เข้ากับธรรมเนียมและรสนิยมของคนไทยได้โดยไม่ขัดกับเนื้อเรื่องเดิม นอกจากน้ี

ผู้อ่านยังอาจแสวงหาความรู้เกี่ยวกับ ประเพณีไทยได้ ด้วยเหตุนี้บทละครเรื่องอิเหนาจึง

เป็นวรรณคดีท่คี วรคา่ แก่การอ่านเป็นอยา่ งย่ิง

อิเหนา ตอน บุษบาเสย่ี งเทียน ๓๐

คำถาม ประจำหนว่ ยการเรยี นรู้

๑. สาเหตสุ ำคัญทที่ ำให้นางบุษบาต้องไปเส่ยี งเทยี นคืออะไร
๒. ถ้านักเรียนเปน็ นางบษุ บา นกั เรยี นจะเลอื กอิเหนาเป็นคู่ครองหรือไม่ เพราะเหตุใด
๓. นกั เรยี นคิดวา่ “การเส่ียงเทยี น” ของนางบุษบาน้นั ส่งผลดหี รอื ผลเสยี ต่อนางบษุ บา
อย่างไร จงอธบิ าย

กิจกรรม สรา้ งสรรคพ์ ัฒนาการเรียนรู้

๑. แบง่ กลุ่มถอดคำประพนั ธแ์ ละอธบิ ายความ

ครน้ั ถงึ จึงถวายนมสั การ อธษิ ฐานตามความปรารถนา

แล้วจึงจดุ เทียนมิทนั ช้า กัลยาออกนามตามจำนง

เล่มหนึ่งเทียนระเดน่ บุษบา ปกั ลงตรงหนา้ นวลหง

เลม่ หนง่ึ เทียนอิเหนาสรุ ิย์วงศ์ ปักลงเบือ้ งขวาเทวี

เลม่ หนง่ึ เทยี นท้าวจรกา อยูเ่ บอ้ื งซ้ายบษุ บามารศรี

เทียนทองทง้ั สามเล่มน้ี ขอจงเปน็ ทีเ่ ส่ยี งทาย ฯ

๒. ใหน้ กั เรียนฝึกอา่ นบทร้อยกรองจากเรื่อง อเิ หนา ตอนบุษบาเสย่ี งเทยี น แลว้ ออกมาอ่าน

หน้าหอ้ งให้เพื่อน ๆ ฟงั

๓. แบ่งกลุ่มแลว้ พจิ ารณาคณุ คา่ ในเรือ่ ง อเิ หนา ตอนบษุ บาเส่ยี งเทยี น พร้อมอภปิ รายดังน้ี

๑. คณุ คา่ ดา้ นภาษา

๒. คณุ คา่ ด้านความรู้

๓. ข้อคิดท่ีได้รับจากเรื่อง

๓๑ อเิ หนา ตอน บุษบาเสี่ยงเทยี น

บทเสริม บทอาขยาน

อเิ หนา ตอน บษุ บาเสย่ี งเทยี น

คร้ันถึงจึงถวายนมัสการ อธิษฐานตามความปรารถนา
แลว้ จงึ จดุ เทยี นมิทนั ชา้ กัลยาออกนามตามจาํ นง
เล่มหนง่ึ เทยี นระเด่นบุษบา ปักลงตรงหน้านวลหง
เล่มหนึง่ เทยี นอเิ หนาสุริย์วงศ์ ปักลงเบอื้ งขวาเทวี
เล่มหน่งึ เทยี นทา้ วจรกา อยเู่ บ้อื งซ้ายบุษบามารศรี
เทียนทองทงั้ สามเล่มนี้ ขอจงเป็นที่เสย่ี งทาย ฯ
แล้วมีเสาวนียอ์ นั สนุ ทร ตรสั สอนพระบุตรีโฉมฉาย
เจ้าอย่าขวยเขนิ สะเทนิ อาย จงเสย่ี งทายอธษิ ฐานดว้ ยวาจา
แม้นเจ้าจะไดข้ ้างไหนแน่ ใหป้ ระจักษท์ กั แทจ้ งหนักหนา
แม้นจะได้ขา้ งระตูจรกา ให้เทียนพยี่ าน้นั ดบั ไป
แม้นจะไดข้ า้ งอิเหนากุเรปัน ใหร้ ัศมเี พลงิ น้นั แจ่มใส
ใหเ้ ทยี นจรกาดับทนั ใด ขอใหเ้ หน็ ประจักษบ์ ัดน้ี ฯ

อิเหนา ตอน บุษบาเสยี่ งเทยี น ๓๒

บรรณานุกรม

โครงการวชิรญาณ. (๒๕๖๔). บทละคร เรื่อง อิเหนา พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระ
พุทธเลศิ หล้านภาลัย. ฉบับอเิ ลก็ ทรอนิกส์ท่ี ๑, เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๘.

บา้ นสุคนธเ์ ทียนล้านนา. ความรู้เรอ่ื งเทียน. [ออนไลน์].
เข้าถงึ ไดจ้ าก : http://www.candle-sukhon.com/article/
(สืบค้นวนั ท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔).

เพลนิ พศิ สุพพัตกุล. เอกสารประกอบการเรยี นเรื่องอเิ หนา. [ออนไลน]์ .
เขา้ ถงึ ได้จาก : http://www.sahavicha.com/?name=media&file.
(สืบค้นวันท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔).

ภาสกร เกดิ ออ่ น และคณะ. (๒๕๕๙). ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๔
ช้นั มัธยมศกึ ปีท่ี ๔. พิมพ์ครงั้ ที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น์.

เรณุกา เรอื งฤทธ์ิ. อเิ หนา ตอนบุษบาเส่ียงเทยี น. [ออนไลน์].
เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://sites.google.com/site/thaissru050/home.
(สืบค้นวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔).

วิศลั ยศ์ ยา รุดดษิ ฐ์ และคณะ. (๒๕๖๐). วรรณคดแี ละวรรณกรรม ช้ันมัธยมศึกปีท่ี ๔.
พมิ พค์ รัง้ ที่ ๒. กรงุ เทพมหานคร : สถาบนั พัฒนาคณุ ภาพวิชาการ.

สยามเมโลด.้ี อเิ หนา ตอน ไหวพ้ ระ (บุษบาเสยี่ งเทียน). [ออนไลน]์ .
เข้าถงึ ได้จาก : http://www.siammelodies.com/music.html?page=shop.
(สบื ค้นวันท่ี ๓๐ ตลุ าคม ๒๕๖๔).

อักษรศาสตรด์ ีเดน่ . (๒๕๔๐). พระราชประวัติรัชกาลท่ี 2. [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก :
https://www.arts.chula.ac.th/AlumWeb/100years/Personnel.
(สบื คน้ วันท่ี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๔).

๓๓ อเิ หนา ตอน บุษบาเสีย่ งเทยี น




Click to View FlipBook Version