The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by blew.bengpr, 2024-06-30 01:45:04

แผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

แผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

1


ก คำนำ ในปัจจุบัน เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็น อย่างมาก โรงเรียนจึงได้ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลในด้านนี้อย่างจริงจังและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร เพื่อใช้เป็นทิศทางในการบริหารงานในช่วงเวลา 3 ปี ทั้งนี้เพื่อให้มีการประยุกต์ใช้ ICT ในการจัดการ เรียนรู้และเสริมสร้างทักษะชีวิตให้ผู้เรียนอย่างมีคุณภาพ แผนดังกล่าวประกอบด้วย ภาพรวมของโรงเรียน สถานภาพและสภาพแวดล้อม ICT ของโรงเรียน วิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ด้าน ICT รวมถึงแผนงาน กิจกรรม ประมาณการค่าใช้จ่ายล่วงหน้า การบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล โรงเรียนมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพ ทั้งหมดของโรงเรียนผลักดันแผนดังกล่าว ให้มีการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ หวังว่าเอกสารฉบับนี้จะเกิดประโยชน์ต่อโรงเรียนอื่นๆ ในการนำไปปรับประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม เกิดผลดี ต่อการจัดการศึกษาของชาติในอนาคตสืบไป (นายเกรียงศักดิ์ อินทรสมบัติ) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข บทที่ 1 ข้อมูลพื้นฐานโรงเรียน 1. ประวัติโรงเรียน 1 2. ข้อมูลพื้นฐาน 2 3. ภารกิจของสถานศึกษา 4 4. ปรัชญาของโรงเรียน 4 5. วิสัยทัศน์ ๔ 6. พันธกิจ ๕ 7. เป้าประสงค์ ๕ 8. อัตลักษณ์ ๖ 9. เอกลักษณ์ ๖ 10. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน ๖ 11. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษา ๗ 12. การประเมินสถานภาพของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ๘ 13. ขอบเขตแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา 9 14. ข้อมูลพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา 10 15. การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) 11 16. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ด้าน ICT 12 บทที่ 2 แผนและนโยบายที่เกี่ยวข้อง 2.1 แผนยุทธศาสตร์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2563 – 2567 16 2.2 แผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ 18 2.3 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 21 3.4 มาตรฐานการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 24 บทที่ 3 การบริหารงบประมาณ/โครงการ โครงการพัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศและ ICT 26 บทที่ 4 การบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล 4.1 การบริหารจัดการ 29


ค 4.2 การติดตามประเมินผล 29 4.3 ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของการพัฒนาตามแผน 29 บทที่ 5 การนำแผนสู่การปฏิบัติ 31 ภาคผนวก 32


๑ บทที่ ๑ ข้อมูลพื้นฐานโรงเรียน - - - - - - - - - - - - - - - 1. ประวัติโรงเรียน โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2516 โดยเป็นโรงเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านชะวึก ใช้ชื่อว่า “โรงเรียนบ้านเขาวังม่านสาขาโรงเรียนบ้านชะวึก” และโรงเรียนบ้านชะวึกได้ส่งครูมาปฏิบัติหน้าที่จัดการเรียนการ สอนนักเรียนคือ นายพีรศักดิ์ รักษาวงศ์ นับเป็นครูคนแรกและเป็นผู้บุกเบิกโรงเรียนแห่งนี้ ในระยะเริ่มแรก ปี พ.ศ. 2520 ได้ย้ายโรงเรียนมาอยู่ ณ สถานที่ปัจจุบันซึ่งเป็นที่ดินบริจาคโดย นายชื้อ- นางชอบ สุวรรณวงษ์ และนายเย็น ชุ่มชื่น บนเนื้อที่ 9 ไร่ 91 ตารางวา และได้รับอนุญาตให้เปิดเป็นโรงเรียนเอกเทศ ใช้ชื่อว่า “โรงเรียน บ้านเขาวังม่าน อักษรย่อ ป.รย.186 ” โดยมี นายสงเคราะห์ ซื่อประเสริฐ เป็นผู้บริหารโรงเรียนคนแรก ใน ตำแหน่งครูใหญ่โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ปัจจุบันโรงเรียนดำเนินการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาล 1 ถึง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 2. ข้อมูลพื้นฐาน 2.1 ที่ตั้ง โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลนาตาขวัญ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 2.2 จำนวนนักเรียน แยกตามระดับชั้นเรียน ดังนี้ ระดับชั้น จำนวนห้อง เพศ รวม เฉลี่ยต่อห้อง ชาย หญิง อนุบาล 1 1 11 8 19 19 อนุบาล 2 1 7 2 9 9 อนุบาล 3 1 13 8 21 21 ประถมศึกษาปีที่ 1 1 9 5 14 14 ประถมศึกษาปีที่ 2 1 8 8 16 16 ประถมศึกษาปีที่ 3 1 7 7 14 14 ประถมศึกษาปีที่ 4 1 5 8 13 13 ประถมศึกษาปีที่ 5 1 8 7 15 15 ประถมศึกษาปีที่ 6 1 7 8 15 15 รวม 9 75 61 136 15


๒ 2.3 บุคลากร ที่ วิชาเอก-โท ข้าราชการครู และพนักงานราชการ อัตราจ้าง(ครู) รวม ทั้งสิ้น วิชาเอก (จำนวน) วิชาโท (จำนวน) รวม วิชาเอก (จำนวน) วิชาโท (จำนวน) รวม 1 บริหาร 1 - 1 - - - 1 2 ปฐมวัย 2 - 2 - - - 2 3 วิทยาศาสตร์ 3 - 3 - - - 3 4 คณิตศาสตร์ 1 - 1 - - - 1 5 สังคมศึกษาฯ 1 - 1 - - - 1 6 ภาษาไทย 1 - 1 - - - 1 7 8 9 10 ............................ รวมทั้งสิ้น 9 0 9 0 0 0 9 2.4 อาคารเรียนอาคารประกอบ 2.4.1 อาคารเรียน มีทั้งหมด 2 หลัง ดังนี้ 1) อาคารแบบ ป.1 ข. ใต้ถุนสูง ขนาด 4 ห้องเรียน จำนวน 1 หลัง 2) อาคารเรียน สปช. 105/29 2 ชั้น ใต้ถุนโล่ง จำนวน 4 ห้องเรียน ประกอบด้วย ห้องเรียน และห้องคอมพิวเตอร์จำนวน 1 หลัง 2.4.2 อาคารอเนกประสงค์/โรงอาหาร (สร้างเอง) จำนวน 2 หลัง 2.4.3 อาคารคอมพิวเตอร์จำนวน 1 หลัง 2.4.4 ห้องสมุด จำนวน 1 หลัง 2.4.5 บ้านพักครูจำนวน 2 หลัง 2.4.6 ส้วมจำนวน 3 หลัง 2.5 สภาพชุมชนโดยรวม สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นชุมชนชนบท ตั้งอยู่ในเขตตำบลนาตาขวัญ อำเภอ เมืองระยอง จังหวัดระยอง ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้างต่าง ๆ เช่น ทำสวนผลไม้ สวน ยางพารา เลี้ยงสัตว์ และการค้าขายทั่วไป


๓ 2.6 การประกอบอาชีพ (ของผู้ปกครองนักเรียน) ผู้ปกครองนักเรียนร้อยละ 18 ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ ร้อยละ 54 ประกอบอาชีพรับจ้าง และร้อยละ 28 ประกอบอาชีพอื่น ๆ 2.7 การนับถือศาสนา (ของผู้ปกครองนักเรียน) ผู้ปกครองนักเรียนร้อยละ 100 นับถือศาสนาพุทธ 2.8 ฐานะทางเศรษฐกิจ (ของผู้ปกครองนักเรียน) ผู้ปกครองนักเรียนมีรายได้โดยเฉลี่ย 29,000 บาท/ครอบครัวปี 2.9 ความสัมพันธ์กับชุมชน โรงเรียนได้ส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนในการพัฒนาสถานศึกษา โดยขอ ความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองและครูโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ผู้นำชุมชนและ กลุ่มองค์กรต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาโรงเรียน 2.10 แหล่งเรียนรู้ ตารางแสดงแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกโรงเรียน ดังนี้ แหล่งเรียนรู้ภายใน แหล่งเรียนรู้ภายนอก อาคารเรียนต่าง ๆ ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องประชุม ห้องพยาบาล ห้องสหกรณ์โรงเรียน สนามเด็กเล่น สนามกีฬา ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องดนตรีไทย โรงเรียนต่าง ๆ ในเขตตำบลนาตาขวัญ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ วัดเขาวังม่าน วัดชะวึก วัดนาตาขวัญ สถานีตำรวจภูธรสำนักทอง สวนนิมิต


๔ 3. ภารกิจของสถานศึกษา ๑. จัดทำนโยบาย แผนพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนของ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ระยองเขต 1 ตลอดจนความต้องการของชุมชนและท้องถิ่น ๒. จัดตั้งงบประมาณ และรับผิดชอบการใช้จ่ายงบประมาณของสถานศึกษา ๓. พัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และความต้องการของนักเรียน ชุมชน และท้องถิ่น ๔. จัดการเรียนการสอน สภาพแวดล้อม บรรยากาศการเรียนการสอนที่เหมาะสมและส่งเสริม กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา อย่างต่อเนื่อง ๕. ออกระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศและแนวปฏิบัติต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ๖. กำกับ ติดตาม ประเมินผลตามแผนงาน/โครงการ และประเมินผลการปฏิบัติงาน ตลอดจนการพิจารณาความดีความชอบ การพัฒนา และการดำเนินการทางวินัยกับครูและบุคลากรทางการศึกษา ในสถานศึกษาตามกฎหมายกำหนด ๗. ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา รวมทั้งปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาผลประโยชน์จาก ทรัพย์สินของสถานศึกษา ๘. จัดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา และให้ความร่วมมือในการประเมินคุณภาพการศึกษา จากหน่วยงานภายนอกสถานศึกษา รวมทั้งการรายงานผลการประเมินต่อคณะกรรมการสถานศึกษาสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย ๙. ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชน และสร้างความสัมพันธ์กับสถานศึกษาและสถาบันอื่นในชุมชน และ ท้องถิ่น ๑๐. ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวกับกิจการภายในสถานศึกษาหรือตามที่ได้รับมอบหมายและตามที่กฎหมายอื่น กำหนด 4. ปรัชญาของโรงเรียน นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา “แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี” 5. วิสัยทัศน์ “โรงเรียนบ้านเขาวังม่านเป็นโรงเรียนส่งเสริมการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประสานชุมชนร่วมพัฒนา เน้นคุณค่าภูมิปัญญาท้องถิ่นและความเป็นไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมสุขภาพดี มี คุณธรรมจริยธรรม น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”


๕ 6. พันธกิจ โรงเรียนได้จัดทำและมีหลักสูตรของสถานศึกษา ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560 กระทรวงศึกษาธิการ ที่เหมาะสมกับสภาพและความต้องการของผู้เรียน ชุมชน และท้องถิ่น 1. จัดการศึกษาให้กับประชากรวัยเรียนทุกคน ได้รับการพัฒนาให้เป็นบุคคลที่มีคุณธรรม-จริยธรรม นำ ความรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2. พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะการเรียนรู้ตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน โดยชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการสถานศึกษา ตามหลักธรรมาภิบาล 4. จัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสม กับผู้เรียน โดยเน้นทักษะกระบวนการคิดวิเคราะห์ 5. ส่งเสริมพัฒนาให้ผู้เรียนมีคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 6. ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครูให้มีความสามารถจัดการเรียนการสอนให้กับผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพ 7. ส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาให้ผู้เรียนภาคภูมิใจในความเป็นไทย รักชุมชน ตลอดจนรักษ์สิ่งแวดล้อมและนำ ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ในการจัดการเรียนรู้ 8. ส่งเสริมพัฒนาให้ผู้เรียนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี พร้อมทั้งมีพัฒนาการที่เหมาะสมกับวัย 7. เป้าประสงค์ 1. ประชากรวัยเรียนทุกคนทั้งปกติ พิการ และด้อยโอกาส ได้รับโอกาสในการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ตามสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน และทั่วถึง 2. ผู้เรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3. โรงเรียนมีความเข้มแข็งในการบริการ และการจัดการศึกษา 4. ให้นักเรียนเป็นเลิศด้านวิชาการ 5. นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ มีค่าเฉลี่ยสูง 6. นักเรียนทุกคนมีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความภูมิใจในความเป็นไทย รัก ชุมชน รักษ์สิ่งแวดล้อม รักการประกอบอาชีพสุจริต 7. นักเรียนทุกคนมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี


๖ 8. อัตลักษณ์ ซื่อสัตย์ สุจริต 9. เอกลักษณ์ โรงเรียนบ้านเขาวังม่านเป็นโรงเรียนชุมชนสัมพันธ์ 10. สภาพแวดล้อมของโรงเรียน สภาพแวดล้อมภายนอกของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน จาก ๔ ปัจจัย คือ ๑.๑ ปัจจัยด้านสังคมและวัฒนธรรม ผู้ปกครองและชุมชน ให้ความสำคัญต่อการจัดกิจกรรม การศึกษาของโรงเรียน ทำให้การดำเนินงานต่าง ๆ ของสถานศึกษาเป็นไปด้วยความราบรื่น ถือได้ว่าปัจจัยด้าน สังคมและวัฒนธรรมเป็นปัจจัยที่เป็นโอกาสมากกว่าอุปสรรคต่อการดำเนินภารกิจของโรงเรียน กล่าวคือ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้นำชุมชน ผู้ปกครองเห็นความสำคัญของการศึกษา สนับสนุนการจัด กิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียน จึงจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งผู้ปกครองมีการประกอบอาชีพต่าง ๆ อย่าง หลากหลายสามารถใช้เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นให้นักเรียนได้ศึกษาและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ส่วนปัจจัยที่เป็น อุปสรรคในการจัดการศึกษาคือ ที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ในชุมชนหมู่บ้าน มีเขตบริการของโรงเรียน ๑ หมู่บ้าน และ สภาพแวดล้อมทางกายภาพแต่ละหมู่บ้านเป็นชุมชนขนาดเล็ก แนวโน้มของประชากรที่จะต้องได้รับการศึกษาขั้น พื้นฐานในเขตพื้นที่บริการ มีจำนวนลดน้อยลง เนื่องจากอัตราการเกิดของเด็ก ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนิน ภารกิจของโรงเรียน ผู้ปกครองบางส่วนมีอาชีพที่ไม่มั่นคง มีฐานะยากจน อพยพมาจากต่างถิ่น และต้องย้ายที่อยู่ เพื่อประกอบอาชีพบ่อย ๆ ทำให้นักเรียน เรียนไม่ต่อเนื่อง บางส่วนต้องอยู่กับญาติพี่น้อง ส่งผลกระทบต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนโดยรวม ตลอดจนปัญหาด้านสังคมที่ทำให้ นักเรียนอยู่ในภาวะเสี่ยง เช่น ปัญหาการติดเกม ปัญหาครอบครัว เป็นต้น ๑.๒ ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานและการแพร่กระจายของเทคโนโลยีในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ไฟฟ้า เครือข่ายการสื่อสารและอินเทอร์เน็ต ทำให้การเข้าถึงเทคโนโลยีของนักเรียนและ ผู้ปกครองทำได้ง่ายและสะดวก ตลอดจนอุปกรณ์เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทั้งในการบริหารจัดการ การให้บริการและการพัฒนาการศึกษาให้มีการ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น สามารถช่วยลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ประสิทธิภาพในการติดต่อสื่อสาร รวดเร็วขึ้น โดยไม่มีข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา สำหรับด้านการศึกษา สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนักเรียน การให้บริการแก่ผู้ปกครอง ประชาชน ชุมชนและสังคม ให้ เกิดองค์ความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต เป็นปัจจัยที่เป็นโอกาสต่อการดำเนิน ภารกิจของโรงเรียนเป็นอย่างมาก โดยโรงเรียนได้ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีมาพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของ นักเรียนให้เกิดประสิทธิภาพตอบสนองต่อความต้องการของผู้ปกครองชุมชนและสังคม ที่ต้องการให้นักเรียนได้ เรียนรู้และทันต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อโอกาสที่ดีในอนาคต ประกอบกับการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้า มาร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้เกิดการเรียนรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ส่วนปัจจัยที่เป็น อุปสรรค คือ ขาดบุคลากรที่มีความชำนาญในการจัดการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยี ๑.๓ ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ ภาวะทางเศรษฐกิจและฐานะทางเศรษฐกิจ ได้แก่ รายได้ของ ผู้ปกครองและประชากรกลุ่มเป้าหมาย ผู้ปกครองนักเรียนประกอบอาชีพหลากหลาย ได้แก่ เกษตรกรรม ทำไร่ ทำสวน ปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ รับจ้างทั่วไป ค้าขาย แหล่งทรัพยากรทางเศรษฐกิจจึงเอื้ออำนวยต่อการจัด การศึกษาของโรงเรียน เป็นปัจจัยที่เป็นโอกาสในการจัดการศึกษา ประกอบกับนโยบายเรียนฟรี ๑๕ ปี ไม่เสีย


๗ ค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ทำให้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง นักเรียนมีโอกาสมากขึ้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่ มีฐานะทางเศรษฐกิจในระดับยากจนถึงปานกลาง จึงช่วยส่งเสริมและสนับสนุนด้านสื่อ อุปกรณ์ อาคารสถานที่ ที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนและการดำเนินการของโรงเรียนได้ไม่มากนัก ส่วนอุปสรรคในการดำเนินงานคือ งบประมาณที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐในการจัดการศึกษามีจำนวนจำกัดและผู้ปกครองมีฐานะยากจน ๑.๔ ปัจจัยทางด้านการเมืองและกฎหมาย เป็นปัจจัยที่เป็นโอกาสต่อการดำเนินงานของ โรงเรียนเป็นอย่างมาก เพราะพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๔๕ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๓ และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๒ ทำให้ครูมีการพัฒนาตนเองและจัดกิจกรรม การเรียนการสอนที่หลากหลายมากขึ้น นักเรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ตลอดจนการได้รับการ สนับสนุนในด้านต่าง ๆ จากองค์กรส่วนท้องถิ่นและชุมชน อันเนื่องมาจากพระราชบัญญัติการกระจายอำนาจ ส่งผลให้เกิดการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการศึกษามากยิ่งขึ้น ส่วนอุปสรรคในการดำเนินงานตาม ภารกิจ คือ ความไม่ต่อเนื่องของนโยบายจัดการศึกษาเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารจัด การศึกษาและการปฏิรูปการศึกษาที่ยังไม่แล้วเสร็จ ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกตามปัจจัย ๔ ด้าน ดังกล่าวข้างต้น สรุปได้ว่า โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน มีปัจจัยที่เป็นโอกาสมากกว่าปัจจัยที่เป็นอุปสรรค กล่าวคือ มีความพร้อมในการจัด การศึกษา โดยได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากชุมชนและหน่วยงานต้นสังกัด สามารถพัฒนาคุณภาพของ ผู้เรียนให้เกิดผลตามเป้าหมายของโรงเรียน แต่ก็ยังมีอุปสรรคอยู่บ้างคือ การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและ วัฒนธรรม สื่อและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้พฤติกรรมของเยาวชนปรับเปลี่ยนตามไปด้วย 11. การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษา สภาพแวดล้อมภายในสถานศึกษาโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน พิจารณาจากจุดแข็งและจุดอ่อน จาก ๖ ปัจจัย ดังนี้ ๒.๑ ปัจจัยทางด้านโครงสร้างและนโยบาย เป็นจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน กล่าวคือ โรงเรียนบ้าน เขาวังม่าน มีการบริหารงาน กำหนดวิสัยทัศน์ นโยบาย เป้าหมาย และภารกิจที่ชัดเจน ทำให้บุคลากรมีการ ปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ เน้นการทำงานเป็นหมู่คณะ ทุกคนมีส่วนร่วมรับผิดชอบ สร้างขวัญและกำลังใจลด การขัดแย้ง ทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ แต่ยังมีจุดอ่อนอยู่บ้างในเรื่องของการปฏิบัติตามนโยบาย บางส่วน ยังไม่ได้ประสิทธิภาพตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เนื่องจากครูขาดความชำนาญในการสอนวิชาคอมพิวเตอร์ และภาษาอังกฤษ และมีความจำเป็นที่ครูส่วนหนึ่งต้องทำการสอนไม่ตรงกับสาขาวิชาเอก ตลอดจนครูต้องปฏิบัติ หน้าที่อื่นที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนควบคู่ไปด้วย ๒.๒ ปัจจัยด้านผลผลิตและการให้บริการ ถือว่าเป็นจุดแข็ง มากกว่าจุดอ่อน กล่าวคือ คุณภาพ ของนักเรียนซึ่งถือว่าเป็นผลผลิตจากการให้บริการโดยเฉลี่ยมีคุณภาพตามมาตรฐาน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์และ ผลการทดสอบระดับชาติอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ อัตราการสอบเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในระดับที่สูงขึ้น ผู้ปกครองพึงพอใจ รวมไปถึงการให้บริการทางด้านปริมาณ ถือว่า เป็นจุดแข็ง เนื่องจากสามารถให้บริการได้ ครอบคลุมพื้นที่เขตบริการ และประชากรทุกกลุ่มเป้าหมาย จุดอ่อนอยู่ที่จำนวนนักเรียนในเขตพื้นที่บริการมีน้อย เนื่องจากประชากรวัยเรียนลดลง การประกอบอาชีพและการอพยพย้ายถิ่นของผู้ปกครอง เป็นต้น


๘ ๒.๓ ปัจจัยด้านบุคลากร เป็นปัจจัยที่มีจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อนเนื่องจากผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ สามารถบริหารจัดการครูและบุคลากรให้จัดการเรียนการสอนแก่นักเรียนได้อย่างเต็มศักยภาพ ครูและบุคลากร ทางการศึกษามีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านและมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง สามารถจัดกระบวนการ เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งบางส่วนยังเป็นครูในพื้นที่ ทำให้มีความผูกพันและมีความมุ่งมั่น อุทิศเวลาในการ สอนเป็นอย่างดี จุดอ่อน คือ ขาดข้าราชการครูที่ความชำนาญในบางสาขาวิชา และสอนไม่ตรงวิชาเอก ทำให้มี ผลกระทบต่อการจัดเรียนการสอนพอสมควร ๒.๔ ปัจจัยด้านการเงิน เป็นปัจจัยที่มีจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน กล่าวคือ ผู้บริหารโรงเรียนมี ความสามารถในการบริหารงบประมาณและการเงินแบบมุ่งเน้นผลงาน ทำให้เกิดความโปร่งใส คล่องตัว ตรง ตามความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองและครู มีการจัดทำบัญชีการเงินอย่างเป็นระบบ ทำให้สะดวกต่อการ ค้นหาและตรวจสอบได้ มีการระดมทรัพยากรจากทุกฝ่ายเพื่อใช้ในการบริหารจัดการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ๒.๕ ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณ์ มีจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน คือ การสำรวจความต้องการวัสดุ อุปกรณ์อย่างมีระบบส่งผลให้ครูผู้สอนได้รับวัสดุอุปกรณ์ตามที่ต้องการอย่างมีคุณภาพ การจัดสถานที่แหล่งเรียนรู้ ภายในสถานศึกษาที่พร้อมสำหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นอย่างดี ส่วนที่เป็นจุดอ่อนคือ วัสดุ ครุภัณฑ์ บางอย่างชำรุดทรุดโทรม ต้องใช้งบประมาณการซ่อมบำรุง ดูแลรักษาเป็นจำนวนมาก เช่น ระบบเครือข่าย สัญญาณอินเทอร์เน็ตเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องปริ๊นเตอร์ และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้การดำเนินการต่าง ๆ ไม่คล่องตัวเท่าที่ควร ๒.๖ ปัจจัยด้านการบริหารจัดการ มีจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน คือ โรงเรียนมีการมอบอำนาจ และหน้าที่ทำให้ลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน มีการจัดทำคำสั่งโรงเรียนมอบหมายงานที่ชัดเจน มีแผนปฏิบัติการและ โครงการประกอบการบริหารงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้บุคลากรปฏิบัติงานได้ตรงตามเป้าหมาย คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดการศึกษาทุกขั้นตอน ผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน ตามปัจจัยทั้ง ๖ ด้านข้างต้น สรุปได้ว่าโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน มีจุดแข็งมากกว่าจุดอ่อน กล่าวคือ คุณภาพของนักเรียนซึ่งถือว่าเป็นผลผลิตจากการให้บริการโดยเฉลี่ยมีคุณภาพ ตามมาตรฐาน นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์และผลการทดสอบระดับชาติอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ อัตราการสอบเข้าศึกษา ต่อของนักเรียนในระดับที่สูงขึ้น ผู้ปกครองพึงพอใจ มีการบริหารและปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ บุคลากรมี ความสามารถเฉพาะด้าน การบริหารงบประมาณตรงตามความต้องการของการจัดการศึกษา มีความพร้อมในด้าน วัสดุ อุปกรณ์ และสามารถระดมทุนทรัพยากรต่าง ๆ มาสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนได้เป็นอย่างดี แต่มี จุดอ่อนคือ จำนวนประชากรวัยเรียนลดลง ครูสอนไม่ตรงวิชาเอก ทำให้มีผลกระทบต่อการจัดเรียนการสอน พอสมควร 12. การประเมินสถานภาพของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน จากการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ที่ได้นำเสนอไปใน เบื้องต้นแล้วนั้น กล่าวโดยสรุปว่า โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน มีปัจจัยที่เป็นโอกาสจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เอื้อ ต่อการดำเนินภารกิจในการจัดการศึกษาของโรงเรียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรม ต่าง ๆ จากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครอง ชุมชนและองค์กรส่วนท้องถิ่น ปัจจัยที่เป็นอุปสรรค คือ การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมและวัฒนธรรม ประชากรวัยเรียนลดลง ผู้ปกครองมีฐานะยากจน ครอบครัว


๙ หย่าร้าง ส่งผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน และผลการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในมีจุดแข็งมากกว่า จุดอ่อน กล่าวคือ นักเรียนมีคุณภาพตามมาตรฐาน มีการบริหารและปฏิบัติงานอย่างเป็นระบบ ครูและบุคลากร ทางการศึกษามีศักยภาพต่อการจัดการเรียนรู้ แต่มีจุดอ่อนคือ ข้าราชการครูไม่ตรงวิชาเอกและขาดครูที่มีความ ชำนาญในบางสาขาวิชา ดังนั้นสถานภาพของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน จึงอยู่ในลักษณะ “เอื้อและแข็ง” 13. ขอบเขตแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การแบ่งกลุ่มราชการภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ. 2560 แผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม 134 ตอนพิเศษ 295 ง ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ดังนี้ (ก) ศึกษา วิเคราะห์ ดำเนินการ และส่งเสริมการจัดการศึกษาทางไกล (ข) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒาระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา (ค) ดำเนินงานสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา (ง) ดำเนินการวิเคราะห์ และปฏิบัติงานระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร (จ) ส่งเสริม สนับสนุน และดำเนินงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (ฉ) ปฏิบัติงานร่วมกับหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเมื่อวิเคราะห์ ภารกิจงานตามอำนาจหน้าที่กลุ่มส่งเสริมการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสามารถ จำแนกได้ 3 กลุ่มงาน ดังนี้ 1. งานส่งเสริมการจัดการศึกษาทางไกล มีรายละเอียดดังนี้ 1.1 งานการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 1.2 งานส่งเสริมการพัฒนาสื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา (DLIT) 1.3 งานส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ วิจัย พัฒนาสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการ ศึกษา 1.4 งานส่งเสริมการจัดการศูนย์สื่อ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 1.5 งานพัฒนาบุคลากรด้านการจัดทำสื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา 1.6 งานพัฒนาปรับปรุงระบบการจัดการเรียนรู้ ผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ 1.7 งานติดตามประเมินผลการใช้สื่อนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา


๑๐ 2. งานระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มีรายละเอียดดังนี้ 2.1 จัดทำแผนแม่บทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ของหน่วยงาน 2.2 งานศึกษา วิเคราะห์ ออกแบบ วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคม 2.3 งานติดตั้ง ดูแล บำรุงรักษา และพัฒนาเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารโทรคมนาคม 2.4 งานศึกษา วิเคราะห์ และกำหนดรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของระบบคอมพิวเตอร์ 2.5 งานดำเนินการเกี่ยวกับระบบรักษาคุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูล และการโต้ตอบ ข้อมูล ข่าวสารผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์กับผู้ใช้บริการ 2.6 งานพัฒนาบุคลากรทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และ ระบบสื่อสารโทรคมนาคม 2.7 งานให้คำปรึกษา แนะนำแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารโทรคมนาคม 2.8 งานติดตามประเมินผลระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสาร โทรคมนาคม 3. งานข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา มีรายละเอียดดังนี้ 3.1 การประสานงานและสร้างเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ 3.2 การศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และพัฒนาข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา 3.3 การจัดทำข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา 3.4 การติดตามประเมินผลระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารและการจัดการศึกษา 3.5 การพัฒนาปรับปรุง และจัดการเว็บไซต์สำนักงาน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลสารสนเทศ 3.6 การพัฒนา ปรับปรุงและประยุกต์ใช้ ICT เข้ากับกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับระบบ ข้อมูลสารสนเทศของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน 3.7 การพัฒนาปรับปรุงและประยุกต์ใช้โปรแกรมประยุกต์ (Application Software)เข้ากับ กระบวนการทำงานของหน่วยงานเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและการให้บริการ 14. ข้อมูลพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา 14.1 ด้านอินเทอร์เน็ต โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 มีอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงใช้งาน โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน


๑๑ 14.2 ด้านการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) โรงเรียนบ้านเขาวังม่านมีอุปกรณ์ DLTV และสามารถใช้งานได้ครบทุกห้อง จำนวน 6 ห้อง โรงเรียนบ้านเขาวังม่านมีใช้อุปกรณ์ DLTV ในการจัดการจัดการเรียนการสอนในบางชั้นเรียนเพราะ โรงเรียนมีคุณครูครบชั้น 14.3 ดานอุปกรณเทคโนโลยี โรงเรียนบ้านเขาวังม่านมีอุปกรณ์ครุภัณฑคอมพิวเตอร และอุปกรณที่เกี่ยวของกับเทคโนโลยี ดิจิทัล ดังนี้ 1.1 คอมพิวเตอร์ (PC+ All in One) จำนวน 43 เครื่อง 1.2 Notebook จํานวน 4 เครื่อง 1.3 เครื่องพิมพ์ (รวมทุกประเภท) จำนวน 9 เครื่อง 1.4 เครื่องสำรองไฟ (UPS) จำนวน 18 เครื่อง 1.6 เครื่องถ่ายเอกสาร จำนวน 1 เครื่อง 1.7 กล้องวงจรปิด จำนวน 8 จุด 14.4 ด้านอาคารสถานที่ โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน มีการจัดห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์สำหรับการเรียนและการฝึกอบรม และมีการจัดทำห้องควบคุมและปฏิบัติการเครือข่ายเป็นการเฉพาะโดยแยกออกเป็น • ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์สำหรับการเรียนการสอน จำนวน 2 ห้อง 14.5 ด้านบุคลากร บุคลากรด้าน ICT ของโรงเรียน • ครูผู้สอนคอมพิวเตอร์จำนวน 2 คน • ครูส่วนใหญ่ร้อยละ 80 สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์เบื้องต้นและใช้โปรแกรมชุดสำนักงานได้ และร้อยละ 100 ใช้อินเทอร์เน็ตอย่างสม่ำเสมอ 14.6 การใช้ประโยชน์จาก ICT ของผู้บริหาร ครู และนักเรียน การนำเอา ICT เข้ามาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างจริงจัง ยังมีน้อย แต่การใช้ประโยชน จากเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การสืบค้นข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การรับ-ส่งจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์ นักเรียนมีการใช้ประโยชน์จาก ICT ค่อนข้างมาก ทั้งเพื่อการสืบค้นข้อมูลในการเรียน ทำ โครงงานด้านวิทยาศาสตร์ ทำรายงานและศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับบทเรียน การสื่อสารผ่านอีเมล์ กระดาน ข่าว การรับ-ส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ 15. การวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT Analysis) โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ได้ดำเนินการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมและศักยภาพการดำเนินงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อการศึกษา รายละเอียดดังนี้


๑๒ 1. จุดแข็ง (Strength) 1.1 บุคลากรทางการศึกษามีความรู้ และทักษะ ICT เพิ่มมากขึ้น 1.2 ผู้บริหารมีความตระหนักถึงความสำคัญของ ICT 1.3 ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ พัฒนาโครงข่าย สัญญาณความเร็วอินเทอร์เน็ตครอบคลุม 1.4 หน่วยงานทางการศึกษามีการนำเทคโนโลยีมาใช้ขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอน 1.5 การประสานงานระหว่างโรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีการติดต่อสื่อสารผ่าน ระบบฯ และ แอพลิเคชั่นระบบออนไลน์เพิ่มมากขึ้น 2. จุดอ่อน (Weakness) 2.1 หน่วยงานขาดบุคลากรที่มีความสามารถขั้นสูงเพื่อเป็นแกนนำในการขับเคลื่อนภารกิจงาน ด้านเทคโนโลยี 2.2 งบประมาณสนับสนุนด้าน ICT ยังไม่สมดุล และไม่เพียงพอต่อความต้องการ 2.3 โรงเรียนขาดบุคลากรทางการศึกษาที่มีความรู้เฉพาะทางด้านเทคโนโลยี 2.4 บุคลากรขาดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง 3. โอกาส (Opportunity) 3.1 นโยบายจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สนับสนุนให้บุคลากรทางการ ศึกษา เรียนรู้การใช้เทคโนโลยี การสร้าง Content ทางการศึกษา ตลอดจนการประชุมเพิ่มมากขึ้น 3.2 การสนับสนุนงบประมาณค่าเช่าอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงให้แก่สถานศึกษา 3.3 การสนับสนุนอุปกรณ์ และงบประมาณช่อมบำรุงให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 3.4 โรงเรียนได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น 4. อุปสรรค (Threat) 4.1 การจัดสรรงบประมาณล่าช้า ไม่ทันต่อการใช้งาน 4.2 ความเหลื่อมล้ำของครอบครัว ส่งผลให้นักเรียนมีข้อจำกัดในการเข้าถึง ICT ไม่เท่ากัน 4.3 กฎระเบียบภาครัฐเป็นอุปสรรคต่อการจัดซื้อจัดจ้าง อุปกรณ์ด้านเทคโนโลยี 16. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ด้าน ICT 16.1 วิสัยทัศน์ด้าน ICT ของโรงเรียน ภายในปี 2568 โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน เป็นโรงเรียนผู้นำด้านเทคโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและพัฒนาทักษะชีวิตของผู้เรียน มีการบริหารจัดการที่เป็นระบบสามารถพัฒนา องค์กรไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ


๑๓ 16.2 พันธกิจด้าน ICT พัฒนาระบบ ICT ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการจัดการเรียนรู้ และการบริหารจัดการ โดยมุ่งเน้นการ พัฒนาบุคลากร ผลิตจัดหาสื่ออุปกรณ์อีเลคทรอนิกส์และการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบันการศึกษา ชุมชนและ ระดับสากล โดยใช้ศักยภาพทุกด้านของโรงเรียนเป็นฐาน 16.3 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อใช้ ICT ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และทักษะการดำเนินชีวิตของผู้เรียน 2) เพื่อใช้ ICT ในการบริหารจัดการให้เป็นระบบ มีความคล่องตัวและเกิดประโยชน์สูงสุดเอื้อต่อ การพัฒนาองค์กรในภาพรวม 3) เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้าน ICT เป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างในการจัดการ เรียนรู้อย่างมีคุณภาพ 4) เพื่อจัดหาและพัฒนาอุปกรณ์เทคโนโลยีทั้ง Hardware และ Software ที่มีคุณภาพ ทันสมัย ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและการพัฒนาด้านวิชาชีพของบุคลากร 5) เพื่อใช้ ICT เป็นสื่อกลางในการสืบค้นหาความรู้ และสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ร่วมกับหน่วยงาน อื่นๆ 16.4 เป้าหมาย 1) นักเรียนทุกคนมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามมาตรฐานการเรียนรู้ที่กำหนด ไว้ในหลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 2) บุคลากรทุกคนสามารถใช้ ICT ในการสร้างสื่อนวัตกรรมเพื่อพัฒนาการเรียนรู้เพื่อพัฒนางานที่ รับผิดชอบได้อย่างน้อยคนละ 1 ชิ้นงาน ในแต่ละปีการศึกษา 3) หลักสูตรของทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีการบูรณาการภูมิปัญญาและค่านิยมที่พึงประสงค์ที่ เกี่ยวข้องกับ ICT ในสาระและกิจกรรมการเรียนการสอนอย่างชัดเจน 4) ครูผู้สอนทุกคนมีผลงานการพัฒนาการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยใช้ ICT สอดคล้องกับความ สนใจและความสามารถของผู้เรียน ทั้งรายกลุ่มและรายบุคคล 5) มีห้องเรียน e-Classroom สำหรับนักเรียนทุกช่วงชั้นเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้กว้างไกลทันกับ การเปลี่ยนแปลงของวิทยาการและของโลก 6) มีศูนย์ให้บริการด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งทางด้าน Hardware & Software แก่ครู นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน 7) มีการวิจัยและพัฒนาด้าน ICT และนำผลการวิจัยมาพัฒนาการให้บริการให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างน้อยปีละ 1 เรื่อง 8) มีหลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์ที่เจาะลึกและเข้มข้น ตามความต้องการของนักเรียนที่มีความสนใจ และเหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเทคโนโลยี


๑๔ 16.5 ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การใช้ ICT เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน 1) พัฒนาสื่อและอุปกรณ์ด้าน ICT เพื่อส่งเสริมกระบวนการการเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนให้เรียนดีมี สุข 2) ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความรู้ความสามารถด้าน ICT ของผู้เรียนอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม สามารถวัด-ประเมินผลได้จากสภาพจริง 3) มีการบูรณาการภูมิปัญญา วัฒนธรรมพื้นบ้าน หรือคุณธรรมจริยธรรมเกี่ยวกับ ICT ให้ผู้เรียน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาทักษะชีวิต เช่น การใช้ภาษาที่ถูกต้องในการ Chat การเลือกบริโภค ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์บน Web Board ฯลฯ ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การใช้ ICT เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษา 1) ส่งเสริมและพัฒนาระบบบริหารงานโรงเรียนด้วย ICT ให้ตรงกับความต้องการของหน่วยงาน และผู้ใช้งานระบบ 2) พัฒนาระบบบริหารจัดการผ่านเครือข่ายให้เป็นระบบสำนักงานไร้กระดาษ (Paperless Automation Office) 3) พัฒนาระบบเครือข่ายความเร็วสูงทั้งระบบเครือข่ายภายในและการเชื่อมต่อเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น 4) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของครู นักเรียน ด้านการใช้และพัฒนา ICT แก่หน่วยงาน สถาบันและชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ๑) พัฒนาส่งเสริมให้ครูผลิตสื่อ นวัตกรรม มีเทคนิค วิธีการในการใช้ ICT พัฒนาการเรียนรู้ของ นักเรียนอย่างหลากหลาย ดึงดูดความสนใจเพื่อไปสู่การเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ ๒) พัฒนาผู้รับผิดชอบด้าน ICT ให้มีความสามารถในการทำวิจัยเพื่อพัฒนางาน และนำองค์ ความรู้ที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงพัฒนางานด้าน ICT ๓) พัฒนาบุคลากรทุกฝ่าย ให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นกว่าขั้นพื้นฐาน สามารถประยุกต์ใช้ ICT ในการพัฒนางานประจำที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔) ส่งเสริมสนับสนุนครูที่มีความสนใจ ความสามารถด้าน ICT เป็นผู้นำในการใช้ ICT พัฒนาการ เรียนการสอน เผยแพร่ผลงานและพัฒนาผลงานสู่ชุมชน สังคมที่กว้างออกไป รวมทั้งการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกองค์กร ๕) ส่งเสริมให้ผู้รับผิดชอบงาน ICT โดยตรงเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญพิเศษ หรือศึกษาดูงานและหาประสบการณ์เพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้ภายนอก ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT เพื่อการศึกษา 1) ขยายเครือข่ายหลัก (Fiber Optical Backbone) ให้ครอบคลุมพื้นที่ 100%


๑๕ 2) จัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นให้เพียงพอเหมาะสมต่อความ ต้องการของแต่ละกลุ่มสาระ/ฝ่าย/งาน 3) พัฒนาโปรแกรมเพื่อใช้ในงานการเรียนการสอน หรือการบริหารจัดการภายในโรงเรียน เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ 4) จัดตั้งศูนย์ ICT เพื่อเป็นศูนย์รวมสื่อ Software และ Hardware มีการให้บริการแก่ครูเพื่อใช้ ในการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ สะดวกและหลากหลาย รวมทั้งสามารถให้บริการแก่ นักเรียน ผู้ปกครองและผู้สนใจในชุมชนจัดทำห้องเรียน e-Classroom และจุดให้บริการ ค้นคว้าข้อมูล (Box Service Point) ให้แก่นักเรียนทุกชั้น


๑๖ บทที่ 2 แผนและนโยบายที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการเพื่อจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา พ.ศ.2566 - 2568โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ได้ นำแนวคิดจากแผนและนโยบายที่เกี่ยวข้องมาเป็นกรอบในการกำหนด และวางแผน ตามหัวข้อดังต่อไปนี้ 2.1 แผนยุทธศาสตร์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2563 - 2567 2.2 แผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ 2.3 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 – 2579 2.4 มาตรฐานการจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) 2.1 ยุทธศาสตร์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2563 - 2567 ยุทธศาสตร์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2563 - 2567 มีเป้าหมายในการให้บริการ 7 เป้าประสงค์ ดังนี้ 1) ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและบริการที่เท่าเทียมโดยผ่านโครงข่ายที่ทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่เป็นธรรม และจ่ายได้ 2) มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากการนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาใช้ในการทำธุรกิจ 3) ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล 4) ภาครัฐมีการปรับเปลี่ยน กระบวนการทำงาน/บริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัล 5) ประชาชน ภาครัฐ และเอกชน ได้รับบริการข้อมูลข่าวสาร อุตุนิยมวิทยา การแจ้งเตือนภัยจากสภาวะอากาศ และการแจ้งข่าวแผ่นดินไหวได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ทัน เหตุการณ์ และมีมาตรฐาน 6) กำลังคน มีความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ใน การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม และ 7) ทุกภาคส่วนมีความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทั้งนี้ เพื่อ ขับเคลื่อนการพัฒนาจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ โดยกำหนดมาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1) จัดให้มีบริการด้านโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีคุณภาพครอบคลุมถึงระดับหมู่บ้านทั่วประเทศด้วยราคาที่ เหมาะสม เป็นธรรม และจ่ายได้ 2) สนับสนุนการบริหารจัดการการใช้บริการทรัพยากรโครงสร้งพื้นฐานดิจิทัล อย่างมีประสิทธิภาพ 3) กำหนดแนวทางการใช้โครงข่ายเชื่อมโยงแบบเปิด(open access) ให้เป็นโครงข่ายเดียว สามารถให้บริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง และส่งเสริมการแข่งขันในตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ในส่วน บริการปลายทาง และส่งเสริมการใช้โครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อให้เกิดการขยายต่อในการลงทุน 4) ปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถของโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมหลัก (Core Network) ให้มีประสิทธิภาพ เพียงพอ พร้อมรองรับกับอัตราการใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้นของบริการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง (Broadband Access) ทั่วทั้งประเทศ 5) ส่งเสริมการลงทุนและการใช้ประโยชน์โครงข่ายการเชื่อมต่อระหว่างประเทศเพื่อให้ไทยเป็น Digital Hub ของอาเซียนตอนบน6) พัฒนาและส่งเสริมกรลงทุนและการใช้ประโยชน์ I0T และ AI 7 พัฒนา โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลรองรับ Smart City (เช่น Smart Pole, City Data Platform เป็นต้น) 8) จัดทำ นโยบายการบริหารกิจการดาวเทียมของประเทศ และ 9) เสนอนโยบาย กฎหมาย กฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการ บริหารจัดการการใช้ทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล อย่างมีประสิทธิภาพ


๑๗ ยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิทัล โดยกำหนดมาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1) ส่งเสริม สนับสนุนให้ภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ SMEsวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากทำ E Commerce อย่างมั่นคงปลอดภัยและมีความเชื่อมั่น 2) ส่งเสริมทุกภาคส่วนให้ เข้าสู่ทคโนโลยีดิจิทัล สนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมภาคการผลิตและบริการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิทัล 3) ส่งเสริมการตลาดและการลงทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัล 4) ส่งเสริมการใช้ทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ในการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมและบริการ ครอบคลุมระบบอัตนมัติและหุ่นยนต์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะและอินเทอร์เน็ตทุกสิ่ง 5) ส่งเสริมและพัฒนาระบบ การขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยกำหนดมาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1) สร้างสภาวะแวดล้อมเพื่อเอื้อต่อการสร้างโอกาสและกระตุ้นการใช้ ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัสสำหรับทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง 2) ส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มใช้สื่อ และเทคโนโลยีดิจิทัลทุกรูปแบบได้อย่างสร้างสรรค์ รู้เท่าทัน และมีความรับผิดชอบ 3) สนับสนุนให้ทุกภาคส่วน ผลิตสื่อดิจิทัลอย่างมีมาตฐาน หรือแปลงข้อมูลองค์ความรู้ด้านต่างๆ ให้อยู่ ในรูปแบบดิจิทัล4) วิจัย พัฒนา และต่อ ยอดนวัตกรรมและเทคนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต และการให้บริการด้านสุขภาพ เช่น แพลตฟอร์ม แพพลิเคชั่น โมเดลการเรียนการสอน เนื้อหา/สื่อการเรียนรู้5) ส่งเสริมการพัฒนาเครือข่ายชุมชนเพื่อ สร้างความตระหนักและเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ 6) ส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนา Smart City ยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมการให้บริการแก่ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในรูปแบบ ดิจิทัล โดยกำหนดมาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1)ส่งเสริมให้มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการให้บริการด้านเทคโนโลยี สารสนเทศยุคใหม่ที่ได้มาตรฐาน 2) พัฒนาบริการอัจฉริยะ (Smart service) และนวัตกรรมเพื่อการบริการ (Service Innovation) ที่อำนวยความสะดวกเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจ 3) ส่งเสริมให้เกิดแพลตฟอร์มกลางสำหรับการให้บริการของภาครัฐ 4) บริหารจัดการข้อมูลสถิติทางการของประเทศ และการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลสถิติทางการเพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้ประโยชน์ร่วมกัน 5) ส่งสริมให้มีการจัดเก็บ ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ พัฒนาฐานข้อมูลและเผยแพร่ข้อมูลใหประชาชนทราบ 6) ส่งเสริมให้เกิดการใช้ ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytic) เพื่อประโยชน์ในการบริหารจัดการของภาครัฐ 7) ส่งสริมการ บริหารจัดการภาครัฐอย่างมีธรรมาภิบาล 8) ส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารจัดการด้านอุตุนิยมวิทยา และการ แจ้งเตือนภัยจากสภาวะอากาศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล 9) ส่งเสริมและเพิ่มขีดความสามารถในการพยากรณ์อากาศ และการแจ้งเตือนภัยจากสภาวะอากาศรุนแรง 10) พัฒนาระบบตรวจสอบให้มีความถูกต้องและควบคุมระบบ สารสนเทศให้เป็นไปตามมาตรฐาน 11) ส่งเสริมและสนับสนุนการให้ความรู้และการสร้งเครือข่ายด้าน อุตุนิยมวิทยา และการแจ้งเตือนภัยจากสภาวะอากาศแก่ประชาชน และ 12) สร้างนวัตกรรมทางดิจิทัลเพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


๑๘ ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุคดิจิทัล โดยกำหนดมาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1 พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่ผู้ที่ทำงานทุกสาขาอาชีพ ทั้งภาครัฐและเอกชน 2) ส่งเสริมการพัฒนา หลักสูตรและการพัฒนาทักษะ ความเชี่ยวชาญเทคโนโลยีดิจิทัล ให้กับกำลังคนด้านดิจิทัลเพื่อรองรับความต้องการ ในอนาคต 3) ส่งเสริมการเข้ามาทำงานของบุคลากรจากต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และ 4) พัฒนา ผู้นำองค์กรในการนำเทคนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการวางแผนและพัฒนาองค์กร ยุทธศาสตร์ที่ 6 สร้างและส่งเสริมความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยกำหนด มาตรการ/กลยุทธ ดังนี้ 1)พัฒนา ปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการ มาตรฐาน และกลไกที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้ทันสมัย และเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล 2) พัฒนานโยบาย แผน กรอบแนวทางและความ ร่วมมือทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล 3) สร้างและส่งเสริมให้เกิดความ มั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ(Critical Information Infrastructure: CI) 4) พัฒนาผู้นำองค์กรในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการวางแผนและพัฒนาองค์กรพัฒนา กลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในการทำธุรกรรมออนไลน์5) บริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานในภาวะวิกฤติ รวมทั้ง พัฒนาระบบสื่อสารหลัก และสื่อสารสำรองเพื่อรองรับการทำงานอย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ และ 6) พัฒนา ปรับปรุงระบบ หรือเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพ เพื่อการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทาง คอมพิวเตอร์กล่าวโดยสรุป ยุทธศาสตร์กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2563 - 2567 มีเป้าหมาย เพื่อให้ ประชาชนเข้าถึงข้อมูลและบริการที่เท่าเทียมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล หน่วยงานภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล การพัฒนาคนให้มีความรู้สู่สังคมดิจิทัลและทุกภาคส่วนมีความ เชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการดำเนินงาน 6 ยุทธ์ศาสตร์ ดังนี้ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดิจิทัลของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 2 เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 4 ส่งเสริมการ ให้บริการแก่ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนในรูปแบบดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนากำลังคนให้พร้อมเข้าสู่ยุค ดิจิทัล และ ยุทธศาสตร์ที่ 6 สร้างและส่งเสริมความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 2.2 แผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ วิสัยทัศน์ "พัฒนาสังคมการศึกษาให้มีคุณภาพ อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ยั่งยืน ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ ทันสมัย" โดยมีพันธกิจดังนี้ 1. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทั่วถึง และรองรับผู้รับบริการ ทุกคน เข้าถึงโอกาสในการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างความเสมอภาคด้านการศึกษาทุกกลุ่มเป้าหมาย 2. ยกระดับคุณภาพและประสิทธิภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล ในการจัดและให้บริการการศึกษาทุกระดับ เพื่อสร้งสังคมแห่งการเรียนรู้ ที่ทั่วถึงเท่าเทียมให้สอดคล้อง และรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ใน ศตวรรษที่ 21


๑๙ 3. พัฒนาศักยภาพของการบริหารจัดการให้ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานดิจิทัล 4. ผลิตและพัฒนากำลังคนที่มีคุณภาพ ให้เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะการเรียนรู้การวิจัยนวัตกรรมเทคโนโลยี ดิจิทัล สามารถพัฒนาศักยภาพและเรียนรู้ได้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตสอดคล้องกับนโยบายและ ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษา มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อสร้างและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผ่านระบบ เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพปลอดภัย ครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกช่องทางการเรียนรู้ 2. เพื่อให้ผู้รับบริการ ทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ และทุกระดับเข้าถึงบริการทางการศึกษาอย่าง ทั่วถึง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมตามศักยภาพ 3. เพื่อส่งสริมและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลใน รูปแบบประชารัฐ เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ และนำไปใช้กับหน่วยงานการศึกษาที่สามารถต่อยอด ความรู้ให้กับประชาชนและสังคมได้ 4. เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ให้ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ 5. เพื่อส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายการศึกษาวิจัยทั้งภายในและต่งประเทศให้เกิดการถ่ายทอดองค์ ความรู้ และพัฒนาให้เกิดนวัตกรรม เพื่อสร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และ 6. เพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีศักยภาพ ตามมาตรฐานอาชีพ (Occupation Standard) แผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษา มีเป้าหมายหลัก ดังนี้ 1. ผู้รับบริการทุกกลุ่ม ทุกระดับ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ และการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมี คุณภาพและประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลได้ครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกช่องทางได้ตลอดเวลา 2. มีระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่างถูกต้องและทันสมัย สามารถใช้ในการบริหารจัดการ การศึกษา เพื่อสนับสนุนภารกิจให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3. หน่วยงานและสถานศึกษาทุกแห่งมีความพร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับสนับสนุนการ จัดการเรียนรู้ การบริการและการวิจัย ได้อย่างมีคุณภาพและทันสมัย ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาจึงได้ กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ โดยยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา มีดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานและ สถานศึกษา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อการศึกษา ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร อินเทอร์เน็ต รวมถึงเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนการศึกษาตลอดจนเครื่องมือดิจิทัล การ บริการการศึกษาทางไกล จะต้องมีขนาดเพียงพอ ครอบคุลมทุกพื้นที่ และสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง


๒๐ เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ผู้เรียน ครู บุคลากรทางการศึกษาทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้จากทุกที่ ทุก เวลา อย่างมีคุณภาพและมั่นคงปลอดภัย ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสังคมคุณภาพที่ทั่วถึงเท่าเทียมทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อพัฒนาการศึกษาที่มีคุณภาพและ ครอบครัวทั่วถึงประชาชนทุกช่วงวัยและทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้รับการพัฒนาสมรรถภาพหรือบริการทางการศึกษาที่ เหมาะสม ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถเข้าถึงและน าไปใช้เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตได้โดยง่ายและสะดวก มีความ รู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร และมีทักษะในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นการสร้างสังคมดิจิทัลที่มีคุณภาพ (digital society) มุ่งหวังที่จะลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาของประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาการบริหารจัดการให้ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานดิจิทัล โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลในกระบวนการท างานและการให้บริการภาครัฐเพื่อให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการทำงานและขั้นตอนการ ให้บริการ ที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง รวดเร็วอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการ สร้างบริการของรัฐที่มีธรรมาภิบาล และสามารถให้บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว ผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลอัตโนมัติการเปิดเผยข้อมูล ของภาครัฐที่ไม่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลและความมั่นคงของชาติผ่านการจัดเก็บ รวบรวม และแลกเปลี่ยนอย่างมี มาตรฐาน ให้ความสำคัญกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์และข้อมูลรวมไปถึงการสร้างแพลตฟอร์มการ ให้บริการภาครัฐ เพื่อให้ภาคเอกชนหรือนักพัฒนาสามารถนำข้อมูลและบริการของรัฐไปพัฒนาต่อยอดให้เกิด นวัตกรรมต่อไป ยุทธศาสตร์ที่ 4 ผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลการผลิตและ พัฒนากำลังคนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นกลไกสำคัญยิ่งในการนำประเทศเข้าสู่สังคมโลกที่ทุกประเทศต่าง ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคม ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนจากการเปลี่ยนแปลงด้าน เทคนโลยีดิจิทัลแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้การจัดการศึกษาจำเป็นต้องผลิตและพัฒนากำลังคนด้านเทคโนโลยี ดิจิทัลอย่างเร่งด่วนโดยต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้การปรับหลักสูตรและวิธีการประเมินผลที่ตั้งอยู่บนฐาน ของเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่หลากหลายโดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ ทั้งนี้ เพื่อผลิต และพัฒนากำลังคนให้มีความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่สอดคล้องกับบริบทความต้องการของตลาดงนและการ พัฒนาประเทศ เป้าหมายหลัก เพื่อผลิตกำลังคนให้มีความรู้ความสามารถในการสร้าง สรรค์และใช้เทคนโลยีดิจิทัล อย่างชาญฉลาดในการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิตประจำวันทั้งที่ประกอบอาชีพในสาขาเทคโนโลยีดิจิทัส โดยตรงและทุกสาขาอาชีพให้มีความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญในระดับมาตรฐานสากล การผลิตและ พัฒนาศักยภาพบุคลากรภาครัฐเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงไปสู่รัฐบาลดิจิทัลโดยการพัฒนาและ สร้างการมีส่วนร่วมรวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้บุคลากรในกระทรวงศึกษาธิการมีความพร้อมในการพัฒนา เพื่อ รองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่รัฐบาลดิจิทัล โดยเป้าหมายหลักของกระทรวงศึกษาธิการบุคลากรต้องมีความพร้อมใน การพัฒนาคุณภาพงาน มีความเชี่ยวชาญในงานบริการเชิงดิจิทัลมากขึ้น เพื่อเข้าสู่รัฐบาลดิจิทัสในอนาคตต่อไป


๒๑ ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา การวิจัย และการสร้างนวัตกรรมการศึกษามี ความสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาเป็นตัวจักรสำคัญในการพัฒนาสังคม และ ทรัพยากรบุคคลของประเทศ อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาสภาพการแข่งขันในเวทีโลกของประเทศ อันจะส่งผลดีต่อ การพัฒนาสภาพการแข่งขันในเวโลกของประเทศได้อย่างยั่งยืนในทุกด้านการพัฒนาการศึกษาจ าเป็นต้องพัฒนา องค์ความรู้ คุณธรรมจริยธรรม และทักษะการปฏิบัติเกี่ยวกับการดำรงชีวิต ให้เจริญก้าวหน้าอย่างมีระบบและ ต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการสำคัญของการพัฒนาคุณภาพการศึกษา คือการวิจัยความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสารแบบก้าวกระโดดส่งผลต่อระบบเศษฐกิจและสังคมของประเทศ ภูมิภาค และของโลก การปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจและสังคมให้พร้อมรองรับประเทศไทยยุค 4.0 ที่เน้นการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม รวมทั้ง ส่งผลให้การจัดการศึกษาในปัจจุบันต้องปรับเปลี่ยนจากแผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของ กระทรวงศึกษาธิการ เกี่ยวข้องกับกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา คือ ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาเทคโนโลยี ดิจิทัลเพื่อการศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรมซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อ การศึกษา เพื่อช่วย ส่งเสริมสนับสนุน ยุทธศาสตร์ อื่น ๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ เช่น การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทั้ลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานและสถานศึกษา เป็นต้น กล่าวโดยสรุป แผนพัฒนาดิจิทัล เพื่อการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้รับบริการ สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ มีระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อได้อย่าง ถูกต้องและทันสมัย สามารถใช้ในการบริหารจัดการการศึกษา ตลอดจนหน่วยงานและสถานศึกษาทุกแห่งมีความ พร้อมใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ การบริการและการวิจัย โดยขับเคลื่อนการพัฒนาผ่าน 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประสิทธิภาพสูงให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานและ สถานศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 2 สร้างโอกาส ความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษาด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาการบริหารจัดการให้ก้าวสู่การเป็นหน่วยงานดิจิทัล ยุทธศาสตร์ที่ 4 ผลิตและพัฒนา กำลังคนเพื่อรองรับระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล และ ยุทธศาสตร์ที่ 5 พัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา การวิจัย และการสร้างนวัตกรรม 2.3 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2579 แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 เน้นการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อสร้าง การรับรู้ ความเข้าใจ การยอมรับ และเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการจัดทำแผนฯเพื่อให้สามารถขับเคลื่อนแผน ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ศึกษาสภาวการณ์และบริบทสิ่งแวดล้อมที่มีผลกระทบต่อการพัฒนา การศึกษาของประเทศ ทั้งด้านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลแบบก้าวกระโดที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและ สังคมของประเทศ ภูมิภาค และโลก การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไปสู่สังคมสูงวัย และทักษะของประชากร ในศตวรรษที่ 21 ที่ทั่วโลกต่างต้องเผชิญกับความท้าทายและมุ่งพัฒนาประเทศไปสู่การพั ฒนาเศรษฐกิจและสังคม ยุค 4.0 และนำผลการติดตามประเมินแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 ซึ่งครอบคลุมประเด็นที่ เกี่ยวกับบริบทการจัดการศึกษาโอกาสทางการศึกษา คุณภาพการศึกษาประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอน การ บริหารจัดการสถานศึกษา และการใช้จ่ายงบประมารวมทั้งการพัฒนาการศึกษากับขีดความสามารถในการแข่งขัน


๒๒ ของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาปัญหาและความท้ทายของระบบการศึกษา ทั้งที่เกิดจากปัญหาของระบบ การศึกษา และจากสภาวการณ์ของโลกที่ ประเทศต้องเผชิญ เพื่อนำมากำหนดแนวคิดของการจัดการศึกษา วิสัยทัศน์วัตถุประสงค์ เป้าหมายการพัฒนาการศึกษา บทบาทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยุทธศาสตร์ เป้าหมายตัวชี้วัด และแนวทางการพัฒนา รวมทั้งโครงการเร่งด่วนที่สำคัญ และการขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติสู่การปฏิบัติ แผนการศึกษาแห่งชาติได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการศึกษาภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์หลักที่สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้แผนการศึกษาแห่งชาติบรรลุเป้าหมายตามจุดมุ่งหมาย วิสัยทัศน์ ได้กำหนด ยุทธศาสตรเพื่อดำเนินงาน ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของสังคมและประเทศชาติมีเป้าหมาย ดังนี้ 1) คนทุกช่วงวัยมีความรักในสถาบันหลักของชาติ และยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2) คนทุกช่วงวัยในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ พิเศษได้รับการศึกษาและเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ และ 3) คนทุกช่วงวัยได้รับการศึกษา การดูแลและป้องกันจากภัย คุกคามในชีวิตรูปแบบใหม่ โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความ มั่นคงของสถาบันหลักของชาติ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยกระดับคุณภาพและส่งเสริมโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาในเขตพั ฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่พิเศษ ทั้งที่เป็นพื้นที่สูง พื้นที่ตามแนวตะเข็บชายแดนและพื้นที่เกาะแก่ง ชายฝั่งทะเล ทั้งกลุ่มชนต่างเชื้อ ชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มชนชายขอบและแรงงานต่างด้าว พัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการจัดระบบการ ดูแลและป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบใหม่อาทิ อาชญากรรมและความรุนแรงในรูปแบบต่าง ๆ ยาเสพติด ภัยพิบัติ จากธรรมชาติภัยจากโรคอุบัติใหม่ภัยจากไซเบอร์ เป็นต้น และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการ ยกระดับคุณภาพการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่พิเศษเป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรรม เพื่อสร้างขีดความสามารถในการ แข่งขันของประเทศ มีเป้าหมาย ดังนี้ 1) กำลังคนมีทักษะที่สำคัญจำเป็นและมีสมรรถนะตรงตามความต้องการ ของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ2) สถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่จัดการศึกษา ผลิตบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้านและ 3) การวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้งองค์ความรู้ และ นวัตกรรมที่สร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจโดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ผลิตและพัฒนากำลังคน ให้มีสมรรถนะในสาขาที่ตรงตามความต้องการของตลาดงานและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ส่งเสริมการผลิตและพัฒนากำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นเลิศเฉพาะด้าน ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้ งองค์ความรู้ และนวัตกรรมที่สร้างผลผลิตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการจัดทำแผนผลิตและพัฒนากำลังคนให้ตรงกับความต้องการของตลาดงานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้มีเป้าหมาย ดังนี้ 1) ผู้เรียนมีทักษะและคุณลักษณะพื้นฐานของพลเมืองไทย และทักษะและคุณลักษณะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 2)


๒๓ คนทุกช่วงวัยมีทักษะ ความรู้ความสามารถ และสมรรถนะตามมาตรฐานการศึกษาและมาตรฐานวิชาชีพ และ พัฒนาคุณภาพชีวิตได้ตามศักยภาพ 3) สถานศึกษาทุกระดับการศึกษาสามารถจัดกิจกรรม/กระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสูตรอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน 4) แหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียน นวัตกรรม และสื่อการเรียนรู้มีคุณภาพ และมาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานที่ 5) ระบบและกลไกการวัด การติดตาม และประเมินผลมีประสิทธิภาพ 6) ระบบการผลิตครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้มาตรฐานระดับสากล และ 7) ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ได้รับการพัฒนาสมรรถนะตามมาตรฐาน โดยได้กำหนดแนว ทางการพัฒนา คือ ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สื่อตำราเรียนและสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถนที่ สร้างเสริมและปรับเปลี่ยนค่านิยมของคน ไทยให้มีวินัยจิตสาธารณะและพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์ และพัฒนาระบบและกลไกการติดตาม การวัด และ ประเมินผลผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพ และมีแผนงานและโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น เป็นต้น ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษามีเป้าหมาย ดั่งนี้ 1) ผู้เรียนทุกคนได้รับโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ 2) การเพิ่มโอกาสทาง การศึกษาผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย 3) ระบบข้อมูลรายบุคคลและสารสนเทศ ทางการศึกษาที่ครอบคลุม ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เพื่อการวางแผนการบริหารจัดการศึกษา การติดตาม ประเมิน และ รายงานผล ครอบคลุม ถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน สามารถอ้างอิงได้ เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพพัฒนา ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย พัฒนาฐานข้อมูลด้านการ ศึกษาที่ มีมาตรฐาน เชื่อมโยง และเข้าถึงได้ และมีแผนงานและโครงการสำคัญเช่น โครงการจัดทำฐานข้อมูรายบุคคลทุกช่วงวัย ทั้งด้าน สาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศแรงงาน และการศึกษา เป็นตัน ยุทธศาสตร์ที่ 5 การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีเป้าหมาย ดังนี้ 1) คน ทุกช่วงวัย มีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนำแนวคิดตามหลักปรัชญาชองเศรษฐกิจพอเพียง สู่การปฏิบัติ 2) หลักสูตร แหล่งเรียนรู้ และสื่อการเรียนรู้ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คุณธรรม จริยธรรม และการนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ และ 3) การวิจัยเพื่อพัฒาองค์ ความรู้และนวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ส่งเสริม สนับสนุนการสร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม มีคุณธรรม จริยธรรม และนำแนวคิดตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ แหล่งเรียนรู้ และ แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 สื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ และพัฒนาองค์ความรู้ งานวิจัย และ นวัตกรรมด้านการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการน้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาและเพิ่มศักยภาพคนทุกช่วงวัย โครงการโรงเรียนคุณธรรม โครงการ โรงเรียนสีเขียว เป็นต้น โดยได้กำหนดแนวทางการพัฒนา คือ เพิ่มโอกาสและความเสมอภาคในการเข้าถึง


๒๔ การศึกษาที่มีคุณภาพพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษาสำหรับคนทุกช่วงวัย พัฒนาฐานข้อมูลด้านการ ศึกษาที่ มีมาตรฐาน เชื่อมโยงและเข้าถึงได้ และมีแผนงานและโครงการสำคัญเช่น โครงการจัดทำฐานข้อมูล รายบุคคลทุกช่วงวัย ทั้งด้านสาธารณสุข สังคม ภูมิสารสนเทศแรงงาน และการศึกษา เป็นตัน ยุทธศาสตรีที่ 6 การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา มีเป้าหมายดังนี้1) โครงสร้าง บทบาท และระบบการบริหารจัดการการศึกษามีความคล่องตัวชัดเจน และสามารถตรวจสอบได้ 2) ระบบการบริหารจัด การศึกษามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลส่งผลต่อคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา 3) ทุกภาคส่วนของสังคมมี ส่วนร่วมในการจัดการศึกษาที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนและพื้นที่ 4) กฎหมายและรูปแบบการบริหาร จัดการทรัพยากรทางการศึกษารองรับลักษณะที่แตกต่างกันของผู้เรียน สถานศึกษา และความต้องการกำลัง แรงงานของประเทศ 5) ระบบบริหารงานบุคคลของครูอาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษามีความเป็นธรรม สร้าง ขวัญกำลังใจ และส่งเสริมให้ปฏิบัติงานได้ อย่างเต็มตามศักยภาพ โดยกำหนดแนวทางการพัฒนา คือ ปรับปรุง โครงสร้างการบริหารจัดการศึกษาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการสถานศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุก ภาคส่วนในการจัดการศึกษาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับระบบการเงินเพื่อการศึกษา พัฒนระบบบริหารงานบุคคล ของครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา และมีแผนงานและโครงการสำคัญ เช่น โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โครงการพัฒนาระบบจัดสรรงบประมาณเพื่อการศึกษา และโครงการทดลอง นำร่องระบบการจัดสรรเงินผ่านด้านอุปสงค์และอุปทาน เป็นต้น กล่าวโดยสรุป แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 เน้นการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วน โดยกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อดำเนินงาน ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 การจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคงของ สังคมและประเทศชาติ ยุทธศาสตร์ที่ 2 การผลิตและพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้งขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย และการสร้งสังคมแห่ง การเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมทางการศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 5 การจัดการศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและ ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนา ประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการศึกษา 4. มาตรฐานการการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) เป็นแนวการจัดการศึกษาที่สำคัญแนวทางหนึ่งในการขับเคลื่อน การยกระดับคุณภาพการศึกษาในยุคปัจจุบัน ให้มีประสิทธิภาพ สามารถพัฒนาผู้เรียนได้เต็มตามศักยภาพ เป็นการ จัดการศึกษาที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการเรียนการสอน ซึ่งสามารถทำได้ในทุกห้องเรียน ทุกสถานที่ ทุกเวลา เป็นการแก้ปัญหาการขาดแคลนครู ที่ไม่ตรงสาขาวิชาเอกการขาดแคลนแหล่งเรียนรู้ การขาดแคลนสื่อการเรียน การสอน การแบ่งเบาภาระ การสร้างเครื่องมือการวัดและประเมินผลที่มีคุณภาพ สำหรับให้ครู นักเรียนและ บุคลากรทางการศึกษาได้นำไปใช้ นอกจากนี้ เป็นการส่งเสริมให้มีการสร้างเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่าน แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ บนระบบออนไลน์ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนในภาพรวมของประเทศต่อไปได้


๒๕ มาตรฐานการการจัดการเรียนการสอนโดยใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) มูลนิธิการศึกษา ทางไกลผ่านดาวเทียม ในพระบรมราชปถัมภ์ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งออกเป็น 2 มาตรฐาน ได้แก่ 1) มาตรฐานระดับสถานศึกษา และ 2) มาตรฐานระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ดังภาพ


๒๖ บทที่ 3 การบริหารงบประมาณ/โครงการ การบริหารงบประมาณ/โครงการ ตามแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา พ.ศ.2566 – 2568 ของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 ดังนี้ ชื่อโครงการ พัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศและ ICT สอดคล้องกับ มาตรฐานที่ 1 คุณภาพผู้เรียน มาตรฐานที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ประกันคุณภาพภายใน) รหัสกิจกรรมย่อยที่ 168 วิชาการ จุดเน้นของ สถานศึกษา ข้อที่ 6 นโยบาย สพฐ. ด้านที่ 3 ด้านคุณภาพ ผู้รับผิดชอบ นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ และคณะ ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตลอดปีการศึกษา 2566 1. หลักการและเหตุผล ในปัจจุบันระบบเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่หยุดยั้ง สถานศึกษาได้นำเอาเทคโนโลยี มาใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารองค์กร ด้านวิชาการ หรือการบริหารกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน ล้วนต้องอาศัยพึ่งพาเทคโนโลยีทั้งสิ้น จนถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้เทคโนโลยีมาพัฒนา การศึกษาให้เจริญก้าวทันต่อโลก โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้กระบวนการสืบค้นข้อมูล และการจัดการเรียนการสอนมีความก้าวหน้าทันสมัย แต่ก็ยังมีไม่เพียงพอที่จะสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาระบบการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศของโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพ มีความ ทันสมัยและเพียงพอต่อความต้องการอันจะนำไปสู่กระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณภาพต่อไป 2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพื่อพัฒนาสถานศึกษาให้มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารและการเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพ 2.2 เพื่อส่งเสริมความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับนักเรียน 2.3 เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาการเรียนรู้ ด้วยตัวเอง


๒๗ 3. เป้าหมาย 3.1 ด้านปริมาณ 1. เป้าหมายผู้ร่วมโครงการ จำนวน 140 คน ประกอบด้วย - คณะครูบุคลากรโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน จำนวน 9 คน - นักเรียนโรงเรียนบ้านเขาวังม่านระดับชั้น อ.1 – ป.6 จำนวน 131 คน 2. ระยะเวลา ตลอดปีการศึกษา 2566 3. สถานที่ โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน 3.2 ด้านคุณภาพ 1. คณะครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน สามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสืบค้น ข้อมูลและพัฒนาการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ 2. สถานศึกษามีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารและการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 4. รายละเอียดกิจกรรมและการดำเนินงาน ที่ รายละเอียดการดำเนินงาน และการใช้งบประมาณ งบประมาณ (บาท) ระยะดำเนินการ ผู้รับผิดชอบ 1 พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ - ค่าวัสดุอุปกรณ์ - ค่าปรับปรุงซ่อมแซม 1,770 6,000 ตลอดปีการศึกษา 2566 นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ 2 สรุปและรายงานผล - มีนาคม 2567 นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ รวมงบประมาณทั้งสิ้น 7,770 หมายเหตุ ขอถัวจ่ายทุกรายการตามที่จ่ายจริง 5. งบประมาณที่ใช้ จากงบเงินอุดหนุนและพัฒนาผู้เรียน(เรียนฟรี 15 ปี) เป็นเงิน ..... 7,770.....บาท 6. ผลผลิต (Output) นักเรียนคณะครูและบุคลากรในโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและหา ข้อมูลที่ต้องการได้ 7. ผลลัพธ์ (Outcome) นักเรียนคณะครูและบุคลากรในโรงเรียนใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารและการเรียนการ สอนที่มีประสิทธิภาพสืบค้นข้อมูลและพัฒนาการเรียนรู้ด้วยตัวเอง


๒๘ 8. ตัวชี้วัดความสำเร็จ 8.1 นักเรียนคณะครูและบุคลากรในโรงเรียน ร้อยละ 100 สามารถเข้าถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ 8.2 นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ร้อยละ 85 มีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารและการ เรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ 8.3 นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ร้อยละ 85 มีความรู้และทักษะความสามารถทางด้านเทคโนโลยี สารสนเทศ 8.4 นักเรียนและบุคลากรร้อยละ 85 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสืบค้นข้อมูลและพัฒนาการเรียนรู้ ด้วยตัวเอง ลงชื่อ.............................................ผู้เสนอโครงการ (นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ) ครูคศ.2 โรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ลงชื่อ..............................................ผู้อนุมัติโครงการ (นายเกรียงศักดิ์ อินทรสมบัติ) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน


๒๙ บทที่ 4 การบริหารจัดการและการติดตามประเมินผล 4.1 การบริหารจัดการ เพื่อให้แผนเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา (2566 – 2568) ของโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน บังเกิดผล ทั้งในทางปฏิบัติและผลลัพธ์ การบริหารจัดการจึงต้องดำเนินการดังนี้ 4.1.1 สร้างความเข้าใจแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ (คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน,ผู้ปกครอง นักเรียน, คณะกรรมการที่ปรึกษาการบริหารโรงเรียน, ครู-อาจารย์) เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจยอมรับ สนับสนุน ด้านงบประมาณและนำแผนไปสู่การปฏิบัติ 4.1.2 ให้มีคณะกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาของโรงเรียน เพื่อรับผิดชอบและ ดำเนินการตามแผนเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการศึกษานี้ 4.1.3 ให้คณะกรรมการในข้อ 1.2 รายงานผลการปฏิบัติงาน ปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นต่อฝ่าย บริหารและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานทราบทุก 6 เดือน เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แผนงาน ดำเนินการไปได้ตามวัตถุประสงค์ 4.2 การติดตามประเมินผล 4.2.1 พัฒนาระบบการติดตามประเมินผล ให้ครอบคลุมเป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่กำหนดในแผนให้ บุคลากรในองค์กรมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบ โดย 4.2.2 สร้างตัวชี้วัดเพื่อบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการดำเนินงานตามแผน ครอบคลุมทั้งประสิทธิผลของการ พัฒนาและประสิทธิภาพขององค์กร 4.2.3 จัดระบบฐานข้อมูลตัวชี้วัดความสำเร็จของการพัฒนาในทุกระดับ 4.2.4 ติดตามประเมินผลและรายงานความสำเร็จในการดำเนินการตามแผน ทั้งการประเมินตนเองและ การประเมินจากภายนอกเพื่อการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่อง 4.3 ตัวบ่งชี้ความสำเร็จของการพัฒนาตามแผน ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การใช้ ICT เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน 1) พัฒนาสื่อและอุปกรณ์ด้าน ICT เพื่อส่งเสริมกระบวนการการเรียนรู้พัฒนาผู้เรียนให้เรียนดีมี สุข 2) ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้กำหนดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมความรู้ความสามารถด้าน ICT ของผู้เรียนอย่างชัดเจน เป็นรูปธรรม สามารถวัด-ประเมินผลได้จากสภาพจริง 3) มีการบูรณาการภูมิปัญญา วัฒนธรรมพื้นบ้าน หรือคุณธรรมจริยธรรมเกี่ยวกับ ICT ให้ผู้เรียน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาทักษะชีวิต เช่น การใช้ภาษาที่ถูกต้องในการ Chat การเลือกบริโภค ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ การแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์บน Web Board ฯลฯ ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การใช้ ICT เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการสถานศึกษา


๓๐ 1) ส่งเสริมและพัฒนาระบบบริหารงานโรงเรียนด้วย ICT ให้ตรงกับความต้องการของหน่วยงาน และผู้ใช้งานระบบ 2) พัฒนาระบบบริหารจัดการผ่านเครือข่ายให้เป็นระบบสำนักงานไร้กระดาษ (Paperless Automation Office) 3) พัฒนาระบบเครือข่ายความเร็วสูงทั้งระบบเครือข่ายภายในและการเชื่อมต่อเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น 4) เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลงานของครู นักเรียน ด้านการใช้และพัฒนา ICT แก่หน่วยงาน สถาบันและชุมชน ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาบุคลากรด้าน ICT 1) พัฒนาส่งเสริมให้ครูผลิตสื่อ นวัตกรรม มีเทคนิค วิธีการในการใช้ ICT พัฒนาการเรียนรู้ของ นักเรียนอย่างหลากหลาย ดึงดูดความสนใจเพื่อไปสู่การเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ 2) พัฒนาผู้รับผิดชอบด้าน ICT ให้มีความสามารถในการทำวิจัยเพื่อพัฒนางาน และนำองค์ ความรู้ที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงพัฒนางานด้าน ICT 3) พัฒนาบุคลากรทุกฝ่าย ให้มีความรู้ความสามารถสูงขึ้นกว่าขั้นพื้นฐาน สามารถประยุกต์ใช้ ICT ในการพัฒนางานประจำที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4) ส่งเสริมสนับสนุนครูที่มีความสนใจ ความสามารถด้าน ICT เป็นผู้นำในการใช้ ICT พัฒนาการ เรียนการสอน เผยแพร่ผลงานและพัฒนาผลงานสู่ชุมชน สังคมที่กว้างออกไป รวมทั้งการ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งภายในและภายนอกองค์กร 5) ส่งเสริมให้ผู้รับผิดชอบงาน ICT โดยตรงเข้ารับการอบรมเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญพิเศษ หรือศึกษาดูงานและหาประสบการณ์เพิ่มเติมจากแหล่งการเรียนรู้ภายนอก ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การกระจายโครงสร้างพื้นฐาน ICT เพื่อการศึกษา ๑) ขยายเครือข่ายหลัก (Fiber Optical Backbone) ให้ครอบคลุมพื้นที่ 100% ๒) จัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นให้เพียงพอเหมาะสมต่อความ ต้องการของแต่ละกลุ่มสาระ/ฝ่าย/งาน ๓) พัฒนาโปรแกรมเพื่อใช้ในงานการเรียนการสอน หรือการบริหารจัดการภายในโรงเรียน เพิ่มเติมจากที่มีอยู่ ๔) จัดตั้งศูนย์ ICT เพื่อเป็นศูนย์รวมสื่อ Software และ Hardware มีการให้บริการแก่ครูเพื่อ ใช้ในการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ สะดวกและหลากหลาย รวมทั้งสามารถให้บริการแก่ นักเรียน ผู้ปกครองและผู้สนใจในชุมชนจัดทำห้องเรียน e-Classroom และจุดให้บริการ ค้นคว้าข้อมูล (Box Service Point) ให้แก่นักเรียนทุกช่วงชั้น


๓๑ บทที่ 5 การนำแผนสู่การปฏิบัติ การนำแผนสู่การปฏิบัติ เป็นขั้นตอนการปฏิบัติเป็นขั้นตอนในการดำเนินการสู่ความสำเร็จให้บรรลุ เป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งในการดำเนินการต้องอาศัยรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้ 1. ศึกษาวิเคราะห์แผนพัฒนาการศึกษา จัดทำรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ ให้ชัดเจน 2. ทบทวนกลยุทธ์จุดเน้น ตามโอกาสเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น นโยบายมีการปรับเปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งภายในและภายนอกประเทศ 3. นำแผนพัฒนาการศึกษาไปจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการ โดยกำหนดงาน โครงการกิจกรรม กรอบ ระยะเวลา งบประมาณ เพื่อเป็นทิศทางการดำเนินการตามภารกิจ 4. สร้างความเข้าใจกับบุคลากร เพื่อปรับกระบวนการทำงานให้สามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จ 5. ควบคุม กำกับ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงาน เพื่อให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ 6. การจัดทำรายงานประจำปี เพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชนทราบ แนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของบุคลากร มีรายละเอียดดังนี้ 1. กำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของบุคลากรตามตัวชี้วัดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง 2. ประชุมชี้แจงสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานตามกลยุทธ์จุดเน้นให้ทั่วถึงทั้งองค์กรพร้อมทั้งแต่งตั้ง ผู้รับผิดชอบตามกลยุทธ์ ตัวชี้วัดให้ชัดเจน สามารถเชื่อมโยงตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปี 3. จัดเตรียมข้อมูลติดตาม ตามตัวชี้วัดของกลยุทธ์การปฏิบัติราชการประจำปีและคำรับรองปฏิบัติ ราชการให้พร้อมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบตามตัวชี้วัดสามารถวางแผนปฏิบัติงานของตนเองได้ 4. จัดทำแผนติดตามและปฏิทินกำหนดเวลารายงานให้ชัดเจนและมีการติดตามเป็นระยะ อย่างต่อเนื่อง 5. ผู้รับผิดชอบตัวชี้วัดศึกษาที่เกี่ยวข้องกับภารกิจงาน ตลอดจนแบบฟอร์มที่ใช้ในการรายงานให้ชัดเจน เพื่อวางแผนการดำเนินงานเป็นขั้นตอน สามารถรายงานโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ระดับคุณภาพสูงสุด 6. ผู้รับผิดชอบและผู้กำกับควบคุมกลยุทธ์จุดเน้น วางแผนรวบรวมข้อมูลให้บรรลุเป้าหมายตามตัวชี้วัดไว้ ตลอดแนวและดำเนินการรายงานเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง 7. ผู้รับผิดชอบงานติดตามและประเมินผล เก็บรวบรวมรายงานการดำเนินงานเป็นระยะเป็นการติดตาม ความสำเร็จของงาน/โครงการ/กิจกรรม ที่กำหนดไว้ในแผน รวมทั้งผลการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นรายไตรมาส เพื่อให้สามารถปรับแผนได้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของหน่วยงาน 8. ประชุมปฏิบัติการแก่ผู้เกี่ยวข้องตามกลยุทธ์จุดเน้นและตัวชี้วัด เพื่อสรุปผลการดำเนินงานเป็นภาพรวม ของเขตพื้นที่การศึกษา


๓๒ ภาคผนวก แผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาระยะ 3 ปี (2566-2565)


๓๓ คำสั่งโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ที่ ๕ / ๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา ด้วยโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน ได้กำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางไกล เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา สอดคล้องกับนโยบายและจุดเน้นของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเป็นแนวทาง สำหรับสถานศึกษา ในการวางแผนขับเคลื่อนที่การดำเนินงานในสถานศึกษา ได้อย่างมี่ประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โรงเรียนบ้านเขาวังม่านจึงแต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการศึกษา ดังต่อไปนี้ ๑. คณะกรรมการอำนวยการ ประกอบด้วย ๑.๑ นายเกรียงศักดิ์ อินทรสมบัติ ผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ ๑.๒ นางสาวศศิประภา พลทองมาก ครู กรรมการ ๑.๓ นางสาวไอลดา ขันเงิน ครู กรรมการ ๑.๔ นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ ครูชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่กำหนดนโยบาย อำนวยการ ส่งเสริม สนับสนุน วางแผนดำเนินการ สั่งการ กำกับ ดูแลให้ คำปรึกษา แนะนำ และแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น คณะกรรมการดำเนินงาน ประกอบด้วย ๑.๑ นายเกรียงศักดิ์ อินทรสมบัติ ผู้อำนวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ ๑.๒ นางสาวกาญจนา เขตนิมิต ครู กรรมการ ๑.๓ นางสาวชนิดา ภูมิเขต ครู กรรมการ ๑.๔ นางสาวสุธิชา จวงจันทร์ ครู กรรมการ ๑.๕ นางสาวศศิประภา พลทองมาก ครู กรรมการ ๑.๖ นางสาวปัญจิรา อารีย์รัตนโชติ ครู กรรมการ ๑.๗ นางสาวไอลดา ขันเงิน ครู กรรมการ ๑.๖ นางสาวปทุมมาศ ทองมาก ครูอัตราจ้าง กรรมการ ๑.๗ นายศักดิ์ชัย ไชยสุวรรณ ครูชำนาญการ กรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ ดำเนินงานจัดทำแผนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ให้สอดคล้องกับ กลุ่มสาระการเรียนรู้ การเรียนการสอน ให้มีประสิทธิภาพ ขอให้ครูและบุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้ง ประชุม ปรึกษาหารือ ประสานงาน วางแผนดำเนินงาน ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามระเบียบของทางราชการ หากเกิดปัญหาหรือข้อผิดพลาดประการใดให้แจ้ง คณะกรรมการอำนวยการเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป


๓๔ สั่ง ณ วันที่ ๒๗ เดือน กุมภาพันธ์พ.ศ. ๒๕๖๖ (นายเกรียงศักดิ์ อินทรสมบัติ) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านเขาวังม่าน


๓๕


Click to View FlipBook Version